[ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::  (อ่าน 66967 ครั้ง)

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เพิ่งเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลย

สนุกมากๆเลยค่ะ พล็อตดี ภาษาก็สวย เรื่องเหมือนจะดราม่าแต่ยังมีมุกตลกแทรกอยู่ ทำให้ยิ่งอ่านยิ่งสนุก

ยังหวังให้มาต่อตอนต่อไปนะคะ จะรอค่ะ ^___^

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ชี้แจง

ขอโทษนะคะที่หายไปเลย....ยังไม่ตายนะคะ ฟื้นคืนชีพแล้วค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอโทษจริงๆค่ะะะะะะะะะ แงงงงงงงงงงงง
เรามีหลายๆ อย่างไม่พร้อม ติดนู่นติดนี่ไปหมดเลยค่ะ
แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้วค่ะ!! มีข่าวดีคือเราแต่งจบแล้ว
สัญญาว่าจะทยอยลงนะคะ ขอให้อย่าหายไปไหน
และขอบคุณสำหรับคนที่ยังรอติดตามกันนะคะ



ขอบคุณและขอโทษค่าาาา รักนักอ่านทุกคนค่ะ




-------------------------------------------------------







ดอกท้อที่ ๑๙
(ครึ่งหลัง)





เพลิงสีแดงสดลุกลามไปทั่วเรือนใหญ่ภายในเวลาเพียงชั่วยามเดียว ทั้งเหล่าข้ารับใช้และผู้อาศัยเรือนใกล้เคียงพากันวิ่งหาน้ำมาดับไฟให้วุ่น

เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจให้ผู้มาใหม่อย่างฟานตงและหยงเทียนเป็นอย่างมาก คนตัวเล็กแทบจะพุ่งเข้าไปในกองเพลิงแบบไม่คิดชีวิต หากแต่คนตัวสูงคว้าตัวไว้ไ้ด้ทันเสียก่อน

“เจ้าคิดจะทำอะไร!” ฟานตงบิดข้อมือ หวังจะหลุดจากพันธนาการ หากเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่แรงน้อยกว่าอย่างเขานัก

“เจ้าน่ะสิคิดจะทำอะไรโง่ๆ   !”

“เจ้าสิโง่! จะห้ามไม่ให้ข้าไปช่วยพี่ชายข้าหรือไง! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!” ฟานตงดิ้นสุดแรงหมายจะเข้าไปในเรือนตระกูลจางที่บัดนี้กลายเป็นทะเลเพลิงย่อมๆ ไปเสียแล้ว กระนั้น ถึงจะต้องกลายเป็นผี เขาก็จะไปช่วยพี่ชายให้ได้ ฟานตงคิดเช่นนั้น

“ฟานตง เจ้าใจเย็นก่อนได้หรือไม่” หยงเทียนที่อารมณ์หลุดไปชั่วครู่พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขาเองก็เป็นห่วงพี่ซื่อหลาง แต่ก็หงุดหงิดเหลือเกินที่คนตัวเล็กทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง

“พี่ซื่อหลางอยู่ข้างในนะ! ให้ข้าใจเย็นบ้าบออะไรกัน เจ้าบ้าไปแล้ว!”

“เจ้าเข้าไปข้างในรังแต่จะทำให้เรื่องมันแย่”

ฟานตงตะคอกกลับ “เจ้าจะพูดอะไรกันแน่!”

“ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป นั่นเป็นสิ่งที่พี่ซื่อหลางต้องการให้เกิดหรือ คิดดีๆ สิฟานตง” หยงเทียนรู้ว่ามีเวลาไม่มากแล้ว พี่ซื่อหลางก็กำลังตกอยู่ในอันตราย “อยู่ตรงนี้ ข้าจะเข้าไปเอง”

“ฮะ?!” ฟานตงทำสีหน้าเหมือนเห็นผี “แล้วให้ข้าทำแค่สวดภาวนา? ไม่มีทาง!”

“ข้าขอล่ะ” ...ยอมแล้ว...หยงเทียนรู้ตัวดีว่าชีวิตนี้ขาดฟานตงไม่ได้ เขาทรุดลงกับพื้น คุกเข่าขอร้อง “จะว่าข้าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปข้าอยู่ไม่ได้จริงๆ ฟานตง” หยงเทียนใส่ความรู้สึกเข้าไปในคำพูด เขารู้สึกเช่นนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจ ความรักและเป็นห่วงเอ่อล้นท่วมท้นจนไม่อาจจะสรรหาคำพูดใดออกมาอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ
 
“…”

ฟานตงอึ้ง สับสนและรู้สึกผิด เป็นห่วง ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมด “อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย!”

“ข้าขอโทษนะ”

ปึก!

ร่างเล็กไร้การทรงตัวทันทีที่ถูกกดจุดให้สลบ หยงเทียนอ้าแขนรับฟานตงไว้ก่อนจะนำคนหลับไม่รู้เรื่องไปวางให้ห่างจากจุดเกิดเหตุ หากไม่ทำเช่นนี้ เจ้าตัวก็หัวดื้อไม่ยอมฟังจะเข้าไปเสี่ยงตายเพื่อพี่ชายเป็นแน่แท้

...ยอมโดนเกลียดดีกว่าต้องเสียคนๆ นี้ไป...

บางครั้ง หยงเทียนก็มีอะไรที่เหมือนหย่งคังอย่างไม่น่าเชื่อน่ะนะ

ร่างสูงคว้าถังน้ำราดใส่ตัวให้เปียกชุ่ม นำผ้าที่ติดตัวมาด้วยชุบน้ำไว้ปิดจมูกกันควันก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปด้านในอย่างไม่รีรอ

“พี่ซื่อหลาง!”

หยงเทียนตะโกนสุดเสียง เดินเลี่ยงหาทางทะลุไปห้องนู่นห้องนี่เพื่อตามหาตัวพี่ชาย หากแต่อากาศข้างในก็เหลือน้อยเต็มที ถ้าไม่ใช่คนอึดถึก เป็นไปได้ว่าอาจสำลักควันสลบก็เป็นได้ คิดแบบนั้น หยงทียนก็ยิ่งเร่งตามหาร่างที่อาจหมดสติของหลี่ซื่อหลาง

“พี่ซื่อ...!” หยงเทียนที่วิ่งวนไปทั่วชะงักกึก

ตรงหน้าของเขาคือหย่งคังที่เสื้อผ้าไหม้ไปหลายส่วน ตัวคล้ำจากเขม่าควันไฟ มีบาดแผลตามตัวไม่ต่ำกว่าสิบที่เห็นจะได้ แต่ในอ้อมอกแกร่งกลับเป็นใครบางคนที่ถูกผ้าชุบน้ำห่อกลมจนแทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายปะทะกับอากาศร้อนระอุภายนอกเลย
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าห่อผ้ากลมๆ นั่นคือพี่ซื่อหลาง

“หยงเทียน?”

ร่างสูงใหญ่แปลกใจไม่น้อยที่เจอคนที่เขานับว่าเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งคุยหวนคืนวันวานอะไรแล้ว หย่งคังตรงเข้าไปหาหยงเทียนทันที

“พาเขาออกไป” หยงเทียนรับร่างหลี่ซื่อหลางที่ดูเหมือนจะสลบไม่ได้สติ “ข้าต้องแน่ใจว่าเขาจะปลอดภัย ไม่เช่นนั้นข้าไม่ไว้หน้าท่านแน่”

หย่งคังไม่วายกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง อีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ

“เแล้วเจ้าล่ะ” หยงเทียนเอ่ยถามขณะโอบอุ้มร่างพี่ซื่อหลางที่เหมือนจะผอมลงไปเยอะราวกับของล้ำค่า

"ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ”

หยงเทียนขมวดคิ้วเป็นปม “มีอะไรที่ต้องทำกับทะเลเพลิงนี่อีก”

“ท่านไม่เข้าใจหรอก” ...ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ... หยงเทียนคิดในใจ แต่พวกเขามีเวลาไม่มากแล้ว เขาต้องรีบพาพี่ซื่อหลางออกไปจากที่นี่ หยงเทียนจึงเพียงทิ้งท้ายไวสั้นๆ

“อย่าตายล่ะ”

อีกฝ่ายกระตุกยิ้ม “ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”

หย่งคังวิ่งกลับเข้าไปด้านใน ฝ่ายหยงเทียนก็ฝ่าทะเลเพลิงออกไปสู่ด้านนอก มีหลายคนเข้ามาช่วยเหลือทั้งเขาและหลี่ซื่อหลาง จนตอนนี้ปลอดภัยแล้ว เหลือก็แต่หย่งคังที่ยังอยู่ข้างใน...หยงเทียนได้แต่มองทะเลเพลิงที่ลุกลามใหญ่เหมือนต้องการประกาศศักดาอะไรบางอย่าง

…ความตาย...

“นายท่านล่ะ?!”

“อ้า! นายท่านแย่แล้ว!” คนรับใช้พากันวุ่นวายอีกครั้ง “คุณชายด้วย! ทั้งสองยังอยู่ข้างใน”

“ต้องมีคนเข้าไปช่วย!”

กว่าจะตั้งสติกันได้ ตัวแทนคนรับใช้ที่หน่วยก้านพอใช้ได้สองสามคนอาสาจะเข้าไปข้างใน หยงเทียนถอนหายใจ เขาคงอยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน

“ข้าจะไปด้วย”

คนอื่นที่ไม่รู้ว่าหยงเทียนเป็นใครพากันมองด้วยความสงสัย หยงเทียนจึงอธิบายสั้นๆ ไม่ให้เสียเวลา “เมื่อกี้ที่เข้าไป ข้าเจอคุณชายของพวกเจ้าด้านใน เขาช่วยพี่ชายข้าไว้ ข้าก็อยากจะช่วยเขาตอบแทน”

พูดจบก็คว้าถังน้ำราดตัวเองซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งนำเข้าไปเป็นคนแรก ราวกับเป็นแม่ทัพเก่งกล้าปลุกความหึกเหิมให้ชายรับใช้คนอื่นๆ คนที่เหลือด้านหลังนำน้ำมาราดตัวก่อนจะวิ่งตามเข้าไปติดๆ










-------------------------------------------------------------













“ไหม้ไปซะ! ฮ่าๆๆ มอดไหม้ไปให้หมดเลย!” เสียงแหบแค่นหัวเราะ สลับกับไอโครกๆ ผสมเลือดสีดำที่ออกมาพร้อมกันด้วย บ่งบอกถึงอาการป่วยที่เริ่มไม่ดีแล้ว...อันที่จริง เขาคงใกล้ตายแล้วมากกว่า!

   แม้ว่าแท้จริงแล้วอาการเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวของเลี่ยงหวงจะมีอาการดีขึ้นในระยะหลังมานี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเริ่มเดินไปไหนมาไหนได้ แม้จะยากลำบาก แต่หากมีตัวช่วยในการเดินก็ไม่แย่นัก หากหลังถูกวางยาอีกรอบ ทุกอย่างก็ดูย่ำแย่ไปเสียหมด เช่นนั้น เขาก็เป็นได้แค่ชายชราใกล้ตายเท่านั้น!

   หากเขาตาย ทุกอย่างก็ควรตายไปพร้อมกันด้วย!

   ใช่แล้ว...นายเลี่ยงหวงเป็นคนวางเพลิงเอง

   เขาพยายามพยุงตัวเองเดินฝ่าทะเลเพลิงที่ลุกลามไปทั้งห้องนอนของตน ราวกับมันค่อยๆแผดเผาจิตสำนึกของเขาไปด้วย ขาที่อ่อนแรงเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ชายชราล้มลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษซากสิ่งของเครื่องใช้ที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม

“ฮ่าๆๆ ไหม้ไปเลย!”

เพราะอีกไม่นานสภาพเขาก็คงไม่ต่างกัน

หึ...ดี! ไหม้ไปพร้อมๆกันให้หมดนี่แหละ!

เลี่ยงหวงกลายเป็นคนสติวิปลาสไปเสียแล้ว มีความคิดวนไปวนมาแค่ว่าไหนๆ เขาก็จะตาย สมบัติของเขา ทุกๆอย่างที่เป็นของเขาก็ควรหายไปพร้อมกับเขา ฝังดินไปพร้อมกับศพของเขา!

“เลี่ยงหวง!” เสียงเข้มดังขึ้นไม่ไกล ดวงตาพร่าของชายชรามองเห็นร่างสูงที่ยืนห่างออกไปลางๆ

“จางเฟยหลง?”  นายเลี่ยงหวงเอ่ยเสียงแหบพร่า “นั่นเจ้าหรือ?”

“ต้องรีบไป ไฟลุกลามไปทั้งเรือนแล้ว!” หย่งคังพุ่งเข้ามาทำท่าจะแบกร่างชายชราไว้บนหลัง ทว่าชายชรากลับปฏิเสธด้วยการตะคอกใส่อีกฝ่ายเต็มเสียง

“ก็ดีนะสิ! ฮ่าๆๆ ไหม้ให้หมด!” หัวเราะไปก็ไอออกมาเป็นของเหลวสีดำไป “ข้าจะตายไปพร้อมกับทุกอย่างที่เป็นของข้า...”

“นี่ท่านพูดเรื่องอะไร!” หย่งคังไม่อยากคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของผู้ให้กำเนิด แต่หลักฐานตรงหน้าก็ชัดเจนจนปฎิเสธไม่ได้ “อย่าบอกนะว่า...”

“ใช่! ข้าทำเอง ข้าเผามัน เผาให้หมด!! อย่านึกว่าข้า...แค่กๆ! ...ไม่รู้นะ เจ้าคิดจะฮุบทุกอย่าง เรื่องยาพิษเจ้าก็คงสมรู้ร่วมคิดด้วยล่ะสิ!!”

“ท่านบ้าไปแล้ว!”

“ทุกอย่างควรเป็นของข้า!! แค่กๆ!!” นายเลี่ยงหวงสำลักของเหลวสีดำออกมาในปริมาณมาก หน้าซีด ตัวสั่น

“ท...ท่าน!” แม้จะเกลียดชัง หากแต่ลึกๆ หย่งคังก็หวังไม่น้อยว่าผู้เป็นพ่อจะไม่มาตายที่นี่...ตรงนี้...ต่อหน้าของเขา
“มาเถิด! ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่”

“ข้าไม่ไป!!” ชายชราดิ้นเท่าที่ร่างกายจะพอดิ้นไหว แม้มันจะไม่สะทกสะท้านคนตัวใหญ่เลยก็ตาม

“ข้าไม่สนว่าท่านอยากไปหรือไม่” ว่าแล้วหย่งคังก็แบกร่างผู้เป็นพ่อหวังจะเดินไปที่ทางออก จนไม่ทันระวังเห็นคานไม้ใหญ่ที่กำลังจะร่วงหล่นใส่ร่างพวกเขาทั้งสอง

“ระวัง!”

...นั่นไม่ใช่เสียงของเขา

ปึง!!

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คานไม้ใหญ่ร่วงตามแรงโน้มถ่วง กระแทกจนพื้นแตก ไฟลุกลามไปทั่วบริเวณ อากาศที่เต็มไปด้วยควันทำให้หย่งคังที่สูดดมเข้าไปในปริมาณมากเริ่มไม่มีสติ กว่าจะรู้สึกตัว เขาก็ตระหนักว่าตนกระเด็นพ้นคานไม้ใหญ่ด้วยแรงดึงของใครบางคน

“เป็นอะไรหรือไม่?”

หยงเทียนที่มาทันเวลาพอดีถามอีกฝ่ายที่เหมือนเริ่มไม่ได้สติ คงจะสูดควันเข้าไปเยอะทีเดียว

“อาการไม่ดีแล้ว ต้องพาออกไปก่อน” หยงเทียนหันไปบอกชายรับใช้ที่ตามมา

“ขอรับ!”

“อ้ากกก!!!” 

ยังไม่ทันได้เคลื่อนย้ายคนเจ็บ เสียงร้องจากอีกฝากของคานไหม้ก็เรียกให้ทุกคนตระหนักว่านายเลี่ยงหวงเป็นเพียงคนเดียวที่หลบไม่พ้น

“ร้อนๆๆ!!! อ้ากกกก!!!” เสียงร้องแหบแห้งน่าเวทนาดังไม่หยุด ไฟลุกท่วมทั้งร่างของชายชรา ต่อให้วิ่งฝ่าเข้าไปก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

“ข้าต้องช่วยเขา!”

“หยงคัง...ไม่ทันหรอก...” หยงเทียนห้ามคนเจ็บที่ทำท่าจะเข้าไป “ข้าเสียใจ แต่เราต้องไปแล้ว”

แววตาหย่งคังหม่นแสงลงขณะมองดูร่างที่บิดอย่างทรมานจนบัดนี้ก็แน่นิ่งไปแล้ว


…ตาแก่นั่น...ช่วยไม่ทันแล้วสินะ เขาช้าอีกแล้วไม่ว่าเรื่องไหน...

…กับซื่อหลางเอง เขาก็ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานเสียจนเกือบจะเสียเขาไป...



“...คัง!”


…ช้า...ทุกอย่างมักจะสายไปเสมอ...



เพี๊ยะ!

“หย่งคัง!” หยงเทียนที่ตบแก้มเรียกสติอีกฝ่ายตะโกนแข่งกับความโกลาหลวุ่นวายรอบตัว “หากท่านตายตรงนี้ มันก็แค่จบชีวิตท่าน แต่คนที่เขายังอยู่น่ะมันเจ็บปวดรู้หรือไม่!”

แววตามุ่งมั่นแน่วแน่ของหยงเทียน...คำพูดเหล่านั้น...ราวกับสามารถเรียกสติของหย่งคังกลับมาได้


…ซื่อหลาง...


“ข้าจะไม่ตายที่นี่เพราะข้ามีฟานตงที่รอให้ข้ากลับไป แล้วท่านล่ะ หย่งคัง”

“ข้าจะกลับไปหาซื่อหลาง” หย่งคังตอบอย่างไม่ลังเล

“ดี...”

หยงเทียนพยักหน้ารับ 

“งั้นก็ไปกัน”












-------------------------------------------------------------










พวกหย่งคัง หยงเทียนและชายรับใช้คือกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาทันก่อนที่ทะเลเพลิงจะกลืนกินเรือนตระกูลจางจมหายไปในเวลาอันแสนสั้น หากแต่ก็ยาวนานสำหรับใครหลายคน

แม้ทุกคนลืมนึกถึงนักโทษที่ถูกขังไว้เสียสนิท แต่นั่นคงไม่เป็นปัญหาในเมื่อจื่อเยี่ยนได้ปลดปล่อยนักโทษผู้นั้นออกไปแล้ว

…ป่านนี้ชายผู้นั้นคงปลอดภัยแล้วมั้ง...

ร่างเล็กที่มองดูเปลวไฟกัดกินเรือนจนมอดไหม้ ราวกับชะล้าความโสมม ความอิจฉาริษยาและแผนการสกปรกตลบหลังกันซ้ำซ้อนเพื่อนสมบัติที่ตายไปก็เอาไปไม่ได้ จะว่าที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา แม้จะไม่ใช่เรื่องดี แต่ก็ไม่ได้แย่นักสำหรับเขา

ก่อนหน้านี้ จื่อเยี่ยนคิดจะไว้แล้วว่าต่อให้ตาย ท่านหมอคนนั้นก็ไม่มีวันให้ยาถอนพิษ แววตาแน่วแน่ที่ไม่หวาดกลัวสิ่งใดแม้กระทั่งความตายนั่นทำให้จื่อเยี่ยนเหมือนได้เห็นตัวเอง

ความจริงที่ไม่มีใครรู้ เขาเป็นใคร? มาจากไหน?

แท้จริงแล้ว จื่อเยี่ยนก็เป็นแค่ลูกชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แต่ธุรกิจการค้าของตระกูลจางที่เริ่มขยายตัวบีบบังคับพ่อและแม่ของเขาให้ขายไร่ขายนา...แม้กระทั่งขายเขาให้นายเลี่ยงหัวด้วย ช่วยไม่ได้ที่เกิดมาต่ำต้อยกว่า จื่อเยี่ยนเรียนรู้ว่าถ้าอยากอยู่รอดก็ต้องเรียนรู้ที่จะสูงกว่าคนอื่น

เขาร่ำเรียนอย่างหนัก ฝึกฝนอย่างหนัก

จื่อเยี่ยนกลายมาเป็นคนสนิทของคุณชายคนเล็กตระกูลจางได้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นที่จะดำเนินแผนการชะล้างตระกูลนี้จากความสกปรกที่ถมมานานจนเน่าเหม็น

และแน่นอน จื่อเยี่ยนไม่เคยคิดผิด

ตระกูลจากควรมีคนบริหารที่ดีกว่านี้...อย่างเช่นเขา

หรืออย่างน้อยก็จากคุณชายที่รับฟังเขา...จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงจื่อเยี่ยนจะไม่ได้บริหารโดยตรง อย่างน้อยทางอ้อมก็ยังดี...ไม่เชิงหลอกใช้...แต่คนเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ตำแหน่งที่ไม่ทำให้ตัวตายล่ะนะ

จื่อเยี่ยนก็แค่ต้องการสิ่งที่เคยเป็นของเขาคืน คุณชายเองก็อยู่ในสถานนะเดียวกันกับเขา เช่นนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทวงคืนเหมือนกันไม่ใช่หรือ?

ยอมรับว่าแค้นเคืองนัก ไม่ใช่ไม่เคยคิดอยากจะฆ่าคนพวกทำตัวสูงส่งกว่าคนอื่นให้ตายคามือ แต่ทำแบบนั้นแล้วได้อะไร จื่อเยี่ยนรู้ข้อนี้ดี แม้จะทำการตลบหลัง แต่เขาก็รอดสายตาทุกคนมาได้

ซึ่งที่ว่ามา ตรงข้ามกันท่านหมออวี๋เฉินโดยสิ้นเชิง

ต้องจำกัดความชายผู้นั้นอย่างไรดีล่ะ? โง่เง่า บ้าบอ ฉลาดแต่ก็เฉียบแหลม

จื่อเยี่ยนติดตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จนรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเมื่อก่อนอย่างไรอย่างนั้น จากที่เริ่มดูความเคลื่อนไหวก็กลายเป็นการให้ความสนใจจนเริ่มไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ลืมแม้กระทั่งความถูกต้อง

นั่นเป็นคำตอบที่ทำว่าจื่อเยี่ยนถึงปล่อยชายผู้นั้นไป

…เพราะเราเหมือนกันเกินกว่าที่คิด...

จื่อเยี่ยนไม่เข้าใจหรอกว่าการเห็นอกเห็นใจเป็นเช่นไร เขาเห็นอกเห็นใจท่านหมอหรือไม่ เขาเองก็ไม่รู้ แต่กับความแค้นน่ะ เขารู้จักดีเชียวล่ะ

ชายผู้นั้นใช้ความแค้นขับเคลื่อนเหมือนกันเขา วางแผนทุกอย่างเสียดิบดี แต่ต่างตรงที่จื่อเยี่ยนไม่ให้ความแค้นครอบงำเท่านั้น ตัวเขาสมควรมีชีวิตที่ดี ซึ่งเขาจะทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีกับธุรกิจตระกูลจางแน่นอน หากนายเลี่ยงหวงไม่เกิดทำแผนทั้งหมดพังด้วยการเผาทุกอย่างมอดไหม้ไปเสียก่อน

เอาเถอะ นั่นก็ช่วยไม่ได้

อย่างไรเสีย จื่อเยี่ยนก็ไม่เห็นด้วยกับการเอาชีวิตมาเสียกับความแค้นอยู่ดี และชายผู้นั้นก็สมควรถูกปลดปล่อย หากไม่ใช่จากโซ่ตรวนหรือห้องขังที่พันธนาการเขาเอาไว้ แต่เป็นความแค้นที่อยู่ในใจต่างหาก

ท่านหมอควรมีชีวิตให้ดีกว่านี้ อย่างน้อยถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเอง ก็เพื่อคนข้างหลัง ท่านพ่อกับท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์จะได้ไม่นั่งร้องไห้อย่างไรล่ะ

...แต่ก็นะ

ตอนนี้เป้าหมายของจื่อเยี่ยนยังเป็นธุรกิจตระกูลจางอยู่หรือไม่ ?

เขาเองก็ยังตอบตัวเองไม่ได้...

ราวกับการได้เจอท่านหมอเปลี่ยนอะไรบางอย่างในตัวเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งๆ นั้นเรียกว่าอะไรเช่นกัน

แต่ที่แน่ๆ จื่อเยี่ยนตั้งใจว่าจะหายตัวไปสักพัก หรือให้ใครต่อใครคิดว่าเขาตายในกองเพลิงกลายเป็นเถ้าไปเลยได้ยิ่งดี

อย่างไรเสีย หลังจากนี้คุณชายก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แม้จะเสียหายไปมากกับเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ แต่จื่อเยี่ยนก็มั่นใจว่าคุณชายได้สิ่งที่มีค่ามากกว่าเรือนตระกูลจางสิบหลังเสียอีก

นั่นก็คือ หลี่ซื่อหลาง...ชายขายน้ำเต้าหู้ธรรมดาๆ ผู้นั้น

เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ และคงถึงเวลาที่ต้องไปแล้วล่ะ จื่อเยี่ยนลอบมองคุณชายเล็กที่อยู่ไกลออกไป

“ลาก่อนขอรับ...”

“จะลาไปไหนล่ะหืม?”

คนตัวเล็กหันขวับไปทางเสียง ตาเบิกกว้าง “ท...ท่านหมอ!”

“ดีใจหรือเปล่าที่เจอกันอีก”

ยิ้มแบบนั้นทำให้จื่อเยี่ยนรู้สึกแปลกๆ ที่หน้าอกอีกครั้ง หัวใจเต้นรัวตามจังหวะที่ท่านหมอย่างก้าวเข้าหา “อยากเป็นพระเอกหรือ ถึงได้ช่วยข้าไว้"

“ก็แล้วแต่จะคิด” จื่อเยี่ยนเบี่ยงตัว “หลีกไป”

“ไม่”

ไม่ว่าเปล่า จางอวี๋เฉินรวบตัวจื่อเยี่ยนไว้อย่างรวดเร็ว ล็อคแน่นหนาไม่เหลือช่องทางให้คนตัวเล็กหนีรอด

“อ่ะ นี่ท่าน!”

จางอวี๋เฉินค่อยๆ โน้มตัวกระซิบข้างหู “รู้ตัวหรือไม่ว่าชอบทำตัวหน้าโมโห”

จื่อเยี่ยนพยายามบิดตัว ตั้งใจจะงัดท่าวิทยายุทธล้มคนตรงหน้า แต่เหมือนถูกอ่านใจ จางอวี๋เฉินเปลี่ยนท่าล็อคตัวเขาไว้จนขยับตัวไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

“อ่ะๆ อย่าคิดใช้วิทยายุทธกับข้า ไม่ได้ผลหรอก”

“ทำแบบนี้ทำไม”

อีกฝ่ายหัวเราะ “ก็อยากทำ”

“ปล่อยข้า!” จู่ๆ จื่อเยี่ยนก็นึกรู้สึกเสียใจที่ปล่อยคนกวนประสาทนี่ให้รอดตายจากไฟไหม้มาได้

“อยากให้ปล่อยหรือ”

“อยากให้กอดต่อกระมัง!”

“เอ้า แล้วก็ไม่บอก” จางอวี๋เฉินแกล้งตีหน้าซื่อ กระชับอ้อมกอดจนคนตัวเล็กแทบจมหายเข้าไปในอกแกร่ง หากรวมร่างได้คงทำไปแล้ว จื่อเยี่ยนได้แต่กระดุกกระดิกนิดๆ หน่อยๆ ประท้วง

“ท่านหมอปล่อยข้า”

“ข้าจะปล่อยถ้าเจ้าบอกเหตุผลที่ช่วยข้า”

จื่อเยี่ยนถอนหายใจพรืด “ทำไมท่านต้องอยากรู้”

“ก็มันติดใจข้า เห็นลูกหมาที่ตามเจ้าคุณชายนั่นต้อยๆ อย่างเจ้ามาช่วยเนี่ย ขัดใจข้าจนคิดว่าชาตินี้คงนอนตายตาไม่หลับถ้าไม่รู้ความจริง”

“บอกแล้วจะปล่อยใช่หรือไม่” คนตัวเล็กทำเสียงจริงจัง

“จางอวี๋เฉินพูดคำไหนคำนั้น”

“...ข้าช่วยท่านเพราะอยากช่วย”

“หือ?”  จางอวี๋เฉินเลิกคิ้ว “แบบแอบรักข้าเลยอยากช่วยน่ะนะ” แกล้งพูดแหย่ แต่ในใจก็แปลกใจไม่เบา เขาไม่เชื่อสนิทใจ คนตรงหน้าร้ายกว่าที่เห็น เล่ห์เหลี่ยมก็เยอะ เดาใจยาก เขาไม่คิดจะปล่อยไปเพราะคำตอบหลอกเด็กหรอก

“ไม่ใช่!” ฝ่ายนั้นก็ประท้วงการใหญ่ ดูเหมือนกำลังสงบสติอารมณ์เต็มที่ “ข้าบอกแล้ว ปล่อยสักที!”

“นี่ข้ายังไม่ได้รับคำตอบที่ถูกต้อง เจ้าพูดคลุมเครือ แบบนี้ไม่นับ”

“จะปล่อยข้าดีๆ หรือไม่...”

“แล้วเจ้าจะทำอะ...อ้ากก!! อั่ก!!”

จางอวี๋เฉินไม่รู้จะเจ็บตรงไหนก่อนดี ระหว่างรอยเขี้ยวที่ตอนนี้คงมีเลือดไหลซิบๆ บริเวณหน้าอกหรือกล่องดวงใจที่โดนหน้าขาอีดใส่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

“...ก็ประมาณนี้น่ะขอรับ”

จื่อเยี่ยนว่าเสียงเย็นก่อนจะเดินจากไป จางอวี๋เฉินได้แต่นอนสิ้นแรงเพราะถูกจี้จุดสำคัญจนหน้าเขียว

“โอย...ข้าจะตามตัวเจ้าแน่ จื่อเยี่ยน!”


















-------------------------------------------------------------











To Be Continued...









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 10:52:21 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :impress3:

ได้อ่านต่อแล้ววววววววว

รอคอยเธอมาแสนนาน~

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เธอมาแล้ววววว

หยงเทีนหับหย่งคังพระเอกน่าดูเลยตอนนี้

จื่อเยี่ยนซับซ้อนมาก

ออฟไลน์ empty102153

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยินดีต้อนรับกลับค่ะ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
 :3123: :pig2:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ทีแรกนึกว่าตาฝาด -0-;;
ดีใจที่มาต่อนะคะ ><
จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ยย

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
บทส่งท้าย



         หลังเหตุการณ์ไฟไหม้เรือนตระกูลจาง เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือทรัพย์สินใดๆ รวมไปถึงธุรกิจก็เป็นอันต้องชะงัก งานนี้ตระกูลจางคงใกล้เคียงกับกิจการล้มละลายเลยกระมัง

   หย่งคังคิดแล้วก็ปวดหัว มีเรื่องต้องไปสะสางมากมายนัก ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนป่วยที่เนื้อตัวถูกพันด้วยผ้าราวกับมัมมี่ ป่านนี้เขาออกจากสถานีอนามัยแห่งนี้ไปนานแล้ว ไหนจะเรื่องงานศพนายเลี่ยงหวง ไหนจะเรื่องบ้าน ไหนจะเรื่องธุรกิจ ไหนจะจื่อเยี่ยนที่หายตัวไป

   คิดแล้วก็อดห่วงไม่ได้

   “คิดอะไรอยู่ หน้าเครียดเชียว” ซื่อหลางเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยพร้อมชาและขนมหวาน หย่งคังไม่ทันรู้ตัวว่าอีกฝ่ายเข้ามาตอนไหนเลยด้วยซ้ำ

   “ไม่มีอะไรหรอก” คนเจ็บส่ายหัว

   “นี่... ถ้ามีอะไรก็บอกข้าสิ อย่าเก็บไว้เข้าใจหรือไม่”

   หย่งคังลอบยิ้ม “งั้นก็อยากบอกว่าข้ารักท่านนะ”

   “จ...เจ้าพูดอะไรเนี่ย” หลี่ซื่อหลางเสหน้าที่แดงเถือกไปอีกทาง ก่อนจะวางชาและขนมลงบนโต๊ะข้างๆ เตียง “ข้าเอาขนมมาให้ เผื่อเจ้าจะหิว”

   “หิว แต่ไม่อยากกินขนม” มือไวกว่าปาก หย่งคังดึงตัวซื่อหลางให้มานั่งบนตัก “กินท่านแทนได้หรือไม่"

   “หยุดคิดเลย!”

   …สาบานว่านั่นไม่ใช่เสียงของหลี่ซื่อหลาง

   ปั้ก!!

   ตามด้วยการปาถุงซาลาเปาที่หลี่ซื่อหลางฝากซื้อแล้วยังกำชับว่าให้เอามาฝากคนเจ็บอย่างหย่งคังด้วยตัวเองอีก
   จะให้ผูกมิตรอะไรนักหนา เหม็นขี้หน้า! นี่ถ้าพี่ซื่อหลางไม่ขอก็ไม่มีวันทำแน่ๆ

   “ฟานตง!” ร่างโปร่งเท้าเอวทำท่าจะเอ็ดน้องคนกลาง “ทำไมทำเช่นนี้เล่า หัวร้างข้างแตกขึ้นมาจะแย่เอารู้หรือไม่”

   “เจ็บจัง...” ได้ที่หย่งคังก็กอดเอวซื่อหลาง ไถหัวกับไหล่มนออดอ้อนเป็นการใหญ่

   “มารยานัก!”

   ฟานตงเห็นแล้วของขึ้น ชี้หน้าด่าอีกฝ่ายเอาเป็นเอาตาย “ตัวใหญ่อย่างกับควายอย่ามาพูดเจ็บจังไม่เข้ากับหน้าเถื่อนๆ ว้อย! พี่ซื่อหลาง อย่าไปเชื่อนะ!”

   ฝ่ายคนกลางได้แต่ถอนหายใจ เขาแกะมือปลาหมึกของหย่งคังออกก่อนจะเดินไปหาฟานตง

   “ไม่เอาน่า หย่งคังไม่สบายอยู่นะ เจ้าไปเล่นที่อื่นดีหรือไม่”

   “ข้าโตแล้วนะ!”

   “จ้า จ้า” ซื่อหลางลูบหัวฟานตงอย่างเอ็นดู “งั้นก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดีนะ ข้ารักเจ้า”

   “รักมากกว่าหย่งคังหรือไม่” ถามด้วยสีหน้าหมาหงอย เห็นแล้วก็ลำบากใจจะตอบจริงๆ

   “อ่า...รักเท่ากันน่ะ”

   “ไม่เอา!! / ไม่เอา!!”

   เป็นการประสานเสียงร้องครั้งแรกของน้องทั้งสองคนที่หลี่ซื่อหลางรักไม่ต่างกัน

   “เสียงดังอะไรกันพวกเจ้า” เหมือนจิ้งอี้จะเป็นวีรบุรุษของวันนี้ เข้ามาได้จังหวะพอิบพอดี “อ่าว ฟานตง ข้าเห็นหยงเทียนตามหาเจ้าให้ทั่ว”

   “ตามหาข้า?”
 
   ฟานตงพับเรื่องพี่ชายรักใครมากกว่ากันทันทีที่ได้ยินชื่อคนรัก

   “ก็ใช่น่ะสิ” จิ้งอี้ยักไหล่ “พลิกแผ่นดินหาเจ้าอยู่ข้างนอกนู่นน่ะ”

   “งั้นข้าจะไปหาหยงเทียนแปบเดียว” ว่าแล้วก็เดินไปกระซิบกระซาบกับคนเพิ่งมาใหม่ “พี่จิ้งอี้จับตาดูเจ้านั่นไว้นะ ข้าไม่ไว้ใจเลย กลัวจะทำอะไรพี่ซื่อหลางอีก”

   “ไม่ต้องห่วง เชื่อมือข้าได้”

   พยักหน้าให้กันเหมือนสัญญาลูกผู้ชาย ก่อนไปหานตงยังไม่วายเขม่นใส่หย่งคังที่นอนอยู่บนเตียงอีกรอบ

   เฮ้อ... นิสัยหวงพี่นี่แก้ไม่หายเลยสินะ

   “อย่าคิดมากเลย ฟานตงก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ” จิ้งอี้เอ่ยด้วยท่าทางชาชิน เขาเห็นเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ฟานตงเด็กๆ แล้ว

   “นั่นสิ...” หลี่ซื่อหลางถอนหายใจ “ข้าเลี้ยงตามใจเขาเกินไปหรือเปล่านะ”

   “ท่านน่ะเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลกแล้ว อย่ากังวลเลย” หย่งคังยิ้ม ซื่อหลางยิ้มตอบ เหมือนโลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพูไปเสียแล้ว

   “นี่ๆ” จิ้งอี้ยกมือขึ้นเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง “บางทีข้าก็คิดนะ ว่าข้ายังจำเป็นอยู่หรือไม่"

   “เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ เดี๋ยวข้าไปหาชาให้เจ้าก่อนละกัน” หลี่ซื่อหลางเปลี่ยนเรื่อง เดินออกไปหมายจะซื้อชาร้อนมาให้คนที่อุตส่าห์ถ่อมาเยี่ยมคนเจ็บถึงในเมือง

   ลับหลังหลี่ซื่อหลาง จิ้งอี้ก็เปิดบทสนทนาทันที

   “หย่งคัง เจ้าน่ะ จริงใจกับหลี่ซื่อหลางจริงๆ ใช่หรือไม่”

   “ชีวิตข้าก็ให้เขาได้” อีกฝ่ายตอบไม่หลบสายตา ไม่มีความลังเลในน้ำเสียง

   “ก็ดี...” จิ้งอี้ว่าพลางพิจารณาคนตรงหน้าไปด้วย “ถ้าทำเขาเสียใจข้าไม่ไว้หน้าคุณชายอย่างเจ้าหรอกนะ”

   “ก็แล้วแต่ท่าน”

   จิ้งอี้ยักไหล่ “ก็นะ ว่าแต่จ้าวางแผนจะไปอยู่ที่ไหนต่อล่ะ”

   “ไว้หายดีแล้ว ข้าจะกลับไปสะสางเรื่องของตระกูลเสียหน่อย”

   “กลับไปบริหารงานต่องั้นรึ”

   หย่งคังส่ายหน้า “ข้าก็ไม่แน่ใจ ประเมินความเสียหายแล้วท่าจะเสียมากว่าได้ ข้าอาจต้องขายทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ใหม่”

   “พูดเหมือนง่ายๆ เลยนะเจ้าเนี่ย”

   “ก็ไม่ง่ายหรอก” หย่งคังเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ข้าจะทำเพื่อซื่อหลาง ฉะนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”

   “ก็ดีแล้ว”

   “ข้ากลับมาแล้ว!” จู่ๆ ฟานตงก็ถลาเข้ามาในห้อง ไม่รู้รีบอะไรนักหนา ทำอย่างกับว่าหนีอะไรมาอย่างนั้นแหละ

   “อ่าว พี่ซื่อหลางล่ะ” รีบถามทันทีเมื่อไม่เห็นเงาพี่ชายตนเองอยู่ในห้อง

   “ไปหาซื้อชาน่ะ” จิ้งอี้ตอบคลายความสงสัย “แล้วหยงเทียนล่ะ ไม่มากับเจ้าเหรอ”

   “เฮอะ!” ฟานตงเปลี่ยนสีหน้าทันที “เจ้านั่นจะไปตายที่ไหนก็ไปสิ ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”

   “พูดเรื่องอะไรของเจ้าเนี่ย ทะเลาะกับหยงเทียนมา?”

   พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา

   “ฟานตง” หยงเทียนที่สภาพเหมือนไล่จับอะไรอยู่เดินมาหยุดตรงหน้าฟานตง

    “เจ้าหนีข้าทำไม”

   “ไม่ได้หนี!” หันหน้าไปอีกทางท่าทีหงุดหงิดเสียเต็มประดา

   ...แหม่ หนีอยู่ชัดๆ...

   นั่นเป็นความคิดของทุกคนที่นั่งอยู่ในห้อง

   “ข้าขอโทษถ้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ”

   “ข้าไปมีสิทธิ์ไม่พอใจคนดังด้วยเหรอ เฮอะ!”

   อ่า...อย่างนี้นี่เอง

   จิ้งอี้หัวเราะคิกคักเมื่อเข้าใจสถานการณ์ ได้ที่ราดน้ำมันลงกองเพลิงเสียหน่อย ชีวิตพ่อลูกสองอย่างเขาช่วงนี้ไม่ค่อยมีสีสันเท่าไหร่

   “จริงสิน้า...พักหลังๆ หยงเทียนโดนทาบทามไปเป็นลูกเขยตระกูลนู่นตระกูลนี่ชนิดหัวบันไดไม่แห้งเลยนี่นา”
   
       ปรี๊ด!!

   ราวกับปรอทความอดทนฟานตงขึ้นถึงจุดขีดสุด

   บ้าเอ้ย! เพราะการทำตัวเป็นวีรบุรุษของหยงเทียนคราวนั้น เจ้าตัวก็เหมือนได้แจ้งเกิดกลายเป็นที่หมายปองของสาวๆ ถึงขั้นที่พวกนางแย่งจะเอาเป็นพ่อของลูกให้ได้!

   ก็ใช่ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของหยงเทียน เขาเองเป็นคนที่พาหยงเทียนไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ เอาแต่ใจจนอีกฝ่ายต้องเสี่ยงตายเข้าไปในกองเพลิงแทนตน

   ถึงอย่างนั้น... คิดทีไรก็หงุดหงิดอยู่ดี!

   “หลีกไป!”

   ฟานตงหันหลังกลับทำทาจะเดินหนีอีกรอบ แต่ถูกคว้าไว้เสียก่อน

   “เราต้องคุยกันนะ”

   “ไม่คุยว้อยยย!!”

   “แต่ข้ารักเจ้า!”

   “ก...เกี่ยวอะไรเนี่ย!!” ฟานตงไม่ใช่แค่หน้าแดงเท่านั้น แต่ตัวแดงไปทั้งตัวเลยต่างหาก แหงล่ะ ถูกบอกรักท่ามกลางสักขีพยานแบบนี้ ต่อให้หน้าด้านฉาบปูนไว้หลายชั้นก็สะเทือนกันทั้งนั้น

   “รักๆๆๆๆ รักเจ้าคนเดียว! ข้าไม่สนใจแม่นางพวกนั้นแม้แต่คนเดียว คนที่ข้ารักคือเจ้า ฟานตง ข้าจะไม่ทำรักกับใครนอกจากเจ้า!”

   พรืด!

   หย่งคังกับจิ้งอี้เกือบสำลักน้ำลายตัวเองในความกล้าหาญของหยงเทียนเสียแล้ว

   “จ...เจ้าบ้า!!!”

   ฟานตงตีอกชกลมเล็กน้อยก่อนจะวิ่งออกจากห้องด้วยความเร็วแสง ประหนึ่งว่าถ้าสามารถหายตัวไปได้ก็คงทำแล้ว ทิ้งไว้แต่คนตัวสูงที่ยืนเอ๋ออยู่ต่อหน้าสักขีพยานรักอีกสองหน่วยในห้องผู้ป่วย

   “นี่ข้าทำอะไรผิดหรือ”

   หยงเทียนถามอย่างคลางแคลงใจ รักก็บอกว่ารัก คนปากตรงกับใจผิดตรงไหน

   “ข้าคิดว่าเพราะประโยคสุดท้ายนะ” จิ้งอี้ยักไหล่ หย่งคังพยักหน้าตาม

   “ก็ข้าเห็นหย่งคังชอบพูดแบบนั้นกับพี่ซื่อหลางนี่นา...” หยงเทียนพึมพำ หากคนในห้องก็ได้ยินชัดเจนทุกคำ

   “ไม่เป็นไรหรอก ข้าว่าฟานตงคงไม่โกรธท่านแล้ว” หย่งคังให้กำลังใจ

   “งั้นข้าไปตามฟานตงล่ะ” หยงเทียนรีบร้อนไปตามหาคนรัก ก่อนไปก็ไม่ลืมหันมาอวยพรคนเจ็บ “หายไวๆ ล่ะ”

   “ขอบใจ”

   หลังจากที่หยงเทียนไป หย่งคังก็หันไปหาจิ้งอี้ “หยงเทียนเป็นคนดีนะ”

   “อ่า ใช่ๆ”  จิ้งอี้พยักหน้า “เจ้านั่นตัวใหญ่แต่ซื่อบื้อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”

   “นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า”

   “คิดว่าใช่นะ” พ่อลูกสองยักไหล่

   “ขอโทษที่ไปนาน ข้าหลงทางน่ะ” ซื่อหลางเดินเข้ามาพร้อมกับชาสองสามถ้วยในถาด

   “วันหลังไม่ต้องลำบากก็ได้ เจ้านี่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย” จิ้งอี้ไม่วายดุเพื่อนรัก ร่างโปร่งยิ้มรับเจื่อนๆ

   “ข้าก็อยากทำอะไรที่ทำได้น่ะ"

   “ก็เป็นเสียแบบนี้แหละนะเจ้าเนี่ย”  จิ้งอิ้หยิบถ้วยชาที่ยังร้อนๆ ขึ้นมา “ดื่มชาแล้วก็กลับดีกว่า ข้าไม่อยากเป็น กขค”

   “ก...กออะไรนะ” ซื่อหลางถาม

   “อ่อ เปล่าหรอก” ดื่มชารวดเดียวก่อนจะวางถ้วยใส่ถาดตามเดิม “ไปล่ะ! หายไวๆ ล่ะคุณชาย”

   จิ้งอี้เดินออกไปท่ามกลางความงุนงงของคนในห้อง มาไวไปไวเสียเหลือเกิน เอาเถอะ หลี่ซื่อหลางหันไปให้ความสนใจกับคนป่วยแทน

   “แผลเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บอยู่หรือไม่”

   “ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ ไกลหัวใจน่ะ”

   หลี่ซื่อหลางยิ้มรับ “ได้ยินแบบนั้นข้าก็โล่งใจ ข้าว่าเจ้าน่าจะดื่มชะ...” ไม่ทันจะเดินไปหยิบชาให้คนป่วยดื่ม มือปลาหมึกก็รวบตัวร่างโปรงลงไปนั่งกับเตียง ก่อนจะถูกฉกชิงความหวานจากริมฝีปาก

   “อ...อื้อ!” ซื่อหลางพยายามเสหน้าหลบจูบที่กำลังจะประทับลงอีกครั้ง “ที่นี่สถานทีอนามัยนะ!”

   “แปลว่าที่บ้านทำได้?”

   “เจ้าลามกไปแล้ว!”

   “กับท่านคนเดียวนั่นแหละ” ว่าแล้วก็ประทับจูบที่แก้มอีกฝ่าย

   “อ้ะ! หยุดเลย”

   หลี่ซื่อหลางแกะมืออีกฝ่ายหมายจะหลุดจากพันธนาการ หย่งคังมีสีหน้าเจ็บปวดทันที

   “แค่กอดก็ไม่ได้หรือ?”

   หันไปมองแววตาหม่นแสงนั่นแล้วใจอ่อนทุกที ซื่อหลางถอนหายใจ “แค่กอดนะ”

   “อืม”

   หย่งคังตระคองร่างโปร่งอย่างทะนุถนอมราวกับเขาสามารถแตกสลายได้อย่างไรอย่างนั้น หลี่ซื่อหลางเอ่บทำลายความเงียบอีกครั้ง “หย่งคัง”

   “หืม?”

   “ออกจากที่นี่แล้ว เจ้าตั้งใจจะทำอย่างไรต่อไป”

   หย่งคังเลิกคิ้ว “เป็นห่วงหรือ?”

   “ก็ใช่น่ะสิ”

   “ท่านน่ารักจริงๆ” หย่งคังทำท่าจะขโมยจูบอีก ผีตาแก่ลามกเข้าสิงอีกแล้วสินะ ซื่อหลางได้ทีตีแขนที่ไม่มีผ้าพันแผลพันอยู่ไปหนึ่งทีเบาๆ จนคนที่โดนตีแทบไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ

   “อย่าเปลี่ยนเรื่องได้หรือไม่ บอกข้ามาเร็ว”

   “ก็ได้ ข้ายอมแล้ว” หย่งคังยิ้มอ่อน “ข้าคงจะไปทำเรื่องงานศพจางเลี่ยงหวงนั่นแหละ แล้วก็ดูว่ายังเหลืออะไรจากไฟไหม้บ้างหรือไม่ สินค้าจากไร่สวนก็ส่งมาแต่ไม่มีคลังจัดเก็บอีกแล้ว คงต้องขายสินค้าแก้ขัดไปก่อน”

   “พอจะมีอะไรที่ข้าช่วยได้หรือไม่”

   “อยู่ข้างๆข้านี่ไง” หย่งคังตอบในทันที เขาคิดแบบนั้นจริงๆ หากไม่มีคนตรงหน้า เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าชีวิตต่อไปจะอยู่อย่างไร จะมีแรงที่อยากต่อสู้ในวันพรุ่งนี้หรือไม่ ไม่รู้เลยจริงๆ

   ทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบไปเสียอย่างนั้น หย่งคังเอ่ยถามเสียงนุ่ม

   “เป็นอะไรไป”

   “...ข้าอยากทำให้อะไรเพื่อเจ้าบ้าง”

   “แค่มีท่านอยู่ ข้าก็มีแรงฮึดต่อสู้แล้ว”

   หลี่ซื่อหลางยิ้มรับ “งั้นพอออกจากที่นี่แล้ว เจ้าจะย้ายไปอยู่กับข้าใช่หรือไม่”

   “ได้หรือ?”

   “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

   “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรนะ มีหนี้ก้อนโตตามหลังอีก”

   “แล้วอย่างไร? ข้ามีเงินเก็บอยู่ ฉะนั้นข้า...”

   “ข้าขอไม่รับ” หยงคังเอ่ยแทรก ซื่อหลางมีสีหน้าผิดหวังขึ้นมาทันที

   “ข้าไม่ได้รังเกียจเงินท่าน อย่าเข้าใจผิด” หย่งคังรีบแก้ความก่อนอีกฝ่ายจะคิดมาก “ข้าแค่อยากสะสางหลายๆ เรื่องก่อนน่ะ จื่อเยี่ยนก็หายตัวไป ข้าเป็นห่วงเขา”

   “งั้นหรือ”

   “ข้าไม่หายไปไหนหรอก” ว่าแล้วก็จูบซับหน้าฝากอีกฝ่าย

   “ข้ารู้”

   ซื่อหลางเอ่ยเสียงเบา “ถ้าเจ้าหายไปอีก คราวนี้ข้าไม่ยอมแล้วจริงๆ ด้วย”

   “จะลงโทษอะไรข้าหรือ?”  หย่งคังพูดน้ำเสียงระรื่น “มัดกับเตียงก็เร้าใจดีนะ”

   “ใช่ที่ไหนล่ะ!” 

   “แล้วอะไรล่ะหืม?” คนตัวใหญ่เกยคางกับไหล่มน แอบสูดดมความหอมจากต้นคอคนในอ้อมแขน ถ้าเขาไม่บาดเจ็บอยู่ล่ะก็ คืนนี้จะไม่จบแค่นอนกอดกันแน่ๆ

   “ข้าจะหนีไปในที่ๆ เจ้าตามไม่เจอน่ะสิ ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว”

   หย่งคังชะงัก “...ไม่เอานะ...”

   “ขึ้นอยู่กับเจ้านั่นแหละ"

   “ซื่อหลาง ข้าขอล่ะ ห้ามทำแบบนั้น เข้าใจหรือไม่ ห้ามไปอยู่ในที่ๆ ข้าไม่เห็นท่าน” หย่งคังกระชับอ้อมกอดราวกับกลัวว่าหลี่ซื่อหลางจะหายไปจริงๆ

   “ถ้าเจ้าสัญญาว่าจะไม่ไปไหน มีอะไรก็บอกข้า อย่าแบกรับไว้คนเดียว ข้าก็พร้อมจะเดินไปพร้อมกับเจ้า”

   “งั้นให้ถึงตอนนั้น เวลาข้าจะไปทำธุระที่ไหน ท่านก็ไปด้วยดีหรือไม่” หย่งคังเสนอความคิด “จะได้เรียนรู้เป็นคู่ชีวิตกันและกัน ช่วยกันทำงาน สร้างกิจการใหม่ด้วยกัน”

   “จริงหรือ?”

   แววตาประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นของหลี่ซื่อหลางทำเอาหย่งคังแทบอดใจไม่ไหว เย็นไวตัวเรา เย็นไว้ คนตัวใหญ่พยายามท่องในใจ

   “ข้ารักท่านนะ ซื่อหลาง”

   เจ้าของชื่อยิ้มรับ จูบกลับแผ่วเบาราวกับผีเสื้อกระพือปีก

   “ข้าก็รักเจ้า หย่งคังของข้า”







-------------------------------------------------------------







   ร่างกายของหย่งคังใช้เวลาฟื้นฟูเพียงไม่นาน เขาก็สามารถเดินเหินยกของนู่นนี่นั่นได้เป็นปกติ เหลือก็แต่แผลเป็นตามตัวที่ยังคงเป็นเครื่องเตื่อนความจำให้นึกถึงเรื่องราวทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้น

   ซึ่งเขาคงจำไปจนวันตายนั่นแหละนะ

   ทางด้านหลี่ซื่อหลางก็ปิดกิจการขายน้ำเต้าหู้อย่างไม่มีกำหนด เขาใช้เงินเก็บซึ่งมากพอสำหรับการไปกับหย่งคังในทุกที่ เรียนรู้ระบบกิจการการค้าขายของตระกูลจาง และเริ่มต้นสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งกับคนรัก

   ส่วนฟานตงก็ใช้เวลาส่วนใหญ่กับหยงเทียน ทำงานพิเศษอย่างขยันขันแข็ง และคอยเฝ้าบ้านรอวันพี่ซื่อหลางกลับมา



   กระทั่งหนึ่งปีให้หลัง

   เรือนตระกูลจางที่เคยจมหายไปในทะเลเพลิง บัดนี้ได้ถูกสร้างบูรณะขึ้นมาใหม่ แม้ไม่สวยหรูยิ่งใหญ่เหมือนอย่างเก่านัก แต่สำหรับหย่งคังและซื่อหลางก็ถือว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่ทีเดียว ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนเล็ก ที่ตอนนี้ถูกเรียกว่า ‘เรือนดอกท้อ’ เนื่องจากหย่งคังเล่าว่าสมัยเด็ก เขามีต้นท้อเป็นเพื่อน

   ...ฟังดูน่าเวทนานิดๆ ยังไงไม่รู้สินะ...

   เอาเถอะ เอาที่คนรักสบายใจ ซื่อหลางจึงหาต้นดอกท้อมาปลูกเสียเต็มสวน จนกลายเป็นสวนดอกท้อที่สวยงามกว่าที่ไหนๆ ไปเสียแล้ว

   ส่วนบริเวณเรือนใหญ่ก็ถูกปรับแต่งให้เป็นร้านอาหาร พ่อครัว และคนช่วยดูแลร้านล้วนเป็นคนรับใช้เก่าของตระกูลจางทั้งสิ้น ทุกคนอยู่กับแบบครอบครัว มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน

   ทางด้านกิจการส่งออกผักและผลไม้สดก็มีซื่อหลางคอยช่วยดูแลในส่วนนี้ เป็นเหมือนตัวแทนหย่งคังก็ว่าได้ เพราะหย่งคังต้องออกไปพบปะสร้างสัมพันธไมตรีกับคู่ค้าสมาคมมากมาย เพื่อที่จะก่อร่างสร้างตัวให้มั่นคงกว่านี้

   วันนี้ก็เช่นเดียวกัน หย่งคังออกไปเจรจากับคนในวังเรื่องผักและผลไม้ที่จะถูกส่งเข้าคลังเพื่อกักตุนไว้สำหรับหน้าหนาวที่กำลังจากมาถึง ถือเป็นช่วงโหดหินของกิจการตระกูลจางทีเดียว
   
   “ข้ากลับมาแล้ว” หลังน้ำเสียงอ่อนล้าเอ่ยขึ้น หลี่ซื่อหลางก็รีบปรี่เข้ามาหาคนรักทันที

   “เป็นอย่างไรบ้าง”

   “ต้องส่งผลผลิตให้ทันสิ้นเดือนหน้าน่ะ”

   “งั้นหรือ” หลี่ซื่อหลางทำสีหน้าครุ่นคิด “ข้าคิดว่าทันอยู่นะ"

   “ซื่อหลาง” หย่งคังไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะเหนื่อยจากงาน เจ้าตัวก็งัดแรงเฮือกสุดท้ายอุ้มคนรักในท่าเจ้าสาวหายลับเข้าไปในห้องนอนทันที

   “เดี๋ยวสิ!” หลี่ซื่อหลางประท้วงหลังจากถูกวางลงบนเตียง หย่งคังที่โดดขึ้นคร่อมเริ่มมือปลาหมึก มือลากผ่านส่วนไหนเป็นต้องเอาเสื้อผ้าเขาติดมือออกไปด้วย “หย่งคัง ยังกลางวันอยู่เลยนะ”

   “ก็ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ทำกันเลย” พูดทั้งที่ยังสูดดมกลิ่นหอมจากตัวอีกฝ่ายราวกับเสพติด

   “ก็เจ้างานยุ่งเองไม่ใช่หรือ”

   “ใครกันแน่” หย่งคังแอบเคืองนิดๆ ที่ช่วงหลังมานี้หลี่ซื่อหลางจริงจังกับงานเสียจนบางครั้งก็ลืมไปว่าไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ “ไม่เอาแล้ว ท่านไม่ต้องทำงาน อยู่ต้อนรับข้าที่บ้านเฉยๆ ก็พอไม่ได้หรือ”

   “เช่นนั้นข้าจะต่างอะไรกับตุ๊กตาเล่า”

   หย่งคังประทับจูบบนลาดไหล่มน “ท่านก็น่ารักเหมือนตุ๊กตาอยู่แล้ว”

   “อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”

   “ข้าอยากมีเวลากับท่านมากกว่านี้”

   หลี่ซื่อหลางตระคองใบหน้าคนรัก ย้ำด้วยเสียงจริงจัง “ข้าไม่ไปไหนหรอก ข้าอยู่กับเจ้า...อ่อ จริงสิ! เกือบลืมเลย”

   “อะไรหรือ?” หย่งคังขมวดคิ้วสงสัย

   “มีจดหมายจากจื่อเยี่ยนมาถึงเจ้านะ”

   “จริงหรือ?” หย่งคังแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

   “ลุกสิ ข้าจะไปหยิบมาให้”

   หย่งคังลุกตามคำสั่งคนรัก เดี๋ยวนี้ซื่อหลางชี้ไม้เป็นไม้ ชี้นกเป็นนกไปเสียหมด ไม่ว่าอะไรเขาก็พร้อมเชื่อฟังคนรักเหมือนถูกมนต์สะกดอย่างไรอย่างนั้น

   “มันมาถึงเมื่อเช้าน่ะ ขอโทษที่ข้าแอบอ่านนะ ตัวข้าเองก็อยากรู้ว่าเขาเป็นอย่างไรเช่นกัน” ร่างโปร่งมีสีหน้ารู้สึกผิด ได้ที่หย่งคังจึงประทับจูบแก้มใสหนึ่งที

   ฟอด!

   “ไว้ข้าจะลงโทษท่านคืนนี้เลยดีหรือไม่ อย่างเช่นมัดกับเตียงเหมือนคราวก่อน? หรือจะลองในห้องครัวก็ตื่นเต้นดี?”

   “อ...อ่านจดหมายไปเลย!”

   คนที่ตัวแดงเหมือนมะเขือเทศสุกเดินหายลับหลังประตูไปอย่างรวดเร็ว สงสัยจะกลัวคำขู่ของหย่งคังเสียเต็มประดา

   …น่ารักเสียจริง...

   หย่งคังเอ่ยกับตัวเองในใจ ก่อนจะเปิดจดหมายอ่าน




ถึง คุณชายเล็ก

   ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษที่หายตัวไป ถึงแม้ตอนแรกข้าไม่คิดจะบอกท่านเรื่องที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ข้าก็ตัดสินใจว่าบอกท่านน่าจะดีกว่ากระมัง หวังว่าคุณชายเล็กจะสบายดีและกิจการรุ่งโรจน์ ส่วนข้านั้นสบายดี มีหมาตัวใหญ่นิสัยเสียคอยอยู่เป็นเพื่อน เช่นนั้นท่านก็เลิกออกตามหาข้าได้แล้ว ขอให้ท่านโชคดี

                                                                                       จื่อเยี่ยน






เลี้ยงหมา?

 ไม่ยักรู้มาก่อนว่าคนตัวเล็กชอบเลี้ยงสัตว์ เอาเถอะ อย่างไรเสียคำพูดในจดหมายช่างฟังดูเป็นจื่อเยี่ยนดีจริงๆ

“ทำให้ข้าเป็นห่วงแทบแย่” หย่งคังยิ้มอ่อน

ในเมื่อรู้ว่าจื่อเยี่ยนสบายดี หย่งคังก็เหมือนยกหินหนักๆ ออกจากตัวได้อย่างไรอย่างนั้น ต่อไปนี้เขาก็คงหายห่วงเพื่อนเก่าได้แล้ว ก็เพียงแต่หวังว่าสักวันเราจะได้เจอกันอีก



...มาเจอกันอีกครั้งที่นี่
หลังสวนดอกท้อ...







(จบ)












คุยกันสักนิด
เย้ๆๆ จบกันไปแล้วกับหลังสวนดอกท้อค่าาาาาาา
ต้องขอขอบคุณนักอ่านที่ติดตามกันมา
แม้เราจะหายไปช่วงนึงก็ตาม T T ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
เรามีแพลนว่า อาจจะมี ภาค 2 ตามมา
ยังไงก็รอติดตามกันนะคะ



ขอบคุณค่ะ <3






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 11:02:06 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew2:

ว่าอยู่ว่าเหมือนตัดจบ

แต่ภาคสอง(ถ้ามี) ตัวเอกจะเป็นซื่อหลางหรือจื่อเยี่ยนกันนะ? (ฟานตงปล่อยไป คู่นั้นเขาลงเอยด้วยดีแล้ว)

 :กอด1:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
@BlueCherries ภาค2 จะเป็นภาคของจื่อเยี่ยนกับท่านหมออวี๋เฉินค่าา  รอติดตามกันน้าา

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ขอบคุณนะคะ
รอภาคของอวี๋เฉินกะจื่อเยี่ยน  :pig4: :impress2:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
มีความสุขสักที

ออฟไลน์ zaturday

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เราไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้!! ยอมรับว่าจบแบบนี้เราไม่พอใจ เราอยากอ่านอีก จงส่งตอนพิเศษมาอัพอีกสักยี่สิบตอนเดี๋ยวนี้5555
ล้อเล่นค่ะ แต่เรื่องตอนพิเศษนี่อยากอ่านจริงๆ เราเพิ่งมาเจออ่านรวดเดียวจบ พอถึงตอนจบ เราดันไม่อยากให้จบ เพราะนิยายเรื่องนี้สนุกมาก อยากอ่านต่อเรื่อยๆ ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายสนุก ภาษาสวย และพล็อตดีๆอย่างนี้มาให้เราอ่าน นิยายดีต้องแนะนำบอกเลย

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
และแล้วห็ได้อ่านนิยายเรื่องนี้แบบรวดเดียวจบ

สนุกดีค่ะ  เพียงแต่ขาดความละมุนละไมไปนิกเนื่องจากเนื้อเรื่องมันเร็วมากกกกก  เชื่อว่าถ้าคนเขียนมีเวลาหรือไม่ต้องกดดันจากคนรอหรืออะไรต่างๆ  มันจะงดงามกว่านี้อีกนะ   แค่ชื่อนิยายก็หลงรักเสียแล้วค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อื้ออออ ในที่สุดๆๆๆๆ

และถ้ามีภาพสองจริงก็จะตั้งใจรออย่างใจจดจ่อเลยค่ะ^^

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สนุกมากที่สุดอ่ะรอภาค2นะ
มาต่อเร็วๆๆๆนะ
คิดถึงทุกๆๆตัวละครมากมายอย่าหายไปนานจนเราลืมคุณชายเล็กกับซื่อหลาง  ฟานตงกับหยงเทียน
อ่อๆๆๆจื่อเยี่ยนกับคุณหมออวี๋เฉิน นะค่าาาาาา
รอนะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :pig4:

ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1057
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
จบด้วยดีเราก็แฮปปี่
ขอบคุณนะคะ สำหรับงานเขียนดีๆ

ออฟไลน์ ~ ฤดูใบไม้ผลิ ~

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไปฟานตงก็เป็นเจ้าเด็กหวงพี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ส่วนหย่งคังนี่หื่นซะจนน่าสงสารพี่ซื่อหลาง :m25: :m25:
ถ้ามีภาค2 อยากอ่านเรื่องของจื่อเหยียนและท่านหมอจัง  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ สนุกมากเลยฮะ รอภาคสอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ออกแนวละมุน

แม้ช่วงแรกจะดราม่าไปบ้าง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ  :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[ :o8: :-[

ออฟไลน์ ตีสี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-5
    • 61'
เนื้อเรื่อง พล็อตเรื่องสนุกดีนะ
แต่ระดับภาษาปนกันจนงงไม่รู้ว่าเป็นจีนยุคไหนแน่

ออฟไลน์ Raina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
โอ้ นิยายวายจีนโบราณที่หาอ่านได้ยาก  :hao6:

พล็อตโอเคแล้ว  o13  แต่เดินเรื่องเร็วไปนี้ดดดส์ อย่างตอนที่แม่เลี้ยงใจยักษ์กับพี่ชายใจร้ายตาย แบบว่า...รวบอยู่ใน 1 ย่อหน้า คนอ่านยังไม่ทันสะใจเลยค้าาาา  o22  555 เรื่องจื่อเยี่ยนอีก สงสัยมานานว่าตัวดีหรือตัวร้าย แต่ได้มาแค่บทอธิบายสั้นๆตอนไฟไหม้ ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่  :bye2:  หรือเรนอ่านไม่เข้าใจเองก็ไม่รู้ แหะๆ

แอบเสียดายที่ฟานตงไม่มีบทบาทเลยในตอนจบ พี่ชายปิดร้านและย้ายมาช่วยงานคุณชาย ฟานตงที่หวงพี่ชายมากน่าจะตามมาป่วน แต่กลับเงียบหายไปเลย


   “ก็เป็นเสียแบบนี้แหละนะเจ้าเนี่ย”  จิ้งอิ้หยิบถ้วยชาที่ยังร้อนๆ ขึ้นมา “ดื่มชาแล้วก็กลับดีกว่า ข้าไม่อยากเป็น กขค”

   “ก...กออะไรนะ” ซื่อหลางถาม

แนะนำให้ใช้คำอื่นแทน "กขค" น้าาาา ไม่งั้นมันหลุดคอนเซปจีนโบราณมากไปจ้า

รออ่านภาคสองงงง  :pig4:

ออฟไลน์ Supak-davil

  • สาว Y = Why I don't have a boyfriend ??????????
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอบคุณค่ะ
แต่อยากบอกว่ามันสั้นไปหน่อย

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:นิยายน่ารักมากเลย ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ MIwEMInE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมากค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Atroce

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Nสนุกค่ัะ

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
สนุกกกกกก
นอนรอภาค2 :katai5:

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
รอภาคสองงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด