กลายรักครั้งที่❧18
ช่วงบ่ายของวันหนึ่งหลังจากกลับมาจากการลาพักร้อนเซโครและยูทาร์ก็เริ่มทำงานที่ได้รับมาต่อทันทีโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ทั่วโลกกำลังตื่นตัวกับข่าวหนึ่งจนเกิดกระแสต่างๆขึ้นมากมาย...กว่าที่เซโครจะรู้ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะถูกจัดเตรียมบทสรุปไปเรียบร้อยแล้วแต่บทสรุปนั่นไม่ถูกใจเจ้าตัวอย่างแรงเลยต้องโทรหาคุณเลโอ ราวีโอลีอย่างด่วนที่สุด
การพูดคุยดูจะไม่ได้ข้อสรุปที่น่าพอใจนักเลยทำให้เจ้าของบัตรทองควบด้วยคู่หูไดโนเสาร์กลายพันธุ์เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของคุณเลโอ ราวีโอลีในตอนนี้...
“ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณกำลังจะทำ”เซโครยื่นคำขาดว่าจะไม่ยอมเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
“เธอไม่มีสิทธิ์มาค้านหรอกนะ...ถ้าเป็นก่อนหน้านี้อาจพอมีทางเปลี่ยนได้แต่เพราะเธอมาช้าไปแล้วจะบอกให้ฉันยกเลิกทั้งที่จะมีการแถลงข่าวขึ้นในอีก1ชั่วโมงข้างหน้าเนี่ยนะ?”เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับจ้องมาอย่างเอือมละอา
“ก็ได้ผมผิดเองที่ไม่รู้ข่าวอะไรเลยทั้งที่คนอื่นเขารู้กันหมด...เรื่องนี้ผมผิดและยอมรับพร้อมจะขอโทษแต่เรื่องที่จะให้ผมกับยูทาร์ไปแถลงข่าวเนี่ยผมขอเถอะ”ผมไม่ยอมออกไปทำอะไรแบบนั้นแน่...
จะให้ไปแถลงข่าว?
ผมไม่ใช่พวกดาราดังที่มีข่าวรักๆเลิกๆพวกนั้นนะ...แถมเนื้อหาของการแถลงข่าวก็มาจากวันสุดท้ายของการลาพักผ่อนที่ไปสวนสัตว์และได้ช่วยไดโนเสาร์ไว้มากมาย...เรื่องนี้คงจะจบไปโดยไม่ต้องมีข่าวออกมาถ้าเกิดไม่มีคนถ่ายรูปตอนที่ผมกับยูทาร์กำลังหยุดฝูงแองคิโลซอรัสด้วยสองมือเปล่า...ไม่ใช่แค่รูปแต่บางคนถึงกับถ่ายคลิปไปลงเลยก็มี...
นั่นทำให้เกิดการแผ่กระจายของข้อมูลไปรอบโลกและสิ่งที่พวกคนดูถามก็คือ...
พวกเขาเป็นใคร?
และทำยังไงถึงได้หยุดฝูงไดโนเสาร์ได้ทั้งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน?
เรื่องเริ่มใหญ่ขึ้นเมื่อมีข่าวหลุดมาจากวงในว่าผมเป็นคนผ่าคลอดให้กับเพลซิโอซอรัสได้สำเร็จอย่างสวยงามจนตอนนี้เจ้าตัวเล็กกลายเป็นดาวเด่นของสวนสัตว์ไปแล้ว...เพลซิโอซอรัสไม่ใช่สัตว์ปกติที่คนจะเข้าใกล้ได้ถ้าไม่ได้มีการวางยาสลบแต่ข่าวที่ปล่อยออกมาบอกว่าผมใช้เพียงแค่มีดผ่าตัดกับยาชาในการผ่าเท่านั้น
พอเรื่องใหญ่มากขึ้นก็มีนักข่าวมากมายต้องการรู้ข้อมูลพวกนี้จนไปเจอเข้ากับภาพที่ผมอยู่กับยูทาร์ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิติโดยมีฝูงซิตตาโคซอรัสอยู่ล้อมรอบ...
เมื่อมาถึงขนาดนี้ทางบริษัทเลยจำเป็นต้องเปิดแถลงข่าวโดยให้ผมและยูทาร์ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด...ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่ว่าคนที่ต้องไปให้แถลงข่าวซึ่งก็คือผมและยูทาร์พึ่งรู้ข่าวเรื่องนี้เมื่อเช้าเอง
คิดดูสิ...เนื้อหาของการแถลงอะไรก็ไม่มี...
การเตรียมพร้อมก็เป็นศูนย์
ถ้าให้ออกไปแถลงข่าวทั้งๆแบบนี้ก็ตายสิครับ
“ฉันไม่ห้ามถ้าพวกเธออยากบอกความจริง”คุณเลโอไม่ฟังสิ่งที่ผมบอกแถมยังเปลี่ยนเรื่องอีก...น่าโมโหจริงๆเลย
“คุณเลโอ”
“แต่ถ้าบอกไปคงมีหลายองค์กรที่ต้องการตัวยูทาร์ไป”
“คุณเลโอ”
“ความจริงเรื่องนี้ก็มีคนรู้อยู่พอสมควร...เพียงแต่เป็นคนระดับสูงหรือผู้นำองค์กรใหญ่ๆเท่านั้น”คนตรงหน้ายังคงพูดต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของผม
“คุณเลโอ”
“เพราะงั้นเธอควรบอกไปแค่ว่าเป็นความสามารถพิเศษน่าจะทำให้ปลอดภัยที่สุด”
“นี่...คุณเลโอ”
“เอาล่ะ...จบเรื่องแค่นี้ไปได้แล้ว”พอพูดจบคุณเลโอก็ลุกขึ้นแล้วก้าวออกจากห้องในทันที
“คุณเลโอ!”ผมวิ่งตามไปพร้อมกับตะโกนเรียกอีกครั้งนึง
“อ้อ...พอแถลงข่าวเสร็จแล้วให้ไปทำงานต่อเลยนะ...มีการลักลลอบค้าไดโนเสาร์ที่เกาะทางตอนใต้ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์...จัดการซะแล้วรายงานผลมา”คุณเลโอหยุดก่อนจะหันมาสั่งเพิ่มแล้วเดินออกไปทันที
ทิ้งผมไว้กับความมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน
“...อะ...”ผมกำมือข้างนึงแน่นโดยที่อีกข้างชี้ไปยังคนน่าโมโหที่ค่อยๆเดินออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
“ใจเย็นก่อนน่าเซโคร”ยูทาร์ตบไหล่ผมเบาๆเป็นการเรียกสติ
“เย็นไม่ไหวแล้วยูทาร์...กลายร่างเป็นไดโนเสาร์แล้วจัดการเลย!”ผมพูดขึ้นอย่างขาดสติ
“อย่าใจร้อนเลย...ไหนบอกว่าห้ามฆ่ามนุษย์ไง?”
“ก็ไม่ต้องให้ถึงตายสิเอาแค่ขาหักก็พอ!”ตอนนี้ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว
รู้สึกหงุดหงินคนคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก
“บ้าเอ้ย!!”ผมตะโกนออกมาเพื่อคลายอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง
พอใช้เวลาสักพักให้ผมก็สามารถสงบสติลงได้อย่างรวดเร็วและรู้สึกว่าตัวเองตอนขาดสตินี่น่ากลัวกว่าที่คิด...โชคดีที่ยูทาร์ไม่ทำตามที่ผมบอกไม่งั้นคงเกิดเรื่องใหญ่โตแน่
“ยูทาร์...เราจะเอาไงดี?”ผมหันไปถามยูทาร์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง
ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องรับรองข้างๆห้องแถลงข่าว...การแถลงข่าวครั้งนี้จะถ่ายทอดสดจากบนเกาะนี้โดยจะมีกล้องถ่ายอยู่ด้านหน้าตัวเดียว ด้านหลังกล้องจะเป็นโปรเทคเตอร์อันใหญ่ที่จะฉายภาพของกลุ่มผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกที่นั่งรอกันอยู่เต็มไปหมด
ถ้าทางผู้สื่อข่าวมีข้อส่งสัยอะไรก็จะถามผ่านกล้องอีกตัวที่ตั้งอยู่ในบริเวณห้องนั้นได้...ก็เหมือนเราคุยกันผ่านโปรเทคเตอร์นั่นแหละ
“แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”ยูทาร์ถามกลับแล้วพยายามช่วยผมคิด
“ต้องออกไปบอกว่าทำไมพวกไดโนเสาร์ถึงเชื่อกับยูทาร์มากขนาดนั้น”
“ก็เพราะผมคุยกับพวกเขาดีๆนี่นา”
“เราบอกว่ายูทาร์คุยกับไดโนเสาร์รู้เรื่องไม่ได้เพราะมันจะทำให้เกิดปัญหาได้...แต่ถึงจะบอกคนทั่วไปไม่ได้แต่พวกระดับสูงก็น่าจะรู้กันหมดแล้ว”ผมพยายามอธิบายพร้อมกับคิดไปด้วย
“ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ?”
“เพราะยูทาร์เป็นคนพิเศษ...การที่พิเศษจะทำให้ถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาและอาจทำให้ยูทาร์ถูกทำร้ายได้”
“แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี”คำพูดของยูทาร์ทำให้ผมต้องหันไปมองอีกฝ่าย
“...หมายความว่ายังไง?”
“เซโครเคยบอกว่าความลับไม่มีในโลก...ผมเห็นด้วยกับคำนั้นนะ...ถึงวันนี้พวกเขาจะไม่รู้แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้รู้...ถ้าวันนึงมีคนถ่ายรูปของผมตอนที่กำลังกลายร่างแล้วเอาไปเผยแพร่มันจะกลายเป็นว่าพวกเราหลอกลวงไม่ใช่เหรอ?”สิ่งที่ยูทาร์พยายามอธิบายผมก็เข้าใจดี
ไม่มีความลับไหนที่จะสามารถปกติไปได้ตลอด
สักวันนึงความลับพวกนั้นต้องถูกเปิดเผยออกมาไม่ว่าทางใดก็ทางนึง
ถ้าตอนนี้ผมเลือกที่จะโกหกเพื่อให้พวกเขาเชื่อ...วันหนึ่งที่ความลับถูกเปิดเผยมันจะเกิดเรื่องที่ใหญ่กว่านี้แน่แต่ในทางกลับกันถ้าผมบอกความจริงในวันนี้ทั้งโลกต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะข่าวนี้เช่นกัน...
การทดลองที่ใส่ยีนส์ของมนุษย์ไปผสมกับไดโนเสาร์
ไม่ต้องรอให้เกิดเรื่องผมก็เดาได้เลยว่าจะเกิดการโจมตีองค์กรของเราที่ทำเรื่องบ้าๆแบบนี้...การที่เลือกที่จะบอกความจริงต้องเตรียมรับผลที่จะตามมาซึ่งมันคงจะไม่น้อยแน่
“เซโคร...ผมจะทำตามที่เซโครบอก...ถ้าอยากให้โกหกผมก็จะทำ”ยูทาร์เอื้อมมือมาจับผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“...เราจะไม่โกหก”ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะบอกออกไป
“เซโคร...”
“ผลที่ได้มันอาจแย่แต่เราสามารถพูดให้พวกเราเขาเข้าใจได้...ถ้าทำได้เรื่องอาจจบได้ด้วยดี”ผมกำมือยูทาร์ที่จับไว้แน่นพร้อมกับตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับพวกนักข่าว
“เซโครทำได้อยู่แล้ว”
“ไม่ใช่แค่ผมที่ต้องทำ...ยูทาร์ก็ต้องช่วยพูดด้วย”ผมคนเดียวคงไม่อาจพูดโน้มน้าวได้...
พวกเราต้องช่วยกัน
เซโครและยูทาร์เดินเข้าไปในห้องแถลงข่าวก่อนจะบอกคนที่คุมกล้องว่าเริ่มถ่ายได้เลย...ภาพของเหล่านักข่าวจากหลายสำนักทั่วโลกแสดงขึ้นที่หน้าจอด้านหน้าพวกเรา เสียงซุบซิบพูดคุยกันเงียบลงอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นผมและยูทาร์ที่นั่งอยู่
“ผมไทรแอสซิก เบนซ์ ฟงเซ่...ขอบคุณทุกท่านที่มารวมตัวกันในวันนี้”ผมเริ่มเปิดฉากด้วยการทักทาย
“ผมชื่อยูทาร์...ยินดีที่รู้จักครับ”
“วันนี้พวกเราจะมาบอกถึงสิ่งที่ทุกคนอยากรู้ว่าทำไมถึงสามารถเข้าใกล้ไดโนเสาร์ได้โดยที่ไม่ถูกทำร้ายหรือเกิดการต่อสู้...ความจริงแล้วยูทาร์ที่นั่งอยู่ข้างผม...”พอพูดมาถึงตรงนี้ก็เกิดไม่มั่นใจขึ้นมาว่าจะพูดความจริงออกไปดีไหม?
การที่บอกออกไปมันจะดีแน่รึเปล่า?
ความกังวลเริ่มถาโถมเข้ามาเรื่อยๆแต่เมื่อมือของยูทาร์วางทับลงบนมือผมพร้อมกับส่งยิ้มมาให้...เชื่อไหมว่าความกังวลที่มีมันปลิวหายไปไหนก็ไม่รู้
ยูทาร์มอบความกล้าให้ผมเสมอ...
ตอนนี้ก็เช่นกัน
“คนที่นั่งอยู่ข้างผมเป็น...มนุษย์ที่มียีนส์ของไดโนเสาร์อยู่ในตัวทำให้สามารถคุยกับไดโนเสาร์ได้รวมทั้งยังสามารถแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์ได้อีกด้วย”ผมกลั้นใจบอกความจริงไป
“...”ความเงียบเข้ามาปกคลุมอย่างรวดเร็วแต่ก็เพียงแค่พักเดียวเท่านั้น...พอเหล่าผู้สื่อข่าวเริ่มตั้งสติได้ทั้งห้องก็มีแต่เสียงพูดคุยกันดังลั่นไปหมด
“คุณไทรแอสซิกจะบอกว่า...คุณยูทาร์เป็นไดโนเสาร์?”นักข่าวคนนึงยกมือขึ้นพร้อมกับถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เขาเป็นแค่ไดโนเสาร์ลูกผสมเท่านั้น...สำหรับผมยูทาร์เป็นมนุษย์”
“แล้วคุณไม่กลัวเขาเลยเหรอ?”
“ไม่เลยสักนิด...ผมเชื่อว่าทั้งมนุษย์และไดโนเสาร์สามารถเข้าใจกันได้ง่ายๆเพียงแค่เราลองและกล้าที่เชื่อใจเท่านั้น...ในตอนแรกผมเคยถูกกัดแต่เพราะผมไม่ยอมแพ้...เวลาช่วยสร้างความเชื่อใจและความไว้ใจขึ้นมาได้”ผมตอบกลับคำถามต่อมา
“เหตุผลที่สร้างคุณยูทาร์ขึ้นมาคืออะไรคะ?”
“ให้เป็นราชา...”ผมตอบโดยไม่ต้องคิด
“ราชา?”
“ใช่...ยูทาร์จะเป็นราชาของไดโนเสาร์ทุกตัวที่เกิดขึ้นมา...ไดโนเสาร์ทุกตัวต้องการจ่าฝูงหรือหัวหน้าที่สามารถควบคุมและดูแลทุกอย่างได้ซึ่งมนุษย์แทบไม่มีทางทำได้เพราะงั้นยูทาร์ถึงเกิดมาเพื่อจะช่วยให้เราสื่อสารกับเหล่าไดโนเสาร์ได้...แบบนั้นจะช่วยลดการตายอย่างเสียเปล่าลงไปได้เยอะเลย”ผมอธิบายออกไปตามที่คิดและเคยได้ยินมาจากพ่อ
“...ขออีกคำถามได้ไหมคะ?”นักข่าวคนเดิมยกมือต่อ
“ได้ครับ”
“คุณใช่ลูกของคุณฟรานซิสไหมคะ?”
“ครับ...ผมเป็นลูกชายของเขา”
“แปลว่าคุณพ่อคุณเป็นคนสร้างคุณยูทาร์ขึ้นมา...ถูกไหมคะ?”
“มีหลายคนที่มีส่วนร่วมในการทดลองแต่คนที่เป็นหัวหน้าก็คือพ่อผมเอง”ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอะไรแล้วในตอนนี้
“ผมอยากถามคุณยูทาร์หน่อยได้ไหมครับ?”นักข่าวอีกคนยกมือแล้วหันไปมองยูทาร์
“...ได้ครับ”ยูทาร์นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับไป
“คุณรู้ไหมครับว่าตัวเองเป็นทั้งมนุษย์และไดโนเสาร์?”
“ตอนแรกผมไม่รู้แต่พอได้พบกับเซโครก็ได้รู้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยรู้...ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นเพราะเซโครเป็นคนบอก”ยูทาร์ตอบคำถามด้วยท่าทางนิ่งๆ
“แล้วคุณคิดว่ามนุษย์เป็นอะไรครับ?”อีกฝ่ายยังคงถามต่อ
“เอาตอนนี้หรือเมื่อก่อนครับ?”ยูทาร์ย้อนถาม
“ทั้งคู่เลยครับ”ดูท่ายูทาร์จะเป็นที่สนใจของพวกนักข่าวมากกว่าผมอีกนะ
“เมื่อก่อนผมเห็นมนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่แสนอ่อนแอและเป็นเหยื่อที่สมควรถูกล่าเท่านั้น...แต่พอได้เจอเซโครเขาสอนให้ผมมองว่ามนุษย์เป็นเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียวกัน...เซโครบอกว่ามนุษย์สามารถอยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่เชื่อใจกันเพราะเวลาจะสร้างความเชื่อใจขึ้นมาเอง”คำตอบของยูทาร์ทำให้ผมคลียิ้มออกมาบางๆ
“คุณจะฆ่ามนุษย์ไหมครับ?”
“ผมจะไม่ฆ่าใคร...ถ้าคนคนนั้นไม่ทำร้ายเซโคร”ยูทาร์ตอบออกไปทันทีพร้อมกับหันมามองหน้าผม
“คำถามสุดท้าย...คุณสนิทกับคุณไทรแอสซิกมากขนาดไหนครับ?”
“ขนาดไหน...ผมไม่รู้หรอก...แต่ผมอยากอยู่ข้างๆเซโครตลอดเวลาไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม...ผมรักเซโครมากๆเลยและคงไม่คิดว่าจะรักใครได้มากเท่านี้อีกแล้ว”ยูทาร์พูดออกไปพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม
“...”ผมไม่รู้ว่ายูทาร์รู้ไหมว่าสิ่งที่พูดออกไปมันคือการประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเรากำลังคบกันอยู่
เท่าที่ดูยูทาร์คงไม่รู้แน่ๆเลย
คนที่รู้อย่างผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้าซ่อนใบหน้าแดงๆของตัวเองเท่านั้น
“...แปลว่าพวกคุณคบกันใช่ไหมคะ?”หลังจากเงียบไปก็เริ่มมีคนถามต่ออีกครั้ง
“เซโครบอกว่าเราเป็นแฟนกัน”ยูทาร์ตอบแทนผมที่ก้มหน้าลงอยู่
“คุณยูทาร์รู้จักแค่กับเขา...ไม่คิดเหรอคะว่าต่อไปจะได้เจอคนที่รักมากกว่านี้?”คำถามนี้ทำให้ผมเหล่มองยูทาร์ด้วยความอยากรู้...
ยูทาร์จะตอบคำถามนี้ยังไงนะ?
“ไม่คิดครับ...ผมไม่ได้พึ่งรักเซโครแต่รักมาตลอด...ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบกับดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่สวยนั่นผมก็คงไม่อาจรักใครได้อีก”ยูทาร์ตอบกลับในทันทีเหมือนกับไม่ต้องใช้เวลาคิดคำตอบเลยสักนิด
“ยูทาร์...”ผมเงยหน้าขึ้นพร้อมกับสบเข้ากับดวงตาสีเหลืองอำพันที่หันมายิ้มให้...
ไม่เคยรู้เลยว่ายูทาร์จะรู้สึกแบบนี้มาตลอด
“ทางเราหมดคำถามแล้วคะ”เสียงของนักข่าวคนนึงแทรกเข้ามาทำให้ผมรีบตั้งสติแล้วหันหน้าไปทางกล้องอีกครั้ง
“งั้นผมขอพูดอะไรอีกสักหน่อยนะครับ...คนเราเลือกที่จะเกิดไม่ได้เพราะงั้นเมื่อเราได้รับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตมาก็ควรจะใช้มันให้ดีและคุ้มค่าที่สุดเช่นเดียวกับยูทาร์ที่เขาเลือกไม่ได้ว่าจะเกิดมาเป็นแบบไหนแต่พวกเราเลือกได้ว่าจะทำยังไงเพื่อใช้ชีวิตได้อย่างที่ใจต้องการ...ผมหวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจในตัวของยูทาร์...ถ้าเกิดจะว่าอะไรก็ขอให้อย่าลงที่ยูทาร์หรือองค์กรดอร์วูที่สร้างเขาขึ้นมาเลย...”
“ขอจบการแถลงข่าวเพียงเท่านี้”
ทันทีที่กล้องตัดภาพเซโครที่นั่งเกร็งอยู่ก็ฝุบลงกับโต๊ะตรงหน้าด้วยอารมณ์อันหลากหลายทั้งตื่นเต้น กังวลหรือแม้แต่ความกลัว...เท่าที่มองสีหน้าของเหล่าผู้สื่อข่าวที่นั่งอยู่ก็ดูจะไม่แย่สักทีเดียว ข่าวที่ออกมาอาจจะไม่ได้แย่นักก็ได้
แต่ทันทีที่ข่าวออก...ไม่สิ...ทันทีที่ช่างกล้องเอาเทปที่อัดไปให้คุณเลโอผมคงโดนลงโทษที่ไม่ฟังคำสั่งแน่ๆแค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
“เซโครเป็นอะไรไหม?”
“อื้อ...ผมปวดหัวจัง”ผมตอบยูทาร์ออกไปตามตรง
“ลุกไหวไหม?”ยูทาร์ยังคงถามต่อแล้วลูบเส้นผมสีบอร์นทองของผมเบาๆ
“...ขอพักอีกแป๊บ”ตอนนี้ถึงอยากลุกก็ลุกไม่ไหวแล้วล่ะ
เหมือนโดนสูบพลังงานไปจนหมดตัวเลย
“ไปนอนที่ห้องดีกว่านะ”ยูทาร์บอกด้วยความเป็นห่วง
“ก็อยากไปอยู่แต่ตอนนี้ลุกไม่ไหวละ...อ๊ะ...”
ยังไม่ทันพูดจบร่างกายผมก็ลอยขึ้นจากพื้นโดยฝีมือของยูทาร์ที่อุ้มผมลอยขึ้นแถมยังในท่าอุ้มเจ้าสาวอีก...ด้วยความตกใจผมเลยพยายามดิ้นแต่ยูทาร์ก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น
“เดี๋ยวก่อนยูทาร์...หยุดก่อน...ปล่อยผมลงนะ”ผมพยายามขัดขืนเต็มที่...ผู้ชายที่ไหนจะรู้สึกดีใจเวลาถูกผู้ชายด้วยกันอุ้มตัวลอยบ้างล่ะ?
อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ผมแน่นอน
“เซโครบอกลุกไม่ไหวนี่ผมเลยอุ้มแทนไงจะเดินไปให้ถึงห้องเลย”คำตอบของยูทาร์ทำให้แทบจะเอาหน้ามุดดิน ระยะทางจากตึกนี้ถึงห้องผมไกลหลายกิโลแถมยังผ่านเขตที่มีคนพลุกพล่านอีก...ถ้ามีคนเห็นผมถูกอุ้มจะคิดยังไงกับภาพที่เห็นล่ะ
เรื่องของผมกับยูทาร์ยังไม่ได้บอกให้ใครรู้แต่พวกนักข่าวก็พอจะรู้กันแล้วเหลือแต่พ่อและแม่ที่ผมอยากเป็นคนไปบอกด้วยตัวเอง...ยังไงผมก็ไม่คิดว่าพ่อและแม่จะรู้ข่าวจากโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์หรอกเพราะพวกเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่...
แค่ได้สนุกกับการทดลองและค้นก็มีความสุขมากแล้ว
“ปล่อยผมลงเถอะยูทาร์ถ้าเดินไปทั้งแบบนี้ผม...”คำพูดสสุดท้ายถูกกลืนลงคอเมื่อเห็นว่าไม่ควรพูดออกมา
“อะไร?...เซโครจะบอกอะไรเหรอ?”ดวงตาสีเหลืองอำพันขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับคำถาม
“...ไม่มี...”
“โกหก”ไม่ต้องรอให้ผมพูดจบยูทาร์ก็แทรกขึ้นมาทันที
“...แค่อายเฉยๆ”ผมก้มหน้านิ่งซุกลงกับแผ่นอกของยูทาร์แล้วพึมพำตอบไปเสียงเบา...ผมรู้ดีว่าถึงจะเบาแค่ไหนยูทาร์ก็ได้ยินอยู่ดี
“...เซโครน่ารัก...แก้มแดงๆก็น่ารัก”ยูทาร์บอกพร้อมกับก้มลงมาฟัดแก้มขวาซ้ายของผมแรงๆจนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างเคืองๆ
“ปล่อยผมเถอะ”ผมบอกอีกครั้ง
“เซโครควรพักหน่อยนะ”อีกฝ่ายก็ยังดื้อไม่ยอมปล่อยผมลง
“เฮ่อ...งั้นเปลี่ยนเป็นขี่หลังแทนได้ไหมล่ะ?”ผมยื่นข้อเสนอ
ถ้าเป็นขี่หลังผมจะไม่มีปัญหาเลยเวลาถูกใครเห็น
“ขี่หลัง?...ได้สิ”
เมื่อยูทาร์ตกลงร่างของเซโครก็ถูกวางลงก่อนจะเดินไปข้างหลังอีกฝ่ายที่ดูงงๆว่าผมจะทำอะไร...พอหาจังหวะได้ผมก็กระโดดขึ้นบนหลังยูทาร์เต็มแรงจนคนรับเซไปด้านหน้าเล็กน้อย สองมือของผมโอบคอของยูทาร์ไว้แน่นแล้วซบหน้าลงที่หัวไหล่ก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา
ยูทาร์คอยให้ผมอยู่นิ่งสักพักก่อนค่อยเริ่มออกเดินอีกครั้ง...ระหว่างทางกลับมีแต่ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างเราแต่ถึงจะเงียบก็เป็นความเงียบที่อบอุ่นที่สุด...
เป็นครั้งแรกที่ได้ขี่หลังยูทาร์ในร่างมนุษย์
จำได้ว่าครั้งล่าสุดก็ตอนที่กระโดดลงไปหายูทาร์ที่ถูกลูกน้องของคุณเลโอจับตัวไว้ซึ่งก็นานพอสมควรแล้ว...ความทรงจำหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องของยูทาร์ทั้งนั้น
“หนักไหม?”ผมกระชับแขนเข้ามาก่อนจะกระซิบถามเบาๆ
“ไม่เลย”
“โกหก...เมื่อกี๊ยังเซอยู่เลย”ผมสวนกลับไปพร้อมกับหันไปมองใบหน้าด้านข้างของยูทาร์ด้วยรอยยิ้ม
“นั่นผมตกใจต่างหาก”
“แก้ตัว”
“ไม่ใช่นะ...อ๊ะ...”ยูทาร์ถึงกับอุทานออกมาเบาๆเมื่อหันหน้ามาเจอผมในระยะประชิดจนจมูกของเราสัมผัสกันเบาๆ...ดวงตาสีเขียวอมฟ้ามองลึกเข้าไปยังดวงตาสีเหลืองอำพันของคนตรงหน้าก่อนจะขยับหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นจนริมฝีปากของเราสัมผัสกันเบาๆ
เซโครคาสัมผัสนั้นไว้สักพักก็จะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“...ไหนบอกว่าห้ามจูบข้างนอกไง?”ยูทาร์ถามเสียงเบาโดยที่เรายังจ้องตากันอยู่ในระยะประชิด
“ผมห้ามยูทาร์จูบ...ไม่ได้ห้ามตัวเองสักหน่อย”ผมบอกพร้อมส่งยิ้มไปให้
“เจ้าเล่ห์”
“ไปจำคำนั้นมาจากไหนน่ะ?”ผมถามขึ้นด้วยความอยากรู้ปนสงสัย
“พ่อสอนมา”คำตอบที่ได้รับทำให้ผมครางอ๋อเบาๆในลำคอก่อนจะบอกให้ยูทาร์เดินต่อ...ในไม่ช้าร่างของเซโครก็ถูกส่งจนถึงเตียงอย่างปลอดภัยแต่ในจังหวะที่ลงจากหลังผมใช้มือสองข้างล๊อคคอยูทาร์เอาไว้แน่นแล้วดึงจนอีกฝ่ายหงายหลังลงบนเตียง
“...เล่นอะไรน่ะเซโคร?”ยูทาร์หันมามองผมเคืองๆ
“แค่อยากแกล้ง”
“งั้นผมจะแกล้งกลับนะ”ไม่รอช้ายูทาร์ลุกขึ้นพร้อมกับขยับมาร่างกายคร่อมผมไว้...ผิวสีแทนขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะซุกใบหน้าลงไปต้นคอผมแล้วใช้ปลายจมูกเขี่ยไปมาจนผมจั๊กกะจี้
“คิก...ไม่เอา..ฮะฮะ...ผมจั๊กกะจี้นะ...คิก...”ผมพยายามดิ้นแต่แรงของมนุษย์หรือจะสู้ไดโนเสาร์พันธุ์ผสมตรงหน้าได้
ยูทาร์ไม่ยอมหยุดแกล้งผมแถมยังเปลี่ยนจากปลายจมูกเป็นริมฝีปากที่จูบเบาๆไปตามลำคอขาว พอผมเอียงข้างยูทาร์ก็เปลี่ยนฝั่งทันที...ริมฝีปากร้อนๆที่ประทับลงตาผิวคอทำให้ร่างกายผมเริ่มร้อนขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“ยูทาร์...พอ...”ถ้ามากกว่านี้...มันอาจเลยเถิดไปไกลก็ได้
“อีกนิดนะเซโคร”ยูทาร์เงยหน้าขึ้นมาบอกพร้อมกับกดจูบเบาที่หน้าผากแล้วก้มลงไปจูบที่ปลายคงผมก่อนจะไล่ริมฝีปากลงไปตามแผงคอขาว...ทั้งที่อยากปฏิเสธแล้วดันหน้าคนที่คร่อมอยู่ออกไปแต่ร่างกายกลับสั่งให้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้รับสัมผัสได้มากยิ่งขึ้น
“ยูทาร์...”...ไปจำมาจากไหนเนี่ย?
ผมอยากจะถามคำถามนั้นออกไปซะจริงๆ
“เซโครคือผม...”
ครื่นนน
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้การกระทำทุกอย่างหยุดชะงักพร้อมกับผมที่ดันหน้ายูทาร์ออกไปในทันทีแล้วเด้งตัวขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมารับสายโดยที่ไม่ทันดูชื่อที่โทรเข้ามา...แต่ถึงไม่ดูคนที่โทรมาก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“ครับคุณเลโอ”ผมทักทายโดยควบคุมเสียงไม่ให้สั่น...ตอนนี้หน้าผมมันคงแดงยิ่งกว่าเนื้อแตงโมแน่ๆรับรองได้เลย
นี่ถ้าไม่มีโทรศัพท์มาพวกเราจะเลยเถิดไปขนาดไหนแล้วเนี่ย
(ฉันรู้เรื่องแถลงข่าวแล้ว)
“คุณจะโทรมาให้บทลงโทษผมเหรอ?”ผมถามกลับ
(อยากโดนรึไง?)
“ไม่อยากครับ”
(ก็ดีเพราะฉันไม่ได้คิดบทลงโทษไว้)
“แปลว่าคุณไม่ได้โทรมาด้วยเรื่องที่ผมแถลงข่าวไป?”
(ใช่...การที่เธอบอกความจริงมันอาจเป็นเรื่องดีแต่ก็มีข้อเสียด้วยแต่เท่าที่เห็นคงไม่มากเท่าไหร่...นี่ฉันคงไม่ได้โทรมาขัดจังหวะพวกเธอใช่ไหม?)
“ห๊ะ?...ขัดจังหวะอะไรกันครับ...ไม่มีๆ”ผมรีบปฏิเสธทันควัน...
ทำไมถึงรู้ได้เนี่ย
(งั้นก็ดี...ฉันเลื่อนเวลาการไปฟิลิปปินส์เป็นพรุ่งนี้เช้า...สิ่งที่พวกเธอต้องทำคือจับเป็นพวกคนลักลอบค้าไดโนเสาร์)
“ได้ครับ...แล้วในกรณีที่ขัดขืน...”
(อนุญาตให้จับตายได้)
“รับทราบ”พอพูดคุยเสร็จคนปลายสายก็วางไปทันที
“งานเหรอเซโคร?”ยูทาร์ที่นั่งฟังอยู่ข้างๆถามขึ้น
“ใช่...เราจะไปพรุ่งนี้และจับเป็นด้วย...คุณเลโอสั่งหยั่งกับพวกเราเคยทำใครตายเลยเนอะ”
“พวกเราไม่เคยฆ่าใครนี่นา”
“ใช่เลย...พวกเราจะไม่ฆ่าถ้าไม่จำเป็น”ผมบอกพร้อมกับยกมือขึ้นลูบใบหน้าของยูทาร์อย่างเชื่องช้า
“อืม...นอนกันเถอะเซโครคงเหนื่อยมากแล้ว”ยูทาร์ยกมือขึ้นมากุมมือผมที่ลูบใบหน้าอีกฝ่ายอยู่แล้วดึงผมให้เซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของยูทาร์พร้อมกับล้มตัวลงนอน
“ฝันดีนะยูทาร์”ผมขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกเบาๆ
“เช่นกัน”นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินก่อนจะปล่อยสติให้หายไปในอ้อมกอดของยูทาร์...
.......................................................................................
สวัสดีคะ
ครั้งนี้ไม่มีไดโนเสาร์ออกโรงขอไม่มีมุมให้ความรู้เรื่องไดโนเสาร์ละกันนะคะ
ใครหลายคนอาจจะอยากเห็นฉากบู๊ต่อต้องขอโทษที่ไม่ได้เขียนนะคะ...คิดว่าถ้าเขียนคงยืดเยื้อแน่เลยตัดจบตรงนั้นให้คนอ่านคิดฉากบู๊เองเลยคะ
ตอนนี้ทั้งโลกได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของยูทาร์จะมีกระแสยังไง?
คอยติดตามในตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
ในตอนต่อไปเป็นการตะลุยเกาะที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์และพวกลักลอบค้าไดโนเสาร์
รับลองความมันส์ของฉากต่อสู้ต่อสู้เลยคะ
มีคำถามจาก ยัยหัวหยอง ในเว็บเด็กดีที่ถามมาว่า " มีคำถามสำหรับยูทาร์ เมื่อไหร่นายจะจัดการเซโครซักที อยากอ่านแล้ว"
ไรท์ : อะๆ...มาตอบหน่อยยูทาร์
เซโคร : เดี๋ยวก่อน!...ขอถามกลับหน่อยว่าทำไมถึงมีแต่คนอยากให้ผมเสียตัวนัก!(พูดเสียงดังด้วยอารมณ์บ่อจอย)
ไรท์ : แหมๆ...คนอ่านก็อยากได้อะไรฟินบ้างนี่
เซโคร : แค่กอด หอม แก้ม จูบปากนี่ยังฟินไม่พอเหรอครับ?
ไรท์ : ก็ฟินนะแต่อยากได้มากกว่านั้นอีกสักหน่อย(ตอบแทนผู้อ่าน)
เซโคร : ไม่มีใครเห็นใจผม(ทำหน้าเศร้า)
ไรท์ : น่าๆ(ยกมือตบไหล่ปลอบใจ) เอ้ายูทาร์มาตอบเร็ว
ยูทาร์ : ครับ...ว่าแต่จัดการเซโครคืออะไร? ผมไม่ทำร้ายเซโครหรอกนะ(พูดหน้าซื่อ)
ไรท์ : หึหึ...ให้คนโดนจัดการอธิบายหน่อยละกัน(เหล่มองเซโคร)
เซโคร : ไง๋โยนมาให้ละเนี่ย?
ไม่ต้องสนใจยูทาร์ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติอย่าไปรีบร้อนนักเลย จริงๆนะ(พยายามกล่อม)
ยูทาร์ : เอางั้นเหรอ? แต่เขาถามมาแล้วนะถ้าไม่ตอบมันก็...
เซโคร : ไม่เป็นหรอกน่า...รีบไปทำภารกิจกันดีกว่า(พูดจบก็คว้ามือยูทาร์ออกไปทันที)
ไรท์ : ...หนีไปซะแล้ว
งั้นคำตอบของเรื่องนี้คนแต่งจะตอบให้ละกันนะคะ
เอาตรงๆเลยก็คือ...
ตอนที่20เซโครเสร็จแน่คะ(แฮ่!)
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และกำลังใจที่มีให้นะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
บ๊ายบายคะ

nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