กลายรักครั้งที่❧5
หมายเหตุ*ตอน4.2ช่วงท้ายยูทาร์อยู่ในร่างไดโนเสาร์นะคะ
ไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่ หรือเซโครมองดูเนื้อที่ใส่ยาสลบถูกกลืนเข้าไปในคออย่างลุ้นระทึก...ไม่คิดว่ายูทาร์จะยอมกินง่ายๆแบบนี้ นั่นเป็นสัณญาณที่ดีในการเชื่อใจกัน...เนื้อชิ้นโตถูกกลืนลงไปเรียบร้อยตอนนี้ผมก็ทำได้แค่รอให้ยาออกฤทธิ์
ใครจะไปยอมให้เอาคนมายิงยาสลบใส่ยูทาร์กัน...ไม่มีทาง
ยูทาร์ไม่เชื่อใจใครนอกจากผมเรื่องนั้นผมรู้ดีเพราะงั้นถ้ามีคนมายิงยาสลบใส่ความเชื่อใจที่มีอาจหายไปและไม่อาจสร้างกลับขึ้นมาใหม่ได้อีกเลย
“ยูทาร์...ง่วงแล้วเหรอ?”ผมถามไดโนเสาร์ร่างยักษ์ที่บัดนี้กำลังกระพริบตาขึ้ลงช้าๆด้วยความงัวเงีย
ฝืด
เสียงลมหายใจที่ขยับเข้ามาใกล้จนติดกับกรงทำให้ผมไม่รอช้าที่จะวางมือทาบลงไปจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่แผ่ออกมาก
“หลับซะเด็กดี...ไม่เป็นไร...พอตื่นมานายจะมีบ้านหลังใหม่และผมจะคอยดูแลนายเอง”ผมกระซิบเสียงเบาพร้อมกับดวงตาสำอำพันที่จ้องมาที่ใบหน้าผมก่อนจะปิดลงอย่างเชื่องช้าราวกับจะย้ำให้แน่ใจว่าผมจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
“ผมจะอยู่ข้างนาย...ตื่นมาคนแรกที่ยูทาร์จะเห็นก็คือผม...สัญญาเลย”พอผมพูดจบร่างกายของไดโนเสาร์พนธุ์ผสมก็ล้มลงกับพื้นหญ้าพร้อมๆกับลมหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
เซโครรอสักพักก่อนจะออกไปเรียกพ่อที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาจัดการต่อ...ห้องทดลองนี้ถึงจะเป็นห้องขนาดใหญ่แต่ประตูทางเข้าออกก็เป็นขนาดปกติผมเลยค่อนข้างสงสัยว่าจะเอายูทาร์ออกไปได้ยังไงถ้าเขาไม่ได้อยู่ในร่างของมนุษย์
ความจริงผมก็สงสัยตั้งแต่ทำไมไม่ให้ยูทาร์ไปอยู่กรงข้างนอกตั้งแต่ตอนที่ตัวเล็กกว่านี้แล้วแต่คำตอบที่ได้มาก็พอจะทำให้ผมปล่อยผ่านไปได้เลยไม่ติดใจสงสัยอะไรมากนัก
“ลูกรู้ไหมว่าจะย้ายยูทาร์ไปไดยังไง?”พ่อเดินเข้ามาในห้องแล้วหันมาถาม
“ไม่รู้ครับ”ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด
“กรงที่ยูทาร์อยู่เป็นลิฟท์ขนาดใหญ่สามารถเอาขึ้นไปที่ชั้นไหนก็ได้...เราจะเลื่อนลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น1แล้วเปิดประตูจากอีกฝั่งเพื่อให้คนช่วยกันยายร่างของยูทาร์ไปไว้ที่อยู่ใหม่”
“งั้นผมขอไปรอชั้น1นนะจะได้ดูว่าพวกเขาไม่ได้ทำรุนแรงกับยูทาร์”ผมขอพ่อเมื่อได้รับคำอธิบายแล้ว
“เอาสิ...ดูลูกจะสนิทกับยูทาร์มากเลยนะ”
“เขาเป็นเหมือนเพื่อนสนิทผม”
“ไม่กลัวถูกกัดเหรอ?”
“พ่อควรจะเปลี่ยนคำถามว่าไม่กลัวถูกกินเหรอมากกว่านะ”ผมย้อนกลับด้วยรอยยิ้ม
พูดว่าถูกกัดเหมือนยูทาร์เป็นสุนัขหรือแมวงั้นแหละ
“ใช่ๆ..นั่นแหละ...ไม่กลัวถูกกินเหรอลูก?”พ่อเปลี่ยนคำถามใหม่อีกรอบนึง
“ก็มีบ้างถ้ายูทาร์อยู่ในร่างไดโนเสาร์น่ะนะ...ถ้าร่างมนุษย์ผมไม่กลัวหรอกอยากจะเข้าไปกอดด้วยซ้ำ”ผมพูดออกไปตามความจริง....น่าเสียดายที่ห้องทดลองนี้จะปล่อยให้ยูทาร์ออกมาเพ่นพ่านก็ไม่ได้จะให้ผมเข้าไปก็ไม่ได้อีก...หลายๆอย่างมันยังไม่เอื้ออำนายสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นบ้านหลังใหม่นี่ผมคิดว่าน่าจะเข้าไปหายูทาร์ในร่างมนุษย์ได้เพราะสั่งทำประตูเสริมพิเศษไว้อีกหลายที่เผื่อผมโดนไล่จะได้วิ่งหนีได้ทัน
ถึงตามหลักแล้วจะหนีไม่ทันก็เถอะ...ฮะฮะฮะ
“สมแล้วที่เป็นลูกพ่อ...เยี่ยมจริงๆ”
“พ่อเมื่อไหร่ผมจะได้เป็นคนดูแลยูทาร์เต็มตัวสักทีล่ะ?”ผมถามออกไปอย่างสงสัย...นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วไหนบอกว่าจะทำเรื่องขอให้ผมเป็นคนดูแลยูทาร์ไง
ตอนนี้คนที่ดูแลยูทาร์คือพ่อแต่พ่อก็ไม่ค่อยมีเวลามาดูสักเท่าไหร่ผมเลยบอกพ่อว่าให้เอาสิทธิ์การดูแลยูทาร์มาให้ผมซะ
“พ่อกำลังยื่นเรื่องอยู่...ถึงพ่อจะเป็นหัวหน้าแต่ก็ยังมีพวกระดับสูงๆที่ต้องผ่านการพิจารณาก่อน...ลูกพึ่งจบมาหมาดๆการที่ได้รับคำอนุมัติคงเป็นไปได้ยากแล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่อยากเป็นคนดูแลยูทาร์”
“ว่าไงนะ?...ใครครับ?”
“ก็หลงไป่จิงที่เป็นหนึ่งในทีมที่ดูแลเรื่องพฤติกรรมของไดโนเสาร์กินพืชอยู่ไง”พอพ่ออธิบายก็นึกขึ้นมาได้
หลงไป่จิง ผู้ชายที่ได้เป็นแนวหน้าของประเทศจีนด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมสัตว์ เขาได้ถูกเชิญมาร่วมองค์กรนี้เมื่อ7ปีก่อนผมเคยเจอเขาครั้งนึงแต่บอกได้เลยว่าไม่ชอบหน้าอย่างรุนแรง นิสัยหยิ่งๆและขี้อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ทำให้หงุดหงิดก็จริงที่เขาเก่งมากในการศึกษาพฤติกรรมสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่เลยถูกเชิญมาให้ทำการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของไดโนเสาร์
เห็นว่าตอนนี้กำลังศึกษาแบรคิโอซอรัสที่เป็นไดโนเสาร์กินพืชสายพันธุ์คอยาวอยู่ที่ฐาน3
ไม่เข้าเลยว่าทำไมต้องมาแย่งสิทธิ์ดูแลยูทาร์กับผมด้วย...จะศึกษาพฤติกรรมก็มาขอสิคิดว่าตัวเองสามารถดูแลยูทาร์ได้รึไงกัน
ผมอาจจะหลงตัวเองแต่ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่สามารถดูแลยูทาร์ให้มีความสุขได้เพราะงั้นผมจะไม่มีวันยอมยกยูทาร์ให้ใคร
“พ่อ...ถ้าผมอยากได้สิทธิ์การดูแลยูทาร์ผมต้องทำยังไง?”
“สร้างผลงานสิ...ทำให้ทุกคนรู้ว่ายูทาร์ไว้ใจลูกและเชื่องแค่กับลูกแค่นั้นคงไม่อยากเกินความสามารถลูกหรอกใช่ไหม?”พ่อพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม
“ครับ”
พอคุยกับพ่อเสร็จผมก็ขึ้นไปที่ชั้น1เพื่อรอดูการขนย้ายยูทาร์ ดูจากกำลังคนที่เตรียมมากว่า100คนแถมยังอยู่ในชุดพร้อมรบทำให้ผมรู้ในทันทีพวกเขาเตรียมตัวเผื่อเหตุฉุกเฉิน ไดโนเสาร์ตอนสะลึมสะลือเป็นไดโนเสาร์ที่จัดการยากที่สุดเพราะสติของยังมีไม่ครบถ้วนซึ่งอาจนำพาความเสียหายที่ร้ายแรงมากกว่าตอนที่สติครบถ้วนได้
รอสักพักลิฟท์ขนาดใหญ่ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาพร้อมกับเหล่ากำลังคนที่ตีวงออกเป็นวงกลมโดยให้ตรงกลางมีพื้นที่ให้รถขนาดใหญ่ถอยเข้ามาจอดได้ รถที่ใช้ขนไดโนเสาร์มีขนาดใหญ่มากเลยต้องใช้คนขับรถสองคนที่เข้าขากันอย่างดีไม่งั้นรถจะพลิกคว่ำได้ง่ายๆ
พวกเขาใช้เส้นลวดขนาดใหญ่ที่มีความยาวพอสมควรไปมัดที่ส่วนปาก คล้องที่ส่วนหัวท้องและสะโพกของยูทาร์แล้วค่อยๆลากออกมาก่อนจะยกร่างของยูทาร์ขึ้นไปบนรถขนาดใหญ่ การขนย้ายดูจะสำเร็จไปด้วยดีในขั้นตอนแรก
“ขอผมขึ้นไปอยู่ข้างบนด้วยได้ไหมครับ?”ผมวิ่งเข้าไปตะโกนถามผู้ชายในเครื่องแบบคนนึงที่กำลังปีนขึ้นไปอยู่บนท้ายรถกับยูทาร์ เท่าที่เห็นก็ไม่ได้มีคนเดียวแต่หลายสิบคนแน่นอนว่าแต่ละคนพกอาวุธพร้อมมือทั้งนั้น...
