เหตุเกิดบนเตียงของห้องข้างเคียงวิศวะ ตอนพิเศษ 14.11.62 อัปจ้า
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุเกิดบนเตียงของห้องข้างเคียงวิศวะ ตอนพิเศษ 14.11.62 อัปจ้า  (อ่าน 248649 ครั้ง)

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
อย่ารีเทรินได้ไหมคะ 555555 ไม่ต้องมีพระเอกหรอกคะ /โดนถีบ
   :ling3:

ออฟไลน์ DuenTwinBII

  • ♥ “If you can't explain it simply, you don't understand it well enough.”♡
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +624/-4
 :serius2:
อ่านพี่ท็อปแล้วดูจะลดความไม่ชอบได้บ้าง 5555
แต่เอาใจช่วยสองนะคะ

ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พี่ท็อปสู้ๆ นะถ้ารักสองจริงอ่ะ ก็พยายามเข้านะ

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนที่ 14 ออกค่ายพักใจ (1)

หลังจากที่คุยกับพี่ท็อปเมื่อครู่ที่ผ่านมา ผมเดินกลับเข้ามายังห้องปั้นเพื่อทำงานต่อจากที่ค้างไว้ นึกถึงคำพูดของพี่ท็อปที่วนเวียนอยู่ในหัว...อีกฝ่ายจะรอผมได้จริงๆหรือไงกัน 

ความจริงงั้นเหรอ

ตัวผมยังอยากจะรู้อะไรอีกกัน ต่อให้ฟังจากปากพี่ท็อปเองมันก็คงไม่ช่วยให้ความรู้สึกของผมที่เสียไปดีขึ้นมาได้หรอก ไอ้ผิงละจากฐานปั้นขึ้นมามองผมก่อนจะเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนลายจุดสีสันสดใสขัดกับหน้าตาโฉดดุรับกันได้ดีกับสกินเฮ ไอ้ผิงมันส่งสายตาสงสัยสอดรู้ของมันมาให้ผม

“เฮ้ย ไอ้สอง ตกลงมึงเลิกกับพี่ท็อปแล้วจริงๆเหรอวะ"ไอ้ผิงถอนหายใจเซ็งๆแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไปมา ขณะเดียวกันไอ้โก๋โผล่หน้ามาจากงานปั้นของมันที่สูงจนบดบังร่างกายของมันไว้ได้ ผมแปลกใจที่เห็นมันมาทำงานวันนี้ เพราะตอนเช้ามันหายหัวไปไหนกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งแทน ไอ้โก๋ทำหน้าเจื่อน

“เออ สอง กูขอโทษนะเว้ย ที่กูไม่ได้สนใจมึงเลย ช่วงก่อนหน้านั้น”ไอ้โก๋พูด ผมส่ายหน้าโบกมือให้มันอย่างไม่ถือสา

“ช่างเหอะน่า มึงเองก็เครียดเรื่องงาน กูไม่คิดมากหรอก เพื่อนก็คือเพื่อนอยู่วันยังค่ำ”ผมบอกมัน แต่ไม่ได้ตอบคำถามของไอ้ผิง

ผมไม่เคยเล่าเรื่องแผนการของเฮียแกนที่อยากให้ผมเจ็บ หรือเรื่องของพี่ท็อปที่หลอกลวงผม

“มึงจะบอกกูได้เมื่อไหร่วะ”ไอ้ผิงคว้าก้อนดินขว้างใส่ผมอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเดินมาหาผมตรงหน้า ผมถอนหายใจขณะที่ลากเก้าอี้มานั่ง ในระหว่างที่ไอ้เพื่อนสองตัวก็รีบคว้าเก้าอี้มาสุมหัวกับผม

“....อือ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันคลี่คลายหมดแล้ว กูเล่าให้พวกมึงฟังก็ได้”ขณะนั้นผมได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มันฟัง โดยไม่ปิดบังสักเรื่องเดียว เรื่องมิ้นท์ เฮียแกน พี่ท็อป ไอ้โย ไอ้ยิม


“ทำไมเรื่องเยอะแบบนี้วะ กูล่ะนับถือมึงที่ยังมีชีวิตรอดมาจนป่านนี้”ไอ้โก๋พูดขำๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนไอ้ผิงมองหน้าผมนิ่งๆขมวดคิ้วเม้มปากแน่นเหมือนไม่พอใจ

“แล้วตกลงพี่ท็อปเค้าชอบมึงจริงๆใช่ไหม”ไอ้ผิงยิงคำถามใส่ ผมมองหน้าพวกมันสองคนแล้วครุ่นคิดจริงจัง ช่วงที่ผ่านมาผมรู้สึกแย่กับพี่ท็อป จนความรู้สึกเหล่านั้นในกลบบดบังทำให้ผมมองพี่ท็อปไม่ออก

“ก็อาจจะ”ผมไม่กล้าฟันธง ผมรู้สึก50-50มากกว่า ถึงวันนี้พี่ท็อปจะมาหาผมและพูดบางอย่างกับผมไปแล้วนั้น ผมก็รู้สึกแปลกๆ ไม่เชิงว่าดีใจ

“มันก็ต้องรู้สึกบ้างนั่นแหละวะ”ไอ้โก๋เป็นฝ่ายพูด

“แล้วมึงจะเอาไงกับไอ้ยิม มึงจะกั๊กๆไม่ได้นะเว้ย อย่าไปให้ความหวังเลย ถ้าไม่คิดจะรัก”ไอ้ผิงพูดถึงเรื่องไอ้ยิมขึ้นมา ไอ้โก๋พยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ว่ามันจะห่างๆจากผมไปบ้างแต่มันก็รับรู้เรื่องของผมจากไอ้ผิงอีกทางหนึง ไอ้ผิงมันบอกผมว่าไอ้โก๋ก็มาถามไถ่เรื่องของผมบ้าง

“เออ กูบอกมันไปแล้วว่าไม่ได้ชอบมัน”ผมตอบแล้วไหวไหล่ นอกนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้ยิมมันจะคิดยังไงหรือปฏิบัติตัวอย่างไงเพราะในเมื่อมันรับรู้ความรู้สึกของผมที่มีต่อมันว่าให้ได้แค่ไหน อย่างน้อยมันก็น่าจะรู้สถานการณ์ของตัวเองดี

“มึงต้องใช้มาตรการเด็ดขาด”ไอ้โก๋พูด

“มึงคิดว่ามันจะหยุดความรู้สึกไว้เท่าเดิมหรือไง ในเมื่อมึงยังอยู่ข้างๆมันแบบนี้ มันก็ต้องมีความหวังเพิ่มขึ้นบ้างแหละวะ ทางที่ดีนะ...มึงต้องยื่นคำขาดไปซะ”ไอ้โก๋พูดมีเหตุผล ถ้าผมยังคงทำดีกับคนที่ชอบ มันก็เหมือนทำร้ายใจไอ้ยิมมันทางอ้อม ความหวังมันก็ต้องงอกเงยเติบโตคงไม่มีใครห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกอย่างไอ้ยิมชอบผมทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีความหวัง...มันก็คงเจ็บน่าดู

“เออ กูก็อยากทำแบบนั้น”ผมบอกคงต้องหาโอกาสเหมาะๆบอกกับมัน

“ถ้ามีอะไรไม่สบายใจบอกกูได้นะเว้ย”ไอ้ผิงทำหน้าจริงจังแล้วตบแขนผม

“หึ แหม มึงเป็นกรูรูเรื่องความรักหรือไงวะ”ผมหัวเราะใส่ไอ้ผิง มันพยักหน้า

“แน่นอนอยู่แล้ว ไอ้ผิงไม่เคยแห้ว มึงก็รู้”

“แล้วไอ้ที่โสดมาจนทุกวันนี้ไม่เรียกว่าแห้วหรือไง”ไอ้โก๋สวนกลับ

“เฮ้ย กูเป็นคนปล่อยเค้าไปเอง อย่างกูเนี่ยนะ ไม่นิยมแห้วว่ะ จีบติดทุกคนเว้ยถ้าคิดจะเอาจริง”มันคุยโว ทั้งที่รู้ๆกันอยู่ว่าจีบใครแล้วได้แค่เพื่อนหรือไม่ก็พี่น้องบ้าง อาจเป็นเพราะมันแค่กั๊กๆความสัมพันธ์ไม่ยอมพัฒนาไปมากกว่านั้น เลยแห้วทุกที แต่ก็ยังจะหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง

“เออ แล้วนี่ปิดเทอมนี้กลับบ้านกันหมดเลยหรอวะ”ไอ้โก๋ถามผมกับไอ้ผิง

“อืม ไม่รู้สิ บางทีก็ไม่อยากกลับนะ อยู่บ้านไม่มีอะไรทำมาช่วยงานที่คณะดีกว่า”ไอ้ผิงทำหน้าคิด

“..ไปกับพวกพี่ดีนเปล่าวะ ไปออกค่ายเล็กๆซ่อมแซมห้องสมุดกับทาสีห้องเรียน”ไอ้โก๋ชวน ผมถึงกับหูผึ่ง ถ้าไปคณะเล็กๆจำนวนไม่มากทำงานกันจริงๆก็น่าสนใจดี ผมหันไปมองไอ้ผิง

“เอาไงมึง กูไปนะเว้ย"ผมบอก เพราะก็ว่างๆไม่ได้หางานพิเศษทำฆ่าเวลาช่วงปิดเทอม

“อืม น่าสนว่ะ ดูก่อนนะติดอะไรหรือเปล่า”ไอ้ผิงหยิบโทรศัพท์มากดเช็คไปพลาง

“แล้วมึงจะชวนไอ้ยิมไปไหมวะ”ไอ้ผิงเงยหน้ามาถามผม “คงไม่ว่ะ...ไม่รู้สิ คณะอื่นไปได้ด้วยเหรอ”ผมหันไปถามไอ้โก๋

“มันก็ได้แหละ ค่ายนี้ก็เพื่อนๆกันไม่ได้เป็นทางการอะไรแบบนั้นไม่ถึงห้าสิบคนหรอก ออกงบเองไง อาสาไปทำเอง”ไอ้โก๋อธิบาย

“...อืม”ตอนแรกผมนึกถึงพี่ท็อปขึ้นมา คิดว่าคงชอบอยากไปแน่นอน พี่ท็อปเองก็ชอบอะไรลุยๆเหมือนผม ..แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น
ผมกลับมาที่หอพัก ขณะที่ไขกุญแจห้องผมเหลือบมองไปยังห้องฝั่งตรงข้าม ยิมคงไม่เลิกเรียนเพราะห้องเงียบกริบก่อนจะมองไปทางห้องของพี่ท็อปแล้วหวั่นในใจ  แล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง ผมเปิดโทรทัศน์แก้เซ็งก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบพวงกุญแจไม้แกะสลักขึ้นมาถือ เสียดายที่ไม่ได้ให้พี่ท็อป ผมคิดเรื่องพี่ท็อปไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้น

'OnTop' ผมมองอย่างแปลกใจ มีเรื่องอะไรหรือเปล่านะ.. ผมชั่งใจอยู่นานจนหน้าจอดับไป จนกระทั่งผมรอให้พี่ท็อปโทรมาอีกครั้ง

ตืด ตืด ตืด

ผมกดรับ ในขณะที่ปลายสายเริ่มพูด

[ปิดเทอมนี้ กูคงไม่ได้เจอหน้ามึงอีกแน่ๆ จำได้ไหมที่กูเคยบอกว่าแม่พี่จะพาไปดูงาน ที่ชลบุรี ] ผมนิ่งงัน ใจหล่นวูบกับเรื่องที่ได้ยินอย่างไม่คาดคิด

“...จะไปวันไหนหรอพี่"ผมถามกลับเสียงแผ่ว

[อีกวันสองวันนี่แหละ]...เร็วจัง...ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาผมก็แทบไม่ได้เจอหน้าพี่ท็อปเลย วันนี้ที่พี่ท็อปมาหาผมเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือนมันทำให้ผมได้รู้ว่ายังรักพี่ท็อปอยู่ และคิดถึงพี่ท็อป

“ทำไมเร็วจัง"

[...3 เดือนสำหรับโอกาสของกู...หรือ...ให้โอกาสตัวเอง..เปิดใจรับคนอื่น] ผมขมวดคิ้ว แล้วถอนใจ ทำแบบนี้พี่ท็อปไม่เหนื่อยบ้างหรือไง

“นานขนาดนั้น พี่คิดว่าผมจะรอพี่ได้หรือไง หาคนอื่นไม่ง่ายกว่าหรอครับ...แล้วถ้าผมยอมให้โอกาสคนอื่นพี่จะยอมตัดใจจากผมหรือไง"ผมถามกลับไป ปลายสายเงียบไป ทำให้ผมระเบิดอารมณ์ออกมา

“ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วยวะ! มันจะตายหรือไงถ้าพี่มาตามง้อผม ในเมื่อพี่เป็นฝ่ายผิดทำไมต้องมาตั้งเงื่อนไขกับผมอีก!"

[กูแค่อยากให้เวลามึงไง มึงมองหน้ากู แล้วมึงนึกถึงอะไร ? เรื่องที่กูทำกับมึงไง กูไม่ต้องการแบบนั้นหรอก]พี่ท็อปตอบเสียงอึกอัก คงจะตกใจที่ผมพูดแบบนั้นออกไป

“แล้วพี่ีคิดว่าทำได้เหรอไง เวลาที่พี่ให้ผม มันช่วยความรู้สึกผมที่เสียไปมันกลับมาไม่ได้หรอก"

[กูจะสร้างมันขึ้นมาใหม่เอง ...กูขอโทษจริงๆ ] ผมนิ่ง ก่อนจะถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน ความจริงผมอยากได้ยินคำพูดนี้โดยเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายมากกว่า

“พี่ชอบผมบ้างไหม”

[ชอบสิ กูชอบมึงมาก ....] น้ำเสียงที่ได้ยินชัดเจนและหนักแน่นพอให้ผมเชื่อในสิ่งที่พี่ท็อปพูด

“แล้วพี่ไม่คิดจะติดต่อผมเลยหรือไง”ผมถามต่อไปเรื่อย ๆคนปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่มั่นใจนัก

[..กูแค่ไม่กล้า]

“ทีแบบนี้ล่ะทำป๊อด"ผมพูดเสียงขุ่น

[อืม คงจริงอย่างที่ว่า แค่มองหน้ามึงกูยังไม่ค่อยกล้า เหมือนกูไม่มีสิทธ์ยังไงยังงั้น] อีกฝ่ายพึมพำกลับมา

“อืม 3 เดือนของพี่ พี่จะไม่ยุ่งกับคนอื่นได้หรือไงครับ"ผมไม่แน่ใจ ความเหงาบางครั้งมันน่ากลัว ทำให้คนพลาดพลั้งมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เหมือนกับตัวผมสมัยก่อน ที่เคยอ้างว่าเหงา ถึงได้ให้คนอื่นเข้ามาเรื่อยๆ แต่มาตอนนี้ผมชักชาชินและไม่กล้าที่จะทำแบบนั้นอีก

[กูไม่คิดอยากมีใครอีกหรอก]

“แล้วคิดว่าผมยังจะ....ให้โอกาสพี่อีกครั้งหรอครับ"

[...กูไม่รู้] อีกฝ่าบกลายเป็นคนไม่หนักแน่นไปซะได้

“งั้นพี่ก็ไร้จุดหมายน่ะสิ”ผมหัวเราะออกมา ปลายเงียบไปนาน จนผมต้องพูดต่อ

“.....ส่วนเรื่องความจริงอะไรนั่นผมไม่อยากรู้หรอก”

[ทำไมวะ] พี่ท็อปดูตกใจ ผมถอนหายใจ

“มันไม่สำคัญแล้วล่ะพี่ ...อันที่จริงมันสายไปแล้ว มันเหมือนพี่กำลังแก้ตัว ผมให้พี่ได้พูดความจริงหลายครั้งแต่พี่ไม่ทำ"ผมยังโกรธไม่หายที่พี่ท็อปเลือกที่จะเงียบไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง

[กูรู้]

“ถ้าอย่างนั้น รอผมหนึ่งเดือนนะ ถ้าผมติดต่อพี่ไปแสดงว่าผมจะให้โอกาสพี่อีกครั้ง”ผมลังเลอยู่บ้าง แต่ก็ตั้งเงื่อนไขกับอีกฝ่ายไป ต้องรอดูอีกสามเดือน หากผมสามารถมองพี่ท็อปเหมือนเดิมได้ ก็คงดี

[มึงพูดจริงหรอวะ... เออ ได้สิวะ กูจะรอนะ ] น้ำเสียงของเจ้าตัวดูตื่นเต้นดีใจ ผมแค่ยิ้ม

“อืม แต่มันไม่ได้การันตีว่าเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”ผมพูดต่อ แต่เอาเข้าจริงๆ ผมก็พูดดักไปแบบนั้น ไม่อยากให้พี่ท็อปได้ใจไปกว่านี้แล้ว

[อือ ขอบคุณนะสอง]

“ครับ แค่นี้นะพี่ .."

ผมวางสายด้วยใจที่สับสน ผมก็เป็นซะแบบนี้ใจอ่อนให้พี่ท็อป ผมจะรอดูว่าพี่ท็อปจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า ผมใจลอยมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับไปแล้วอยู่อย่างนั้น เย็นวันนั้นผมแวะไปหายิมที่ห้อง เพื่อเอ่ยชวนเรื่องการออกค่าย

“ปิดเทอมว่างไหมครับ พอดีว่าจะชวนไปออกค่าย”ผมบอก อีกฝ่ายชวนผมเข้าไปในห้อง แต่ผมไม่อยากเข้าไปเพราะคงจะคุยไม่นาน เลยยืนอยู่ที่หน้าประตู อีกฝ่ายดูลังเลใจ

“กูไปได้เหรอ”

“ได้สิ เป็นค่ายของกลุ่มรุ่นพี่น่ะ ไม่ใช่ค่ายของคณะหรอก”ผมบอก ยิมพยักหน้า “ก็น่าสนใจนะ เป็นที่ไหนล่ะ”อีกฝ่ายถาม ผมบอกรายละเอียดมันไป เป็นค่ายซ่อมแซมอาคารเรียนของเด็กชาวเขา ท่าทางมันก็สนใจอยู่เหมือนกัน

“ผมมาคิดดูแล้วนะพี่ ผมว่า...”ผมพยายามหาคำพูดดีๆ บอกกับอีกฝ่ายให้ตัดใจจากผม ยิมถอนหายใจก่อนจะพูดแทรก

“ถ้ามีกำหนดการเรื่องค่ายยังไงก็บอกด้วยล่ะกัน”เจ้าตัวบอก ก่อนจะดึงบานประตูปิดเบาๆ ผมนิ่งงัน อีกฝ่ายคงรู้สึกได้ว่าผมจะพูดอะไร ผมเองก็ไม่อยากให้มันมาเสียใจแบบนี้

หลังจากที่เข้าไปฟังรายละเอียดค่ายๆกับพวกไอ้ผิงแล้วผมก็นำมาบอกไอ้ยิม ค่ายอาสานี้มีรุ่นพี่สาขาผมซะส่วนใหญ่ พี่ดีนเป็นสายรหัสเดียวของไอ้โก๋มัน แล้วก็รุ่นเดียวกับผมประมาณ 10 คน และคณะสถาปัตย์อีก 10 คน ระยะเวลาที่ไปค่ายประมาณ3วัน2คืน เน้นทำงานมากกว่าไปสันทนาการอีกอย่างไม่มีเด็กๆให้แจกขนมด้วยเพราะปิดเทอมกันหมดแล้ว

พี่ดีนบอกว่างานนี้ทุกคนต้องมีหน้าที่และงานต้องเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด จังหวัดที่ไปอยู่ทางภาคเหนือตอนล่างใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมง

จนกระทั่งเมื่อถึงวันออกค่าย ผมกับยิมมาที่คณะที่เป็นจุดนัดพบ เมื่อจอดรถไว้แล้วผมก็เห็นรถสองแถวคันใหญ่สำหรับออกค่ายจอดอยู่หน้าลานคณะ พวกพี่ดีนกำลังขนสัมภาระใหญ่ไปไว้บนหลังคาแล้วเอาผ้าใบคลุมอีกทีเผื่อฝนตก

ผมกับยิมเดินไปหาพวกไอ้ผิงที่นั่งอยู่ริมฟุตบาท แต่ที่คาดไม่ถึงคือ ไอ้เถา กับน้องมุ นั่งรวมอยู่ด้วย 

“อ้าว พี่ยิมมาด้วยหรอเนี่ย”ไอ้เถารีบเอ่ยทักทายก่อนจะส่งสายตาสงสัยมาที่ผม

“เออ ก็มากับพวกไอ้สองเนี่ยแหละ"ยิมตอบกลับไปนิ่งๆ ไอ้เถาทำหน้างงเข้ามากกว่าเดิมก่อนจะกลบเกลื่อน แล้วหันมาคุยกับผม

“เออสอง ได้ข่าวว่าโสดแล้วเหรอวะ พี่ท็อปบอกเลิกหรือไง"ไอ้เถาถามเสียงดัง ข้างๆกันนั้นมุน้องรหัสของมันก็หันมายิ้มให้ผม

"เออกูโสด แล้วไงวะ"ผมตอบอย่างหงุดหงิดไอ้เถาหัวเราะแล้วมองมุที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่

"เอาแล้วไงมึง ได้เมียใหม่แน่"ไอ้ผิงเดินมากระซิบกระซาบเบาๆ ผมศอกใส่มันไป ยิมจ้องไอ้ผิงนิ่งๆคงจะได้ยินที่มันพูดล่ะมั้ง

"หวัดดีครับพี่สอง ไม่ได้เจอพี่นานแล้วนะครับ"มุเอ่ยทักทายกับผมแล้วเดินมายืนตรงหน้าผม

"อือ ช่วงนี้พี่ยุ่งๆน่ะ"ผมยิ้มตอบแบบไม่คิดอะไร ยิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้ได้ยิน ผมได้แต่เก็บความไม่สบายใจเอาไว้คนเดียว
และแล้วก็ได้กฤษออกเดินทาง ทั้งคันรถก็ตีกลองสลับกับร้องเพลงสนุกๆแก้เบื่อกัน ผมนั่งข้างไอ้ผิงกับยิม ส่วนไอ้โก๋ไปนั่งอยู่ท้ายรถกับพวกพี่ๆส่วนไอ้เถานั่งถัดจากไอ้ผิงตามด้วยมุที่แอบชำเลืองมาทางผมบ่อยๆ

"เด็กนั่นท่าทางจะชอบมึง แบบนั้นสเป็คไม่ใช่หรือไง"ยิมยื่นหน้ามากระซิบเพราะพื้นท่ีบริเวณตรงกลางเป็นที่วางกลองกับพวกที่ชอบเต้นแร้งเต้นกากันยืนบ้างนั่งบ้าง

"ใครบอก สเป็คกูไม่ใช่แบบนั้นหรอก"ผมถอนหายใจ น้องมุคนนี้ต่อให้ผมไม่ได้ชอบพี่ท็อปอยู่ผมก็ไม่เล่นด้วยหรอก ให้คุยธรรมดาน่ะพอไหว

"ต้องแบบไอ้ท็อปหรือไง"ผมมองหน้ามันแล้วไม่ตอบ ผมเคยบอกไว้ก่อนหน้านั้นว่าหน้าตาเป็นเรื่องรองลงมา แต่ถ้าคุยกันรู้เรื่องเข้ากันได้สำหรับผมก็ชอบได้ กับพี่ท็อป เจอครั้งแรกไม่ได้สปาร์คกันเลยซะหน่อย

"มึงก็ชอบวนมาหาพี่ท็อปอยู่เรื่อย "ผมพึมพำ เจ้าตัวได้แต่ยุกยิกๆอยู่ข้างๆ

"สองๆ"ไอ้ผิงสะกิดแขนผม ผมหันไปมองมันก่อนจะเห็นว่าไอ้ผิงมันชี้มือไปทางไอ้เถาที่โบกมือให้ผมแล้วชี้มือไปที่น้องมุ ผมมองหน้าไอ้ผิงโดยอัตโนมัติ

"น้องเค้าอยากคุยกับมึง"

"คุยอะไรวะ"ผมทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่อยากหาภาระเพิ่ม

"เออน่า ไม่เสียหาย เผื่อถูกใจไง "ไอ้ผิงหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อสลับที่ ไอ้เถาสลับกับมุ กลายเป็นว่าตอนนี้มุมานั่งข้างผม ถัดไปก็ไอ้ผิง ไอ้เถา

"มีอะไรคุยกับพี่ครับ"ผมถามอย่างเป็นมิตร ก็ดีจะได้ไม่เหงาปาก คุยกับยิมแล้วชอบวกมาเรื่องพี่ท็อปตลอด

มุส่งรอยยิ้มมาให้ผม จะว่าไปน้องก็หน้าตาดีนะ ผิวขาว จมูกโด่ง พอยิ้มแล้วน่ารัก เรือนผมสีคาราเมลอ่อนนุ่มรับกับสีผิวได้ดี ผมมองอีกฝ่ายเพลินๆ จนน้องทำหน้ากระอักกระอ่วน

"พี่สองมองหน้าผมทำไมอ่ะ "มุถามเขินๆ

"เปล่าหรอก แค่มองเฉยๆน่า แล้วคิดยังไงมาออกค่ายเนี่ย"ผมชวนคุยไปเรื่อย

"อ๋อ พอดีปิดเทอมมันว่างๆ แล้วพี่เถาชวนด้วยเลยอยากมา น่าสนุกดี"

"อืมๆ งั้นก็ไม่รู้น่ะสิว่าพี่จะมา"ผมถามยิ้ม

คาดว่าต้องมีพ่อสื่อแม่สื่อแหงๆ

".....พี่เถาบอกว่าพี่สองก็ไปด้วย "มุยิ้มเหมือนอาย ผมพยักหน้า แล้วมองข้ามไหล่มุไปมองทิวทัศน์ข้างทาง

"มึงจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม"ยิมยื่นหน้ามากระซิบกับผม

"กูโสดนะเว้ย กูแค่คุยกับน้องเค้าเอง ทำไม หึงเหรอ"ผมแกล้งยียวนอีกฝ่าย ยิมขมวดคิ้วแน่น สีหน้าไม่พอใจ

"รู้แบบนี้ไม่น่ามาด้วยเลย"จากนั้นยิมมันก็หงุดหงิดขยับออกห่างผมไปเอง ผมเม้มปากอย่างไม่เข้าใจ "อะไรๆ มึงนี่ "ผมถามเสียงขุ่น เริ่มไม่พอใจอีกฝ่ายขึ้นมา

“ช่างเถอะ”ยิมตัดบทจบการสนทนาด้วยการหันหน้าไปอีกทางแทน

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่"

"เปล่าหรอก แล้วนี่ทำงานหนักได้เหรอเนี่ย ดูคุณหนูจัง"ผมหัวเราะ ในขณะที่มุแค่ย่นหน้า "ได้อยู่แล้วครับ คงไม่ได้แบกหามขนาดนั้นซะหน่อย แล้วผมขอเบอร์พี่สองหน่อยได้ไหมครับ"อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอย่างไม่ลังเล มองผมด้วยแววตาสนใจ ผมยิ้มขำ

“ไอ้เถาไม่มีเบอร์พี่เหรอครับ”ผมถามแต่ก็ยอมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วยื่นให้มุ “เอาเบอร์มุมาดีกว่า”ผมยิ้มแล้วมองมุที่รับโทรศัพท์ผมไปก่อนจะกดเบอร์ของตัวเองลงไป

“เรียบร้อยครับ”มุยิ้มตาหยีมาให้ ผมเมมชื่อไว้อย่างไม่คิดอะไรมาก เห็นทีต้องรีบตัดสัมพันธ์ “มีอะไรก็โทรหาพี่ได้นะน้องชาย”ผมหันไปบอกอีกฝ่าย ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ มุหุบยิ้มแทบจะทันทีที่ได้ยินคำว่าน้องชายจากผม

ผมไม่กล้าเสี่ยงกับใครทั้งนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมเหมือนเป็นแผลที่ตกสะเก็ดอยู่ในใจ แค่คิดว่าผมแค่คุยๆกิ๊กๆกับมุผมก็กลัวขึ้นมา ...บทเรียนของมิ้นท์นี้เจ็บแสบจริงๆ...ผมล่ะเข็ดหลาบไปจนตาย

การนั่งรถสภาพแบบนี้กับระยะทางเกือบๆร้อยกิโลฯ เป็นการทรมาณผมได้ทางอ้อม ผมขยับตัวหลายครั้งเพราะปวดก้นมาก.อยากเหยียดขายาวๆให้หายปวดเมื่อยมากกว่านั่งอยู่ท่าเดิม นี่ถ้าไม่ได้ไอ้โก๋ตะโกนบอกคนในรถว่าจะจอดพักที่ปัมน้ำมันข้างหน้าที่จะถึงในอีกไม่ช้า ผมคงได้โวย

"เมื่อยมากเลยหรอ"ในที่สุดยิมก็ยอมแพ้ มันเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ผมมองหน้าเจ้าตัว "อือ เมื่อยชิบ ง่วงด้วย"ผมบอก็ อยากนอนหลับสักงีบแต่รถก็วิ่งเร็วแถมยังโครงเครงเป็นบางครั้งอีกด้วย

"สำออยหรือเปล่ามึง ทนหน่อย จะถึงปั้มแล้ว"ยิมยิ้ม ก่อนจะยื่นมือมาบีบขาผมคลายเมื่อยให้ ถ้าไม่อายสายตาใครผมจะซบอีกฝ่ายซะเดี๋ยวนี้เลย อยากได้ไหล่พิงตอนนอน

ไม่นานนึกรถก็ชะลอเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันใหญ่ไปจอดตรงจุดพักรถเพื่อให้ทุกคนได้พักและตัดการธุระส่วนตัว ผมรีบลงไปบิดขี้เกียจ ยืดแข้งยืดขาก็เหมือนได้เจอแสงสว่าง ยิมเดินมาหาผม

"จะเข้าเซ่เว่นไหม"มันถามผม ผมเหลือบมองพวกไอ้ผิงที่เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว

"ปะ"ผมสะกิดแขนเจ้าตัวแล้วเดินไปพร้อมๆกัน

“สอง...กูขออะไรมึงได้ไหมวะ”อยู่ๆไอ้ยิมก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองมัน แววตาของมันดูสับสนและสั่นไหวอยู่หลังกรอบแว่น ผมพยักหน้าก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆเก้าอี้แถวเซเว่น

“มึงอย่าบอกให้กูตัดใจได้ไหมวะ”ผมตกใจมากที่มันพูดแบบนี้ ผมมองหน้ามันไม่ได้เลย

“แต่พี่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าถึงยังไงผมก็...”ผมพยายามอธิบาย แต่ยิมพูดตัดบทผมก่อน

“กูเข้าใจ ...แต่มึงไม่คิดจะเปิดใจให้กูบ้างเลยหรอวะ...มึงจะไม่ชอบกูก็ได้ แต่ให้กูได้ใกล้มึงมากกว่านี้ไม่ได้เหรอวะสอง”อีกฝ่ายมองผมอย่างคาดหวัง

“...ผมไม่อยากให้พี่เสียใจ"ผมบอกไป อีกฝ่ายหัวเราะออกมาอย่างไร้อารมณ์ "เออ กูมันก็ต้องเสียใจอยู่วันยังค่ำ กูรู้”

“ผมให้โอกาสพี่ท็อปไปแล้ว...”

“แล้วไง แบบนี้กูถึงไม่ได้โอกาสบ้างเหรอวะ บางทีก็ก็คิด ถ้าหากว่าคนที่ชอบมึงมันไม่ใช่กู มึงจะให้โอกาสไหม”ยิมเอ่ย ผมถอนหายใจ ไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลย และผมไม่อยากทำร้ายใจของอีกฝ่ายเช่นกัน

“ไม่หรอกพี่ ตอนนี้ผมไม่อยากมีใครเพิ่ม”ผม

“ทำไมวะ”

“พี่อาจจะต้องเจ็บนะ ถ้าหากผมให้โอกาสพี่"

"...แค่สามวันนี้เอง แล้วกูจะยอมตัดใจเอง "ยิมพูดเสียงมั่นคงซะจนผมไม่อยากปฏิเสธมันอีก

"โอเค ก็ได้ ตามใจ แต่อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งหาผมนะ"ผมแกล้งหยอกมัน ไม่อยากให้ระหว่างผมกับมันอึดอัด ไอ้ยิมพยักหน้ายิ้มๆ

ผมกับยิมเข้าไปซื้อขนมปังกับน้ำมาตุนไว้ ผมไม่ได้ให้ความหวังมัน ในเมื่อมันต้องการแบบนี้ ผมก็ไม่ขัด เพราะอีกฝ่ายบอกเองว่าจะตัดใจจากผมหลังจากจบค่ายนี้ จะว่าไปเวลามันก็สั้น แค่สามวันสองคืนเอง ผมคิดทบทวนเรื่องของยิม ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่มีครั้งไหนที่เจ้าตัวล่วงเกินหรือฉวยโอกาสจากผมเลย หรือเป็นเพราะผมไม่เปิดใจรับยิมเข้ามากันแน่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2018 06:43:44 โดย RindadaRin »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew6:   ยิ่งอ่านยิ่งสงสารยิมแหะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ boobooboo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
รอพี่ท็อปอีก1เดือนสินะ รอ รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

ออฟไลน์ sodawan1

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
สงสารยิมอ่าาา แต่ก็ยัง#ทีมท๊อปสองเหมือนเดิม
ส่วนยิมเด่วเค้าจะปลอบใจเองงง 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
สงสารยิมน้าาา
แต่คนไม่ใช่จะยื้อทำไมมยิ่งทำให้เจ็บตัว
แต่บางทีก้คงอยากจะลองดู เผื่อมันจะใช่
งงมะ 5555
แต่ยังไงก้ท๊อปสองนะ เอ๊ะ หรือสองท๊อปก้ดี

พี่ท๊อปปปมาง้อเรวววๆๆวววๆววววเลยยยย

ออฟไลน์ sweetbasil

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
หาคู่ให้ยิมสักคนเถอะ น่าสงสาร :o12:

ออฟไลน์ kukkikkooka

  • insomnia~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
โถว ยิมมมตัดใจเถอะ

เราจะรอพี่ท๊อป 55555555555

ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
สงสารเฮียยิมนะ แต่เราทีมพี่ท็อป ///////////////////////
สองให้โอกาสพี่ท็อปแล้ว แต่มันคงไม่ง่ายหรอกเนอะ
พี่ท็อปทำผิดไว้เยอะอะ นี่สองก็ยอมสุดๆแล้ว 55555555555555555

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
รู้ว่าเจ็บ แต่ก็ยอมใช่ไหมยิม

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
สงสารยิม
แต่ก็ตัดใจจากพี่ท็อปไม่ได้สินะ
อิพี่ท็อป โอ้ยย ง้อให้มากกว่านี้ดิพี่
ทำเป็นให้โอกงโอกาส เชอะ
เดี๋ยวก็ได้แดกแแห้วหรอก
ง้อ อะ ง้อ ง้อ อะ ทำไม่เป็นรึไง
 :z6:

ออฟไลน์ New_Tai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
หาคนมาดามใจยิมด่วนนนน!

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
สงสารยิม สนใจผิงไหมยังโสด

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ทำไมเราสงสารแม่งทุกคนวะตอนนี้

สงสารพี่ท๊อป ที่แม่งต้องขัดใจตัวเองแล้วทำสิ่งที่เรียกว่าการแก้แค้นกับสอง

สงสารสอง ที่ถูกหลอกและเชื่อใจพี่ท๊อปยอมเป็นคนโง่ให้เขาหลอก

สงสารยิม ก็รู้ว่าสองไม่สามารถรักได้แต่ก็ไม่ยอมตัดใจสักที ต้องเห็นสองบอกชอบท๊อปหรือไปคุยกับใครต่อใคร

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
บ่องตรง เเฟนคลับยิมนะเนี่ย แต่สงสารยิมอ่ะ หาคู่ให้ด่วนเลย จัดท็อบให้สาสมสิ เฮียแกนด้วย จัดเต็มเลย แค้นนัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fahsida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
สงสารยิมนะแต่สองก็ใจดีกับยิมเกินไปอ่ะ ถ้าจะตัดก็เอาใ้ขาดไปเลยดิในเมื่อเลือกพี่ท็อปแล้ว หรือว่าจะจับคู่น้องมุกับยิมดีอ่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
งือออ ยิมยอมเจ็บดีกว่าจบสินะ ตอนนี้ไม่รู้จะสงสารใครดีเลยจริงๆ

ออฟไลน์ nuttzier

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านไป  อ่านมา  รู้สึกเครียตจุง

ออฟไลน์ โซดาหวาน

  • ชอบเกาหลี , คลั่ง วาย ~ , ♥ รักประเทศไทย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +102/-1
ยิมตัดใจเหอะ!!

รอพี่ท๊อปอีกเดือน 555

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
ตอนที่ 15 ออกค่ายพักใจ (2)

กว่าจะเดินทางมาถึงโรงเรียนบ้านชาวเขา ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองของจังหวัดนี้ มาสู่เส้นทางขึ้นเขาก็ไม่สะดวกนัก สองข้างทางเป็นป่าเขา ถนนดินแดงลูกรัง มีหลุมที่เกิดจากธรรมชาติสร้างไว้เกือบตลอดถึงเส้นทางเข้าบริเวณหน้าโรงเรียน  เมื่อรถเลี้ยวจอดเทียบหน้าลานเสาธง พวกผมก็รีบลงจากรถเพราะความเมื่อยขบบวกกับความอยากรู้อยากเห็นกับสถานที่แปลกใหม่ อาการเย็นชื้น เพราะอยู่ท่ามกลางป่าเขา แสงแดดอ่อนๆยามเที่ยงที่นี่ช่วยให้ผ่อนคลายได้เยอะ
ที่โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนในระดับประถมปีที่หนึ่งถึงประถมปี่ที่หก มีนักเรียนรวมกันแล้วไม่ถึงสองร้อยคนเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ก็เป็นชาวม้ง หรือเผ่าอื่นๆใกล้เคียงกัน ทางครูใหญ่ได้เตรียมที่พักผ่อนไว้คือ อาคารห้องเรียนใกล้กับห้องสมุดที่ทรุดโทรม แน่นอนว่ามีอาคารเรียนแค่สามอาคารเป็นไม้ทั้งหมดและสีซีดแล้วจนดูเก่า

ผมกับยิมช่วยกันขนสัมภาระ อุปกรณ์เครื่องมือที่ต้องใช้เข้าไปเก็บไว้ในอาคารเรียน เพราะคงเริ่มงานวันนี้ไม่ได้ ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์แยกไปตามจุดที่ต้องซ่อมแซม และแบ่งคนไปตามจุด พวกตัวใหญ่ใช้กำลังได้ก็ไปทำในส่วนห้องสมุดเพราะต้องตอกตะปูลงเสา ส่วนพวกผมจะทำในส่วนทาสีห้องเรียนสองอาคาร ถ้าทำกันจริงๆหนึ่งวันเต็มๆก็น่าจะเสร็จ
ส่วนเรื่องอาหาร พี่ดีนได้ติดต่อกับทางครูใหญ่ไปทานที่วัดป่าที่อยู่ห่างประมาณสองสามกิโลฯ

 "เอาล่ะ เราแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็พักผ่อน ไปจับจองที่นอนแบ่งเขตตัวเองกันได้ เออ เย็นนี้ครูใหญ่มีอาหารเลี้ยง เป็นข้าวผัดกระเพราะหนึ่งหม้อ ใครไม่อิ่มก็ไปหาแดกเอาตามป่าเขาข้างๆได้เลย"พี่ดีนพูดติดตลกเรียกเสียงฮาได้ ยิมส่ายหน้าก่อนจะหิ้วกระเป๋าเป้ไว้เตรียมไปที่อาคารเรียน

"ส่วนถ้าใครอยากมาแจมตั้งวงกันก็มาที่ลานได้นะเว้ย กินแค่พอกรึ่มๆไม่ถึงกับเมา โอเค แยกย้ายๆ"พี่ดีนตบมือแล้วโบกมือ ผมกับพวกไอ้ผิงเลือกนอนที่อาคารแรกห้องริมสุด

"เชี่ยเอ้ย น่ากลัว"ไอ้โก๋กรอกสายตาไปรอบๆห้อง ห้องเรียนโล่งโต๊ะถูกดันไปชิดพนังห้องจนหมด หน้าต่างเปิดกว้างทุกบาน เผยให้เห็นแนวป่าที่สั่นไหวเพราะแรงลม

"อย่าพูดสิวะ มึงนี่"ผมปรามมันดังๆ ยิมขำหึ มันคงไม่กลัวเรื่องผีๆสินะ ดี งั้นคงต้องนอนข้างๆมันแล้วกัน

"มึงนอนตรงไหน กูขอนอนริมสุด "ไอ้ผิงชิงพูดก่อน แล้วเดินตัดหน้าผมไปสองสามก้าว อ้าวเฮ้ย แย่งที่ผมซะแล้ว

"เฮ้ย ไม่ได้ๆ กูจะนอนตรงนั้น"ผมพูดเสียงดังก่อนจะรีบสไลด์ตัวเข้าไปนอนแผ่อย่างรวดเร็วที่ริมสุด ของห้องใกล้ประตู แต่ไอ้ผิงไม่ยอมเข้าดึงผมให้ลุกออกแรงๆ ทำท่างอแงเป็นเด็ก

"ไอ้สอง กูพูดก่อนนะเว้ย ลุกไปไอ้ห่านี่ กูกลัวผี ถ้านอนมุมอื่นกูนอนนอนไม่หลับ "ไอ้ผิงกระชากข้อเท้าผมก่อนจะลากตัวผมออกจากริมห้อง มันทำทำหน้างอ ผมเลยลุกให้มันนอนตรงริมห้องไปจะได้จบๆ

"เออๆแม่ง .."ผมตีก้นมันแก้หมั่นไส้ ไอ้โก๋แค่หัวเราะเป็นแบ็คกราวด์

"ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้"ยิมส่ายหน้า ก่อนจะเดินไปที่บริเวณริมห้องติดกับกระดานดำ แล้ววางกระเป๋าตรงริมหน้าต่าง

"เฮ้ย ทำไมนอนไกลจัง"ผมถามมัน ก่อนจะหันมามองไอ้ผิง ไอ้โก๋ ที่นั่งลงประจำที่นอนของตัวเอง ถ้าผมนอนข้างไอ้โก๋ ผมจะต้องวังเวงด้านข้าง เพราะห้องโล่งและมีพื้นที่กว้าง บรื๋อ นอนหลับไม่ลงแหงๆ

"เงียบดี"ยิมตอบก่อนจะรูดซิปเปิดกระเป๋าเป้ของตนเองแล้วหยิบกระเป๋าเล็กๆออกมาวางข้างๆคาดว่าน่าจะเป็นพวกยาสีฟัน สบู่อะไรเทือกๆนั้น

ผมทำหน้าเจื่อนๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมมีปัญหาด้านการนอนในที่มืดห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้ เฮ้อ  ตอนดึกจะนอนยังไงล่ะทีนี้ เปิดไฟไว้ไอ้พวกนี้จะนอนหลับกันหรือเปล่า แต่ก็ต้องหยุดความคิดเพราะที่นี่จะถูกตัดไฟตอนสามทุ่ม

"กูขอนอนด้วยดิ"ผมตัดสินใจถือกระเป๋าเดินไปหายิม

"หึ กลัวผีเหรอ"อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ ผมเบ้ปาก

"เชี่ย พี่จะพูดทำไม กลางป่ากลางเขา"ผมดุอีกฝ่าย แล้ววางกระเป๋าลงก่อนจะรูดซิปเปิดเอาผ้าห่มผืนบางออกมาวางไว้..ตอนดึกอากาศต้องเย็นแน่เลย

"มึงต้องกลัวกูมากกว่านะ ไม่แน่ กูอาจจะน่ากลัวกว่าผีก็ได้"ยิมมองหน้าผม

"ฮ่าๆ พี่จะทำไมเหรอครับ จะเป็นผีอำหรือไง"ผมหัวเราะออกมา

"ล้วงเลยดีกว่า"เจ้าตัวทำหน้าตายกับน้ำเสียงนิ่งๆ ทำเอาผมขำไม่ออก ไม่รู้ว่าพูดเล่นหรือพูดจริง

"ตลกเหอะ ทำปากดี กล้าไหมล่ะ"ผมยิ้มให้ยิม ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะกล้าล้วงผมในเมื่อไอ้ผิง กับไอ้โก๋ก็นอนห้องเดียวกัน

"ระวังเหอะมึง"ยิมพูดเสียงแข็งๆก่อนจะเหลือบมองผมด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะแล้วดึงเอาผ้าห่มออกมาปูนอน

"เฮ้ย สองคนนั้นน่ะ กูกับไอ้ผิงไปเดินดูรอบๆโรงเรียนซะหน่อย ไปด้วยกันไหมวะ"ไอ้โก๋บอกก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง ผมหันไปมองยิม อีกฝ่ายส่ายหน้า

"อืม ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไปเว้ย"ผมบอกมันสองคน

"ฮั่นแน่ สองคนนี้ แอบทำอะไรกันเปล่าวะ กิ้วๆ"ไอ้ผิงปากมากหัวเราะกับไอ้โก๋ลูกคู่มัน ผมโบกมือไล่มันสองคน

"เดี๋ยวเหอะๆ ไปเลยไอ้เวรนี่"ผมตะโกนไล่หลังมันสองคน ยิมเอนตัวนอนลง แววตาของมันดูซึมๆเซื่องๆ

"ไม่สบายเหรอ"ผมลองเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมัน ตัวอุ่นๆอยู่นะ

"เปล่า กูแค่เพลียๆ อยากพักก่อน"ยิมตอบเสียงเบาๆแล้วถอดแว่นออกวางไว้ข้างกระเป๋าเป้ที่เป็นหมอนจำเป็น

"ตัวอุ่นๆ ถ้ารู้ตัวว่าไม่สบายก็แดกยาซะนะ จะได้ไม่เป็นหนัก มาตายกลางป่าเขาล่ะเฮี้ยนเลยนะ"ผมหัวเราะมองคนที่นอนมองผมตาใส อีกฝ่ายย่นคิ้วมุ่นดูน่ารักไปอีกแบบ

"ปากหมา"เจ้าตัวพูดสั้นๆ จ้องหน้าผม

"ล้อเล่นน่า มีผมอยู่ทั้งคน เดี๋ยวดูแลเอง"ผมยิ้มให้มัน แล้วคลี่ผ้าห่มของผมไปห่มให้มันเพราะเห็นเจ้าตัวลูบๆแขนตัวเอง ผ้าห่มของอีกฝ่ายเองก็เอาไปปูนอนรองตัวแล้ว

หากตัดปัญหาออกไปให้หมดผมคงกล้าที่จะเปิดใจชอบอีกฝ่าย แต่ความจริงแล้วผมแทบมองไม่เห็นทาง

"หึ ให้มันจริงเหอะ"ยิมยิ้มออกมาจนได้ มันดึงผ้าห่มมาจนถึงคอ

"เออ ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง"ผมบอก มองอีกฝ่ายหลับตาลง ผมหยิบมือถือมาเล่นเกมส์ ดีนะมีโปรเน็ตอยู่ไม่อย่างนั้นคงจบเห่เพราะที่นี่ไม่มีสัญญาณ 3g แค่สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดๆหายๆแล้ว จะดีเป็นบางเครือข่ายเท่านั้น

 ผมมองไปรอบๆห้องที่เงียบกริบ บรรยากาศวังเวง พวกที่เหลือคงนอนพักผ่อนกันหมด ไม่ได้ยินเสียงคุยจ๊อกแจ๊กนานหลายนาทีแล้ว ผมมองไอ้ยิมที่นอนหลับ บางครั้งก็หลอนไปเอง กลัวแม้กระทั่งกลางวันแสกๆ ผมเปิดเพลงเบาๆทำลายความเงียบลง เป็นครั้งแรกที่มองยิมนอนหลับ มันเป็นคนหล่อ ถอดแว่นก็ยังหล่ออยู่ดีถึงจะไม่ค่อยชินเท่าไหร่ก็เถอะ แค่มองหน้ามัน ผมก็หนักใจเหลือเกิน

ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าย่ำใกล้เข้ามายังห้องเรียนที่ผมสิงสถิตอยู่

"พี่สองครับ.."เสียงของมุนั่นเองที่เดินหยุดอยู่หน้าประตูห้องเรียน โผล่หน้ามามองผม

"ว่าไงเอ่ย เข้ามาสิ"ผมกวักมือเรียก อยู่หลายๆคนจะได้ไม่เหงาเกินไป มุยิ้มก่อนจะถอดรองเท้าแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆผม

"นึกว่าพี่สองจะไม่อยู่ซะแล้ว"มุพูดก่อนจะเหลือบมองยิมที่นอนหลับอยู่ "...แล้วนั่นใครเหรอครับ"

"อ๋อ รุ่นพี่ที่อยู่หอเดียวกับพี่น่ะ "ผมบอก มองหน้าอีกฝ่ายที่หลับตาพริ้ม มุย่นหน้า

"ตอนแรกนึกว่าเป็นแฟนพี่สองซะอีก เห็นจ้องผมตาแทบทะลุออกจากแว่นเลย"มุหัวเราะไปด้วย ผมแค่ไหวไหล่ 

"มันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วมุไม่ไปเดินดูอะไรเหรอไง"ผมถาม ไอ้เถาไม่ลากน้องรหัสมันไปด้วยหรือไง

"อืม ไม่รู้จะดูอะไร เลยแวะมาดูห้องพี่สอง โชคดีว่าอยู่พอดี แค่อยากคุยกับพี่น่ะครับ"

"นี่ถ้าพี่ยิมมันตื่น ก็ว่าจะออกไปเดินเล่นแล้วเนี่ย "ผมทำเป็นหยิบสร้อยนาฬิกาที่ใส่อยู่ นี่ก็บ่ายสามโมงแล้ว อากาศกำลังดี แดดไม่ร้อนเลย มุทำหน้าเหี่ยวเฉาถอนหายใจ "..ไม่อยากคุยกับผมหรอครับ"

"เปล่านี่ "

"...เฮ้อ ห้องพี่เถาคนเยอะ ผมกะว่าอยากมานอนห้องนี้ นอนกันไม่กี่คนเอง ผมขอนอนข้างๆพี่สองได้ไหม ผมกลัวผี"ผมมองมุอย่างเอ็นดูเหมือนมองน้องชายที่น่ารัก ผมรู้ว่ามุมันคงชอบผม แต่ผมไม่อยากมีห่วงมารัดคออีก

"มานอนข้างพี่ก็ไม่ช่วยอะไรหรอก พี่ก็กลัวผีนะ"ตอนนี้ชักกลัวความมืดด้วย ผมยิ้มแล้วยีหัวอีกฝ่าย "..มุ พี่ว่าเราเป็นพี่เป็นน้องกันน่าจะดีกว่านะ "ผมบอกเบาๆ มุทำหน้าตกใจก่อนจะกลับกลายเป็นผิดหวังขึ้นมา

"...ทำไมล่ะครับ พี่ยังไม่ทันได้รู้จักผมหรือลองคุยกับผมเลยนะ...จะไม่เปิดโอกาสให้ผมเลยหรอครับ"มุมองหน้าผม แววตาเหมือนไม่พอใจ

"พี่...ไม่ใช่คนดีหรอกนะ อีกอย่างพี่คงไม่คิดจะชอบใครอีกแล้วล่ะ คงเข้าใจที่พี่พูดนะ "ผมพูดช้าๆไม่ได้ใช้น้ำเสียงแดกดันอะไร แค่พูดให้อีกฝ่ายเข้าใจ

"...แย่จัง อุตส่าห์ชอบพี่มาตั้งนาน... ตอนนี้พี่ก็โสดแล้วไม่ใช่หรอไง"มุเม้มปาก ทำหน้าเจื่อนๆ

"...พี่ตอบมุไปแล้วนะ"ผมพูดเนือยๆแล้วถอนหายใจ

"...อืม ไม่คิดจะชอบใคร ..."มุพึมพำก้มหน้าลง ผมเห็นอย่างนั้นเลยตบไหล่มุเบาๆให้ร่าเริง

"อย่าซึมดิ น่า เป็นน้องพี่ก็ไม่เสียหาย ยังคุยกันได้"ผมยิ้มให้ มุเงยหน้ามองผมเหมือนกำลังคิดไตร่ตรอง

"....ก็แค่เสียดาย ทั้งๆที่มีโอกาสได้ใกล้พี่แบบนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน พี่เองก็ยังไม่คิดจะเปิดใจผมอีก"มุถอนหายใจเฮือกใหญ่

"ไอ้เถามันไม่ได้เตือนหรือไงว่าพี่ไม่น่าคบนักหรอก "ผมพูดต่อ

"...พี่เถาบอกว่าพี่คงเป็นคนดีได้แล้ว"ผมหัวเราะแล้วนึกถึงหน้าไอ้เถา ไอ้เวรนี่คงตามติดชีวิตของผมเลยสินะ อยากจะต่อยปากมันสักทีสองที

"...อย่าไปเชื่อมันมากเลยน่า "ผมหัวเราะ

"งั้นพี่ให้ผมมานอนด้วยได้ไหมครับ"มุยังคงย้ำเรื่องนี้ ผมคงห้ามไม่ได้ถ้าคิดจะมานอนกับพวกผมจริงๆ แต่ก็ดี ที่ข้างๆผมจะได้ไม่วังเวง 

"ตามใจ ที่เยอะแยะ อย่ามาเบียดพี่แล้วกัน"ผมพูดดักไว้ มุยิ้มแปลกๆมาให้

"งั้นตอนเย็นๆเดี๋ยวผมย้ายมานอนด้วยนะครับ"มุยิ้มแล้วเหลือบมองหน้าผมอยู่หลายครั้ง ท่าทางแบบนี้ ผมนึกถึงขึ้นมาทันที แรกๆโยมันก็ ผม-ครับ ไปๆมาๆ เกย์แตกซะงั้น

"พี่ถามอะไรหน่อยดิ"ผมมองหน้ามุใกล้ๆ

"อะไรเหรอครับ"

"ไอ้เถามันเคยบอกพี่ว่ามุไม่ค่อยแมน ตกลงเพศไหนเนี่ย จะเป็นน้องชายหรือน้องสาววะ"ผมถามไปตรงๆ อีกฝ่ายหน้าแดงขึ้นมาแล้วหลบตาผม "จะบ้าเหรอพี่ ผมก็เป็นแบบนี้แหละ"

“เหรอ โอเคๆ เชื่อก็ได้”

“แหม คนเราก็ต้องรักษาภาพพจน์บ้างสิ จะให้ออกอาการก็โดนคนอื่นล้อพอดี”มุเหลือบมองผมอีกรอบก่อนจะตีแขนผมแก้
อาย ผมถอนหายใจแล้วขำหึๆ

“โอเคๆ จะแสดงออกยังไงก็ตามใจมุเถอะ”ผมบอกแล้วเหลือบไปมองยิมที่หลับสนิทเกินจริงไปหน่อย ผมว่าอีกฝ่ายแกล้งหลับอยู่แน่ๆ

“งั้นมุกลับไปหาพี่เถาก่อนนะ ไว้เจอกันครับ”มุส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไปเงียบๆ ผมรู้สึกเบาใจขึ้นมา หวังว่ามุมันจะตาสว่างเลิกชอบผมได้แล้ว

"สเป็คเลยไม่ใช่หรอไอ้สอง ยิ่งไม่ค่อยแมน มึงยิ่งชอบนี่"ยิมส่งเสียงพูดขึ้น ผมหันไปมองแล้วยิ้มให้คนที่นอนขมวดคิ้วจ้องหน้าผมอยู่

"อือ คงเหมือนน้องพี่มั้ง "ผมไหวไหล่

"เชี่ยสอง!"ยิมผุดลุกขึ้นมานั่งทันทีมันมีสีหน้าไม่พอใจ

"พี่พูดเองนี่ เหมารวมไอ้โยไปด้วยเลย "ผมขำ จะว่าไปแล้วก็คิดถึงไอ้โยขึ้นมาเลย มันเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ "เออ มันเป็นยังไงบ้างทำตัวดีขึ้นบ้างไหม"ผมถามต่อเมื่อมันแค่ถอนหายใจก่อนจะหยิบแว่นมาสวมตามเดิม

"อืม ก็ไม่ฟึดฟัดใส่ม๊ากับป๊าแล้ว และมันก็ตั้งใจเรียนขึ้นมาก แต่มันบ่นถึงมึง อยากเจอมึง"ยิมจับผ้าห่มของผมขึ้นมาพับ

"ดีแล้ว ที่มันตั้งใจเรียน"ผมพูดเบาๆแล้วยิ้ม

"...แต่มันก็ยังรักมึงเหมือนเดิม"อีกฝ่ายพูดช้าๆน้ำเสียงแข็งๆ  ผมชะงักก่อนจะหุบยิ้มลง ผมกับโย ตามจริงแล้วก็ยังคุยกับมันไม่รู้เรื่องเลย ผมควรจะเข้าไปอธิบายสถานการณ์ของมันกับผมให้มันเคลียร์กว่านี้ "...ถ้ายังไง ผมก็อยากเข้าไปเคลียร์กับมันอีกครั้ง พี่คงไม่ว่าอะไร"

"...อืม ไม่หรอก "

ผมเงียบ ยิมเลยวกกลับมาเรื่องน้องมุเพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัด

“เออ ไอ้เด็กนั่นจะยอมเป็นแค่น้องมึงหรือไง ใจกว้างจริงนะ ให้มันมานอนด้วยระวังเหอะ มันอาจจะอยากทำอะไรมึงก็ได้”

"เหมือนพี่หรือเปล่า"ผมหัวเราะ

"ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก"ยิมถอนหายใจ แล้วหันไปมองทางประตูห้องแทน  "พี่นี่เป็นคนดีจริงๆ "

"ดีไปก็เท่านั้น กูน่าจะเลวบ้าง"คำพูดของไอ้ยิมทำให้ผมใจหล่นวูบ

"พี่กับผมอาจจะเกลียดกันก็ได้นะยิม เหมือนที่ผมเกลียดเฮียแกนไง หึ ผมเองก็เกือบจะไม่ชอบขี้หน้าพี่แล้วนะ แต่โชคดีที่พี่ดันเข้ามาพูดกับผมก่อน..."ผมนึกถึงเรื่องในคราวนั้น หากว่าอีกฝ่ายแจ้งความ ผมกับเจ้าตัวคงไม่แม้แต่จะมองหน้า แล้วมันเองจะไม่เสียใจหรือไง ที่ถูกผมเกลียดทั้งๆที่ไม่ผิดอะไร

"...นั่นสิวะ จริงอย่างที่มึงพูด เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว"

"ผมขอโทษครับ”ผมพูดออกมาจนได้ ยิมเหลียวมองหน้า "มึงไม่ได้ทำอะไรผิดนี่"ยิมหัวเราะ ผมดึงมือมันมาจับเป็นครั้งแรก

"ผมเชื่อนะ ว่าพี่ต้องเจอคนที่ดีพอ"ผมบอก

"อือ ก็อาจจะ"ยิมยิ้มเศร้า แล้วกระชับมือจับไว้แน่นๆ

"เฮ้อ เลิกเศร้าสิ ไปเดินเล่นกันเถอะ"ผมบอกแล้วปล่อยมือจากมันก่อนจะตบไหล่มันแล้วลุกขึ้นยืน ยิมลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบกระเป๋ากล้องออกมา

"ป่ะ แถวนี้มีวิวสวยๆหรือเปล่าก็ไม่รู้"ยิมบ่นพึมพำก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาผม

ผมกับยิมออกไปเดินสำรวจบริเวณด้านหลังอาคารธุรการที่มีชั้นเดียว ด้านหลังเป็นลานกว้างมีพุ่มหญ้าขึ้นเป็นจุดๆซึ่งบริเวณนี้เป็นเนินดินสูงลาดลงไปก็เจอกับแปลงผักกับบ่อเลี้ยงปลา

"ลงไปดูด้านล่างกัน"อีกฝ่ายชวน ผมเดินลงไปตามเนินดินที่ถูกถางทำเป็นขั้นบันไดห่างๆเพื่อสะดวกแก่การเดินลงไปด้านล่าง สภาพแปลงผักด้านล่างมีรอยน้ำใหม่ๆเหมือนเพิ่งถูกรด ยิมเดินไปดูบ่อปลาที่ขุดลอกเป็นบ่อประมาณสามเมตรได้ ถัดจากบ่อปลาเป็นแนวพงป่าเตี้ยเลยไปไม่ไกลนักมีแนวลำคลองใสสะอาดเส้นเล็กๆอยู่

"เหมือนมีคนมารดน้ำให้อาหารปลาก่อนหน้าเลยนี้ว่ะ"เจ้าตัวหันมาพูดกับผมซึ่งผมก็เห็นด้วยพลางมองไปรอบๆบริเวณที่เป็นพงป่า "ครูใหญ่หรือเปล่า"ผมบอก

"ครูใหญ่กลับไปตั้งนานมั้ง แล้วรอยน้ำนี่ยังไม่แห้งดีเลย"ยิมทำหน้าจริงจังจนผมอยากขำออกมา มันเดินเข้ามามองร่องผักสามสี่แปลงคนล่ะชนิดกัน

"คงมีคนมีคนมารดน้ำนั่นแหละ"ผมพึมพำอย่างไม่สนใจก่อนจะก้มไปดูแปลงหัวผักกาดขาวใกล้ๆ

"อะมะเต!(ทำอะไรน่ะ)"เสียงแหลมแหบๆของเด็กผู้ชายดังมาจากทางฝั่งซ้ายมือทำเอาผมกับยิมสะดุ้งตกใจด้วยกันทั้งคู่ ผมจ้องหน้าเด็กผู้ชายอายุประมาณ8-9ขวบ ท่าทางน่าจะเป็นเด็กนักเรียนที่นี่น่าจะเป็นชาวเขาแถวนี้ เด็กชายผิวขาวเหลืองในชุดสีขาวขุ่นเพราะเปื้อนดิน กับกางสีดำลักษณะเป็นกางเกงชาวเขาในพื้นที่ ข้างกายมีถังรดน้ำสังกะสีเก่าๆวางอยู่ ผมกับยิมมองหน้ากันงงๆเพราะไม่เข้าใจว่าพูดอะไร

"เอ่อ...นี่เจ้าหนู พี่มาดีนะ มากับรถคันใหญ่เมื่อตอนเที่ยงๆไง"ผมเดินเข้าไปใกล้เด็กคนนั้นอีกนิดนึง เพราะคงคิดว่าผมกับยิมมาร้ายล่ะมั้ง ฟังจากน้ำเสียงที่ดูโกรธเกรี้ยว อีกฝ่ายทำหน้าไม่เห็นด้วยมันกระตุกเสื้อผมแรงๆ เด็กคนนั้นคลายคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นออก ท่าทางดูผ่อนคลายขึ้น

" อะมะนะ..? (อะไรนะ) เอ่อ  พูดช้าๆหน่อย ฟัง ไม่ ทัน "เด็กคนนั้นพูดเสียงดังแล้วมองหน้าผมเขม็ง หน้าตาค่อนไปทางเชื้อจีนตอนใต้ตามปกติที่เห็นกันในชนเผ่าบริเวณนี้ ยิมมองเด็กคนนั้นอย่างสนใจ ผมยิ้มเป็นมิตรให้เด็กตรงหน้า

"นี่ชื่ออะไรล่ะเรา เป็นเวรมาดูแลแปลงผักหรอหื้ม "ผมเดินไปหาแล้วก้มมอง ผมพอจะรู้วิถีชีวิตของเด็กชาวเขาอยู่บ้างยิ่งโรงเรียนเล็ก การเข้าถึงของสาธารณูปโภค ไฟฟ้า หรือแม้แต่อาหารการกิน โรงเรียนนี้คงปลูกผักสวนครัวและเลี้ยงปลาเพื่อทำอาหารกันเองแน่ๆ และก็ต้องเป็นหน้าที่ของเด็กๆที่ต้องเข้ามาดูแลแปลงผักพวกนี้ เด็กตรงหน้าเงยหน้ามองผมเหมือนกำลังชั่งใจอะไรสักอย่าง ก่อนจะยกแขนขึ้นมากอดอก

"บอกชื่อตะเองมาก่อนเดะ"เสียงห้วนๆและไม่ค่อยชัดดังมาจากเด็กน้อยคนนี้ แต่แววตาดูซุกซนสนใจผมกับยิมเปิดเผย

"โอเค พี่ชื่อ สอง ส่วนไอ้แว่นนั่นชื่อ ยิม แล้วเราล่ะ"ผมยิ้มให้เด็ก หันไปกวักมือเรียกยิม ที่กำลังถือกล้องอยู่ มันยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาเด็ก

"อ๋อ สอง กับ จิม ชื่อแปล๊กแปลก ฮ่ะๆ "ผมหัวเราะออกมาพร้อมๆเด็กคนนี้ ส่วนยิมทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“ไม่ใช่ซะหน่อย ชื่อยิม ย.ยักษ์ ไม่ใช่ จิม”เจ้าของชื่อพูดเสียงแข็งๆ ทำตาดุใส่เด็ก แต่อีกฝ่ายไม่สนใจแต่หัวเราะคิกคัก

"คนอะไรชื่อจิม ฮ่าๆ"ยิมทำหน้าขัดใจ ผมส่ายหน้า "เอาน่าๆ อย่าถือสาเด็กสิวะ"ผมหัวเราะแล้วหันไปหาเด็กตรงหน้า

"ว่าไงล่ะ ชื่ออะไรล่ะเรา"

"เรียกเค้าว่ายะเปาก็ได้ "เด็กชายยะเปาพูด ผมพยักหน้าหันไปหายิมที่ก้มหน้ามองกล้องในมือตัวเองอยู่"ยะเปา น่ารักดีว่ะยิม ...เออแล้วมารดน้ำผักคนเดียวหรอครับ"ผมถามต่อ

"อือ เพื่อนไปทำงานสองคน ยะเปาเลยมาคนเดียวแต่แปลงผักเเค่เนี้ย สบ้าย"ยะเปาพูดแล้วยกถังรดน้ำขึ้นเพื่ออวดว่าแข็งแรง ผมหัวเราะ

"โห ไรว้า แค่นี้ทำเป็นโชว์ พี่นะเอามาสองถังเลยเอ้า รดน่ำสบายๆสี่แปลงรวด"ผมแกล้งคุยโว แบ่งกล้ามอวด ยะเปามองผมอย่างไม่เชื่อ "ไม่จริงหรอก ขี้โม้ เค้ารดน้ำจนครบทุกแปลงแล้วจะเอาที่ไหนมาโชว์"

"วันพรุ่งนี้ไง เอาเปล่าๆ มาดวลกัน ใครชนะเลี้ยงหนม"ผมเห็นว่ายะเปามันทำตาโต

"พรุ่งนี้ต้องทำงานเว้ย"ยิมพูดขัดจังหวะความสนุกของผม ยะเปามองหน้ายิมแล้วหัวเราะกั๊กๆต่อ

"ขำอะไรเด็กนี่"ไอ้ยิมบ่นอยู่ข้างๆผม

"อ้าวหนุ่มสองคนนี่ มาอยู่กับอาหมี่นี่เอง ดนัยเขาตามหาหนุ่มสองคน"เสียงครูใหญ่ดังมาจากเนินด้านบน ผมหันไปยกมือไหว้ก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย

"อาหมี่หรือครับ"ผมทำหน้างงก่อนจะหันไปมองเด็กชายยะเปาที่ยืนเกาต้นคอส่งยิ้มฟันหลอมาให้ ครูใหญ่เดินมาหาผมกับยิมท่าทางทะมัดทะแมง

"ไอ้เจ้านั่นแหละอาหมี่ ชื่ออาหมี่ แต่ชอบให้คนนู้นคนนี้เรียกยะเปา "ครูใหญ่หัวเราะก่อนจะเดินไปหาเด็กยะเปาที่อายม้วนก้มหน้ากอดเอวครูใหญ่ไว้ ผมพยักหน้าเข้าใจท่าทางครูใหญ่จะสนิทกับเด็กยะเปาหรืออาหมี่เพราะครูใหญ่มองเด็กที่กอดเอวด้วยสายตาเอ็นดู

"อ้าว ทำไมล่ะครับ"ยิมเป็นฝ่ายถาม

"อาหมี่มันกำพร้าพ่อแม่ ยะเปาแปลว่าลูกชายน่ะ เจ้านี่เลยชอบเวลาให้คนอื่นๆเรียกว่ายะเปาๆ ไง ก็เหมือนพ่อๆแม่ๆเรียกลูกน่ะ"ผมยิ้มเอ็นดูเด็กที่กอดครูใหญ่แล้วเงยหน้ามองผมแล้วทำหน้าย่นๆ

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง แต่เรียกยะเปาก็ไม่เสียหายใช่ไหมครับครูใหญ่ ยะเปาก็น่ารักดีครับ"ผมหัวเราะ

"ได้ ยะเปาคงชอบใจ"ครูใหญ่ยิ้ม

"แล้วพี่ดีน ตามหาพวกผมสองคนทำไมหรือครับ "

"อ้อ เห็นจะคุยเรื่องทาสีห้องเรียนน่ะหล้าเอ้ย"ครูใหญ่บอกก่อนจะปล่อยยะเปาที่ก้มหน้าแทบจะมุดดินได้

"ไง อยากให้เรียกชื่อไหน ยะเปา หรือ อาหมี่"

"ยะเปานั่นแหละ ชอบชื่อนี้นี่ งั้นเรียกพี่สองว่าหงะปาได้ไหมอะ"ผมหันไปมองครูใหญ่ งงกับศัพท์ใหม่ที่ยะเปาเรียกผม

"แปลว่าอะไรหรอครับ"ผมถาม

"เอาน่าเจ้าหนุ่ม ไม่ใช่คำเลวร้ายอะไรหรอก ฮ่ะๆ ถือว่าได้ลูกแง่เป็นเพื่อนเล่นก็แล้วกัน"ครูใหญ่ยิ้มขำก่อนจะส่ายหน้าแล้วเดินไปดูบ่อปลาแทน ผมกับยิมได้แต่มองหน้ากัน เฮ้อ

"หงะปาแปลว่าอะไรหรอยะเปา"ผมถามเสียงนุ่มหวังว่ายะเปาจะยอมบอก

"ม่ายบอก หงะปาคำนี้ดีนะ บอกให้ ..ขึ้นไปเล่นข้างบนเถอะ"ยะเปายิ้มร่าแล้วจับมือผมแกว่งไปมา ไม่วายจะแอบมองยิมแล้วหัวเราะคิกๆ เจ้าตัวเลิกคิ้วมองก่อนจะเดินขึ้นไปตามขั้นดิน ผมจูงมือเด็กยะเปาที่เข้ากับคนแปลกหน้าได้ดีจริงๆ

"หงะปา มาอยู่นานป่ะ"ยะเปาเงยหน้ามองผม

"ไม่นานหรอก วันสองวันก็กลับแล้วมาซ่อมห้องสมุดกับทาสีโรงเรียนให้เหมือนใหม่ โอเคเปล่า"

"อือ ดีเลย เค้าอยู่ช่วยได้เปล่า ถ้าเค้าช่วยครูใหญ่เก็บกระหล่ำเสร็จ"ยะเปาถามเสียงตื่นเต้น

"ได้เลย แล้วทาสีเป็นหรอเราอ่ะ"

"ทาสีไรอ่ะ"ยะเปามองหน้าผมงงๆ ผมยิ้ม เด็ออะไรซื่อจริงๆ

"ทาสีห้องเรียนไง ไม้มันซีดแล้วจะใด้ใหม่ๆ "ผมชี้ไปที่อาคารธุรการที่เป็นไม้ซีดๆ

"โห ไอ้เราก็นึกว่าไปตอกตะปู แบกไม้ เค้าทำได้นะ แต่ทาสีไม่ได้หรอก ทาได้แต่ในกระดาษ"

"อยากลองเปล่า ตัวแค่เนี้ย จะไปแบกนู่นแบกนี่ได้ไง "

"ได้เด้ เค้าเคยยกกระหล่ำทั้งถุงมาแล้ว ถุงบักเอ้บเลย"ยะเปาไม่พูดเปล่าทำท่าทางไปด้วย

"อ่ะๆเชื่อแล้วว่าแข็งแรง แล้วเราเรียนอยู่ป.อะไรแล้ว"ผมถาม ขณะที่เดินมาถึงบริเวณลานเสาธงแล้ว ยิมที่เดินนำหน้าสนใจแต่การถ่ายรูปของมันไป ยะเปามองหน้าผมทำตาปริบๆก่อนจะเสไปมองทางอื่นแล้วพูดอ้อมแอ้ม

"...เค้าอยู่ป.2"

"ป.2 งั้นก็7-8ขวบเองดิ"ผมถาม ยะเปาส่ายหน้า "มะเหะ!(ไม่ใช่)"

"เอ้า งั้นกี่ขวบแล้ว"ผมเดาจากน้ำเสียงของยะเปาแล้วคิดว่าตัวเองคงพูดอะไรผิด

"9 ขวบ......แต่เค้าเรียนไม่เก่งครูใหญ่ให้ซ้ำชั้นมา2ปีแล้ว"ยะเปาทำหน้าซึมๆ

"อ้าว แบบนี้ความรู้แน่นกว่าเพื่อนเลย"ผมทำเสียงรื่นเริง ดูเหมือนการซ้ำชั้นของยะเปาจะเป็นอีกหนึ่งปมด้อย นอกจากจะเป็นเด็กกำพร้าแล้ว

"จริงเหรอ"ยะเปาทำตาโต ยื่นหน้ามาใกล้ผม จนเห็นกระที่แก้มชัดเจน

"อืม เรียนหลายครั้งแล้วแสดงว่าต้องรู้มากกว่าเพื่อนๆ ยะเปาต้องตั้งใจเรียนขยันอ่านหนังสือดิ จะได้เลื่อนชั้นไง"ผมบอกกับยะเปาที่ตั้งใจฟัง

"อือ แต่เค้าโง่อ่ะ"ยะเปาเกาหัว "ไม่หรอก หัวเท่านี้ใส่ความรู้ได้อีกเยอะเว้ย"ผมกุมหัวเล็กๆของยะเปาแล้วเอนไปมา ยะเปาหัวเราะกอดแขนผมไปด้วย

ผมเดินตามหลังยิม ก่อนจะดูนาฬิกา นี่ก็สี่โมงแล้ว พอผมเดินไปถึงบริเวณหน้าอาคารเรียนมีระเบียงนั่งอยู่ พวกพี่ดีนก็นั่งรวมกลุ่มกัน ผมกับยิมรวมถึงยะเปารีบเดินไปที่หน้าอาคารเรียนทันที ไอ้ผิงก็โบกมือเรียกผม

"หายไปไหนมา นึกว่าแอบไปซั่มกันที่ไหน"ไอ้ผิงพูดพล่อยๆอีกแล้ว ผมไม่ทันจะสวนกลับ ไอ้ผิงก็จ้องมาที่ยะเปา "เอ้า นั่นเด็กที่ไหนอ่ะ"

"ก็เด็กนักเรียนที่นี่แหละ ชื่อยะเปา"ผมบอกมัน ก่อนจะพากันเดินขึ้นไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกพี่ดีน ประมาณ6-7คนได้ กลุ่มพี่ดีนมี4คน หัวหน้าแก๊งคือพี่ดีน เด็กกิจกรรมตัวยงของคณะ แต่เรื่องเรียนพี่ดีนไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ ทั้งๆที่มีฝีมือ เรียนเรื่อยๆแบบไม่แข็งขันกับใคร คนต่อมาคือพี่อาร์ม ตัวใหญ่อวบๆแต่ผิวเข้มไว้หนวด เป็นคนเงียบๆขรึมๆ อีกคนคือพี่ต๊ะ ตัวเล็กๆเตี้ยๆ มีดีที่ผิวขาวหน้าตาจัดว่าดูดี 3คนนี้อยู่จิตกรรม สาขาเดียวกับผม

คนสุดท้าย พี่กร สาขาประติมากรรม หนุ่มแว่นลุคเซอร์ จุดเด่นคือผมทรงเห็ดสีเขียว ยอมรับว่าพี่แกมั่นหน้ามาก 4คนนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในสาขาและคณะ แต่ไม่ค่อยถูกกับกลุ่มเฮียแกนเท่าไหร่ อย่างเมื่อตอนที่ลงเลือกตั้งสโมนิสิต กลุ่มพี่ดีนก็แพ้พวกเฮียแกนไปแบบฉิวเฉียด ถึงแม้ว่าอาจารย์จะบอกว่าให้ทำงานผสมคละกันได้(แบบดึงคนเก่งๆจากกลุ่มพี่ดีนไปทำงานด้วย) แต่กลุ่มพี่ดีนทิฐิสูงไม่มีใครยอมทำงานด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าปีสามจะมีสองพวก

"เออ มึงมาก็ดีแล้วไอ้สอง พวกกูกะว่าจะคุยเรื่องสีว่ะ กูกลัวไม่พอ"พี่กรกวักมือให้ไปหา

"แล้วตอนที่เช็คของมันไม่พอกับตัวอาคารหรอพี่"ผมถาม 

ตอนที่ผมไปฟังรายละเอียดจากพี่ดีนก่อนหน้านั้น พี่กรเป็นคนเช็คจำนวนถังสีกับการคำนวณเรื่องตัวอาคารที่ต้องทาสีใหม่ ก็ได้ยินว่าติดต่อผ่านทางครูใหญ่ถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าต้องใช้จำนวนกี่ถัง

"มึงต้องเข้าใจนะเว้ยว่างบพวกกูไปขอตามหน่วยงานต่างๆมา ก็ได้มาคนละนิดคนละหน่อย ..กูก็ลืมคิดเรื่องสีที่ใช้มันคนละชนิดกันว่ะ กูเสือกซื้อสีทาบ้านมา แล้วมันคงไม่ทนต่อสภาพไม้แล้วก็สภาพแวดล้อมของที่นี่ กูก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่ว่าจะใช้สีที่เรามีทำในส่วนห้องสมุดและสีสำหรับทาภายในเท่านั้น ส่วนตัวอาคารเรียนจะใช้สีของทางวัดเอา เป็นสีย้อมไม้ พอดีทางเจ้าอาวาสวัดป่าท่านได้ยินเรื่องที่เรามาซ่อมแซ่มโรงเรียนก็เลยออกค่าสีทาไม้ให้ครูใหญ่ "พี่กรเป็นฝ่ายอธิบายให้พวกผมฟัง พี่แกหยุดพูดแล้วกระแอมไอค่อกแคก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2018 07:03:02 โดย RindadaRin »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
"เฮ้อ โทษทีนะไอ้สอง สีมันอยู่ที่วัดอ่ะ ประมาณสองสามโลได้ ไม่ต้องห่วงนะ ค่อยไปกับครูใหญ่ ครูแกอาสาจะไปส่ง"พี่กรขยับแว่นออกมาเช็ดเหลือบตามองผมไปด้วย ไอ้ที่เรียกมาคุยคือ อยากให้ผมไปขนสีมาเองสิท่า แหม ร่ายยาวเชียว
 
"ได้อยู่แล้วพี่ ดีเลยครับ อยากเที่ยวแถวนี้พอดี "ผมหัวเราะแบบไม่ซีเรียส ไปกับคนในพื้นที่ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว ยะเปาทำหน้างงๆไม่เข้าใจเรื่องที่พวกผมพูดกัน

"เห็นไหมผมบอกแล้วไอ้สองมันชิวล์ไม่ซีหรอกพี่"ไอ้โก๋รีบพูด พี่ดีนยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมแล้วปรบมือรัวๆ

"ดีมากไอ้น้อง กูก็กลัวมึงจะด่าหาว่ากูเป็นคนนำทัพแล้วเสือกไม่เตรียมพร้อมอะไร แถมยังใช้ให้ไปเอาสีเองอีก"พี่ดีนพูดขำๆก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

"อะไรพี่ ผมไม่ใจร้อน ไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอกพี่"ผมส่ายหน้า

"เอองั้นก็เข้าใจตรงกันแล้วเนอะ ส่วนที่จะไปเอาสีก็หลังมื้อเย็นก็ได้มั้ง หรือว่ายังไงก็ตามใจครูใหญ่"พี่ต๊ะพูด

"แล้วทำไมพี่ถึงซื้อสีมาผิด"ไอ้ผิงถามทำหน้าไม่เข้าใจ พวกพี่แกหัวเราะ "ก็ไอ้กรมันบื้อจะตาย กูถึงว่าทำไมไม่เคยได้เอวิชาเพ้นท์ "พี่ดีนขำ

"เออ กูลืมนึกไปนี่หว่า อีกอย่างกูน่ะ เด็กปั้นโว้ย"พี่กรแถไปเรื่อยๆ

"อายน้องมันไหมวะ"พี่อาร์มพูดนิ่งแล้วส่ายหน้า

"เออ ไอ้แว่นนั่นเด็กวิดวะเปล่าวะ คืนนี้เจอกันหน่อยไหม แก้วต่อแก้ว"พี่ดีนหันมาทางยิมที่ละสายตาออกจากกล้องมันยังคงนิ่งอยู่

" พี่แกอยากรู้ว่ามึงจะคอแข็งแค่ไหน"ไอ้ผิงพูดกับยิม "ไหนว่าแค่กรึ่มๆไง "ยิมถามนิ่งๆ คิ้วขมวด

"ก็ใครคออ่อนก็เมาไง คอแข็งอย่างพวกกู ไม่ล้มง่ายๆหรอกเว้ย"พี่กรข่ม

"..ไม่รู้สิ"

"เอาดิๆ กูอยากเห็นมึงเมา"ผมสนับสนุนเสียงนึกสนุก ไม่เคยเห็นมันเมาเลย อยากจะเห็นหนุ่มแว่นมันเมาดูบ้าง ยิมเหลือบมองผ่านแว่นด้วยสายตาเดาไม่ออก

"เฮ้ย มากับพวกกูทั้งที อย่าเบี้ยวเลย น่าๆ ป๊อดไรวะ ทำไมเด็กไอ้สองมันอ่อนแบบนี้"ผมสะดุ้งทันทีที่พี่ดีนพูด เด็กบ้าบออะไร

"เฮ้ย ไม่ใช่ครับ นี่รุ่นพี่เฉยๆ"ผมรีบบอก

"อ้าว เป็นงั้นไป"พี่ต๊ะเหลือบมองพี่ดีน

"ไอ้กูนึกว่ามันเป็น......เออช่างเถอะ งั้นมึงโสดสิวะ"พี่ดีนถามเสียงดัง

"ครับโสด....."ผมตอบเบาๆ พี่ดีนแค่ยิ้มก่อนจะหันไปทางไอ้ยิม"มึงว่าไง"

"เออก็ได้ กูไม่เมาอยู่แล้ว"ยิมยังสุขุมตามสไตล์มัน

"พวกมึงก็อย่าหนีนะเว้ย"พี่กรชี้มาทางผมไอ้ผิงไอ้โก๋  "ผมสบายๆครับ"แต่วันที่เมานั่นเพราะดีกรีมันแรงไปหน่อย

"ให้จริงเหอะมึง หึๆ แค่นี้แหละที่กูจะบอก "พี่ดีนสรุปก่อนจะหันไปสนใจครูใหญ่เดินมาหาพวกผมที่พร้อมใจกันทักทาย ยะเปาลุกวิ่งออกไปหาครูใหญ่ทันที

"ครูเอาตะเกียงน้ำมันมาเพิ่มให้อีกห้าหกอัน น่าจะพอนะ วางอยู่โรงอาหาร ..เอ้าแล้วจะเอายังไง จะไปตอนนี้เลยไหม เพราะถ้าค่ำๆทางมันมืด ไม่มีไฟข้างทางหรอกนะ"ครูใหญ่ถามความเห็น

"ไปเลยก็ได้นะ"ไอ้ผิงพูดกับผม


ดังนั้นผม ยิม ไอ้ผิง ยะเปา เดินไปยังรถอีแต๊ก (รถไถนาของคูโบต้า)ครูใหญ่เดินไปเสียบกุญแจก่อนจะเดินมาสตาร์ทเครื่องโดยหมุนสายพานแรงๆจนเครื่องติดเสียงดังตั๊กๆ ยะเปาเขย่าแขนผม "เค้าก็สตาร์ทเป็นนะ "ยะเปากระซิบอวดๆ

"โห โคตรลุยเลยว่ะ"ผมหันไปยิ้มให้ยิม อีกฝ่ายคงไม่เคยเห็นรถแบบนี้ จะให้ใช้รถเก๋งรถกระบะคงไม่เหมาะกับสภาพถนนแบบนี้

"ท่าจะสมบุกสมบันน่าดู"อีกฝ่ายพึมพำ  "เอาน่า ก้นกบไม่พังหรอก"ไอ้ผิงตบๆไหล่ยิมอย่างสนิทสนม

 "ผมขอไปด้วยนะครูใหญ่"ยะเปาวิ่งไปเกาะครูใหญ่

"อืม ยังไงก็ต้องให้มาด้วยอยู่แล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้วยะเปา"


พวกผมก็พากันไปนั่งกระบะรถแบบเปิดประทุน โอเพ้นแอร์ดี บริเวณกระบะรถจะมีไม้กั้นสองข้างประมาณครึ่งเมตร ครูใหญ่นั่งบังคับรถอยู่ด้านหน้าใส่หมวกฟาง ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถก็โครงเครงพอสมควร สองข้างทางเป็นป่า 

"มึงไปเจอลูกสมุนมึงจากที่ไหนวะ"ไอ้ผิงถามถึงยะเปา

"ตรงแปลงผักหลังอาคารธุรการไง กูไปเดินเล่นพอดี"

"มาขอจับแก้มหน่อย"ไอ้ผิงขยับตัวมานั่งข้างๆยะเปาที่มุ่ยหน้าคิ้วขมวด

"นาบ่อ  อายิแย้โกะ เดาะแผะเซเหว่(พี่เสียงดังไปแล้วอ่ะ  พูดเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวปั๊ดตีตายเลย)"ยะเปาพูดรัวเร็ว

ผมคิดว่าเด็กนี่แกล้งพูดภาษาเผ่าเพื่อความสนุกที่ได้เห็นพวกผมทำหน้าเอ๋อๆ ผมคาดว่าน่าจะเป็นภาษาลาหู่ ของมูเซอ เพราะพื้นที่แถวนี้ก็มีเผ่ามูเซอ ม้ง

"แปลว่าไรวะ"ไอ้ผิงเกาหัว ครูใหญ่ที่ฟังรู้เรื่องหัวเราะออกมาเสียงดังจากด้านหน้า

"กูใบ้ให้"ผมกระดิกนิ้วเรียกมัน ยิมหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

"ฟังออกด้วยเหรอ"ไอ้ผิงมองผมเหมือนลังเล

"นิดหน่อย อะแฮ่มๆ ยะเปาบอกว่ามึงหน้าตาน่ากลัวแล้วยังเสียงดังอีก"ผมบอกเสียงขึงขัง ไอ้ผิงทำหน้าไม่เชื่อแล้วผลักหน้าผมเอนไปด้านหลัง  ยะเปาหันมายิ้มให้ผมอย่างชอบใจ

"ช่าย หน้าตาน่ากัว เหมือนซึซึแอ้เลย"ยะเปาพูดต่อ ยิมขมวดคิ้ว ไอ้ผิงมันทำหน้าเอ๋อได้ใจ

"อยากรู้ไหม พี่ มานี่ๆ"ยะเปากวักมือเรียกไอ้ผิงให้เข้าไปใกล้ๆ ไอ้ผิงก็ทำตามอย่างว่าง่ายมันก้มลงมาอยู่ในระดับเดียวกับยะเปา ท่าทางตั้งอกตั้งใจฟัง

"ซึซึแอ้ แปลว่า ผี ฮ่าๆ หน้าเหมือนผี"ยะเปาหัวเราะ ผมเห็นไอ้ผิงทำหน้าฉุน "เชี่ยเอ้ย"มันหันมาทางผม  "พูดโกหกไม่ดีนะ ยะเปา "

"อย่าให้รู้นะว่ามึงสั่งสอนเด็กมาว่ากู เชื้อร้ายจริงๆเลยมึง"ไอ้ผิงหันมาขึงตาใส่ผมก่อนจะส่ายหน้า ผมขำ ไอ้ผิงก็ไม่ได้หน้าตาแย่ขนาดนั้นหรอก ยะเปาอาจจะให้นิยามผู้ชายแบบไอ้ผิงว่าหน้าผีแทน ยิมหัวเราะหึเบาๆ

"เออ ไอ้แว่นมึงน่าตาดีนี่"ไอ้ผิงไปพาลใส่ยิมแทน

"นี่ชื่อจิมนะ "ยะเปาเอ่ยเสียงดัง ไอ้ผิงมองหน้ายิมแล้วหัวเราะกิ๊กกั๊ก "จิม ชื่อใหม่มึงนี่เหมาะดีว่ะ"

"มึงนี่ลามปาม กูพี่มึงนะ "ไอ้ยิมทำหน้าบูด

"จิมกะซึซึแอ้ "

"โอย พี่ชื่อผิงครับ ผิง"ไอ้ผิงลากเสียงยาว พูดช้าๆจ้องหน้ายะเปา "เหมือนขนมผิงหรอ "ยะเปาทำหน้างงๆ

"ใช่แล้วครับ ชื่อผิงอย่าไปเรียกอย่างอื่นนะ"ไอ้ผิงพูดเสียงเด็ดขาด

"ขะนุผิง"ยะเปาพูดชื่อมัน

"ขนมผิง"ไอ้ผิงย้ำอีกรอบ ผมอยากแกล้งมันเลยพูดตามยะเปา "ขะนุผิง"

"เฮ้ยยย เรียกดีๆดิ"ไอ้ผิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ "ขะนุผิง ก็แปลว่าขนมผิงนั่นแหละหนุ่ม"ครูใหญ่พูดมาจากด้านหน้า

"ช่าย เหมือนกันนี่ผิดตรงไหน ก็บอกเองนี่นาว่าชื่อขนมผิง”ยะเปายังไม่เลิกแกล้งไอ้ผิง ยิมได้ทีเลยหัวเราะเยาะๆ

"จิมอยากมีชื่อใหม่อีกเหรอ เดี๋ยวตั้งให้ใหม่ เอาเปล่า"ยะเปารีบหันไปหาอีกฝ่ายทันที

"ไม่เอา"มันตอบสั้นๆ แต่แววตามันดูตื่นๆ

"ฮิๆ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวก็มีเอง" ยะเปาปิดปากหัวเราะ

กว่าจะมาถึงวัดก็ใช้เวลาไม่นานนัก ครูใหญ่เข้าไปคุยกับเจ้าอาวาสอยู่นานสองนาน จนกระทั่งเจ้าอาวาสของวัดเดินมาพร้อมๆกับครูใหญ่

"นมัสการครับหลวงตา"

"เจริญพรโยม อาตมาได้ยินเรื่องจากครูใหญ่แล้วล่ะนะ อาตมาก็สนับสนุนเรื่องซ่อมแซ่มโรงเรียนของเด็กๆ นานๆทีจะมีคณะนิสิตมาออกค่ายอาสาที่นี่เพราะความไม่สะดวกในด้านสาธารนูปโภคต่างๆ อาตมาเห็นดีเห็นงามกับโยมทั้งหลายคิดดีทำดีเกิดกุศลกรรมดีแล้วล่ะโยม"จากนั้นท่านเจ้าอาวาสก็ให้พรพวกผม

"สาธุ..ๆ "

พวกผมพากันไปขนถังสี toa สีเขียวจำนวนทั้งสิ้น 10 ถัง แกลลอนล่ะ 5ลิตร คาดว่าน่าจะพอใช้สำหรับอาคารไม้ทั้ง3หลัง   จนเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง ยะเปากลับหมู่บ้านไปก่อน ตอนแรกก็งอแงไม่ยอมกลับ แต่เพราะครูใหญ่ขู่ว่าพรุ่งนี้จะให้เก็บกระหล่ำกับชาวบ้านทั้งวันไม่ให้ไปไหน ก็เลยยอมกลับแต่สีหน้าดูงอนเต็มที่

"มึงใช้ยาอะไรวะ ไม่ถึงวันเด็กก็ติดล่ะ เอ....หรือว่ามึงมีฮอร์โมนเพศแม่อยู่ในสายเลือด "ไอ้ผิงหัวเราะคิกคักข้างๆผม

"เดี๋ยวตบปากปลิ้น"ผมยกมือขึ้นทำท่าจะตบปากมันจริงๆ 
เนื่องจากขากลับฟ้ามืดแล้ว ครูใหญ่จึงจุดตะเกียงสองดวง ไว้ให้พวกผม เพราะมีแค่ไฟหน้าของรถอีแต๊กมันสว่างมาถึงด้านหลังไม่มากนัก

"ครูครับ นอนกับพวกผมแล้วค่อยกลับตอนเช้าดีกว่าครับ มืดแล้วกลับคนเดียวมันอันตราย"ยิมเอ่ยขึ้นมาอย่างนึกเป็นห่วง  ขณะที่ผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว ครูใหญ่ตอบกลับมาจากด้านคนขับอย่างไม่ถือสา

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ครูเองก็ชินเสียแล้ว ที่ทางแถวนี้ไม่มีใครนอกจากชาวเขาแถวนี้"

"เกรงใจครูน่ะครับ มารับมาส่งพวกผมแบบนี้"

"ครูไม่ได้ลำบากใจ ครูเต็มใจช่วยถือว่าลูกๆหลานๆ " สรุปแล้วครูใหญ่ต้องขับรถอีแต๊กกลับหมู่บ้านไปอีกรอบ แม้ว่าผมจะรั้งให้นอนค้างที่นี่ก็ตาม แต่ก็ห้ามไม่ได้ครูใหญ่เองก็อยู่ในพื้นที่มานาน คงชินกับพื้นที่และคนแถวนี้ดี
 
ในขณะพวกพี่ดีนเริ่มตั้งวง โดยจุดกองไฟไว้ตรงกลางนั่งเป็นวงกลม ส่วนเหล้าเป็นเหล้าขาว กับเบียร์ แต่พี่ดีนก็ปรามๆกันไปว่าอย่าดื่มหนัก แค่ล้อมวงรอบกองไฟ คุยกันไปจิบไปก็ยังได้ ส่วนกับแกล้มมียำปลากระป๋อง กับหมูเค็มซึ่งไม่แม็ตกันเลย
พี่ดีนขอบายเพราะลุกไปอ้วกหลายครั้งแล้ว ผมกินแค่พอเป็นพิธีไม่อยากเมา พี่ดีนขยับมานั่งข้างๆผม

"เฮ้ยสอง ไปหาที่คุยกันไหม"พี่ดีนสะกิด ผมชั่งใจก่อนจะหันไปมองยิม ข้างๆมันมีไอ้ผิงเป็นหูเป็นตาให้อยู่แล้ว คงไม่มีอะไรน่าห่วง

"ไปสิพี่"ผมยิ้ม คงไม่มีอะไรเสียหาย ผมกับพี่ดีนลุกออกจากวง ยิมแค่มองแล้วหันไปจดจ่อแก้วเหล้าตามเดิม ผมกับพี่ดีนถือตะเกียง 2 ดวงออกมานั่งบริเวณหลังอาคารธุรการ คืนนี้จันทร์สว่างเลยทำให้ฟ้าเปิด

ผมกับพี่ดีนนั่งอยู่ตรงเนินดิน

"ถอยหายใจทิ้งหลายรอบจังวะ มีเรื่องไม่สบายใจล่ะสิ"พี่ดีนหันมาพูดกับผมขณะที่กำลังจุดบุหรี่ อีกฝ่ายยื่นซองบุหรี่มาให้แต่ผมไม่สูบ

"ก็มีบ้าง"

"อืมช่วงหลังๆมานี่มึงดูเครียดๆ ไม่ค่อยสนุกสนานเหมือนเคย บางครั้งก็ดูเหงาๆ"พี่ดีนขยับหันหน้ามาคุยกับผม

"ดูออกขนาดนั้นเลยหรอพี่"ผมยิ้มแล้วส่ายหน้า

"ตอนแรกดูไม่ออกหรอก แต่พอเห็นแววตามึงวันนี้แล้วเลยรู้ "พี่ดีนหันมายิ้ม

"...เมื่อก่อนผมปิดความรู้สึกเก่งนะพี่ แต่ตอนนี้กลายเป็นคนดูออกง่ายไปซะแล้ว"ผมพูดช้าๆในใจนึกถึงพี่ท็อป

"เพราะมีคนทำให้มึงเปิดความรู้สึกได้ง่ายๆหรือเปล่า มันก็เลยเลือกที่จะแสดงความรู้สึกออกมาได้ชัดเจน"พี่ดีนเหม่อมองไปตามพงป่าเหมือนคิดอะไรอยู่

"อือ คงงั้นมั้งครับ"

"ว้า แบบนี้ก็อดสนุกกันเลยสิวะ”พี่ดีนหัวเราะก่อนจะส่งสายตาแปลกๆมาให้ผม

"หึๆ ทำไมครับ อยากสอยผมเหรอ"ผมพูดเล่นไปเรื่อย ไม่ได้เก็บเอามาคิดเป็นจริงเป็นจังนัก พี่ดีนมองผมอยู่นาน

"อืม ก็เคยคิดนะ"

"เปลี่ยนใจหรือยังครับ"ผมถาม

"ไม่ว่ะ มึงน่าสนใจดี "เจ้าตัวยังคงมองผม และมีรอยยิ้มฉาบใบหน้า ผมถอนหายใจ คำพูดของอีกฝ่ายไม่ทำให้ผมตื่นเต้นอะไร แค่รู้สึกว่าไม่อยากมีเรื่องยุ่งยากตามมา “อย่าเลยพี่”ผมเอ่ยช้า ๆ

“ทำไมวะ ตัดใจจากคนก่อนไม่ได้เลยหรอ"อีกฝ่ายพูดขึ้นมา ผมมองคนข้างๆอย่างพิจารณา เหมือนว่าเจ้าตัวจำรู้เรื่องของผมอยู่เหมือนกัน ผมส่ายหน้า

"แค่ไม่อยากตัดใจมากกว่า"ผมพูดเบาๆ หากขาดพี่ท็อปไป ผมก็อยู่ได้ไม่ตาย แต่ในเมื่อยังมีหนทางให้รักกันได้จะทิ้งมันไปทำไม เรื่องเก่าๆ ผมไม่อยากเก็บเอามาคิดให้รกสมอง แน่นอนว่าผมเสียความรู้ไปไม่น้อย แต่ก็ยังอยากเริ่มต้นใหม่กับพี่ท็อปอีกครั้ง อยากรู้ว่ามันจะไปกันรอดไหม

"หึๆ อ่อนว่ะ "พี่ดีนส่ายศีรษะ ก่อนจะดับบุหรี่ลง "คงงั้น"ผมตอบแบบขอไปที

"เป็นคนมีแผลซะงั้น คนเรามันก็เท่านี้แหละ สุข ทุกข์ วนเวียนแบบนี้ แล้วแต่เราเลือกที่จะให้ตัวเองสุข หรือทุกข์ได้ มีแค่สองทางเท่านั้น ถ้าที่เป็นอยู่มันทุกข์ก็วางมันซะสิ”พี่ดีนบอกไป  เป็นคำพูดปลอบประโลมใจฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมาอีกเยอะ แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจจะยาก แต่ถ้าหากลองเอากลับไปคิด มันก็จะมีคำตอบเอง ผมยิ้มออกมา

“ทุกข์น่ะดีแล้ว จะได้รู้ว่าตอนที่เจอความสุขอีกครั้ง จะได้รู้ว่ารสชาติของความทุกข์มันมากแค่ไหน แล้วเราจะมีความสุขมากเท่าไหร่ จะได้จำเอาไว้”ผมเอ่ยตามที่ใจคิด พี่ดีนย่นคิ้ว มองผมอย่างไม่เข้าใจนัก

“แปลกนะมึง”

“ผมเลือกแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกข์ซะทีเดียว"ผมหัวเราะแบบไร้อารมณ์

"อืม....เพราะไอ้แกนหรือเปล่าทำให้มึงหดหู่ได้ขนาดนี้"พี่ดีนพูดถึงชื่อที่ผมไม่อยากได้ยิน "ก็มีส่วนนะพี่"

"น่าหมั่นไส้จริงๆไอ้แกน กูล่ะเกลียดมัน"พี่ดินหยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วขว้างเข้าป่าไป

"ทุกข์นักก็วางสิพี่"ผมตอบกลับไปแล้วหัวเราะ ดาบนั้นคืนสนองแล้วกัน พี่ดีนมองหน้าผมเหมือนพูดไม่ออก คงจุกอก แทงใจดำล่ะสิ

"เฮ้อ กูชอบกอดความทุกข์เว้ย แสบๆคันๆ ไม่ใช่ว่าทุกข์ซะทีเดียวหรอก.."อีกฝ่ายตอบ ทำเอาผมหันมอง

"...ตกลงนี่พูดถึงเฮียแกนใช่ไหม"ผมเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย เจ้าตัวไหวไหล่ "เปล่า พูดลอยๆ"

"แล้วทำไมถึงเกลียดเฮียแกนขนาดนั้น"ผมถาม ถ้าไม่มีเรื่องส่วนตัวก็คงเรื่องที่แพ้เลือกตั้งสโมฯ

"...คนเราเกลียดกันมันต้องมีเหตุผลด้วยหรอวะ"คำพูดนี้ของพี่ดีนทำให้ผมนึกถึงพี่ท็อปอีกครั้ง เป็นคำตอบสำหรับคนที่ปิดบังความจริงอยู่ แต่สำหรับพี่ดีนผมกึ่งๆอยากรู้เหม่อนกันว่ามีเรื่องอะไรกับเฮียแกน จะว่าไปเฮียแกนมีศัตรูรอบทิศพอกัน

"อ้าว ถ้าไม่เหตุผลพี่ก็พาลว่ะ แพ้ชวนตีหรอพี่"ผมหัวเราะเยาะ อีกฝ่ายมองหน้าผมนิ่งๆ "ไอ้สอง แทงใจดำว่ะ"

"แล้วใช่แบบที่พูดจริงๆเหรอครับ"ผมถามต่อ

“เหตุผลก็เหมือนๆคนอื่น เพราะคนอื่นเกลียดมันกูก็เลยเกลียดมันไปด้วยล่ะมั้งนะ ..ความดีมันก็มี ก็เห็นๆกันอยู่ แต่สำหรับคนขี้แพ้อย่างกู ต่อให้ทำดีต่อหน้า ความเลวมันก็บังตากูอยู่ดี"พี่ดีนถอนหายใจ พูดจาแปลกๆแฝงความรู้สึกบางอย่างไว้ แต่ผมจับไม่ได้ว่ามันคือความรู้สึกแบบไหน

"ตกลงทะเลาะอะไรกัน"ผมถามไปตรงๆ ต่อมเสือกทำงานอีกแล้ว

"เรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้เพราะอารมณ์คน มันไม่มีอะไรมากหรอก"พี่ดีนดูปลงๆกับชีวิต แต่คงมีเรื่องกันจริงๆแน่

จากนั้นผมกับพี่ดีนต่างฝ่ายต่างเงียบ ผมทำทีหยิบโทรศัพท์ออกมาดู แถมสัญญาณไม่มี อยากโทรหาพี่ท็อปแต่ก็ทำไม่ได้

"ถ้ากูจีบมึง มึงโอเคไหม"คำพูดของพี่ดีนทำให้ผมตาสว่างหายมึนไปเลย ผมมองเจ้าตัวที่ยิ้มมาให้ผม พี่ดีนเป็นเกย์ด้วยเหรอ? เมื่อก่อนเห็นคบแต่ผู้หญิง

"บ้าเหรอพี่"ผมบอกปัด คิดว่าคงล้อเล่น

"พูดจริง แล้วกูก็เป็นคนหน้าด้าน ตื้อเก่งนะ"อีกฝ่ายยังคงยิ้มระรื่น ผมส่ายหน้าอย่างระอา กับพี่ดีนน่ะเหรอ ไม่มีทางหรอก

"อย่าล้อเล่นดิ"ผมบอก ลุกขึ้นยืน เดินหนีพี่ดีน แต่คำพูดไล่หลังของอีกฝ่ายดูเอาจริง

 "กูพูดจริงนะเว้ย แล้วก็ไม่ได้เมาด้วย มึงไม่มีสิทธิ์มาห้ามกู"ผมชะงักกึกแล้วหมุนตัวกลับไปหาพี่ดีน ผมไม่อยากให้พี่ดีนมายุ่งวุ่นวายกับผมเลย

"มึงต้องหัดลืมสิ่งที่ทำร้ายเกาะกินใจมึงมานานได้แล้ว อย่ายึดติดกับคำว่ารอและให้โอกาส มันอาจจะฉุดรั้งมึงจากสิ่งที่ดีกว่าก็ได้"...สิ่งที่ดีกว่าก็คงไม่ใช่พีดีนแน่ๆ

ผมไม่ตอบอะไรแค่เดินกลับมาที่วงเหล้าที่ล้มสลายตัวกันไปแล้ว ผมหยิบนาฬิกามาดู ห้าทุ่มครึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่เรือนนอนของตัวเอง ผมเปิดไฟฉายจากโทรศัพท์ส่องทาง เดินเข้าไปในห้อง เปิดกระเป๋าหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นออกมากับกระเป๋าใส่ของอาบน้ำ ผมถือตะเกียงน้ำมันออกไปทางด้านหลังอาคารหนึ่งมีห้องน้ำอยู่สี่ห้อง ห้องอาบน้ำสองห้อง ยังดีที่ไฟห้องน้ำแยกกับตัวอาคาร ทำให้ไม่โดนตัดไม่อย่างนั้นผมจะไม่อาบน้ำเด็ดขาด

ผมเลือกห้องอาบน้ำริมสุด ก่อนจะล็อคกลอน  บรรยากาศอย่างกับห้องน้ำผีสิง ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยวช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ ผมปิดไฟห้องน้ำแล้วถือตะแกงเดินกลับไปห้องและถอนหายใจอย่างโล่งอก วางตะเกียงลงทางฝั่งของผม อย่างน้อยยังมีแสงให้ได้อุ่นใจบ้าง พวกไอ้ยิมไอ้ผิงไอ้โก๋นอนหลับสนิมกรนครอกๆไม่ทุกข์ไม่ร้อน กว่าจะนอนหลับผมจ้องตะเกียงจนง่วงนอนไปเอง

เริ่มต้นวันใหม่ของการเริ่มซ่อมแซมห้องเรียนอย่างจริงจัง ยิมตื่นด้วยสภาพแฮงค์ๆ มันหาแว่นไม่เจอ แท้จริงแล้วไอ้โก๋ดันไปนอนทับจนขาแว่นตาหัก อีกฝ่ายเลยต้องใส่คอนเทกเลนส์แทน

"เมื่อคืนมึงหายไปไหนมา"ยิมถามหน้ามุ่ย หลังจากที่ผมเปิดประตูหน้าต่างให้แสงแดดส่องเข้ามาได้

"ไปนั่งเล่นแถวนั้นแหละ"ผมบอกอีกฝ่าย ไอ้ผิงกับไอ้โก๋เดินเข้ามาในห้องหลังจากเพิ่งไปอาบน้ำเช้ามา

เมื่อครูใหญ่ขับรถอีแต๊กมาพร้อมอาหารเช้าคือข้าวต้มวัด มีผัดผักบุ้ง ปลาทอด แม่ครัวที่วัดตักมาเผื่อพวกผมเพราะที่วัดเองก็มีงานบุญของคนในหมู่บ้าน

"ขอบคุณมากๆครับครู พวกผมมาที่นี่ต้องลำบากครูหลายเรื่อง ทั้งๆที่มาช่วยแค่เล็กน้อยเอง"พี่ดีนยกมือไหว้ครูใหญ่อย่างนอบน้อม ในน้ำเสียงมีความเกรงใจอยู่มาก

"ไม่เป็นไรหรอก นี่ก็พวกชาวบ้านเขาทำมาให้กินกัน ถือว่าเป็นน้ำใจที่มาซ่อมแซมโรงเรียนให้ลูกให้หลานเขากัน"

"เอาไว้ เปิดเทอม ผมจะทำโครงการใหญ่ๆกว่านี้ครับ พวกอุปกรณ์การเรียนหรืออุปกรณ์กีฬา คราวหน้าจะนำมาให้เด็กๆแน่นอนครับครู"พี่ดีนบอก ครูใหญ่ยิ้มอย่างปลื้มใจ

"ขอบใจมากพวกหนุ่ม อ่ะ ทานอิ่มกันแล้วก็ล้างจานไปคว่ำในตะเข่งนั่นเลย"ครูใหญ่บอก ผมไม่เห็นยะเปาเลยเมื่อผมทานอิ่มแล้วเดินไปหาครูใหญ่

"ครูครับแล้วยะเปาไม่มาด้วยหรอครับ"ผมถาม ไหนว่าจะมาช่วยกันไง "อ๋อ รายนั้นเก็บผักอยู่ที่ไร่ลงเขาไปขายในตลาดนู่น บ่ายๆคงมาช่วยแหละพ่อหนุ่ม "

"งั้นเหรอครับ"ผมเดินกลับมาที่หน้าอาคารเรียน บางส่วนแยกไปทำห้องสมุด ไอ้โก๋แบ่งสีกีบแปรงออกคนละครึ่ง ให้กับอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายไปทาสีกันตามที่แบ่งโซนไว้ เนื้อไม้ยังสดไม่โดดปลวกแทะ คงเพราะสีก่อนหน้านั้นทางรองพื้นดี ป้องกันแมลง แต่ไม่ได้ป้องกันแสงแดดหรือน้ำฝน

จะว่าไปทางวัดก็ทุ่มเทมากสีนี่ไม่ใช่ถูกๆเลย นี่ก็คงหมดไปเกือบหมื่นเลยมั้ง แต่คาดว่าน่าจะเหลือ คงเอาไปคืนวัด พวกผมปรึกษากับพี่ดีนที่ผ่านมาดูความคืบหน้าของงาน และตกลงกันว่าหากเสร็จงานทุกอย่างตามกำหนดแล้ว จะบริจาคเงินให้โรงเรียนและทางวัดด้วย เพราะทั้งครูใหญ่และทางเจ้าอาวาสได้ช่วยเหลือไว้เยอะมาก

ผมกับไอ้โก๋แยกไปทาสีด้านหลัง ที่ต้องแยกกันแบบนี้ผมอยากให้ยิมห่างๆจากผมบ้าง อย่างน้อยอยู่กับไอ้ผิงคงได้สนุกปากกันทั้งวัน มันคงเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ฟังแล้วเหนื่อยแทน ส่วนผมมาคู่กับไอ้โก๋เพราะมันอยากคุยเรื่องยิมด้วย

"ตกลงมึงคุยกับพี่เขายังวะเนี่ย"ไอ้โก๋เงยหน้าผม เพราะผมไต่บันไดไม้ทาสีด้านบนอยู่ ผมถอนหายใจ

"ยังเลยว่ะ ...คือพี่เขาก็คงรู้แหละว่ากูกำลังจะพูดอะไร เขาบอกว่าจะตัดใจจากกูเองหลังจบค่ายแล้ว"ผมบอก ไอ้โก๋พยักหน้า

"เขาคงชอบมึงมาก มองมึงด้วยสายตาใจดีๆผิดกับคนอื่นๆ”ไอ้โก๋บอก เป็นคนช่างสังเกตจริงๆ

"อืม พี่เขาเป็นคนดีนะ"ผมพูดเบาๆ

"ทำไงได้ ดีแค่ไหนถ้ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่"ไอ้โก๋ถอนหายใจยาวๆ แล้วยกถังสีไปทาอีกช่องหนึ่งเพราะมันทาห้องล็อคนี้เสร็จแล้ว

 พวกผมเร่งทำงานเพราะเสร็จจากตรงนี้ต้องไปช่วยซ่อมส่วนอื่นๆของโรงเรียนอีก อย่างห้องน้ำ ปรับสภาพใหม่ให้ดูสะอาดและน่าเข้ากว่านี้ โชคดีที่รุ่นพี่ผู้หญิงซื้อสติ๊กเกอร์การ์ตูนติดมาด้วย แบ่งใช้สำหรับแปะในห้องสมุดกับห้องน้ำ อันที่จริงจะวาดเองก็สีมีไม่ครบคงได้แค่สร้างสรรค์เป็นลวดลายแทน

ผ่านไปเกือบค่อนวัน ตอนนี้บ่ายสองโมงแล้วทาสีอาคารหนึ่งหลังยังไม่เสร็จถือว่าช้าพอสมควร จริงๆก็ไม่ใช่งานง่ายๆเลย
ผมลงมานั่งพักใต้ร่มไม้กับไอ้โก๋ ปวดเมื่อยแขนกับต้นคอไปหมด ไอ้โก๋มันใจดีเดินไปหยิบข้าวกลางวันมาให้ผม เป็นข้าวไข่เจียว เพราะพวกผู้หญิงทำอาหารง่ายๆจากเสบียงที่เตรียมมา

"สรุปกูต้องแดกแต่ไข่ใช่ไหม"ไอ้โก๋ทำหน้าไม่อร่อย เพราะพี่กรบอกว่าไม่อยากรบกวนทางวัดกับครูใหญ่เรื่องอาหารเกรงใจท่าน เลยจะทำกินกันเองเพราะเมนูไข่ทำง่ายและประหยัดสุดแล้ว "เอาน่า มีให้แดกก็ดีถมไป"

"เออ กูสงสัย พี่ดีนเค้าชอบมึงเหรอวะ"ผมมองหน้าไอ้โก๋

"มึงไปรู้อะไรมาอีกล่ะสิ"ซูฮกมันจริงๆ แม่งรู้ทุกเรื่อง คงชอบเผือกเหมือนกับผมล่ะสิ

"อือ เมื่อกี้ตอนที่กูไปเอาข้าวมาให้มึง กูได้ยินพี่กรล้อพี่ดีนอยู่ ตอนแรกคิดว่าขำๆ แต่พี่ดีนทำหน้าจริงจัง กูก็เลยสงสัยเมื่อคืนก็หายไปด้วยกัน"

"อย่าคิดอกุศลนะเว้ย ไม่มีอะไรในก่อไผ่ แค่ไปนั่งคุยเฉยๆ"

"เหรอวะ แล้วทำไมพี่ดีนไม่แก้ข่าวให้มึงคือเพื่อนพี่แกแซวว่ามึงหายไปกับพี่เขาสงสัยคงไปกินกันมาหรือเปล่า พี่ดีนก็แค่ยิ้มนะเว้ย ไม่พูดอะไร ปล่อยให้คนอื่นเค้าคิกลึกเข้าใจไปแบบนั้น"มันทำหน้าไม่พอใจ ผมกินข้าวไม่อร่อยขึ้นมา ทำไมผมทำอะไรจะต้องโดนปากหมาๆของคนอื่นเห่าใส่ด้วยวะ

ขณะนั้นยะเปาวิ่งปรี่เข้ามาหาผมกับไอ้โก๋ วันนี้แต่งตัวแบบชนเผ่ามูเซอ เสื้อแขนยาว ผ่าหน้า คลอกลม สวมกางเกงสีดำเป้าต่ำมีสนับแข้งสีขาวขลิบน้ำเงิน สะพายถุงยามสีแดงมาด้วย "หงะปาาาาา"ยะเปาร้องเรียก ผมล่ะอยากรู้จริงๆว่าคำนี้แปลว่าอะไร ไอ้โก๋ทำหน้างงๆ "หงะปา?"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 16:02:29 โดย RindadaRin »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
"นี่ครายเอ่ย"ยะเปากระโดดมานั่งข้างๆผมแล้วมองไอ้โก๋ใกล้ๆไม่ละสายตา

"เป็นเพื่อนหงะปาไง ชื่อโก๋ครับ"ไอ้โก๋ยิ้มใจดี ท่าทางมันชอบเด็กนะ

"เพื่อนพี่เอง"ผมสำทับอีกรอบ ยะเปามองอย่างสนใจ ก่อนจะทำหน้าเหมือนครุ่นคิด "อ้อ พี่โก๋ จี๊ด จี๊ดย่า"ยะเปายิ้มแป้นแล้วล้วงหยิบเข้าไปในถุงย่ามแล้วยื่นกระปุกสตอร์เบอร์รี่กล่องใหญ่มาให้

"อ่ะให้ ยะเปาเก็บมาฝาก "ยะเปายื่นกล่องมาทางผมกับไอ้โก๋

"ตั้งเยอะแหนะ ขอบใจนะยะเปา เป็นเด็กดีจริงๆ"ผมยิ้มแล้วลูบหัวเด็กข้างๆที่ยิ้มสดใสมาให้ "แบ่งขนุผิงกะจิมก็ได้นะ โอ๊ะ มีนี่มาด้วย"ยะเปาหยิบถุงเล็กๆที่มีผงไอซิ่ง กับน้ำเชื่อมวางไว้บนกล่อง

"ยะเปาใจดีจัง แล้วนี่วันนี้มาช่วยพี่ๆเหรอครับ"ไอ้โก๋ถาม ยะเปาพยักหน้าหงึกๆ "ช่าย มาทาสี แต่ว่าเหม็นจัง"ยะเปาย่นหน้า ผมหัวเราะ ไอ้โก๋เลยหยิบหมวกคลุมหน้าไปให้ยะเปา

"ต้องปิดจมูกนะ"มันบอก ท่าทางเข้ากับเด็กได้ดี

"ขอบคุณครับ จี๊ด"ยะเปาพูด ไอ้โก๋ทำหน้างง หันมองผม "จี๊ด? แปลว่าอะไรเหรอยะเปา"
"จี๊ดแปลว่าเปรี้ยวจี้ดเลยไง พี่โก๋เท่ห์จัง หน้าเหมือนนักร้องที่บ้านของมิมิเลย"

"เอ่อ ยังไงหรอ"ไอ้โก๋ถามช้าๆทำหน้างงๆ "ก็มิมิอยู่เผ่าม้ง มีนักร้องด้วยนะ "ผมหัวเราะออกมา เห็นทีจะต้องไปเสิร์ชชื่อดูในอากู๋ซะแล้ว  มันมันต่อยแขนผมจนเจ็บ "พอเลยมึง"ไอ้โก๋หัวเราะเบาๆ อีกฝ่ายมันหน้าตามันค่อนไปทางตี๋ๆมีตาชั้นเดียว  ผิวไม่ขาวมากออกเหลืองนวลๆแต่ยอมรับว่ามันก็หน้าตาดี

"ทำไมเหรอ ขำอะไรกันเนี่ย "ยะเปาทำหน้างอนๆ ผมชักเห็นลางไม่ดี

"สงสัยเพราะเอาไปเปรียบเทียบกับคนม้งคนแม้ว เลยเห็นเป็นเรื่องตลก หงะปารู้ไหม เพื่อนๆพี่ๆของยะเปาในหมู่บ้านบางคนก็ไม่ยอมพูดภาษาเผ่า เอาแต่พูดภาษาไทยกันหมดเลย เพราะว่าอายเวลาไปไหนมาไหนแล้วพูดภาษาเผ่าหรือพูดไทยไม่ชัดก็จะโดนมองแปลกๆหรือหัวเราะกัน ..."ยะเปาทำหน้าเจื่อนลงอย่างชัดเจน  ผมกับไอ้โก๋ถึงกับขำไม่ออก อันที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเหยียดชาติพันธุ์ ที่จริงแล้วยะเปาไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าไอ้โก๋หน้าเหมือนชาวม้ง แต่แค่เห็นว่าโก๋มันหน้าตาดีเหมือนนักร้องคนนั้นล่ะมั้ง ซึ่งผมก็รู้ แต่ก็แค่ขำ แต่ก็นั่นแหละใจเขาใจเรา เรื่องเล็กๆสำหรับเราอาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับยะเปาก็ได้

"พี่ไม่ได้โกรธหรืออะไรนะยะเปา งั้นพี่ขอโทษแล้วกันนะที่เห็นเป็นเรื่องตลกซะได้ ..เอาเป็นว่า จะบอกว่าพี่จี๊ดใช่ป่ะ ฮ่าๆ"ไอ้โก๋ทำเสียงสดใสยิ้มแป้นให้ยะเปาที่เริ่มสีหน้าดีขึ้น "ช่าย"

..


ผมทาสีด้านหลังอาคารจนเสร็จก็เดินกลับไปหายิม ไอ้ผิง มันสองคนก็ทาสีเสร็จเรียบร้อย อาคารเรียนดูใหม่ขึ้นทันตา ยะเปายืนมองด้วยสายตาดีใจ กระโดดเรียน "เย้ ได้อาคารใหม่แล้ว น่าเรียนขึ้นเยอะเลย หงะปาน่าจะวาดรูปสวยๆแปะในห้อง เค้าจะได้ตั้งใจเรียน"ยะเปาหัวเราะ

"ถ้าสีเหลือจากห้องสมุดจะเอามาวาดให้นะ"ผมบอกแล้วยีหัวเด็กตัวน้อย

"อีกกลุ่มหนึ่งก็ทาสีอาคารเรียนเสร็จแล้วเช่นกันเหลืออีกหนึ่งอาคาร ช่วยกันทาสี พวกผมทาสีด้านหน้าแทน  หลังจากนั้นก็ไม่มีเวลามาคุยเล่นกันเท่าไหร่ พอทาสีอาคารจนครบทุกหลังก็ปามาจนหกโมงเย็น ฟ้าเริ่มมืดก็ทำงานอย่างอื่นไม่ได้เลย ส่วนห้องสมุดงานลุล่วงไปได้ครึ่งทาง มุงหลังคากับตีผนังเสร็จไปด้านนึงแล้ว พวกผมที่เหลือเลยเข้าไปช่วย


...

จนกระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งวัน สองวันแล้วที่มาอยู่ที่นี่ วันพรุ่งนี้ก็ได้เวลาเดินทางกลับมหา'ลัยแล้ว ช่วงเวลาที่เรามีความสุขเวลามักเดินไวเสมอ เช้าวันนี้พวกผมก็เข้าไปช่วยตีผนังที่เหลือให้เสร็จเพราะยังไม่ได้ทาสีทาไม้อะไรสักอย่าง พวกผู้หญิงก็ให้ทำงานง่ายๆอย่างทาสีโต๊ะเก้าอี้ให้เหมือนใหม่ และทาสีห้องน้ำ

ส่วนยะเปาก็มาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างๆผมกับไอ้โก๋ "หงะปาจะกลับแล้วเหรอเนี่ย ทำไมกลับเร็วจัง เค้ายังไม่ได้พาตะเองไปเที่ยวในหมู่บ้านเลย"ยะเปาถามเสียงละห้อย ผมได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่มีเวลาออกไปเดินเล่นเลย ทำแต่ปลอบใจยะเปาไปพลางๆ "ไว้คราวหน้าพี่จะมาใหม่ แล้วจะมาหลายๆวันเลยนะ" แค่นี้ยะเปาก็ดีใจ

...

ระหว่างที่พักทานมื้อเที่ยง ครูใหญ่ก็มานั่งทานด้วย ส่วนยะเปาไปวิ่งเล่นอยู่ที่แปลงผักกับไอ้โก๋ที่กินข้าวไปก่อนผมแล้วและเมนูเบสิกคือไข่ต้ม ผักต้มกับน้ำพริก "ทำไมยะเปาถึงติดคนง่ายจังเลยล่ะครับ รู้จักผมได้ไม่นานเอง" ครูใหญ่หัวเราะมองผมอย่างเอ็นดู

"ครูเคยบอกใช่ไหมว่ายะเปากำพร้าทั้งพ่อและแม่ ตอนที่พ่อยะเปายังมีชีวิตอยู่อายุอานามก็ใกล้ๆกับหนุ่มนี่แหละ"ผมอายุ21 แต่เป็นปกติอยู่แล้วที่ชาวเขาจะแต่งงานเร็ว

 "ยะเปามันก็เลยสนิมกับทุกคนที่อายุเท่าๆนี้ ถ้าคนไหนถูกชะตาจะเรียกว่าหงะปา"ครูใหญ่ยิ้มจางๆ ก่อนจะพูดต่อ"หงะปาแปลว่าพ่อน่ะ" ผมแปลกใจมากทีเดียวที่ผมมีความหมายกับยะเปาขนาดนั้นเลยหรอ ผมพอจะเข้าใจความคิดความรู้สึกของเด็กชายอาหมี่หรือยะเปาขึ้นมาบ้างแล้ว

"อย่างนี้นี่เอง"

"อาหมี่น่ะ  เพื่อนเล่นก็ไม่ค่อยมีเลยทำให้อยู่คนเดียว จากที่เด็กวัยนี้ต้องเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่กับบ้านแต่อาหมี่ต้องออกไปหางานทำรับจ้างขุดมัน เก็บผักและต้องไปขายที่ตลาดทุกๆเย็นเพื่อหาเลี้ยงปู่กับย่า"ผมฟังแล้วเห็นใจยะเปามากไปอีก

"เพราะแบบนี้ยะเปาถึงได้ซ้ำชั้นใช่ไหมครับ"

"ใช่ ครูอยากช่วยนะ แต่ยะเปาเองก็ไม่ตั้งใจเรียนพื้นฐานยังไม่ได้เลย จะให้เลื่อนชั้น ครูคิดว่าทำแบบนี้มันไม่ช่วยอะไร"

"ครับ ....ผมเข้าใจครับ...ผมสงสัยอย่างนึง คือครูใหญ่เองก็ช่วยเหลือและสนิทกับยะเปา ทำไมยะเปาไม่เรียกครูใหญ่ว่าหงะปาบ้างล่ะครับ"ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆ ในเมื่อครูใหญ่เป็นคนที่ยะเปาใกล้ชิดที่สุด ทำไมถึงไม่เรียกว่าพ่อกันนะ

"อืม เมื่อก่อนเคยเรียกแบบนี้ แต่ครูเองก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่ข้างๆอาหมี่ไปจนสิ้นชีวิต ไม่ใช่ว่าเพราะครูห้ามไม่ให้เรียกแต่ครูมีฐานะเป็นครูใหญ่ของทุกคน ชะตากรรมแบบอาหมี่ก็มีหลายคน ..อีกอย่างอาหมี่เห็นครูเป็นคนแก่ๆขี้บ่นเป็นคุณลุงของเขาแทนน่ะ "ครูใหญ่พูด

เรื่องของยะเปาผมคงช่วยอะไรมากไม่ได้แค่บอกให้ตั้งใจเรียน ช่วงบ่ายใช้เวลาหมดไปกับการสร้างห้องสมุด และโชคดีที่เสร็จจนได้ กินเวลามาจนสองทุ่มกว่าๆก่อนที่ไฟจะตัด .

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผมต้องอยู่ที่นี่ ผมนั่งรับลมอยู่หน้าระเบียงอย่างเหงาๆ การมาที่นี่ทำให้ผมคิดอะไรได้อีกเยอะ คืนนี้พวกพี่ดีนกับไอ้ผิงไม่ได้กินเหล้าแค่ก่อกองไฟนั่งคุยกัน เฮฮา ร้องเพลงบ้างสลับกันไป

"เป็นอะไรวะ "ยิมเดินออกมานั่งข้างๆผม "แค่คิดว่าอยู่ที่นี่แปบเดียวเอง"ผมถอนหายใจทิ้ง

"อ่อนไหวนะมึง"ไอ้ยิมยิ้มบางๆแล้วมองหน้าผมไม่ละสายตา

"แค่อยากรู้จักยะเปามากกว่านี้น่ะ"

"ไม่ยักรู้เลยนะว่ามึงชอบเด็ก"

"เปล่าหรอกแต่เด็กอย่างยะเปาน่ารักจะตาย ใครบ้างไม่ชอบ เอ๊ะ หรือว่าพี่ไม่ชอบ"ผมขำ

"เปล่าซะหน่อย แต่แค่ทำตัวไม่ถูกกับเด็กๆ"อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีออกจากผม จากนั้นก็หันมาพูดกับผมด้วยท่าทีจริงจัง

" กูรู้ตัวดีว่ายังไงก็ได้แค่เพื่อน แต่ตอนนี้กูขอกอดมึงได้ไหมวะ"ยิมมองหน้าผม เสี้ยวหน้าที่ถูกสาดส่องด้วยแสงตะเกียงกับกองไฟจางๆของมันดูเศร้าๆ

"อืม ได้สิ "ผมบอก ยิมค่อยๆโอบกอดผมไว้ มันกอดผมแน่นจนผมรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวมัน เป็นอ้อมกอดที่สัมผัสได้แต่มิตรภาพดีๆของเพื่อน...เพียงเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้

"ขอบใจมึงมากนะเว้ยที่ดีกับกู"ยิมพูดงึมงำกับไหล่ผม

"ผมก็เหมือนกันครับ"ผมลูบๆหลังมัน

"...ช่วงปิดเทอม กูจะให้เวลากับตัวเอง ลองอยู่คนเดียว และเลิกหวังในตัวมึง "อีกฝ่ายพูดชัดเจน ผมนิ่งแล้วผละออกจากอ้อมกอดของมัน

"...กูอาจจะหายไปสักพักจากสายตามึง"

"หมายความว่าไงครับ"ผมขมวดคิ้ว

"เปิดเทอมใหม่ กูจะออกไปอยู่ที่อื่นก่อน "ไอ้ยิมมองผมนิ่งๆ

"อ้าว ทำไมล่ะ"ผมถาม ยิมมองผมด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ "กูแค่อยากตัดใจจากมึงจริงๆ กูคงทำใจได้ง่ายกว่าถ้าเจอมึงน้อยลง "

"แล้วพี่จะกลับมาหอเดิมอีกไหม"ผมถาม ไม่อยากเป็นต้นเหตุที่อีกฝ่ายต้องย้ายออก

"แน่นอนอยู่แล้วสิวะ กูกลับมาแน่ และตอนนั้นกูจะมองมึงได้ในฐานะเพื่อน"ยิมยิ้มตบๆไหล่ผมไปด้วย

"...แต่"ผมไม่ทันจะแย้ง อีกฝ่ายก็พูดแทรก "...ถ้ากูยังเจอมึงอยู่กูตัดใจไม่ได้แน่ๆ"เจ้าตัวหนักแน่นซะจนผมต้องยอม  คงตัดสินใจมาดีแล้ว

"อืม ถ้าหากว่ามีเรื่องหนักใจอะไรก็โทรหาได้นะยิม "ผมบอกด้วยความหวังดี ผมยังเป็นห่วงมันนะ ยิมแค่ส่งยิ้มมาให้ แต่ผมรู้ว่ามันคงไม่โทรมาหรอก

ได้เวลาเดินทางกลับ พวกผมทั้งหลายก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับครู่ใหญ่ จากนั้นพี่ดีนก็มอบเงินบริจาคให้กับทางโรงเรียนซึ่งมีจำนวนมากพอสมควรและต่อจากนั้นก็เดินทางไปที่วัด เพื่อบริจาคเงินให้ เจ้าอาวาสได้ให้พรอยู่นานก่อนกลับก็ไปไหว้พระทำบุญให้จิตใจแจ่มใส ผมเจอยะเปาที่ปั่นจีกรยานมาหาผมพร้อมกับห่อข้าวของที่มัดด้วยเชือกสี่เหลี่ยมใบใหญ่

"หงะปาจะกลับแล้วหรอ คิดถึงแย่เลย"ยะเปาเข้ามากอดผมแน่น "พี่ก็เหมือนกัน ต่อไปก็ตั้งใจเรียนล่ะ จะได้เลื่อยชั้นซะที

"ผมบอก จากนั้นไอ้ยิมก็ถ่ายรูปให้ผม ผมขอที่อยู่ครูใหญ่ไว้เวลาจะส่งรูปกับหนังสือมาให้ยะเปาบ้าง

"คราวหน้ามาใหม่นะ"ยะเปาโบกมือบ๊ายบาย "เตคือโกมอดะอา พี่สอง พี่โก๋ บาย"(ลาก่อนนะ) ยะเปายืนมองจนรถเดินทางของผมออกจากวัด เฮ้อ ผมถือห่อกระดาษแข็งๆที่ยะเปาให้ผมมา ไว้ถึงห้องพักค่อยแกะดูแล้วกัน คงไม่พ้นของกินล่ะมั้ง


...


หลังจากนั้นชีวิตผมก็กลับสู่โหมดปกติ ผมเจอไอ้ยิมครั้งสุดท้ายคือมันเอารูปที่ถ่ายกับยะเปามาให้ผม มันไม่ได้พูดอะไรมากแค่บอกว่ากลับบ้าน นี่ถ้าไม่รู้จากปากไอ้โยผมคงไม่รู้ว่ามันจะไปฮ่องกง ส่วนของที่ยะเปาให้คือย่ามสีดำปักลายด้วยด้ายสีแดง เดี๋ยวนี้รูปแบบปรับให้ทันสมัยสวยงามขึ้น มีผลไม้มาสองสามชนิด อะโวคาโดกับสตอร์เบอรี่  เฮ้อ ยะเปาให้ผมมาเยอะจริงๆ ผมแบ่งไปให้ไอ้โก๋ ไอ้ผิง และยิมไปคนล่ะนิดล่ะหน่อย

     จนกระทั่งผ่านหนึ่งเดือน ตามกำหนดที่ได้ให้ไว้กับพี่ท็อป ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเดาใจผมออกหรือเปล่า ว่าผมใจอ่อนมากแค่ไหน แต่ผมยังไม่ได้โทรหาเจ้าตัวในทันที ผมรอจนกระทั่งผ่านมาหลายอาทิตย์ จากที่ว่า1เดือนแล้วโทรหากลายเป็น 1เดือนกับอีก 2 สัปดาห์ พี่ท็อปโทรมาหา แต่ผมไม่รับสาย แต่อีกฝ่ายก็ไม่หมดความพยายามส่งข้อความมาหาผม

OnTop : สองตัดสินใจแบบนี้จริงๆใช่ไหม
               หรือว่าให้โอกาสไอ้ยิมไปแล้วหรือไง มึงอยู่ไหน

บางครั้งผมกลับมาจากคณะ ก็เจอเจ้าของหอพักบอกว่าพี่ท็อปมาหาผม แต่ไม่เจอ

ผมโทรไปหาพี่ธาม ถามไถ่เรื่องของอีกฝ่าย

[ช่วงนี้มันพัก ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เพราะฝึกงานมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว ตอนนี้กลับมาพักที่บ้านนั่นแหละ มันเองก็ป่วยๆด้วย]

"ป่วยหรอพี่ หนักไหม"ผมถามทันที

[ก็ไม่หนักหรอก แต่ไปหามันหน่อยก็ดี ....] พี่ธามยังคงแสดงความห่วงใยต่อเพื่อนตัวเอง

"ครับ อย่าบอกพี่ท็อปนะว่าผมจะไปหา"

[...เลิกกันแล้วจริงๆเหรอวะ]

"ครับ จนกระทั่งตอนนี้ผมกับพี่ท็อปเลิกกันไปนานแล้ว" จนถึงวันนี้ 4 เดือนเศษๆที่ผมกับพี่ท็อปเลิกกัน ไม่ได้เจอหน้ากัน ทำให้ผมได้รู้ว่าผมไม่ได้โหยหาเว้าวอนอะไรมากนักกับการที่ไม่มีพี่ท็อป แค่มีบางครั้งที่เหงา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมลืมหรือหมดรักอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

ผมยังรักและคิดถึงพี่ท็อปอยู่เสมอ และพร้อมที่จะกลับไปเริ่มต้นใหม่กับเจ้าตัวได้อย่างไม่มีอะไรค้างคาใจ ผมเช็คกับพี่ธามอีกครั้งให้แน่ใจว่าพี่ท็อปกลับมาอยู่บ้านแล้วจริงๆ แต่แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นก็จะกลับชลบุรี ผมขี่รถไปหาเจ้าตัวในตัวเมือง
ผมดับรถก่อนถึงบ้าน เผื่อในกรณีที่พี่ท็อปจำเสียงรถผมได้

ผมเดินด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านพี่ท็อป  ลืมไปเลยว่าบ้านนี้มีเจ้าสี่ขาอย่างไอ้ทู มันวิ่งกระดิกหาง มันเห่าสองสามครั้งด้วย ผมกลัวว่าพี่ท็อปจะออกมาดู "ชู่ว์ๆๆ อย่าดังสิวะ ไอ้นี่หนิ"ผมยื่นมือผ่านรั้วบ้านไปลูบหัวมัน และผมต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแม่พี่ท็อปเดินออกมาจากตัวบ้าน ไม่คิดว่าจะมาเจอแม่แบบนี้

"อ้าว สองเองเหรอลูก"คุณแม่เดินเข้ามาหาผม ก่อนจะเปิดประตูให้ผมเข้ามา "สวัสดีครับแม่ "ผมพูดเบาๆแล้วยกมือไหว้

"สวัสดีดีจ๊ะ แล้วเป็นไงมาไงล่ะลูก มาๆเข้าบ้านก่อน ท็อปมันอยู่พอดี"แม่ยิ้มแล้วพาผมเข้าไปในตัวบ้าน ผมเกร็งๆกับท่านเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอ

"คือว่า ผมไม่อยากให้พี่ท็อปรู้ว่าผมมาที่นี่น่ะครับ"ผมตัดสินใจบอกกับแม่พี่ท็อปไป

"มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าลูก เห็นท็อปดูเงียบๆไป พอถามถึงเรา ก็ไม่ยอมบอกอะไร เมื่อวานก็หงุดหงิดอยู่คนเดียว ไม่ยอมออกจากห้องอยู่นาน"แม่พี่ท็อปทำหน้ากังวลก่อนจะเข้ามาจับมือผม

"ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ"ผมถามอย่างนึกเป็นห่วง คงจะเสียใจคงนึกว่าผมให้โอกาสคนอื่นไปแล้ว

"ปวดท้องเพราะไม่ทานข้าวน่ะสิ แล้วก็ปวดหัวแต่ไม่ยอมทานยา เฮ้อ ท็อปมันดื้อยาน่ะ แม่เป็นห่วงมัน.....แม่เองก็รู้ว่าลูกน่าจะมีปัญหากัน แต่แม่เองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจของสอง..."

"...แล้ววันนี้พี่ท็อปทานอะไรหรือยังครับ"ผมถาม แต่มองเห็นถาดสำรับอาหารพร้อมยาก็พอจะเดาได้

"ยังเลยลูก ..."

"เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปให้พี่ท็อปอีกรอบเองครับ"ผมยิ้มแล้วยกถาดอาหารหนักๆขึ้นถือ "ฝากด้วยนะลูก"ท่านบอกอย่างเป็นห่วง ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าพี่ท็อปจะทรมานตัวเองแบบนี้ ปกติพี่ท็อปเป็นคนมีเหตุผล และเข้มแข็ง ถ้าป่วยก็ควรจะทานยา

ผมเดินถือถาดอาหานขึ้นไปเคาะประตูห้องพี่ท็อป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ข้างในห้องยังเงียบกริบ ผมลองเคาะอีกครั้งและแรงกว่าเดิม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ท็อปยังไม่หิวครับแม่"พี่ท็อปตอบกลับมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมเคาะแรงๆอีกครั้ง

“แม่! บอกแล้วไงว—"คราวนี้พี่ท็อปเดินมาเปิดประตู เมื่อเห็นว่าผมยืนอยู่ก็แทบหุบปากไม่ทัน อีกฝ่ายดูโทรมลงเยอะ แถมตัดผมทรงเดิมคืออันเดอร์คัต เจ้าตัวทำหน้าไม่ถูก

“ได้ข่าวว่าไม่ค่อยทานข้าวหรอครับ ทำไมดื้อล่ะพี่"ผมเปิดปากพูดแล้วไม่สนใจพี่ท็อปที่มองผมนิ่งเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
ผมเดินแทรกเข้าไปในห้องแล้ววางถาดอาหารลงกับโต๊ะลิ้นชักข้างเตียง

“มึงมาได้ยังไง..."พี่ท็อปถามเสียงแหบแห้ง ผมเสียใจขึ้นมา ผมอาจจะใจร้ายไปหน่อยที่ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาเลย

“กินข้าวก่อนแล้วค่อยคุย"ผมหันมาบอกกับพี่ท็อปที่ยืนจ้องผม

“...จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าวะสอง ..."พี่ท็อปทำหน้าเหมือนเห็นของแสลง ก่อนจะเดินมานั่งที่เตียงเหมือนไม่มีแรง

“ทานข้าวแล้วก็ทานยาซะ"ผมบอกเสียงห้วนแล้วเลื่อนเก้าอี้มาวางตรงหน้าพี่ท็อปพร้อมกับถาดอาหาร เจ้าตัวเม้มปากมองหน้าอยู่นาน ก่อนจะยอมทานข้าว แต่ก็เหมือนหนูเล็ม กินไปสามสี่ช้อนก็บอกว่าอิ่ม

“กินน้อยจัง ดูพี่สิ ผอมไปหมดแล้ว "ผมพูดแล้วจับข้อมือพี่ท็อปมาวัด เมื่อก่อนก็พอๆกับผม แต่ตอนนี้เล็กกว่าผมนิดหน่อย

"กินไม่ลงหรอก.."พี่ท็อปพูด ท่าทางเซื่องซึม เหมือนคนไม่มีจุดหมาย ผมมองอีกฝ่ายอย่างระอา ก่อนจะยกถาดอาหารออกไปวางบนโต๊ะหยิบซองยาออกมาแกะให้เจ้าตัวสองเม็ด กลับกลายเป็นว่าผมต้องมาป้อนยาให้อีกฝ่าย หลังจากที่ทานยาไป เจ้าตัวถึงเปิดปากพูดกับผม

"แล้วมึงมาที่นี่...เรื่องของเราหรือเปล่าหรือว่าแค่มาดูกูกินข้าว"

"ผมมาให้คำตอบพี่ คิดว่ามาด้วยตัวเองมันคงดีกว่า"ผมเอ่ย มองหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

"กูนึกว่ามึงจะทิ้งกูแล้วจริงๆ..."พี่ท็อปส่ายหน้า นัยน์ตาที่เคยวาววับอย่างเจ้าเล่ห์เหลือเพียงแค่ตาดำๆเหมือนลูกหมา

"ผมไม่อยากปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเปล่าๆ ในเมื่อมีโอกาสได้รักกันแล้ว ก็รักกันดีกว่า จะได้ไม่เสียดายทีหลัง ความสุขมันสั้นๆชีวิตเราก็สั้นๆ มาเจอกันแล้วทั้งทีก็รักกันให้มันคุ้มไปเลยไม่ดีหรอครับ"ผมยิ้มออกมาแล้วเข้าไปกอดพี่ท็อป กอดนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิม ผมเข้าใจเหตุผลของคนในอ้อมกอดนี้ ผมไม่อยากฟังความจริงอะไรอีก เพราะแค่ผมรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ตั้งใจหลอกผมซะทีเดียว

"กูขอโทษนะสอง สำหรับทุกอย่าง"พี่ท็อปกอดผม น้ำเสียงสั่นเครือและอู้อี้เหมือนคัดจมูก ผมยิ้ม

"อือ จากนี้ไปพี่กับผมจะไม่เริ่มต้นด้วยคำโกหกหรือไม่จริงใจต่อกัน แต่ว่าคราวนี้พี่ต้องตามจีบผมเองแล้วล่ะ ในเมื่อผมขาดทุนให้พี่ย่อยยับขนาดนั้นแล้ว คืนกำไรให้ผมหน่อย"ผมดึงตัวออกมา มองพี่ท็อปที่มีแววตาดูสดใสขึ้นมา เอาล่ะ พี่ท็อปจะต้องรักผมให้มากขึ้นกว่าเดิม

“กูจะทำทุกอย่างให้มึงกลับมาคบกับกูอีกครั้ง "พี่ท็อปเอ่ย ก่อนจะยิ้มกว้าง แล้วเอื้อมมาจับมือของผมไว้แน่น
“ทำให้ได้แล้วกัน ครั้งนี้มันไม่ง่ายๆเหมือนที่ผ่านมานะพี่ การจะเป็นแฟนผมน่ะ”ผมหัวเราะเบาๆ พี่ท็อปพยักหน้าก่อนจะอึกอักถามผม

“เออ แล้ว...มึงกับไอ้ยิม”

“ผมคิดกับพี่เขาแค่เพื่อน เป็นแบบอื่นไม่ได้แล้ว"ผมตอบไปตามจริง พี่ท็อปมีสีหน้าโล่งอก เจ้าตัวสบตาผม ก่อนจะทำหน้าเศร้า

"อืม ถ้าหากว่ามึงให้โอกาสมันจริงๆ กูคิดว่ากูสู้ไม่ได้แน่ๆ เพราะไอ้ยิมมันเป็นคนดีจริงๆ"พี่ท็อปพูด แล้วก้มหน้าลง ผมเลยตอบกลับไปอย่างไม่คิดมาก “สงสัยผมชอบคนเลว”

คำตอบของผมทำให้พี่ท็อปที่ส่ายหน้า “มึงนี่นะ... แล้วรู้ได้ยังไงว่ากูกลับมามาที่นี่”

"ถามพี่ธามเอา”ผมบอก

"แล้ว...จะอยู่อีกกี่วัน...”พี่ท็อปถามเบาๆ

“อืม อีกสองสามวันมั้งพี่ ไม่ได้คิดไว้ .."ผมตอบแล้วขยับไปนั่งบนเตียงกับพี่ท็อป เจ้าตัวพยักหน้า “อยู่ทั้งอาทิตย์ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวกูกลับไปฝึกงานต่อ”อีกฝ่ายพึมพำ เหลือบมองผมอย่างคาดหวัง ผมคิดไม่นาน “ก็ได้ครับ อยู่ดูแลพี่ซะหน่อย”ผมบอกยิ้มๆ พี่ท็อปพยักหน้าเข้าใจ

“คืนนี้นอนด้วยกันได้ไหมวะ”

“ก็ตั้งใจจะนอนด้วยอยู่แล้วล่ะ"ผมยิ้ม แล้วกอดพี่ท็อปอีกรอบให้หายคิดถึง เหมือนว่าจะผอมลงจริงๆด้วย กอดแล้วรู้สึกว่าติดกระดูกไปด้วย

"แอบคิดอะไรหรือเปล่าวะ"พี่ท็อปถาม ก่อนจะมองผมด้วยสายตาระแวงระวัง

"เปล่าแค่นอนเฉยๆน่า"ผมหัวเราะออกมาทันที จากนั้นก็ยื่นจมูก ไปหอมต้นคอของเจ้าตัวไปพลาง จริงๆแค่แกล้งเล่นเท่านั้นแหละ ใครจะมีอารมณ์ทำคนป่วย

"ดีใจนะที่ให้โอกาสกันอีก"พี่ท็อปค่อยๆดันไหล่ผมออก

"แล้วพี่คิดว่าผมจะให้โอหาสพี่ไหม"ผมถามไปเรื่อยๆ

"ก็ต้องมีบ้างแหละ ที่คิดเข้าข้างตัวเอง แต่กูเริ่มไม่แน่ใจที่ครบ1เดือนแล้วมึงไม่ได้ติดต่อมาเลย จนผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ กูผิดหวังมาก ที่มึงพูดเหมือนให้ความหวังกู แต่เอาเข้าจริงๆมึงกลับทิ้งกู....  มันยาก ที่จะมองเห็นคนอื่นมาแทนที่ของเรา ยิ่งถ้าเป็นไอ้ยิมกูก็ทำใจไม่ได้แน่ๆ กูอาจจะทำอะไรโง่ๆขึ้นมาก็ได้"พี่ท็อปกระพริบตาหลบสายตาของผม

 "นั่นสิ เสียดายที่ไม่ได้เห็นว่าพี่จะทำอะไรโง่ๆ"ผมหัวเราะเบาๆแล้วมองผิวเนื้อบริเวณต้นคอมายังลาดไหล่ที่ดูแห้งลงจนเห็นกระดูกไหปลาร้าชัด

"แค่นี้กูก็หมดท่าแล้วโว้ย"พี่ท็อปหัวเราะก่อนจะขมวดคิ้วมองผมที่สนใจกับร่างกายที่ผอมลง

"ดี หมดท่าให้ผมเยอะเลยยิ่งดี"ผมยิ้มมุมปาก "จะเอาคืนแก้เผ็ดกูหรอไง.. แต่ไม่เป็นไร กูยอม"พี่ท็อปพูดสบตาผม หมายความตามที่พูดออกมาไม่ปิดบัง

"ผมไม่เล่นกับความรู้สึกของพี่หรอก "ผมยิ้ม ก่อนจะถามสิ่งที่สงสัย "ผมขอถามหน่อย พี่ผอมลงแบบนี้ แล้วซิกแพ็คพี่มันยังเหลืออยู่ไหมเนี่ย"ผมย่นหน้าแล้วเลิกชายเสื้อพี่ท็อปขึ้นดูแล้วลูบๆ กลายเป็นว่าหน้าท้องแข็งๆมันกลายเป็นนิ่มๆแทนแล้ว

"..ทำไมวะ เดี๋ยวก็เล่นฟิสเนตก็กลับมาเองแหละ"พี่ท็อปขมวดคิ้วแล้วดึงเสื้อลง

"คงอีกหลายเดือนเลย อกหักแล้วปล่อยตัวขนาดนี้เลยหรอ แบบนี้ก็......."ผมทำเสียงเจ้าเล่ห์ ความแข็งแรงคงโดนลดทอนลงไปบ้าง หึๆ เสร็จแน่ พี่ท็อปมองหน้าผมเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร

" กูเริ่มจะง่วงแล้วว่ะ ...มึงจะนอนด้วยก็ได้นะ"พี่ท็อปบอกแล้วขยับตัวเอนลงนอน ผมเอื้อมหยิบผ้าห่มผืนบางมาห่มให้พี่ท็อปก่อนจะล้มตัวนอนลงข้างๆ

"ขอกอดหน่อย"ผมบอกหันตะแคงตัวไปหาพี่ท็อปที่ยิ้มให้ผมแล้วยกแขนดึงตัวผมเข้าไปใกล้ๆแล้วกอด

"คิดถึงมึงมากเลยนะ.."พี่ท็อปพูดเบาๆ ผมยิ้ม "ตอนนี้ก็อยู่ใกล้ๆแล้วไงครับ "ผมเงยหน้ามองรูปหน้าเรียวก่อนจะยื่นไปจูบคางพี่ท็อป

"อือ ..."พี่ท็อปส่งเสียงตอบแล้วกอดผมแน่น

"กูรักมึงว่ะ ตอนที่ห่างกัน กูเคยคิดว่ากูอาจจะทำใจยอมรับความจริงได้ แต่พอกูไปหามึงที่คณะในวันนั้น กูกลับมาทบทวนตัวเองว่ากูไม่อยากเสียมึงไป ...และกูโง่แค่ไหนที่มีโอกาสได้อยู่กับมึง แต่ก็ทิ้งมันไป "

"มันผ่านมาแล้วพี่...พี่ไม่ต้องลืมก็ได้ว่าเคยทำอะไรไว้กับผมแค่เก็บเอาไว้ระลึกว่าถ้ามีโอกาสก็อย่าปล่อยมือจากมันอีก ...แต่ตอนนี้พี่จำเอาไว้นะว่าผมยกโทษให้พี่แล้ว ผมไม่ได้ลืมเรื่องพวกนั้นไปหรอก ไม่มีใครลืมอดีตได้ แต่เราเลือกที่จะนึกถึงแต่เรื่องดีๆได้...ตอนนี้ผมอยู่กับพี่ แค่นี้ก็พอแล้วครับ"ผมพูดช้าๆให้คำพูดของผมทุกคำซึมลึกลงกลางใจพี่ท็อป ผมนึกถึงคำพูดของพี่ดีน อย่าให้เรื่องบางเรื่องมาฉุดรั้งเราจากสิ่งที่ดีๆ เหมือนผมกับพี่ท็อป อย่าให้เรื่องแย่ๆที่ผ่านมาแล้ว มาทำให้ใจของเราเดินต่อไม่ได้

"ขอบคุณนะสอง"พี่ท็อปพูดเบาๆ ก่อนจะค่อยๆหลับตาเพราะฤทธิ์ยา
ผมหลับตาลง  อย่างที่พี่ท็อปบอกความรู้สึกที่มันเสียไปแล้วคงเอากลับคืนมาไม่ได้ แต่คงจะทำได้แค่สร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยความจริงจากใจอย่างนั้นแล้วคนที่รับความรู้สึกนั้นคงรับรู้ได้และปล่อยให้เรื่องเก่าๆให้เป็นแผลเป็นจางๆเอาไว้ก็พอ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 16:01:57 โดย RindadaRin »

ออฟไลน์ รินดาwดาริน

  • OnTop&N'Song
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +243/-2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2018 16:03:39 โดย RindadaRin »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ยินดีกับสองและพี่ท๊อปด้วย


ในที่สุดเรื่องร้าย ๆ ก็ผ่านพ้นไปเสียที


ตอนนี้ทั้งคู่ก็ไม่ต้องหลอกกันอีกแล้วเปิดใจแล้วมีความสุขไปด้วยกัน


สงสารยิมอ่ะ จะมีใครมาดามใจเฮียยิมมั้ยน้าาาาาา


ขอส่งใครสักคนมาเป็นยาสมานใจให้เฮียยิมด้วยเน๊อะ อิอิ


แต่ไอ้พี่ดีนนี่ท่าทางจะมาทำให้พี่ท๊อปหึงเป็นการส่งท้ายแน่ ๆ


แบบว่ามายุ่งกะเมีย ผัวอย่างพี่ท๊อปเลยต้องตามไปกระทืบถึงที่ 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด