วายที่21 ความสุข ผมกำลังงอนพี่เฟย์ โทษฐานเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง คิดยังไงมาจับแต่งคอสแบบนั้น แถมยังโดน... ฮึ่ย! น่าอายจะตายไป ขอบอกเลยว่าของหวานง้อผมไม่ได้หรอกนะ แม้ว่าจะกินเรียบทุกอย่างก็ตาม
“ปอนด์ หายงอนพี่เถอะ”
“ไม่!”
คำเดียวหนักแน่น มือหยิบคัพเค้กกินแก้มตุ่ย มองอะไร กองทัพต้องเดินด้วยท้อง การงอนต้องเติมพลังงานด้วยเช่นกัน นี่ถ้าพี่เฟย์ได้ยินความคิดของผมคงทำหน้าเอือมใส่ คติโคตรเข้าข้างตัวเอง
“ถ้างั้น... วันเสาร์เราไปกินข้าวข้างนอก กินขนม ซื้อหนังสือดีมั้ย”
ผมหูผึ่ง แต่ไม่ได้ เราต้องเล่นตัว เป็นกุลเคะที่ดีไม่ควรยอมง่ายๆ เดี๋ยวเมะได้ใจ เห็นผมยังนิ่งอีกคนยื่นข้อเสนอเพิ่มเอาใจเด็กโดยเฉพาะ
“พี่จะไม่ห้ามอะไรทั้งนั้น ซื้อตามสบายไม่จำกัดวงเงิน แถมไอติมก่อนกลับด้วย แบบนี้เป็นไง”
ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มพลางยกนิ้วก้อยมาชูตรงหน้า ผมมองยอมยกนิ้วก้อยไปเกี่ยวทั้งที่ใบหน้าขึ้นสี เล่นอะไรเป็นเด็กๆ
“เด็กดี” เห็นว่าง้อสำเร็จพี่ชายดีใจหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่ นี่บอกเลยไม่ได้เห็นแก่กินหรือหนังสือวายนะ แค่ไม่อยากเล่นตัวมากเกินไปเดี๋ยวพี่ชายจะรำคาญ
ง้องอนกันเสร็จพี่ชายหายไปทำมื้อเย็น ส่วนผมนอนกลิ้งที่มุมโปรด มุดอยู่ในเบอเกอร์โผล่ออกมาแค่หัวกับแขนจิ้มโน้ตบุ้คคุยกับโป้ ปกติคุยกันไปเรื่อยเปื่อย พวกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ผมบ่นเรื่องพี่เฟย์ โป้บ่นเรื่องซัน เห็นว่าพักนี้เพื่อนสายเถื่อนของเราทำตัวแปลกไปจากทุกที
ผมว่ามีลุ้นนะ เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ แต่คนนอกสัมผัสได้ว่าซันเริ่มจะเอนมาทางโป้แล้ว จริงสิ วันหยุดผมจะไปซื้อของกับพี่เฟย์ ลองถามดูดีกว่าเผื่อโป้อยากได้อะไร
Ponda : วันเสาร์พี่เฟย์จะพาไปช้อปหนังสือ โป้ฝากซื้ออะไรมะ
PeePo : น่าสนใจ อยากได้หนังสือทำอาหารพอดี ให้เฮียเฟย์แนะนำดีกว่า
โป้ช่างเป็นแม่ศรีเรือนจริงๆ ผมหันไปถามคนชวนเที่ยวว่าโอเครึเปล่าถ้าลากโป้ไปด้วย เพราะมันเหมือนกับเดทกันกลายๆ เลยต้องถามความสมัครใจของอีกคน
“พี่เฟย์ๆ”
เสียงเรียกจากห้องนั่งเล่น ร่างสูงยอมละมือจากการเตรียมข้าวเย็นชั่วคราว ชะโงกหน้าผ่านเค้าน์เตอร์มามองลูกแมวที่นอนอืดอยู่ในมุมประจำ เห็นภาพแบบนี้นึกอยากถ่ายรูปขึ้นมา หัวทุยโผล่ออกมาจากเบอเกอร์ รายล้อมด้วยตุ๊กตาสารพัดสัตว์ ต่อให้ไม่ใส่ของคอสเพลย์ในสายตาเฟย์เหมือนเห็นหูหางแมวโผล่ออกมาเสมอ เด็กเขาช่างน่ารัก
“พี่เฟย์! ฟังผมรึเปล่าเนี่ย”
แรงมโนถูกพัดปลิว สติกลับเข้าร่าง เฟย์ยิ้มอบอุ่นสไตล์พี่ชายแสนดี
“เมื่อกี้พี่มัวคิดเมนูอาหารเลยไม่ทันฟัง ปอนด์พูดมาใหม่ซิ” เนียนไปเรื่องอื่น ลูกแมวไม่สงสัยพี่ชายสักนิด
