[ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::  (อ่าน 66870 ครั้ง)

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
หย่งคังก็ไปห้ามเขาเนาะ -*-
คนเขากำลังจะมีคู่ วู้! ขัดใจ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ปมรักเรือนดอกท้อ....ใจจะหนักแน่นต้านลมแรงนี้ได้ไหมนะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เพิ่งมาติดตาม ชอบเรื่องนี้มากเลย :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
รอออ สนุกมากเลย ชอบบบ

ออฟไลน์ NuTonKaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 532
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ซื่อหลางนอนพักเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ :hao7:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage

ดอกท้อที่ ๑๘ (ครึ่งแรก)







ซื่อหลางตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงกุกกักๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก

“ใครน่ะ?”

เสียงที่ว่าเบาลงทันทีที่เขาเอ่ยถาม “ข้าถามว่าใคร?”

 “…ข้าเอง” ปรากฏร่างสูงใหญ่ของน้องชายต่างสายเลือดกำลังสืบเท้าเข้ามาใกล้ แต่เพราะความมืดจึงทำให้หลี่ซื่อหลางมองเห็นใบหน้าหย่งคังไม่ชัดสักเท่าไหร่

“เอ่อ...นี่ดึกมากแล้วนะ คุณชาย”

“อืม” เสียงของหย่งคังแผ่วเบา รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ กับสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขา

“เอ่อ ข้าหมายถึง...ท่านนอนไม่หลับหรือ” คนตัวเล็กกว่าพูดทั้งที่ก้มหน้าไม่สบตา

ร่างสูงคิดอยู่นานว่าควรพูดอะไรออกไปดี “...ข้าขอนอนด้วยได้หรือไม่?”  แต่แล้วเขาก็พบว่าตัวเองพูดอะไรน่าขันออกไปจนได้

“หะ?”

หลี่ซื่อหลางรู้สึกเหมือนโดนของแข็งทุบหัว หลังจากที่เขาจำได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง คิดว่ายังกล้าปล่อยตัวเองอยู่ใกล้หย่งคังอีก? ไม่มีทาง หลี่ซื่อหลางรู้สึกผิดเกินกว่าจะสามารถสบตาอีกฝ่ายตรงๆ ด้วยซ้ำ

“คุณชาย ข้าคิดว่าคงไม่เหมาะ”

“ทำไมล่ะ” อีกฝ่ายถามทันที “หรือเพราะเจ้าเกลียดข้า?”

“ไม่ใช่นะ!” หลี่ซื่อหลางโพล่งออกไปไม่ทันได้ไตร่ตรอง หากปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือสิ่งที่อยู่ในจิตสำนึกเขาจริงๆ “ข้า...เอ่อ...ข้าไม่...”

แล้วหลี่ซื่อหลางก็เงียบไปเลย


เฮ้อ...


หย่งคังถอนหายใจเมื่อเห็นคนบนเตียงก้มหน้านิ่งราวกับทำความผิดฐานฆ่าคนตายมาก็ไม่ปาน ตอนแรกเขาไม่ตั้งใจจะทำให้ร่างโปร่งตื่นด้วยซ้ำ แต่เพราะทนความคิดถึงไม่ไหวถึงได้แอบเข้ามา

“ช่างเถิด ลืมเรื่องที่ข้าขอไปก็แล้วกัน”

“…”

หลี่ซื่อหลางยังคงเงียบตอบ เห็นทีว่าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป ความสัมพันธ์ของเขาและพี่ใหญ่ต้องตกต่ำดำเหวกว่านี้แน่ๆ

“ซื่อหลาง หากท่านยังไม่ง่วง ข้ามีอะไรอยากคุยกับท่าน”

อีกฝ่ายยังเงียบอยู่ ไม่ตอบแสดงว่าตกลง หย่งคังคิดเองเออเองในใจ “ท่านจำเรื่องเมื่อคืนได้หรือยัง”
ปฏิกิริยาเกร็งตัวของหลี่ซื่อหลางบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี แม้ฝ่ายนั้นจะพยายามเก็บอาการสั่นอยู่ หากไม่มีทางเล็ดรอดจากสายตาหย่งคังได้ ยิ่งเป็นหลี่ซื่อหลางด้วยแล้ว ไม่มีการกระทำใดที่เขาปล่อยให้คลาดสายตา

“ซื่อหลาง หากท่านไม่พูด อย่าหาว่าข้าโหดร้ายนะ”

แค่หย่งคังทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนบนเตียงก็แทบจะขยับหนีในทันที หากมือแกร่งก็รวบเอวบางไว้ได้ทัน

…ผอมลงมากทีเดียว...

ตอนที่มีอะไรกัน หย่งคังสำลักความสุขจนไม่ทันสังเกตว่าพี่ใหญ่ของเขาตัวเล็กแค่ไหน  ทั้งๆ ที่ตอนเจอกันครั้งแรก เขายังสูงได้แค่สะโพกของอีกฝ่ายเท่านั้นเอง

“อย่าคิดหนีข้า ซื่อหลาง”

“ปล่อยเถิด...” เสียงสั่นราวจะร้องไห้ “เรื่องที่เกิดขึ้นข้าสัญญาจะลืมให้หมด”

“อะไรนะ?”

เหมือนว่าหย่งคังจะได้ยินเสียงระเบิดในหัวของเขา

“ข้าสำนึกผิดแล้ว คุณชาย เมื่อหายไข้ข้าจะรีบไปให้พ้นหน้าท่าน”

“นี่ท่านคิดจะไปจากข้า?” มือแกร่งกระชับเอวบางแน่นขึ้น ร่างโปร่งเบ้หน้าด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น คิดว่าอีกฝ่ายต้องไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนมากเป็นแน่ ตอนนี้ถึงได้ทำหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน

“คุณชาย ข้ารู้ตัวว่าทำเรื่องที่ไม่สมควร...”

“เรื่องแบบไหนที่ว่าไม่สมควร” หย่งคังชิงพูดแทรก น้ำเสียงกดดันทำเอาอีกฝ่ายหายใจลำบาก

“ก็เรื่อง...”

“เรื่อง?”  หย่งคังคาดคั้น “พูดออกมาสิ”

หลี่ซื่อหลางเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย ความกลัวแสดงออกมาผ่านสายตา .... จิตใจจะให้เขาพูดออกมาจริงๆ หรือน่ะ?

“ซื่อหลาง พูดมันออกมา”

ร่างโปร่งส่ายหน้าเบาๆ “ข้าไม่อยากพูด...” ทำได้เพียงก้มหน้าหลับตาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น หากหย่งคังกลับกระชากหลี่ซื่อหลางทั้งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนเพียงชั่วเวลาเดียว

“งั้นก็ฟังสิ่งที่อยู่ใต้อกของข้าแล้วบอกว่าท่านได้ยินอะไร”

“ดะ...เดี๋ยวก่อน...” ซื่อหลางทำท่าจะยันตัวออก

“ฟังสิ”



...ตึก ตึก ตึก

ตึก ตึก ตึก...





ก้อนเนื้อที่เต้นแรงจนน่าใจหาย คล้ายเสียงหัวใจที่หลี่ซื่อหลางไม่มั่นใจว่าเป็นของตัวเขาเอง หรือมาจากคนที่กอดเขาจมเข้าไปในอ้อมกอดกันแน่

“บอกสิ่งที่ท่านได้ยินสิ ซื่อหลาง”

“คุณชาย...?”

“ไม่ใช่” ร่างสูงตัดบท “ตอนนี้ข้าเป็นแค่หย่งคังของท่าน”

“...หย่งคัง...” ของเขา...

จู่ๆ หลี่ซื่อหลางก็รู้สึกสงบลงในปราการแข็งแกร่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ กำแพงที่ก่อตั้งตัวสูงเหมือนจะสั่นครอนมากขึ้นทีละนิด...ทีละนิด...

หย่งคังแนบแก้มกับศีรษะของอีกฝ่าย “บอกหน่อยเถิดว่าท่านรู้สึกเช่นไร”

“ข้า...ได้ยินเสียงหัวใจ”

“ใช่ เสียงหัวใจ” หย่งคังเอ่ยย้ำ “หัวใจที่เต้นแรงทุกครั้งที่ข้าเข้าใกล้ท่าน แม้จะผ่านมาเป็นสิบปี หัวใจข้าก็เต้นไปตามท่าน มันดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าท่าน บีบคั้นทรมานทุกครั้งที่ต้องเพิกเฉยความรู้สึกที่มีต่อท่าน”


ทำไม?


หลี่ซื่อหลางไม่เข้าใจ...แต่น้ำตาก็ไหลออกมา...


“ซื่อหลาง... ที่ผ่านมาข้าโหดร้ายกับท่านมากใช่หรือไม่... ท่านคงคิดว่าข้าเป็นคนที่ลืมเรื่องราวดีๆ ทิ้งท่านให้แบกรับความรู้สึกไม่ดีไว้เช่นนั้นตามลำพัง”

อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้น และน้ำตาหลี่ซื่อหลางก็ยังไหลโดยไร้แรงสะอื้น ราวกับหมดแรงที่จะร้อง...หลายปีที่ผ่านมา น้ำตาทั้งชีวิตเขาควรหมดไปแล้ว แต่ทำไม...ทำไมยังมีให้ไหลอยู่อีก?

“แต่ข้ามีหัวใจที่เต้นเพื่อคนๆ เดียวเท่านั้น ซื่อหลาง” หย่งคังจูบซับหน้าผากมน “คนๆ นั้นก็คือท่าน”





นี่เขากำลังฝัน?

หลี่ซื่อหลางรู้สึกอบอุ่นและล่องลอยไปกับคำพูดเหล่านั้น

...แต่ไม่นานเขาจะพบว่าตัวเองกำลังร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว...

ไม่มีเหตุผลให้ฝันลมๆ แล้งๆ อีกแล้ว





คนในอ้อมแขนพยายามยันตัวออก หากไม่เป็นผล

หลี่ซื่อหลางรู้จักความผิดชอบชั่วดียิ่งกว่าใคร เขาไม่ได้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าตอนนี้หย่งคังคิดจะบอกอะไรเขา...ที่แย่กว่า หลี่ซื่อหลางกลับไม่รู้สึกรังเกียจความรู้สึกและสัมผัสของหย่งคังเลยแม้แต่นิด

เขารู้สึกมีความสุข

ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ที่เขารักหย่งคังได้มากขนาดนี้


...แต่เพราะมันผิด...



หลี่ซื่อหลางออกแรงดิ้น “ปล่อยข้า คุณชาย”

“ข้าไม่ปล่อย” หย่งคังทำอย่างที่พูด เขามาไกลเกินกว่าจะถอยกลับ “ข้ามีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น หากท่านอยากฟังข้ายินดีจะอธิบายทุกอย่าง”

“ท่านไม่ต้องทำแบบนั้น”

หย่งคังเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ซื่อหลาง บอกสิว่าข้าทำต้องทำอย่างไร”

“ข้าไม่ได้โกรธเคืองอะไรท่าน” หลี่ซื่อหลางส่ายหน้า “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด” หลี่ซื่อหลางสูดลมหายใจลึก เขาเองก็มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับเช่นกัน 

“แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า...”

เพราะคนที่จะได้เคียงข้างหย่งคัง คงไม่ใช่เขา

“...เช่นนั้นท่านควรปล่อยข้าไป” แม้เอ่ยเพียงแผ่วเบา แต่กลับสะท้อนก้องในหูคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ท่านพูดอะไรออกมา?” สีหน้าหย่งคังแสดงความเจ็บปวดสุดซึ้ง “ท่านไม่รู้หรอกว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ข้าพยายามแค่ไหน!”
ใช่ หลี่ซื่อหลางไม่มีทางรู้ว่ากว่าจะได้อยู่ด้วยกัน เขาต้องอดทนรอนานเท่าไหร่!

“คุณชาย เพราะท่านมาอยู่จุดนี้ได้ย่อมรู้ว่าอะไรถูกหรือผิดไม่ใช่หรือ” หลี่ซื่อหลางทำได้เพียงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”

หย่งคังจับไหล่มนให้หันมาประจันหน้ากัน “ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้?!”

“...ข้าเป็นผู้ชาย”

“ข้าไม่สน!” เสียที่เปล่งออกมาคล้ายตะคอก “ต่อให้ท่านจะเป็นอะไร ข้าก็รักไปแล้ว...”
สีหน้าหม่นแสงของหย่งคังสั่นคลอนหัวใจหลี่ซื่อหลางอย่างช่วยไม่ได้ แต่หากความรักครั้งนี้มันเจ็บปวดนัก ร่างโปร่งก็ไม่รู้จะไป
หาความกล้าเพื่อก้าวเดินต่อทั้งๆ ที่รู้สึกราวกับมีบางอย่างแตกหักอยู่ภายในอกได้อย่างไร

“ซื่อหลาง ได้โปรดอย่าทำลายหัวใจของข้าเลย”

“...เช่นนั้นก็อย่าเอามันมาไว้ที่ข้า”

หย่งคังชะงัก “อะไรนะ?”

ร่างสูงคิดไปว่าตัวเองหูฝาด หากอีกฝ่ายกลับไม่ปล่อยให้เขาคิดเช่นนั้นได้นาน

“คุณชาย..อย่ามารักคนแบบข้าเลย”

“...ท่านจะขออะไรก็ได้ ซื่อหลาง” หย่งคังจ้องลึกเข้าไปในแววตากลมใส “แต่อย่าขอให้ข้าไม่รักท่าน”
หลี่ซื่อหลางอยากหัวเราะ แต่เขากลับหาเสียงหัวเราะตัวเองไม่เจออีกแล้ว

“มันคงไม่ยากเกินความสามารถท่านหรอก”

“ทำไมถึงเข้าใจยากนัก!” คราวนี้หย่งคังกดหลี่ซื่อหลางลงกับเตียง จ้องตาไม่กระพริบราวกับจะสื่อความรู้สึกไปให้ถึง “ข้ารักท่าน! ต่อให้ท่านบอกให้เลิก ข้าก็ยังรัก”

หลี่ซื่อหลางเงียบไปสักพัก

“...เช่นนั้นก่อนหน้านี้ท่านไปอยู่ที่ไหนมา”

“ข้าแค่คิด...” หย่งคังเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สรรหาประโยคถ่ายทอดความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมา “ข้าแค่คิดว่ามันคงจะดีต่อเราทั้งสองคน ซื่อหลาง ตอนนั้นข้าไม่มีทางเลือก”

“ก็เลยจากไปโดยไม่บอกอะไรเลยงั้นหรือ”

พูดแล้วความรู้สึกเจ็บตอนนั้นก็หวนกลับมาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน “ท่านไม่ใช่คนเดียวที่เสียใจหรอก คุณชาย”

“ข้ายอมรับว่าผิดที่ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของท่าน”

“เช่นนั้นท่านน่าจะนึกถึงใจข้าให้เร็วกว่านี้...”

“ข้าขอโทษ” หย่งคังก้มลงจูบซับน้ำตาให้หลี่ซื่อหลาง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด “ข้าขอโทษ...”

แค่ได้ยินคำขอโทษ หลี่ซื่อหลางก็อ่อนแรงลง รู้สึกมีความสุข แต่ก็เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกกลัว...กลัวใจตัวเองจะยอมจมอยู่ในความฝันหวานที่แสนเจ็บปวดนี้ต่อไปเรื่อยๆ

“ซื่อหลาง ข้ารักท่าน...”


.


.


.


“…อืม”


หลี่ซื่อหลางพบว่าตนไม่มีแรงต่อต้านอีกต่อไป










-------------------------------------------------------------











กลางดึกที่เงียบสงัด บรรยากาศภายในห้องนอนกลับเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ

ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลี่ซื่อหลางเมาไม่ได้สติ หากครั้งนี้ประสาทการรับรู้ของเขาครบถ้วนทุกประการ

“ข้ารักท่าน...”

ร่างสูงกระซิบข้างหูคนตัวเล็กกว่า จูบซับหน้าปาก เปลือกตา ปลายจมูก และริมฝีปาก...ทุกอย่างดำเนินไปตามการชักนำของคนด้านบน หลี่ซื่อหลางพบว่าหย่งคังอ่อนโยนกับเขากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

จนบางทีเขาก็คิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่เป็นแน่

“ท่านเป็นของข้านะ” เหมือนหย่งคังจะหลุดพูดอะไรที่ตัวเองคิดออกมา ขณะไล่จูบไปทั่วร่างของหลี่ซื่อหลางราวกับต้องการเป็นเจ้าของทุกพื้นที่บนตัวอีกฝ่าย

ใบหน้า ลาดไหล่ ลำตัว ต้นขา ปลายเท้า...ทุกอย่างของหลี่ซื่อหลางเป็นของเขา

“เลิกจูบได้แล้ว”

หลี่ซื่อหลางดึงหย่งคังที่วนจูบอยู่แถวขาอ่อนนานกว่าปกติขึ้นมา “ข้าง่วงแล้ว...”

“จะนอนแล้วหรือ”

หย่งคังหันมาจูบแก้มอีกฝ่าย ไล่ไปที่ปลายจมูกและจบลงที่ริมฝีปาก เนิ่นนานจนฝ่ายไร้ประสบการณ์เหมือนจะขาดใจตาย หย่งคังถึงได้ยอมผละออกอย่างเสียดาย

“หายโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่”

หลี่ซื่อหลางเสหน้าไปทางอื่น “ข้าไม่ได้โกรธท่านแต่แรก”

“หากโกหกต้องโดนทำโทษ” หย่งคังกดแขนสองข้างของอีกฝ่ายไว้กับเตียง ก้มลงจูบต้นคอ ดูดเม้มสร้างรอยสีกลีบกุหลาบแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะแอบงับทิ้งรอยฟันไว้หนึ่งที

“โอ้ย ข้าเจ็บ”

หลี่ซื่อหลางร้องประท้วง แต่แล้วก็โดนปิดด้วยริมฝีปากร้อน กว่าจะถูกปล่อยให้อิสระก็เกือบขาดใจตายรอบสอง

“ข้าไม่อนุญาตให้ท่านมองใคร ห้ามส่งยิ้มทำดีกับใคร ห้ามอยู่ใกล้ใครเกินห้าวา” หย่งคังเริ่มปลดเสื้อผ้าเขาออกทีละชิ้น พร้อมๆ กับเสื้อผ้าตัวเองไปด้วย “ห้ามหนีไปจากข้าด้วย เช่นนั้นข้าคงทนไม่ไหวเป็นแน่”

“ก็เห็นทนได้มาตั้งหลายปี...” หลี่ซื่อหลางพึมพำขณะพยายามเอามือปลาหมึกออกจากสะโพกตัวเอง

“ท่านว่าอะไรนะ?”

“เปล่าขอรับ คุณชาย” 

แต่มีหรือจะรอดพ้นหูของหย่งคังไปได้ ร่างสูงก้มลงจูบอีกฝ่าย ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปเกี่ยวตวัดอย่างชำนาญ ทำเอาร่างโปร่งสติหลุดลอยไปชั่วขณะ

“พ...พอแล้ว”

หลี่ซื่อหลางเค้นแรงสุดท้ายยันตัวอีกฝ่ายออก หากใบหน้าแดงซ่านของเจ้าตัวกลับเหมือนเป็นสัญญาณให้หย่งคังทำต่อมากกว่า

“ซื่อหลาง ท่านยั่วข้า”

“ข้าไม่ได้ทำเสียหน่อย...” หลี่ซื่อหลางพยายามหายใจให้ทั่วท้อง ปัดมือที่วนเวียนอยู่แถวกางเกงปราการสุดท้ายของตัวเอง
“แล้วก็เลิกถอดเสื้อผ้าข้าได้แล้ว”

“ท่านอยากทำทั้งที่ใส่เสื้อผ้างั้นหรือ”

ใบหน้าขาวซับสีเลือดอีกครั้ง “คุณชาย ข้าไม่พร้อม”

“ถ้าเรียกคุณชายอีกครั้ง พรุ่งนี้ท่านจะไม่มีแรงลุกจากเตียงแน่ๆ” หย่งคังพูดขู่ขณะก้มลงกัดลาดไหล่ขาวเบาๆ ก่อนจะเลียซ้ำ

“เรียกชื่อที่ท่านตั้งให้ข้าสิ”

หลี่ซื่อหลางรู้สึกเหมือนหน้าจะระเบิด แต่ยิ่งเขาเงียบนานเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ทำท่าจะกัดไหล่เขาอีกข้าง

“ห...หย่งคัง”

“หืม? ไม่ได้ยินเลย” พอเผลอหน่อย มือร้อนก็เกี่ยวกางเกงตัวสุดท้ายของเขาออกอย่างชำนาญ ผิวขาวปะทะอากาศภายนอกจน
ขึ้นสีแดงระเรื่อน่ามอง

“หย่ง...คัง...”

ร่างสูงระบายยิ้มบาง “ข้ารักท่าน ซื่อหลาง”

หย่งคังก้มลงกระซิบข้างหู ชักนำให้หลี่ซื่อหลางเป็นไปตามเกมรักของเขา กระทั่งสติใกล้เลือนลางเต็มที หลี่ซื่อหลางพยายามหนีบขาเข้าหากัน แต่หย่งคังกลับแทรกตัวเข้ามาก่อน ดำเนินบทรักอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป

“หย่...หย่งคัง...” แขนเรียวโอบรอบลำคอคนด้านบนให้โน้มตัวลงมา “ข้ารั...” เสียงแผ่วเบาหายเข้าไปในลำคอ หลี่ซื่อหลางหมดแรงข้าวต้มก่อนที่จะพูดจบไปเสียอย่างนั้น

หย่งคังได้แต่จูบหน้าผากชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย


“ข้าเองก็รักท่านเช่นกัน”









-------------------------------------------------------------













To be continued...








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 10:53:33 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้ม
รออยู่เลยยย

----------

เขาบอกรักกันแล้ววว >///<
ซื่อหลางอย่าไปพูดอย่างนั้นนน
รอตอนต่อไปน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2015 10:05:25 โดย boboman »

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
มาต่อแล้วๆ :hao7:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
  :impress:

โอย.....ใครจะไปต้านทานไหว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
บอกรักกันแล้ว หวานมาก :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kirara147

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai2-1:บอกรักกันแล้วววว //จุดพลุ รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage

แจ้งข่าว

ก่อนอื่นต้องขอโทษนักอ่านทุกๆ ท่านที่เราหายกันไปเป็นเดือน
พอดีว่าช่วงนี้เราติดไฟนอลของมหาลัย ทำให้ไม่มีเวลาเลยค่ะ
บวกกับงานของคณะที่ล้นมือมากๆ เวลานอนก็หายากแล้ว (ฮือ....)
จึงขอเลื่อนการลงนิยายไปก่อน แต่จะกลับมาช่วยปลายเดือนพฤศจิกายนนี้แน่นอนนะคะ
ต้องขอโทษนักอ่านที่ติดตามกันอยู่ด้วยจริงๆ นะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาา 





ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
รับทราบจ้า

ขอให้ทำข้อสอบได้
ได้ผลสอบดีๆ นะ

สู้ๆ!

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
สู้ๆ นะคะ ><
ขอให้ได้เกรดเอเลย

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage


ดอกท้อที่ ๑๘(ครึ่งหลัง)





หลี่ซื่อหลางพบว่าแสงอาทิตย์ยามเช้ามีพลังอานุภาพทำลายล้างอย่างเหลือเชื่อ

ร่างโปร่งขดตัวนอนในผ้าห่มหนา แผ่นหลังชนกับกำแพงอบอุ่นที่ขยับขึ้นลงช้าๆ เหมือนจังหวะหายใจของใครบางคน น่าแปลก...เขารู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด

“อืม...”

เสียงครางสะลึมสะลือจากด้านหลังทำเอาหลี่ซื่อหลางแข็งเป็นหิน เหลือบตาขึ้นช้าๆ ไล่มองอีกคนตั้งแต่สันกรามสวย ริมฝีปากได้รูป จมูกคมสัน กระทั่งดวงตาที่ปิดสนิทของคนหลับไม่รู้เรื่อง

เจ้าตัวนิ่งไปพักใหญ่ สมองประมวลผลจากภาพความทรงจำมื่อคืน ทุกอย่างไหลเข้ามารวดเร็วราวกับความฝัน แก้มซีดๆ ขึ้นสีแดงปรั่งขึ้นมาทันใด

“...คิดอะไรอยู่หืม” จู่ๆ เสียงทุ้มแหบน้อยๆ ก็กระซิบข้างหู คนไม่ทันตั้งตัวรู้สึกจั้กจี้จนต้องหดคอหนี

“อ..อ่ะ คุณชายเล็ก”

“ซื่อหลาง...” หย่งคังโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากมน “ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง”

คนถามพูดราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่คนได้ยินถึงกับอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ข...ข้าไม่เป็นไร”

ร่างแกร่งกระชับแขนที่พาดเอวบางไว้ให้แนบตัวมากขึ้น “จริงหรือ อย่างนั้นอีกรอบก็ไหว?”

“หา! ข้าไม่...ข้าคิดว่า...” ได้แต่อ้าปากอยากพูดแต่กลับไร้เสียงตอบโต้ ปฏิกริยาตอบสนองน่ารักทำเอาหย่งคังที่กะแกล้งเล่นกลับ
รู้สึกอยากจริงจังในคำพูดตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น

แบบนี้จะไม่ให้เขาหลงยังไงไหว?

“ข้าพูดเล่น” ปากว่าอย่างนั้น แต่มือที่เลื้อยไปตามหน้าท้องซื่อหลางมันตรงกันข้าม อีกคนทำได้เพียงขยับตัวปฏิเสธเล็กน้อย

“คุณชายเล็ก เดี๋ยวคนอื่นเห็นเข้า...”

“เรียกข้าแบบนั้นอีกที ท่านจะไม่ได้ลุกจากเตียงนะ” น้ำเสียงติดทีเล่นทีจริงทำเอาคนฟังเสียวสันหลัง “หย่งคัง เป็นชื่อของข้า” หย่งคังกดจมูกลงบนแก้มใส มือปลาหมึกก็กอดไม่ปล่อย ทำเอาหลี่ซื่อหลางหน้าร้อน ร้อนไปทั้งตัว ร้อนจนแทบระเบิด

“พอเถอะ คุณชะ...หย่งคัง”

หย่งคังยิ้มอ่อน “ข้ารักท่าน คิดถึงท่านเหลือเกิน”

“…ข้ารู้”

“ท่านล่ะ รู้สึกเช่นไร” คนตัวสูงชะโงกหน้ามาถาม โอบเอวบางเข้าหาตัวแน่น “เมื่อคืนท่านหมดแรงข้าวต้มไปก่อน ข้าว่าข้าพลาด
อะไรบางอย่าง สิ่งที่ท่านกำลังจะบอกข้า จำได้หรือไม่”

หลี่ซื่อหลางแสดงสีหน้าฉงนเพียงชั่วครู่ ก่อนเจ้าตัวจะนึกถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนทั้งโลกจะมืดสนิท



“หย่...หย่งคัง...”

แขนเรียวโอบรอบลำคอคนด้านบนให้โน้มตัวลงมา “ข้ารั...”




หลังจากนั้นเขาจำไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไรต่อ

หย่งคังมองดูคนตัวเล็กกว่าแสดงสีหน้าเดี๋ยวเขินอาย เดี๋ยวกังวล เดี๋ยวกลับมาอมยิ้มไปมาจนหลุดหัวเราะ

“หัวเราะอะไรกัน?”

หลี่ซื่อหลางขมวดคิ้ว เขาทำอะไรน่าขันงั้นหรือ?

“ข้าแค่เอ็นดูคนแถวนี้ ทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว” หยงคังอมยิ้ม

ไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงหลี่ซื่อหลาง ร่างโปร่งพยายามหลบริมฝีปากที่พูดไปก็พรมจูบเขาไปด้วย เขาทำได้แต่ใช้มือดันหน้าอีกฝ่ายออกแผ่วเบา แต่ก็โดนฉกมือไปจูบอีก ตัวเขาคงเต็มไปด้วยรอยจูบของคนๆ นี้ไปเสียแล้ว

“หยุดจูบข้าเสียที”

“ก็ข้ารักท่าน”

หลี่ซื่อหลางหน้าแดง “พอแล้วน่า”

รู้หรอกว่ารัก แต่พูดบ่อยๆ เขาก็รู้สึกกระดากอายเหมือนกันนะ จู่ๆ ผู้ชายสองคนก็มานอนกอดกัน บอกรักกันราวกับวัยแรกรุ่น
...ทั้งๆ ที่เขาอายุมากขนาดนี้แท้ๆ ในขณะที่อีกฝ่ายยังหนุ่มยังแน่น อนาคตอีกไกล

นั่นสินะ ดีแล้วหรือที่มาจมปลักอยู่กับคนแก่ๆ อย่างเขา

...แต่คิดว่าต้องเห็นหย่งคังไปกอดใคร เขาก็เจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว

เขามันช่างเห็นแก่ตัว

“หย่งคัง...” หลี่ซื่อหลางหยุดสงครามดันหน้าคนตัวสูงชั่วขณะ เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทำตามใจชอบ

“เจ้าอายุก็เท่านี้แล้ว คิดจะแต่งงานหรือไม่”

“หืม?” หยงคังเลิกคิ้ว “ท่านอยากจัดงานแต่งหรือ”

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” หลี่ซื่อหลางส่ายหนาพัลวัล คนตัวสูงจึงได้แต่ถามต่อ

“แล้วหมายความอย่างไร”

“คือ...ข้ารู้ว่ามันไม่ยุติธรรม ถ้าข้าจะเก็บเจ้าไว้แบบนี้ หากวันหนึ่งเจ้าต้องไปแต่งงาน...”

“หลี่ซื่อหลาง!”

เสียงทุ้มกระชากเสียงดังจนคนพูดชะงัก “เหตุใดจึงพูดเช่นนี้?!”

หยงคังมีสีหน้าเจ็บปวด กระชากตัวหลี่ซื่อหลางเข้ามาอยู่ใต้ร่าง โน้มตัวลงต่ำราวกับจะกลืนกินหลี่ซื่อหลางทั้งตัว “หรืออยากให้ข้าย้ำเตือนว่าท่านเป็นของข้า และข้าเป็นของท่าน” มือหนาลากไล่ไปถึงสะโพกมน บีบเบาๆ จนอีกฝ่ายสะดุ้ง

“อ...อย่า ข้ายัง...เจ็บอยู่”

หย่งคังคลายมือเล็กน้อย แต่มือก็ยังวนเวียนอยู่แถวสะโพก “เช่นนั้นอย่าพูดอะไรแบบนี้อีก ข้าเสียใจ รู้หรือไม่”

“ข้าขอโทษ” หลี่ซื่อหลางเสหน้ามองอีกทาง สีหน้ารู้สึกผิดทำเอาหย่งคังที่อารมณ์ขึ้นเมื่อกี้รู้สึกผิด

“...ข้าเองก็ต้องขอโทษ”

คนตัวสูงโน้มลงมาจูบประทับแก้มใส “ท่านอาจยังไม่มั่นใจ แต่ข้าจะทำให้รู้ว่าทั้งชาติข้าก็แบ่งใจรักใครไม่ได้แล้ว” จมูกโด่งเป็นสันซุกไซ้ไล่ไปที่ต้นคอขาว จนอีกฝ่ายต้องหดคอหนี

“อ้ะ อย่าสิ"

“อย่าอะไรหืม?” หย่งคังทำหูทวนลม หากำไรจากร่างกายหลี่ซื่อหลางซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเสพติด

“ช้าก่อน! เจ้าคิดจะทำอะไร”

“ลงโทษท่าน”

“...ข้ายังเจ็บอยู่” เจ้าตัวไม่ยอม พยายามผลักอีกฝ่ายออกแม้จะไม่ได้เป็นผลเท่าไหร่นัก

“ข้าไม่ทำตรงนั้นหรอก” แกล้งลากมือผ่านจุดนั้นอย่างจงใจ หลี่ซื่อหลางรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง “ข้าแค่ช่วยให้ท่านสบายตัวเท่านั้น
อย่ากังวลเลย”

“ข้ากังวลแล้ว ปล่อยข้าเถิด”

“งั้นข้าจะทำให้หายกังวลเอง” รอยยิ้มพราวที่ทำให้หลี่ซื่อหลางจินตนาการออกว่าตัวเองเหมือนกวางน้อยที่รอถูกสิงโตขย้ำ ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวคิดหาทางหนีออกได้แต่อย่างใด

และแล้วเช้านี้

หลี่ซื่อหลางก็ตกหลุมที่ชื่อหย่งคังอย่างช่วยไม่ได้










-------------------------------------------------------------











หลังจากผ่านศึกรอบเช้ามาได้ หลี่ซื่อหลางก็หลับเป็นตายต่อจนถึงเที่ยง

เมื่อตื่นมา เขาพบว่าข้างตัวไม่มีใครคนนั้นแล้ว คาดว่าคงออกไปทำงานกระมัง ร่างโปร่งพยายามจะยันตัวนั่ง แต่อาการเสียวปราบตั้งแต่สะโพกไล่ไปจนถึงกระดูกสันหลังทำเอาต้องทิ้งตัวลงนอนในท่าเดิม

เฮ้อ...เขาแก่แล้วจริงๆ นั่นแหละ

แต่พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทีไร เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกวัยแรกรุ่นที่มีความรัก มัวเมาจนไม่เป็นตัวของตัวเองเสียทุกที

“ตื่นแล้วหรือขอรับ”

จื่อเยี่ยนที่เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เดินมาประชิดริมเตียง ในมือมีกะละมังน้ำสะอาดและผ้าขนหนู

“ให้ข้าทำความสะอาดร่างกายให้นะขอรับ”

ได้ยินเช่นนั้น หลี่ซื่อหลางถึงกับรีบโบกมือปฏิเสธทันที

“อย่าลำบากเลย ข้าทำได้เอง”

“คำสั่งของคุณชายเล็กขอรับ” จื่อเยี่ยนยังคงหน้านิ่งอยู่ มือก็หยิบผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วบิดหมาดๆ “ข้าจะทำไม่นาน ไม่ต้องกังวลว่า
จะหนาวนะขอรับ”

เอ่อ...

นั่นใช่เรื่องที่เขากลัวเสียที่ไหนเล่า!

...แต่ช่างเถิด หลี่ซื่อหลางได้แต่กุมขมับเงียบๆ ระหว่างปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดตัวให้ราวกับทารก เขาไม่ใช่คนประเภทชอบให้คนอื่นมาบริการเสียหน่อย ทำแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียมากกว่า

“เสร็จแล้วขอรับ”

ต้องยอมรับว่าหลี่ซื่อหลางรู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย แม้จะเขินๆ ที่ต้องเปลือยกายอยู่บนเตียงักหน่อย มีเพียงผ้าห่มคลุมเท่านั้นก็เถอะ

“ขอบใจท่านมาก” เขากล่าวขอบคุณ

“ข้าจะเอาชุดมาให้ใส่นะขอรับ” เหมือนจื่อเยี่ยนจะเดาความคิดออก เขาหายไปสักพัก กลับมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ ผ้าชั้นดีที่เห็นแค่ตาก็รู้ว่าต่อให้ขายน้ำเต้าหู้นานเป็นเดือนก็คงไม่มีปัญญาซื้อมาใส่ได้

“นี่ขอรับ”

“เอ่อ ข้าขอเป็นชุดเดิมที่ใส่มาได้หรือไม่”

“ส่งทำความสะอาดอยู่ขอรับ” จื่อเยี่ยนวางชุดลงบนเตียงแผ่วเบา “คุณชายเล็กเป็นคนเลือกให้ขอรับ หวังว่าท่านซื่อหลางจะชอบ”
หลี่ซื่อหลางได้แต่ยิ้มเจื่อน ลูบเนื้อผ้าชั้นดีไปมา ปักลายดอกท้อสวยงามจนไม่กล้าใส่

“ท่านจะรับอาหารเช้าในห้องหรือไม่ขอรับ”

“ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องลำบากหรอก” หลี่ซื่อหลางรู้สึกเกรงใจ รู้สึกเกร็งแปลกๆ เวลามีใครมาคอยปรนบัติ

“คำสั่งคุณชายเล็กขอรับ ตกลงว่าจะรับในห้องนะขอรับ”

ได้ยินแบบนั้น ร่างสูงจึงเปลี่ยนประเด็นแทน “เอ่อ แล้วคุณชายเล็กทานอะไรหรือยัง”

“อยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้าขอรับ”

เป็นอันเข้าใจว่าคนตัวสูงไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย สัญชาตญาณคนเป็นพี่ใหญ่ในตัวหลี่ซื่อหลางจึงลุกโชนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

“ได้อย่างไร?” หลี่ซื่อหลางทำท่าจะลุกจากเตียง แต่ความเจ็บด้านหลังทำให้กลับไปอยู่ท่าเดิม “จะเป็นไรหรือไม่หากข้าจะเอาอาหารไปให้เขา”

“เดินไหวหรือขอรับ”

หลี่ซื่อหลางหน้าแดง “...คิดว่าพอได้”

“งั้นจัดสำรับอาหารที่ห้องนั่งเล่นนะขอรับ”

“อืม ขอบใจท่านมาก”

จื่อเยี่ยนโค้งให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ทิ้งหลี่ซื่อหลางไว้กับเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยม เขาใช้เวาสักพักกับการใส่ชุดคลุมแพงแสนแพง ค่อยๆ ลงจากเตียง แม้ตอนเดินจะรู้สึกขัดๆ เจ็บจี๊ดอยู่ก็ตาม

...เค้ารู้ดีว่าตอนนั้นหย่งคังพยายามเบาแรงแค่ไหน

ถึงอย่างไรนั้นเขาก็เจ็บอยู่ดี...

เดินมาถึงหน้าประตูบานใหญ่ หลี่ซื่อหลางสูดลมหายใจช้าๆ ก่อนจะเคาะสามที

“เข้ามา”

เสียงทุ้มหนักแน่นแสดงถึงความน่าเกรงขาม หลี่ซื่อหลางไม่เคยสัมผัสด้านนี้ของอีกฝ่ายมาก่อน เขาจึงค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปเบาๆ พยายามบีบตัวผ่านช่องเล็กๆ อย่างระมัดระวัง

“เอ่อ ข้าเอง”

“ซื่อหลาง?” หย่งคังเงยหน้า ลุกจากโต๊ะทำงานทันที “ลุกขึ้นมาทำไมกัน หายดีแล้วหรือ"

“ได้ยินว่าเจ้ายังไม่ได้ทานอะไร”

“ข้าทำงานอยู่น่ะ” หย่งคังยิ้มบาง “ข้าถึกอยู่แล้ว แค่นี้เอง”

“ถึกแค่ไหน ก็ต้องทานข้าวด้วย”

หย่งคังเงียบไปเพียงครู่ “เป็นห่วงข้าหรือ” ร่างสูงเดินตรงมาหาร่างบางที่ประตู เท้าแขนกับประตูไม้ให้ปิดสนิท ลมหายใจร้อนรดบนใบหน้าอีกฝ่าย

หืม? ว่าอย่างไร? เป็นห่วงข้าใช่หรือไม่”

สีหน้าคนโดนถามแดงปรั่ง “…ก็ใช่น่ะสิ”

ฟอด! หย่งคังอาศัยจังหวะทีเผลอกดจูบลงบนแก้มใส

“เมียใครน่ารักที่สุด”

“หย่งคัง!” หลี่ซื่อหลางกำแก้มตัวเองแน่น ทำท่าจะหนีแต่วงแขนแข็งแกร่งไม่ปล่อยเขาให้ไปง่ายๆ

“ข้าพูดผิดตรงไหน” หย่งคังยักไหล่ไม่ยี่หระอะไร “ข้าทำให้ท่านเป็นของข้าแล้ว หรืออยากทบทวนกันอีกรอบ”

“พอเถิด เจ้าหมกมุ่นเกินไปแล้ว” หลี่ซื่อหลางเสหน้าไปทางอื่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นสายตาหวั่นไหวของเขา แต่ไม่ทันขาดคำ
คนตัวสูงก็โอบเอวเขาเข้าไปกอดจนจมหายไปในอ้อมอก

“กับท่านคนเดียวเท่านั้นแหละ”

“หย่งคัง... ข้าตัวช้ำไปหมดแล้ว”

“ก็ได้ ก็ได้”

หย่งคังถอยทัพกลับอย่างอ้อยอิ่ง แสดงสีหน้าเสียดายเหลือคณา “ข้าหิวจนจะกินท่านแทนอยู่แล้ว"

“ก็ใครมัวแต่ทำงาน?”

“ก็ใครทำข้าหน้ามืดตามัวอยู่บนเตียงได้เป็นวัน”

ร่างโปร่งได้แต่ทำสีหน้าประท้วง “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย...”

“ใครบอกกัน” หย่งคงโน้มลงมากัดไหล่อีกฝ่ายอย่างหมั่นเขี้ยว “ท่านทำอยู่แท้ๆ”

“โอ้ย เดี๋ยวสิ...”

“ก่อนกินข้าว ขอกินท่านก่อนแล้วกันนะ”








-------------------------------------------------------------






To be continued...










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2016 11:57:50 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
หย่งคังหื๊นหื่นนน :hao6:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
โอ๊ยยย หย่งคังมันหมกมุ่นจริงๆ ด้วย 55555  :hao6: :hao6:
 อ่านแล้วฟินมากกกก น่าร้ากกก สวีททท :-[

สารภาพว่าตอนแรกที่เห็นนึกว่าตาฝาด 555 ดีใจที่มาต่อนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เง่ออออออออออออ มาแบ้ววววว หย่งคังเหมือนตาแก่เข้าสิง หื่นไปน้องงงงง ตอนหน้าขอหวานกว่าเน้ งิงิงิ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
หย่งคัง จะหื่นไปไหน :hao7:  ให้นายเอกเราพักบ้างซิ :mew5:

ดีใจที่คนเขียนมากลับมานะ :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เด็กมันร้ายยยยย


ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage

ดอกท้อที่ ๑๙







นานเป็นสัปดาห์แล้วที่ฟานตงไม่เห็นแม้แต่เงาของหลี่ซื่อหลาง แม้เขาจะได้รับข่าวว่าพี่ใหญ่จะปลอดภัยหากอยู่ภายในรั้วบ้านตระกูลจางสักระยะ  แต่เขากลับรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ลางสังหรณ์บอกเขาว่ากำลังจะมีเรื่องร้าย

“ข้าจะไปรับพี่ซื่อหลางกลับบ้าน!”

ทันทีที่ฟานตงแทบจะพุ่งตัวออกจากบ้าน หยงเทียนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลถึงกับคว้าเอวคนตัวเล็กให้ลงมานั่งที่เดิม

“ฟานตง เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อน”

“ใจร้อน!? นี่มันเจ็ดวันแล้วนะ! แม้เสี้ยววินาทีข้าก็จะไม่รอแล้ว ปล่อยข้า!”

หากยิ่งดิ้นอ้อมแขนแกร่งก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเท่านั้น

“เจ้าก็ได้ยินที่ท่านคนนั้นพูดไม่ใช่หรือ คนที่เป็นคนติดตามคุณชาย อ่า จื่อเยี่ยนน่ะ” คนตัวสูงพยายามพูดกล่อม “สถานการณ์ตระกูลจางยังไม่ลงรอย หากปล่อยให้พี่ซื่อหลางห่างไกลหูไกลตาคุณชายเล็ก ไม่แน่อาจจะได้รับอันตราย”

“ตั้งแต่เกิดมาพี่ใหญ่ของข้าไม่เคยสร้างศัตรู เจ้าเองก็รู้!”

“แต่คราวก่อนเขาก็บาดเจ็บไม่ใช่หรือ จากผู้ไม่ประสงค์ดีที่ทั้งเจ้าและข้าเองก็ไม่อาจรู้” หยงเทียนมองคนที่หายใจฟืดฟาดอย่างฉุนเฉียว “ฟานตง ข้าเองก็เป็นห่วงพี่ซื่อหลางไม่ต่างจากเจ้า เขาเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของข้า แล้วยิ่งสำหรับคุณชาย...ไม่สิ
สำหรับหย่งคังแล้ว พี่หลี่ซื่อหลางมีค่ามากกว่าชีวิตของเขาเสียอีก”

ฟานตงขมวดคิ้วยุ่ง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้ามั่นใจว่าพี่ซื่อหลางจะปลอดภัยหากอยู่กับหย่งคัง”

“อะไรทำให้เจ้ามั่นใจ?” ฟานตงหางคิ้วกระตุก มองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง “คนๆ นั้นทำร้ายจิตใจพี่ข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า! เจ้าก็เห็น! ”

“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโมโห” คนตัวสูงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “แต่ข้าคิดว่าบางทีหย่งคังคงมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น”

“เหตุผลอะไรข้าไม่สน! มันทำร้ายจิตใจพี่ของข้านะ"

หยงเทียนหมุนให้ฟานตงมาเผชิญหน้า จ้องตากันไม่กระพริบ “หย่งคังคิดกับพี่ซื่อหลางเหมือนอย่างที่ข้าคิดกับเจ้า”

“อ...อะไรนะ?”

“ข้ารักเจ้า ฟานตง” หยงเทียนกระชับแขนที่คล้องเอวอีกฝ่าย  “ความรักของข้าไม่ใช่เพื่อนพี่น้อง ข้าอยากดูแลเจ้า อยู่ด้วยกัน
ไปจนแก่เฒ่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าก็อยากเป็นคนที่คอยแบ่งปันความสุข บรรเทาความทุกข์ให้เจ้า”

“จ...เจ้าประสาทกลับไปแล้ว!?” ฟานตงหน้าแดง ท่าทางเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที “นี่มันใช่เวลา....เจ้า...นี่เจ้า...โว้ย! ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหยงเทียน!”

คนตัวเล็กจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดคำพูดของหยงเทียน ตรงกันข้าม ฟานตงกลับหัวใจเต้นแรง เรื่องร้อยแปดพันเก้าที่มีอยู่ในหัวหายวับไปกับตา สมองขาวโพลนไปหมด

“เจ้าเกลียดข้าหรือไม่” หยงเทียนมองตาอีกฝ่ายไม่กระพริบ ราวกับจะหลอมละลายคนตรงหน้าให้ได้

“ป...เปล่า!”

“เจ้าหลบสายตาข้า แปลว่าเกลียดหรือ?”

“ม...ไม่ใช่อย่างนั้น” ฟานตงหันขวับมาปฏิเสธ “ข้า...ข้าแค่...ทำตัวไม่ถูก ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าเสียหน่อย เจ้าบ้า!”
เหมือนสวรรค์จะเข้าข้าง หยงเทียนยิ้มอย่างมีความหวัง “แค่เจ้าไม่รังเกียจข้า แค่นี้ก็พอใจแล้ว” คนตัวสูงคลายมือจากเอวเล็ก
ทรุดลงคุกเข่าราวกับขอแต่งงาน “ให้ข้าดูแลเจ้านะ...ตลอดไปเลย”

“ห...หา!”

“ไม่ต้องหาแล้ว” หยงเทียนยิ้มอ่อนเอ็นดูอีกฝ่ายที่มัวแต่ทำหน้าดำหน้าแดง “ข้าเจอคนที่ข้ารักที่สุดในชีวิตแล้ว...นั่นก็คือเจ้า ฟานตง”

“จะ...เจ้า...โอ้ย...ข้าอยากกัดลิ้นตายนัก!”

ฟานตงได้แต่ทำโมโหกลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่เต้นดังจนไม่ได้ยินเสียงรอบตัว เขาพบว่ามือตนเองสั่นเทาเพราะตื่นเต้น ประหลาดใจ และยินดีจนแทบควบคุมไม่อยู่ มันเหมือนความฝันที่อีกฝ่ายความรู้สึกตรงกับเขา กระนั้นฟานตงก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกกับคนตัวสูงว่า


‘…รัก’


“งั้นข้าจะตายตามเจ้า” หยงเทียนเอ่ยหน้าตาเฉย

“ข้าแค่พูดเล่น!” ฟานตงฉุดคนตัวสูงให้ยืนขึ้น ปัดเศษฝุ่นตามตัวให้เล็กน้อย “ขืนเจ้าทำจริง ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“เป็นห่วงหรือ?”

“พูดอะไรของเจ้า ข้าไม่รู้ไม่ชี้แล้ว” เจ้าตัวหันหน้าไปทางอื่นแก้เขิน

“ข้ารักเจ้านะ”

ฟานตงหลบสายตา พยักหน้าช้าๆ “…อืม”

ท่าทางที่แสดงว่ายอมรับ ทำเอาหยงเทียนแทบอดใจไม่อยู่ มือใหญ่ลูบเส้นผมนุ่มด้วยความเอ็นดู

“เจ้าน่ารักนัก”

“ว่าใครน่ารัก!” ฟานตงหันมาแหวใส่โดยอัตโนมัติ “ไม่รู้ละ ข้าไปหาพี่ซื่อหลางดีกว่า” เจ้าตัวหันหลังเดินออกไป ท่าทางไม่ยอม
วางมือจากสิ่งที่ตั้งใจ หยงเทียนเดินตามออกไปก่อนจะคว้ามืออีกฝ่ายไว้

“เดี๋ยวสิ”

“ถ้าจะห้ามข้า อย่าเสียเวลาเปล่าเลย” ฟานตงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หยงเทียน ข้าเป็นห่วงพี่ใหญ่จริงๆ ข้าต้องไป”

“ทำไมถึงได้ดื้อนัก”

“เจ้าก็เหมือนกันนั่นแหละ!”

ท่าทางไม่ยอมแบบนั้น เห็นทีพูดไปคนตัวเล็กก็ไม่ฟังเขาอยู่ดี

“ถ้าอย่างนั้น...”

หยงเทียนกระชับมือที่จับฝ่ามือนุ่มไว้แน่น “ข้าจะไปกับเจ้าเอง”






-------------------------------------------------------------






หลังพระอาทิตย์ตกดิน ความหนาวเย็นก็มาเยือนอีกครั้ง เสียงไอดังขึ้นในห้องขัง...จางอวี๋เฉินรู้สึกแสบร้อนตามลำคอ กลืนน้ำลายกลายเป็นเรื่องยากลำบาก ตัวของเขาหนักอึ้ง

อาการแบบนี้คงอีกไม่นาน ไข้ก็จะขึ้น

“เฮอะ...”

เขาอยากตะโกนว่า ‘บัดซบ’ แต่ก็ทำได้แค่คิด เมื่อเช้านี้เจ้าคนติดตามของคุณชายตระกูลจาง...จื่อเยี่ยน ใบหน้าเรียบนิ่งที่เดาอารมณ์ไม่ออก ถึงอย่างนั้นก็แอบเอาอาหารและน้ำมาให้เขา

แม้จะไม่ทุกวัน แต่จางอวี๋เฉินก็เห็นความมีน้ำใจจากการกระทำเหล่านั้น

คำถามคือ...

ทำไปทำไม?

“จางอวี๋เฉิน”

นึกถึงโจโฉ โจโฉก็มา ร่างบางของจื่อเยี่ยนยืนห่างออกไปสามสี่วา กอดอกนิ่ง “ท่านควรบอกที่เก็บยาถอนพิษก่อนรุ่งสาง ข้าขอเตือนเจ้า”

“คำตอบข้ายังเหมือนเดิม”

อีกฝ่ายลอบถอนหายใจ “งั้นท่านก็เตรียมตัวโดนข้อหาลอบฆ่าได้เลย”

“ฟังดูแย่ทีเดียว ว่าไหม?”

ปากพูดเช่นนั้น แต่จางอวี๋เฉินกลับดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งใด ถึงเขาจะอยู่ในสภาพไม่ต่างจากคนตกอับ ไร้บ้าน แต่ก็เทิดทูนศักดิ์ศรีตนและตระกูลเหนือสิ่งอื่นใด

“ท่านอยากตาย?”

สีหน้าจื่อเยี่ยนตึงเครียดขึ้น “รู้หรือไม่ ในเมืองนี้มีโทษประหารชีวิต”

“ก็พอรู้...”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ราวกับในห้องไร้สิ่งมีชีวิต แม้จางอวี๋เฉินจะพยายามไม่สะทกสะท้านอะไร แต่เขารับรู้ว่าค่ำคืนนี้หนาวเหน็บกว่าที่ผ่านมา

“คุณชายจะไม่ลงมาเจรจากับท่านอย่างเช่นทุกวันอีกแล้ว” จื่อเยี่ยนอธิบาย
แน่นอน ทุกๆ วัน จางอวี๋เฉินได้สนทนากับเจ้าคุณชายผู้นั้น ถกเรื่องยาถอนพิษและหลี่ซื่อหลาง เหมือนปริศนาที่หาคำตอบไม่ได้ หรือเขาวงกตที่ไร้ทางออก พวกเขาหาบทสรุปกันไม่ได้สักที

ทว่าครั้งนี้ดูเหมือนคุณชายอยากจะรีบกระโดดข้ามไปตอนจบเสียแล้ว

“พรุ่งนี้ท่านจะโดนนำตัวไปขึ้นศาล” จื่อเยี่ยนเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้ เราไม่อยากทำเรื่องให้ใหญ่โต ยังไงท่านเองก็เป็นส่วนหนึ่งในตระกูล แต่หากท่านยังรั้น ตระกูลจางก็ไม่...”

“รีบๆ ฆ่าข้าเถอะน่า”

จางอวี๋เฉินพูดแทรก หัวเราะเล็กๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต “ยังไงทุกคนก็ต้องตาย แค่ช้าหรือเร็วมิใช่หรือ?”

จื่อเยี่ยนเงียบไปพักใหญ่

“...ท่านบ้าไปแล้ว”

“ข้าก็บ้าแต่แรกอยู่แล้ว” จางอวี๋เฉินยักไหล่

จื่อเยี่ยนถอนหายใจอีกครั้ง ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าในห้องขังเย็นเฉียบ เขาเดินมาหยุดตรงหน้านักโทษ นั่งยองๆ ให้ตรงกับ
ระดับสายตา

“ยังไงท่านก็ไม่ยอมพูด?”

“…”

คนตัวเล็กได้เพียงความเงียบเป็นคำตอบ สายตาเย็นชาของเจ้าตัวมองไปยังท่านหมอที่บัดนี้ดูโทรมยิ่งกว่าอะไรดี


เห้อ...


“หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็ไม่ทางเลือก” จื่อเยี่ยนหยิบมีดพกที่ติดไว้ตรงเอว เขากรีดเนื้อตัวเองจนเลือดไหลสองสามแห่ง

“เจ้าคิดจะทำอะไร?” จางอวี๋เฉินขมวดคิ้วมอง

“เพิ่มข้อหาทำร้ายร่างกายให้ท่าน” จื่อเยี่ยนตอบอย่างไม่ยี่หระ แต่ก็แอบซี้ดปากด้วยความเจ็บ “มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี้ ท่านมีมีดเป็นอาวุธ และหลุดหนีไปได้...ข้ามีเวลาให้สามวัน หากไม่อยากรับโทษประหารก็อย่าหันหลังกลับมาอีก”

คนตัวเล็กกรีดเนื้อท่านหมอบ้าง เลือดสีแดงสดไหลอาบแขน แม้ไม่สาหัสแต่ก็เจ็บพอตัว

“เจ้า...ทำอย่างนี้ทำไม?” จางอวี๋เฉินมีแต่คำถามในหัว ยอมให้เลือดไหลต่อไป “จู่ๆ ทำไมต้องมาช่วงเหลือข้า”

จื่อเยี่ยนไม่ตอบ ใช้มีดแก้ล็อคโซ่ที่พันธนาการอีกฝ่ายไว้ ใช้เวลาเพียงไม่นานนักโทษก็ได้รับอิสระครั้งแรกในรอบสัปดาห์

“เจ้าทรยศเจ้านายเพื่อข้าหรือไร” จางอวี๋เฉินถามกึ่งเล่นกึ่งจริง “รึหลงรักข้า?”

จื่อเยี่ยนดึงอีกฝ่ายให้ยืนเต็มความสูง เหมือนว่าร่างกายท่านหมอยังปรับตัวไม่ทัน เขาเซเล็กน้อย

“ข้ามีทางออกเรื่องนี้ และมันไม่ใช่การทรยศคุณชายเล็ก” เป็นจื่อเยี่ยนที่ต้องช่วยพยุงคนตัวโตกว่าหลายเท่า “แล้วข้าก็ไม่ได้หลงรักท่าน”

“เช่นนั้นเจ้าจะ...”

“บางเรื่องไม่รู้ก็เป็นผลดีกว่า” จื่อเยี่ยนตัดบท ทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่

สักพักใหญ่ๆ เขาทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงคนโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างนอก เสียงของความโกลาหลดังขึ้นไม่ขาดสาย

“...ไหม้!! ไฟไหม้!!”

“ไฟไหม้!! รีบช่วยกันดับไฟเร็วเข้า!”

“ไฟไหม้รึ?” จางอวี๋เฉินทวนคำอย่างประหลาดใจ ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลของเรื่องนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คนตัวโตก็รีบคว้ามือคนตัวเล็กกว่าหมายจะพาวิ่งหนี

“เราออกไปจากที่นี่เถอะ”

“ท่านต่างหาก” จื่อเยี่ยนสะบัดมือออก “แค่ท่านต่างหากที่ต้องไป”

จางอวี๋เฉินชักโมโห ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“เจ้าอยากถูกไฟครอกตาย?” ท่านหมอคว้าแขนเล็กอีกครั้ง กำแน่นราวกับจะไม่ยอมปล่อยคนตรงหน้าไป “ออกไปกับข้านี่แหละ”

“ห่วงตัวเองเถิด ท่านหมอ” จื่อเยี่ยนพยายามแกะมือของท่านหมอออกอย่างแรง สะเทือนถึงบาดแผลมีดบาดจนต้องซี้ดปาก

“ถ้าอยากช่วยข้า ก็จำเอาไว้ว่าอย่าหันกลับมาอีก”

ร่างบางดันหลังเขาออกจากประตูห้อง จางอวี๋เฉินทำได้เพียงมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

คนๆ นี้ช่วยเขาเพื่ออะไร?

“ไปสิ!”

นั่นเป็นครั้งแรกที่จางอวี๋เฉินเห็นสีหน้าอย่างอื่นที่ไม่ใช่สีหน้าเย็นชาของจื่อเยี่ยน







-------------------------------------------------------------









To Be continued...






Talk : ขอบคุณนักอ่านทุกคนเลยนะคะที่ติดตามกันมา
เราอาจหายไปบ่อย (ฮา)
แต่สัญญาอยู่แล้วว่าจะแต่งจนจบ
นักอ่านคงจะพอเห็นคู่จิ้นที่งอกใหม่อีกคู่แล้ว
เรื่องของท่านหมอจะเป็นยังไง รอดูกันต่อไปนะคะ
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาาาา



















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2016 11:58:12 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
แต่ละคู่ แจ่มๆ ทั้งนั้น  :z1: o13

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :pig4:


 :กอด1:

***********

ตกลงตอนนี้ซื่อหลางตัดผมยังอ่ะคะ??
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2015 08:40:23 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ยินดีที่กลับมานะ

จื่อเยี่ยนซับซ้อนเกินไปแล้ว!

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
 :m15:
มาเถอะนะ
คิดถึง

ออฟไลน์ repilca

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
หายไปนานเลยน้าคนเขียน :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด