[ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::  (อ่าน 66869 ครั้ง)

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
หยงคังพยายามฟังฟานตงพรั่งพรูสิ่งที่ตนรู้สึกเจ็บปวดใจไปต่างๆ นาๆ หากสายตาคมเข้มกลับค่อยๆ เลื่อนลงไปหยุดมองที่ริมฝีปากคนพูดแทน มองมันขยับบ่นไปมาไม่ขาดสาย กระนั้นหยงคังก็ชอบที่จะนั่งมองอย่างเงียบๆ

หยงคังคือหยงเทียนหรือเปล่าอะ :katai5:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หย่งคังของพี่โตแล้ววว
หล่อดวยยยย
จะกดซื่อหลางอีกต่างหากกกก

วุ๊ย! มันช่างถูกใจ

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ดอกท้อที่ ๖



หนึ่งปีให้หลัง

มีข่าวลือว่านายเลี่ยงหวง ผู้นำตระกูลจางถูกลอบวางยาพิษ เป็นเหตุให้หมอในเมืองหายาถอนพิษกันจ้าละหวั่น

แม้สุดท้ายจะถอนพิษได้ แต่ร่างกายก็กลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงมา 

“คนในเมืองเขาเล่าปากต่อปากว่าคนลงมือก็คือเมียเขานั่นแหละ” จิ้งอี้เอ่ยอย่างไม่ได้คิดติดใจอะไร ก็แค่ข่าวของคนใหญ่คนโตที่เขาไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก 

“งั้นหรือ น่าสงสารเหมือนกันนะ”

หลี่ซื่อหลางรู้สึกตามที่พูดเช่นนั้นจริงๆ


กระทั่งผ่านไปได้สามปีเศษ

หลังจากเหตุการลอบวางยาพิษนายเลี่ยงหวงเงียบหายไป ข่าวครึกโครมว่านางซูเม่ยป่วยเป็นโรคทางประสาท วันดีคืนดีอาการเกิดกำเริบลุกขึ้นมาถือมีดไล่ฆ่าคนในบ้านตายไปสองศพ จากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม กลายเป็นข่าวดังในชั่วข้ามคืน

มีคนเล่าต่อๆ กันว่าศพแรกเป็นสาวใช้คนเก่าแก่

อีกศพเป็นลูกชายฝาแฝดคนเล็กอายุจะครบสิบหกปี สิ้นเดือนหน้าพอดี แถมยังหมั้นหมายกับลูกสาวตระกูลอู๋ เจ้าของโรงทอผ้าไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อน เป็นอันว่าต้องยกเลิกการหมั้นหมาย แล้วจัดงานศพแทนเสียอย่างนั้น


ปีต่อมา

เกิดข่าวใหญ่ว่าลูกชายคนโตตระกูลจางเสียชีวิตหลังจากการถูกจี้ปล้นระหว่างการเดินทางไปต่างเมือง ตระกูลจางสิ้นทายาทที่จะสืบต่อกิจการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร เกิดการแทรกแซงอำนาจในเครือญาติ

นายเลี่ยงหวงจึงตัดสินใจประกาศตามหา ลูกชายคนเล็ก ที่ไม่เคยบอกออกสื่อมาก่อน!

ตามข่าวแจ้งว่าลูกชายอายุแปดขวบหายตัวไปเมื่อเจ็ดปีก่อน

ในใบประกาศหาคนหาย ไม่มีแม้กระทั่งรูปถ่ายติดไว้ด้วยซ้ำ มีแค่ชื่อกับรูปร่างสันฐานคร่าวๆ เท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเงินรางวัลมหาศาลที่เขียนระบุไว้ท้ายกระดาษ ชาวบ้านคงไม่วุ่นวายพลิกแผ่นดินหาคุณชายคนเล็กของตระกูลจางจนไม่เป็นอันทำมาหากินเช่นนี้เป็นแน่

ปัญหานั้นกระทบถึงร้านขายน้ำเต้าหูของหลี่ซื่อจางเช่นกัน

“ทำหน้าคิดหนักอะไรของเจ้า ซื่อหลาง”

จิ้งอี้เป็นลูกค้าคนเดียวที่นั่งจิบน้ำเต้าหู้สบายอารมณ์ คนถูกทักถอนหายใจเฮือก

“ไม่ให้ข้าคิดหนักได้อย่างไร พักนี้อะไรๆ ก็คุณชายเล็กตระกูลจาง ไม่มีใครมานั่งใจเย็นดื่มน้ำเต้าหู้ของข้าแล้ว”

“เจ้าคิดมาก ข้าเห็นน้ำเต้าหู้เจ้าก็ขายหมดทุกวัน”

“แต่กว่าจะหมด พระอาทิตย์ก็อยู่กลางหัวข้าแล้ว เหตุการณ์นี้ข้าไม่เคยรับมือมาก่อน”

หลี่ซื่อหลางและจิ้งอี้คุยกันตามประสาหนุ่มใหญ่ไปเรื่อยเปื่อย จึงไม่ทันสังเกตเห็นความวูบไหวในสายตาของหย่งคงเมื่อยามที่เจ้าตัวได้ยินข่าวเกี่ยวกับคุณชายเล็กตระกูลจาง

หากว่าหย่งคังในตอนนี้เปลี่ยนไปมาก เด็กชายตัวเล็กที่เติบใหญ่กลายเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีบริบูรณ์ ร่างกายสูงใหญ่เกินหน้าเกินตาทุกคนในครอบครัวทำให้ฟานตงยกธงขาวยอมแพ้ให้น้องเล็กเชิญสูงแซงได้หน้าตามใจชอบ

“คนหายตัวไปนานเสียขนาดนั้น มาตามหาเอาตอนนี้ โอกาสที่จะเจอเรียกว่ายากยิ่งกว่าให้แพะออกลูกเป็นแกะเสียอีก”

“คำเปรียบเทียบเจ้าแปลกมา ซื่อหลาง”

“ข้าแก่แล้วก็แบบนี้แหละ”

จริงๆ แล้วหลี่ซื่อหลางก็ไม่ได้แก่อย่างที่เจ้าตัวพูดสักเท่าไหร่ ด้วยวัยยี่สิบห้าปีไม่ขาดไม่เกินยิ่งขับใบหน้าท่าทางให้ดูภูมิฐานน่ามองเสียด้วยซ้ำ ร่างโปร่งไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป เรียกว่ากำลังจับถนัดมือเทียว

“พี่ใหญ่ ให้ข้าดูแลร้านแทนก็ได้ ท่านไปพักผ่อนเถอะ”

หย่งคังเดินเข้ามาแตะเอวพี่ชายที่ตัวสูงถึงแค่คางของเขา แววตาอ่อนโยนทอดมองอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง

“ถึงแก่แต่ข้าก็ยังมีไฟนะ เจ้าอย่าทำเหมือนข้าเป็นตาแก่อายุเก้าสิบได้หรือไม่”

จิ้งอี้หลุดหัวเราะ ทำสีหน้าบอกเป็นนัยว่า หรือเจ้าไม่ใช่?

หย่งคังเปลี่ยนเป็นโอบไหล่หลี่ซื่อหลางเพื่อเรียกความสนใจของร่างโปร่งให้หยุดอยู่ที่ตนอีกครั้ง “ที่ไหนล่ะ ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านเหนื่อยก็เท่านั้น” เด็กหนุ่มส่งรอยยิ้มเชื่องๆ เหมือนลูกหมาตัวใหญ่นิสัยดีไปให้

…ที่สำคัญกว่านั้น ไม่อยากเห็นพี่ชายยืนคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาด้วย…

เหตุผลข้อหลัง หย่งคังไม่อาจเอ่ยออกไปให้สมอารมณ์หมายได้

แต่มีหรือที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างจิ้งอี้จะดูไม่ออก หลายปีมานี้เขาเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของหยั่งคงมาสักระยะหนึ่งแล้ว และสรุปได้เลยว่าเจ้าเด็กยักษ์กำลังคิดไม่ซื่อกับเพื่อนสนิทของเขา

ซ้ำร้าย…

หลี่ซื่อหลางไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกน้องชายตัวเองจ้องจะงาบ!

แม้จิ้งอี้ตั้งใจจะบอกความจริงกับซื่อหลาง บ่อยครั้งเขาหาโอกาสจะบอกเรื่องหย่งคังได้แล้ว หากใบหน้าและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความเชื่อมั่นในตัวของน้องชายทั้งสองคน กลับทำให้จิ้งอี้เกิดอาการน้ำท่วมปากขึ้นมาเสียดื้อๆ

เขาทำลายความรู้สึกของหลี่ซื่อหลางไม่ได้

และได้แต่หวังว่าหย่งคังจะทำแบบเดียวกับเขาเช่นกัน





-------------------------------------------------------------




หลี่ซื่อหลางกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะหาห้องนอนแยกให้หย่งคังอย่างไรดี ด้วยอาณาเขตพื้นที่จำกัดทำให้บ้านของเขามีแค่สองห้องนอน แน่ล่ะว่าเตียงหนึ่งไม่สามารถให้ผู้ชายตัวโตสองคนนอนเบียดกันได้ หากหย่งคังยังตัวเล็กเหมือนสมัยก่อน หลี่ซื่อหลางคงไม่ต้องกลุ้มใจเช่นนี้

…เฮ้อ…

จะให้บอกอย่างไรว่าเขากลัวตัวเองจะแบนเป็นกล้วยปิ้งเพราะอีกฝ่ายเริ่มตัวสูงใหญ่ขึ้นมากเสียขนาดนั้น

เรื่องเสียสละให้ตัวเองนอนพื้น ใช่ว่าไม่เคยทำ แต่เช้ามาหลี่ซื่อหลางพบว่าความทรมานจากอายุสังขารช่างน่ากลัว เขาปวดหลังอยู่เป็นอาทิตย์ พร่ำบอกตัวเองว่าจะไม่เสี่ยงสุขภาพกับการนอนพื้นห้องแข็งๆ อีกแล้ว

ครั้นจะไล่น้องเล็กให้นอนพื้น คนเป็นพี่ใหญ่ยิ่งทำไม่ได้!!

วันนี้หลี่ซื่อหลางจึงตัดสินใจจะคุยกับหย่งคังให้รู้เรื่อง หากเจ้าตัวต้องการเตียงหรือห้องนอนใหม่ เขาคงจำเป็นต้องต่อเติมบ้านอีกหน่อย เจียดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อความสุขของน้องไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา

“หย่งคัง”

หลี่ซื่อหลางเจอหย่งคังที่สวนหลังบ้าน เด็กหนุ่มตัวโตกำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรบางอย่างกับพื้นสนาม

“พี่ใหญ่” เจ้าตัวยิ้มทักทาย

“เจ้าทำอะไรอยู่?”

“นี่น่ะหรือ?” หย่งคังชูส้อมพรวนดินขึ้น “ข้าจะปลูกต้นไม้น่ะ”

คำตอบนั้นสร้างความฉงนให้หลี่ซื่อหลางยิ่งนัก “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าสนใจเรื่องพรรค์นี้ด้วย เหตุใดจู่ๆ จึงนึกครึ้มอยากปลูกต้นไม้ขึ้นมากันเล่า”

หย่งคังยิ้มอาย “ข้าแค่อยากปลูกเจ้าต้นนี้น่ะ ข้าชอบ”

“หืม?” หลี่ซื่อหลางเลิกคิ้ว “บอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าตั้งใจจะปลูกต้นอะไร เผื่อข้าจะได้ช่วยเจ้ารดน้ำพรวนดินด้วย เจ้าว่าอย่างไร”

“จริงหรือ?!”

สีหน้าดีใจจนปิดไม่มิดของหย่งคังสร้างความเอ็นดูให้หลี่ซื่อหลางเป็นอย่างมาก

“ข้าเคยโกหกเจ้า?”

หย่งคังรีบส่ายหน้า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ไม่มีใครหวังดีกับข้าเท่าพี่ใหญ่อีกแล้ว อันที่จริงต้นไม้ต้นนี้ ข้าตั้งใจปลูกให้ท่าน พี่ใหญ่ ต้นท้อมีสรรพคุณดีมากมาย สามารถเก็บเกี่ยวผลไว้กินได้ ออกดอกงามทุกปีด้วย”

“เจ้าพูดเสียข้าชักจะอยากเห็นตอนมันโตแล้ว”

“ข้าอยากให้ท่านชอบ”

“ข้าต้องชอบแน่นอน” หลี่ซื่อหลางยิ้มบาง ลูบหัวน้องเล็กอย่างเคยชิน “หากปลูกแล้วต้องตั้งใจดูแลให้ดี เข้าใจหรือไม่”

อีกฝ่ายพยักหน้า “ข้าจะดูแลมันเป็นอย่างดี พี่ใหญ่”

“ดีมาก”

หลี่ซื่อหลางพยักหน้าชอบใจกับตัวเอง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้พอดีว่าตัวเองมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับน้องเล็ก เกือบลืมไปเสียแล้ว

“หย่งคัง ข้าลืมถามบางอย่างกับเจ้า”

“อะไรหรือ?”

“เจ้าอยากได้ห้องนอนใหม่หรือไม่?”

หย่งคังขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “ห้องนอนใหม่หรือ?”

“ใช่ ก็ในเมื่อทุกคืนเราต้องนอนเบียดกันบนเตียงแคบๆ ข้ากลัวเจ้าจะอึดอัด หรือบางทีอาจจะอยากมีเวลาส่วนตัว หรือ--”

“ข้าไม่อยากได้”

เพราะหย่งคังชิงตอบก่อนจะก้มลงไปพรวนดินต่ออย่างรวดเร็ว หลี่ซื่อหลางจึงไม่เห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายเป็นเช่นไร

“ทำไมเล่า ปีนี้เจ้าก็อายุสิบห้าแล้ว คงไม่คิดจะนอนเตียงเดียวกับข้าไปจนแก่หรอกนะ ขืนเมียในอนาคตเจ้ารู้เข้ามีหวังนางคงหัวเราะเยาะแย่”

หลี่ซื่อหลางพูดน้ำเสียงติดตลก แต่ดูท่าคนฟังจะไม่ตลกด้วย

“หย่งคัง เป็นอะไรไป?”

“ข้าสบายดี”

น้ำเสียงติดห้วน มีหรือที่คนเลี้ยงเจ้าเด็กขี้น้อยใจคนนี้มากับมือจะดูไม่ออก

“โกรธที่ข้าไล่เจ้าไปนอนห้องใหม่หรือ?”

“…”

เงียบ

แสดงว่าใช่!

“ข้าหวังดีกับเจ้านะ ลองมองเจตนาของข้าดีๆ สิ” หลี่ซื่อหลางนั่งยองๆ ข้างคนตัวโต เหลือบมองเสี้ยวหน้าที่ยังหลงเหลือความน้อยใจอยู่บนนั้น “ผู้ชายสองคนนอนเบียดกันบนเตียงอึดอัดจะตายไป ข้าซื้อเตียงใหม่กว้างๆ นอนสบายให้เจ้าไม่ดีหรือ?”

ฉึก!

หย่งคังกระซวกดินอย่างแรง ท่าทางจะจริงจังกับการปลูกต้นไม้เป็นอย่างมาก

“เจ้าไม่เห็นใจพี่ใหญ่หรือ ข้าแก่แล้ว นอนแบบนั้นทุกคืนมันปวดหลังนะ”

“ท่านปวดมากหรือไม่?”

หย่งคังลืมน้อยใจชั่วขณะ หันมาถามไถ่ด้วยสีหน้าแสดงความเป็นห่วงขึ้นมาทันที

“อันที่จริงข้าปวดไปทั้งตัวเลย”

คราวนี้น้องเล็กถึงกับปล่อยส้อมพรวนดินลงพื้นก่อนจะยึดไหล่เขาไว้ทั้งสองข้าง แววตามีความมุ่งมั่น “ปวดตรงไหนรีบบอก ข้าจะนวดให้ท่านเอง”

“เสื้อข้าเปื้อนดินหมดแล้ว หย่งคัง”

อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ จึงยอมปล่อยมือ “ข้าขอโทษ”

“ช่างเถอะ” หลี่ซื่อหลางปัดเศษดินบนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ

“ตกลงเรื่องเตียงจะเอาอย่างไร?”

“ข้านอนพื้นแทนได้หรือไม่” หย่งคังยื่นข้อเสนอ

“ไม่ได้”

หลี่ซื่อหลางพยายามไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย “พื้นห้องแข็งเสียขนาดนั้น ต่อให้เป็นเจ้า ตื่นมาก็จะปวดหลัง ไม่ดีต่อ สุขภาพ”

“แต่ข้ายอมได้”

ร่างโปร่งส่ายหน้า “ข้ายอมไม่ได้”

“…พี่ใหญ่ไม่ต้องการข้าแล้ว”

หย่งคังลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน คนเป็นพี่ใหญ่ถอนหายใจ เดินตามน้องเล็กที่เห็นหลังหายลับไปบนชั้นสอง คนขี้ใจน้อยแอบไปหลบอยู่ในห้องนอนของหลี่ซื่อหลางนี่เอง

“หย่งคัง”



ไม่ตอบ

“เจ้าไม่คิดจะพูดกับข้าจริงหรือ?”

หลี่ซื่อหลางกอดอกมองน้องเล็กที่เอาแต่ทำท่าทีเย็นชาใส่เขา ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วหันหลังให้เป็นเด็กๆ ไปได้

“ดูสิ เจ้าพิสูจน์เองเลยว่าแค่ขนาดตัวเจ้าคนเดียวก็เต็มเตียงแล้ว”

หย่งคังไม่ตอบ นอนเงียบเป็นเป่าสากจนหลี่ซื่อหลางทนไม่ไหว ต้องเข้าไปนั่งลงที่ข้างเตียงเพื่อสะดวกต่อการสนทนา

“หย่งคัง ข้ากลัวเจ้านอนลำบาก หาใช่คิดจะทอดทิ้ง” มือเรียวแตะไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ข้าเป็นห่วงเจ้าจริงๆ นะ อย่าเย็นชาใส่พี่ใหญ่แบบนี้เลย”

“…”

หลี่ซื่อหลางพ่นลมหายใจ “อยากให้ข้าทำอย่างไรจึงจะหายโกรธ?”

“…นอนลง”

 “หือ?”

ไม่รอให้ร่างโปร่งทันคิดวิเคราะห์ หย่งคังพลิกตัวขึ้น ฉุดหลี่ซื่อหลางให้นอนราบลงกับเตียงขณะที่ตนยันตัวคร่อมไว้ ใบหน้าเด็กหนุ่มเลื่อนลงใบเรื่อยๆ หากจู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ ฝังหน้าลงกับต้นคอหลี่ซื่อหลางแทน

“…พี่ใหญ่…” ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดใกล้แอ่งชีพจร

“วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป?”

หลี่ซื่อหลางเข้าใจว่าน้องชายคงไม่สบาย จึงลูบหลังให้ “เป็นไข้หรือเปล่า ถ้างั้นข้าจะให้เจ้านอนพัก…โอ้ย! กัดข้าทำไม”

“ข้าอยากนอน”

จะนอนก็นอนไปสิ เรื่องอะไรมากัดคอเขา?

หลี่ซื่อหลางยกมือดันอกแกร่งของอีกฝ่าย “งั้นเจ้าลุกก่อน ข้าจะได้ปล่อยให้เจ้านอนสบายๆ”

“ข้าจะนอนกับท่าน”

ว่าแล้วก็นอนทับร่างโปร่งทันที หากใครผ่านมาเห็นเข้าคงเป็นภาพที่ดูไม่จืด เหมือนหมีกำลังนอนทับซากไก่ให้ตายคาท้องของมันอย่างไรอย่างนั้น

“หย่งคัง! ข้าหนัก!”

“ขอโทษ”

ปากพูดเช่นนั้นแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม หย่งคังรวบตัวพี่ใหญ่จมหายเข้าไปในอ้อมกอด พลิกตัวให้ตนเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่าง หลี่ซื่อหลางจึงดูเหมือนกำลังนอนบนตัวหย่งคังอีกที

“จะปล่อยข้าได้หรือยัง?”

“นอนเถิด”

หย่งคังหลับตาพริ้ม เห็นแล้วมันน่านัก!

“ข้ามีงานต้องทำ หย่งคัง ปล่อยเดี๋ยวนี้” หลี่ซื่อหลางยันตัวขึ้น แต่เรี่ยวแรงมีไม่มากเท่าอีกฝ่าย ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแทน “ก็ได้…ก็ได้…ข้าไม่ซื้อเตียงใหม่ให้เจ้าแล้ว นอนด้วยกันแบบนี้ไปจนแก่เลยดีหรือไม่?”

หย่งคังไม่ตอบ

หากมือที่คอยรั้งตัวหลี่ซื่อหลางค่อยๆ คลายออก ร่างโปร่งจึงสามารถลุกขึ้นยืนได้

ที่แท้…ก็เป็นวิธีปฏิเสธความหวังดีของเขานี่เอง!




-------------------------------------------------------------




ฤดูหนาวที่เคลื่อนตัวเข้ามาไม่อาจหยุดนิ่งได้ฉันใด

ข่าวการตามหาคุณชายเล็กตระกูลจางก็ยิ่งแพร่สะพัดมากขึ้นฉันนั้น

ไม่ค่อยเกี่ยวกันหรอก…แต่หลี่ซื่อหลางก็อยากหาประโยคเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน สามเดือนเข้าไปแล้วที่เขาต้องทนแข่งขายน้ำเต้าหู้สวนกระแสข่าวครึกโครมยกใหญ่ว่าพบเบาะแสคนหายที่หมู่บ้านใกล้เคียง อากงอาม่าที่เคยเป็นลูกค้าเก่าก็หายหน้าหายตาไปช่วยครอบครัวสืบหาลูกหลานที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเองได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

เวลาเช้าๆ ควรต้องดื่มน้ำเต้าหู้ร้านเขาสิถึงจะถูก

เฮ้อ…

ป่านนี้น้ำเต้าหู้ไอหมู่บ้านข้างๆ คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ยิ่งคิด หลี่ซื่อหยางก็ได้แต่นั่งคอตกอย่างช่วยไม่ได้

“พี่ซื่อหลาง”

ฟานตงเดินเข้ามาหา แอบหยิบปาท่องโก๋ที่ทอดจนกรอบนอกนุ่มในเข้าปาก “ทำหน้าอย่างกับอึไม่ออกงั้นแหละ อย่าบอกนะว่ายังคิดเรื่องคุณชาย?”

“จริงๆ ข้าก็ไม่สนเรื่องของเด็กนั่นหรอก” ว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ “แต่ไม่มีคนเข้าร้านเราเพราะมัวแต่ไปตามหาคุณชายเล็กตระกูลจางกันหน้ามืดตามัวจริงๆ นะ”

“ค่าตอบแทนขึ้นสูงลิ่วทุกสัปดาห์ขนาดนั้น เป็นใครจะอดใจได้?”

“แล้วเมื่อไหร่เขาจะเลิกหาเสียที ข้าเครียดจนนอนไม่หลับแล้ว” หลี่ซื่อหลางลูบหน้าที่อิดโรยของตนเอง ช่วงนี้เขาพักผ่อนไม่เพียงพอจริงๆ นั่นล่ะ มัวแต่คิดไม่ตกเรื่องเรียกลูกค้าเข้าร้าน จะได้ไม่ต้องทิ้งน้ำเต้าหู้ที่เหลือเกือบครึ่งหม้อทุกวันเช่นนี้

“ใช่ร้านเราร้านเดียวทีไหน ร้านอื่นก็ขายได้น้อยลงเช่นเดียวกัน”

“…นั่นสินะ”

อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายชีวิต คิดแล้วก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย หลี่ซื่อหลางตัดสินใจจะปิดร้านเร็วกว่าปกติ

“ฟานตง ไปเรียกหย่งคังมาช่วยปิดร้านทีสิ”

“หา? “ เด็กหนุ่มทำสีหน้าไม่เชื่อ ”ท่านจะปิดร้าน?”

“อืม ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว”

ฟานตงรู้สึกว่าตัวเองกำลังหูฟาดสมองเบลอ เหตุใดเขาถึงได้ยินพี่ชายสุดขยันขันแข็งบอกจะไม่ขายน้ำเต้าหู้ในวันนี้  น้องรองหันไปมองตามแผ่นหลังที่ห่อเหี่ยวลงถนัดตาด้วยความเป็นห่วง ช่วงนี้พี่ชายของเขาดูเหนื่อยล้าจริงๆ นั่นล่ะนะ

“หย่งคัง!”

ลับร่างหลี่ซื่อหยาง ฟานตงจึงตะโกนเรียกน้องเล็กเสียงดัง

“ท่านเรียกข้า?” น้องเล็กที่ตัวไม่เล็ก ดันเจือกใหญ่โตที่สุดในบรรดาสามพี่น้องชโงกหน้าถามมาจากหลังครัว ในมือมีแป้งปาท่องโก๋ที่เจ้าตัวดูจะตั้งใจปั้นอย่างมาดมั่น

“วันนี้ไม่ต้องขายแล้ว”

“หมายความว่าไง? ไม่ขายแล้ว? พี่ใหญ่ไปไหน?”

หย่งคังมีสีหน้าฉงน ยิงคำถามใส่รัวๆ เสียจนคนตอบเรียงคำพูดไม่ถูก “ข้าหมายความตามที่พูด พี่ใหญ่ของเจ้าไม่สบาย วันนี้เลยไม่เปิดร้าน แล้วก็…อ้าว! หย่งคัง! หย่งค๊างงงง! กลับมาก่อนสิเห้ย!!”

ฟานตงไร้ความสามารถที่จะฉุดรั้งน้องเล็กไว้ได้ เจ้าคนร่างยักษ์มุ่งตรงไปยังชั้นสองโดยไม่รอฟังฟานตงพูดให้จบประโยคเสียก่อน เดาได้เลยว่ามันคงไปนั่งเฝ้าไข้หลี่ซื่อหลางไม่ห่างเป็นกาวตาช้างอีกแน่ๆ เห็นทีหน้าที่เก็บร้านทั้งหมดคงจะตกเป็นของฟานตงแต่เพียงผู้เดียวแล้วกระมัง!

อีกด้านหนึ่ง หย่งคังที่ร้อนรนรีบขึ้นไปดูอาการหลี่ซื่อหลาง เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็เห็นร่างโปร่งกำลังนอนหลับลึกอยู่บนเตียง
พี่ใหญ่ของเขาเป็นแบบนี้เสมอ เวลาหลับแม้ทำอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงนอนต่อได้อย่างสบายใจ

ยิ่งร่างกายกำลังอ่อนแอ หลี่ซื่อหลางยิ่งหลับเป็นตาย น้องเล็กหย่งคังสืบเท้าเข้ามาใกล้ นั่งลงที่ขอบเตียงเพื่อมองหน้าคนหลับให้ชัดๆ

“ไม่สบายหรือ ซื่อหลาง…”

เวลาอยู่กันสองคน ยามที่หลี่ซื่อหลางหลับไม่ได้สติ หย่งคังมักจะเรียกชายหนุ่มด้วยชื่อเฉยๆ “ไม่ดูแลตัวเองเอาเสียเลย แบบนี้จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงได้อย่างไร”

ใกล้เดือนสิบเอ็ดเข้าไปทุกที ชายหนุ่มจึงลุกไปปิดหน้าต่างเพื่อป้องกันลมหนาวจากด้านนอก ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดตามใบหน้าและลำตัวของหลี่ซื่อหลาง คนถูกปรนนิบัติท่าทางจะสบายตัวจึงเผลอครางออกมาแผ่วเบา

“ชอบหรือ?”  หย่งคังยิ้ม ฝ่ามือลูบตามกรอบหน้าคนนอนหลับ

“แล้วชอบข้าบ้างหรือเปล่า?”

หย่งคังคิดอยู่เสมอว่าจะต้องทำให้คนบนเตียงเป็นของตนสักวัน หากยังไม่ถึงเวลานั้น เขาจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้หลี่ซื่อหลางเห็นว่าสามารถให้ตนเป็นที่พึ่งพาได้

ในสายตาของร่างโปร่ง หย่งคังจะไม่ใช่แค่น้องเล็ก

แต่จะเป็นคนที่เหมาะสมในฐานะคนรักเท่านั้น!






-------------------------------------------------------------






หลี่ซื่อหลางกำลังฝัน

บอกไม่ได้ว่าเป็นฝันดีหรือฝันร้ายกันแน่

หากเขาฝันเช่นนี้มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยามตื่นขึ้นมา เขาต้องนั่งขบคิดถึงเรื่องนี้จนไม่เป็นอันทำงาน กลายเป็นว่าร่างกายสะสมเป็นความเครียดโดยไม่รู้ตัว

เขามักจะฝันเห็นท่านเทพที่หน้าตาคลับคล้ายคลับคลากับใครบางคน ใบหน้าคมเข้มของท่านเทพอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ

ลมหายใจร้อนของท่านเทพเป่ารดแก้ม สัมผัสนุ่มแตะลงที่หน้าผาก เปลือกตา จมูก แก้ม และจบลงที่ริมฝีปาก บางครั้งสัมผัสหยุ่นๆ ที่ริมฝีปากก็อ่อนโยน บดคลึงจนหลี่ซื่อหลางตัวเบาหวิว บางครั้งก็รุนแรงจนต้องส่งเสียงในลำคอประท้วง

‘อื้อ…’

และเขามักจะได้ยินเสียงหัวเราะเอ็นดูแผ่วเบาแถวๆ ตำแหน่งริมใบหูตามมาเสมอ

ฝ่ามือท่านเทพมักจะหลุบหายเข้ามาใต้เสื้อของเขา นวดคลึงวนแถวๆ เอวและหน้าอก บางครั้งก็หน้าขา แต่ไม่เคยเกินเลยกว่านั้น

ทุกพื้นที่ที่ถูกสัมผัส หลี่ซื่อหลางรู้สึกว่าผิวหนังร้อนขึ้นราวกับไม่ใช่ผิวของเขา ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้บางทีต้องบิดตัวหลบเพราะไม่รู้วิธีจัดการกับความรู้สึกเสียวซ่านในอก จะว่าอายุก็ปูนนี้แล้ว เมียก็ไม่มี ดันมาฝันถึงท่านเทพหน้าตาหล่อเหลากำลังเล้าโลมตัวเอง?

โฮๆๆๆ งานนี้หลี่ซื่อหลางเครียดเสียยิ่งกว่าขายน้ำเต้าหู้ไม่ออกอีก!



-------------------------------------------------------------








มีต่อ








Talk : มาต่อแล้วค่าา ก่อนอื่นต้องขอบคุณนักอ่านทุกท่านเลยนะคะ
เราไม่ได้ตอบความคิดเห็นนักอ่านเท่าไหร่เลย ฉะนั้นวันนี้จะขอ
ตอบเป็นครั้งแรกเลยเน้อออออ ฤกษ์งามยามดีค่าาาา



@boboman ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดนะคะ บอกเลยว่าหย่งคังแซ่บแน่นอนค่ะ555555555

@Ellette ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่าา เราจะเอาไปปรับปรุงในการเขียนครั้งหน้านะคะ >_<

@ycrazy ขอบคุณมากเลยค่าา ตอนพิมพ์สงสัยคนเขียนมึนๆ เบลอๆ ฮาาาา

@alternative
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ งานนี้พี่ซื่อหลางล้างท้องรอค่ะ (ชะอุ่ย....)










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2015 17:00:44 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สะใจ ไม่กี่ย่อหน้าคนชั่วช้าตายเรียบ กร๊ากกกกก ทันใจสุดๆ

หย่งคังแอบลวนลามซื่อหลางงงงงงง เราจะฟ้องฟานตง! 55555

หยงเทียนนี่ก็เจ้าเล่ห์ ต้องให้พี่ซื่อหลางจัดการ เอ๊ะ! มันดูพัวพันนะเนี่ย

ปล. เราว่าปูพื้นมาน้อยไปหน่อยว่าทำไมหย่งคังถึงรักซื่อหลางแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบรักพี่ชายกึ่งๆ พ่อ เพราะอายุห่างกันมากและพบกันตอนที่หย่งคัง "ขาด" ความรักแบบนั้น

สู้ๆ เนอะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ชอบหยงเทียนจังวุ่ย :hao7:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เมะเรื่องนี้มันเนียนกันชะมัดเลยเว้ย อยู่ข้างเคะในฐานะคนใกล้ชิดมาได้หลายปี แอบหวงอยู่ห่างๆ เต๊าะแบบเนียนๆ ตอดเล็กตอดน้อยพอหอมปากหอมคอ 55555
ไอ้พวกนี้มันวางแผนจ้องจะงาบอยู่นะ หึหึ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ห็นแววมาสักพักแล้วว่าน้องหย่งคังคงหล่อ หล่อจริงๆด้วยค่ะ5555

แต่เราแอบนึกว่าจะเป็นแนวน้องโตมาถีบตัวจนดีแก้แค้นที่บ้สนนะ สรุปที่บ้านต้องมาง้อน้องแทนเหรอเนี่ย55


รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ หมีอ้วนพี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จากเด็กน้อยน่าสงสารโตมาเป็นหนุ่มตัวโตชอบลวนลามไปซะแล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
อืม หย่งคัง แอบลวนลามพี่ใหญ่มานานขนาดไหนแล้วเนี่ยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
หย่งคังเนียนดีจัง :hao6:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage

(ต่อ)

เช้านี้หยงเทียนเดินเล่นอยู่ในตลาด

เขาไม่ได้ตั้งใจมาหาใครนะ แค่ บังเอิญ เดินผ่านมาแล้วเจอร้านน้ำเต้าหู้เข้าพอดี

อ้าว… แต่ทำไมถึงเห็นเพื่อนสนิทตัวเล็กกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของอยู่คนเดียว จะปิดร้านแล้ว?  ร่างสูงตัดสินใจก้าวเท้าฉับๆ เดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่รีรอ

“ฟานตง”

เจ้าของชื่อเงยหน้า แววตาแสดงออกว่าประหลาดใจ “หยงเทียน?”

“ข้าบังเอิญผ่านมาเฉยๆ นะ” 

“ข้ายังไม่ได้ถาม”

“...เอ่อ…”

“เอาเถอะ” ฟานตงตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ ก้มเก็บของเพื่อปิดร้านต่อ หากแต่เพื่อนตัวสูงยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน ฟานตงจึงหันกลับไปเท้าสะเอวถาม “แล้วเจ้าจะยืนปังหน้าร้านข้าอีกนานหรือไม่?”

“เจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า”

“ไม่มี ข้าทำใกล้เสร็จแล้ว”

ใช้เวลาไม่นาน ฟานตงก็เก็บของเสร็จอย่างรวดเร็วตามที่ตนว่า โดยมีเพื่อนตัวใหญ่คอยยืนจับจ้องทุกการกระทำ

“วันนี้เจ้าว่างไหม?”

ในที่สุดหยงเทียนก็เอ่ยปากออกมา “ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านข้างๆ เปิดร้านซาลาเปาอร่อยที่สุดในเมือง”

“ข้าไม่ว่าง”

ฟานตงตอบทันควัน เขารู้ว่าสถานการณ์ร้านน้ำเต้าหู้ของครอบครัวชักไม่ค่อยดี อะไรประหยัดได้ก็ต้องประหยัด แม้ทุกวันนี้สามารถอยู่ได้เพราะเงินออมที่หลี่ซื่อหลางเก็บไว้ ต่อให้ไม่ขายน้ำเต้าหู้สักเดือนสองเดือน สามพี่น้องก็ยังอยู่สบายไปหลายปี

แต่หากไม่หาเพิ่มวันนี้ สักวันเงินก็จะหมด

เพื่อไม่ให้วันนั้นมาถึง เขาจึงอยากหาเงินช่วยเหลือครอบครัว!

“ไม่ว่างหรือ?” หยงเทียนทำสีหน้างงงวย

“ใช่น่ะสิ! ข้าจะไปหางานทำ หลีก! เจ้าตัวใหญ่เกะกะทางคนจะเดินเสียจริง” ฟานตงพุ่งตัวออกจากร้านเดินไปตามถนนเส้นยาว โดยมีหยงเทียนคอยเดินประกบข้างไม่ห่าง

“เจ้าคิดจะทำงานอะไร?”

“มีอะไรข้าก็ทำหมดแหละ” ฟานตงสอดส่องสายตาดูว่าแถบนี้จะมีงานให้เขาทำหรือไม่

“อย่างเจ้าไม่เหมาะกับงานกรรมกร”

“ไม่รู้เว้ย! มีอะไรก็ทำๆ ไปเถิด”

ว่าแล้วเพื่อนตัวเล็กก็เดินเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บังเอิญว่าเขารู้จักเจ้าของร้านเป็นการส่วนตัวน่ะสิ “เฮีย!”

“อ้าว! อาตง เมื่อวานก็เพิ่งคุยกันไม่ใช่หรือ วันนี้มาหาข้าถึงที่เชียว คิดถึงข้ามากงั้นรึ?” ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนร่างกายสมบูรณ์ไปด้วยกล้ามเนื้อ หากไม่สูงใหญ่เท่าหยงเทียนที่กำลังยืนซ้อนข้างหลังคนตัวเล็กกว่า

หารู้ไม่… หยงเทียนกำลังส่งสายตาเขม่นเสียจนเฮียยังสงสัยว่าตนไปทำอะไรให้อีกฝ่ายโกรธแค้น?

“ข้ากำลังหางานทำน่ะ ที่ร้านท่านมีอะไรให้ข้าทำมั้ย”

“แล้วร้านน้ำเต้าหู้ของเจ้า?”

เฮียที่ว่าถามกลับด้วยใบหน้าประหลาดใจ “อย่าบอกนะว่าโดนอาหลางไล่ออกจากบ้านแล้ว ฮ่าๆ!” ชายวัยกลางคนพูดติดตลก เขารู้ดีกว่าหลี่ซื่อหลางรักน้องยิ่งกว่าอะไรดี

“พูดอะไร?! ข้าก็แค่อยากหางานเสริมเท่านั้น” ฟานตงหน้าแดง ไม่รู้จะอับอายไปทำไมเหมือนกัน

“อาตง ข้าก็อยากช่วยนะ แต่ร้านข้าเองคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าจ้างให้เจ้าน่ะสิ”

“งั้นหรือ”

สีหน้าของฟานตงสลดลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มสดใสให้อีกฝ่าย “ขอบคุณท่านมากนะเฮีย! ข้าก่อนไปล่ะ”

ฟานตงเดินออกจากร้าน ก่อนจะเดินเข้าไปถามอีกร้านที่อยู่ตรงกันข้ามแทน สนทนาต่อรองกับเจ้าของร้านอยู่สามสี่ประโยคก็ได้ความว่าไม่มีต่ำแหน่งงานว่างเลยสักที่ ฟานตงเดินคอตกกลับมา หากก็พยายามเข้าออกร้านนู่นนี่นั่นจนกระทั่งพระอาทิตย์คล้อยลงต่ำลับขอบฟ้า

“พอก่อนดีไหม ฟานตง”

“วันนี้ข้าล้มเหลว…” เพื่อนตัวเล็กก้มหน้าก่อนจะชกมือขึ้นฟ้า “แต่พรุ่งนี้ข้าจะหาใหม่!”

คนมองได้แต่ยิ้มบาง หยงเทียนตบบ่าฟานตงเบาๆ “เอางี้มั้ย ญาติของข้ากำลังต้องการคนจัดสวนใหม่ เจ้าปลูกต้นไม้เป็นหรือเปล่า?”

“หะ?!”

“แต่ญาติข้าไม่เคยรับใครๆ ง่ายหรอกนะ”

“ข้าจะลอง!” ฟานตงทำตาโต หันมาเขย่าร่างหยงเทียนที่ดูจะไม่สะเทือนตามแรงเขาแม้แต่นิด “แล้วไม่บอกข้าแต่แรก เจ้าซื่อบื้อ! เจ้าเห็นข้าเดินแบกหน้าไปของานคนอื่นทำมันน่าสนุกนักหรือ?!”

“ใจเย็น ใจเย็น”

หยงเทียนรวบข้อมือเล็กไว้ด้วยฝ่ามือเดียว ฟานตงถึงกับหางคิ้วกระตุก

“ปล่อยข้านะโว้ย!” ออกแรงดิ้น หากจะดูไม่เป็นผล “เจ้าขี้โกง! ตัวก็ใหญ่กว่าแบบนี้ ยังไงข้าก็เสียเปรียบ แน่จริงทำตัวให้มันเล็กๆ สิเห้ย!”

“ทำยังไง?”

“ไม่ใช่ปัญหาของข้า!”

หยงเทียนยิ้มเอ็นดู เมื่อก่อนฟานตงเป็นเด็กขี้โมโห โตมาก็ไม่ต่าง เพียงแต่หยงเทียนในวัยเยาว์ไม่รู้จะตอบโต้คนตัวเล็กยังไง หากตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ร่างสูงไม่ยอมปล่อยมือจากข้อมือเล็ก ค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้นเพื่อให้ดูตัวเตี้ยกว่าฟานตงที่ยืนเต็มความสูง แม้ว่าเพื่อนตัวเล็กจะสูงเลยหยงเทียนที่ขนาดนั่งแล้วขึ้นมาเพียงน้อยนิดก็ตาม

“แบบนี้เป็นอย่างไร?”

ใบหน้าที่ชิดใกล้ บวกกับสภาพที่เหมือนคนกำลังขอแต่งงานทำให้ฟานตงหน้าแดงวูบ “จ…เจ้าลุกขึ้นเลยนะ!”

“ไม่ชอบหรือ?”

“ชอบห่าเหวอะไร! ลุกขึ้น!”

หยงเทียนหัวเราะหึๆ ในลำคอก่อนจะยอมลุกตามคำสั่ง ปล่อยมือคนตัวเล็กให้เป็นอิสระก่อนจะปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้าตนเอง

“ข้าถือว่าตกลงนะ”

“ตกลง? เรื่องคนสวนน่ะหรือ?” ฟานตงทึกทักเอาเองเช่นนั้น เจ้าตัวรีบพยักหน้า “ตกลงสิ!”

หยงเทียนส่งยิ้มให้อีกครั้ง หากคราวนี้เป็นรอยยิ้มที่เคลือบบางอย่างไว้ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ฟานตงเห็นแล้วเข้าใจ หยงเทียนคิดในใจคนเดียว ที่ว่าตกลงน่ะ เขาหมายถึง ‘คำขอแต่งงาน’ จากท่าคุกเข่าเมื่อกี้ต่างหาก

ฟานตงตกหลุมพลางเข้าเสียแล้ว





-------------------------------------------------------------










ดอกท้อที่ ๗

มีข่าวลือพบเบาะแสสำคัญว่าคุณชายเล็กตระกูลจางยังมีชีวิตอยู่

ชายชราเร่ร่อนคนหนึ่งออกมาป่าวประกาศว่าเมื่อเจ็ดปีก่อน ตนได้พบเห็นเด็กชายรูปร่างสันฐานเหมือนอย่างที่ในใบประกาศตามหาคนหายระบุไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

เด็กชายที่มีลักษณะผมสีดำ ตาโต ผิวขาว ร่างเล็กแกร็นเท่าต้นถั่วงอก มีบาดแผลตามตัวหลายแห่ง  วิ่งไปตามท้องถนนเส้นยาวราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่างน่าหวาดกลัว

โดยวันเวลาสถานที่ที่ชายชราเร่ร่อนกล่าวมานั้น ใกล้เคียงกับตอนที่คุณชายหายตัวจากบ้านพอดิบพอดี

ชายชราเร่ร่อนเล่าต่อว่า เด็กชายไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากร้านเหล้าในเมือง พูดคุยอะไรกันอยู่นาน สักพักก็มีเด็กชายอีกคนวิ่งเข้ามาสมทบ ถกเถียงบางอย่างกันอยู่สักระยะ ก่อนจะจูงมือเดินออกไปกันสามคน

คาดการณ์ว่าผู้ชายดังกล่าวคงเป็นคนที่ลักพาตัวคุณชายเล็กตระกูลจางไปเป็นแน่!

เมื่อนายเลี่ยงหวงรู้ข่าว ก็รีบจ้างคนไปสืบทันที

สองวันให้หลัง ได้ความว่าชายผู้นั้นทำงานค้าขายเปิดบ้านเป็นร้านขายน้ำเต้าหู้ในตลาด นามว่าหลี่ซื่อหลาง ชายหนุ่มกำพร้าพ่อแม่ ถูกรับเลี้ยงดูโดยเจ้าของร้านน้ำเต้าหู้คนเก่า มีน้องชายบุญธรรมสองคน   

คนแรกชื่อฟานตง อายุสิบเก้าปี

คนที่สองชื่อหย่งคัง อายุสิบห้าปี

ตามประวัติ ในบรรดาสามพี่น้องไม่มีใครแต่งงาน อยู่อย่างสงบสุขและเรียบง่าย ไม่เคยก่ออาชญากรรมหรือทำเรื่องผิดกฏหมายบ้านเมือง

คนที่นายเลี่ยงหวงสงสัยมากที่สุดเห็นจะเป็น ‘หย่งคัง’

แม้จะเปลี่ยนชื่อ แต่จิตวิญญาณข้างในก็คือจางเฟยหลง ลูกชายคนเล็ก ของเขา!

คนสืบข่าวระบุเสริมว่า หย่งคัง มีใบหน้าละม้ายคล้ายนายเลี่ยงหวงอยู่มาก โดยเฉพาะแววตาที่เหมือนถอดแบบกันมา มีรูปร่างที่สูงใหญ่น่าเกรงขามสมชายจนใครต่างก็นึกอิจฉา อีกทั้งเนื้อตัวยังมีรอยแผลเป็นจำนวนมาก หาใช่ดูน่ารังเกียจ แต่กลับเพิ่มกลิ่นอายความดิบเถื่อนของลูกผู้ชายโดยแท้

ราวกับเติบโตมาเป็นคนละคน หากไม่บอกว่าเป็นคนๆ เดียวกับเด็กชายตัวแห้งเมื่อสิบปีก่อนแล้วล่ะก็

จ้างให้ก็ไม่เชื่อเด็ดขาด!




-------------------------------------------------------------





เช้ามืดวันนี้เกิดเรื่องน่าปวดหัวให้หลี่ซื่อหลางหลายอย่าง

ประการแรก ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเปิดร้าน ยังไม่ทันได้ตั้งหม้อตั้งกระทะเสร็จดี จิ้งอิ้ เพื่อนสนิทของเขาก็ทะเล่อทะล่าเข้ามาทางประตูหลังเรือนแล้วผลักปิดลงกลอนเสียเสร็จสรรพ

“ข้าว่าวันนี้เจ้าอย่าเปิดร้านดีกว่า”

หลี่ซื่อหลางทำสีหน้าฉงน “อะไรของเจ้า?”

“เชื่อข้าเถอะ”

จิ้งอี้ที่ดูร้อนรนผิดสังเกต ยิ่งทำให้ความสงสัยของหลี่ซื่อหลางเพิ่มสูงขึ้น

“ทำไม? มีอะไรอยู่ข้างนอกหรือ?”

เจ้าตัวเลี่ยงออกไปเปิดประตูหน้าโดยไม่ฟังคำทัดทานจากเพื่อนสนิท พบว่ามีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยกำลังยืนอออยู่บริเวณหน้าร้าน แต่งตัวไม่เหมือนคนในละแวกนี้

คราแรกเขานึกว่าเป็นลูกค้า แต่ความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่

“เจ้าคือหลี่ซื่อหลางหรือเปล่า?”

ชายคนหนึ่งเอ่ยถาม แต่งตัวเหมือนหัวหน้าคนรับใช้พวกตระกูลคนใหญ่คนโต

หลี่ซื่อหลางตอบกลับไปอย่างลังเล “หากจะซื้อน้ำเต้าหู้ต้องรอก่อน ข้ายังไม่เปิดร้าน”

“เจ้าย่อมรู้ดีว่าพวกข้าไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้น”

เรื่องนั้น? เรื่องไหน?


สีหน้าหลี่ซื่อหลางแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่าตนไม่เข้าใจสิ่งที่คนตรงหน้าพูดอยู่จริงๆ “เหตุนั้นพวกท่านมาเพื่อธุระอันใด? หากข้าช่วยได้ ข้าจะช่วย”

“งั้นรึ!”  ชายร่างสูงคนหนึ่งก้าวออกมา ไฟจากข้างทางส่องกระทบคนตัวสูงเกิดเป็นเงาดำทาบทับหลี่ซื่อหลางที่เตี้ยกว่าเห็นๆ เหมือนโดนข่มอยู่เป็นนัยๆ ยิ่งพอยืนประจันหน้ากันเช่นนี้ เทียบกันแล้วเรียกได้ว่ากระดูกคนล่ะเบอร์ทีเดียว

“เจ้าช่วยข้าได้แน่”

…เหตุใดหลี่ซื่อหลางถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม?

“จงไปนำตัวคุณชายเล็กออกมา แล้วจะไม่มีใครเจ็บตัว”

ชายตัวสูงขู่เสียงเรียบ หากแม้หลี่ซื่อหลางรู้เรื่องราวอะไรสักนิด เขาคงไม่ต้องยืนงงกับสิ่งที่ฟังไม่เข้าใจเช่นนี้

“ท่านพูดเรื่องอะไร?”

“ข้าสั่งให้ไปนำคุณชายเล็กตระกูลจางออกมา!”

“ไม่มีคุณชายอะไรที่นี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”

ชายตัวสูงกระชากคอเสื้อหลี่ซื่อหลางอย่างแรง “ข้าจะบอกเป็นครั้งสุดท้าย นำ-คุณ-ชาย-เล็ก-ออก-มา!”

“พี่ใหญ่!”

“พี่ซื่อหลาง!”

หย่งคังและฟานตงรีบพุ่งตัวออกมาทันทีที่รู้ว่าพี่ชายกำลังตกอยู่ในอันตราย ยิ่งเห็นพี่ชายกำลังโดนจับตัว ท่าทางราวกับจะถูกทำร้ายยิ่งสร้างความคับแค้นใจให้กับคนพบเห็น

“ปล่อยพี่ชายข้านะ!”

ด้วยความเป็นคนเลือดร้อน ฟานตงจึงถลาเข้าไปโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง เคราะห์ร้ายโดนเสยหมัดใส่เสียจนกระเด็น ลำบากจิ้งอี้ต้องเข้าไปช่วยพยุงแล้วลากเข้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาท

“ปล่อยข้า! พี่จิ้งอี้!!  ข้าจะไปซัดมัน! ปล่อยข้าาาา!!” เสียงโวยวายดังหายเข้าไปในบ้าน

โถ… ฟานตง

หลี่ซื่อหลางนึกสงสารน้องชายจับใจ

“ปล่อยมือจากเขา” หย่งคังเอ่ยเสียงเรียบ ย่างสามขุมเข้ามายืนจ้องตาดุเดือดกับชายแปลกหน้า น้องเล็กของเขาตัวสูงเท่าคนที่กำลังขยำคอเสื้อพี่ชาย ถ้าหากต้องปะทะกัน คงเป็นการต่อสู้ที่สูสีน่าดู

“หย่งคัง ข้าไม่เป็นไร เจ้า…”

“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ซื่อหลาง ปล่อยข้าจัดการเอง”

…เหอ?

วันนี้น้องเล็กของเขาแปลกไปหรือเปล่า? หลี่ซื่อหลางไม่ได้คิดไปเองใช่หรือไม่ที่หย่งคังในตอนนี้ดูน่ากลัวจนเขาเองยังไม่กล้าขัดขืน

ว่าแต่ว่า เขาอายุมากกว่าไม่ใช่? เหตุใดจู่ๆ ถึงเรียกชื่อพี่ใหญ่คนนี้เฉยๆ?

อีกด้านหนึ่ง ชายฉกรรจ์แปลกหน้ามีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสะบัดมือออกจากหลี่ซื่อหลาง ด้วยความที่ว่าสะบัดแรงไปหน่อย ร่างโปร่งจึงเซถอยหลังหากไม่ได้แผ่นอกแข็งแรงของหย่งคังรองรับไว้ เขาอาจลงไปกองกับพื้นแล้วเป็นได้

จังหวะนั้น มือใหญ่รีบจับตัวเข้าไปหลบด้านหลังทันที

“พวกท่านมีธุระอันใด?” หย่งคังออกตัวแทน ไม่ยอมปล่อยมือข้างหนึ่งที่จับมือเขาไว้แน่น

 …ความรู้สึกนี่มันอะไรกัน…

ชั่วยามหนึ่ง หลี่ซื่อหลางตกอยู่ในภวังค์ ทัศนียภาพเบื้องหน้าถูกบดบังเพราะแผ่นหลังกว้าง น้องเล็กของเขาเติบใหญ่ถึงเพียงนี้แล้วหรือ? ทั้งยังกล้าหาญ คิดจะปกป้องเขาที่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

หลี่ซื่อหลางลอบมองเสี้ยวใบหน้าคนตัวสูง หย่งคงในยามนี้ช่างดูแตกต่างกับตอนแรกที่เจอนัก เด็กชายที่ชายหนุ่มรับเลี้ยงเมื่อ สิบปีก่อนยังต้องหลบหลังเขาเมื่อเจอภัย มาบัดนี้กลับกลายเป็นเขาเองที่ต้องอยู่ข้างหลังเพื่อให้น้องเล็กปกป้อง

สถานะเรากลับกันตอนไหนหนอ?

“พวกข้ามาตามตัวคุณชายเล็กกลับตระกูล”

“ไม่มีคุณชายเล็กที่นี่ กลับไปเสียเถิด” หย่งคังสวนกลับทันที ทั้งๆ ที่พูดประโยคเดียวกัน แต่ชายแปลกหน้ากลับไปกล้าทำอะไรน้องเล็กของเขา

“เป็นคำสั่งท่านเลี่ยงหวง บิดาของท่าน”

“ข้าจำไม่ได้ว่ามีพ่อ” เอ่ยเสียงแข็งติดจะห้วน จนคนฟังรับรู้ทันทีว่าคนพูดมีความคับแค้นอยู่ในใจ “ไปหาคุณชายที่่อื่น ที่นี่ไม่มีคนที่พวกท่านตามหาหรอก” หย่งคังหันหลังกลับ โอบตัวหลี่ซื่อหลางแน่นเสียจนร่างโปร่งแทบแทรกหายไปในอ้อมแขนแกร่ง

“หย่งคัง…” หลี่ซื่อหลางเงยหน้าขึ้น

แววตาหย่งคงที่มองลงมามีแววอ่อนลง “ไม่เป็นไรแล้ว”

“เขาจะโดนฆ่าโทษฐานลักพาตัวท่าน!”

หย่งคังชะงักเล็กน้อย แรงบีบที่ไหล่หลี่ซื่อหลางเพิ่มขึ้นหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว หากสองเท้ายังเร่งเดินเข้าบ้านโดยเร็ว

“ข้าเตือนท่านแล้วนะ คุณชายเล็ก”

ประโยคสุดท้ายดังไล่หลังก่อนที่หย่งคังจะกระแทกประตูปิดอย่างแรง จิ้งอี้ที่นั่งรออยู่ด้านในรีบวิ่งเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยของเพื่อนสนิท

“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”

“อืม” หลี่ซื่อหลางพยักหน้า ยังรู้สึกปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ถูก “ฟานตงล่ะ”

“ข้าขังเขาไว้ในห้อง ไม่ว่ากันนะ”

“ก็ดีกว่าให้คนพวกนั้นกระทืบเขา” หลี่ซื่อหลางถอนหายใจเฮือก หย่งคังพยุงร่างโปร่งไปนั่งบนเก้าอี้ ท่าทางราวกับเห็นเขาเป็นทารกหัดเดิน

“หย่งคัง ข้าเดินเองได้”

น้องเล็กเม้มริมฝีปาก จนใจต้องปล่อยมือออกจากร่างโปร่ง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มีใครอธิบายให้ข้าฟังได้บ้าง?”

หลี่ซื่อหลางมองหน้าจิ้งอี้ที หย่งคังที ไม่มีใครสบตากับเขาตรงๆ เลยสักคน มีเรื่องที่ปิดเขาไว้อยู่งั้นหรือ? คิดแล้วก็แอบน้อยใจขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ

“จะไม่มีใครพูดอะไรเลยหรือ?”



เงียบ

“ทำไมคนพวกนั้นถึงเรียกเจ้าว่า คุณชายเล็ก” ครานี้หลี่ซื่อหลางถามหย่งคังอย่างเจาะจง

“ข้าไม่รู้”

“จริงหรือ?” คนเป็นพี่ใหญ่ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ได้ปิดบังอะไรข้าใช่หรือไม่?”

หย่งคังไม่ตอบ สีหน้าเศร้าๆ กระตุกหัวใจพี่ชายให้เจ็บปวดไม่แพ้กัน หรือเขาจะขี้สงสัยเกินไป? หลี่ซื่อหลางได้สติ เขาเป็นพี่ใหญ่ ไม่ควรระแวงน้องตัวเอง ชายหนุ่มมีความเชื่อมั่นว่าน้องชายทุกคนของเขาเป็นคนดี

บางทีเขาคงคิดมากตามประสาคนแก่กระมัง

“ช่างเถอะ” หลี่ซื่อหลางเดินเข้าไปตบบ่าหย่งคัง “ข้าขอโทษที่ถามเจ้าแบบนั้น ไม่โกรธข้านะ?”

น้องเล็กเงยหน้ามองพี่ใหญ่ที่ส่งยิ้มละไมให้ แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวน้องชายล้นปรี่ ยิ่งเห็น หยงคังก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น

“เอาล่ะ! ถือโอกาสพักผ่อนสักวันแล้วกัน” หลี่ซื่อหลางรีบเปลี่ยนเรื่อง ทำทีท่าราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งเงียบเป็นเป่าสากมาสักระยะหนึ่งแล้ว

“จิ้งอี้ เจ้าควรไปดูว่าฟานตงทุบประตูพังหรือยัง ข้าจะไปเก็บของหลังครัว”

“อ…เอ่อ ได้สิ”

“ขอบใจเจ้ามาก”

หลี่ซื่อหลางกล่าวขอบคุณในหลายๆ ความหมาย โดยที่หย่งคังได้แต่แอบมองพี่ชายคนโตเดินหายเข้าไปในครัว

หย่งคังไม่อยากทำลายความรู้สึกของหลี่ซื่อหลาง



‘เขาจะโดนฆ่าโทษฐานลักพาตัวท่าน’



หากจะมีใครสักคนต้องตาย

คนๆ นั้นควรเป็นเขา




-------------------------------------------------------------





สองคืนต่อมา หลี่ซื่อหลางก็ฝันอีกแล้ว

ทว่าสัมผัสของท่านเทพช่างอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง ริมฝีปากร้อนไล่จุมพิศทั่วใบหน้าจนถึงลำคอ ขบเม้มที่แอ่งชีพจร ไล่เลียถึงหน้าอกของเขา ฝ่ามือฟ้อนเฟ้นเอวบางจนบริเวณนั้นร้อนวูบ หลี่ซื่อหลางแอ่นตัวรับอย่างห้ามไม่อยู่

‘ข้ารักท่าน…’

คำพูดหวานดังแผ่วข้างหู และยังคงดังก้องอยู่ในหัวคนกำลังหลับฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกดีราวกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ

‘ข้ารักท่าน รักที่สุด…’

ริมฝีปากถูกครอบครองอีกครั้ง เนินนานชั่วกัลป์ แขนแกร่งโอบล้อมร่างโปร่งจมหายไปในอ้อมอก สูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวให้จดจำลึกลงไปใต้ก้นบึ้งหัวใจ เพื่อที่จะไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งได้รักและมอบหัวใจทั้งดวงให้คนๆ นี้ได้มากมายเพียงใด
จะเป็นคนแรกและคนเดียวเสมอ

‘รอข้านะ ซื่อหลาง’

จูบลาสุดท้ายแตะลงที่หน้าผาก

‘อย่าลืมว่าข้ารักท่านเสมอ’




-------------------------------------------------------------





“พี่ซื่อหลาง!”

ฟานตงพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนของพี่ชายคนโต เห็นร่างโปร่งยังนอนหลับเป็นตายไม่ยอมตื่น “พี่ซื่อหลาง! ตื่นเร็วเข้า!” ทั้งตะโกน ทั้งเขย่า คนนอนหลับสบายยังอุตส่าห์หลับตาพริ้มสบายใจต่อได้?

“พี่ซื่อหลางงงง!!!”

เหมือนโสตประสาทการรับรู้ของหลี่ซื่อหลางจะทำงาน เจ้าตัวงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

“ฟานตง?”

“ก็ข้าน่ะสิ!” ฟานตงดึงร่างสะลึมสะลือให้ลุกขึ้นนั่ง “เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ท่านยังจะมีอารมณ์มานอนอีก!”

“เรื่องใหญ่อะไร?” ว่าพลางอ้าปากหาวหวอด เมื่อคืนฝันดีเสียจนหลับเพลินทีเดียว

“หย่งคังไปแล้ว!”

“ไปซื้อของในตลาด?”

“ไม่ใช่!” ฟานตงทึ้งหัวตัวเอง “หย่งคังหนีออกจากบ้านไปแล้วต่างหาก!”

ตาที่จะหลับแหล่มิหลับแหล่ถึงกับเบิกโพลง “เจ้าว่าไงนะ?!”

“เมื่อคืนตอนยามสาม ข้าเห็นเขาเก็บของออกไปกับพวกที่มารังควาญเราเมื่อสองวันก่อน พอข้าจะไปช่วย ไอตัวใหญ่ในกลุ่มมันก็ชกข้าจนสลบ ดูสิ!” เจ้าตัวอวดรอยฟกช้ำที่โหนกแก้ม ดูท่าจะเจ็บมากทีเดียว

“พอตื่นมาอีกที ชาวบ้านก็เอาแต่ยืนมุงดูข้านอนแบคาถนนหน้าบ้าน นึกว่าตายแล้ว แต่ข้า…”

“ฟานตง! ข้าขอสั้นๆ” หลี่ซื่อหลางเขย่าไหล่น้องชาย

“พี่ซื่อหยาง…” ฟานตงเอื้อมมาบีบมือเขา “หย่งคังไม่ใช่น้องเล็กของเราแล้ว”

“เจ้าพูดอะไร?”

“เขาคือ คุณชายเล็กจางเฟยหลง ของตระกูลจาง”



หลี่ซื่อหลางเงียบไปหลายชั่วยาม เขานั่งนิ่งๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะหันไปถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “เจ้าพูดใหม่สิ?”

“หย่งคังไปเป็นคุณชายเล็กแล้ว พี่ซื่อหลาง”

“…ไม่จริง”

“ข้าจะโกหกทำไม”

“ข้าไม่เชื่อ”

ฟานตงหมายจะดึงให้หลี่ซื่อหลางลุกจากเตียง “ไม่เชื่อ ท่านก็ไปถามพี่จิ้งอี้ตอนนี้เลยย่อมได้” หากขาของพี่ใหญ่กลับหมดแรง เสียดื้อๆ จนล้มลงไปกองกับพื้น

“พี่ซื่อหลาง!” ฟานตงรีบเข้าไปช่วยประคอง ดูท่าร่างโปร่งจะจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้ว

“หย่งคังเป็นน้องเล็กของเราไม่ใช่หรือ…ฟานตง?...”

เห็นสภาพคนเป็นพี่ ฟานตงยิ่งไม่อยากพูดหักหาญน้ำใจ แต่ความจริงไม่อาจปฏิเสธได้ เขาทำได้เพียงลูบหลังปลอบประโยน

“ตอนนี้ไม่ใช่แล้วล่ะ…”



-------------------------------------------------------------






To be continued...





Talk : ตอนนี้อัพรูปตัวละคร หย่งคัง กับ ซื่อหลางไว้หน้าแรก
อย่าลืมกดเข้าไปดูนะค่าาาา ส่วนตัวละครอื่นๆ จะตามมาทีหลังน้า






@alternative  ยอมรับว่าแต่งเนื้อหารวบรัดมากค่ะ ฮาาาา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ แต่งจบเมื่อไหร่จะรีไรท์ให้สมเหตุสมผลมากขึ้นค่าา >_<

@cavalli ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่าาาา

@ycrazy ชอบตัวละครนี้เหมือนกันเลยค่าาาา แล้วนางจะชอบปากแข็งด้วยนะประเด็น ฮาาา

@boboman รอให้ซื่อหลางรู้ใจตัวเองเร็วๆ แล้วจะได้... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ กรั๊กกก)

@oumpatta ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ตัวละครเยอะเป็นหนอนจริงๆแหละค่ะ ฮา ไว้แต่งจบเมื่อไหร่จะรีไรท์ให้สมเหตุสมผลขึ้นนะคะ >_<

@JustWait พี่แกมีฝันร้ายกับตระกูลนี้ค่ะ ไม่อยากกลับไปเหยียบ แต่ถ้าได้กลับไป...รออ่านตอนต่อไปดีกว่าเน้ออออ

@หมีอ้วนพี หย่งคังเขาขาดความรักมานาน55555555

@cheyp สักพักใหญ่แล้วล่ะคะ พี่ซื่อหลางถึงได้นอนฝัน(ดี?)มาหลายเดือน

@ขนมโก๋  ที่หนึ่งไปเลยค่ะ55555555








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2015 17:02:41 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ Altasia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เวลาอัพตอนใหม่ช่วยใส่เลขหน้าด้วยนะคะ หรือไม่ก็ทำสารบัญ ตอนนี้ยังไม่เป็นไรก็จริง เพราะมีแค่สองหน้า แต่พอหน้ามากขึ้นเดี๋ยวจะหาลำบาก

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook
ตามคุณ alternative มา...

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ยังมีบางส่วนที่ให้รายละเอียดน้อยไป (เหมือนที่คุณ alternative ว่า) อาจจะต้องปูเนื้อหามากขึ้นเพื่อให้คนอ่านเข้าใจตรงกัน ที่ต้องขอเพิ่มอีกนิดหน่อยคือตรวจทานชื่อของตัวละครในแต่ละฉากว่าถูกต้องไหม เนื่องจากตัวละครส่วนใหญ่ชื่อคล้ายคลึงกัน หากผิดพลาด...อาจทำให้ผู้อ่านงงได้ค่ะ

สู้ๆค่ะ ^^

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
@Altasia ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่าาา แล้วก็ใส่สารบัญให้สะดวกต่อการอ่านยิ่งขึ้น >_< ต้องขอโทษด้วยที่ครั้งก่อนลืมใส่ตอนที่อัพใหม่ล่าสุดนะคะ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ดูท่าหย่งคังจะแอบลวนลามซื่อหลางตอนนอนล่ะมั้งเนี่ย แต่พี่แกดันนึกว่าฝันไป อะไรเงี้ย
ตอนหน้าจะเป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย ในเมื่อหย่งคังได้กลับบ้านตระกูลจางแล้ว
รอตอนต่อไปน้า

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มันต้องมีความเมามันส์มาพร้อมกับดราม่าแน่ๆ
ซื่อหลางจะตามไปเจอแล้วพบกับความเย็นชารึเปล่า อ๊ากกก
รีบมาต่อเร็วๆนะคะ รออ่านอยากจดใจจ่อเลยยย

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: หย่งคังน่าจะอธิบายอะไรบ้างนะ ไม่ใช่หนีไปเฉยๆ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ทำไมหย่งคังไปไม่บอกกันล่ะ เราเสียใจ โฮๆๆๆ

ซื่อหลางกับฟานตงจะทำยังไง

แล้วซื่อหลางจะรักหย่งคังแบบคนรักได้เมื่อไร

...ฉันต้องรออีกนานแค่ไหน....

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
สวัสดีค่าาาาา

วันนี้มาขอแจ้งว่าคนเขียนได้ ปรับเปลี่ยน และ เพิ่มเติม เนื้อหาในบางส่วน
ดังนั้นเนื้อเรื่องในแต่ละตอนจะถูกเปลี่ยนไปบ้างนะคะ

เรื่องที่เปลี่ยน จะเป็นอายุของตัวละครค่ะ
ส่วนเรื่องที่เพิ่มเติม จะเป็นเนื้อหาใหม่



กลับไปอ่านเนื้อหาส่วนที่รีไรท์ใหม่ได้
ตามหัวข้อด้านล่างเลยค่าา





รอติดตาม ดอกท้อที่๘ เร็วๆ นี้นะคะ
ขอบคุณมากค่าาา


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
รับแซ่บ!

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ดอกท้อที่๘



ต้องไปคุยให้รู้เรื่อง!

‘ถ้าเจ้ายื้อไม่ได้ เจ้าต้องปล่อยมือ’

‘ข้า…’

‘สัญญากับข้า ไม่งั้นเจ้าก็ไม่ต้องไป’

‘ได้ ข้าสัญญา’


หลี่ซื่อหลางให้สัญญากับจิ้งอิ้ ก่อนจะตรงดิ่งมาที่หน้าประตูเรือนตระกูลจาง ครั้งหนึ่งเขาก็เคยยืนตรงนี้ ตอนนั้นแค่ขอเก็บลูกบอลไม้สานเก่าๆ ที่ทำตกไว้ หากไม่ได้คืน เขาก็จนใจยอมรับ ทว่าครานี้ น้องชายทั้งคนของเขาหายเข้าไปอีก เป็นตายยังไงหลี่ซื่อหลางก็ต้องเอาคืนมาให้ได้!

ชายหนุ่มเคาะห่วงประตูหัวสิงโตสามครั้ง

สาวใช้คนใหม่ชะโงกหน้าออกมาจากบานประตูใหญ่ “มาหาใครเจ้าคะ?”

“ข้ามาหาหย่งคัง”

“ที่นี่ไม่มีคนชื่อนี้เจ้าค่ะ” สีหน้าของสาวใช้แสดงออกว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ “ท่านคงมาผิดที่แล้ว”

หลี่ซื่อหลางส่งยิ้มหวาน “ข้ามาไม่ผิดหรอก แม่นาง”

“แต่…”

“ไปบอกคุณชายเล็กของเจ้าว่า พี่ใหญ่ของเขา มาหาได้หรือไม่?” ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอน แก่จนปูนนี้เพิ่งจะได้ลองทำตัวน่าสงสารให้คนอื่นดู ท่าทางสาวใช้จะเห็นอกเห็นใจเขาจริงๆ

“ข้าจะไปเรียนให้เจ้าค่ะ รอตรงนี้สักประเดี๋ยว”

“ขอบใจเจ้ามาก”

หลี่ซื่อหลางมั่นใจว่าหากได้มีโอกาสคุยกับหย่งคัง เขาจะต้องยอมกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้งแน่ๆ แค่คิดเจ้าตัวก็เนื้อตัวสั่นเพราะความดีใจไม่ไหวแล้ว

ทว่าไม่นานสาวใช้ก็กลับออกมาพร้อมข่าวร้าย “คุณชายเล็กไม่ประสงค์พบใครตอนนี้เจ้าค่ะ”

“หะ? เจ้าบอกเขาไปหรือเปล่าว่าข้าคือพี่ใหญ่”

“บอกแล้วเจ้าค่ะ”

“แล้วทำไมเขา…” หลี่ซื่อหลางทั้งประหลาดใจและแอบผิดหวังอยู่ลึกๆ “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”

ไม่ต้องรีบ ยังมีเวลาอีกมากให้คนเป็นพี่ชายแสดงให้เห็นว่าเขาจะรักษาสัญญาเมื่อตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก

‘ข้าจะเป็นพี่ชายให้เจ้า ดูแลไม่ให้มีใครรังแก’

หลี่ซื่อหลางจะไม่ผิดสัญญา เขารับรอง!






วันต่อมา

หลี่ซื่อหลางปิดร้านเร็วกว่าปกติ หากไม่ลืมหิ้วถุงน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋ชุดใหญ่เตรียมไว้ไปฝากหย่งคัง ป่านนี้น้องเล็กจะคิดถึงรสชาดที่พี่ชายคนนี้ทำให้ดื่มทุกวันหรือเปล่านะ?

“ท่านนั้นเอง” สาวใช้คนเดิมเดินมาเปิดประตู เอ่ยทักเมื่อเห็นหน้าเขา

“น้ำเต้าหู้ข้าทำเอง อร่อยนะ รับไปสิ” หลี่ซื่อหลางเตรียมอีกถุงมาเผื่อสาวใช้ด้วย เหตุว่าระยะนี้คงได้มารบกวนบ่อยๆ เป็นแน่

“อุ้ย ขอบคุณเจ้าค่ะ”

สีหน้าดีใจทำให้หลี่ซื่อหลางนึกเอ็นดู “ถ้าเจ้าชอบ ข้าจะเอามาให้บ่อยๆ ดีหรือไม่?”

“เกรงใจเจ้าค่ะ เดี๋ยวไป๋เหอจะถูกนายเอ็ดเอา”

“ไป๋เหอหรือ? ชื่อเจ้าไพเราะดี” ชายหนุ่มยิ้ม “ข้ามีนามว่า หลี่ซื่อหลาง เรียกข้าว่าพี่ซื่อหลางก็ได้ วันนี้คงต้องรบกวนเจ้าเอาน้ำเต้าหู้พวกนี้ไปให้คุณชายเล็ก แล้วบอกเขาด้วยว่าพี่ใหญ่มีธุระจะคุยด้วย”

“จะไปเรียนให้นะเจ้าคะ”

ร่างสาวใช้หายเข้าไปในบ้าน ระหว่างยืนรอ หลี่ซื่อหลางถูมือไปมาเพราะลมหนาวพัดบาดผิวเขาแสบไปหมด
อีกไม่กี่สัปดาห์ก็เข้าฤดูหนาวแล้วสินะ คราวนี้น้ำเต้าหู้ของเขาคงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนเก่า อยากให้หย่งคังเห็นจริงๆ ว่าร้านน้ำเต้าหู้ใกล้จะกลับมาโด่งดังอีกครั้ง ลูกค้าคงแน่นเอี๊ยดเต็มร้าน หาเงินดูแลน้องทั้งสองได้สบายไปทั้งชาติ!

“พี่ซื่อหลาง”

“ว่าอย่างไรบ้าง?”

“เอ่อ…” สาวใช้ยื่นถุงน้ำเต้าหู้คืน “คุณชายเล็กไม่ต้องการพบใครเจ้าค่ะ แล้วก็ไม่รับของๆ ใครด้วย”

“แม้กระทั่งข้าด้วยหรือ?”

พูดแล้วก็เหมือนตอกย้ำความไม่เอาไหนของตัวเอง แค่น้องคนเดียวก็ดูแลไม่ได้ “เขารู้หรือไม่ว่าข้ามาหา?”

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ ข้าเรียนเท่าที่ท่านฝากมา”

“งั้นหรือ”

แววตาหม่นแสงจ้องมองถุงน้ำเต้าหู้ในมือสาวใช้ที่คงกลายเป็นหมัน “เจ้าเก็บไว้กินเถอะ หรือไม่ก็ทิ้งไปเลยก็ได้ เอาไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”

หลี่ซื่อหลางเดินคอตกออกมา วันนี้ล้มเหลว แต่พรุ่งนี้ยังพยายามใหม่ได้ เขาเชื่อว่าต้องได้เจอหย่งคังอีกครั้งแน่ และหากได้เจอ เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายเด็ดขาด






วันเวลาวนเวียนจนครบหนึ่งอาทิตย์ที่หลี่ซื่อหลางยังคงเสนอหน้าไปที่บ้านตระกูลจางได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แถมทุกครั้งเขาก็โดนปฏิเสธกลับมาอย่างไร้เยื่อใยเสียด้วย

ไม่เป็นไร…

เรื่องแค่นี้ทำไมจะทนไม่ได้? น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน?

เขาไม่เคยคิดสงสัยในตัวหย่งคัง น้องเล็กของเขาอาจกำลังต้องการเวลา และหลี่ซื่อหลางจะแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเป็นพี่ใหญ่ที่ดีได้อย่างแน่นอน

เหตุนั้น วันนี้เขาจึงมาเคาะประตูบ้านตระกูลจางอีกครั้ง

หลี่ซื่อหลางในชุดกันหนาวสามสี่ชั้นยืนเบียดตัวเข้ากับเสาประตู วันนี้อากาศเย็นลงจนน่าใจหาย แต่หาใช่อุปสรรคในการมาหาน้องเล็กของเขา ระหว่างยืนรอ หลี่ซื่อหลางก็เหมือนจะเห็นเงารางๆ วิ่งมาหาตน โบกมือโดดโหยงเหยงมาแต่ไกล

“พี่ซื่อหลาง!”

“ฟานตง?!” ชายหนุ่มพูดพรางถูมือไปมา “อากาศหนาวแบบนี้เจ้าออกมาทำไม?”

“ข้าก็อยากถามคำถามเดียวกันท่านเหมือนกัน”

พูดไปควันก็ออกปากไป เสื้อที่ใส่ทับกับจนจะกลายเป็นขนมชั้นไม่พอบรรเทาความหนาวในวันนี้

“ข้าจะรอพบหย่งคังก่อน”

“โอ้ย! เจ้านั่นไม่ออกมาหรอก เลิกทำแบบนี้เถอะนะ ข้าขอร้อง” ฟานตงดึงมือพี่ชายให้กลับไปด้วยกัน หากพี่ชายก็ขืนตัวไว้ไม่ยอมขยับ

“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“ท่านจะรั้นไปทำไม! ทำแบบนี้มันได้อะไรขึ้นมา!” ฟานตงถึงจุดสุดจะทนแล้ว เขาไม่อาจมองดูพี่ชายทรมานกับการเฝ้ารอคอยคนที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าจะไม่กลับมาอีก “หย่งคังเลือกทางเดินของเขาแล้ว! เขาอยู่คนละโลกกับเราแล้วพี่ซื่อหลาง! ท่านต้องปล่อยมือจากเขาเสียที!”

“ฟานตง ได้โปรด…”

มาถึงจุดนี้หลี่ซื่อหลางก็ไม่อาจตัดใจได้อยู่ดี

“ข้าแค่อยากเจอเขาอีกสักครั้ง แค่ครั้งเดียวเอง…นะ…” ไม่อาจห้ามให้เสียงหยุดสั่นได้ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นความหนาวนอกกายหรือความหนาวที่เกาะกุมหัวใจของเขาอยู่กันแน่

“เอะอะอะไรกัน!!”

ปรากฏร่างสูงของคนรับใช้ตระกูลจาง ฝ่ายนั้นเดินออกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าคมเข้มมีร่องรอยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“จ…เจ้าที่ต่อยข้านี่!!” ฟานตงตะโกนชี้หน้า

“หึ! วันนี้ก็มาให้ข้าต่อยอีกรึ!”

“พวกข้าไม่มีเจตนามาหาเรื่องใคร” หลี่ซื่อหลางรีบเดินมาขั้นกลางระหว่างคนรับใช้กับฟานตง “ข้าแค่อยากมาขอพบคุณชายเล็กเท่านั้น”

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง

“ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเขา”

ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าฝันกลางวันอะไรอยู่?! พี่ใหญ่ของคุณชายเล็กจางเฟยหลงก็คือคุณชายใหญ่จางเฟยฉี ไม่ใช่ชาวบ้านมอซออย่างพวกเจ้า”

“ว่าใครมอซอ?!”

ฟานตงทำท่าจะตรงดิ่งเข้าไปสั่งสอนคนพูด หากหลี่ซื่อหลางยกมือห้ามไว้เสียก่อน

“ฟานตง ข้าขอล่ะ”

“แต่มัน…หึ่ย!” ฟานตงทำได้แค่สูดลมหายใจฟืดฟาด สะบัดหน้ามองไปทางอื่นอย่างไม่สบอารมณ์

“ข้ายอมรับว่าไม่มีอะไรเทียบกับคนตระกูลจางได้ แต่ข้ามีความจริงใจกับน้องเล็กของข้าจริงๆ ข้าเลี้ยงดูเขามาเจ็ดปี จู่ๆ โดนพรากไปแบบนี้ อย่างน้อยก็ให้ข้าได้พบเขาอีกสักครั้งเถอะนะ ข้าจะไม่ร้องขออะไรอีกเลย ได้โปรดเถอะ”

…หลี่ซื่อหลางยอมหมดทุกอย่างแล้ว

ยอมแม้กระทั่งคุกเข่าลงกับพื้น…

“พี่ซื่อหลาง!” ฟานตงเบิกตากว้าง รีบฉุดพี่ชายให้ยืนขึ้น

“เจ้าไม่ต้องยุ่ง ฟานตง!” เป็นครั้งแรกที่หลี่ซื่อหลางตวาดใส่น้องชาย ฟานตงชะงักมือทันที “ข้าจะคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนกว่าจะได้เจอหย่งคัง!”

“หึ! ถ้า พี่ใหญ่ ไม่กลัวหนาวตายก็ตามสบายเถิด”

คนรับใช้ตระกูลจางยิ้มเยาะ เดินกลับเข้าบ้านตระกูลจางอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งให้พี่น้องตระกูลหลี่กัดฟันทนลมหนาวอยู่ข้างนอก

“นี่มันเกินไปแล้วนะ!!”

ฟานตงตะโกนอย่างโกรธแค้น ไม่รู้ว่าแค้นใครบ้าง แต่ที่แน่ๆ ก็คงเป็นหย่งคังที่ทำให้พี่ชายเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“ท่านเลิกทำแบบนี้เสียทีเถิด ข้ากราบท่านเลย!” ฟานตงคุกเข่าตรงหน้าพี่ใหญ่ ก้มจนหน้าผากแนบพื้น ไม่ห่วงศักดิ์ศรีที่มี หากเขาตัวใหญ่พอ เขาคงแบกพี่ใหญ่กลับบ้านไปนานแล้ว!

“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฟานตง”

“แล้วท่านมีความจำเป็นต้องทำแบบนี้?” ฟานตงเงยหน้าขึ้น มองหลี่ซื่อหลางที่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา

เฮ้อ!!

“ถ้าท่านยืนยันจะนั่งอยู่แบบนี้ ข้าก็จะทำด้วย”

หลี่ซื่อหลางส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ เจ้ากลับบ้านไปเสีย”

“ข้าไม่กลับหากท่านรั้นจะอยู่พบหย่งคังต่อ” ฟานตงเองก็ดื้อแพ่งไม่แพ้พี่ชายเช่นกัน “ทำไม? ท่านกลัวข้าทรมาน? แล้วข้าไม่กลัวท่านทรมานหรือ?”

“ฟานตง อย่าบีบข้าได้หรือไม่?”

“ท่านนั่นแหละที่บีบให้ข้าทำเช่นนี้!” ฟานตงพ่นลมหายใจ “ท่านเองไม่ใช่หรือที่ชอบสอนข้าเรื่องใจเขาใจเรา ตอนนี้ใจท่านแบกรับความเจ็บปวดมากเท่าใด ใจข้าเองก็เช่นกัน!”

“ข้า…”

คนเป็นพี่ชายก้มหน้าใช้ความคิดทบทวนเรื่องราว เขามัวแต่มุ่งมั่นจะพบหย่งคังเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่ายังมีใครอีกหลายคนที่ห่วงเขาไม่แพ้กัน

หลี่ซื่อหลางค่อยๆ เงยหน้ามองฟานตง

นี่เขาเผลอทำร้ายความรู้สึกน้องชายคนนี้ได้อย่างไร?

“ขอโทษนะ ตงตง…” หลี่ซื่อหลางโถมตัวกอดน้องชายในอ้อมแขนแน่น “ข้าเป็นพี่ชายที่เห็นแก่ตัวจริงๆ ข้าไม่ได้เรื่องเลย ข้าขอโทษ”

ฟานตงอยู่ในอารมณ์ตกใจ แล้วก็ดีใจ แต่ก็งงเป็นไก่ตาแตก เอาเถอะ สับสนไปหมดแล้ว ชายหนุ่มยกมือลูบหลังพี่ชายที่กำลังอ่อนแอน่าสงสาร

“ข้าไม่ได้โกรธท่านเสียหน่อย”

“ข้าผิดต่อเจ้า ผิดต่อหย่งคัง ผิดต่อจิ้งอี้”

“ท่านทำดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองเลย” ฟานตงตบหลังหลี่ซื่อหลางแปะๆ ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวออก “กลับบ้านเราเถิดนะ พี่ซื่อหลาง”



‘ถ้าเจ้ายื้อไม่ได้ เจ้าต้องปล่อยมือ’



“อืม”

.

.

.

“พี่ซื่อหลาง”

“หืม?”

“คราวหน้าอย่างเรียกข้าว่า ตงตง อีกนะ ขอร้อง…”




-------------------------------------------------------------







To be continued...








Talk : เขียนไปสงสารซื่อหลางไป ฮรือออออ
แต่อ่านแล้วอย่าเพิ่งเกลียดหย่งคังนะคะ
จริงๆ พระเอกเราก็น่าสงสารไม่แพ้กันเลยยยยย
รอติดตามตอนต่อไปน้าาาาาา








« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2015 18:59:19 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
สงสารซื่อหลางอ่ะ T^T
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมหย่งคังถึงไมยอมพบพี่ซื่อล่ะ
รอตอนต่อไปน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2015 10:43:03 โดย boboman »

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage

@Altasia ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่าาา แล้วก็ใส่สารบัญให้สะดวกต่อการอ่านยิ่งขึ้น >_< ต้องขอโทษด้วยที่ครั้งก่อนลืมใส่ตอนที่อัพใหม่ล่าสุดนะคะ

@Malimaru ขอบคุณที่ติดตามนะค่าาา คนเขียนจะพยายามปรับแก้เนื้อหาให้แน่นขึ้นค่ะ บางส่วนก็ปรับเปลี่ยนไปบ้าง กดอ่าน เนื้อเรื่องแก้ไขใหม่ ได้เลยค่าาา

@boboman หย่งคังจะไม่ธรรมดาแล้วค่ะงานนี้ หึหึ *หัวเราะชั่วร้าย*

@poogan_zadd ตอนต่อไปๆ จะมีมาม่าพอให้ชีวิตมีสีสันแน่นอนค่ะ ฮาาาาาา

@ycrazy พระเอกเราแอบใจแข็งนิดนึง ต้องรอดูต่อไปว่าจะใจแข็งได้นานแค่ไหนค่ะ #ทำเพราะรักนะ กรั๊กกกกก



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2015 10:33:45 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อ่านแล้ว มีแต่คำว่า ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม เต็มไปหมด
หย่งคังตั้งใจจะทำอะไร หายไปเฉยๆไม่ใช่แค่อยากปกป้องซื่อหลางหรอกมั้งง
 :katai4:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หย่งคังวางแผนอะไรอยู่

ตงตง 5555 มุ้งมิ้งจนขนลุกเลยเชียว

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
มีแอบลักหลับครั้งสุดท้ายก่อนไปซะด้วย ฮิฮิ้ว....

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
หย่งคังคิดอะไรอยู่..

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage
ดอกท้อที่ ๙



ฤดูหนาวมาเยือนเต็มตัวแล้ว

ตามปกติ ทุกปีๆ ฟานตงจะขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ออกไปไหนจนกว่าพระอาทิตย์จะแยงก้น หากเช้านี้ ฟานตงกลับลงมาช่วยหลี่ซื่อหลางทำน้ำเต้าหู้ขายอย่างขยันขันแข็ง

“วันนี้ขายหมดเร็วอีกแล้วนะ ซื่อหลาง”

จิ้งอี้ทำสีหน้าเสียดาย เขาออกมาไม่ทันซื้อน้ำเต้าหู้ที่กลับมาโด่งดังไปฝากลูกเมียอีกแล้ว หนาวก็หนาวยังจะมาเสียเที่ยวอีก!

“พี่จิ้งอี้ตื่นไม่ทันเอง ช่วยไม่ได้” ฟานตงแลบลิ้น อีกฝ่ายถลึงตาใส่อย่างหมั่นไส้ “เอาเวลามานั่งแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผู้ใหญ่อย่างข้าไปหาเมียเถอะ อายุขนาดนี้แล้วก็รีบหาครอบครัวซะ!”

ฟานตงทำหน้าเหยเก “ยัดเยียดเมียให้พี่ซื่อหลางไม่สำเร็จก็เล็งข้าแทนหรือ?”

“ก็มันน่าไหม? เจ้าทั้งสองคนไม่คิดจะผลิตลูกหลาน? แล้วใครจะเป็นคนสืบทอดกิจการร้านน้ำเต้าหู้เวลาพวกเจ้าอายุเก้าสิบ อย่าบอกนะว่าจะทำต่อไปจนถึงร้อยยี่สิบปี”

“ถึงเวลานั้น ข้าจะยกให้ถิงถิง หลานข้า”

หลี่ซื่อหลางเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ร้อน

“นั้นลูกข้าไม่ใช่หรือไร?” จิ้งอิ้หันไปบอก “เจ้าหนูน้อยไม่สนร้านเจ้าหรอก!”

“งั้นก็ปิดไปเลย ตอนนี้ข้ามีเงินเก็บมากพอจะเที่ยวทั่วยุทธภพกับฟานตงแล้ว”

“เที่ยวอะไรนะ?” จิ้งอี้ทำหน้าไม่เข้าใจ

“ช่างเถิด” หลี่ซื่อหลางจบบทสนทนาลง หันไปเก็บร้านเพราะขายน้ำเต้าหู้หมดแล้ว ช่วยไม่ได้ อากาศหนาวๆ แบบนี้แหละที่ดื่มน้ำเต้าหู้อร่อยที่สุด

“พี่ซื่อหลาง ข้าไปหาหยงเทียนนะ”

“ยังเช้าอยู่เลยไม่ใช่หรือ?” หลี่ซื่อหลางเอ่ยถาม “หยงเทียนอาจยังไม่ตื่นก็ได้”

“เอาน่า ข้าไปนะ!”

ฟานตงวิ่งฝ่าลมหนาวออกจากบ้าน ขาสองข้างหนาวแทบจะก้าวไม่ออก หากมีเรื่องด่วนอยากเจอหยงเทียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทั่งร่างเล็กมาหยุดลงที่หน้าเรือนตระกูลอู๋

“หยงเทียน!”

หยิบก้อนหินเล็กๆ ปาใส่บานหน้าต่างห้องนอนหยงเทียน

“หยงเทียน!” แค่นเสียงเรียกไม่เบาไม่ดังเกินไป เหตุกลัวว่าจะไปปลุกคนอื่นในบ้านที่ไม่ใช่เพื่อนสนิทเอาน่ะสิ
หน้าต่างห้องนอนขยับเปิดออก หยงเทียนยืนหน้าออกมาด้วยใบหน้างัวเงีย “ฟานตง?”

“เปิดประตูให้ข้าเข้าไปหน่อย”

หยงเทียนรีบร้อนลงมาเปิดบ้านให้เพื่อนตัวเล็กเข้ามาหาความอบอุ่นทันที ทั้งสองเดินตรงดิ่งไปที่ห้องนอนเพื่อนตัวสูง แล้วฝ่ามือร้อนก็คว้ามือเล็กมากำไว้

“เจ้าทำอะไร?!” ฟานตงทำท่าจะชักมือหนี

“เจ้าหนาวไม่ใช่หรือ?”

หยงเทียนกอบกุมมือเล็กด้วยสองมือ ถูไปมาเบาๆ แล้วเป่าลมร้อนให้ความอบอุ่น “แบบนี้ดีหรือไม่?”

“ม…ไม่ดี!”

ฟานตงรีบชักมือกลับ ใบหน้าซีดด้วยความเย็นกลับแดงระเรื่อขึ้นบริเวณแก้มใส หยงเทียนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะยกมือลูบแก้มคนตัวเล็กอย่างอดใจไม่อยู่

ใครสั่งให้ฟานตงน่ารักขนาดนี้กัน?

“อย่ามาจับแก้มคนอื่นสิ!”

“มาเบียดเบียนเตียงข้าแล้วยังบ่นอีกหรือ?”

หยงเทียนไม่ได้กล่าวเกินจริง พื้นที่บนเตียงกว่าครึ่งโดนคนตัวเล็กครอบครองเสียแล้ว และผ้าห่มผืนหนาก็กำลังจะถูกยึดเอกราชตามไปติดๆ

“แค่นี้ให้ข้าไม่ได้?” ฟานตงเลิกคิ้ว

หยงเทียนยิ้มบาง “ผ้าห่มหรือจะอุ่นเท่าเนื้อห่มเนื้อ เหตุใดเราไม่แก้ผ้ากอดกัน?”

“ตลก!!”

ฟานตงคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือที่สุดฟาดใส่เพื่อนตัวโต

“ข้ามาที่นี่เพราะมีธุระสำคัญกับเจ้านะ เลิกพูดล้อเล่นเสียที”

“งั้นเจ้าก็ว่ามาสิ ข้ารอฟังอยู่”

ฟานตงขยับตัวนั่งให้เข้าที่ “อย่างที่เจ้ารู้ กว่าพี่ซื่อหลางจะทำใจเรื่องคนๆ นั้นได้ นี่ก็ใช้เวลาเป็นเดือนแล้ว ข้ายังรู้สึกว่าพี่ซื่อหลางไม่ได้ลืมคนที่เจ้าก็รู้ว่าใครเลย”

“แน่นอน น้องชายทั้งคน”

“น้องชายทรยศน่ะสิ!” ฟานตงแสดงสีหน้าเคียดแค้น

“เจ้ารู้อะไรไหม หยงเทียน ทุกเช้ามืดข้ามักจะเห็นพี่ซื่อหลางแอบออกจากบ้านก่อนที่จะเปิดร้าน ข้านึกสงสัยอยู่หลายวันจึงแอบตามไปดู ถึงได้รู้ความจริงว่าเขาเอาน้ำเต้าหู้ไปแขวนไว้หน้าบ้านตระกูลจางทุกวัน! อู๋หยงเทียน เจ้าลองคิดดูสิ คนพวกนั้นคงนั่งหัวเราะเยาะพี่ชายข้า แต่ข้ารู้ว่าเขาทำมันด้วยความจริงใจ!”

“ข้าเข้าใจ” เพื่อนตัวใหญ่เอ่ยเสียงอ่อน

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ พักนี้พี่ซื่อหลางเหม่อลอยบ่อยจนข้านึกอ่อนใจ บางทีก็หายเงียบเป็นวันๆ เก็บตัวอยู่ที่สวนหลังบ้าน”

“ทำอะไรที่นั่น?”

“รดน้ำต้นไม้น่ะสิ”

หยงเทียนยิ้มบาง “พี่ซื่อหลางอาจพยายามหาอะไรทำ ไม่ดีหรือ? เขาจะได้หายเศร้า”

“หน้าตาพี่ชายข้าดูไม่เหมือนคนมีความสุขสักนิด!”

“…มันต้องใช้เวลา…”

ฟานตงทำสีหน้าครุ่นคิด “ตั้งแต่ข้าเกิด จำได้ว่าสวนหลังบ้านไม่เคยมีต้นไม้ต้นนั้นมาก่อน บัดนี้มันกลับผุดขึ้นมาหน้าตาเฉย ข้าเชื่อว่าต้นไม้ต้นนั้นต้องเกี่ยวข้องกับคนที่ทำให้พี่ซื่อหลางต้องเจ็บปวดเป็นแน่ เถอะ! แค่ชื่อข้ายังไม่อยากเอ่ยถึงเลย เสนียดปากตัวเอง!!”

“เจ้าก็พูดเกินไป”

“ก็ข้าเกลียดหย่งคังจริงๆ นี่นา!”

“แต่เจ้าเพิ่งพูดชื่อเขาไปเอง”

“อ่ะ…”

เหมือนนึกขึ้นได้ ฟานตงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หยงเทียนส่ายหน้าระอา เพื่อนตัวเล็กเป็นพวกแค้นฝังหุ่นจริงๆ

“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดในมุมกลับบ้างเล่า บางทีหย่งคังอาจจะมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้”

“เหตุผลอะไร? สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเขาทำร้ายจิตใจพี่ชายข้าร้ายแรงถึงเพียงใด! รู้มั้ยว่าบางคืนข้าได้ยินเสียงเขาร้องไห้ ปกติพี่ซื่อหลางเป็นคนหลับลึก การที่เขาร้องไห้ทั้งที่ยังหลับแสดงว่าความเจ็บปวดยังตามหลอกหลอนเขาแม้กระทั่งในความฝัน ขนาดในฝันเจ้าคนๆ นั้นก็ยังทำร้ายพี่ข้าเลย!”

“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ฟานตง” หยงเทียบเกลี่ยฝ่ามือคนตัวเล็กไปมา

“การที่พี่ซื่อหลางร้องไห้ เพราะเขาไม่ปล่อยวางต่างหาก เวลาคนเราจมปรักกับอะไรสักอย่างก็จะมีสภาพเช่นนั้นแหละ”

“จะบอกว่าเป็นความผิดพี่ข้า?!”

ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็แตะต้องหลี่ซื่อหลางไม่ได้เลยสินะ บางครั้งหยงเทียนก็แอบน้อยใจเหมือนกัน

“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย” หยงเทียนเปลี่ยนมาเกี่ยวนิ้วคนตัวเล็กเล่นแทน “หย่งคังผิดจริงที่ทำแบบนั้น แต่เขาอาจมีเหตุผลของเขาที่เจ้าอาจไม่เข้าใจ เป็นเรื่องดีไม่ดีข้าเองก็สุดจะคาดเดา ตัวพี่ซื่อหลางเองก็ไม่ยอมปล่อยวางเช่นกัน เพราะรักมากถึงได้เป็นแบบนั้น หากเขาปล่อยวางได้ เขาจะไม่ร้องไห้อีก”

“งั้นข้าควรทำอย่างไร?”

ฟานตงคล้อยตามกับคำพูดเพื่อนตัวโต เอ่ยถามอย่างจริงจัง

“ทั้งหมดเป็นเรื่องเหนือการควบคุมของเจ้า เจ้าไปสั่งให้คนนู่นคนนี่คิดตามที่เจ้าต้องการไม่ได้หรอก”

“แล้วถ้าข้าสั่งให้เจ้ายอมเป็นทาสข้าล่ะ”

“ทั้งชีวิตข้าก็ให้ได้” หยงเทียนตอบหน้าตาเฉย ฟานตงที่ตั้งใจจะแกล้งเพื่อนในทีแรก กลับกลายเป็นขุดหลุมฝังตัวเองเสียอย่างนั้น

“เถอะ! ข้าไม่อยากได้ชีวิตเจ้าหรอก” ฟานตงสะบัดหน้าหนี

“ข้าให้แล้วไม่รับคืน”

“ก็บอกไม่เอาอย่างไรเล่า!”



-------------------------------------------------------------




หลี่ซื่อหลางกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา

ทุกคืนเขามักจะฝันเห็นตัวเองยืนโดดเดี่ยวอยู่ในห้องมืด หนาวเย็นและเงียบเหงา

สองมือกอดเข่าตัวเอง อยากให้เช้าวันใหม่มาถึงเสียที เขาไม่อาจฝืนทนความเดียวดายในสถานที่ว่างเปล่าแห่งนี้ได้แม้แต่วินาทีเดียว ต่อให้ร้องตะโกนเรียกใครก็ไม่มีใครได้ยินเขาเลยสักคน

‘ร้องไห้อีกแล้วหรือ ซื่อหลาง’

หือ? ใครกัน?

เหมือนฝันไป สัมผัสอบอุ่นกำลังโอบรอบตัวเขาอีกครั้ง หลี่ซื่อหลางขยับตัวเข้าหาความอ่อนโยนที่โหยหา น้ำตาเจ้ากรรมไหล ออกมาไม่ขาดสาย

‘อย่าร้อง…’

มืออุ่นช่วยเช็ดออกให้อย่างแผ่วเบา จูบซับรอยน้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้ง

‘ซื่อหลาง ข้ารักท่าน…’

รักแล้วเหตุใดถึงจากไป?

‘รอข้านะ…’

…อยากรอ…

แต่ความเจ็บปวดแสนสาหัสกำลังกัดกินหลี่ซื่อหลางทีละเล็กทีละน้อย หัวใจที่ใกล้แตกสลายของเขาไม่แข็งแรงพออีกแล้ว หากความอบอุ่นครั้งนี้จางหายไปยามลืมตาตื่น เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนได้หรือไม่

ถ้าต้องรอด้วยความทรมาน ตื่นก็คิดถึง หลับก็โหยหาย

…ลืมเสียยังดีกว่า…ลืมให้หมดทุกอย่าง…

เมื่อตื่นขึ้นมา จะไม่มีหลี่ซื่อหลางคนเก่าอีกต่อไป



-------------------------------------------------------------





หากย้อนเวลากลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน

หย่งคังตัดสินใจว่าจะกลับไปเจรจาสันติกับตระกูลจาง  เจ้าตัวไม่ขอข้องเกี่ยวกับครอบครัวนี้ในทุกประการ อยากอยู่อย่างเรียบง่ายกับหลี่ซื่อหลางเรื่อยๆ ไปจนแก่

เพราะเขาไม่ต้องการให้ร่างโปร่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

เหตุนั้น เด็กหนุ่มจึงหนีออกมาอย่างลับๆ




…หากไม่ใช่เพราะฟานตงบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า

เรื่องคงไม่บานปลายเหมือนเช่นตอนนี้…





‘เจ้าต้องกลับมาอยู่ที่นี่ ในฐานะลูกชายคนเล็กของข้า’

ตอนนั้นหย่งคังหัวเราะ ขณะเดียวกันกลับรู้สึกเจ็บในอก ‘เด็กคนนั้นตายไปนานแล้ว ท่านจำไม่ได้?’

‘ใช่ ตอนนั้นข้าเป็นคนฆ่าเขา’

นายเลี่ยงหัวตอบด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ พูดราวกับเป็นแค่เรื่องดินฟ้าอากาศ ‘ตอนนี้ข้าจะชุบชีวิตเขาใหม่’

‘คนตายไปแล้ว ไม่มีวันเอากลับมาได้’

‘ทำไมจะไม่ได้ ตระกูลจางมีทรัพย์สินเงินทองมากมายเพื่อชุบเลี้ยงจางเฟยหลงได้เป็นร้อยคน’

‘หึ!’  หย่งคังแสยะยิ้ม ‘เงินของท่านไม่มีค่าสำหรับเขา’

‘สำหรับเจ้าน่ะหรือ?’

‘ข้าไม่ใช่จางเฟยหลง’

ไม่ใช่ตั้งแต่หนีตายออกมาจากนรกขุมสุดท้ายที่ได้ชื่อว่าบ้านตระกูลจางเมื่อเจ็ดปีก่อน บัดนี้หย่งคังมีชีวิตใหม่ที่ดีกับหลี่ซื่อหลาง ต่อให้โง่ยิ่งกว่าควาย ก็ย่อมเลือกได้ว่าจะอยู่ที่นี่หรือกลับไปหาครอบครัวอันแสนอบอุ่น

หย่งคังมีชีวิตอยู่ได้เพราะหลี่ซื่อหลาง

‘เฟยหลง…ตาคู่นั้นเจ้าได้ข้ามาเต็มๆ  แต่ริมฝีปากของเจ้าคล้ายแม่…’

ลมหายใจของหย่งคังสะดุดทันที

คำว่า ‘แม่’ เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่เคยชิน รู้สึกห่างไกล ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนๆ นั้น แม้หลี่ซื่อหลางจะเป็นทั้งพ่อ ทั้งพี่ ทั้งเพื่อน และคนที่เขามอบหัวใจทั้งดวงให้

แต่หย่งคังปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองก็ต้องการ ‘แม่’

‘อย่างที่รู้ แม่ของเจ้าไม่ใช่ซูเม่ย นางเป็นแค่สาวรับใช้ ข้ามีความสัมพันธ์กับนางแค่ราตรีเดียว กระนั้นก็มีเจ้าขึ้นมา’ คนบนเตียงเหม่อมองเพดาน ทำราวกับกำลังเล่านิทานให้เด็กฟัง ‘แต่คนเราต้องหัดเจียมกะลาหัว นางเป็นแค่ขี้ข้าชั้นต่ำ ถึงจะมีลูกชายให้ข้า แต่ก็เป็นหน้าตาออกสู่สังคมไม่ได้ หากมีคนรู้เรื่องเข้ารังแต่จะเสียชื่อวงศ์ตระกูล’

คนฟังไม่รู้ตัวว่ากำลังกำมือแน่น เล็บสั้นจิกเนื้อจนเลือดซิบ หากไม่มีความรู้สึกเจ็บใดๆ เทียบเท่ากับก้อนเนื้อในอกของเขาที่ถูกกระทำครั้งแล้วครั้งเล่า

…แค้นใจนัก…

‘นางคิดฆ่าตัวตาย แล้วจะฆ่าเจ้าด้วย เฟยหลง’

สายตาคนเป็นบิดาเหล่มองลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันเจ็ดปี  ‘หากไม่ได้ข้าช่วยไว้ตอนนั้น เจ้าคงไม่มีโอกาสมาคิดอกัญญูกับข้าเช่นนี้หรอก’

‘เป็นบุญคุณสินะที่คืนนั้นท่านไม่บีบคอข้าจนตาย!’

หย่งคังตะคอกเสียงดัง เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธจัดจนหน้ามืด ความแค้นที่หลบอยู่ในซอกหลืบปะทุออกมาอย่างห้ามไม่อยู่…แปดปี…แปดปีตั้งแต่เล็กจนเขาโตพอจะจำความอะไรได้บ้าง ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวที่คนเป็นพ่อจะหันมาเหลียวแล เขาถูกทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่มีใครต้องการ อยู่ก็เหมือนตาย!

‘นั่นเพราะเจ้ารู้ในสิ่งที่ยังไม่ถึงเวลาสมควร’

‘ทำไม? ข้าสำเหนียกว่าตัวเองเป็นลูกขี้ข้าแล้วอย่างไร?!!’

‘เด็กขาดสติ แม้ควบคุมอารมณ์โกรธยังไม่ได้อย่างเจ้าคงไม่มีวันเข้าใจ’

ยิ่งได้ยินเสียงราบเรียบเสมอต้นเสมอปลาย ราวกับคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร หย่งคังก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นเท่านั้น

‘เช่นนั้นท่านจะตามหาข้าทำไม?!’

‘ดีจริงๆ ที่เราเข้าเรื่องสำคัญกันได้สักที’ นายเลี่ยงหัวเหยียดยิ้มเย็น ชายผู้นำตระกูลจางไม่เปลี่ยนไปจางแต่ก่อนนัก เด็ดเดี่ยว น่าเกรงขาม แม้อยู่ในสภาพคนพิการก็แผ่อำนาจเผด็จการได้ไม่ต่างจากเดิม

‘ข้าต้องการคนรับช่วงดูแลกิจการต่อ ซึ่งก็คือเจ้า เฟยหลง’

หย่งคังไม่เชื่อ ผู้ชายตรงหน้าเขาไม่มีวันยอมมอบอำนาจให้ใครง่ายๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีแผนการเบื้องหลัง โชคร้ายที่มันเป็นเรื่องยากเกินกว่าเด็กหนุ่มอายุสิบห้าจะเข้าใจ

‘ทำไมต้องเป็นข้า’

‘อย่างกับว่าพี่น้องของเจ้ายังอยู่? คนตายแล้วทำงานไม่ได้’

นายเลี่ยงหัวพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน น้ำเสียงไม่เจือความอาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่สำคัญ นั่นลูกชายทั้งคนไม่ใช่? หย่งคังรู้สึกรังเกียจผู้ชายตรงหน้ามากขึ้นทุกที

‘การตายของลูกชาย ดูท่านไม่เสียใจ’

นายเลี่ยงหัวยิ้มบาง ‘เสียใจสิ’

สาบานว่าหย่งคังไม่เห็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า เสียใจ อยู่ในแววตาคู่นั้น

‘…เสียใจที่เลี้ยงเสียข้าวสุก เด็กที่เกิดมาแล้วตายก่อนบิดามารดาถือว่ากรรมหนักนัก ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ไม่เหมือนเจ้าที่ยังอุตส่าห์มีชีวิตรอดมาได้ ใช่หรือไม่เฟยฟลง?’

‘…ท่านมันใจดำอำมหิต’

‘เจ้าก็เช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ?’

‘ข้าไม่เหมือนท่าน’

นายเลี่ยงหัวหัวเราะในลำคอ ‘อา…เจ้าคงลืมไปแล้วว่าเมื่อเจ็ดปีก่อน เด็กคนหนึ่งแทงดินสอทะลุเบ้าตาพี่ชายตัวเอง ซ้ำร้ายคิดจะจุดไฟเผาเขาทั้งเป็น’

‘ข้า…’

หย่งคังปฏิเสธไม่ออก เขาในตอนนั้นรู้สึกอยากฆ่าคนจริงๆ ถึงต่อให้ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ เขาก็เลือกทำแบบเดิม

‘เจ้าเชื่อหรือไม่ เด็กคนนั้นอายุแค่ห้าขวบเท่านั้น ’

อีกฝ่ายรีบตะโกนแย้ง ‘ข้าไม่อยากฟัง!’

‘แต่ข้าพูดเจ้าต้องฟัง!!’ ร่างบนเตียงตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะปรับอามรมณ์ให้เรียบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ‘ให้ข้าเตือนความจำดีหรือไม่ว่าเด็กคนนั้นก็คือเจ้า จางเฟยหลง’

มือทั้งสองข้างของหย่งคังกำจนแน่น ยอมรับว่าลึกๆ แล้วรู้สึกเกรงกลัวชายตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหายใจไม่ออกตอนถูกบีบคอยังแจ่มชัดในจิตสำนึก…เจ็ดปีที่ผ่านมา…เขานึกว่าตัวเองเข้มแข็งดีแล้ว

…หากความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย…

‘แล้วยังกล้าพูดว่าเราไม่เหมือนกันได้อย่างไร ในเมื่อตัวตนของเจ้าเองก็ใจอำมหิตไม่แพ้ข้า’

‘ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่?’

‘เจ้าเป็นเด็กหัวไว’ นายเลี่ยงหัวทำทีชื่นชม ‘ข้าต้องการจางเฟยหลง ในแบบที่ข้าสร้างขึ้น’

‘ถ้าข้าปฏิเสธ?’

‘หากเจ้าปฏิเสธ ข้าจะสั่งเก็บเจ้าคนขายน้ำเต้าหู้นั่นเสีย’

หย่งคังชะงัก  ‘ท่านกำลังขู่ข้า?!’

‘เด็กโง่ เอ๋ย เด็กโง่…’

คนขาพิการส่งยิ้มละไม  ‘เจ้าย่อมรู้ดี ข้าไม่เคยขู่ หากเจ้าปฏิเสธจริง ข้าจะสั่งคนไปทรมานคนผู้นั้นจนเขาเป็นคนเอ่ยปากขอร้องให้มอบความตายให้ แต่ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ข้าจะให้เขารับรสว่าอยู่เหมือนตายเป็นเช่นไร  เจ้าว่าดีหรือไม่?’

‘ข้าจะฆ่าท่าน!!’

หย่งคังโกรธจัด ทะลึ่งตัวจะเข้าไปทำร้ายคนขาพิการที่นอนสงบอารมณ์อยู่บนเตียง หากไม่ได้คนรับใช้ร่างยักษ์ที่คอยสังเกตสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ จับตัวไว้ เกรงว่าคนขาพิการจะถูกกระทืบเสียจนกระดูกแหลกเป็นผงเพราะเด็กหนุ่มที่ถูกความโกรธแค้นครอบงำหมายจะฆ่าให้ตายคาเตียง

‘อย่ายุ่งกับเขา! ข้าขอเตือน!’

‘ก็แค่โจรลักพาตัว ข้ามีสิทธิ์มอบความตายให้เขา’

หย่งคังถุยน้ำลาย โกรธจนควันออกหู ‘คนที่สมควรตายคือท่านต่างหาก!!’

หลี่ซื่อหลางคือคนที่ช่วยชีวิตเขา แค่ได้ยินว่าเจ้าตัวจะถูกทรมานอย่างไร หย่งคังก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ร่างกายร้อนสุมราวกับไฟแผดเผา หากเกิดอะไรกับหลี่ซื่อหลางขึ้นมาจริงๆ เขาคงไม่แคล้วยอมตายตาม

ไม่เช่นนั้น ก็ต้องมีอีกหลายชีวิตถูกสังเวยไปอยู่รับใช้พี่ใหญ่ของเขาในนรก!!

‘แค้นใจหรือ?’

‘ข้าจะฆ่าท่าน! ตัดลิ้นโสโครกที่กล่าวร้ายคนของข้าออกมากระทืบให้สาแก่ใจ!! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!’

หย่งคังดิ้นรุนแรง เขาอยากบันดาลโทสะใส่ร่างผอมโทรมบนเตียง จิตเงามืดแผ่ขยายในอก รู้สึกอึดอัดจนอยากฆ่าคน! บรรยากาศในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นของความเกลียดชัง ความโกรธแค้น ความพยาบาท

กระนั้นกลับเป็นสิ่งหอมหวานสำหรับนายเลี่ยงหวง เขาปรบมือชอบใจกับภาพที่เห็น

‘เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก’

นายเลี่ยงหวงหัวเราะเบาๆ

‘ต่อไปนี้ข้าจะสอนการเป็น จางเฟยหลง ที่ดีให้เอง เจ้าลูกชาย’




-------------------------------------------------------------






To be continued...






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2015 18:58:46 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage


@boboman ตอนนี้ทานมาม่าไปก่อนนะคะ ฮรืออออ จะค่อยๆ เฉลยปมไปทีละนิด รออ่านน้าาาาา

@ycrazy กลัวซื่อหลางโดนทำร้ายค่ะ เพราะทำอะไรไม่ได้เลยต้องไป แต่ตอนหลังจะมีเหตุบางอย่างขึ้น รอติดตามน้า

@alternative หลักๆ อยากปกป้องนายเอกค่าา แต่ตอนหลัง...รอติดตามนะค่าา

@agava1313 และคงจะมีต่อๆ ไปค่ะ อร๊ายย

@JustWait จริงๆ กลัวซื่อหลางโดนทำร้ายค่ะ หย่งคังในตอนนั้นยังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ต่อไป...รออ่านน้าาาาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด