[ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ หลังสวนดอกท้อ ] บทส่งท้าย [The End] :: UPDATE 21.07.16 ::  (อ่าน 67132 ครั้ง)

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage



ดอกท้อที่ ๑๔




หลี่ซื่อหลางนอนราบลงกับเตียง เงยหน้ามองเพดานนิ่งๆ มาร่วมชั่วโมงกว่าแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของน้องชายทั้งสองเลย

จะเป็นอะไรหรือเปล่านะ?

ใช่ว่าชายหนุ่มไม่ชอบรอคอย อันที่จริงเขาเป็นคนมีความอดทนสูงมาก แต่การที่น้องชายหายไปนานขนาดนี้ คนเป็นพี่ย่อมไม่สบายใจเป็นธรรมดา ครั้นจะออกไปตาม สังขารก็ไม่เอื้ออำนวย

หลี่ซื่อหลางถอนหายใจเฮือก “เฮ้อ…”

ยันตัวลุกจากเตียง คว้าไม่กวาดเป็นตัวค้ำยันเวลาเดิน ขยับขาก้าวอย่างใจเย็น แม้ขาข้างที่บวมแดงน่ากลัวจะเจ็บจิ๊ดทุดครั้งที่ลงน้ำหนักกับพื้น หลี่ซื่อหลางก็กัดปากอดทน เอาน่า อย่างน้อยก็ให้เขาออกไปนั่งรอน้องชายที่หน้าบ้านก็ยังดี

ใช้ความอดทนไม่พอ ต้องถึกและใจกล้า หลี่ซื่อหลางเดินขาเดี้ยงมาจนถึงลานหน้าบ้าน ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ไม้ผุๆ แถวนั้น

“พี่ซื่อหลาง!”

เสียงมาก่อนตัว ฟานตงวิ่งด้วยความไวแสงมาหาเขา “ท่านออกมาทำอะไรข้างนอก!”

“ข้าไม่เห็นพวกเจ้ากลับกันสักที เลยเป็นห่วง”

“ห่วงตัวเองก่อนสิ!” ฟานตงโบกมือไหวๆ ให้คนที่เดินตามหลังมา “หยงเทียน !พี่อวี๋เฉิน! เร็วเข้า!” ท่าทางตื่นตระหนกของน้องชายทำเอาคนเป็นพี่ยิ้มอ่อน ไม่นึกมาก่อนว่าฟานตงเป็นห่วงเขาถึงเพียงนี้ หลี่ซื่อหลางทำได้เพียงแตะมือน้องชายแผ่วเบา

“ฟานตง ข้าไม่เป็นไร”

“พี่ซื่อหลาง…พี่อวี๋เฉินเป็นหมอเก่ง เขาจะรักษาขาให้ท่าน”

“อืม” หลี่ซื่อหลางพยักหน้า “ขอบใจเจ้ามาก”

ชายหนุ่มหันไปมองคนมาใหม่ ชายร่างสูงท่าทางสุขุมมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล หน้าตาสะอาดสะอ้านเรียบร้อย การแต่งตัวก็ไม่คล้ายคลึงคนในระแวกนี้

เพิ่งย้ายมา?

“ท่านคงเป็นหลี่ซื่อหลาง” อีกฝ่ายเอ่ยปากก่อน เสียงทุ้มต่ำกว่าที่คิด หากฟังสบายหูยิ่งนัก

“ใช่แล้ว และท่านคงเป็นท่านหมออวี๋เฉิน” หลี่ซื่อหลางโค้งให้ “ขอบคุณมาที่ลำบากมาถึงที่ เข้ามาข้างในก่อนเถิด”

ชายหนุ่มกำไม้กวาดใช้ยันตัวเองลุกจากเก้าอี้ไม้ หยงเทียนรีบเดินเข้ามารั้งต้นแขนไว้อย่างแผ่วเบา

“พี่ซื่อหลาง ให้ข้าช่วย”

“ห้ามอุ้มข้านะ” หลี่ซื่อหลางหรี่ตา “ประคองข้าก็พอ”

หยงเทียนพยักหน้ารู้งาน ช่วยประคองหลี่ซื่อหลางเข้าบ้าน ฟานตงก็เข้ามาช่วยอีกแรง ส่วนผู้เป็นแขกเดินตามหลังห่างๆ พลางมองสำรวจบริเวณโดยรอบไปด้วย บ้านเล็กๆ แห่งนี้อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นพิลึก ถึงจะเก่า แต่ก็น่าอยู่ ได้ยินมาว่าเปิดร้านน้ำเต้าหู้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกวัน หากรู้จักใช้เงินคงร่ำรวยได้ไม่ยาก รู้สึกนับถือคนขยันทำมาหากินอย่างหลี่ซื่อหลางนัก

คิดไปคิดมา จางอวี๋เฉินก็หันกลับมามองร่างโปร่งที่สูงเพียงไหล่ของตนอีครั้ง คนตรงหน้าดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง มีความเป็นผู้นำ หากก็อ่อนโยนอยู่ในที

ไม่น่า…เจ้าคุณชายจางนั่นถึงได้สนใจ

รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้า จางอวี๋เฉินลอบมองหลี่ซื่อหลางในทุกกริยาบท

“ท่านหมออวี๋เฉิน ต้องขออภัย ที่บ้านเรามีเพียงชาพื้นๆ ไว้ต้อนรับท่าน” หลี่ซื่อหลางหันมาบอกตอนที่น้องทั้งสองช่วยจัดแจงให้
เขานั่งลงกับเก้าอี้เรียบร้อยดีแล้ว ก่อนจะหายไปในครัวเพื่อเสิร์ฟชาร้อนๆ อย่างรู้งาน

“เรียกข้า อวี๋เฉิน ก็พอ” จางอวี๋เฉินยิ้มบาง “ข้าเองก็ขอเรียกท่านแค่ซื่อหลาง ได้หรือไม่?”

“ตามสบายเถิด” หลี่ซื่อหลางยิ้มตอบ

“พี่อวี๋เฉิน ท่านช่วยดูขาพี่ซื่อหลางให้ที รักษาได้หรือไม่ ข้ายอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ขอแค่ให้เขากลับมาเดินได้เหมือนเดิม” ฟานตงร้อนใจราวกับบาดแผลของหลี่ซื่อหลางเจ็บสาหัส อันที่จริงแค่บวมอักเสบ ไม่ถึงเดือนคงหายเป็นปกติ

หยงเทียนที่ยืนดูสถานการณ์ได้แต่กุมไหล่เพื่อนตัวเล็กอย่างให้กำลังใจ

“ฟานตง พี่ซื่อหลางอยู่ในความดูแลของท่านหมอแล้ว อย่างห่วงไปเลย”

“ข้าก็แค่อยากให้พี่อวี๋เฉินรักษาพี่ชายข้าให้หายไวๆ นี่!”

จางอวี๋เฉินหัวเราะในลำคอ “เป็นห่วงพี่ชายเจ้าน่าดูเลยสินะ อย่างห่วง ตามที่หยงเทียนว่า ข้าจะดูแลพี่ชายเจ้าเป็นอย่างดี”

ท้ายประโยค จางอวี๋เฉินเหลือบมองหลี่ซื่อหลางเล็กน้อย บังเอิญว่าหลี่ซื่อหลางก็มองมาเช่นกัน พวกเขาสบตากันพอดี กระนั้นจางอวี๋เฉินก็ไม่หลบสายตา แถมยังยิ้มให้

หลี่ซื่อหลางเป็นฝ่ายถอนสายตาก่อน

แววตาแบบนั้น…มันอะไรกัน?

“เราอย่ารบกวนท่านหมอเลย ไปรอข้างนอกกับข้าดีกว่า” หยงเทียนเกลี้ยกล่อม เห็นว่าอยู่ไปก็มีแต่จะกวนสมาธิจางอวี๋เฉินเปล่าๆ

“แต่…”

“เดี๋ยวพี่ซื่อหลางไม่หายนะ”

ต้องงัดไม้เด็ด ฟานตงทำท่าจะเถียง หากยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด “…ก็ได้”

“เด็กดี…”

หยงเทียนลูบหัวเพื่อนตัวเล็ก โอบไหล่พาเดินออกนอกบริเวณห้องรับแขก ทิ้งให้เหลือเพียงท่านหมอและคนเจ็บอยู่สองต่อสอง ในห้องที่มีแต่ความเงียบ

“ขอข้าดูขาของท่านหน่อยได้ไหม” จางอวี๋เฉินเป็นฝ่ายที่ทำลายความอึดอัดลง หลี่ซื่อหลางรีบพยักหน้า ตั้งใจจะวางเท้าลงบนเก้าอี้เตี้ยๆ ให้สะดวกต่อการรักษา หากท่านหมอกลับเป็นฝ่ายเดินเข้ามานั่งยองกับพื้น จับขาของเขาพาดลงกับต้นขาอย่างไม่นึกรังเกียจ

“ท่านหมอ!”

อยู่ในอารมณ์ตกใจ หลี่ซื่อหลางกำลังจะชักเท้ากลับ หากจางอวี๋เฉินส่งเสียงห้ามปราม

“อย่าขยับ ไม่งั้นท่านจะเจ็บ”

“อ่า…”

ปฏิเสธไม่ออก น้ำเสียงอีกฝ่ายมีพลังสะกดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

หลี่ซื่อหลางปล่อยให้ท่านหมอทำตามใจชอบ พลิกซ้ายพลิกขวา ดูเป็นการกระทำที่แสนคล่องแคล่ว หากไม่สร้างความกระทบกระเทือนต่อบาดแผลมากนัก แม้จะเจ็บบางครั้ง แต่ก็อยู่ในระดับที่ทนไหว

“ข้อเท้าแพลงเท่านั้น ไม่ถึงขั้นอันตราย”

ท่านหมอเปิดกล่องปฐมพยาบาล หยิบนู่นหยิบนี่ออกมา หยิบหลอดยาบางอย่างขึ้นมา ทาลงบริเวณข้อเท้าที่บวมแดง สิ่งนั้นให้ความรู้สึกเย็นวาบในทีแรก ก่อนจะอุ่นแปลกๆ ในเวลาต่อมา หลี่ซื่อหลางไม่เคยเห็นยาพวกนี้มาก่อน เป็นของแปลกตา เขาไม่มีโอกาสถาม ได้แต่มองดูอีกฝ่ายใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ พันรอบข้อเท้าอย่างชำนาญ

ในที่สุดการปฐมพยาบาลก็เสร็จสิ้นลงในเวลาอันสั้น

 “ผ้ารัดแน่นไปหรือไม่” จางอวี๋เฉินทดสอบโดยการจับขาของเขาขยับขึ้นลงเบาๆ “เจ็บหรือเปล่า”

“ไม่เจ็บเลย” หลี่ซื่อหลางตอบ มองดูข้อเท้าที่ถูกผ้าขาวพันไว้ “ท่านมือเบามาก ท่านหมอ ข้าไม่เจ็บสักนิด ขอบคุณจริงๆ”

“ด้วยความยินดี”

จางอวี๋เฉินลุกขึ้นยืน เก็บกล่องปฐมพยาบาลเข้าที่ ก่อนจะหันมาถาม “ซื่อหลาง ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรือ”

“เดินตรงเข้าไปข้างใน เลี้ยวซ้าย”

“ขอบคุณมาก”

ร่างสูงเดินหายลับไปทางห้องน้ำ หลี่ซื่อหลางจึงพลิกข้อเท้าดูเล่นๆ แล้วเป็นต้องซี๊ดปาก “อูย…” พบว่าอาการเจ็บหนักยังคงอยู่ แต่น้อยลงกว่าเมื่อหลายชั่วยามที่แล้ว

ไม่นาน จางอวี๋เฉินก็เดินกลับมา

“ซื่อหลาง ข้าจะจ่ายยาเหล่านี้ให้ ต้องทาเช้าเย็นเพื่อลดอาการบวม ใช้ผ้าสะอาดพันรอบ แล้วก็ห้ามใช้งานขาสักพักด้วย เข้าใจหรือไม่?”

“เดินนิดหน่อยไม่ได้หรือ”

“ได้…” ท่านหมอพยักหน้า “แต่ขาจะหายช้า อย่างหนักก็จะอักเสบเรื้อรัง ต้องถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินอีกหลายเดือน ท่านจะเอาแบบนั้นหรือไม่”

แม้ไม่ได้ใช้น้ำเสียงแข็งแต่กลับสร้างความหนักใจให้หลี่ซื่อหลางนัก เจ้าตัวรีบพยักหน้า

“เข้าใจแล้ว”

“ดีมาก…” อีกฝ่ายยิ้มบาง “ข้าจะกลับมาดูอาการเป็นระยะๆ คงไม่ว่าอะไรใช่หรือไม่ หากข้าจะมาบ้านท่านบ่อยขึ้น?”

หลี่ซื่อหลางโบกมือไปมา “เกรงใจท่านหมอ แค่นี้ข้าก็รบกวนมากแล้ว”

“ข้าต้องคอยดูอาการบาดเจ็บของท่าน ถือเป็นหน้าที่”

“อย่าลำบากเลย ข้าไม่เป็นไรจริงๆ” หลี่ซื่อหลางพยายามอธิบาย “ข้าจะทายา แล้วก็พักฟื้นจนกว่าจะหายดี รับรองได้” พูดไปก็คิดไปว่าตัวเองเหมือนเด็กน้อยที่กำลังโดนผู้ใหญ่ไล่ต้อน หากติดตรงที่ว่า หลี่ซื่อหลางไม่ใช่เด็กแล้ว และจางอวี๋เฉินก็ไม่ใช่ผู้ปกครองของเขา

ร่างสูงนิ่งไป “ตามใจท่าน”

“ขอบคุณที่เข้าใจ ท่านหมอ” หลี่ซื่อหลางโค้งขอบคุณ “ส่วนเรื่องค่ารักษา เดี๋ยวข้า…”

“ข้าขอไม่รับ”

“หา?” หลี่ซื่อหลางตาโต ส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ได้ๆ ท่านหมอ ท่านสมควรได้รับสิ่งตอบแทน ข้ามีกำลังจ่ายเงินให้ท่าน”

“ข้าไม่อยากได้เงินของท่าน ซื่อหลาง”

คนฟังขมวดคิ้ว “แล้วท่านอยากได้อะไร?”

จางอวี๋เฉินกระตุกยิ้มบาง นั่งลงตรงข้ามหลี่ซื่อหลางด้วยท่าทางใจเย็น “เปลี่ยนเป็นออกไปทานข้าวกับข้าสักมื้อตอนขาท่านหายดีแล้วเป็นอย่างไร ถือว่าได้ฉลองที่สุขภาพท่านกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง”

 “ท่านหมอ ข้าไม่คิดว่า…”

“ระหว่างนี้ข้าจะมาดูอาการท่านบ่อยๆ แล้วกัน ซื่อหลาง”

จางอวี๋เฉินตัดบท คว้ากล่องปฐมพยาบาลแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หากมองจากจุดที่หลี่ซื่อหลางนั่งอยู่ พบว่าคนตรงหน้าดูสูงตระหง่านตาแลกับว่ามีอำนาจสะกดใจคนกว่าที่เขาคิด คล้ายๆ ว่าท่านหมอผู้นี้มีอะไรที่พาลให้นึกถึงใบหน้าคมสันของใครบางคนที่มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาเช่นกัน…บางคนที่อยู่ลึกในความทรงจำมาแสนนาน…

ไม่ได้…


ลืมมันไปซะ!

 “เป็นอะไรไป?” จางอวี๋เฉินถามด้วยความเป็นห่วง เห็นสีหน้าคนป่วยไม่ค่อยดี

“เปล่าหรอก” หลี่ซื่อหลางส่ายหน้ากับตนเอง “ข้าแค่คิดว่าใบหน้าท่านคล้ายใครบางคนที่ข้ารู้จัก…หมายถึง เคย รู้จักน่ะ”
จางอวี๋เฉินมองเห็นแววตาหม่นแสงของอีกฝ่าย แม้จะแสดงออกเพียงแค่แวบเดียว เขาก็สังเกตได้

…รอยแผลที่สลักลึกในใจของหลี่ซื่อหลาง

ความเจ็บปวดที่แสนสวยงาม…

หากได้แก้วแสนเปราะบางใบนี้มาครอบครอง คุณชายผู้นั่นหรือจะทนอยู่เฉยได้?

หึ…

อยากเห็นนัก...ใบหน้าหยิ่งผยองของมันจะเป็นอย่างไรหากชายผู้นี้ตกเป็นของเขา แววตาเฉยชาของมันจะสามารถทนเห็นแก้วใบนี้แตกสลายคามือเขาได้อย่างนั้นหรือ?   

มาพนันกันดีไหม?

รอยยิ้มบางระบายบนริมฝีปากร่างสูง สืบเท้าเข้าหาร่างที่ตัวเล็กกว่า ฉับพลันในเสี้ยววินาทีที่หลี่ซื่อหลางเงยหน้าขึ้น อีกฝ่ายโน้มตัวลงฉกชิงความหวานจากริมฝีปากสีสด แผ่วเบาเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ก่อนผละออกรวดเร็วกว่าที่คนโดนจูบจะไหวตัวทัน

คราแรก หลี่ซื่อหลางเหมือนโดนของแข็งทุบหัวตอนริมฝีปากอีกฝ่ายประกบแน่นบนริมฝีปากเขา

“ข้าคิดว่าข้าชอบท่าน ซื่อหลาง”

หากตอนนี้เขาเหมือนกำลังโดนโลกทั้งใบหล่นใส่ “ข…ข้า…”

“ยังไม่ต้องให้คำตอบข้าหรอก เก็บไปคิดดีๆ”

จางอวี๋เฉินยิ้มให้ เดินกลับออกไป ทิ้งไว้แต่เพียงความรู้สึกหนักอึ้งในใจของหลี่ซื่อหลาง เกิดมาจนแก่ปูนนี้ เพิ่งเคยโดนจูบซึ่งๆ หน้าเป็นครั้งแรก แล้วคนๆ นั้นดันเป็นผู้ชาย…ซ้ำร้าย ยังเป็นผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรกอีกด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

หลี่ซื่อหลางกุมขมับ

เขาไม่รู้สึกดีกับจูบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว






-------------------------------------------------------------







จิ้งอี้มาเยี่ยมหลี่ซื่อหลางทันทีที่ฟานตงบอกว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

เจ้าตัวรีบวิ่งหน้าตื่น ตรงมายังบ้านของเพื่อนสนิท แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บหนักอะไร แถมยังนั่งๆ นอนๆ ด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายที่ไม่ได้ออกไปทำงาน

“แค่ขาแพลง?”

จิ้งอี้ทวนคำบอกเล่าของเพื่อนสนิท เขาโดนฟานตงหลอกเสียแล้ว

“เจ้าเด็กแสบนั่น! ไหนว่าเจ้าบาดเจ็บสาหัส”

“ฟานตงเป็นห่วงข้าน่ะ เจ้าต้องเข้าใจ” หลี่ซื่อหลางพลิกตัวไปหยิบหนังสือภาพมาอ่านเล่น บอกตรงๆ เลยว่าเขาเบื่อกับการนั่งๆ นอนๆ แบบนี้เหลือเกิน

ทางด้านจิ้งอี้ก็ถอนหายใจเฮือก ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนเจ็บ “เฮ้อ! รู้งี้ข้าไม่วิ่งหมาตื่นมาหรอก”

“น่า น่า มาถึงแล้วบ่นไปจะได้อะไร?”

หลี่ซื่อหลางตบบ่าเพื่อนสนิท จิ้งอี้มาถึงบ้านแบบนี้เขาก็มีเพื่อนคุยแก้เซ็งได้บ้าง

“ว่าแต่ขาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ก็ทรงๆ ตัว” หลี่ซื่อหลางยักไหล่ “ท่านหมอสั่งห้ามไม่ให้เดินมาก”

พูดถึงท่านหมอ ใบหน้าก็เขม็งเครียดขึ้นมาไม่รู้ตัว คนเป็นเพื่อนสนิทจับสังเกตได้ทันที

“เจ้ามีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า ซื่อหลาง”

“ก็…ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” ปากบอกเช่นนั้น แต่ลึกๆ แล้วก็อยากระบายความรู้สึกอดสู่ที่โดนผู้ชายด้วยกันจูบ อยากยกความ
รู้สึกแย่ที่ล้นปรี่แทบทะลักถึงคอหอยออกไปให้หมด

แต่ก็ใช่ว่าหลี่ซื่อหลางจะเดียงสา เขาเคยฝันถึงท่านเทพที่เป็นผู้ชาย ทั้งจูบทั้งลูบ แต่ไม่อาจปฏิเสธว่ารู้สึกดีกับสัมผัสเหล่านั้น หากเป็นชายอื่น แม้กระทั่งจิ้งอี้ ขืนมาสัมผัสเขาแบบนั้นล่ะก็มีแต่จะโดนจับเตะผ่าหมากเท่านั้น

แบบนี้ควรทำเช่นไรดี?

หลี่ซื่อหลางรู้สึกสับสนถึงขีดสุด

“จิ้งอี้ ข้าว่าตัวเองผิดปกติ”

เพื่อนสนิทมองคนข้างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ข้าว่าเจ้าก็ปกติดี”

“หมายถึง…จิตใจของข้าน่ะ แบบว่า พักนี้ข้ารู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย” หลี่ซื่อหลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเริ่มจากตรงไหน จิ้งอี้ ข้าไม่สบายใจ”

“ถ้างั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับอะไรทั้งนั้น บอกข้าแค่ว่าตอนนี้เจ้ากังวลเรื่องอะไรมากที่สุด”

“บอกไป เจ้าอย่ารังเกียจข้านะ”

“ข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร?”

หลี่ซื่อหลางเม้มปาก ก่อนตัดสินใจบอกออกไป “ข้าถูกจูบ…”

“หา!…นางเป็นใคร?”

“ไม่ใช่ นาง”  หลี่ซื่อหลางก้มหน้าลงเล็กน้อย “ข้าถูก ผู้ชาย จูบ”

จิ้งอี้ทะลึ่งตัวลุกขึ้นพรวด “เจ้าว่าไงนะ!!”

หลี่ซื่อหลางรีบฉุดมือเพื่อนรักให้นั่งลง “เบาๆ หน่อยสิ ข้าไม่อยากให้ฟานตงรู้เรื่องนี้” สีหน้าฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนสนิทตัวโตยอมนั่งลงแต่โดยดี

“อธิบายมา”

“ก็นั่นแหละ” หลี่ซื่อหลางระบายลมหายใจอีกรอบ “เขาคือท่านหมอที่ดูแลข้าไง ท่านหมออวี๋เฉิน เขาบอกชอบข้า แล้วก็ เอ่อ จูบข้า บอกว่าจะรอคำตอบ”

พูดไปก็รู้สึกกระอักกระอ่วนไป ของแบบนี้ให้มาพูดโดยที่ไม่ให้รู้สึกอะไรมันเป็นไปไม่ได้หรอก

“อวี๋เฉิน?”

จิ้งอี้ทวนคำ เหมือนจะนึกใบหน้าเย็นชาของใครบางคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เมื่อสองสามเดือนก่อนได้ “ใช่เจ้าที่ตัวสูงๆ ถือกล่องหน้าตาประหลาดไปมาหรือเปล่า”

“เขาเรียกกล่องปฐมพยาบาล”

“นั่นล่ะ” จิ้งอี้กรอกตา “เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เป็นคนแปลกๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่ได้ยินแว่วๆ ว่าเป็นหมอที่เก่งฉกาจ เจ้านั่นบอกชอบเจ้าหรือ?!”

หลี่ซื่อหลางพยักหน้า

“จิ้งอี้ ข้าไม่เข้าใจความรักระหว่างบุรุษเพศ”

…ถึงแม้ว่าจะเคยฝันถึงใครบางคนก็ตาม

แต่ถ้าหากไม่ใช่ท่านผู้นั้น ก็ไม่มีประโยชน์ หลี่ซื่อหลางไม่สามารถมีความรู้สึกเช่นนั้นกับใครอื่น ต้องเป็นคนผู้นั้นคนเดียวเท่านั้น…หลี่ซื่อหลางไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

“เจ้ารับไม่ได้หรือ?”

“ก็…ไม่เชิง”

“รังเกียจ?” จิ้งอี้ถามอย่างสนใจ “เจ้ารังเกียจแค่สัมผัสของอวี๋เฉิน หรือผู้ชายทุกคนกันแน่”

“ถามอะไรของเจ้า”

หลี่ซื่อหลางชกเข้าที่ไหล่เพื่อนตัวโตเบาๆ “หากให้คำปรึกษาไม่ได้ก็เงียบเลย”

“ซื่อหลาง ข้ากำลังชี้แนะคนไร้เดียงสาอย่างเจ้า”

“ข้าไม่ได้ไร้เดียงสา” ร่างโปร่งหันขวับปฏิเสธ “ข้าตัดสินใจแล้ว จะบอกเขาไปตามตรงว่าไม่สามารถคิดกับเขาเช่นนั้นได้ เรื่องจูบ ข้าจะลืมๆ ไปเสีย ตัวข้าเป็นชาย ไม่ได้มีอะไรเสียหาย”

หลี่ซื่อหลางพยักหน้ากับตัวเอง สรุปเสร็จสรรพ

“เดี๋ยวสิ นี่ข้ายังไม่ได้ช่วยชี้แจงอะไรเลย”

จิ้งอี้ประท้วง “เจ้าน่ะ ทำหมือนจะรู้ดี แต่ก็ซื่อบื้อกว่าที่คิด คนอย่างอวี๋เฉิน ข้าว่าไม่น่าไว้ใจ การมาบอกชอบเจ้าคงไม่ได้เหมือนความรักวัยรุ่น คึกคะนองอยากลองของแปลก เจ้านั่นต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”

“แผนอะไร?”

“ข้าจะไปรู้หรือ” จิ้งอี้ไหวไหล่ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ข้าไม่ไว้ใจเจ้านั่น”

“ข้าระวังตัวอยู่แล้ว”

“ไม่เลยสักนิด เจ้าน่ะ” จิ้งอี้ขยี้หัวหลี่ซื่อหลาง จนอีกฝ่ายร้องโวยวายถึงยอมเลิก “หัดดูแลตัวเองเสียบ้าง ข้าไม่อยู่ครู่เดียวขาเจ้าก็หักเสียแล้ว”

“ข้าขาแพลงเฉยๆ หรอก!”

จิ้วอี้หัวเราะลั่น “น่า น่า” ตบบ่าเพื่อนสนิทปุๆ “”

“พี่ซื่อหลางงงงง!”

เสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ฟานตงถอดรองเท้าลวกๆ วิ่งเข้ามาที่ห้องรับแขก “พี่ซื่อหลาง!”

“ข้าได้ยินแล้ว” ซื่อหลางตอบรับ “ว่าอย่างไร ฟานตง?”

“เมื่อกี้ข้าเจอพี่อวี๋เฉิน!” คนตัวเล็กพูดด้วยความตื้นเต้น ลมหายใจหลี่ซื่อหลางกระตุกกึก! หากพยายามปั้นหน้านิ่งถามต่อ

“แล้วอย่างไร?”

