กลายรักครั้งที่❧4(ครึ่งหลัง)
การให้อาหารได้ผ่านพ้นไปพร้อมกับเรื่องราวมากมายที่ไม่เข้าใจและหวังว่าสักวันนึงจะเข้าใจคำพูดเหล่านั้นได้...เวลาผ่านไปจนถึงมื้ออาหารต่อมาเซโครเข้ามาหาเหมือนปกติ...
“ยูทาร์...วันนี้มีปลาแซลมอนด้วยนะไม่รู้ว่านายจะกินเป็นรึเปล่าแต่ผมชอบมากเลยโดยเฉพาะปลาสดๆแบบนี้แต่ผมก็ไม่แย่งยูทาร์หรอกนะไม่ต้องห่วง”เสียงหวานๆที่ดังขึ้นพร้อมกับช่องให้อาหารที่เปิดออกแล้วมีสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วก็โผล่เข้ามาทั้งตัว...
ถ้าจำไม่ผิดคงเรียกว่า ‘ปลา’
ผมจัดการอ้าปากแล้วกลืนมันลงคออย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเคี้ยวเลยสักนิด
“อร่อยไหม?...อร่อยละสิรู้ไหมว่าแซลมอนน่ะหวานมากๆถ้าทำดีๆจะละลายในปากเลยนะแล้วกินทั้งตัวแบบนั้นก้างจะติดคอไหมนั่น...ฮะฮะฮะ”คำพูดยังคงดังขึ้นพร้อมกับอาหารที่ส่งมาเรื่อยๆโดยใช่เครื่องมือที่เรียกว่า ‘ที่คีบ’ ละมั้ง...หยิบอาหารส่งมาให้
อยากให้เซโครใช้มือหยิบให้เหมือนในตอนแรกแต่ก็คงเป็นไปไม่ได้...อยากจะบอกว่าจะไม่ทำให้เลือดออกแล้ว
อึก!
ความรู้สึกเจ็บแปร๊บแล่นทั่วทั้งร่างจนร่างกายอันใหญ่โตล้มลงกับพื้น ความเจ็บปวดที่เหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆก่อนจะรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองหดลงอย่างช้าๆ ร่างกายอ่อนยวบยาบและสายตามันพล่ามัวจนต้องใช้สองมือบัดป่ายไปทั่วก่อนจะเจอกับเหล็กแข็งๆที่ขวางผมกับเซโครไว้
“ยูทาร์...เป็นยังไงบ้าง?...เจ็บมากไหมยูทาร์?”น้ำเสียงที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเป็นห่วงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปจนสบเข้ากับดวงตาสีสวยตรงหน้า
“...อ่า...”ผมพยายามอ้าปากที่จะเอ่ยอะไรบางอย่างออกไปแต่ก็เรียบเรียงไม่ถูกจนออกมาได้เพียงเสียงครางในลำคอเท่านั้น
“ยูทาร์...นายพูด?...นายกำลังพูดใช่ไหม?...”เสียงของอีกฝ่ายดูจะตื่นตกใจมาก
“อะไร?...นายอยากพูดอะไร?”
“...ซะ....”
พรึ่บ!
เมื่อพยายามอีกครั้งก็เหมือนจะพอควบคุมเสียงตัวเองได้แต่ยังไม่ได้พูดจนจบแสงสว่างที่มีก็หายวับไม่ต่อหน้า...
“...ไม่นะ!!”เสียงของเซโครตะโกนดังลั่นแล้วทรุดตัวลงที่พื้นอย่างรวดเร็วมือของข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่น
ผมได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?
“ไม่นะ...ไฟดับเหรอ?...ไม่เอา...ใครก็ได้...ช่วยผมด้วย”เสียงโหยหวยที่ไม่เคยได้ยินทำให้ผมคลานเข้าไปใกล้แล้วใช้มือเกาะที่ช่องว่างระหว่างเหล็กกั้นจนสามารพยุงตัวนั่งได้สำเร็จ
“...อ่า...”ผมควรจะทำยังไงดี
“ไม่เอา...ไม่เอา...ช่วยด้วย...ช่วยผมที!”
“...ซะ...”จะทำยังไงถึงจะหยุดเสียงที่ดูเจ็บปวดและทรมานแบบนั้นได้
“ฮึก...ไม่เอานะ”
ไม่อยากได้ยิน...
ไม่อยากได้ยินแล้ว...
“ซะ...เซ...เซ...โคร...”ผมพยายามร้องเรียกหลายสิบครั้งกว่าเสียงของตัวเองจะดังออกมาอย่างไม่ปะติดปะต่อ
“...ยูทาร์?...เมื่อกี๊ว่าไงนะ?”เสียงที่เจ็บปวดเริ่มเปลี่ยนไปเป็นเสียงที่ตื่นตกใจแทนจนผมต้องพยายามส่งเสียงนั้นออกไปอีกครั้งนึงอย่างยากลำบาก
“...ซะ...เซ...โคร...”
“ฮึก...ยูทาร์นายเรียกชื่อผม?...ยูทาร์”เสียงหวานขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับยกมือทาบบนมือที่ผมเกาะกำแพงตรงหน้าไว้...ถึงจะไม่ได้สัมผัสกันแต่ความอุ่นมันก็แผ่ซ่านเข้ามา
“เซ...โคร...”
“ใช่...ชื่อผมคือเซโคร...อ่า...ทั้งดีใจทั้งกลัวเลย...ยูทาร์รู้ไหมว่าผมเกลียดความมืดมากตอนเด็กๆผมถูกขังไว้ในห้องที่ทั้งมืดทั้งแคบตลอดทั้งวันกว่าจะมีคนมาช่วย...ผมก็เลยกลายเป็นคนที่กลัวความมืดไป...กลัวมากๆจนแทบไม่อยากรับรู้ถึงมันเลย...”
“แต่ถึงจะกลัว...ผมก็ดีใจมากที่ยูทาร์เรียกชื่อผมได้...ดีใจจริงๆนะ...ไม่สิ...กลัวจริงๆเหมือนกัน...ปกติถ้าอยู่ในความมืดต้องจับมือกับใครสักคนไว้จะทำให้หายกลัวได้เยอะเลยแต่ตอนนี้...จริงสิ!...ยูทาร์...”
“...ขอมือได้ไหม?...ขอผมยืมมือหน่อยนะ...จะกัดก็ได้แต่ช่วยจับมือผมหน่อย”เซโครพูดยาวจนผมแทบฟังไม่รู้เรื่องแต่จากพลังงานที่แผ่ออกมาทำให้รู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
ถึงจะไม่แน่ใจแต่มือเรียวของคนตรงหน้าก็ถูกยื่นเข้ามาทางช่องให้อาหาร แม้ในความมืดก็ยังมองเห็นเซโครได้อย่างชัดเจน...ตัวของเขาสั่นอย่างน่าสงสารเหมือนสัตว์ที่หมดทางรอด
มือที่ยื่นมาสั่นเล็กน้อยแล้วปัดไปมาเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง ผมเลยค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปแล้วสัมผัสกับมือของเซโครช้าๆแต่พอมือนั้นสัมผัสโดนกันอีกฝ่ายก็คว้ามือผมไปกำไว้แน่นราวกับผมจะชักมือนั้นกลับ
ความเย็นที่แผ่มาทำให้รู้ว่าเซโครกลัวแค่ไหน
มือเย็นๆไม่เหมาะกับคนตรงหน้า...พอคิดได้แบบนั้นมือของผมก็ค่อยๆออกแรงกำมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นตามไปด้วย
ไม่นานมือที่เย็นก็กลับมาอบอุ่นตามเดิม
นั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างประหลาด
“ยูทาร์...ขอบคุณนะ...ดีจริงๆที่มีนายอยู่ด้วย...ดีจริงๆ”คำขอบคุณที่ได้รับทำให้ผมค่อยๆเกลี่ยมือนั่นไปมาอย่างช้าๆความนิ่มที่สัมผัสได้ไม่เหมือนกับสิ่งไหนที่เคยได้สัมผัสมาก่อน
รู้สึกดีจัง
“...เซ...โคร...”
“ลองพูดเร็วๆให้คำติดกันสิ...เซโคร...แบบนี้ไง”
“เซโคร”ผมลองพูดตามดู
“เยี่ยม...แบบนั้นเลยเด็กดี...อยากเห็นนายตอนพูดจัง...ทำไมไฟต้องดับด้วยนะ”
“เซโคร”
“อ่า...สุดยอดเลย...ยูทาร์...นายเก่งมากเก่งที่สุดเลย...งั้นลองพูดชื่อตัวเองบ้างไหม?”
“เซ...โคร”
“ไม่ใช่ๆ...ยูทาร์...ลองพูดยูทาร์ซิ”เซโครบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นโดยที่ยังประสานมือกับผมไว้แน่น
“...ยา...ยา...”
“ไม่ใช่ยา...ยู...ยูทาร์”
“ยะ...ยู...ยู...”
“ใช่ๆ...ยูทาร์”
“ทา...ยูทาร์”
“เยี่ยมเลย...สุดยอด...ยูทาร์คือชื่อของนายนะเป็นชื่อที่ผมตั้งให้...ชอบไหมล่ะ?”
พรึ่บ!
แสงสว่างที่หายไปสว่างวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนผมเห็นรอยยิ้มของเซโครอย่างชัดเจน มือที่ประสานกันค่อยๆถูกปล่อยออกอย่างช้าๆ
“ขยับหน้ามานี่สิยูทาร์”เสียงเรียกพร้อมกับมือที่กวักไปมาทำให้ผมค่อยๆขยับตัวไปหาอย่างงงๆว่าจะทำอะไรกันแน่ หน้าของผมไปอยู่ตรงช่องใส่อาหารพอดิบพอดีก่อนที่มือของเซโครจะเข้ามาสัมผัสใบหน้าอย่างรวดเร็วจนต้องเบิกตากว้าง
“เด็กดียูทาร์...ผมมีความสุขจริงๆที่ได้อยู่กับนาย...เรียกชื่อผมอีกครั้งได้ไหม?”
“...เซโคร”
“อืม...ใช่แล้ว...ชื่อผมคือเซโครถ้ามีอะไรตะโกนเรียกชื่อนี้ดังๆเลยนะ”
“เซโคร”
“ฮิฮิ...ไม่ต้องเรียกบ่อยเขินนะเนี่ย...อยากจับนายอาบน้ำตัดผมจริงๆเลย...ไม่รู้ว่าพออยู่ในร่างไดโนเสาร์แล้วจะพูดชื่อผมได้อยู่ไหม?...ขากรรไกรกว้างๆนั้นคงทำได้แค่คำรามสินะ”
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะยูทาร์”
คำบอกลาดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ถูกถอนออกไปอย่างเชื่องช้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป...คำคืนที่มืดสนิทเหมือนในทุกๆวันแต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม ร่างกายเล็กๆนี้อยู่นานกว่าปกติที่เคยเป็นจนทำให้ผิวสัมผัสได้ถึงความเย็น...
ความหนาวเย็นทำให้นึกถึงเซโคร...
สัมผัสอุ่นๆนั่นอยากได้อีก...
“...เซ...โคร...”
“เซโคร”ผมพร่ำเรียกชื่อนั้นจนกระทั่งผล่อยหลับไปท่ามกลางความมืดและความหนาวเย็น
หลายวันผ่านไปกับสิ่งใหม่ๆที่ได้เรียนรู้มากขึ้น...
เซโครบอกว่าผมเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับไดโนเสาร์...
รู้สึกดีใจที่ได้เป็นมนุษย์เหมือนเซโคร...ตอนที่อยู่ในร่างมนุษย์เซโครจะสัมผัสใบหน้าผมแล้วลูบไปมาพร้อมรอยยิ้ม...เป็นครั้งแรกที่อยากอยู่ในร่างที่อ่อนแอนั่นนานขึ้นอีกนิดเพราะเซโครไม่ยอมสัมผัสผมตอนอยู่ในร่างไดโนเสาร์สักที
เซโครบอกว่าตอนอยู่ในร่างมนุษย์ต้องใส่เสื้อผ้า...
เสื้อผ้าแผ่นอะไรสักอย่างที่มันนุ่มๆ ผมใส่ไม่เป็นเซโครเลยสอนโดยการใส่ให้ดูเป็นตัวอย่างและมีผ้าผืนใหญ่ๆที่เซโครบอกว่าเป็นผ้าห่มเอาไว้ใช้ตอนหนาว
ตอนนี้ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมที่อยู่มาตั้งแต่เกิดมีของเพิ่มเข้ามามากมายวางกองอยู่ตรงหน้าสิ่งที่เรียกว่ากรงเหล็ก...ของทุกอย่างเซโครหามาให้พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มทุกครั้งที่ผมเรียกชื่อ
เซโครสอนให้ผมพูด...
แม้เวลาอยู่ในร่างอันแข็งแกร่งอย่างไดโนเสาร์จะพูดไม่ได้แต่พอมาอยู่ในร่างมนุษย์ก็เริ่มพูดได้หลายคำจนเซโครชมและปรบมือให้
อยากเห็นรอยยิ้มนั้นอีกเลยพยายามฝึกพูด
เสียงประตูเลื่อนถูกเปิดออกทำให้ผมทีกำลังยืนมองใบไม้ละสายตาออกมาแล้วเดินไปยังสิ่งที่เซโครบอกว่าคือกระจก...ร่างอันใหญ่โตทำให้ต้องก้มเล็กน้อยถึงจะมองเห็นด้านในได้...
วันนี้เซโครใส่เสิ้อผ้าไม่เหมือนเดิม...ปกติจะมีสีขาวแต่วันนี้กลับเป็นสีน้ำตาลดูแปลกตา
พอเซโครหันมาเห็นผมก็วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับยิ้มให้แล้วชี้ไปยังห้องข้างๆ...ผมเลยเดินไปยังที่ให้อาหารเหมือนอย่างทุกวันกว่าเซโครจะเดินเข้ามาก็ใช้เวลาสักพักนึง
“อรุณสวัสดิ์ยูทาร์”เสียงหวานเอ่ยทักทายพร้อมกับเริ่มหย่อนอาหารลงมาให้
“วันนี้ยูทาร์จะได้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ด้วยนะดีใจไหม?...ผมล่ะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย...พ่อพึ่งมาบอกเมื่อคืนผมเลยยังไม่ได้บอกยูทาร์เมื่อกี๊ผมไปสำรวจมาแล้วสวยมากๆๆๆๆๆ...แบบว่าทั้งใหญ่โตทั้งน่าอยู่เรียกว่าดีกว่าที่นี่เยอะเลย”
บ้านเหรอ?
ผมจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่?
“ถ้าเป็นที่นั่นเราไม่ต้องมานั่งจ้องกันผ่านซี่กรงเหล็กถี่ๆแบบนี้หรอกรู้ไหม?...ผมบอกให้พ่อสร้างลิฟท์ด้านในกรงของยูทาร์แล้วเป็นเป็นแบบเปิดปิดได้จะได้เห็นยูทาร์ชัดๆไง”เซโครบอกด้วยรอยยิ้มโดยที่ยังคอยส่งอาหารมาให้อย่างต่อเนื่อง
จะได้เห็นผมชัดๆแปลว่าก็ต้องได้เห็นเซโครชัดๆเหมือนกันใช่ไหม?
“จำที่บอกว่ามีสระว่ายน้ำด้วยได้ไหม?...รู้ไหมว่าเป็นสระที่กว้างมากๆแถมในนั้นยังสร้างให้เหมือนเป็นทะเลสาบขนาดย่อมเลยมีปลาว่ายอยู่ด้วยนะ...ผมเป็นคนไปซื้อปลาพวกนั้นเองล่ะเผื่อวันไหนร้อนหรืออยากออกกำลังก็ว่ายน้ำจับปลากินเลยนะ...”
“ยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้นเนอะ...ผมไม่เคยเห็นยูทาร์ว่ายน้ำเลยจะว่ายท่าอะไรนะ...คงไม่ได้ว่ายเหมือนคนแน่นๆถ้ายูทาร์อยู่ในร่างมนุษย์เมื่อไหร่ผมจะสอนว่ายท่าฟรีสไตล์นะ...ท่านี้ผมเก่งสุดๆเคยไปแข่งว่ายน้ำระดับมัธยมปลายด้วยนะถึงจะนานมาแล้วก็เถอะ”
อาหารถูกส่งมาเรื่อยๆจนถึงชิ้นสุดท้ายที่มีกลิ่นแปลกๆไม่เหมือนเดิมทำให้ผมดมสิ่งที่อยู่ภายในเนื้อชิ้นนั้นอย่างสนใจ
“ได้กลิ่นแปลกๆใช่ไหม?...ผมจะบอกยูทาร์นะเพราะไม่อยากโกหก...ตอนแรกคุณพ่อบอกว่าจะให้คนมายิงยาสลบใส่ยูทาร์แต่ผมไม่ยอม...ใครจะยอมให้มาทำร้ายเพื่อนรักได้ล่ะใช่ไหม?...”
“...เพราะงั้นผมเลยบอกว่าจะวางยาสลบยูทาร์เองถึงพ่อจะไม่เห็นด้วยเพราะไดโนเสาร์มีประสาทดมกลิ่นที่สูงมากแถมกลิ่นแปลกๆแบบนี้คงไม่ยอมกินแน่...แต่ผมเชื่อว่ายูทาร์จะเชื่อใจผมแล้วกินนะ...เชื่อใจผมว่าผมจะไม่ทำร้ายยูทาร์...นะ”คำขอร้องแกมอ้อนวอนทำให้ผมมองชิ้นเนื้อนั่นสลับกับใบหน้าขาวที่อยู่ไม่ไกล
‘เชื่อใจ’
คำคำนี้ยังไม่รู้ความหมายที่แน่นอนทั้งที่ยังไม่รู้แต่กลับรู้สึกอยากเชื่ออย่างน่าประหลาด...
เชื่อเพราะคนที่พูดเป็นเซโคร
ถ้าเป็นสิ่งที่เซโครบอกผมก็พร้อมจะทำอย่างไม่ลังเล...
นี่คือความหมายของคำว่าเชื่อใจใช่ไหม?
.................................................................................................
มุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์

เอ็ดมอนโตซอรัส เป็นสัตว์กินพืชที่มีลักษณะหางใหญ่ยาวและศรีษระมีลักษณะคล้ายรูปเป็ด กะโหลกศรีษระมีหงอนกลวงแต่ไม่แข็งเหมือนแฮดโดรซอร์ริเดอื่น ๆ พวกมันชอบอาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งและย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆเพื่อหาแหล่งอาหารใหม่สามารถยืนได้ทั้ง2ขาและ4 ขาเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดยาว 9 เมตร (30 ฟุต) แต่บางตัวอาจสามารถโตได้ถึง 12-13 เมตร (39-43 ฟุต) มีน้ำหนัก 4-4.4 ตัน
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
http://pantip.com/topic/33795958 /
https://th.wikipedia.org/wiki/เอ็ดมอนโตซอรัส
.................................................................................
สวัสดีคะ
มาอัพต่อแล้วนะคะ
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าตกใจมากเมื่อเปิดอ่านคอมเม้นท์...ตอนแรกตกกลับเลื่อนไปดูหัวข้อเรื่องว่าใช่เรื่องที่เราแต่งไหม(555+)
มีความสุขที่ได้อ่านทุกๆคอมเม้นท์นะ
รู้สึกว่าพอแต่งบนของยุทาร์แล้วเรทติ้วดีกว่าของเซโครอีก...แปลว่ามีคนสนใจยูทาณ์มากกว่าเซโครสินะ(เราก็ชอบยูทาร์มากกว่าเหมือนกัน)
ตอนนี้คงทำให้หลายคนฟินกันพอดูเพราะทั้งคู่ได้สัมผัสกันแล้ว...คนเขียนก็ฟินเหมือนกันตอนแต่งรู้สึกชอบฉากนี้เป็นพิเศษเลย
มารอดูกันต่อไปว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก...ช่วงนี้ไม่มีไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่โผล่มาเลยอดใจรอกันหน่อยต่อไปจะมีไดโนเสาร์ตัวใหม่มาเกือบทุกตอนแน่นอน
ขอขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และกำลังใจนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้าคะ

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