“ผมถามว่าวันหยุดพาโป้ไปด้วยได้มั้ย พอดีโป้อยากให้พี่แนะนำเรื่องหนังสือทำอาหาร”
“ก็ได้นะ พี่ว่าจะดูหนังสือทำขนมเล่มใหม่เหมือนกัน”
ผมพยักหน้ารับพิมพ์ตอบโป้ ทางพี่เฟย์หายกลับเข้าไปอยู่ในครัวตามเดิม อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ที่แปะป้ายห้ามแมวเข้า โดยเฉพาะเวลาเปิดทำการ
Ponda : พี่เฟย์โอเค งั้นวันเสาร์เจอกันที่ห้างประจำตอน 11 โมงนะ
PeePo : ได้ ไว้เจอกัน ฝากขอบคุณเฮียด้วย เดี๋ยวฉันไปทำข้าวเย็นก่อน ซันกลับมาแล้ว
Ponda : อ้าว ไม่ใช่ว่าออกไปซื้อของสดกันทุกเย็นเหรอ
ผมถามด้วยความสงสัย ปกติสองคนนี้จะไปซื้อของสดด้วยกัน ไหงวันนี้โป้อยู่ห้อง ซันเพิ่งกลับหว่า
PeePo : วันนี้ไม่มีเรียนขี้เกียจออก เลยให้ซันซื้อของสดเข้ามา ไปก่อนนะ ซันมันมาจุ้นอีกละ
ยังไม่ทันจะพิมพ์ข้อความปิดท้าย โป้ก็ออฟไลน์ไปซะก่อน เอาเถอะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง คู่นี้ทำตัวเหมือนคู่แต่งงานใหม่เข้าไปทุกที ฝั่งผมเรอะ ดูยังไงก็เหมือนพี่ชายเลี้ยงน้อง หากพี่เฟย์หน้าแก่กว่านี้อีกนิด ผมหน้าอ่อนกว่านี้อีกหน่อย คนอื่นคงเข้าใจผิด คิดว่าเป็นพ่อลูกกัน
คิดอีกที น่าสนใจนะ วันหลังเจอใครมีท่าทีสนใจพี่เฟย์ ผมลองเรียกพ่อดีมั้ย เผื่อว่าคนอื่นจะหงายเงิบ มีลูกชายโตขนาดนี้
“ปอนด์ กินข้าวได้แล้ว”
เสียงเรียกจากในห้องครัว ผมกลิ้งออกจากเบอเกอร์ส่งเสียงขานรับ
“คร้าบพ่อ”
พี่เฟย์หันมามองผมนิ่งๆ มุมปากยกยิ้มเผยโหมดหมาป่า
“เอาเถอะ... อยากเรียกพ่อก็ตามใจ ยังไงพ่อคนนี้ได้ฟาดลูกชายไปแล้ว”
ผมขอล้มเลิกแผนการเรียกพ่อตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป! เรียกไปรู้สึกเหมือนนรกจะกินกบาลชอบกล
“คิดยังไงถึงเรียกแบบนั้นล่ะหืม” พี่ชายลากเสียงถาม มือส่งจานอาหารให้ผมรับไปวางบนโต๊ะ
“แค่ลองเรียกเล่นไปงั้น” ผมบอกปัดนั่งหม่ำข้าวก่อน พี่ชายส่ายหัวไม่คิดเซ้าซี้ คงเข้าใจว่าผมคิดอะไรไร้สาระไปเรื่อย ซึ่งมันคือเรื่องจริง
ถึงวันนัดหมายพี่ชายลากผมออกจากเตียง ไล่ไปอาบน้ำแต่งตัวหม่ำอาหารเช้าแบบง่ายๆ พากันนั่งรถไฟฟ้าไปห้าง ทีแรกว่าจะรอโป้ก่อน จนแล้วจนรอดโป้ยังไม่ยอมโผล่มาสักที พี่เฟย์เลยชวนผมไปเดทกันสองคนระหว่างรอ
เริ่มจากร้านหนังสือการ์ตูน ที่นี่เป็นร้านใหญ่ เดินเข้าไปมีหนังสือวางเรียงเต็มร้านไปหมด มีทุกแนวตั้งแต่เก่ายันใหม่ นอร์มอลใสๆ จนถึงวายอันคัต ถือว่าเป็นร้านที่ผมชอบมาก ไม่ต่างจากสรวงสวรรค์
มุมที่ผมกับพี่ชายแช่อยู่นานที่สุดไม่พ้นมุมวาย มันเป็นช่องให้เข้าไป ชั้นหนังสือด้านหน้าจะเป็นพวกมังงะวายธรรมดา หันหลังมาแถบบนคือนิยายวายจากสำนักพิมพ์ต่างๆ ด้านล่างเป็นอันคัต แต่ละเล่มที่พี่ชายเลือก มีแต่เคะสวยไม่ก็กินเด็กโคตรบ่งบอก
ถามว่าของผมเป็นแบบไหน? ก็พวกวายแฟนตาซี ไม่ก็แนวฮาร์ดคอบู๊ๆ หน่อย ความจริงในมือผมส่วนใหญ่จะมีเมะอินเมจผู้ใหญ่จ๋า...
เหล่มองคนข้างตัว ภาพชายร่างสูงหุ่นนายแบบ หน้าตาหล่อเหลาดูมีภูมิฐาน อายุประมาณยี่สิบกว่า ฮัมเพลงหยิบอันคัต ขนาดผมเป็นหนุ่มวายหน้าละอ่อน บางทีมาสอยมังงะมีสาวมองยังแอบเขินเล็กๆ พี่เฟย์โดนมองมากกกว่าผมดูไม่สะท้านสักนิด
เอ๊ะ ตอนงานหนังสือพี่เฟย์ก็ซื้อด้วยนี่หว่า ทีแรกไม่ทันนึก ภาพผู้ชายตัวโตยืนท่ามกลางผู้หญิงรอคิวจ่ายเงินซื้อนิยายวาย...
โอ๊ย ผมเผลอคิดอะไรเนี่ย อย่างพี่เฟย์หล่อสยบทั้งชายหญิง ไปอยู่ดงสาววายมีแต่จะถูกจิ้นว่าเป็นเมะสุดหล่อ ยิ่งมีผมไปด้วยคงไม่ต้องพูดถึง นี่ผมมัวแต่มองสาววายจิ้นตัวเองจนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปสินะ
พี่เฟย์หยิบมังงะวายอีกสองสามเล่มแล้วชวนผมไปคิดเงิน
“ป่ะ ไปจ่ายตังกัน”
ผมผงกหัวรับ ส่งของตัวเองให้พี่ชายไปจ่ายตังทีเดียว ระหว่างรอนั่งหลบมุมดูหนังสืออีกหน่อย ใครจะรู้ล่ะว่าการทำแบบนี้ของผม ทำให้ได้ยินของดีเข้า เสียงผู้ชายคุยกันจากช่องหนังสือถัดไป
“มึงว่าสองคนนั้นเป็นคู่เกย์มะ”
ถึงกับหูผึ่ง ทั้งร้านผู้ชายสองคนที่อยู่ใกล้กันจนชวนเข้าใจผิดมีแค่ผมกับพี่เฟย์ ไอ้พวกนี้มันนินทากันโต้งๆ คิดว่าเบาเสียงแล้วผมจะไม่ได้ยินเรอะ
“พี่น้องกันรึเปล่า”
“กูว่าไม่ใช่อ่ะ นั่งชิดกันแถมยังซื้อหนังสือพวกนั้นอีก ขยะแขยงว่ะ นี่มึงเป็นด้วยป่าวเนี่ยเห็นตะกี้เดินผ่านช่องนั้น”
“กูยังชอบผู้หญิงโว้ย ไม่สิ้นคิดเอาผู้ชายเป็นเมีย แค่คิดก็จะอ้วก”
ผมเม้มปาก ลุกเดินหนีออกมายืนข้างพี่เฟย์ รู้สึกหน้าชาไปหมด พอจะเอื้อมมือไปดึงเสื้อให้พี่ชายรีบจ่ายตังรีบออกจากที่นี่ ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างที่มองมาทางพวกเรา บางคนชี้ชวนเพื่อนดูแล้วพากันขำ ส่วนผู้ใหญ่มองเราด้วยสายตาย่ำแย่เต็มทน ผมทิ้งมือลงข้างกายไม่คิดจับเสื้อพี่เฟย์อีก
พอจ่ายเงินเรียบร้อยเตรียมออกจากร้าน พี่ชายจะจูงมือตามความเคยชินเพราะผมชอบเดินมั่ว แต่เวลานี้ผมว่ามันไม่เหมาะเลยยกมือหลบ อีกคนเปลี่ยนเป้าหมายมาโอบบ่า ผมก็ม้วนตัวหนี ร่างสูงก้มมองอาการแมวเล่นตัวอย่างขำๆ
“เป็นอะไรไปเจ้าลูกแมว”
“ไม่มีอะไร ผมอยากกินอาหารญี่ปุ่น เข้าร้านนี้กัน” ผมลากพี่ชายเข้าร้านอาหารทันทีเพื่อเบี่ยงประเด็น อีกคนยักไหล่เดินตามแรงดันจากทางด้านหลัง
พนักงานต้อนรับถามจำนวนคนก่อนพาเราเดินเข้ามาด้านใน ร้านนี้ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นจ๋า ขนาดพนักงานต้อนรับยังสวมกิโมโน ส่วนพนักงานเสิร์ฟจะใส่ชุดมีผ้าบนหัวแบบในหนังญี่ปุ่น บรรยากาศเงียบสงบแบ่งเป็นสัดส่วน มีฉากกั้นสูงระหว่างโต๊ะเพิ่มความเป็นส่วนตัว
ที่นี่ไม่เหมือนร้านอื่น จะเป็นโต๊ะญี่ปุ่นบนพื้นยกระดับ มีขั้นบันไดเตี้ยๆ ให้เดินขึ้นไปนั่งบนเบาะนุ่ม
พี่เฟย์เลือกนั่งข้างผมแทนที่จะนั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนทุกที พนักงานยิ้มสวยยื่นเมนูให้ พอเธอรับออเดอร์เสร็จก็เดินจากไปเหลือแค่พวกเราสองคน พี่ชายถามผมอีกรอบว่าผมเป็นอะไร ส่วนผมส่ายหัวลูกเดียวจนโดนสองมือหนาประกบแก้มปากยู่ให้หันมองห้ามหลบสายตา
“เกิดอะไรขึ้น บอกพี่มาซิ ใครรังแกเหรอ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มใจดีถามทีเล่นทีจริง แต่ดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเป็นห่วงระคนสงสัย ผมดึงมือพี่ชายออกจากแก้ม เปลี่ยนมาเอาหน้าซุกฝ่ามืออุ่นแทน มุมนี้เป็นมุมส่วนตัว ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเห็น
“พี่ ผมขอถามอย่างสิ”
“หืม... ว่ามา ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”
“ที่ผ่านมา พี่คิดยังไงกับสายตาคนรอบข้างที่มองเรา” ผมถามเสียงเบา
ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ พี่ชายนี่สิ ในวัยนี้ควรจะมีครอบครัวอบอุ่นเป็นของตัวเอง มีภรรยาใจดีกับลูกตัวเล็กสักคนคอยต้อนรับกลับบ้านหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ สำหรับพี่เฟย์ นอกจากจะไม่มีบรรยากาศครอบครัวสุขสันต์แบบนั้นแล้ว ยังต้องมาดูแลผมอีก
ใช่ว่าไม่เคยคิด ผมคิดมาตลอด แต่ความรู้สึกมันชัดเจนเอาหลังจากเห็นสายตาคนรอบข้างชัดๆ
รู้สึกแย่จัง...
ผมคิดในใจ ระหว่างนั้นนิ้วหยาบจากการทำงานไล้แก้มผมเบาๆ ดวงตาคมทอประกายอ่อนลง
“ทำไมถึงถามแบบนั้น ไปได้ยินอะไรมา” พี่ชายถามเสียงนุ่ม ผมเม้มปาก เล่าเรื่องที่เจอในร้านหนังสือกับที่สังเกตมาตลอดให้พี่ชายฟัง ร่างสูงนั่งฟังผมเงียบๆ ก่อนจะหัวเราะดึงผมเข้าไปกอดอย่างหมั่นเขี้ยว
“เป็นแบบนี้ทุกทีนะเรา จะไปสนใจคนอื่นทำไม เรามีความสุขโดยไม่เบียดเบียนใครก็พอแล้ว คนอื่นจะเดือดร้อนยังไงก็เรื่องของเขา”
“แต่ว่า วัยของพี่ความจริงน่าจะมีครอบครัวกับลูกตัวน้อยเป็นของตัวเอง ยิ่งพี่เป็นผู้ชายเพอร์เฟค ทำอาหารเป็น ช่างดูแล หน้าที่การงานดี ต่อให้พี่ไม่บอกผม ต้องมีคนอื่นพูดทำนองว่าพี่น่าจะมีครอบครัวดีๆ ใช่มั้ยล่ะ” ขนาดผมยังโดนญาติกับเพื่อนบ้านถามบ่อยๆ เลยว่าเมื่อไหร่จะมีแฟน จะให้บอกว่ามีแล้วแถมหล่อมากด้วยก็คงไม่เวิร์ค
“ดูทำหน้าเข้า คิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ฮึ” เดาถูกเผง คนฟังส่ายหัวระอาเปลี่ยนสีหน้าจริงจังพูดกับผม
“ปอนด์... พี่ขอบอกเราตรงนี้เลยนะ ความสุขของพี่คือการได้อยู่กับเรา ไม่ใช่มีครอบครัวอย่างที่ใครๆ คิดว่าดี ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก ใครพูดอะไรไม่ต้องไปสนใจ สงสัยเรื่องไหนให้ถามพี่ อย่าคิดเองเออเอง”
โดนรวบกอดล็อคตัวขนาดนี้คงเป็นอื่นไปไม่ได้หรอก แต่ดูเหมือนพี่ชายยังไม่พอใจ พูดต่อยาวรวดเดียวแบบว่ากระจ่าง
“นี่แสดงว่าเราคิดมากเลยไม่ยอมให้พี่จูงมือใช่มั้ย ปอนด์ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะถูกมองไม่ดี ให้มันรู้ไปสิ จับมือแฟนแล้วโลกจะแตก คนพวกนั้นแค่อิจฉาเพราะไม่มีแฟนน่ารักเหมือนพี่ต่างหาก”
ฉ่า...
ฮว๊ากกกก! อยากร้องให้ลั่นโลก ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้ห๊ะ! หน้าร้อนไปหมด ป่านนี้แดงไปถึงหูแน่ ฮือ จากเฟลๆ ตอนแรกปลิวหายไปหมดเกลี้ยง ผมขอสาบานด้วยเกียรติของลูกแมวดำเลยว่าหลังจากวันนี้จะไม่คิดมากอีก เขินตัวแตก
ฝั่งคนมอง เห็นใบหน้าน่ารักขึ้นสีแดงเรื่อ อดใจไม่ได้ต้องก้มลงไปหอมสักฟอด จังหวะเดียวกับได้ยินเสียงพนักงานเดินมา คนตัวเล็กที่โดนน้วยดิ้นหนีจากตักหนา ร่างสูงไม่ยอมเลยถูกกำปั้นเล็กๆ ซัดเข้ากลางพุงแอบจุก ความคิดหนึ่งพุ่งแวบเข้าหัวพี่ชายมาทันที สงสัยหลังจากนี้คงต้องเตือนๆ ซันกับโป้ไม่ให้ใช้ความรุนแรงต่อหน้าลูกแมวของเขาซะแล้ว
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วค่ะ ต้องการอะไรเพิ่มรึเปล่าคะ?”
พนักงานยังคงยิ้มหวาน มองหนุ่มหล่อยกมือกุมท้อง กับคนตัวเล็กกว่าที่ทำหน้าเหมือนสนใจอาหารสุดๆ อดไม่ได้ที่จะถามเผื่อว่ามีอะไรให้ช่วย สองหนุ่มต่างวัยพากันส่ายหัวขวับๆ เอ่ยปากขอบคุณแล้วนั่งทานอาหารราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอคล้อยหลังพนักงาน ความหวานบังเกิดจนลูกค้าที่นั่งถัดไป รู้สึกว่าอาหารที่ทานมีรสหวานกว่าปกติ
อิ่มอร่อยกับมื้ออาหาร ลูกแมวเดินพุงกางออกจากร้าน พี่ชายเป็นผู้รับผิดชอบรายจ่ายทุกอย่าง อิ่มจังตังอยู่ครบตามสูตร ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นว่าเวลาใกล้เที่ยงโป้ยังไม่โทรมาเลยชวนพี่ชายไปหลบมุมลองโทรหาสักหน่อย หลังรอสายสักพักพี่ชายถาม
“เป็นไง รับมั้ย” ผมส่ายหัวตอบ จวนจะตัดสายนั้นแหละ เสียงรับสายดังขึ้น
/ใครวะ!/
ผมสะดุ้ง ไหงคนรับเป็นซันแถมเสียงโหดงี้
“ไมเสียงโหด หรือว่าโป้ถูกซันฆ่าหมกห้องไปแล้ว!” อย่ามาดูถูกพลังมโนของหนุ่มวายนะ ผมโวยใส่ซันแบบขำๆ ทางนั้นโวยกลับ
/ไม่ใช่เว้ย โทรมามีไร/
“โป้บอกว่าจะออกมาซื้อหนังสือด้วยกัน เลยโทรมาถามว่าถึงไหน” บอกไปตามจริง
/มันป่วยไปไม่ได้/
“โป้ป่วย!? เป็นไปได้ไง เพราะซันแน่ๆ ทำจนโป้ป่วยเลยเรอะ” ยังคงมโนต่อ มันต้องมีประเด็นชัวร์ ไหนๆ ก็ซื้อหนังสือครบแล้ว ขนมกับไอติมไม่เท่าไหร่ ผมอยากรู้เรื่องโป้มากกว่า บุกไปหาที่ห้องเลยแล้วกัน!
“เอางี้ ไหนๆ ซื้อของเสร็จแล้วเดี๋ยวไปเยี่ยมที่ห้องนะ” พูดจบกดวางสายมัดมือชกเสร็จสรรพ หันมาคุยกับคนข้างตัว
“โป้ป่วยอะพี่ เราไปหาพวกนั้นกัน” ตาผมตอนนี้คงเป็นประกายระยิบระยับ พี่ชายถึงเลิกคิ้วมองขำๆ
“ไปก็ไป” ไฟเขียวมาจะรอช้าอยู่ทำไม พวกผมมุ่งหน้าไปหอโป้ทันทีโดยมีพี่ชายเป็นคนนำทาง อย่างผมเรอะ เพิ่งไปแค่รอบเดียว จำไม่ค่อยได้หรอกว่าอยู่ที่ไหน ห้องอะไร ชั้นที่เท่าไหร่
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีมาถึงที่หมาย แม้ห้องที่พวกซันอยู่จะไม่หรูเท่าพี่เฟย์ แต่ถือว่าไม่เลวเลย ตัวอาหารสะอาดสะอ้านเหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน ด้านล่างมีต้นไม้พอประดับไม่ดูรกหรือโล่งเกินไป ข้างในมีลิฟท์สองตัว ยืน 5 คนได้สบายไม่ต้องเบียด
ห้องของซันอยู่ชั้นกลางๆ พี่เฟย์เดินไล่มองเลขห้อง พอมั่นใจก็พยักหน้าส่งสัญญาให้ผมเป็นคนจิ้มออด รอไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่เปิดคือซัน
ร่างสูงผิวเกรียมแดดในชุดกางเกงขายาวเปลือยท่อนบน เป็นคนเปิดประตูให้ บนบ่าเหมือนจะเห็นรอยเล็บคล้ายของพี่เฟย์ยังไงชอบกล
“เฮ้ย! นี่มีอะไรกันจริงๆ เหรอเนี่ย”
ผมส่งเสียงดังด้วยความทึ่ง แบบไม่กลัวเกรงเลยว่าคนอื่นจะได้ยิน ซันเป็นงี้ แล้วโป้ล่ะ? ผมถือวิสาสะวิ่งผ่านตัวซันพุ่งไปเปิดห้องที่ปิดสนิท ในห้องว่างเปล่าไม่มีโป้อย่างที่คิด งั้นเหลืออีกห้อง
เปิดไปเจอโป้จริงด้วย สองเท้าก้าวฉับๆ เข้าห้า มือดึงผ้าห่มออกถลกเสื้อคนป่วยหาหลักฐานยืนยันความคิด โอ้แม่เจ้า ไม่มีอะไรชัดเจนเท่านี้อีกแล้ว! บนผิวขาวมีแต่รอยจูบเต็มไปหมด บางจุดมีรอยฟันด้วย ซันมันร้ายกาจ
“ทำอะไรกัน!”
ตัวต้นเหตุวิ่งตามเข้ามาคว้าผมโยนไปทางพี่เฟย์ คนตัวสูงกางมือรับอย่างรู้งาน ผมมองซันดึงเสื้อโป้ปิดพุง ห่มผ้าซะอย่างกับโป้ป่วยหนัก คลุมขนาดนั้นไม่ปิดหัวไปด้วยเลยล่ะแหม่
ได้ยินเสียงหัวเราะในคอ ผมแหงนขอมองพี่เฟย์ พี่ชาย พี่รู้ตัวรึเปล่า ออร่าความเป็นหนุ่มวายของพี่มันแผ่ซ่านออกมาทิ่มแทงตาน้องเต็มๆ
“เข้าใจว่าวัยรุ่นฮอร์โมนมันพลุ่งพล่าน ถึงงั้นก็ไม่ควรหักโหมจนโป้ป่วยแบบนี้นะซัน” ผมแทบขำก๊าก
“ไม่ใช่ โป้มัน...” ซันอึกอักราวกับว่ามีเรื่องอัดอั้นในใจ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองพี่เฟย์เหมือนเป็นแสงสว่างให้กับชีวิต ”เฮ้อ! เฮียผมขอคุยด้วยเดี๋ยว ปอนด์ ฝากดูโป้ด้วย ห้ามทำอะไรเด็ดขาด”
มันสั่งกับชับซะดิบดี แล้วยึดตัวพี่เฟย์ของผมไปเฉย ถือว่าเห็นแก่คนกำลังกลุ้ม ผมยอมให้ยืมตัวก็ได้ แต่ขอฟังหน่อยนะว่าคุยอะไรกัน
มือแอบเปิดประตูแง้มนิดๆ ให้พอได้ยินข้างนอก โดยมีโป้ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเป็นฉากหลัง พี่เฟย์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน
“เอ้า... ว่ามา มีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่ ถ้ากลัวโป้ท้องไม่ต้องห่วง พี่พิสูจน์มาแล้ว ไม่เห็นลูกแมวจะท้องสักที”
โครม!
ไม่ต้องหาต้นตอของเสียง มันมาจากผมนี่แหละ! ร่วงจากเก้าอี้นั่งเอ๋อบนพื้น ปากบ่นอุบอิบใส่คนพูด วันนี้พี่ชายผมเมาอากาศรึไง คำพูดแต่ละอย่าง อยากลงไปดิ้นตาย แหน่ะ! ยังจะมาหัวเราะอีก แสดงว่ารู้เรื่องผมแอบฟังแน่ ส่วนซัน ปล่อยมันไป ตอนนี้สมองมันคงยุ่งเหยิงเพราะดันมีอะไรกับโป้ไปแล้วทั้งที่เป็นชายแท้
โป้ดูจะฟังไม่จุใจพอ ลากแขนผมไปนั่งจ๋องอยู่ตรงประตู เอิ่ม คือโป้ใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ ที่ดูจะเป็นของซันแค่ท่อนบน ส่วนท่านล่าง ขอไม่กล่าวถึง ผมรีบถอนสายตาออกเพ่งสมาธิแอบฟังแทน ไม่อยากโดนซันคิดบัญชีที่หลัง
ยังนับว่าซันมีกะใจรับแขกบ้าง หรือเป็นค่าปรึกษาก็ไม่รู้ ถึงได้รินน้ำให้พี่เฟย์ ผมอยากออกไปขอสักแก้วนะ ติดที่ไม่อยากไปทำลายบรรยากาศจริงจัง ยอมกลืนน้ำลายรอฟังอยู่ในห้องต่อไปดีกว่า
“ผมไม่เข้าใจเรื่องอะไรนิดหน่อย” ผมยู่ปากก่อนเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว ไอ้ท่านั่งราวกับนายแบบดื่มน้ำนั่นมันอะไร ทำท่าทรงภูมิจนน่าหมั่นไส้เลยพี่เรา
“อ่าฮะ ว่ามา”
เอาล่ะครับ จากนี้จะเป็นรายการถามตอบของชายสองคน เมะรุ่นเก๋ากับเมะมือใหม่
”เฮียรู้แล้วใช่มั้ยว่าผมกับโป้...”
“อืม รู้แล้ว” ตอบทันที ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว! หลักฐานคาตา!!
“ผมเป็นผู้ชาย ที่ผ่านมาเคยแต่ผู้หญิง ไม่เคยยุ่งกับผู้ชายมาก่อน” ตัวเองเป็นเกย์แล้วจะสงสัยอะไรมาก ทางพี่เฟย์ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยอย่างกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ”
ซันนิ่งไปสักแปบ สงสัยคำถามต่อจากนี้จะหนักหนา
“เฮียจะชกผมก็ได้ แต่ผมขอถามหน่อย เฮียกับผู้ชายคนแรกเป็นยังไงครับ”
หนักจริงด้วย! นี่มันเรื่องส่วนตัวชัดๆ อารมณ์รื่นเริงจนถึงเมื่อครู่ของผมกลายเป็นความอึ้ง ตามองพี่เฟย์เกือบสำลักน้ำหลุดมาด มือจับกำแพงแน่นด้วยความลุ้น ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยรู้เรื่องอดีตคนรักของพี่เฟย์เท่าไหร่ อย่างมากเจ้าตัวแค่บอกว่าเคยคบกับผู้หญิงมาก่อนเท่านั้นเอง ส่วนผู้ชายไม่เคยได้ยินมาก่อน
ร่างสูงกระแอมไอเรียกมาด ใบหน้าหล่อดูดีแบบผู้ใหญ่ยิ้มละมุนละไมทำให้ผมใจกระตุกวูบ ใครที่ทำให้พี่ชายมีสีหน้าแบบนี้ได้... ไม่ต้องรอคำตอบนาน เมื่อพี่เฟย์เริ่มตอบคำถามซัน
“พูดไปอาจจะไม่เชื่อ แต่ผู้ชายคนแรกของพี่คือปอนด์...” ผมอึ้ง คนที่ดูเจนขนาดนั้น กลับมีผมเป็นแฟนผู้ชายคนแรก!?
“ยอมรับว่าตอนแรกพี่เองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะหลงชอบเด็กตัวเล็กๆ อายุพอกับน้องชายตัวเองได้ยังไง จนเพื่อนเตือนสตินั้นแหละถึงเข้าใจว่าพี่ชอบปอนด์แล้วจริงๆ”
“แล้วหลังจากนั้น เฮียตัดสินใจยังไงถึงคบกับปอนด์” ซันถามต่อ ชัดเจนว่าเจ้าตัวอึ้งเหมือนกัน พี่เฟย์ยักไหล่ ดวงตาคมหันมาสบตาผมด้วยรอยยิ้มบาง ทำไมวันนี้พี่ชายขยันทำผมเขินบ่อยจัง
“พอมั่นใจว่าชอบ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว แค่ทำตามความรู้สึกของตัวเองก็พอ เราล่ะคิดยังไง” ผู้ให้คำปรึกษาถามซันที่นิ่งไป
“ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าชอบโป้รึเปล่า แต่ผมไม่เคยห่วงเพื่อนคนไหนเท่าโป้มาก่อน ตอนกอดไม่มีความคิดว่าขยะแขยงหรือรังเกียจสักนิด ออกจะถูกใจด้วยซ้ำ เลยเผลอ เอ่อ... หน้ามืดไปหน่อย ผมคงเป็นเกย์แล้วสินะ”
อยากบอกว่าสีหน้าเวลาพูดถึงโป้ของมันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มองคนข้างตัว โป้ฟังอย่างสงบ ตั้งแต่ผมมาเจ้าตัวยังไม่พูดอะไรสักคำ คงเพราะป่วยและกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองไม่ต่างจากซัน
“เป็นเกย์หรือไม่เป็น มันไม่สำคัญ บอกแล้วว่าของแบบนี้อยู่ที่ความรู้สึก พี่เข้าใจว่าเรากำลังสับสน ค่อยๆ คิดไป” พี่เฟย์ให้กำลังใจ ประโยคนี้คล้ายแทงใจดำผมไปด้วย
การให้คำปรึกษาเหมือนจะดี ถ้าไม่ติดประโยคถัดมา
“จากที่ดู พี่ว่าโป้น่าจะเสน่ห์แรง ผู้ชายทำงานบ้านงานเรือนเก่งช่างดูแล รูปร่างหน้าตาดีแบบนี้ต่อให้เป็นชายแท้ยังหวั่นไหว เรื่องนี้พี่ว่าซันน่าจะรู้ดีที่สุด เพราะงั้นอย่ามัวแต่คิดเพลินจนโดนคนอื่นคาบตัดหน้านะ ไปปอนด์กลับบ้าน”
พูดจบเจ้าตัวชิ่ง ลุกจากโซฟา เปิดประตูห้องที่ผมกับโป้อยู่ แล้วดึงผมออกทิ้งให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน ก่อนที่ประตูห้องจะปิดสนิท ผมเห็นซันนั่งนิ่งบนโซฟา ส่วนโป้นั่งมองซันจากในห้องนอน หวังว่าคู่นี้จะไม่มีปัญหานะ
“ไหงรีบออกมาอะ ไม่อยู่ต่ออีกหน่อย ผมยังไม่ได้คุยกับโป้เลย” ผมถามระหว่างที่พวกเรากำลังอยู่ในลิฟท์
“คุยกับโป้เมื่อไหร่ก็ได้ ปล่อยให้สองคนนั้นเขาเคลียร์กันไปดีกว่า พี่คิดว่า อีกไม่นานเราคงได้ยินข่าวดี”
ขอให้มันเป็นข่าวดีจริงเหอะ ไม่ใช่ว่าวันพรุ่งนี้มีข่าวหนุ่มสถาปัตย์กระทืบหนุ่มวิศวะดับคาห้องเพราะเหตุลวนลามหรอกนะ คิดแล้วสยอง
“ก่อนกลับซื้อขนมไอติมมั้ย เรายังไม่ได้ไปกินกันเลยนี่”
ชวนมาเรื่องของกินมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ
“โอเค งั้นแวะซื้อไอติมที่เซเว่นก่อนขึ้นห้องแล้วกัน ส่วนขนม ผมรื้อในตู้ที่พี่ทำให้กินอร่อยกว่า”
“เฮ้อ กินไปตั้งเยอะไม่รู้เก็บไว้ที่ไหน พุงเล็กๆ เนี่ย” คนทำขนมแซวเอามือมาจิ้มพุงผมเล่น ผมคว้ามือนั้นมากัด พี่เฟย์เลิกคิ้วมองแนวว่านี่กัดแล้วเหรอ จัดการงับซ้ำอีกสักที รอบนี้ร่างสูงสะดุ้ง
แหย่กันไปแหย่กันมาจนนั่งรถกลับมาถึงห้อง ผมเอาไอติมที่ซื้อจากเซเว่นแถวคอนโดไปแช่ช่องฟรีช เสียงโทรศัพท์เข้า พี่ชายแยกไปคุยตรงระเบียง ขาออกไปก็ดีหรอกยังมีรอยยิ้ม พอกลับมานี่สิ คิ้วเข้มขมวดเป็นปม หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงนะ
------------------------------------------------------------------------------------------