แค่ยูทาร์ขยับตัวพวกเขาอาจระดมยิ่งยูทาร์ก็ได้ใครจะไปรู้เพราะงั้นผมต้องป้องกันไว้ก่อน
“เธอเหรอ?...อ้อ...ลูกชายของคุณฟรานที่ว่าพึ่งจบใช่ไหม?”ชายที่ผมถามถามกลับมา
“ใช่ครับ”
“ได้ๆขึ้นมาสิ”เขายอมให้ผมขึ้นไปแล้วครับ
พอผมปีนขึ้นไปเสร็จก็หาที่นั่งแถวๆส่วนหัวองยูทาร์ก่อนที่จะได้ยินตะโกนให้ออกรถ...ตลอดการเดนทางผมเอาแต่จ้องไปที่ผิวสีเทาเข้มของยูทาร์ ดวงตาสีอำพันที่ปิดสนิทและเสียงหายใจที่สม่ำเสมออยู่ทำให้รู้ว่ายาสลบยังไม่หมดฤทธิ์
มือข้างนึงของผมค่อยๆวางลงบริเวณเส้นลวดขนาดใหญ่ที่มัดปากยูทาร์ไว้ก่อนจะเลื่อนไปจนถึงผิวหนังที่มีสัมผัสหยาบๆและลื่นๆ...นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสผิวของยูทาร์แบบนี้
“ไม่เป็นไร...ทนอีกหน่อย”ผมกระซิบเบาๆโดยที่มือยังคงลูบที่บริเวณเหนือรูจมูกของยูทาร์ช้าๆ
เวลาที่ใช้เดินทางมากกว่ารถปกติอยู่สักหน่อยเพราะต้องขนของที่มีน้ำหนักหลายตัน...ส่วนสูงของยูทาร์คงที่อยู่ราว8เมตรกว่าและมีความยาวถึง12เมตรเรียกว่าเป็นไดโนเสาร์ที่ใกล้เคียงกับสไปโนซอรัสเลยล่ะ
ยูทาร์ถูกนำมาวางไว้ที่บ้านหลังใหม่บริเวณทุ่งกว้างใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่...แค่เห็นว่ายูทาร์ถูกขนย้ายมาอย่างปลอดภัยก็โอเคแล้วต่อไปก็เหลือแค่รอให้ตื่นเท่านั้น
“ทุกคนออกมาครบรึยังจะปิดประตูใหญ่แล้วนะ”เสียงของผู้คุมคนนึงดังขึ้นพร้อมกับตรวจสอบความเรียบร้อยของลูกน้องว่าจะไม่มีใครติดอยู่ข้างใน
ไม่ช้าประตูขนาดใหญ่ก็ถูกปิดด้วยระบบไฟฟ้าและลงกลอนยักษ์จากข้างนอกซ้ำอีกครั้งเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
“นี่คือที่อยู่ใหม่ของโทรโอ ทาร์แรพ โซนอร์ ซอรัส งั้นเหรอ?”เสียงของชายวัยกลางคนอายุประมาณ40ดังขึ้นพร้อมกับคนที่ผมไม่ชอบหน้าปรากฏตัวขึ้น เสียงที่ถึงไม่ได้ยินมาหลายปีก็ยังคงจำได้แม่น
“...คุณหลงไป่จิง”ผมหันหน้าไปหาคนที่พึ่งลงจากรถมาอย่างเซ็งๆ...
ทำไมคนคนนี้ถึงได้มาที่นี่กันเนี่ย?!
“เรียกฉันว่าพี่จิงก็ได้น้องเซโคร”เชื่อไหมว่าคำพูดนั่นทำให้ขนทั้งตัวผมลุกตั้งชันด้วยความรู้สึกสยองแปลกๆ คนอายุ40ใช้คนอายุไม่ถึง30เรียกว่าพี่เนี่ยนะ?
“ขอเรียกคุณหลงไป่จิงดีกว่าครับ”มากกว่านี้คงไม่ไหว
“ตามใจน้องเลย...เห็นว่าโทรโอ ทาร์แรพ โซนอร์ ซอรัสย้ายมาเลยมาดูสักหน่อยเพราะอีกไม่นานผมคงได้เป็นคนดูแล”
“ผมต่างหากที่จะได้!”ผมสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว
“หื้อ?...เธอน่ะเหรอ?...คงมีอะไรเข้าใจผิดแน่เหล่าผู้บริหารคงไม่คิดจะให้ผลงานทดลองขั้นสุดยอดมาอยู่ในความดูแลของเด็กที่พึ่งจบหรอก...ถ้าเธออยากมาหาก็ได้ทุกเมื่อแลกกับดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อเป็นไง?”คำยียวนของคนตรงหน้าทำให้ผมต้องข่มอารมณ์และกำมือตัวเองแน่น
“ยูทาร์ไม่ใช่ผลงานทดลอง”ผมกัดฟันพูดออกไป
“ยูทาร์?...อ้อ...เธอตั้งชื่อให้ไดโนเสาร์ด้วยเหรอ?...ไม่ใช่ผลงานทดลองเธอคงพูดผิดแล้วไดโนเสาร์ทุกตัวล้วนเป็นผลงานทดลองทั้งนั้น”
“พวกเขามีชีวิต...ถึงจะเกิดมาจากการทดลองแต่เมื่อลืมตาขึ้นมาพวกเขาก็เหมือนพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตเลือดเนื้อและจิตใจ...คุณไม่มีสิทธิ์ไปว่าพวกเขาแบบนั้น!!”ผมตะหวาดออกไปอย่างเหลืออด
“สีหน้าใช้ได้...ใบหน้าตอนโกรธก็น่ารักไม่เบา”
“คุณ!!”
“ยังไงซะคนที่จะมาดูแลที่นี่คือฉัน...ถ้าเธอยังอยากเจอยูทาร์อะไรนั่นอยู่ก็ควรพูดดีๆกับฉันไว้ดีกว่านะเผื่อว่าฉันจะใจอ่อนให้เธอเป็นอาหาร...เอ้ย...เป็นคนให้อาหารน่ะ...”อีกฝ่ายพูดจบก็หัวเราะแล้วเดินกลับเข้าไปในรถตามเดิม
“ไอ้บ้าเอ้ย!!”ผมตะโกนไล่หลังรถยนต์สีดำคันหรูที่ขับออกไปอย่างอารมณ์เสีย
ผมเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย...
ใครจะยอมให้คนแบบนี้มาดูแลอยูทาร์กันล่ะ
ไม่มีทาง!
ติ๊ดๆ
เสียงสัณญาณที่หูฟังไร้สายที่ผมเสียบไว้ดังขึ้น
(คุณเซโครคะ)
“ครับคุณฟี”ผมตอบรับเสียงจากปลายสาย
หญิงสาวที่ติดต่อมาเป็นหนึ่งในทีมที่ประจำการอยู่ที่กรงของยูทาร์เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและความปลอดภัย คนที่ประจำการถ้านับแค่คนที่คอยดูแลระบบก็5คนส่วนฝ่ายที่คอยคุมเผื่อกรณียูทาร์หลุดมี100คนเรียกว่าเยอะกว่าไดโนเสาร์กินเนื้อสายพันธุ์อื่น
(อ่อ...โทรโอ ทาร์แรพ โซนอร์ ซอรัสตอนนี้เริ่มได้สติแล้วคะ)
“จริงเหรอครับ?...ผมจะไปเดี๋ยวนี้เปิดลิฟท์ด้วยครับ”ผมสั่งการณ์ด้วยน้ำเสียงดีใจแล้ววิ่งกลับเข้าไปภายใน...ถึงตอนนี้ผมจะเป็นแค่มือใหม่แต่คนที่ประจำอยู่ที่นี่ก็เห็นว่าผมเป็นหัวหน้าทั้งนั้น
ไม่ใช่เพราะเส้นจากพ่อแต่เป็นเพราะตัวผมเองที่สร้างความสัมพันธ์กับพวกเขา
เซโครวิ่งขึ้นไปที่บันไดข้างกรงขนาดใหญ่ของยูทาร์แล้วเข้าไปในลิฟท์ขนาดใหญ่ที่เตียมไว้สำหรับเข้าไปดูยูทาร์ในระยะประชิด ลิฟท์ตัวนี้ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าและลวดที่ขึงอยู่ตามที่ต่างๆทำให้สามารถเข้าไปใกล้ยูทาร์ได้ในระยะนึงแต่ก็ไม่สามารถไปได้ทุกที่ ถ้าอยากจะดูรอบๆต้องไปขึ้นสะพานที่อยู่ด้านบนของกรงที่ทำไว้สำหรับใช้สังเกตพฤติกรรมของยูทาร์
(จะใช้ลิฟท์จริงๆเหรอคะ?...คือมันค่อนข้างเสี่ยงยังไงขึ้นไปดูจากด้านบนไม่ดีกว่าเหรอคะ?)คุณฟีถามผมด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ...เปลี่ยนระบบให้ผมควบคุมจากที่นี่แล้วก็ตัดสัณญาณหูฟังไปได้เลยครับ”ผมสั่งการณ์อย่างรวดเร็ว
(แต่ว่า...)
“ไม่เป็นไรครับ...ยูทาร์ไม่ทำอะไรผมหรอก”
(คะ...จะทำตามที่สั่ง)
หลังจากนั้นสัณญาณหฟังก็ถูกตัดไปพร้อมกับระบบลิฟท์ที่เริ่มทำงาน ผมค่อยๆเคลื่อนที่ลิฟท์ไปเรื่อยๆจนถึงที่ที่ยูทาร์อยู่ ร่างกายอันใหญ่โตค่อยๆขยับทีละน้อยก่อนะจะยกส่วนหัวขึ้นมาแล้วคำรามลั่น
กรรรร!!
กรรรร!!
เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่องเหมือนยังมึนงงจากฤทธิ์ของยาสลบอยู่...ถ้าเข้าไปใกล้มากคงโดยโจมตีแน่ผมเลยขยับลิฟท์ไปที่ด้านบนของยูทาร์ก่อนจะส่งเสียงเรียก...
“ยูทาร์”
กรรรร!!
ตึง!!
ยูทาร์ไม่สนใจเสียงเรียกผมแถมยังวิ่งเข้าชนกับผนังเหล็กอย่างไม่กลัวเจ็บราวกับจะออกไปจากที่แห่งนี้งั้นแหละ...ผมมองการกระทำนั้นอย่างวิเคราะห์ว่าควรทำยังไงต่อไปดี
ถึงผมเรียกอีกฝ่ายคงไม่ได้ยินเพราะโดนเสียงคำรามดังกลบหมด
“โอ๊ะ...ก็ให้เสียงผมดังกว่าก็ใช้ได้นี่นา”ผมพึมพำพร้อมยกยิ้มขึ้นก่อนจะขยับไปด้านข้างเพื่อคีย์ระบบบางอย่างลงไปก่อนจะเปิดใช้งาน
ผมเชื่อมหูฟังที่มีไมค์ขนาดเล็กเข้ากับลำโพงที่ติดอยู่ด้านหน้าทั้งสองข้างของลิฟท์ก่อนจะเทสเสียงแล้วตะโกนเสียงดัง...
“ยูทาร์!!!”
กึก
เสียงของผมทำให้ยูทาร์ที่ใช้ร่างกายกระแทกกำแพงอยู่ชะงักแล้วหันซ้ายขวา...จมูกขนาดใหญ่หายใจเข้าออกแรงๆเหมือนกำลังดมกลิ่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้านบนที่ผมอยู่ในลิฟท์
รู้สึกว่าจะสงบลงมาหน่อยแล้วสินะ
“ยูทาร์...หายงัวเงียรึยัง?”ผมพูดต่อแล้วค่อยหย่อนลิฟท์ลงไปด้านล่างทีละนิด
กรรรร!!
สียงคำรามในลำคอดังขึ้นเหมือนไม่แน่ใจอาจเพราะไม่ชินกับเสียงผมที่ถูกขยายก็ได้...พอคิดได้แบบนั้นผมก็เลิกใช้ลำโพงแล้วเปลี่ยนมาใช้เสียงตัวเองตะโกนลงไปแทน
“ยูทาร์...ผมเองนะเซโครไง”
ฝืด
ยูทาร์ขยับร่างกายไปมาแล้วพยายามกระโดดขึ้นมาจนจมูกกระแทกเข้ากับลิฟท์ที่ผมอยู่จนลิฟท์เซไปอีกข้างจากแรงสะเทือน
“หว๋า...หยุดก่อนยูทาร์”ผมตะโกนเสียงดังระหว่างที่กลิ้งไปมาในลิฟท์
ฝืด
ยูทาร์ยังไม่ยอมหยุดแถมยังกระโดดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนผมกลิ้งไปมาหลายต่อหลายรอบ
“ยูทาร์หยุดก่อนผมปวดหัวแล้วนะ!!”ผมตะโกนเสียงดังแต่ยูทาร์ก็ยังไม่หยุดผมเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากกลิ้งไปกลิ้งมาสักพักจนยูทาร์หยุดกระโดดแล้วจ้องมายังลิฟท์ที่ผมอยู่อย่างสงสัย
ยูทาร์อาจจะกำลังอยากรู้ว่าใช่ผมแน่นรึเปล่าที่อยู่ข้างใน
“ผมจะค่อยๆลงไปเพราะงั้นอย่ากระโดดนะ”ผมพยุงตัวขึ้นแล้วตะโกนบอกลงไปก่อนจะค่อยๆบังคับให้ลิฟท์ขยับลงไปจนผมอยู่ระดับเดียวกับสายตาของยูทาร์
ลิฟท์ที่ผมอยู่ไม่เหมือนกับในกรงเก่าที่ทำเป็นตารางเหล็กถี่ๆรอบด้าน จริงอยู่ที่ทั้งสามด้านเป็นตารางเหล็กถี่ๆแต่ด้านสุดท้ายที่ผมยืนสบตากับยูทาร์อยู่เป็นกระจกใสที่สามารถเปิดปิดได้ตามที่ต้องการ
“ไง...รู้สึกยังไงบ้างยูทาร์”ผมเอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีอำพันที่จ้องมาทำเพียงแค่ขยับจมูกเข้ามาใกล้จนแตะเข้ากับกระจกใสด้านหน้าจนเกิดเป็นฝ้า
“ถ้าผมเปิดกระจกจะคิดว่าผมเป็นอาหารไหม?”ผมถามติดตลกก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดกระจกช้าๆ...ไหนๆก็ไม่มีอะไรต้องเสียแล้วนี่
พอเลื่อนจะจกขึ้นจนสุดพวกเราก็ได้สบตากันเป็นครั้งแรกโดยที่ไม่มีอะไรขวางกั้น...ยูทาร์ดูจะงงๆกับความเปลี่ยนแปลงก่อนจะค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้พอไม่มีอะไรขวางอยู่หัวของอยูทาร์ก็เอียงเล็กน้อยเหมือนกำลังสงสัย
“ไม่โดนชนใช่ไหมล่ะ?...อยากดมกลิ่นผมใกล้ๆไหม?...มาสิยูทาร์”ผมเรียกพร้อมกับอ้าแขนทั้งสองข้างออก ส่วนหัวขนาดใหญ่ค่อยๆเข้ามาภายในลิฟท์อย่างเชื่องช้าพร้อมกับจมูกที่ขยับไปมาเพื่อสูดดมกลิ่นของผมจนในที่สุดปลายจมูกขนาดใหญ่ก็ชิดเข้ากับหน้าผม...ปากของยูทาร์อยู่ตรงท้องผมถ้าเกิดอ้าออกผมคงตกลงไปอยู่ในกระเพราะขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วแน่
มือทั้งสองข้างของผมสัมผัสกับผิวหนังสากๆลื่นๆของยูทาร์ จะว่าอุ่นก็อุ่นจะว่าเย็นก็เย็น...เป็นผิวสัมผัสที่ครึ่งๆกลางๆดี พอเวลาผ่านไปสักพักผมก็ค่อยขยับมือที่สัมผัสอยู่บริเวณปากขนาดใหญ่ของยูทาร์เบาๆ
ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“เด็กดีจริงๆด้วย...คงแคบใช่ไหมที่ต้องเอาหัวเข้ามาในนี้น่ะ?”ผมยิ้มพร้อมกับลูบๆเบาๆที่ผิวหนังสีเทาเข้มของไดโนเสาร์ตรงหน้า
“เอาล่ะ...เอาหน้าออกไปได้แล้ว”ผมบอกพร้อมกับดันจมูกของยูทาร์เบาๆเป็นการบอกและยูทาร์ก็ทำตามอย่างดีโดยไม่อิดออด
“ผมจะพาไปดูบ้านใหม่รอบๆนะ...ตามมาเลย”ผมบอกยูทาร์แล้วค่อยๆเคลื่อนลิฟท์ไปยังรอบๆกรงขนาดใหญ่โดยมียูทาร์ก้าวตามมาติดๆ ดวงตาสีอำพันจ้องมาที่ผมราวกับจะไม่ปล่อยให้คาดสายตาไปไหนนั่นทำให้ผมยิ้มออก
ยูทาร์คงเห็นผมเหมือนเป็นลูกน้องในฝูงละมั้ง
“อย่ามองแต่ผมสิ...มองไปทางนั้นสิเป็นทุ่งหญ้าให้ยูทาร์ได้วิ่งไงถึงจะสั้นไปหน่อยก็เถอะ”ผมบอกพร้อมกับชี้ไปยังทุ่งหญ้าสีเขียวด้านหลังยูทาร์
ยูทาร์ละสายตาออกจากผมแล้วหันไปตามทิศที่ผมชี้นิ้วไปก่อนจะหันกลับมาจ้องผมเหมือนเดิม
“อะไร?...ไม่น่าสนใจเลยเหรอ?...ผมอุตส่าห์เลือกหญ้าเองเลยนะไม่ดีใจเลยเหรอ?...สักนิดก็ไม่มีอ่ะ”ผมพยายามขอความเห็นแต่สิ่งที่ได้ก็มีเพียงแค่ดวงตาสีเหลืองอำพันที่จ้องมาพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาภายในจนจมูกขนาดใหญ่มาแตะที่ใบหน้าผมอีกครั้ง
เซโครใช้เวลาพายูทาร์ทัวร์รอบกรงไปหลายชั่วโมงทั้งที่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็วนได้ทั่วแบบสบายๆแล้ว...จะให้ทำไงละก็ยูทาร์เล่นเอาหน้าเข้ามาในลิฟท์ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ตลอด
ช่วงบ่าย4ผมเปลี่ยนจากใช้ลิฟท์มาเป็นสะพานเหล็กด้านบนที่สร้างเป็นกากบาทเพื่อได้เดินได้ทั่วทั้งกรงแทน...ผมขึ้นมาด้านบนพร้อมกับถังใส่อาหารขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยที่ด้านข้างมีผู้ช่วยผมคือยูกิเด็กชายชาติญี่ปุ่นที่พึ่งเข้ามาทำได้แค่3เดือนและมีอายุน้อยกว่าผมอยู่2ปีได้
ผมอยากลองดูว่ายูทาร์จะมีปฏิกิริยาอะไรกับยูกิบ้าง...ผมอยากให้ยูทาร์เข้าสังคมเป็นและไม่ดุร้ายกับมนุษย์ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
“ผมกลัวครับพี่”ยูกิบอกผมเสียงสั่น
“ไม่ต้องกลัวหรอกอย่างมากก็แค่ตายเอง”ผมพูดติดตลก
“พี่เซ...ผมกลัวจริงๆนะพี่ไม่กลัวเลยเหรอ...สูงตั้ง8เมตรแถมยาวตั้ง12เมตรน้ำหนักก็หลายตันน่ากลัวจะตาย”ยูกิพูเสียงสั่น
“ยูทาร์เป็นเพื่อนผม...ถ้าคุณไม่ทำอะไรเขา เขาก็ไม่ทำอะไรคุณหรอก...”มั้ง
ผมแอบต่อคำสุดท้ายในใจเพราะอะไรมันก็ไม่แน่นอน
“ผมเชื่อพี่นะ...เกิดอะไรขึ้นพี่ห้ามหนีก่อนผมด้วย”
“ครับๆ...มาเริ่มกันเลยดีกว่า”
วันนี้ผมจะลองฝึกยูทาร์ให้วิ่งไปกินเนื้อที่โยนไปเพราะงั้นเลยต้องเลือกสถานที่โล่งหรือทุ่งหญ้านั่นเอง...การฝึกแบบนั้นเห็นว่าได้ผลกับยูทาร์แรพเตอร์ที่ทำวิจัยอยู่ที่ฐาน2โดยการควบคุมของพี่โนว่า
(ตอนนี้ยูทาร์กำลังวิ่งไปหาคุณเซโครอยู่คะ...ไม่เกิน1นาทีคงจะไปถึง)ฟีรายงานผ่านหูฟังไร้สาย
“ขอบคุณมากครับ”
“เตรียมพร้อมนะยูกิ”ผมหันไปบอกเด็กชายที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างๆ
“คะ...ครับ”
เสียงฝีเท้าและต้นไม้ที่โยกไปมาเป็นสัณญาณว่ามีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังเข้ามาใกล้...ไม่นานไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากดงต้นไม้ใหญ่แล้ววิ่งมาทางที่ผมอยู่...จมูกขนาดใหญ่กำลังฟุดฟิดเหมือนหากลิ่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจนดวงตาสีอำพันสบเข้ากับดวงตาสีเขียวอมฟ้าของผมที่กำลังส่งยิ้มไปให้
กรร!!
เสียงคำรามดังขึ้นทันทีเมื่ดวงตาสีอำพันขยับไปมองยูกิที่ยืนขาสั่นอยู่ด้านข้าง...ยูทาร์พยายามกระโดดขึ้นมาแต่ด้วยการที่คำนวณแรงกระโดดไว้ทำให้ยูทาร์กระโดดไม่ถึงสะพานที่พวกผมอยู่
“พี่เซ...ผมกลับได้ไหม?”ยูกิเกาะราวสะพานแน่นแล้วทรุดตัวลงอย่างน่าสงสาร
“อีกแป๊บนะยูกิ...ยูทาร์อย่ากระโดดนี่เพื่อนผมเองชื่อยูกิ”ผมบอกยูกิแล้วหันไปตะโกนใส่ยูทาร์
ยูทาร์ที่ได้ยินเสียงผมก็หยุดชะงักแต่ยังคงคำรามในลำคออยู่
แปลว่าไม่ไว้ใจยูกิสินะ
ถึงจะดีใจมากที่ยูทาร์ไว้ใจผมแต่ก็ต้องหาทางให้ยูทาร์เข้ากับมนุษย์คนอื่นให้ได้ด้วย
“ยูทาร์...วันนี้มาเล่นกันดีกว่า”ผมเรียกพร้อมกับเบนความสนใจของยูทาร์มา...ถ้าให้ยูทาร์รู้ว่ายูกิไม่เป็นอันตรายก็คงจะหยุดขู่แต่ก็คงใช้เวลานานพอดู
“นี่ไงเนื้อที่ยูทาร์ชอบ”ผมพูดพร้อมกับชูเนื้อขึ้นแล้วแกว่งไปมาเพื่อเรียกร้องความใจ สองขาของผมค่อยๆขยับออกห่างจากยูกิที่ทรุดตัวลงที่ราวบันได
ต้องให้ยูทาร์ออกห่างอีกหน่อย
ยที่ดวงตาสีเหลืองอำพันยังคงจ้องตรงมาหาผมราวกับจะไม่ให้ห่างสายตาไปไหน...พอขยับห่างมาสักพักผมก็หยุดแล้วหันไปมองยูกิที่ค่อยๆพยุงตัวขึ้นแล้วส่งยิ้มแหยะๆมาให้
“ยูทาร์...ไปคาบเนื้อมาทำได้ใช่ไหม?”ผมตะโกนลงไปพร้อมกับเขวี้ยงเนื้อออกไปสุดแรงแต่ดูเหมือนยูทาร์จะไม่สนใจเนื้อที่ลงไปกลิ้งบนพื้นหญ้าเลยสักนิดเรียกว่าแทบไม่ละสายตาออกไปจากผมเลย
“ยูทาร์ทำไมไม่วิ่งตามเนื้อไปล่ะ?”ผมตะโกนถามออกไป ไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ทำเพียงเอียงหัวเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคมออก
“ผมไม่ได้จะโยนใส่ปากยูทาร์สักหน่อย...นายเป็นไดโนเสาร์นะไม่ใช่ฮิปโปต้องวิ่งล่าเนื้อสิ”ผมบอกต่อแล้วยกเนื้อขึ้นมาอีกชิ้น
“วิ่งไปแล้วกระโดดงับเลยเข้าใจไหมยูทาร์...กระโดดกินเลย”ผมตะโกนบอกแล้วชูชิ้นเนื้อในมือแกว่งไปมาก่อนจะออกแรงขว้างไปสุดแรง ยูทาร์ที่เห็นก็ทำตาวาวก็จะวิ่งตามไปด้วยความเร็วสูงไม่ถึง10วินาทีเนื้อที่ถูกโยนไปก็เข้าไปอยู่ในปากของยูทาร์แล้ว
“สุดยอด...แบบนั้นเลยยูทาร์...เอาอีกรอบนะ”ผมตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจก่อนจะหยิบเนื้อชิ้นต่อไปมาแล้วขว้างออกไปอีกครั้ง ทั้งผมและยูทาร์ต่างก็รู้สึกสนุกไปกับเกมส์ที่กำลังเล่นอยู่นี้เผลอไปแค่แป๊บเดียวอาหารของยูทาร์ที่อยู่ในถังก็หมดเกรี้ยง
ส่วนยูกิก็วิ่งหนีออกไปตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ผมโยนเนื้อให้ยูทาร์แล้วล่ะก่อนออกไปยักยกมือไหว้และก้มหัวให้นับไม่ถ้วนก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนผมไม่กล้าโกรธ...
คงจะกลัวมากจริงๆนั่นแหละ
“หมดแล้วนะยูทาร์...สนุกไหม?...ผมสนุกมากเลยนะไว้เรามาเล่นกันใหม่เนอะ”ผมตะโกนบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะโบกมือบ๊ายบายยูทาร์ที่เดินมาผมาต้อยๆจนถึงประตูทางออก สายตาที่ดูหง๋อยลงทำให้ผมต้องหันกลับไปยิ้มให้อีกรอบ
“ไว้ผมจะรีบมาหานะ”
......................................................................................
ครั้งนี้ขอไม่มีมุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์นะคะ

สวัสดีคะ
มาอัพต่อแล้วคะ...ตอนแรกกะจะอัพประมาณปลายอาทิตย์แต่พอเข้ามาอ่านคอมเม้นท์แล้วมันอดไม่ได้จริงๆคะ
เราจะมาอัพอาทิตย์ละ1ตอนแต่อาจแยกเป็นสองครั้งหรือลงหมดครั้งเดียวแล้วแต่ความสะดวกนะคะ
ตอนนี้ความสัมพันธ์อาจจะยังไม่ค่อยคืบหน้ามากนักตั้งแต่ตอนหน้าจะเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างจริงจังแล้วคะ
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และกำลังใจที่มีให้นะคะ
1คอมเม้นท์เท่ากับ1กำลังใจของคนแต่งจริงๆคะ
เราจะแต่งพาทของยูทาร์แทรกเข้ามานานๆครั้งนะคะเพื่อสร้างความตื่นเต้นและฟิน(??)
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าในอาทิตย์หน้านะคะ(ถ้าทนไม่ไหวอาจมาลงทีละครึ่งคะ)

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