“เขาฝากข้าให้เอาสิ่งนี้ให้ท่าน”

ฟานตงยื่นช่อดอกไม้ที่ผ่านการขนส่งความเร็วเท่าแสงของฟานตง ดูท่ายังสดเหมือนเพิ่งถูกเก็บ กลิ่นหอมหวานชวนให้รู้สึกสดชื่น ในทางตรงกันข้าม หลี่ซื่อหลางกลับรู้สึกอยากร้องไห้มากกว่า

“พี่อวี๋เฉินติดธุระต้องไปตรวจสุขภาพให้ตระกูลลี่ จึงมาดูอาการพี่ซื่อหลางให้ไม่ได้ ก็เลยส่งเจ้านี้อวยพรให้หายไวๆ แทน”

“ใจกว้างเสียจริง พ่อหนุ่มนี่” เป็นจิ้งอี้ที่คว้าช่อดอกไม้ไปแทน

“เขาให้พี่ซื่อหลางหรอก ไม่ใช่ท่าน” ฟานตงยู่หน้า แต่ก็ดีใจที่เห็นจิ้งอี้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายตน “ข้าจะออกไปซื้อของสด เย็นนี้จะทำของโปรดให้พี่ซื่อหลาง พี่จิ้งอี้อยู่กินด้วยกันสิ”

“ไม่ชวนข้าก็อยู่อยู่แล้ว”

“ชิ ไปดีกว่า” ฟานตงแสร้งทำสีหน้าระอา วิ่งออกจากบ้านด้วยความเร็วเท่ากับขามา

“เจ้าหนูนี่โตพอจะเป็นพ่อลูกสองได้แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ฝากบอกหยงเทียนให้ตามใจสุดที่รักน้อยๆ ลงหน่อยเถิด”

“แล้วข้าจะบอกให้”

หลี่ซื่อหลางตอบส่งๆ พลันสายตาสังเกตเห็นกระดาษเล็กๆ แนบอยู่บนช่อดอกไม้ จึงหยิบขึ้นมาอ่าน “อาทิตย์หน้าไปทานข้าวด้วยกันนะ ข้ารู้จักร้านอร่อย ท่านต้องชอบแน่ จาก อวี๋เฉิน ห…หา? ว่าไงนะ”

“จดหมายจากเจ้านั่น?”

หลี่ซื่อหลางพยักหน้าอย่างจำใจ เขาใกล้จะร้องไห้แล้ว “ข้าควรทำยังไงต่อดี จิ้งอี้”

“ทำอย่างที่เจ้าอยากทำสิ”

จิ้งอี้ตอบท่าทีสบาย ผิดกับหลี่ซื่อหลางที่ยังคงหนักใจกับช่อดอกไม้เจ้ากรรม

“ข้ากำลังขอความเห็นจากเจ้า ช่วยตอบอย่างจริงจังได้หรือไม่”

“ซื่อหลาง หากเจ้ากังวลนักก็เอาไปทิ้ง มองให้เสียสุขภาพจิตไปเปล่าๆ ทำไมกัน”

ร่างโปร่งส่ายหน้า “แบบนั้นก็ทำลายน้ำใจท่านหมอเขาน่ะสิ”

“แล้วอย่างไร?” จิ้งอี้ไหวไหล่ไม่ยี่หระ “ความใจดีของเจ้าน่ะเก็บไว้บ้างเถิด มีมากไปก็จะนำพาความเดือดร้อนมาได้”

“หรือข้าควรเอาไปคืน?”

“หยุดความคิดนั้นเลย”

หลี่ซื่อหลางขมวดคิ้วเป็นปม “ทำไม? ข้าจะถือโอกาสบอกเขาไปตรงๆ ว่าคิดกับเขาแค่เพื่อน”

“ซื่อหลาง เอ๋ย ซื่อหลาง” จิ้งอี้ตบบ่าเขาเบาๆ ด้วยสีหน้าปลงตก “เจ้าจะเข้าถ้ำเสือโดยไม่ถูกขย้ำได้หรือ?”

“หมายความอย่างไร?”

“ก็อย่างที่พูด”

“ก็พูดให้ข้าเข้าใจหน่อยสิ” หลี่ซื่อหลางชี้แจง

“เจ้าเองก็เป็นผู้ชาย น่าจะรู้ถึงความต้องการเรื่องนั้นดี” จิ้งอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งๆ ที่กำลังพูดถึงเรื่องอย่างว่าอยู่ “ถึงเวลานั้น เดาว่าเจ้าคงต้องเจ็บสะโพกมากแน่ๆ…”

จบคำธิบาย ใบหน้าของหลี่ซื่อหลางแดงก่ำเป็นลูกตำลึง





-------------------------------------------------------------





To be continued...






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 16:21:42 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ทำไมเสียจูบเฉย T^T ถึงแม้ว่าจูบแรก (ล่ะมั้ง) ของซื่อหลางจะโดนหย่งคังขโมยไปตอนหลับบ่อยๆ ก็เถอะ
อวี๋เฉินมีข้อมูลดีไปนะ นางเป็นใครกันแน่ฟะ
ถ้าหย่งคังรู้คงหึงจนหัวปั่นแหงแซะ
รอตอนหน้าน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 18:23:00 โดย boboman »

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
คุณหมอเป็นศัตรูจริงอะ
เราชอบคาแรคเตอร์จัง  :impress2:

ออฟไลน์ poogan_zadd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ๊ยยยยยย ซื่อหลางดูใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ 55
แอบปันใจมาเชียร์คุณหมอค่ะ หึหึ

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage


ดอกท้อที่ ๑๕




ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว หลังจากวันที่พบหลี่ซื่อหลางครั้งสุดท้าย และวันนี้หย่งคังก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งพร้อมกับน้ำเต้าหู้


‘…น้ำเต้าหู้เจ้าอร่อย อยากรู้ว่าคนทำจะหวานเหมือนกันหรือเปล่า คืนนี้คงได้รู้…’


ชื่อผู้ส่งยังคงเป็นปริศนา แต่เดาไม่ยากว่าเป็นใคร

โครม!!

หย่งคังถีบเก้าอี้ล้มเต็มแรง แผ่นอกแกร่งขยับขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาแข็งกร้าวราวกับจะฆ่าคน ร่างสูงกำกระดาษในมือแน่นเหมือนจะป่นให้แหลกละเอียด จินตนาการว่ามันคือกระดูกคอของเจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

คิดจะลองดีกับเขายังเร็วไปร้อยปี!

“จื่อเยี่ยน”

“ขอรับ คุณชายเล็ก”

“คืนนี้เตรียมรถให้ด้วย” คนเป็นนายเดินออกไปนอกชานเรือน จ้องมองไปยังสวนดอกท้อ “ข้าจะไปทวงสิทธิ์ของข้าคืน!”

จื่อเยี่ยนยืนอยู่ด้านหลัง โค้งตัวรับคำสั่ง “ขอรับ หากกระนั้น จะไม่เป็นการตัดสินใจที่บุ่มบ่ามไปหรือขอรับ”

“อย่างไร?” หย่งคังเลิกคิ้ว หันกลับมามองผู้ติดตามตัวเล็ก

“จดหมายนั่นเป็นกับดัก”

“แล้วไง?” ร่างสูงข่มเสียงต่ำ “ข้าไม่มีทางยอมให้มันได้แตะซื่อหลางแม้แต่ปลายเล็บ”

 “แต่หากท่านไปหาหลี่ซื่อหลางคืนนี้ ทุกอย่างที่ทำมาก็…”

“ไม่สูญเปล่าหรอก จื่อเยี่ยน” หย่งคังพูดแทรก “ตอนนี้ข้าไม่ใช่คนเดิมแล้ว ข้าจะปกป้องเขาด้วยมือตัวเอง”

ใช่แล้ว…

ไม่อยากปล่อยให้คนๆ นั้นอยู่ไกลเกินเอื้อมแม้วินาที อยากกักขังเอาไว้ข้างกายตลอดเวลา ความรู้สึกโหยหานี้ทวีความรุนแรงจนเจ้าตัวยังนึกหวั่นใจ เขากลัว…กลัวว่าสักวันคนๆ นั้นจะหายไป

“แล้วนายท่านเลี่ยงหวง?”

จื่อเยี่ยนพยายามชี้แจง “ถึงยังไงท่านก็ยังไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลอย่างเป็นทางการ ต่อให้เข้าครอบคลุมกิจการแล้วเก้าสิบส่วน แต่อีกสิบส่วน นายท่านเลี่ยงหวงยังดึงบังเหียนอยู่ ไม่อยากให้คุณชายมองข้ามตรงส่วนนี้ไปนะขอรับ”

“ไม่นานหรอก สิบส่วนนั้นจะเป็นของข้า”

“รึท่านมีแผน?” จื่อเยี่ยนหรี่ตา เดาเอาไว้แต่แรกว่าร่างสูงกำลังคิดทำการอะไรบางอย่าง

แต่ว่าอะไรล่ะ?

“เจ้าเองก็รู้ ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว”

อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “ท่านคิดจะล้มอำนาจบิดา?”

หย่งคังกระตุกยิ้ม “เจ้าเดาใจข้าเก่งเสมอ จื่อเยี่ยน” รอยยิ้มนั้นทำอีกคนสันหลังวาบ หากมองย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน บัดนี้
หย่งคังมาไกลแค่ไหนแล้วนะ “ข้าจะตอบแทนบุญคุณที่เขาช่วยให้ข้าเป็นข้าในวันนี้ได้ ด้วยยาถอนพิษ แต่ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะยอมให้ทำอะไรตามใจชอบอีก หากใครขวางทางข้า จะไม่มีการละเว้น”

จื่อเยี่ยนสบสายตาแข็งกร้าว ชายคนนี้ใจเด็ดเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

“…อย่างไรก็จะไปให้ได้สินะขอรับ”

จื่อเยี่ยนลอบถอนหายใจ สิ่่งที่หย่งคังพูดคงหมายถึงคืนนี้ด้วยเช่นกัน “เช่นนั้นข้าจะเตรียมรถม้าให้ขอรับ”

“ดี”

หย่งคังหันกลับไปทางนอกชานเรือนอีกครั้ง แววตาอ่อนลงเมื่อมองดูสวนดอกท้อที่เขาเติบโตมาพร้อมกับมัน ดูสวยงามแต่ก็เจ็บปวด เขาที่ต้องเข้มแข็งเพื่อจุดมุ่งหมาย อยากได้สายน้ำที่ชื่อซื่อหลางคอยปลอบประโยนจิตใจอันแห้งหี่ยวนี้เหลือเกิน หากได้กอดอีกสักครั้ง…หย่งคังไม่แน่ใจว่าหากเจอกันคราวนี้ เขาจะสามารถปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระได้อีกหรือไม่

คงดีไม่น้อยถ้าได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

“คุณชายเล็กขอรับ” จื่อเยี่ยนเอ่ยถาม “คืนนี้ท่านตั้งใจจะนำตัวหลี่ซื่อหลางกลับมาด้วยสินะขอรับ”

“อืม” หย่งคังตอบรับในลำคอ

“แล้วเรื่องกำจัดอวี๋เฉินยังคงตามแผนเดิม?”

“ไม่เชิง” หย่งคังไหวไหล่ “หากข้าได้ตัวซื่อหลาง ทางนั้นต้องไหวตัวรุกหนัก การปะทะคงเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด”

“คุณชายคงไม่ฆ่าเขาคืนนี้นะขอรับ”

หย่งคังหัวเราะหึ “ไม่แน่ ถ้ามันอยากลองของข้าล่ะก็นะ”

“ทำเช่นนั้น เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบนะขอรับ” จื่อเยี่ยนหน้าเครียด

คุณชายเป็นคนรอบคอบ กระนั้นบางครั้งก็บุ่มบ่าม ยิ่งมีหลี่ซื่อหลางเป็นตัวแปรด้วยแล้ว จื่อเยี่ยนยิ่งหนักใจ จำเป็นต้องรัดกุมแผนให้แน่น

“การที่อวี๋เฉินเอาหลี่ซื่อหลางมาล่อ เขาคงเดาทางออกว่าคุณชายต้องยอมออกไปพบ ทั้ังยังมียาถอนพิษเป็นแรงจูงใจ เห็นชัดๆ ว่าเราเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่พอตัว ทางนั้นก็ไม่ใช่คนโง่ ยอมลงมือเร็วขนาดนี้ข้าว่าคงมีแผนที่ไม่ธรรมดา”

“ข้าเองก็มีแผนไม่ธรรมดาเช่นกัน”

หย่งคังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน หยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมา “ที่ข้าให้ไปสืบ เจ้าเองก็รู้ข้อมูลเหล่านั้นแล้ว”

“ขอรับ”

“ทวนให้ข้าฟังสิ”

จื่อเยี่ยนพยักหน้า “จางอวี๋เฉิน อายุยี่สิบห้าปี ดำรงอาชีพเป็นหมอ มารดาเป็นปุถุชนธรรมดา พื้นเพเป็นคนยากจนและเสียชีวิตตั้งแต่อวี๋เฉินอายุได้แปดขวบ บิดาคือนายท่านเลี่ยงเชียง น้องชายต่างมารดานายท่านเลี่ยงหวง เมื่อแต่งกับฮูหยินก็ออกจากบ้าน ตัดขาดกับตระกูลจาง และได้ฆ่าตัวตายเมื่อเดือนก่อนขอรับ”

 “แล้วเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?” หย่งคังถามต่อ อีกฝ่ายเงยหน้าสบตา

“เหตุจูงใจที่ฆ่าตัวตายน่ะหรือขอรับ?”

“ก็ประมาณนั้น”

“ข้าคิดว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าขอรับ”

หย่งคังยิ้มพอใจ “ทำไมล่ะ?”

“บรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ มีประวัติเป็นโรคนี้ขอรับ ข้าจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นสืบต่อกันมา ตามบันทึกเก่าๆ  กล่าวว่านายท่านเลี่ยงเชียงเป็นคนรักสันโดษ จึงมีโอกาสแปดในสิบที่ทำให้เกิดเหตุจูงใจในการฆ่าตัวตาย ซ้ำยังเคยประสบเหตุการณ์ร้ายๆ มามาก อย่างการถูกไล่ออกจากตระกูลเพราะให้กำเนิดบุตรกับหญิงสาวไร้ยศขอรับ”

“เจ้าพูดถูกเรื่องเขาเป็นโรคซึมเศร้า” หย่งคังดีดนิ้ว “แต่นายเลี่ยงเชียงไม่ได้เศร้าเพราะแต่งงานกับหญิงไร้ยศไร้นาม”

“ขอรับ?”

จื่อเยี่ยนขมวดคิ้ว ไม่กี่ครั้งที่คุณชายโต้แย้งการวิเคราะห์ของเขา

“กลับกัน เรื่องนั้นกลับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลยต่างหาก”

“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้นขอรับ?”

“จื่อเยี่ยน เจ้าเป็นคนฉลาด แต่กลับไม่เข้าใจอานุภาพความรัก”

“ขอรับ?”

“พูดแล้วก็ไม่ค่อยเข้ากับหน้าข้าหรอก แต่ก็อยากบอกเจ้า” หย่งคังลอบถอนหายใจ “เจ้าเคยตั้งคำถามหรือไม่ เหตุใดนายเลี่ยงเชียงถึงเลือกอยู่อย่างสมถะกับฮูหยินและบุตรชาย แทนที่จะคิดครอบครองสมบัติมากมายของตระกูลจาง ไม่ใช่หันหลังให้ความสุขสบายเช่นนี้”

“ไม่ขอรับ ข้าคิดว่าเป็นตรรกะที่ไม่ได้เรื่อง”

“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น” หย่งคังไหวไหล่ “บางครั้งสิ่งๆ นั้นก็ทำให้คนเราทำอะไรโง่ๆ”

จื่อเยี่ยนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “ข้าไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่คุณชายเล็กต้องการจะบอกขอรับ”

“เช่นนั้น เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าข้าเป็นลูกสาวรับใช้กับตาแก่นั่น”

จื่อเยี่ยนหยักหน้า

“เจ้านั่นก็คงให้คนสืบจนรู้ สถานะข้าคงไม่ต่างจากอวี๋เฉฺิน เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ แต่บังเอิญว่าตาแก่เลี่ยงหวงกลับใช้ข้าเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ ข้าถึงได้ซึมซับความโสมมของตระกูลนี้มาเต็มๆ” หย่งคังหัวเราะเบาๆ “แต่สำหรับอวี๋เฉินคงไม่ใช่ เขาไม่อยากได้เงินทอง นอกเสียจากอยากแก้แค้นคนที่ทำให้ชะตากรรมพ่อและแม่ตัวเองจบลงอย่างน่าสมเพช”

“หากเช่นนั้น ที่เลือกลงมือช่วงเวลานี้…” จื่อเยี่ยนคิดตาม “เพราะคุณชายอยู่ในเส้นคาบแบ่งจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลสินะขอรับ”

“ใช่ ข้าคิดว่าอวี๋เฉินรู้จักใช้จุดอ่อนคน ถึงได้ลอบวางยาพิษตาแก่ แถมยังเอาหลี่ซื่อหลางมาล่อ”

จื่อเยี่ยนพยักหน้า “ขอรับ”

“แต่อวี๋เฉินประเมินความสัมพันธ์พ่อลูกของข้าสูงไป เจ้านั่นคงคิดว่าข้าเป็นลูกกตัญญู ถึงได้ปล่อยข่าวว่าข้าเป็นคนหักหลังพ่อตัวเอง เพื่อทำให้พ่อลูกผิดใจกัน ใช้ยาพิษเป็นตัวซ้ำ คงกะไว้ว่าข้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อนำยาถอนพิษกลับไป แต่มันคงไม่คิดว่าข้าจะกล้าล้มอำนาจตาแก่แน่ เพราะฉะนั้นถึงได้มั่นใจว่ายิ่งมีหลี่ซื่อหลาง ข้าก็เป็นลูกไก่ในกำมือ”

“ขอรับ”

จื่อเยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วยอีกครั้ง คุณชายเล็กมองทุกอย่างได้เฉียบแหลมจริงๆ 

“อวี๋เฉินจะบีบให้ข้ายอมทิ้งกิจการตระกูลจางเพื่อช่วยพ่อและซื่อหลาง ถึงตอนนั้น อวี๋เฉินคงไม่มัวมานั่งบริหารงานต่อ คงอยากทำลายให้ย่อยยับเสียมากกว่า”

ใบหน้าจื่อเยี่ยนมีเครื่องหมายคำถาม “ไม่ได้ต้องการสมบัติหรือขอรับ?”

“กับคนเป็นแม่ ให้ฆ่าตนไม่เจ็บเท่าฆ่าลูก เช่นเดียวกับคนที่เกลียด หากรู้ว่าอีกฝ่ายประสงค์สิ่งใด ถ้าทำลายสิ่งนั้นคงสะใจกว่ากันเยอะ”

“…เป้าหมายคือทำลายตระกูลสินะขอรับ”

“อืม” หย่งคังกอดอก “ไม่ใช่อยากฮุบสมบัติอย่างที่ตาแก่นั่นคิดหรอก”

จื่อเยี่ยนพยักหน้ากับตัวเอง “อย่างนี้นี่เองขอรับ”

 “แต่อวี๋เฉินอาจคิดถูก หลี่ซื่อหลางจะทำให้ข้าใจอ่อน ในขณะที่เจ้าเห็นข้าแข็งแกร่งขึ้น ข้ากลับอ่อนแอยิ่งกว่าใคร” หย่งคังหลุบตาลงเล็กน้อย “ข้าฝังความรู้สึกที่มีต่อซื่อหลางจนถลำลึกลงไป หากวันที่ข้าอยู่ในจุดสูงสุด แต่กลับไร้ซึ่งซื่อหลางจะสำคัญไฉน?

“ไม่รออีกหน่อยหรือขอรับ”

“จื่อเยี่ยน ต่อให้เป็นกับดัก คืนนี้ข้าก็จะไป”

จื่อเยี่ยนพ่นลมหายใจ “เป็นกับดักแน่นอนอยู่แล้วล่ะขอรับ”

ผู้ติดตามอดห่วงไม่ได้ แม้รู้ว่าหย่งคังมีแผนอยู่แล้วก็ตาม ทั้งๆ ที่เขาเป็นกังวล คนเป็นนายกลับหัวเราะในลำคอ

“เช่นนั้นข้าก็จะไปติดกับดักเสียหน่อยแล้วกัน”





-------------------------------------------------------------





ขาของหลี่ซื่อหลางหายดีแล้ว

แม้จะรู้สึกแปลกๆ เวลาเดินอยู่บ้าง แต่ก็เรียกได้ว่ากลับมาเป็นปกติ

“พี่ซื่อหลาง” ฟานตงเดินเข้ามาหาพี่ชาย “คืนนี้ท่านจะออกไปข้างนอกกับพี่อวี๋เฉินหรือ”

สังเกตเห็นว่าพักนี้ท่านหมอทำตัวสนิทสนมกับหลี่ซื่อหลางมากเกินความจำเป็น ตอนที่ขาร่างโปร่งยังไม่หายดี เจ้าตัวก็เทียวมาเทียวไป ซื้อของบำรุงมาฝากมากมาย หรืออันที่จริง เหมือนหลี่ซื่อหลางจะโดยรุกอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้

คนถูกถามเกาแก้ม “เอ่อ…ประมานนั้นกระมัง”

“พี่ซื่อหลางโดนจีบ?”

“ฟานตง!” หลี่ซื่อหลางหันขวับ “อย่าพูดแบบนี้ ไม่มีใครจีบใครทั้งนั้นแหละ ข้าแค่ออกไปกินข้างแบบเพื่อน”

“แบบกับพี่จิ้งอี้น่ะหรือ”

“ใช่ แบบนั้นแหละ” หลี่ซื่อหลางถอนหายใจ

ไม่คิดมาก่อนว่าน้องชายจะดูออกเรื่องที่ท่านหมอพยายามเอาใจเขาอยู่เกือบสองอาทิตย์ แล้ววันนี้ก็เกิดนึกครึ้มทวงสัญญาที่จะพาไปกินอะไรอร่อยๆ ขึ้นมาเสียด้วย ตัวเขาเองก็ไม่มีเหตุผลดีๆ มาปฏิเสธ ถึงได้ตอบตกลงในที่สุด

“พี่ซื่อหลาง ข้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”

ฟานตงยู่หน้า “แค่นี้ทำไมข้าจะดูไม่ออก พี่อวี๋เฉินกำลังจีบท่าน!”

“ฟานตง!”

“ข้าว่าเขาก็เป็นคนดี หรือพี่ซื่อหลางไม่ชอบ?”

หลี่ซื่อหลางอยากทึ้งหัวตัวเอง กลั้นใจตอบกลับไป “ข้าไม่มีรสนิยมเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะ แต่คนเราชอบไม่เหมือนกัน เจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”

“อืม…” ฟานตงพยักหน้า “ข้าแค่เห็นว่าพี่อวี๋เฉินคงสามารถดูแลท่านได้”

“ข้าดูแลตัวเองได้”

“ใช่ ข้ารู้ท่านเก่ง แต่มีคนคอยอยู่ข้างๆ ก็ดีไม่ใช่หรือ?”

แวบหนึ่งใบหน้าของใครบางคนโผล่ขึ้นมาในหัวของหลี่ซื่อหลาง แค่คิดใจก็ปวดหนึบ เขาไม่เข้าใจตัวเองเลย

“ข้ามีเจ้าก็พอแล้ว”

“พี่ซื่อหลาง…” ฟานตงรู้สึกสงสารพี่ชายจับใจ

ด้วยตนรู้ดีว่าร่างโปร่งมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจตลอดแต่ไม่เคยพูดออกมา เก็บงำอยู่นานหนึ่งปี สองปี สามปี จนกระทั่งเจ้าตัวเคยชินกับการมองข้ามว่าไม่มีสิ่งๆ นั้นอยู่ หากยามเผลอเหม่อลอยครั้งใด แววตาว่างเปล่าก็เหมือนกำลังมองหาใครบางคน

“เถอะ ว่าแต่คืนนี้ท่านจะค้างกับพี่อวี๋เฉินหรือไม่”

“ไม่หรอก” หลี่ซื่อหลางส่ายหน้า ยังจำประโยคที่จิ้งอี้พูดจนเสียวสันหลังวาบขึ้นใจ

‘ ถึงเวลานั้น เดาว่าเจ้าคงต้องเจ็บสะโพกมากแน่ๆ… ’

“ข้าจะกลับก่อนยามสอง เจ้าก็อย่าเพิ่งปิดบ้านล่ะ” หลี่ซื่อหลางกำชับ

นี่ก็ใกล้เวลาที่ท่านหมอบอกว่าจะมารับเขาแล้ว เฮ้อ… หลี่ซื่อหลางลอบถอนหายใจ ทำอย่างกับว่าเขาเป็นสาวแรกรุ่นไปได้ ไม่จำเป็นต้องรับส่งกันเลยแท้ๆ

“ได้ ไว้ข้าจะรอ”

“เจ้าน่ะหลับไปเถิด แค่ไม่ต้องลงกรอนประตูก็พอ”

“งั้นข้าชวนหยงเทียนมาช่วยเฝ้าบ้านได้หรือไม่” ฟานตงเอ่ยขอ คนเป็นพี่ชายพยักหน้า

“ตามใจเจ้า”

“ดีเลย! ข้าจะได้มีเพื่อนนอน”

หลี่ซื่อหลางกระแอมไอ  “แต่อย่าทำอะไรๆ กันล่ะ” ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะรีบเดินออกจากบ้าน เพราะเห็นท่านหมอกำลังเดินมาจึงรีบออกไปหาทันที

“เห?”  ฟานตงกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเพิ่งเข้าใจความหมาย

“พ…พี่ซื่อหลาง!”

ตะโกนไล่หลังแต่ก็ไร้ประโยชน์ พี่ชายเดินขนาบข้างไปกับท่านหมอไกลเสียแล้ว คนตัวเล็กได้แต่หายใจฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด

กระนั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะใจสั่นหน้าแดงไปทำไมเหมือนกัน





-------------------------------------------------------------





จางอวี๋เฉินพาหลี่ซื่อหลางมาที่ร้านติ่มซำสุดหรูใกล้วังหลวง

ขึ้นชื่อว่าอร่อยสมกับราคาที่แพงเสียจนกระเป๋าตังค์ฟีบ ไม่ว่าเหล่าขุนนางหรือลูกหลานตระกูลคนใหญ่คนโตที่ไหนก็ล้วนต้องเคยมากันทั้งนั้น

กระนั้น แค่เห็นหน้าร้านหรูหราหลี่ซื่อหลางก็พบว่าชุดเก่าๆ ที่สวมอยู่ไม่เข้ากับสถานที่เลยแม้แต่น้อย

“วันนี้ท่านดูดีมาก ซื่อหลาง”

เหมือนจางอวี๋เฉินอ่านใจคนออก หันมาให้กำลังใจพร้อมรอยยิ้มบาง

“อ่า…ขอบคุณ”

หลี่ซื่อหลางยิ้มแห้งๆ ตามระเบียบ รู้สึกเก้ๆ กังๆ เวลามีคนหันมามองด้วยสายตาประหลาด

“ท่านหมอ ร้านนี้ท่าทางจะแพง”

“แต่อร่อยอย่าบอกใคร ข้าหวังอยากให้ท่านได้ลองสักครั้ง”

“ท่านหมอ วันนี้ข้าพกเงินติดตัวมาไม่มาก” หลี่ซื่อหลางพยายามอ้างเหตุผลร้อยแปด “ข้าว่าเราเลือกร้านที่เป็นกันเองกว่านี้หน่อยดีหรือไม่”

“คืนนี้ข้าเป็นเจ้ามือเอง ท่านไม่ต้องกังวล”

“ไม่ได้นะ” หลี่ซื่อหลางหยุดเดิน “ท่านรักษาขาข้าจนหาย แล้วยังไม่ยอมรับค่ารักษา นี่จะเลี้ยงข้าวข้าอีก”

…คิดจะให้เขาติดหนี้บุญคุญไปถึงไหน?

“ดีแล้วไม่ใช่หรือ”

จางอวี๋เฉินถือวิสาสะจูงมือหลี่ซื่อหลางเข้าร้าน เลือกที่นั่งชั้นสองติดริมหน้าต่างเห็นวิวท้องฟ้ายามค่ำคืน ครั้นหลี่ซื่อหลางจะชักแขนหนี จางอวี๋เฉินก็กำมือแน่นขึ้นเท่านั้น

“ข้าอยากให้ท่านมากกว่านี้อีก”

“ท่านหมอ ไม่ต้องให้อะไรข้าแล้วได้หรือไม่ ท่านทำแบบนี้ข้ารู้สึกไม่สบายใจ” หลี่ซื่อหลางทำสีหน้าลำบากใจสุดๆ แต่ก็โดนจับให้นั่งลง มีพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้อย่างรู้งาน จางอวี๋เฉินหันไปสั่งอาหาร รายการที่สั่งล้วนราคาแพงทั้งนั้น แถมไม่ได้สั่งมาน้อยๆ เลย

“ท่านไม่สั่งเยอะไปหน่อยหรือ”

“ไม่นี่” จางอวี๋เฉินเท้าคาง จ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย

…ดูๆ ไปก็ไร้เดียงสาเหมือนกัน มิน่า…

ท่านหมอส่งยิ้มให้ “หรือท่านคิดว่าข้าไม่มีปัญญาจ่าย?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” หลี่ซื่อหลางอยากโขกหัวกับโต๊ะ “ข้าแค่คิดว่ามันเยอะไปสำหรับสองคน เราคงกินกันไม่หมด น่าเสียดายแย่”

“ไม่แน่อาจมีคนอยากร่วมโต๊ะกับเราคืนนี้”

“ท่านว่าอย่างไรนะ?”

หลี่ซื่อหลางได้ยินไม่ถนัด ถามซ้ำ แต่สิ่งที่ได้คือรอยยิ้มซื่อๆ ของจางอวี๋เฉิน “เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”

อ้าว? ก่อนจะได้ถามอะไรต่อ อาหารก็มาเสิร์ฟเสียแล้ว โต๊ะกลมสีขาวเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส แค่การตกแต่งจานก็รู้สึกอร่อยทั้งที่ยังไม่ทันลิ้มลอง จางอวี๋เฉินคีบติ่มซำเสี่ยงหลงเปาใส่จานให้หลี่ซื่อหลาง

“ลองชิมดูสิ”

หลี่ซื่อหลางพยักหน้า คีบเจ้าสิ่งนั้นเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ อร่อยจนลืมไปเลยว่าตัวเองมาที่นี่เพื่อทำอะไร

“รสชาดดีใช่หรือไม่”

“อร่อยมากเลยล่ะ” หลี่ซื่อหลางหลุดยิ้ม คิดว่าถ้าฟานตงกับหยงเทียนมีโอกาสได้กินคงดีไม่น้อย “ขากลับข้าซื้อไปฝากน้องชายด้วยดีกว่า เขาน่าจะชอบ”

“เท่าที่เจ้าต้องการเลย”

จางอวี๋เฉินรู้สึกสนุกที่ได้เห็นหลี่ซื่อหลางกำลังลดกำแพงในใจลง คนตรงหน้าใสซื่อเหมือนเด็กหัดเดิน ลอบมองริมฝีปากสีสดที่เคยฉกชิงความหวานมาแล้วครั้งหนึ่ง

…หากคืนนี้เป็นไปตามอย่างที่เขาคิด

หลี่ซื่อหลางจะกลายเป็นของเขาตั้งตัว…

“ดื่มน้ำเสียหน่อย จะได้กินคล่องคอ” จางอวี๋เฉินรินเหล้าใส่ถ้วยให้ อีกฝ่ายรับไปดื่มอย่างไม่คิดติดใจ

“ขอบคุณ”

ร่างโปร่งวางถ้วยลง รสขมบาดคอทำให้เบ้หน้าเล็กน้อย “ท่านหมอ ข้ามีเรื่องอยากคุยกับท่าน”

“ค่อยคุยหลังจากกินเสร็จดีหรือไม่”

“แต่…”

“ถือว่าข้าขอแล้วกัน” จางอวี๋เฉินยิ้มบาง “กินไปคุยไปไม่ดีหรอก โบราณเขาว่าไว้ ท่านกินให้อิ่มท้อง สมองจะได้โล่งๆ ถึงตอนนั้นข้าจะยอมรับฟังทุกอย่างเลย”

ว่าแล้วก็รินเหล้าให้อีกจอก ก่อนจะชูถ้วยเหล้าตัวเองขึ้น “ฉลองให้สุขภาพแข็งแรงของท่าน”

“อ…อืม”

หลี่ซื่อหลางจิบเหล้าเล็กน้อย รู้ดีว่าตนเป็นคนคออ่อน กระนั้นจางอวี๋เฉินกลับคะยั้นคะยอ

“ดื่มไปเถอะ ซื่อหลาง เหล้าไม่แรง ไม่ทำให้เมาหรอก”

ร่างโปร่งนึกเกรงใจ ไม่กล้าปฏิเสธจึงได้กระดกรวดเดียวหมด จางอวี๋เฉินขยับปากเหมือนจะพูดว่า เด็กดี แล้วก็รินเหล้าให้เขาอีก พลัดกับคีบอาหารใส่จานให้ไม่หยุด หลี่ซื่อหลางรู้สึกมึนเล็กน้อย ราวกับกำลังจะลืมสิ่งที่ต้องการทำ

 “ข้าขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักเดี๋ยว”

หลี่ซื่อหลางวางตะเกียบ ลุกขึ้นยืน แต่รู้สึกขาไม่มีแรง หากจางอวี๋เฉินไม่มือไวคว้าเอวเขาไว้ มีหวังคงทรุดลงไปกับพื้น

 “เป็นอะไรหรือไม่?”

“ข้า…มึนหัวนิดหน่อย” หลี่ซื่อหลางสะบัดหัวไล่ความมึน “ล้างหน้าก็คงหาย”

“ให้ข้าพาไปไหม”

“ไม่ต้องๆ” หลี่ซื่อหลางโบกมือพัลวัล “ข้าไปเองได้ ขอบคุณท่านมาก” เมื่อเจ้าตัวยืนยันเช่นนั้น จางอวี๋เฉินจึงปล่อยมืออย่างเสียดาย ลอบมองหลังร่างโปร่งที่เซเล็กน้อยหายลับเข้าไปทางหลังร้าน

หันกลับมาที่โต๊ะอาหาร จางอวี๋เฉินหยิบซองบางอย่างออกจากชายเสื้อ ข้างในบรรจุผงสีขาวที่เขาสกัดจากสมุนไพรเองกับมือ
ชายหนุ่มแอบใส่ลงไปในถ้วยเหล้าหลี่ซื่อหลาง รับรองว่าไม่ใช่ยาที่ทำให้ถึงแก่ความตาย ตรงกันข้าม ค่ำคืนนี้อีกฝ่ายจะได้ขึ้นสวรรค์เลยต่างหาก

…ก่อนที่จะตื่นมาพบกับนรกของจริง…

เวลาไม่นาน หลี่ซื่อหลางเดินกลับมาพร้อมกับใบหน้าเปียกชื้น เสื้อผ้าบางส่วนเปียกน้ำ ดูเหมือนจะพยายามเรียกสติตัวเองให้ตื่นน่าดู

“ท่านหมอ ข้าต้องขอโทษด้วย แต่คงต้องกลับแล้ว”

“ทำไมกัน?” จางอวี๋เฉินเงยหน้าถาม “นั่งกินเป็นเพื่อนข้าอีกสักนิดเถิด”

“ข้าเป็นห่วงฟานตง”

“น้องชายท่านโตแล้วไม่ใช่?” จางอวี๋เฉินถือวิสาสะดึงหลี่ซื่อหลางนั่งลง “ซื่อหลาง น้องชายเจ้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่ถ้าท่านไม่สบายใจ ดื่มถ้วยนี้แล้วข้าจะพากลับเลย ดีหรือไม่”

หลี่ซื่อหลางมีสีหน้าชั่งใจ ก่อนจะพยักหน้า

“ก็ได้…”

ร่างโปร่งยกถ้วยเหล้าขึ้นจ่อริมฝีปาก กระดกรวดเดียว รู้สึกขมคอจนต้องยู่หน้า

จางอวี๋เฉินยิ้มบาง

“ไปเถิด ข้าจะพาท่านกลับเอง”






-------------------------------------------------------------







To be continued...






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2015 19:36:13 โดย Natsukairi »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ยาปลุกป่ะ?
หย่งคังรีบมาช่วยซื่อหลางเร็วเร้ววว
รอตอนหน้าจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-08-2015 18:36:02 โดย boboman »

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ฮ่วยยย อิหมอนี่ พี่ซื่อหลางเป็นของหย่งคังเท่านั้นค่า คนเค้าถนอมของรักมากี่ปี จะยอมได้ไง

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ซื่อหลางคนซื่อ

หย่งคังมาเร็วๆ นะ

ว่าแต่...ฟานตงจะรอดจากหยงเทียนไหมอ้ะ? อิอิ

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: กรี๊ดด ค้างอ่าาา
หย่งคังมาช่วยซื่อหลางเร็ววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage




ดอกท้อที่๑๖






ตลอดทางหลี่ซื่อหลางรู้สึกเหมือนล่องลอยในอากาศ ไม่ได้สติ แม้ยามที่ถูกจางอวี๋เฉินชักจูงให้เดินตาม ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ขาของตัวเอง

“ถึงแล้ว…”

จางอวี๋เฉินบอกถึงบ้านแล้ว แต่หลี่ซื่อหลางรู้สึกราวกับไม่คุ้นสถานที่

นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา

แผ่นหลังค่อยๆ สัมผัสความอ่อนนุ่มของเตียงชั้นดี หลี่ซื่อหลางขยับตัวเข้าหาความอบอุ่น ขณะเดียวกันก็รู้สึกเย็นวาบจากมือที่ค่อยๆ ถอดเสื้อของเขาออกทีละชิ้น ทีละชิ้น และทีละชิ้น

“ท่านขาวกว่าที่ข้าคิด ซื่อหลาง” นิ้วยาวลากผ่านเอว จุดอ่อนของเขา ซื่อหลางรู้สึกร้อนขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ

“ท…ท่านหมอ”

ปรือตาอย่างยากลำบาก เห็นเค้าโครงจางอวี๋เฉินที่กำลังคร่อมทับเขาอยู่ ในสภาพที่ตัวเขาเปลือยล่อนจ้อน แต่อีกฝ่ายยังมีกางเกงผ้าโปร่งสวมทับอยู่ ฝ่ายนั้นยิ้มให้ โน้มตัวลงประทับจูบบนหัวไหล่ของเขา ลากลิ้นเปียกแฉะมาที่หน้าอกก่อนจะเม้มอย่างแผ่วเบา

“อ…อื้อ”

นั่นเสียงของเขา?

หลี่ซื่อหลางไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น สถานการณ์แบบนี้เขารู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น

เจ้าตัวส่ายหน้าช้าๆ “ไม่…อ…อย่า” ยกแขนดันหน้าอกแกร่ง แต่อีกฝ่ายกลับกำรอบข้อมือของเขา จับตรึงเหนือศีรษะด้วยแรงที่หลี่ซื่อหลางไม่อาจขัดขืน

“ข้าไม่ทำรุนแรงหรอก สัญญา” จางอวี๋เฉินกดแขนเขาเน่นลงกับเตียง “แต่ถ้าท่านดื้อนัก ข้าก็ไม่รับประกัน”

“ท…ทำ…แบบนี้ทำไม”

“ทำไมน่ะหรือ?”

จางอวี๋เฉินเลียใบหูของเขา “ข้าอยากเห็นคนอกแตกตายน่ะ”

…หลี่ซื่อหลางไม่เข้าใจ…

ถ้าเป็นเรื่องที่เขาจะปฏิเสธอีกฝ่าย ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ เหมือนจางอวี๋เฉินจะอ่านใจหลี่ซื่อหลางออก เขาก้มลงกระซิบข้างหู

“ไม่ใช่ท่านหรอก ซื่อหลาง แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ท่านสำคัญต่อเขา”

“ค…ใคร?”

แทบไม่มีเรี่ยวแรงพูด รู้สึกร้อนจนต้องหนีบขาเข้าหากัน ทรมานตรงจุดกึ่งกลางร่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่จางอวี๋เฉินกลับจับขาเขาแยกออก วนนิ้วแถวขาอ่อนจนร่างกายสั่นสะท้าน

“นั่นสิ ใครน้า?”

“ฮะ…ย…หยุ…ด” หลี่ซื่อหลางกัดปากจนเลือดซิบ จางอวี๋เฉินจึงก้มลงจูบเขา ได้ยินเสียงชื้นแฉะน่ารังเกียจ หลี่ซื่อหลางพยายามหันหน้าปฏิเสธ แต่จางอวี๋เฉินยิ่งบังคับให้รับรสจูบอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนกระทั่งเขาทำท่าจะขาดอากาศหายใจ ถึงได้ยอมผละออก

“ซื่อหลาง ท่านหวานขนาดนี้ ข้าชักติดใจ”

ทำไม…

น้ำอุ่นไหลจากตา แม้ไม่สะอื้น แต่หลี่ซื่อหลางรู้สึกเจ็บจนบอกไม่ถูก ร่างกายของเขาถูกอีกฝ่ายสัมผัส แม้จะรู้สึกร้อนรุ่ม แต่กลับทำให้รู้สึกแย่อย่างที่คาดไม่ถึง

 “อย่าจับ…”

หลี่ซื่อหลางดิ้น แต่ไม่สามารถหนีจางอวี๋เฉินพ้น ร่างกายทรยศถูกชักจูงจนสติใกล้เลือนหาย

โครม!!

จู่ๆ ประตูก็ถูกพังเข้ามา หลี่ซื่อหลางรู้สึกว่าจางอวี๋เฉินหยุดหยอกล้อกับร่างกายของเขาชั่วขณะ กระนั้นก็ไม่มีแรงพอจะลืมตาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ภาพทุกอย่างเลือนเพราะน้ำตาที่นองหน้า หลี่ซื่อหลางรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างถึงที่สุด

ได้ยินเสียงคนปะทะคารมกัน เสียงข้าวของเสียหาย รู้สึกถึงความโกลาหลรอบตัว

หลี่ซื่อหลางขดตัว หน้าผากแนบชิดหัวเข่า ร่างกายเปลือยเปล่าหากไม่สามารถคว้าผ้าห่มมาปิดบังร่างตัวเองไว้ได้ ความต้องการยังพุ่งพล่านอยู่ข้างใน สัมผัสของจางอวี๋เฉินตอนนั้นทำให้มันทวีความรุนแรง

เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใดไม่มีใครรู้ หลี่ซื่อหลางกอบกุมส่วนนั้น ช่วยให้ตัวเองพ้นจากความทรมาน หากไม่รู้สึกสุขสมแม้แต่นิด





ทรมานเหลือเกิน





“หย่ง…คัง…” เอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างออกไปโดยไม่ทันคิด หลี่ซื่อหลางแทบไม่รู้อะไรเป็นความจริง อะไรเป็นความฝัน






ความวุ่นวายเมื่อกี้จบลงแล้ว ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้

“ซื่อหลาง…”

สัมผัสผ้าบางห่อตัวเข้าไว้ ก่อนที่จะถูกอุ้มขึ้นจากเตียง

“ข้ามารับท่านแล้ว”





-------------------------------------------------------------





หย่งคังแทบคุมสติไม่อยู่ตอนที่เห็นหลี่ซื่อหลางนอนอยู่ใต้ร่างจางอวี๋เฉิน

เรียกได้ว่าสติขาดผึง!!

จากที่ตั้งใจจะเจรจาแล้วสั่งสอนเล็กน้อย หย่งคังงัดวิชาทุกเม็ดอัดใส่อีกฝ่ายจนน่วมเป็นกุ้งแช่น้ำปลา ยอมรับว่าทางกายภาพ จางอวี๋เฉินสูสีกับเขา แต่หากเป็นเรื่องกำลังภายในหรือการต่อสู้ เขาได้เปรียบกว่าเห็นๆ

“คุณชายขอรับ!”

จื่อเยี่ยนรีบเข้ามาห้าม ดึงหมัดของเขาเอาไว้ “ถ้าเขาตาย เราจะไม่ได้ยาถอนพิษนะขอรับ!”

หย่งคังหายใจฟืดฟาด ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ยอมปล่อยมือจากคอเสื้อคนที่เลือดกลบปากสลมคาที่ไปนานแล้วในที่สุด

จื่อเยี่ยนถอนหายใจโล่งอก

“หิ้วมันกลับไป ขังไว้ไม่ต้องให้ข้าวให้น้ำ!”

มองดูคนเป็นนายทำสีหน้าเคียดแค้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้ว่าคนเป็นนายกำลังของขึ้น น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง จื่อเยี่ยนจึงโค้งรับคำสั่ง

“ขอรับ”

ผู้ติดตามหันไปประสานงาน เรียกคนรับใช้สองสามคนเข้ามาช่วยกันหิ้วปีกจางอวี๋เฉินในสภาพร่อแร่ ดูทางแผนการที่จะเอายาถอนพิษวันนี้คงต้องเลื่อนไปก่อน แต่นายท่านเลี่ยงหวงรอนานไม่ได้ จื่อเยี่ยนคงต้องคอยกำชับคุณชายตอนที่เขาอารมณ์ดีกว่านี้

ทางด้านหย่งคัง เมื่อสงบสติอารมณ์ลงหน่อย ร่างสูงก็ตรงดิ่งไปที่เตียงกว้าง มองดูร่างโปร่งที่ขดตัวอย่างทรมาน ผิวที่เคยขาวแดงระเรื่อ หย่งคังต้องห้ามใจตัวเองก่อนจะคว้าผ้ามาห่อตัวอีกฝ่ายก่อนจะอุ้มขึ้นแนบอกอย่างแผ่วเบาราวกับแก้วที่แสนเปราะบาง หากไม่ปกป้องไว้ดีๆ ก็จะแตกสลาย

“ซื่อหลาง… ข้ามารับท่านแล้ว”

หย่งคังไม่ได้พาหลี่ซื่อหลางกลับบ้านของเจ้าตัว แต่พามาที่เรือนเล็กบ้านตระกูลจางแทน

“จื่อเยี่ยน ระหว่างนี้ไปบอกข่าวฟานตง น้องชายของซื่อหลาง ว่าพี่ชายเขาจะปลอดภัยดีหากอยู่กับข้า” คนเป็นนายหันไปบอกก่อนจะอุ้มคนไม่ได้สติเข้าเรือน

หากจื่อเยี่ยนกลับคิดว่านั่นอาจยิ่งสร้างปัญหา

จากที่สังเกต ฟานตงหัวดื้อและมีท่าทีไม่ชอบนายของเขา หากบอกไปตรงๆ ว่าเอาหลี่ซื่อหลางมาอยู่ด้วยสักพัก มีหวังบ้านแตก เขาคงต้องปรับคำพูดเสียหน่อยกระมัง

ทางด้านหย่งคัง ร่างสูงค่อยๆ วางตัวหลี่ซื่อหลางลงกับที่นอน ทว่าสองแขนบางกลับตวัดรอบคอเขาไว้ กระซิบบางอย่างข้างหู

“หย่ง…คัง…”

…อย่าทำแบบนี้…

“ซื่อหลาง ปล่อยมือเถิด ข้าจะให้ท่านนอนสบายๆ”

“หย่งคัง…ข้า…ทรมาน” หลี่ซื่อหลางไม่ยอมปล่อย แล้วหย่งคังก็เพิ่งตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ดันหน้าท้องของเขา ใบหน้าแดงจากฤทธิ์ยา หย่งคังกำมือแน่น แค้นใจอยากกลับไปอัดเจ้านั่นให้จมดิน!

“อื้อ…ร้อน…ช่วยหน่อย…ข้าร้อน…”

หลี่ซื่อหลางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกมา กระนั้นหย่งคังก็กำลังจะห้ามใจไม่อยู่

“ซื่อหลาง ข้าจะทนไม่ไหว ท่านอย่ายั่วข้าได้หรือไม่” ลมหายใจหย่งคังร้อนพอๆ กับหลี่ซื่อหลาง อีกฝ่ายทำไปเพราะไม่ได้สติ เบียดความต้องการเข้าหาคนตัวสูง หย่งคังต้องรีบอุ้มอีกฝ่ายไปที่บ่อน้ำ ผิวหนังสัมผัสความเย็นทันทีที่ลงไปแช่ทั้งร่าง เขาจับหลี่ซื่อหลางให้หันหลังชนแผ่นอก ตระคองกอดไว้หลวมๆ

“ดีขึ้นหรือไม่?”

“อื้อ…” หลี่ซื่อหลางยังบิดตัวไปมา และมันทำให้บางอย่างของเขาตื่นตัว

“ซื่อหลางอยู่นิ่งๆ!”

เป็นครั้งแรกที่หย่งคังขึ้นเสียงใส่หลี่ซื่อหลาง อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่อยู่ในอารมณ์ตกใจ ยิ่งเบียดตัวเข้าหามากกว่าเดิม

“หยุด! อย่าทำแบบนี้”

ใช่ว่าหย่งคังไม่เคยหาเศษหาเลยกับตัวหลี่ซื่อหลาง ก่อนที่เขาจะมาเป็นคุณชาย ตอนที่ยังอยู่กับหลี่ซื่อหลางที่บ้านหลังนั้น เขาเคยสัมผัสร่างกายนี้อยู่บ่อยครั้ง

แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยั่วเขาแบบนี้!

“หย่งคัง…”

จู่ๆ หลี่ซื่อหลางก็พลิกตัวกลับ กอดรัดลำคอของเขา ซุกใบหน้าลงและงับเบาๆ

“…คิดถึงเจ้าเหลือเกิน…”





และแล้ว…


ความอดทนของหย่งคังก็ขาดสะบั้นลง!




-------------------------------------------------------------



หลี่ซื่อหลางรู้สึกล่องลอย

ตัวของเขาเหมือนถูกปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า ปลอดภัยในอ้อมกอดแข็งแกร่ง ได้รับการเติมเต็มจนล้นปรี่ เหมือนกับว่าช่องว่างในใจถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น

นี่เป็นความฝันหรือ?



แล้วหลี่ซื่อหลางพบว่าไม่ใช่

แสงแดดลอดจากผ้าม่าน รบกวนคนกำลังนอนสบาย ร่างโปร่งค่อยๆ ลืมตา ปรับโฟกัสมองเพดานขาวที่ไม่คุยเคย เตียงนอนนิ่มและกว้างเกินกว่าที่ห้องนอนเขาจะมี แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยนอนบนเตียงนี้มาแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ตื่นมาก็ยังรู้สึกงุนงง มองไปรอบๆ รู้เลยว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา

“ตื่นแล้วหรือขอรับ”

ใบหน้าที่ดูคุ้นๆ ยิ้มต้อนรับเช้าวันใหม่ ห่างจากเตียงไปสามฟุต ข้างๆ กันนั้นมีสำรับอาหารส่งกลิ่นหอมจนท้องของเขาร้องประท้วง

“ท่านคงจะหิว หลับไปตั้งหนึ่งวันเลยนะขอรับ” ผู้ชายตัวเล็กท่าทางสุภาพเดินเข้ามาใกล้ หยิบแก้วน้ำและผ้าสะอาดให้ “จะได้สดชื่นขอรับ”

หลี่ซื่อหลางไม่รู้ว่าเสียงของตนหายไปไหน แต่เขาก็รับมามา ใช้ผ้าขาวเช็ดใบหน้า ความเย็นและหอมทำให้รู้สึกสดชื่น ก่อนจะดื่มน้ำดับความกระหาย ผู้ชายคนเดิมรับผ้าที่ใช้แล้วกับแก้วว่างเปล่าคืนไป ก่อนจะช่วยประคองให้เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง

และนั่นทำให้หลี่ซื่อหลางพบว่าร่างกายของเขาร้าวไปทั้งร่าง

“โอย…”

รู้สึกหน้าจะมืด ความเจ็บส่วนไหนก็ไม่เท่าที่สะโพก รู้สึกชาหนึบราวกับมีอะไรเสียบคาอยู่

“นี่ข้า…?” เสียงของหลี่ซื่อหลางกลับมาแล้ว แต่ก็แหบแห้งเหมือนไม่ใช่เสียงของเขา “เกิดอะไรขึ้น?”

“ท่านซื่อหลาง ที่นี่คือเรือนดอกท้อของคุณชายเล็ก”

“เรือนอะไรนะ?” หลี่ซื่อหลางรู้สึกหัวหมุน จับต้นชนปลายไม่ถูก

“เรือนดอกท้อขอรับ” ชายคนนั้นทวนซ้ำ “ข้าชื่อจื่อเยี่ยน ต่อไปนี้ ข้าจะเป็นคนคอยดูแลท่าน หากมีอะไรสามารถบอกข้าได้โดยตรง”

“จื่อเยี่ยน?”

ในหัวหลี่ซื่อหลางมีแต่คำถามเต็มไปหมด แต่หนึ่งในคำตอบที่ต้องการถูกแถลงไขแล้ว ผู้ชายตรงหน้าเขาชื่อจื่อเยี่ยน และเขาอยู่ในเรือนดอกท้อของคุณชายเล็ก…คุณชายเล็ก?

…หย่งคัง?!

“ที่นี่บ้านตระกูลจางหรือ” หลี่ซื่อหลางถามออกไป แต่รู้สึกไม่อยากได้ยินคำตอบ

“ขอรับ”

“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?!”

จื่อเยี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย “จำอะไรไม่ได้เลยหรือขอรับ”

หลี่ซื่อหลางมองหน้าจื่อเยี่ยนกลับ สลับกับมองสภาพตัวเอง ตอนนี้เขาสวมชุดผ้าฝ้ายสีขาวชั้นดี บนเตียงกว้าง แถมยังมีสำรับอาหารถึงที่ ดูแล้วไม่ธรรมดา

ร่างโปร่งหลับตาลง พยายามเค้นความจำก่อนหน้านี้

เขาออกไปกินข้างกับจางอวี๋เฉิน แล้วก็เมา เหมือนจะโดนอีกฝ่ายพยายามขืนใจ…แล้วก็…หรือเขาโดนอีกฝ่ายกด?

“ท่านหมออยู่ไหน?”

ไวกว่าความคิด หลี่ซื่อหลางเรียกหาต้นตอปัญหา

“ท่านซื่อหลาง จางอวี๋…”

“ตื่นมาก็เรียกหาเจ้านั่นหรือ?”

ไม่ใช่จื่อเยี่ยนที่ตอบคำถาม หากเป็นคนคุ้นเคยที่เดินเข้ามาในชุดลำลอง ใบหน้ามีแววหงุดหงิดเล็กน้อย “จื่อเยี่ยน เจ้าออกไปก่อน”

“ขอรับ คุณชาย”

“ด…เดี๋ยว!” หลี่ซื่อหลางจะคว้าแขนจื่อเยี่ยนไว้แต่ไม่ทัน

และแล้วห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบที่น่าอึดอัด หลี่ซื่อหลางไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย รู้สึกคิดถึง แต่ก็เจ็บปวดเกินกว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองไปต่างๆ นาๆ

“ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?”

เป็นหย่งคังที่ทำลายความเงียบลง หลี่ซื่อหลางเงยหน้าขึ้น

“หมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าหมายถึงท่านเจ็บตรงไหนจนทนไม่ไหวหรือเปล่า ข้าจะตามหมอให้”

“ม…ไม่” หลี่ซื่อหลางรีบตอบ

จะให้บอกหรืออย่างไรว่าเจ็บก้น?

ไม่มีทาง!

หย่งคังมีแววตาอ่อนลง ค่อยๆ นั่งลงข้างเตียง “อย่าฝืนตัวเอง ข้ารู้ว่ามันเป็นครั้งแรกของท่าน” หลี่ซื่อหลางก้มหน้าไม่ตอบ เห็นว่าเอาแต่นั่งเงียบหย่งคังจึงได้แต่ถอนหายใจ

“แล้วเมื่อกี้ถามหาท่านหมอทำไม”

“…”

“ซื่อหลาง…” หย่งคังกดเสียงต่ำ

“…ข้าแค่อยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

หย่งคังคิ้วกระตุกรัว “ท่านจะอยากรู้ไปทำไม?”

