วายที่18 ท่องเที่ยว
ทุกคนมานั่งรวมกันที่โต๊ะยาว ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ถึงได้คุยแนะนำตัวกัน ทางบอสคนสวยอิงค์เป็นคนช่วยแนะนำให้ คนอื่นทักทายเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเจ้าตัวไม่เคยมาเมืองไทยมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพูดภาษาไทย
คนรักของอิงค์ชื่อบอริส ถูกอิงค์ล่อลวงมาเที่ยวเมืองไทย ก่อนจะมาเจอพวกเฟย์ เขาพาคนรักไปแนะนำตัวกับที่บ้าน ด้วยเหตุนี้เลยล่วงหน้ามารอที่รีสอร์ทก่อน
ดวงตาสีสวยของพี่ชายคนงาม มองผมสลับกับโฟมไปมา เขาพูดอะไรบางอย่างกับพวกพี่ เล่นเอาฮาทั้งโต๊ะ
“Why two kids to the little? You didn’t allow him to eat? (ทำไมเด็กสองคนนี้ถึงตัวเล็ก พวกนายไม่ยอมให้เขากินเหรอ)”
“Thai kids are a little more than a foreigner like you. (เด็กไทยแบบนี้แหละครับ พวกเขาตัวเล็กกว่าชาวต่างชาติอย่างคุณ)” ผู้ปกครองเฟย์ แก้ต่างให้กับเด็กทั้งสอง
“I hope they grew up not like you. (หวังว่าโตมาคงไม่เท่ากับนายนะ)” คราวนี้บอริสเหล่มองคนรักตัวเอง พอลองนึกภาพตาม ตอนเด็กน่ารักขนาดนี้ ถ้าโตมาเหมือนกับอิงค์ บอริสก็รู้สึกปวดหัวแล้ว หากเขาเป็นผู้ปกครอง คงถีบส่งให้ไปอยู่ไกลๆ
“I think they’re similar to Nam. (ถ้าพวกเขาโต คงตัวเท่าน้ำมากกว่า)” ฝนชี้มาที่คนข้างตัว เจ้าของชื่อยิ้มรับ ในความคิดของบอริส คนไทยน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ หรือเจ้าพวกสูงแข่งชาวต่างชาติพวกนี้ จะเป็นพวกแปลกประหลาด
ผมได้แต่มองพวกผู้ใหญ่คุยกัน และหันไปคุยกับโฟมแทน ตอนคุยเอ็มโฟมดูมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ผสมเด็กเอาแต่ใจ พอมาเจอตัวจริง มีแต่คำว่าเด็กเท่านั้น เขาชี้ชวนให้ผมดูนู่นนี่ คล้ายกับเห็นผมเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน แต่ไม่เป็นไร ผมสนุก ทุกคนมีความสุขก็โอเค
มื้ออาหารผมพบความหวานแหววจนแทบเบาหวานกิน บอกทีนี่เป็นการนัดเที่ยวในกลุ่มเพื่อน หรือพาแฟนมาสวีท เหล่าพี่ชายทั้งหลายตักนั่นนี่ให้คนรักตัวเอง พี่ฝนตักหมูให้พี่น้ำ บอกว่ากินเยอะๆ ผอมจะแย่อยู่แล้ว ทางพี่อิงค์ถือช้อนยัดเยียดป้อนพี่บอริส ดูยังไงก็รู้ว่าจงใจแหย่ ขนาดถูกตาสวยจ้องเขม็งใส่ยังไม่ลดละ ฝั่งพี่กบคอยตักของโปรดให้โฟมตลอดจนเต็มจาน
“มัวดูอะไรไอ้ตัวยุ่ง”
เสียงทุ้มนุ่มจากคนข้างกาย ผมหันไปมองสลับมองจานตัวเอง อุตะ มัวแต่มองคู่อื่นเพลินตัวเองก็ไม่ต่างเลยนี่หว่า พอพี่เฟย์จิ้มกุ้งชุบแป้งทอดมาให้ อ้าปากกินด้วยความเคยชิน ผมชักเขิน
ถึงจะเป็นตอนเช้าลูกค้าในร้านไม่เยอะ แต่โต๊ะที่มีส่วนใหญ่หันมามองที่โต๊ะเรา ผมแทบเอาหน้ามุดใส่จาน มีผู้หญิงหลายคนมองด้วยความเสียดาย แน่ล่ะ หนุ่มหล่อยกโต๊ะ พี่เฟย์หล่อแบบเพอร์เฟคแมน ผู้ชายอบอุ่นใจดี ยิ้มทีหัวใจพองฟู พี่กบแม้ตัวใหญ่หน้าดุหักล้างกับการดูแลเอาใจใส่โฟม กลายเป็นผู้ชายน่าพึ่งพาไปโดยปริยาย พี่อิงค์หล่อแบบกวนๆ พูดภาษาอังกฤษกับพี่บอริสคล่องปรื๋อ พี่ฝนถึงจะเงียบกว่าคนอื่น แต่ดวงตาหวานเชื่อมยามมองคนรักตัวเอง ทำให้สาวหลายคนอิจฉาตาร้อน
อ่า แก๊งค์อาเฮียเลือกคบกันที่หน้าตารึเปล่า แต่ละคนคัดมาอย่างดี ที่สำคัญชอบผู้ชายยกกลุ่ม โอเค ผมเข้าใจคุณผู้หญิงทุกคนคงเจ็บปวดกันน่าดู แต่สำหรับสาววาย หนุ่มวาย ฟินกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป พี่อิงค์พาพี่บอริสไปสปา เห็นว่าเจ้าตัวติดใจหลังจากลองนวดน้ำมันไปเมื่อวาน พี่ฝนกับพี่น้ำไปเดินเล่นรอบๆ ผมกับโฟมกลับห้องมานั่งเล่นเกมพักท้อง พี่เฟย์กับพี่กบเลยต้องตามกลับมาด้วย วันนี้ยังไม่มีกำหนดการไปไหนเป็นพิเศษ เพิ่งมาถึงกัน กว่าจะเที่ยวคงช่วงบ่าย
บังกะโลที่พี่ฝนของไว้สองหลัง เป็นแบบหลังละสองห้องนอน มีสวนเล็กรอบล้อม หน้าบังกะโลมีโต๊ะนั่งรวม เหมาะสำหรับกลุ่มที่มาเที่ยวแบบหมู่คณะอย่างพวกผม หลังแรกเป็นของผม โฟม พี่เฟย์ พี่กบ ส่วนหลังที่สองเป็นของพี่อิงค์ พี่บอริส พี่ฝนและพี่น้ำ
พอช่วงบ่าย พากันออกไปหาของกินข้างนอก ขับรถตามกันไป เที่ยวสถานที่ขึ้นชื่อเมืองกาญจน์ อย่างสะพานข้ามแม่น้ำแคว วัดถ้ำเสือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ และที่อื่นๆ ทั้งที่คนต่างชาติอย่างพี่บอริสจะถ่ายรูปรัวๆ กลับเป็นพี่อิงค์ครองตำแหน่งช่างกล้อง ถ่ายภาพทุกคนแทบทุกอริยาบท พอกลับถึงบังกะโลเสียบกับทีวีเปิดดูกัน ภาพไหนของใครก็บอกให้พี่อิงค์ส่งให้ตอนหลัง แต่ละภาพไม่ค่อยบอกความลำเอียง จากทั้งหมดรูปพี่บอริสครองไปเกินครึ่ง
วันต่อมาเป็นแม่น้ำ ส่วนพรุ่งนี้ไปน้ำตก งานนี้พวกพี่ๆ เที่ยวกันแบบจัดเต็มจริงๆ
โฟมเกาะกระจกมองภาพคนเล่นน้ำ ตรงจุดที่สามารถเล่นได้ เจ้าตัวหันไปบอกให้พี่กบ ผู้รับหน้าที่ขับรถในครั้งนี้จอดรถเพื่อจะไปเล่นน้ำ พี่กบส่ายหัวบอกว่า
“เราจะไปที่สนุกกว่านั้นอีก”
“ที่ไหน” โฟมถามอย่างสนใจ ส่วนผมหูผึ่งฟัง
“ล่องแก่งไง อยากเล่นไม่ใช่เหรอ”
ได้ยินคำว่าล่องแก่ง ผมกับโฟมตาโต แทบอยากจะเหาะไปให้ถึงไวๆ ประสบการณ์ที่หาได้ยากเลยนะ ผมไม่เคยเล่นล่องแก่งมาก่อนเลย ตอนเด็กเคยมาเล่นน้ำก็จริง แต่เพราะยังเล็กเกินไป พวกผู้ใหญ่เลยให้เล่นแต่แถวด้านล่างที่น้ำนิ่งแทน
“ไม่ค่อยเลยนะพวกนาย”
พี่เฟย์ส่ายหัวกับอาการของพวกผม กระทั่งถึงที่หมาย ก่อนมาพวกเราทุกคนใส่เสื้อพร้อมลุย กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีเข้ม หนีบรองเท้าแตะคนละคู่ ขนาดใส่เสื้อผ้าแสนธรรมดาแบบนี้ยังดูดี พวกพี่มีความหล่อแบบไม่น่าให้อภัยจริงๆ
ตลอดทางที่ผมเดินผ่าน คนมองแต่กลุ่มพวกเรา ผมพยายามชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อย จุดที่พวกเราจะเล่นล่องแก่ง มีอุปกรณ์กับเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ช่วงนี้เป็นช่วงหยุดยาว นักท่องเที่ยวเลยเยอะ โชคดีหน่อย มีบางกลุ่มต้องทำเวลาเลยกลับก่อนทั้งที่ยังไม่ได้เล่น กลุ่มผมเลยรอไม่นานเท่าไหร่ ซึ่งอุปกรณ์ในการเล่นมีดังนี้
แพยาง เสื้อชูชีพ ไม้พาย หมวกนิรภัย ถุงเชือกช่วยชีวิต และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งระดับล่องแก่งที่เราเล่นกันเป็นแบบระดับสอง แบบธรรมดา
ทุกคนสวมเสื้อชูชีพใส่หมวก พวกพี่เฟย์ใส่คล่องแคล่ว ก่อนบรรดาเมะจะหันมาเช็คปรับเสื้อชูชีพกับหมวกให้เหล่าเคะเหมือนนัดกันมา ให้ตายพวกพี่จะเซอร์วิสกันไปไหน
มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาถามพวกเรา
“จะให้เจ้าหน้าที่ไปด้วยมั้ยครับ”
ผมเข้าใจที่เขามาถาม การเล่นล่องแก่งบางคนไม่มีประสบการณ์เลย ก็อยากได้เจ้าหน้าที่ไปช่วยให้อุ่นใจ ส่วนตัวผมคิดว่าพวกเราคงไม่ต้อง
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
พี่ฝนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เจ้าหน้าที่จึงแนะนำพวกเราอีกนิดหน่อย เห็นว่ามีประสบการณ์แล้วจึงหันไปดูแลกลุ่มอื่นต่อ
“เจ้าหน้าที่จะเก่งไปกว่าเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้อย่างพี่กบได้ไง” โฟมพูดขึ้นหลังเช็คชุดเรียบร้อย
“เดี๋ยวเถอะโฟม พวกเขาต้องเก่งกว่าพี่สิ พี่ดูป่า เขาดูคนเล่นล่องแก่งโดยเฉพาะ แค่ประสบการณ์ก็ต่างกันแล้ว”
พี่กบเขกหัวโฟมเบาๆ ผมมองตาปริบๆ โอ้ พี่กบเป็นเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เหรอเนี่ย ว่าแต่ ในป่ามีให้เล่นล่องแก่งด้วยเหรอ...
“คิดอะไรแปลกๆ อยู่ล่ะสิเจ้าลูกแมว ที่ไม่เอาเจ้าหน้าที่ เป็นเพราะพวกพี่มีประสบการณ์อยู่บ้าง แถมระดับสองไม่ได้ยากอะไร ไม่จำเป็นต้องถึงมือเจ้าหน้าที่เขาหรอก”
พี่เฟย์อธิบายให้ผมรวมถึงโฟมฟัง คนอายุน้อยที่สุดในกลุ่มแลบลิ้นทะเล้นไม่สำนึก ก่อนโดนลากไปนั่งบนแพยางแจกไม้พายคนละอัน ผมกับโฟมตัวเล็กสุดถูกจับให้อยู่แถวกลางๆ มีพวกพี่คอยประกบ พอปล่อยแพไหลไปตามน้ำ ความสนุกมาเยือนทันที
ตำแหน่งสำคัญอย่างด้านหลังสุดมีพี่กบคอยคุม พี่บอริสเห็นเหมือนจะตัวบางแต่แรงเยอะน่าดู เวลาหลบหินหรือคลื่น จะมีน้ำกระเซ็นขึ้นมา พอเป็นทางลงเสียวท้องวูบ ผมหัวเราะฮาชอบใจ เจ้าโฟมคึกคักมาก ขนาดเล่นจนสุดสายแล้วบอกจะขึ้นไปเล่นอีก
เล่นเสร็จ คิดว่านั่งกินแรงเฉยๆ แทบไม่ได้พายคงไม่เหนื่อย แต่เอาเข้าจริงใช้แรงกันไม่น้อย พี่อิงค์บ่นอุบอิบระหว่างเดินกลับรถ
“สมัยเรียนให้เล่นสามรอบติด ระดับโหดกว่านี้ยังไหว เดี๋ยวนี้แค่ระดับสองรอบเดียว รู้สึกล้านิดๆ สงสัยพวกเราคงแก่แล้วจริงๆ”
“ทำไงได้ พวกนายไม่ได้ไปลุยเหมือนฉัน ถ้าออกกำลังกายสม่ำเสมอ เดี๋ยวก็กลับมาฟิตตามเดิมนั่นแหละ” พี่กบตอบ พี่บอริสสงสัยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เลยสะกิดพี่อิงค์ เจ้าตัวร้องอ้อ เล่าเป็นภาษาอังกฤษ ดวงตาสีอ่อนมองคล้ายดูถูก
“I’m 32 years, don’t grumble. (ฉันอายุ 32 ยังไม่เท่าไหร่ อย่าสำออย)”
ห๊ะ! ผมฟังคำอื่นไม่ออกก็จริง แต่คำง่ายๆ อย่างบอกอายุหนิชัดเจนมาก พระเจ้า 32 ผมคิดว่าอายุพอๆ กับพวกพี่เฟย์ซะอีก ขนาดพวกพี่ชายยังอึ้ง ความหน้าเด็กไม่ได้มีแค่ในเมืองไทยสินะ ฮ่าๆ
ถึงรถแต่ละคนเตรียมผ้าขนหนูของตัวเองมา เช็ดตัวพอเป็นพิธีแล้วกลับไปอาบน้ำที่บังกะโล เห็นว่ามื้อดึกมีสารพัดของย่างที่หน้าบังกะโลนี่แหละ ให้ทางรีสอร์ทเตรียมของไว้
บนโต๊ะไม้มีจานเป็นชุดจัดไว้พร้อม หน้าเตาพี่เฟย์กับพี่อิงค์รับหน้าที่เป็นคนย่าง ส่วนคนอื่นนั่งรออย่างสงบ ส่งสเปรย์ฉีดกันยุงเวียนกันครบทุกคน เพราะบังกะโลอยู่ริมน้ำยุงเยอะ แถมยังเป็นยุงป่า มีจุดยากันยุงไว้บนพื้นสองอันเพื่อความชัวร์
ข้าวสวยร้อนๆ ในโถถูกตักแจกจ่ายให้ทุกคน มีหม้อต้มยำเสริม กับข้าวอีกสองสามอย่าง กุ้งแม่น้ำตัวโตหัวมันน่ากิน หมึกสดตัวขาว หอย ปูเนื้อ วางเต็มโต๊ะ จิ้มกับน้ำจิ้มสามรส รสแซ่บ ทีแรกคิดว่าเยอะขนาดนี้น่าจะกินกันไม่หมด ที่ไหนได้ จากความเหนื่อยทำให้หิว เพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีอาหารชุดแรกบนโต๊ะหมดเกลี้ยง เปลือกกุ้ง ซากหอยปูเต็มถังขยะขนาดพกพา
ถึงเวลาของเครื่องดื่มยามค่ำคืน พี่เฟย์งัดผลไม้หมักของตัวเองออกมา ผมเห็นแขยงทันที ให้ตายยังไงไม่กินเด็ดขาด พี่ฝนยกบลู เลเบิ้ลมาสองขวด พี่อิงค์แยกเขี้ยวใส่
“อะไรวะ เป็นเจ้าของบาร์ซะเปล่า เอาบลูมาแค่สองขวด”
“สองขวดก็เยอะแล้วเฟ้ย คิดว่าพรุ่งนี้จะไม่ไปเที่ยวน้ำตกหรือไง” พี่ฝนเถียงกลับ แทบจับขวดฟาดหัวเพื่อน
วงอาหารเปลี่ยนเป็นวงเหล้า เตาย่างกับข้าวกลายร่างเป็นเตาย่างกับแกล้ม ประเด็นคือ วงเหล้าวงนี้ดันกินของแพง ผมอ่านเจอในนิยายวายบ่อยๆ เห็นว่าเจ้าบลูเนี่ยราคาไม่ใช่เล่น
พวกผู้ใหญ่มีแก้วเหล้าคนละแก้ว โฟมยื่นมือไปจะจิ๊กเหล้าพี่กบกิน โดนตีมือยัดแก้วโค้กใส่แทน
“เด็กกินน้ำโค้กไป ดูอย่างปอนด์ อายุเยอะกว่ายังไม่แตะเหล้าเลย”
ผมยิ้มแห้ง แบบว่า ไม่กล้าพูดเลยอะ ผมคออ่อนระยะสุดท้าย แถมประสบการณ์การเมาล่าสุดไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นัก แม้จะได้แฟนหนุ่มสุดเพอร์เฟคมาหนึ่งคนก็ตาม พรุ่งนี้ผมยังอยากเล่นน้ำตกนะ ยังไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว มือจับแก้วกระดกน้ำดำแทะกุ้งที่พี่เฟย์แกะให้อย่างสงบ
สุดท้ายผมเห็นโฟมแอบกินอยู่ดี ก่อนมาชวนผมที่นั่งอืดพุงกลมเพราะกินเกินจำกัดไปเดินเล่น
“ปอนด์ ไปเดินเล่นกัน”
ผมแหงนคอมอง สลับมองพวกพี่ชายกำลังคุยกันออกรสออกชาติ ดีเหมือนกัน ไปเดินย่อยดีกว่า
“เอาสิ พี่เฟย์ ผมไปเดินเล่นกับโฟมนะ”
พี่ชายหยักหน้าให้ กำชับนิดหน่อย
“ห้ามลงน้ำ ห้ามไปเดินใกล้น้ำ อยู่แถวที่มีแสงสว่างกับคนเยอะๆ เข้าไว้ อย่าไปไกลล่ะ”
ผมหัวเราะกับความขี้เป็นห่วงของพี่ชาย รับคำเสร็จเดินย่อยไปกับโฟม
“คิดไงถึงชวนมาเดินเล่น” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก แค่อยากมาเดินเล่นด้วยกันเฉยๆ ปอนด์เป็นถึงพี่สะใภ้นี่”
เจอประโยคนี้เข้าไปผมหน้าแดงฉ่า แบบไม่ต้องมีแอลกอฮอล์มาช่วย พูดเสียงติดๆ ขัดๆ เขินเว้ย
“ยะ อย่าพูดแบบนั้นสิ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนโฟมยิ้มไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกล เราสองคนเดินไปตามทาง มีโคมไฟให้ความสว่างอยู่เป็นระยะ ผ่านบังกะโลหลายหลัง บางหลังมีคนนั่งกินอาหารด้านนอกแบบเรา บางหลังปิดไฟเงียบเข้านอนกันไปเรียบร้อย
“โฟม เรากลับกันดีกว่า อย่าเดินไปไกลกว่านี้เลย”
แม้บังกะโลของเราจะไม่ได้อยู่สุดของเขตรีสอร์ท แต่ระยะห่างที่เราเดินมาเริ่มไกลเกินไป มันอยู่ก่ำกึ่งระหว่างบังกะโลกับอาคารหลักของรีสอร์ท ผมยอมรับว่าแอบหวั่นพวกสิ่งลี้ลับ นั่นไม่ใช่เหตุผลส่วนใหญ่ที่ผมอยากลากโฟมกลับ ตรงหน้ามีกลุ่มชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเหล้าเมาเต็มที่
คนดื่มเหล้าเมาไม่แปลก บังกะโลหลายหลังที่ผมเดินผ่านมามีคนดื่มเหมือนกัน บางหลังเฮฮาพูดคุยกันสนุกสนานดูมีความสุขกับวันพักผ่อน แต่หลังนี้มันไม่ใช่ สนุกปนความคะนอง คนที่ดูมีอายุควรห้ามกลับส่งเสียงหัวเราะสนับสนุน ผมรู้สึกไม่ดีสุดๆ ดึงแขนให้โฟมกลับ
“กลัวอะไรปอนด์ แค่พวกคนเมาเอง เหมือนกับที่เราเดินผ่านมานั่นแหละ ไปต่อกันเถอะ ตรงนู้นมีน้ำพุด้วย”
“ถ้าอยากดูไว้มาดูพรุ่งนี้ หรือไม่พาพวกพี่มาเป็นเพื่อนสักคน กลับได้แล้วโฟม” เสียงผมเริ่มเข้ม ดึงตัวโฟมไว้ ตีให้ตายยังไงผมก็อายุมากกว่าโฟม เพื่อความปลอดภัยของคนอายุน้อยกว่า น้องแฟน หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมต้องลากตัวโฟมกลับให้ได้
“อย่าปอดแหกดิปอนด์ คิดมาก”