“ครั้งสุดท้าย ข้าจำได้ว่าอยู่กับเขา” หลี่ซื่อหลางตอบไปตามตรง แต่คำตอบนั่นดูเหมือนจะไม่เป็นที่หน้าพอใจนัก คิ้วของอีกฝ่ายกระตุกทันที

“ท่านจำเรื่องต่อจากนั้นไม่ได้?”

“เรื่องอะไร?”

หลี่ซื่อหลางรู้สึกสับสน ลำพังที่จู่ๆ เขาก็โผล่มาอยู่ที่นี่ก็นับว่าแย่พอแล้ว แต่การถูกน้องเล็กที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนมานั่งข้างๆ ซักถามอะไรแปลกๆ ยิ่งทำให้หลี่ซื่อหลางอยากเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

“จำไม่ได้จริงๆ หรือ?”

แวบหนึ่งสีหน้าหย่งคังมีร่องรอยความเจ็บปวด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา

“ทานอาหารเช้าแล้วพักผ่อนให้มากๆ เถิด” หย่งคังลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ช่วยยกสำรับอาหารมาให้ถึงมือ ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไป “ระหว่างอยู่ที่นี่ ท่านช่วยทบทวนความจำเรื่องเมื่อคืน แล้วข้าจะมาฟังคำตอบว่าท่านนึกอะไรออกบ้าง หลี่ซื่อหลาง”

หา?

เจ้าของชื่อได้แต่มองตามแผ่นหลังที่หายลับไปหลังประตู





-------------------------------------------------------------






To be continued...








ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ตัดฉากนั้นออกได้อย่างโหดร้ายมาก :hao7:
ซื่อหลาง หนูไปทำให้หย่งคังตบะแตกเองนะลูก ช่วยไม่ได้~ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2015 08:41:32 โดย boboman »

ออฟไลน์ leefever

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อะไรล่ะเนี่ยย. พี่ซื่อหลางจำให้ได้เร็วๆน้า

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จำให้ได้นะพี่ซื่อหลางงง หย่งคังอุตส่าห์ไปช่วย

ออฟไลน์ ไม่เคย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้อยจุงงง :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่ซื่อหลางจำไม่ได้จริงๆหรอ

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สนุกและน่าติดตามมากๆค่ะ

พอหย่งคังกับหลี่ซื่อหลางอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจัง  อยู่ด้วยกันนานๆนะคะ ชอบๆ
ขอบคุณนักเขียนมากๆค่ะ :L2:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage



ดอกท้อที่ ๑๗ (ครึ่งแรก)





จางอวี๋เฉินถูกจับขังทรมานอดข้าวอดน้ำอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ขาและแขนถูกโซ่พันธนาการ

ประตูห้องถูกเปิดออก ฝีเท้าของใครบางคนสืบเข้ามาใกล้ “อวี๋เฉิน”

เสียงเรียกทำให้เขาลืมตาขึ้นช้าๆ แต่ไม่ยอมลุกจากพื้นห้องเย็นเชียบ “ลุกขึ้นมา” หย่งคังเอ่ยเสียงเรียบ ทว่ากลับมีแต่ความเงียบที่โต้กลับมา

“จะไม่ยอมเจรจากันดีๆ?”

“หึ” จางอวี๋เฉินหัวเราะ “อย่าทำให้ข้าขำเลย เฟยหลง การที่ข้าตกอยู่ในสภาพเป็นรองเช่นนี้ เจ้ายังจำเป็นต้องเจรจา?”

“ถ้าเจ้าไม่อยากเจรจา ก็บอกที่ซ่อนยาถอนพิษมา”

หย่งคังย่อตัวลงข้างๆ อีกฝ่าย ใบหน้ามันยังหลงเหลือร่องรอยฟกช้ำ แต่ไม่ปูดบวมเหมือนก่อนหน้านี้ ประการหนึ่งก็ผิดที่หย่งคัง เขาดันทำอะไรบุ่มบามจนเกือบฆ่าคนตรงหน้าตายคาที่เสียแล้ว

“เจ้าได้หลี่ซื่อหลางไปแล้วนี่ จะเอายาถอนพิษอีกหรือ โลภมากเหมือนบิดาเจ้าไม่มีผิด!”

“หุบปาก!”

หย่งคังตะคอกเสียงดัง พยายามระงับอารมณ์ตัวเอง “ถ้าเจ้าบอกที่ซ่อนยาถอนพิษ ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไปใช้ชีวิตสมถะในชนบทสักแห่ง แล้วไม่ต้องเสนอหน้ากลับมาเมืองหลวงอีก ดีหรือไม่”

“แหม ใจกว้างจริงๆ ญาติข้า”

จางอวี๋เฉินหัวเราะราวกับคนบ้า “แต่ว่านะ ข้าชักจะติดใจรสสัมผัสหลี่ซื่อหลางเสียแล้วสิ ตัวของเขาหวาน…อุ่ก!” หมัดแน่นชกเข้าที่หน้าและท้องอย่างแรง จางอวี๋เฉินงอตัวด้วยความจุก

“ขืนพูดมาก ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!”

“ฮ่ะๆๆ” อีกฝ่ายหัวเราะจนตัวโยน ถุยเลือดออกจากปาก “แปลว่าเจ้าเลือกซื่อหลาง ถ้างั้นก็อย่ามาหวังเอายาถอนพิษกับข้า!”

“คายที่ซ่อนออกมา!”

“คุณชายเฟยหลง…” จางอวี๋เฉินเหลือบตามองร่างที่สูงใหญ่กว่าตนเล็กน้อย “โลภมากลาภหายนะขอรับ”

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้น!”

“ข้าเล่นลิ้นกับคนน่ารักๆ อย่างซื่อหลางเท่านั้นแหละ”

พลั่ก!!

หย่งคังกระทืบจางอวี๋เฉินเต็มแรง เห็นหน้ามันก็ยิ่งหงุดหงิด ภาพที่ซื่อหลางถูกมันคร่อมยังติดตา ซ้ำเมื่อเช้าร่างโปร่งก็จำเรื่องราวระหว่างเขาไม่ได้ ความโมโหจึงลงอยู่ในหมัดและแรงถีบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ฝ่ายโดนกระทำกระอักเลือดออกจากปาก หย่งคังถึงได้หยุด

“แรง…ดีเหลือเกินนะ”

แม้จะบาดเจ็บแค่ไหน จางอวี๋เฉินก็ยังต่อปากต่อคำได้ไม่เลิกลา

“เงียบปากซะ!” หย่งคังเดินไปทางประตู ทิ้งท้ายด้วยอารมณ์คุกรุ่น “ก่อนที่ข้าจะต้องใช้เข็มสอยปิดปากเจ้า!”

ปัง!  ปิดประตูห้องขังจำเลยเสียงดัง

จางอวี๋เฉินถอนหายใจ ล้มตัวลงนอนราบกับพื้น บางครั้งเขาก็ถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่

แต่แล้วก็ต้องเลิกคิด

เขามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ดีไม่ดีก็อาจตายเป็นผีอาฆาตอยู่ในห้องนี้ เถอะ… เช่นนั้นตระกูลจางอย่าได้หวังให้หมอผีเก่งกาจคนไหนสามารถขับไล่ดวงวิญญาณเขาไปสู่สุขคติเลย เขาจะเป็นผีตามล้างแค้นพวกมันไปจนสุดขอบนรก!

จางอวี๋เฉินยกมือแตะขอบปาก เลือดสีแดงไหลซิบ

ระหว่างที่คิดอะไรไปเพลินๆ ชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างบางของคนหน้าคุ้นๆ


อ้อ…


เจ้าที่ตามก้นคุณชายต้อยๆ?


“ถ้าจะมาถามเรื่องยาถอนพิษ อย่าเสียเวลา รีบฆ่าข้าเลยก็ได้”

“ข้าไม่ได้มาฆ่าท่าน”

จื่อเยี่ยนนั่งยองกับพื้น ตำแหน่งเดียวที่หย่งคังยืนอยู่ก่อนหน้านี้ มือเล็กหยิบขนมปังออกจากกระเป๋าเสื้อ วางลงในมืออีกฝ่าย

“รับนี่ไป”

“อาบยาพิษไว้?”

จื่อเยี่ยนขมวดคิ้ว “เปล่า ขนมปังธรรมดา”

“ให้ข้าทำไม” จางอวี๋เฉินถามกลับ

“กินไปเถอะ อย่าถามมาก”

จางอวี๋เฉินดมๆ ขนมปังดูว่าปลอดภัยอย่างว่าหรือเปล่า ก่อนจะกัดเข้าปากหนึ่งคำ รสชาดอาหารที่ไม่ได้ลิ้มลองมาสองวันทำให้รีบยัดที่เหลือลงท้องอย่างหิวโหย แค่ขนมปังธรรมดาก็อร่อยเลิศได้ในเวลานี้
แล้วกระบอกน้ำเล็กๆ ถูกส่งให้

“ดื่มน้ำซะ”

จางอวี๋เฉินไม่ถามอีกแล้ว เขารับมาดื่มดับกระหาย

“ทำแบบนี้ข้าก็ไม่บอกที่ซ่อนหรอกนะ” ร่างสูงกระตุกยิ้ม มองใบหน้าเย็นชาน่าหมั่นไส้ของอีกฝ่าย แต่อดยอมรับไม่ได้ว่ามีเสน่ห์ดึงดูดใจนัก

“เดี๋ยวเจ้าก็ยอมบอกเอง”

“หึ!” จางอวี๋เฉินวางกระบอกน้ำลงก่อนจะเอนตัวนอนราบกับพื้น “อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย หนูน้อย”

หนูน้อย?

คิ้วจื่อเยี่ยนกระตุก เกิดมายังไม่เคยมีคนดูถูกเขาเช่นนั้น

 “ปากท่านเลี้ยงสุนัขไว้กี่ตัว?” คนตัวเล็กเก็บกระบอกน้ำไว้ใต้เสื้อ หยัดตัวลุกขึ้นยืน “ข้าไม่แปลกใจที่สภาพท่านน่วมขนาดนี้เลย จางอวี๋เฉิน”

“ถ้าเจ้าสนใจปากข้า ทำไมไม่มาลองเองล่ะ”

“อย่าดีกว่า” จื่อเยี่ยนยิ้มหน้าตาย ดูยังไงก็เหมือนแยกเขี้ยวมากกว่า “ถ้าอยากมีอาหารและน้ำกิน ท่านคงฉลาดพอที่จะไม่บอกใครเรื่องนี้”

จางอวี๋เฉินเลิกคิ้ว นึกแปลกใจกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่ไม่ทันได้ถาม เจ้าตัวเล็กก็ออกไปจากห้องเสียแล้ว

แอบเอามาให้?

จางอวี๋เฉินนิ่งไปสักพัก ก่อนจะหัวเราะกับตัวเอง

ตระกูลจางก็มีอะไรน่าสนใจเหมือนกัน





-------------------------------------------------------------






To be continued








ชี้แจง : มาสั้นเท่าหางกบ...ขอกราบขอโทษนักอ่านทุกท่านนนนน
ถือว่าเป็นการลงอะไรสั้นๆ มัดจำกันว่าจะมาต่อ เหตุด้วยว่า
ช่วงนี้นักเขียนยุ่งกับโปรเจคมหาลัยอยู่ค่ะ
ทำให้มีเวลามาอัพน้อยลงมาก เวลานอนยิ่งไม่มีเลย กร๊ากกกกกก
ยังไงๆ ก็อยากให้รอและติดตามกันนะคะ (ร้องไห้กระซิก)
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหน นักเขียนสัญญาแล้วว่าต้องต่อให้จบ!








ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
โอ้ววว เปิดตัวอีกคู่แล้วสินะ -.,-
ดีๆๆ จะได้ลงตัว ครบคู่ อิอิ
รอตอนหน้าอยู่น้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2015 13:34:27 โดย boboman »

ออฟไลน์ Lovetree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
รอหย่งคังกับซื่อหลางหวานกันค่ะ

ขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
หย่งคังขี้งอนนนน
อย่าโกรธซื่อหลางเลยพี่แกโดนยาน้าา

/วุ่นๆกับงานมหาลัยเหมือนกันเลย เข้ามาหาอะไรแก้เครียดอ่าน :เฮ้อ:

ออฟไลน์ oiw08

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านรวดเดียวตั้งแต่1-17เลยค่ะ สนุกมากๆค่ะ
ฟานตงน่ารักกกกกกกกก >__<
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
จามอ่านแบบรวดเดียว ไม่เป็นอันทำงานทำการ ชอบการเขียนสไตล์นี้มั่กกกกกก
แม้ตอนแรกเกือบแอบถอดใจแล้วก็ตาม สงสารหย่งคงของเก๊าาาา เปิดมาดราม่าเลอออ
มาถึงตอนล่าสุดก็ยังรอนะคะ รอฉากสองพี่น้องสวีทหวาน ก๊าวใจไรแบบนี้ งือออออ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จื่อเหยี่ยนจะได้คู่รึเปล่าน้า ให้อิตาหมอนิสัยดีก่อนละกัน ไม่งั้นเจ้ไม่ยอมมม

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตามอ่านทันแล้ววววว

ขอโทษที่ไม่ได้แวะมาให้กำลังใจเสียหลายตอน ภารกิจชีวิตมัดตัวพอๆ กับคุณนัทซึไคริเลย

เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นอีกแล้ว สนุกๆๆๆๆ

อะไรคือซื่อหลางล่องลอย ปลดปล่อย? เราสงสัยยยยยยย? ทำไมปล่อยให้เราจินตนาการเองอย่างล่องลอย ฮรือออออ

คุณผู้ช่วยกับคุณหมอนี่ยังไง? ฉันจิ้นนะ บอกเลย

ออฟไลน์ kanhomtianq

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถ้าตอนใหม่จะสั้นขนาดนี้  o22
กะจะทำคนอ่านลงแดงตายให้ได้ใช่มั้ยคะ !?
 :z3: :z3:

ออฟไลน์ Natsukairi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
    • Fanpage





ดอกท้อที่ ๑๗ (ครึ่งหลัง)






หลังจากที่จื่อเยี่ยนเดินผ่านพ้นประตู หัวใจเจ้ากรรมที่ดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขานึกประหลาดใจ

ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนตอนที่เจอกันครั้งแรก ใบหน้าคมเข้ม แม้จะหล่อเหลาได้ไม่เท่าหย่งคัง นายของเขา แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจพิลึก จื่อเยี่ยนพบว่าตัวเองใช้เวลาไปกับการแอบมองหมอหนุ่มคนนี้นานพอสมควร เขาพลั้งตัวเข้าไปห้ามไม่ให้หย่งคังกระทืบท่านหมอตายจมกองเลือดไปเสียก่อน ที่น่าแปลกกว่านั้น จื่อเยี่ยนเพิ่งลอบเอาอาหารและน้ำให้นักโทษในเรือนจำดอกท้อแห่งนี้โดยไม่มีคำว่าลังเล

เขาเป็นคนคิดทุกอย่างรอบคอบเสมอ แต่ครั้งนี้ไม่

สิ่งที่ทำให้จื่อเยี่ยนไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้...ช่างน่ากลัวนัก…

ร่างบางเดินลัดไปทางห้องครัว วางกระบอกน้ำลงกับโต๊ะก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เฮ้อ…หรือว่าเขาจะโดนยาพิษอะไรจากเจ้าหมอนั่น? ก็ไม่น่า… จื่อเยี่ยนรู้สึกว่ายิ่งคิดยิ่งปวดหัว เขาหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ไม่ได้

เท่าที่ทำได้ก็มีเพียงบอกตัวเองให้คิดก่อนทำให้มากกว่านี้เท่านั้น

“มาทำอะไรตรงนี้” เสียงทุ้มดังจากด้านหลัง จื่อเยี่ยนหันกลับไปทักทาย

“ขอรับ คุณชายเล็ก”

“นั่นอะไร” หย่งคังเดินมาหยิบของบนโต๊ะใกล้มือจื่อเยี่ยน “เจ้าเอากระบอกน้ำมาทำอะไร?” คิ้วเข้มขมวดเป็นปม มองหน้าคนสนิทที่ใบหน้ายังเรียบเฉยราวกับไม่มีเรื่องอะไรปิดบัง แต่จนป่านนี้แล้วมีหรือที่หย่งคังจะไม่รู้ เพราะจื่อเยี่ยนเป็นคนสอนเขาเองเรื่อง ‘ใส่หน้ากาก’ 

“เอามาใส่น้ำขอรับ”

“ปกติไม่เห็นเจ้าพกสิ่งนี้” หย่งคังไล่ถาม เมื่อกี้เขาเห็นจื่อเยี่ยนหายเข้าไปในห้องที่ขังเจ้าจางอวี๋เฉินนานสองนาน “หรือเอาไปให้ใคร?”

จื่อเยี่ยนไม่ตอบ หย่งคังได้แต่พ่นลมหายใจออกมา “คิดดีแล้วใช่หรือไม่?”

จื่อเยี่ยนก้มหน้าลงเล็กน้อย คิดว่าตอนนี้นายของเขาคงเดาเรื่องทั้งหมดออก

“ดูไม่เหมือนเจ้าเลย จื่อเยี่ยน” หย่งคังกดเสียงลงต่ำ “หรือคำสั่งของข้าไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว ที่ข้าบอกให้อดข้าวอดน้ำมันสามวัน นี่แค่วันแรกเองมิใช่?”

“…ขออภัยขอรับ”

หย่งคังหน้านิ่ง “อย่าให้มีครั้งที่สอง”

“ขอรับ” จื่อเยี่ยนรับคำ รอจนกว่าคนเป็นนายหันหลังเดินจากไป คนตัวเล็กสังเกตเห็นความหงุดหงิดเด่นชัดบนใบหน้าเรียบเฉย หย่งคังคงพยายามสะกดอารมณ์น่าดู แหงล่ะ การที่คนสนิทให้ความช่วยเหลือศัตรู(หัวใจ?)อย่างจางอวี๋เฉินคงทำให้หัวเสียอยู่แล้ว

แต่เขาเองก็หัวเสียไม่แพ้กัน


…โมโหที่ไม่เป็นตัวเองเสียเลย…


จื่อเยี่ยนถอนหายใจอีกครั้ง นับเป็นรอบที่ร้อยเห็นจะได้ ก่อนจะก้าวขาไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของคนเป็นนาย ซึ่งบัดนี้มีใครบางคนกำลังพักผ่อนอยู่ในนั้น จื่อเยี่ยนจำสภาพของหลี่ซื่อหลางได้ไม่ลืม ร่องรอยสีแดงบนตัวมากมายพวกนั้น เขาไม่ได้เดียงสาถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร เว้นเสียแต่เจ้าตัวที่ดูเหมือนจะจำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้เสียอย่างนั้น ไม่สงสัยว่าทำไมหย่งคังถึงเดือดแต่เช้า

“ข้าเข้าไปนะขอรับ”

จื่อเยี่ยนเลื่อนประตูเปิด สังเกตเห็นร่างโปร่งมีสีหน้าอิดโรยเหมือนคนมีไข้ ดูท่าจะไม่ได้เคลื่อนตัวจากเตียงไปไหนเลย ดีหน่อยที่อาหารเช้าในสำรับพร่องลงไปบ้าง แม้จะไม่เยอะก็ตาม

“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“ข้าสบายดี” เสียงแหบแห้งเอ่ยเบา หลี่ซื่อหลางกระแอมไอเล็กน้อย “เจ้าช่วย…เอ่อ…บอก เขา แทนข้าทีนะว่าข้าจะกลับแล้ว” ร่างโปรงยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่เกิดอาการหน้ามืดจนลมตึงลงไปกับเตียงอีกรอบ จื่อเยี่ยนรีบเดินเข้ามาช่วยประคอง

“ร่างกายท่านยังไม่หายดี…”

“ข้าไม่เป็นไร” หลี่ซื่อหลางลูบหน้าตัวเอง เขารู้สึกเพลียจริงๆ นั่นล่ะ แต่จะให้นอนอยู่ที่นี่น่ะหรือ? ไม่มีทาง …อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่เขานึกเรื่องเมื่อคืนออกแล้ว ถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ทำให้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ตีจุกขึ้นมาจนอยากจะฆ่าตัวเองทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด


ใช่…


เขามีอะไรกับหย่งคัง…น้องชายตัวเอง

ทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยความผิดพลาด อาจเป็นอุบัติเหตุ หรืออะไรก็ช่าง แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาจะรู้สึกรังเกียจสัมผัสเหล่านั้นสักนิด… ตรงกันข้าม หลี่ซื่อหลางหลงระเริงในเพลิงราคะที่อีกฝ่ายมอบให้ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ อยากถูกเติมเต็มจนล้น…น่ารักเกียจ…เขามันช่างน่ารังเกียจ

“ท่านควรพักผ่อนก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

เห็นเงียบไปนาน จื่อเยี่ยนจึงตัดปัญญาบังคับให้อีกฝ่ายนอนราบลงบนเตียง ถึงเขาจะตัวเล็กกว่าหลี่ซื่อหลางไม่เท่าไหร่ แต่ดูท่าว่าจะแรงเยอะกว่ามากทีเดียว

“ข้านอนมากพอแล้ว”

“เห็นได้ชัดว่าไม่” จื่อเยี่ยนแย้ง “ร่างกายท่านรับอะไรหนักขนาดนั้น เป็นไข้ถือว่าปกติ หากอยากออกไไปจากที่นี่ ท่านก็ควรรักษาตัวให้หายเร็วๆ”

สีหน้าของหลี่ซื่อหลางเจื่อนลง กลายเป็นสีแดงสลับม่วง “…เจ้ารู้?”

“ข้าสังเกตของข้าเอง ไม่มีใครบอกหรอก อย่าห่วง” จื่อเยี่ยนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่เขาก็เองเป็นคนไม่ชอบอ้อมค้อม ความจริงเป็นอย่างไร เขาก็พูดออกมาตามนั้น “ท่านหมอคนนั้นวางยาท่าน แต่คุณชายเล็กช่วยท่านเอาไว้ เขาพาท่านมาที่นี่เพราะไม่อยากให้เรื่องแพร่กระจายออกไปเท่านั้น จริงๆ แล้วอยู่ที่นี่ไปก่อนท่านจะหายน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีในเวลานี้”

“แต่…ข้าอยู่ไม่ได้”

“เพราะท่านไม่อยากอยู่เอง?” จื่อเยี่ยนลองเชิง

แต่หลี่ซื่อหลางกลับเสหน้าไปอีกทาง สีหน้าดูจริงจัง “ข้าทำบางอย่างที่ผิดมหันต์ คิดว่าไม่ควรแก่การให้อภัย เช่นนั้นข้าจึงควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด…ไม่ควรกลับมาอีก…”

“ผิดไม่ผิดอย่าเพิ่งตัดสินจนกว่าท่านจะได้ลองออกมายืนมองปัญหานั้นจากมุมมองไกลๆ” จื่อเยี่ยนพูดประโยคยากๆ เกินกว่าที่หลี่ซื่อหลางจะเข้าใจ บวกกับที่เป็นไข้ สมองเขายิ่งไม่แล่นเข้าไปใหญ่

“เอาเป็นว่า คุณชายเล็กจะเข้ามาดูอาการท่านเย็นนี้”

จื่อเยียนเอ่ย เห็นอีกฝ่ายเกร็งตัวขึ้นมาทันที “ทางที่ดี ท่านควรบอกเขาเอง ส่วนตอนนี้ พักผ่อนก่อนเถิด ท่านซื่อหลาง” จื่อเยี่ยนกระชับผ้าห่มคลุมให้อีกฝ่ายนอนสบาย แม้หลี่ซื่อหลางจะมีท่าทางไม่เห็นด้วย แต่ก็ยอมหลับตาลง ไม่นานเสียงหายใจก็สม่ำเสมอ ร่างโปรงหลับไปด้วยความเพลีย

“ราตรีสวัสดิ์ขอรับ”

เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิท จื่อเยี่ยนค่อยๆ เดินออกจากห้องอย่างแผ่วเบา

“คุณชายเล็ก?” เขาพบว่าคนเป็นนายยืนหน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว ดูท่าจะไม่ได้เพิ่งมาเสียด้วย “ไม่เข้าไปหรือขอรับ”

หย่งคังส่ายหน้าเบาๆ “ยัง ข้าอยากให้เขาพักผ่อนก่อน”

“ท่านซื่อหลางหลับไปแล้วขอรับ”

“หากข้าเข้าไป เกรงเขาจะตื่นมาหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้านทันทีน่ะสิ” สีหน้าเรียบเฉยมีร่องรอยความเจ็บปวดฉาบอยู่ เหมือนประโยคที่เอ่ยเป็นดั่งของมีคมทิ่มแทงหัวใจ

“ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเถิดขอรับ” จื่อเยี่ยนพยายามให้กำลังใจ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเลยสักนิด “คุณชายเล็กควรให้เวลากับเขา ความรักสิบปีที่ท่านมีต่อหลี่ซื่อหลางคงไม่สามารถถ่ายทอดให้อีกฝ่ายได้ภายในเวลาอันสั้นนะขอรับ”

“อืม” หย่งคังตอบรับในลำคอ

…ความรักของเขามีมากจนล้นทะลัก ยิ่งหลี่ซื่อหลางกลายเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ ก็ไม่รู้ว่าชาตินี้จะสามารถปล่อยอีกฝ่ายให้ห่างตัวได้อีกนานเท่าไหร่ เพียงแค่ประตูกั้นก็รู้สึกห่างไกล หย่งคังอยากประคองกอดร่างโปร่งให้แนบแน่น อยากให้รู้ว่าเขารักอีกฝ่ายมานานเพียงใด…

หากความรักคือการให้ ยอมให้อีกฝ่ายจากไปตามที่ต้องการ นั่นคงไม่ใช่นิยามรักของเขา! ถึงจะถูกเกลียดถูกกลัว เขาก็คงปล่อยอีกฝ่ายไปไม่ได้แล้ว

“จื่อเยี่ยน”

คนตัวเล็กขานรับ “ขอรับ”

“จับตาดูซื่อหลางให้ดี ไม่ว่าอย่างไรอย่าปล่อยให้คลาดสายตา” หย่งคังเหม่อมองไปยังประตูห้องราวกับจะมองทะลุให้เห็นถึงคนที่หลับไม่ได้สติอยู่ด้านใน “ถึงซื่อหลางจะดูซื่อ แต่เขาก็มักจะทำสิ่งที่ไม่คาดฝันเสมอ ข้าเกรงว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่”

จื่อเยี่ยนพยักหน้า “ได้ขอรับ”

“อ้อ…อีกเรื่อง ช่วงนี้ที่ดูแลซื่อหลางอยู่ ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าไปในห้องขังจางอวี๋เฉินอีก”

“ขอรับ?” จื่อเยี่ยนขมวดคิ้วประหลาดใจ

“เจ้าใจอ่อนกับมัน รู้ตัวหรือไม่”

หย่งคังมองการกระทำของจื่อเยี่ยนเป็นการใจอ่อน หากความจริง ‘ใจอ่อน’ คงไม่มีอาการ ‘ใจเต้นแรง’ พ่วงมาด้วยใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะคืออะไร จื่อเยี่ยนก็ปฏิเสธมันไม่ได้เลย

“เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”

“…ขอรับ”

สุดท้าย เขาก็ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งอยู่ดี






-------------------------------------------------------------







To be continued...







ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
เอ็นดูจื่อเยี่ยน ต่อไปคงได้เครียดเป็นเพื่อนเจ้านายแล้ว

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ง่อววววววววววว มาแล้ววววว ท่าทางหยังคังกะพี่ใหญ่จะยังอีกยาวไกลลลลล
จื่อเยี่ยนคนเก่งงงง ฮิฮิฮิ งานเข้าแล้ววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด