=จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: =จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61  (อ่าน 189338 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ขอให้ฉลามเป็นคนที่ใช่จริงๆนะ

รออ่านจ้า

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
รักบทที่ 3 หัวใจที่ไม่ได้ปิดตาย (ตอนที่ 6)


ผมใช้ช่วงวันหยุดยาวที่ชายทะเลสัตหีบกับพี่ฉลาม เราสองคนได้คุยกันถึงอนาคตของเรา ที่น่าดีใจคือผมไม่ได้เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน พี่ฉลามเป็นฝ่ายถามผมว่าอยากให้พี่เขาบอกกับทุกคนไหมว่าเราสองคนคบกัน แม้กระทั่งพ่อแม่ของเขา เขาก็พร้อมจะบอก ผมดีใจและตื้นตัน แต่ถึงจะรู้สึกดีแค่ไหน ผมก็ปฏิเสธที่จะประกาศเรื่องของผมกับพี่เขา ผมอธิบายให้พี่ฉลามเข้าใจ ทุกอย่างมันไม่ได้สำคัญเลยสำหรับผม ขอแค่อย่าโกหก อย่าหลอกลวงกัน ขอแค่ให้พี่เขารักษาคำพูด ถ้าเลิกรักผมขอให้บอก ถ้าเมื่อไหร่พี่เขาเริ่มอ่อนไหวกับคนอื่น ขอแค่บอก  ในวันนั้นพี่ฉลามก็ตกลงรับปากว่าจะไม่บอกใคร ให้การคบกันของเราเป็นแค่เรื่องของเรา


แต่หลังจากที่เรากลับมาจากสัตหีบ ปฏิบัติการแอบคบกันของเราก็เริ่มต้นขึ้น แม้ว่าเราสองคนจะทำตัวแบบเดิม ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่เวลาที่ไปเป็นกลุ่ม ผมก็ไม่ได้อยู่ใกล้พี่เขา พี่เขาอยู่กับเพื่อนเขา ผมอยู่กับเพื่อนผม คนที่รู้ก็น่าจะมีแค่พี่แหบกับบุ้ง แต่รู้ในที่นี่ก็คงแค่สงสัยว่าผมกับพี่ฉลามคบหรือไม่ได้คบกัน เพราะผมไม่เคยแสดงออกอะไรเลย มีแต่พี่ฉลามที่เป็นฝ่ายเผลอ ผมก็คอยเตือน พอเตือนบ่อยๆเข้า พี่ฉลามก็เริ่มไม่เข้าใจ เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องที่เราชอบเถียงกันได้ตลอด แม้จะไม่ได้ทะเลาะกันใหญ่โต แต่มันก็คงสะสมในใจของพี่ฉลามมาโดยตลอด


“ทำไมละ ก็กลอนไม่อยากให้แม่รู้ ก็แค่ไม่บอกแม่กลอนก็พอ” พี่เขาถามผม

“ความลับถ้าออกจากปากเราไปเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ความลับแล้วครับ”

“งั้นบอกแค่พ่อแม่ของพี่ก็ได้”

“ไม่เอาอะ”

“ทำไมละ”

“กลอนพูดกับพี่หลายครั้งแล้วอ่าแค่นี้เราก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ”

“การที่นั่งใกล้แฟนไม่ได้ จับมือก็ไม่ได้ เย้าแหย่ต่อหน้าเพื่อนก็ไม่ได้ กลอนมีความสุขเหรอ” พี่ฉลามย้อนถามผม ผมหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะขยับเข้าไปจับมือฉลามแล้วยกขึ้นมาจูบหลายๆที

“ถ้าคนอื่นรู้ ยิ่งรู้มาก เราจะยิ่งไม่มีความสุข เชื่อกลอนเถอะครับ พ่อแม่ท่านรับไม่ได้หรอก ถึงท่านจะเมตตากลอน เพราะท่านคิดว่ากลอนเป็นเพื่อนของลูกชายท่าน ไม่ใช่คู่รัก รอให้เราเรียนจบก่อน เรามีงานการทำที่ดี เราอยากทำอะไรก็ได้”

“ใครละที่จบ อีกสองเดือนพี่ก็จะจบแล้ว แต่ของกลอนอีกตั้งปีหนึ่ง ถ้าพี่จบพี่บอกพ่อกับแม่เลยได้ไหมละ” พี่ฉลามถาม ผมเห็นหน้าพี่เขาแล้วก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้พี่เขาอึดอัด พอพี่ฉลามเห็นผมเงียบไปก็ถอนหายใจ

“พี่รักกลอน ไม่ได้อยากให้ใครรู้หรอกว่าเราเป็นเกย์ แต่อยากแสดงความรักกับกลอนได้ทุกที่ที่อยากแสดง ไม่อยากระวังตัวบ้าบอจนพี่เกร็งไปหมด พี่ไปค้างกับกลอนก็ไม่ได้ กลอนกลัวเพื่อนอึดอัด กลอนเองก็ไม่ยอมมานอนที่นี่ทุกวัน มาเดือนหนึ่งสองสามครั้งเอง ชวนไปเช่าคอนโดใหม่อยู่ด้วยกันก็ไม่ไป”

“กลอนขอโทษครับ” ผมอยากจะร้องไห้ ไม่ใช่ผมไม่อยากทำอะไรแบบนั้น แต่ครั้งล่าสุดที่ผมกลับบ้าน แม่ก็กอดผม บอกว่าชีวิตแม่เหลือแค่ผมที่เป็นสิ่งที่ทำให้ท่านอยากมีชีวิตอยู่ต่อนานๆ ผมกลัวนะ เพราะแม่ของผมเป็นคนหัวโบราณ ผมกลัวท่านจะรับไม่ได้แล้วจะคิดสั้นอีก ผมอาจจะคิดมากไป แต่ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเอาไว้เลย ถ้าแม่ยังมีพ่อ ผมก็ยังไม่เครียดเท่านี้ นี่แม่ไม่มีใครจริงๆนอกจากผม

“พี่ขอโทษนะ ช่างมัน ไม่บอกใครก็ไม่บอก” พี่ฉลามพูดแล้วหอมแก้มผมแล้วก็กอดผมเอาไว้นานเลย

“เดี๋ยวพี่จะออกไปเอากล้องที่บ้านไอ้กันต์ ไปด้วยกันใหม่ อาจจะอยู่กินเหล้ากับมันนิดหน่อย มันชวนมาหลายหนแล้ว” พี่ฉลามถามผม

“กลอนไม่ไปได้ไหมครับ กลอนอยากอ่านหนังสือ จะสอบแล้ว”

“ก็ได้ พี่ไปไม่นานหรอก มานอนที่นี่ไหม ตอนกลับพี่จะแวะรับที่คอนโด เดี๋ยวบอกแม่ว่ากลอนขับไปรับพี่มา เพราะพี่กินเหล้า” พี่ฉลามบอกผม ผมสงสารพี่เขาเลยไม่ปฏิเสธ พี่เขายิ้มดีใจ ก่อนจะหอมผมอีกหลายที


เราสองคนคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนได้เวลาที่พี่เขาต้องไปบ้านเพื่อน ผมก็เลยจะกลับไปอ่านหนังสือ แต่เจอแม่พี่ฉลามเรียกให้อยู่ก่อน แม่ทำแกงส้ม ท่านอยากให้ผมเอาไปทานที่คอนโดด้วย ผมเลยต้องอยู่รอ สักพักแม่ก็หิ้วถุงแกงส้มมาให้ผม สีหน้าของแม่ดูเหมือนมีเรื่องจะพูดกับผม


“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมเริ่มกลัวตะหงิดๆ หวังว่าแม่คงไม่รู้เรื่องผมกับพี่ฉลามนะ

“กลอน แม่มีเรื่องจะให้กลอนช่วยหน่อย” แม่ดึงผมไปคุยที่ห้องทำงาน

“อะไรเหรอครับ”

“แม่อยากให้ฉลามไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ แต่ฉลามไม่ยอมไป ฉลามต้องกลับมารับงานต่อจากพ่อ แม่อยากให้เขาได้ภาษา ได้คอนเน็คชั่น ได้ประสบการณ์อะไรหลายอย่างๆ เคยคุยกันตอนเข้าสอบเข้ามหาลัยได้ใหม่ๆ เขาก็ตกลงว่าจะไปเรียนต่อ แต่จู่ๆก็มาดื้อไม่ยอมไป พ่อเขาโกรธอยู่ที่ฉลามไม่รักษาคำพูด พ่อเขาก็อยากพักแล้ว แม่ก็กลุ้มใจ ไม่อยากให้พ่อลูกทะเลาะกัน” แม่เล่าให้ผมฟังด้วยสีหน้ากังวล ผมฟังแล้วรู้สึกแปลบๆ เพราะผมหรือเปล่า

“กลอนจะช่วยยังไงได้ครับ” ผมถาม

“กลอนลองกล่อมพี่เขาให้หน่อยได้ไหมลูก แม่เห็นพี่เขาฟังกลอน นุ๊กลองพูดให้ก็ไม่ได้ผล”

“กลอนกลัวพี่ฉลามจะไม่ฟังกลอน แต่กลอนจะลองดูครับ” ผมรับปากแม่ แม้ในใจจะรู้สึกโหวงเหวง แต่มันคืออนาคตของพี่เขา

“ขอบใจมากลูก แม่ไม่อยากให้พ่อเขาไม่สบายใจ”

“ได้ครับแม่ ถ้าอย่างนั้นกลอนขอตัวกลับก่อนนะครับ”

“ขอบใจมากนะกลอน แม่ฝากด้วยนะ” ผมเดินออกมาจากบ้าน คิดอะไรปนเปกันไปหมด ผมก็อยากให้พี่ฉลามไปเรียนต่อ แต่อีกใจก็กลัวความห่างไกล แต่มาชั่งความรู้สึกทั้งสองอย่าง ผมอยากให้พี่เขาไปเรียนต่อมากกว่า ถ้าผมกับพี่เขาหนักแน่นพอ แต่สองปี ผมก็เรียนจบเหมือนกัน มันอาจจะดีสำหรับเราสองคนก็ได้

“เหม่ออะไรหนุ่มน้อย”

“พี่นุ๊ก” ผมมัวแต่จมอยู่กับความคิด เลยไม่ทันเห็นว่าพี่นุ๊กยืนอยู่ในสนามบาส พี่เขามาวิ่งออกกำลังกาย

“ไม่กินข้าวด้วยกันที่นี่เหรอ”

“อ๋อ กลอนจะกลับไปอ่านหนังสือครับ”

“หนอนหนังสือสินะ” พี่นุ๊กยิ้มให้ผม แต่ผมอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกตัวเองในใจว่าคงไม่มีอะไรหรอก ใครๆก็เรียกผมแบบนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้ว

“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอครับ” ผมถาม

“ขี้เกียจ แล้วที่เหม่อแบบนี้ เพราะเรื่องไปเรียนต่อของฉลามรึเปล่า” พี่นุ๊กถาม ผมหันไปมองพี่เขาก่อนจะพยักหน้า

“โดนขอร้องให้เกลี่ยกล่อมละสิ” พี่นุ๊กพูดต่อ ผมก็พยักหน้าอีก

“คงยาก เจ้าฉลามมันดื้อจะตาย ลองบอกไม่ก็ไม่” พี่นุ๊กวิ่งเหยาะๆอยู่กับที่พร้อมกับชวนผมคุยต่อ

“นั่นนะสิครับ” ผมถอนหายใจ

“แต่ก็ลองดู มันอาจจะแพ้ทางกลอน มันไม่มีน้อง อ้อนหน่อยแล้วกัน” พี่นุ๊กพูดแล้วยิ้ม ผมกลับรู้สึกว่า ยิ้มนี่มันมีความหมายแฝง หรือพี่นุ๊กจะรู้ว่าผมกับพี่ฉลามเป็นอะไรกัน

“ยาก กลอนเถียงอะไรไม่เคยชนะหรอกครับ” ผมรีบบอก

“น้าพิณก็คงไม่อยากบังคับลูกชายหรอก ตามใจกันมาตลอด ติดที่น้าพยนต์ไม่ค่อยสบาย ท่านเป็นโรคหัวใจ โรคหอบด้วย ทำงานหนักๆไม่ไหวแล้ว พี่ให้ท่านบอกฉลามไปตรงๆ ท่านก็ไม่ยอมบอก พ่อลูกนิสัยเหมือนกัน ไม่ชอบให้ใครมาสงสาร” พี่นุ๊กหยุดวิ่งแล้วบอกเรื่องที่ทำให้ผมยิ่งหนักใจเข้าไปอีก

“มิน่าละ กลอนเห็นท่านหน้าซีดบ่อยๆ ตอนเล่นหมากรุกกัน มือท่านมีแต่เหงื่อ หายใจแรง ยังบอกให้ฉลามพาลุงไปตรวจ พี่ฉลามก็บอกว่าพ่อไปตรวจสุขภาพทุกเดือน” ผมนึกถึงอาการของพ่อพี่ฉลามก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงท่าน ท่านใจดีกับผมมาก

“กลอนลองคุยกับฉลามแล้วกัน” พี่นุ๊กตบบ่าผมเบาๆ

“ครับ กลอนจะพยายาม” แล้วผมก็เดินกลับคอนโดด้วยความหนักใจ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลยจนไอ้เด่นมันถามว่าผมเป็นอะไร ดูเหมือนคนกระวนกระวายใจ ผมไม่ได้ตอบมันหรอก บอกแต่ว่าวันนี้อาจจะไปค้างบ้านเพื่อน จะไปติวหนังสือ ถึงเด่นจะรู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องพี่ฉลามกับมัน กลัวมันหลุดปากไป ไม่รู้ซะก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจที่จะต้องมาปิดบังให้ผม

“เพื่อนมึงคนไหนวะ กูรู้จักเปล่า” เด่นถาม

“ก็พวกบุ้งนั่นแหละ” ผมบอก เด่นพยักหน้ารับรู้ ผมอาบน้ำแล้วรอเวลาที่พี่ฉลามจะมารับ สักสี่ทุ่มพี่เขาก็โทรมา ผมบอกเด่นแล้วก็ลงไปหาพี่ฉลาม

“ไปเยาวราชกัน กลอนอยากกินก๋วยจั๊บ” ผมชวน พี่ฉลามเลิกคิ้ว มองผมเหมือนได้ยินผิดไป พอผมพูดอีกรอบพี่เขาถึงได้พยักหน้า

“นึกยังไง ปกติพี่ชวนไปกินอะไรก็ไม่ไป”


ผมไม่ได้บอกเหตุผลอะไร พี่เขาก็ไม่ได้ถามอีก แต่ก็ขับพาผมไป ผมก็คิดมาตลอดทางว่าจะเริ่มต้นพูดกับพี่เขายังไง ผมรักพี่ฉลามนะ รักมาก ไม่ได้อยากให้พี่เขาไปอยู่ไกลๆเลย แต่ผมแค่นึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าพ่อแม่พี่ฉลามเป็นพ่อกับแม่ของผม ผมก็คงเลือกที่จะทำให้ท่านสบายใจ แต่คิดว่าพี่ฉลามคงไม่ได้คิดเหมือนผมแน่ๆ ก็อย่างที่พี่นุ๊กบอก พี่ฉลามเองนิสัยเหมือนคุณลุง เท่าที่ผมได้มาทำความรู้จักกับครอบครัวพี่ฉลาม ถึงจะดูเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ ใจดี ยิ้มแย้ม ดูไม่น่าจะเรื่องมากอะไร แต่ถ้าเรื่องงานหรือธุรกิจจะเด็ดขาด หรือเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทอง ทั้งพ่อและแม่หรือตัวพี่ฉลามเองไม่ชอบให้ใครมาชี้นำหรือชักจูง อย่างถ้ามีญาติห่างๆมาขายประกันชีวิต คุณลุงจะถามรายละเอียดแบบถี่ยิบ ไม่ฟังคำชักจูงหรือคำหว่านล้อม แต่จะดูเองว่าดีหรือไม่ดี ทำแล้วจะได้ผลประโยชน์ที่ดีหรือเปล่า ถ้าโดนเซ้าซี้มากๆก็ไม่ทำ แถมยังดุกลับไปอีก ผมจำได้ว่า คุณลุงเคยบอกกับผมว่า คุณลุงยอมตามใจให้พี่ฉลามเลือกเรียนนิเทศ ให้ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบ แต่เมื่อจบแล้ว พี่ฉลามก็ต้องไปศึกษาเรื่องธุรกิจด้วย เพราะถึงยังไงก็ต้องมาสานต่องานให้กับครอบครัว


“มีอะไร ทำไมดูเหม่อตลอดเลย เลยร้านแล้ว ชอบร้านนี้ไมใช่เหรอ” พี่ฉลามถามผม ผมหยุดเดินก่อนจะยิ้มให้พี่ฉลาม คิดมากจนไม่ได้สังเกตสิ่งรอบตัวเลย

“เดินมองของกินเพลินไปหน่อย”

“โกหกไม่เนียนเลย” พี่ฉลามเอาไหล่มากระแทกที่ไหล่ของผมเบาๆก่อนจะดึงแขนเสื้อของผมให้เดินตามมานั่งที่โต๊ะ พี่เขาเคยจับมือผม แล้วผมเผลอตกใจดึงออกเพราะกลัวคนมาเห็น จากนั้นมาพี่เขาก็ไม่กล้าจบมือผมเลย ผมรู้สึกผิดมากๆ แต่ถามแล้ว พี่เขาก็บอกว่าไม่ได้โกรธ

“กินก่อน กลอนมีเรื่องจะคุยกับพี่ด้วยแหละ” ผมบอก

“กินกลอนหรือกินก่อน” พี่เขาถามแล้วยิ้ม ผมค้อนพี่เขาแต่ก็ยิ้มตอบกลับไป เรานั่งกินจนอิ่ม มีลูกค้ามายืนรอโต๊ะ พี่เขาเลยสั่งคิดเงินแล้วบอกว่าไปคุยในรถก็ได้ ผมก็เห็นดีด้วย เราเลยเดินกลับไปที่รถ แต่ระหว่างทางผมเป็นฝ่ายจับข้อมือพี่ฉลาม พี่เขาทำหน้าแปลกใจสุดๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

“ไหน มีเรื่องอะไรจะคุย” พี่เขาถามหลังจากที่ขับพาผมออกมาจากเยาวราชแล้ว ผมกลั้นหายใจนิดหนึ่ง รู้สึกเครียดเหมือนกัน มันกลัวหลายอย่าง ที่สำคัญสุด คือกลัวพี่เขาโกรธ

“เมื่อเย็นกลอนคุยกับแม่ของพี่” ผมพูดออกมา พี่ฉลามไม่ได้หันมามองผม แต่ผมรู้ว่าพี่เขาตั้งใจฟังอยู่

“เรื่องไปเรียนต่อของพี่”

“แม่คิดว่าให้กลอนมาพูดแล้วพี่จะเปลี่ยนใจเหรอ” พี่ฉลามพูดขึ้นมา ผมหายใจไม่ทั่วท้องเลย

“พี่บอกกลอนได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงไม่ไป” ผมเลิกคิดที่จะพูดเกลี่ยกล่อม แต่ถามถึงเหตุผลแทน

“เหตุผลคือไม่อยากไป ถ้าเป็นกลอน กลอนจะไปไหม” พี่ฉลามตอบก่อนจะถามผมบ้าง

“ไปครับ” ผมนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ พี่ฉลามหันมามองหน้าของผม

“เหตุผล” พี่เขาถาม

“กว่าธุรกิจหนึ่งจะเติบโตมาได้ พ่อของพี่คงลำบากไม่น้อย ท่านทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว พี่ปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม ว่าครอบครัวของพี่สบายมีพร้อมทุกอย่างได้เพราะธุรกิจนี้ ตอนนี้คงเป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องทำต่อ พ่อของพี่ควรจะได้พักแล้วครับ” พี่ฉลามนิ่งไป

“ที่กลอนมาพูดไม่ได้ทำเพราะแม่ของพี่ขอร้องนะ กลอนมาพูดเพราะกลอนรักพี่ กลอนอยากให้พี่ประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้านเลย” ผมอธิบายต่อ พี่ฉลามถอนหายใจ

“พ่อพี่ไม่สบายรู้ใช่ไหม” พี่ฉลามถามผม ผมแปลกใจ เพราะนึกว่าพี่เขาไม่รู้

“รู้ครับ”

“พี่ถึงไม่อยากไป” พี่ฉลามพูดจบผมก็เข้าใจว่าพี่เขาหมายความว่าอะไร พี่เขาคงไม่อยากไปอยู่ไกลๆ เพราะทั้งบ้านก็มีแค่แม่กับพี่ฉลาม พี่เขาคงเป็นห่วงหากคุณลุงเป็นอะไรขึ้นมา

“อาการหนักมากเลยเหรอครับ” ผมถามเสียงเบาเลย นึกสงสารคนที่ผมรักจับใจ ถ้าแม่ผมไม่สบาย ผมก็คงไม่ทิ้งไปไหนเหมือนกัน

“พี่ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าท่านไปหาหมอบ่อยมาก ไปทีหนึ่งมีถุงยากลับมาเต็มเลย ปกติท่านไม่เคยตื่นสาย แต่ระยะหลังมานี่พ่อพี่ตื่นสายบ่อยๆ มันผิดปกติ”

“ผมอยากให้พี่คุยกับคุณลุง ถ้ามัวแต่คิดแทนกันไปมามันไม่มีอะไรดีขึ้นนะครับ พี่คุยว่าพี่คิดยังไง แล้วกลอนก็อยากให้พี่ฟังท่านในสิ่งที่ท่านต้องการเหมือนกัน” ผมบอก พี่ฉลามหันมามองหน้าผม ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

“แม่พี่เก่งนะ” พี่ฉลามพูดจบผมก็งงไปเลย จู่ๆมาเปลี่ยนเรื่อง

“เก่งอะไรเหรอครับ”

“รู้จักใช้ถูกคน รู้ไหม แม่ทั้งปลอบ ทั้งขู่ ทั้งขอร้อง พ่อก็ด้วย พี่นุ๊กด้วย พี่ไม่ฟังใครเลย แล้วนี่เป็นใครเนี่ย หื้ม.. หว่านล้อมเก่งจริงๆ” พี่ฉลามมายีหัวของผมแทน ผมยิ้มเมื่อได้ยินคำอธิบาย

“เป็นแฟนพี่ไง เชื่อแฟนได้ดีทุกคน” ผมก็มีมุมอ้อนนะ พี่เขาหัวเราะ

“ไปกับพี่ไหม ไปเรียนที่โน้นด้วยกัน” พี่ฉลามถาม ผมอึ้งไปเลย

“ตลกแล้ว กลอนยังเรียนไม่จบเลย พี่ไปเหอะ กลอนรออยู่นี่แหละ”

“พี่อาจจะขอพ่อ อีกสองปีค่อยไป” พี่ฉลามบอก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่รีบไปรีบกลับ กลอนรอได้”

“ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอถ้าพี่จะไปจริงๆ”

“พี่ไปเรียนนี่นา ไม่ได้หนีไปแต่งงานสักหน่อย”

“ไม่รู้ดิ พี่ไม่เชื่อว่ารักระยะไกลมันจะมีจริง ร้อยทั้งร้อยก็ทนไม่ได้ เลิกกันหมด” พอได้ยินพี่ฉลามพูดแบบนี้ผมใจไม่ดีเลย

“พี่ไม่เชื่อใจกลอนเหรอ”

“พี่ไม่เชื่อใจตัวเอง” ผมก็รู้นะว่าพี่ฉลามเป็นคนพูดตรง แต่ตรงมาแบบนี้ผมใจแป้วเลย

“แต่กลอนเชื่อใจพี่” ผมบอก พี่เขาหัวเราะแล้วก็จับมือผมมาจูบ

“เฮ้อ ก็เป็นแบบนี้ พี่จะทนอยู่ห่างๆได้ไงวะ” พี่ฉลามยิ้มให้ผมก่อนจะหันกลับไปขับรถ ผมแอบลอบมอง สีหน้าของพี่เขาไม่ได้สดใสเหมือนน้ำเสียง ผมเป็นฝ่ายจับมือพี่ฉลามมาแนบที่แก้มแล้วก็จูบ กอดแขนพี่เขาไว้ตลอดทางจนถึงหน้าบ้าน

“วันนี้กลอนกลับไปนอนที่คอนโดก่อนนะ พี่อยากคุยกับพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเจอกัน พี่จะพาไปกินโจ๊กเจ้าอร่อย” พี่ฉลามบอก ผมพยักหน้า แต่ใจของผมมันไหววูบ ได้แต่หยิบกระเป๋าของตัวเองออกมา ยืนมองดูรถพี่ฉลามหายเข้าไปในบ้าน ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่า จากนี้ไป ผมจะทำได้แค่มองข้างหลังพี่เขาแบบนี้แค่นั้นก็ไม่รู้

.....
...
..

(มีต่อข้างล่างค่ะ)

V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2015 18:42:51 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)



“อ้าว กลับมาทำไม ลืมของเหรอ” เด่นละสายตาจากทีวีมาถามผมเมื่อเห็นผมเดินกลับเข้ามา

“พอดีอยากกลับมาอ่านเองที่บ้าน เลยเปลี่ยนใจ”

“มึงมีไรเปล่าวะกลอน กูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งแต่จู๋เท่าหนอนนะ กูรู้ว่ามึงมีปัญหาอยู่”

“ไอ้บ้า เปรียบเสียน่าเกลียด” ผมว่ามันแล้วขำ

“น่าเกลียดตรงไหน ตอนนี้ไม่เท่าหนอนแล้วใช่ไหม ไหนกูดูหน่อยดิ๊”

“ไอ้เด่น อย่าเล่นนะ ไม่เอานะ ไอ้เด่น ฮ่าๆๆๆ” ผมวิ่งหนีมัน โตจะตายแล้วมาเล่นอย่างกับตอนเด็กๆ

“ทำไม ไม่ต้องมาอายกูเลยนะ เมื่อก่อนยังแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันอยู่” มันวิ่งไล่ผม ผมหนีเข้าห้องนอน จะปิดประตู แต่มันดันมาได้ สู้แรงมันไม่ไหว ผมเอาหมอนตีมัน มันร้องโวยวาย ผมนึกสนุกตีมันไม่หยุด จนมันทนไม่ได้โถมตัวเข้าใส่ผมจนทั้งผมทั้งมันกระเด็นลงไปนอนที่เตียงโดยมันตัวมันทับผมอยู่ อย่างกับในหนังไม่มีผิด

“หนักว่ะ ลุกไปเลย” ผมบอกมัน ผมคงจะไม่รู้สึกแปลกๆ ถ้าไม่เห็นสายตาของมัน แต่มันก็แค่แป๊ปเดียว สายตาขี้เล่นของมันก็กลับมาเหมือนเดิม

“มึงดูนี่ กูไปออกกำลังกายมา” มันลุกขึ้นจากตัวผมมานั่ง แล้วโชว์กล้ามท้องและกล้ามแขนยกใหญ่

“ก็งั้นๆ”

“มึงขี้ก้างแบบนี้ไม่รู้หรอกว่ากล้ามเนื้อมันคืออะไร เสร่อว่ะมึง” มันว่าผม ผมเบ้ปากใส่มัน

“สาวเพียบเลยละสิ” ผมถามมัน มันยักคิ้ว

“มึงบอกกูมาว่าเป็นอะไร ถ้าไม่บอกกูจะจับมึงแก้ผ้าจริงๆ” มันวกกลับมาถามผม แถมขู่ด้วย

“มีเรื่องให้คิด ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอก ถ้าคิดไม่ตกแล้วจะมาเล่าเอง โอเคปะพ่อ” ผมถามมัน แถมประชดมันเล็กน้อย มันหัวเราะ

“กูรู้ว่ามึงมีแฟน”

“รู้ได้ไง” ผมถามมัน

“หน้ามึงมีความสุขมากๆอะดิ เพิ่งเห็นวันนี้แหละที่เหมือนคนอมทุกข์” ผมปิดมันไม่ได้จริงๆ ทั้งที่ไม่ค่อยได้เจอกัน น่าแปลกที่มันจับอาการผมได้

“อืม แต่ไม่ได้ทะเลาะอะไรหรอก แค่เขาจะไปเรียนต่อเมืองนอก” ผมบอกมัน

“มีเมียใหม่แน่มึง” ไอ้เด่นตอกย้ำผม ผมเลยเอาหมอตีมันอีกจนมันหัวเราะ

“จริงเหรอ ที่ความไกลทำให้คนเราต้องเลิกกัน” ผมหยิบเอาหมอนมาตีมันอีกรอบแล้วถอนหายใจ

“มั่นใจตัวเองหน่อยสิวะ มึงน่ารักแบบนี้ แฟนมึงไม่มีคนอื่นหรอก” ผมหันไปมองมัน ปกติมันไม่ค่อยจะชมผมหรอก คงสงสารผมมั๊ง

“แต่มันก็มีคนน่ารักกว่าเราเปล่าวะ” ผมถามมัน

“เออ ก็จริง” มันทำหน้าคิดก่อนจะตอบ ผมหน้าเหวอเลย อ้าว..ดูมันดิ ปลอบผมได้ไม่ถึงนาทีเลย

“พอเลย แกยิ่งปลอบ เรายิ่งเครียด” ผมว่ามัน ก่อนจะเอาหมอนตีมันอีก มันโวยวายก่อนจะดึงหมอนในมือผมไป ผมเซไปตามแรงจนล้มไปทับตักมัน พอผมจะลุก มันเอาหมอนกดผม ผมดิ้นๆสู้จนมันยอมเอาหมอนออก

“ไปดีกว่า ไม่อยากให้หนอนน้อยไม่ได้อ่านหนังสือ สอบตกจะมาโทษกูอีก” มันดันตัวผมขึ้นแล้วลุกออกไปยืนว่าผม ผมแลบลิ้นให้มัน มันโยนหมอนใส่หน้าผมแล้ววิ่งออกไปเลย ผมได้แต่หัวเราะในความกวนของมัน พอมันออกไปแล้วผมก็ถอนหายใจอีกรอบ ไม่รู้ว่าพี่ฉลามจะคุยกับคุณลุงยังไงบ้าง ผมลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปที่ระเบียง เสียงโมบายหอยกระทบกันตามแรงลมดังแกร๊กๆ

“พี่ฉลาม” ผมมองไปเห็นพี่ฉลามยืนอยู่ที่ระเบียงอยู่แล้ว มีแสงวาบๆที่มือ น่าจะเป็นบุหรี่ ผมนึกว่าพี่เขาเลิกสูบแล้ว พี่เขามองมา ผมโบกมือให้ แต่เขาไม่ได้โบกกลับ เขาโกรธผมเหรอ ผมได้แต่นึกในใจผมลองโบกมือให้ใหม่ เขาอาจจะไม่ได้มองมา แต่พี่เขาก็ไม่ได้โบกตอบ ผมนึกเอะใจ เลยเดินไปหยิบโทรศัพท์มาลองโทรหา แต่พี่เขาก็ไม่รับ ผมไม่สบายใจเลย กดโทรหาซ้ำๆ แล้วพี่เขาก็เดินกลับไปในห้อง ผมเลยได้แต่มองความว่างเปล่าของระเบียงห้องพี่ฉลามอยู่คนเดียว

..

ผมไม่สบายใจเลย นอนไม่หลับ พี่เขาไม่ยอมโทรกลับมา ผมก็ไม่โทรไปอีก ถ้าเขาอยากคุยคงโทรกลับมาแล้ว ผมไม่คิดว่าพี่เขาจะโกรธผมขนาดนี้ ผมเผลอหลับไปตอนกี่โมงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นมาก็ปาไปเก้าโมงเช้าแล้ว ผมรีบหยิบโทรศัพท์มาดู กลัวว่าพี่ฉลามโทรมาแล้วจะไม่ได้รับสาย เพราะพี่เขานัดว่าจะพาไปกินโจ๊ก แต่ปรากฏว่าไม่มีสายโทรเข้าเลย ผมรีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้า ออกมาก็เจอแต่ข้อความของไอ้เด่นเขียนบอกว่ามันทำอาหารเช้าเอาไว้ให้ แต่ตัวมันก็ไม่อยู่เหมือนกัน ผมร้อนใจเลยไม่ได้กินอาหารเช้าที่เด่นมันทำเอาไว้ให้ แต่เดินไปที่บ้านของพี่ฉลามเลย


“คุณผู้ชายท่านไปนอนที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย อยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด” คนสวนที่บ้านของพี่ฉลามบอกผม ผมตกใจมาก รีบถามชื่อโรงพยาบาล กำลังจะเดินออกไปเรียกแท็กซี่ รถพี่นุ๊กก็แล่นออกมาพอดี

“จะไปโรงพยาบาลใช่ไหม ไปพร้อมพี่เลย” พี่นุ๊กลดกระจกมาถาม ผมรีบพยักหน้าแล้วขึ้นไปนั่งในรถ

“คุณลุงอาการกำเริบเหรอครับ” ผมถาม พี่นุ๊กพยักหน้า

“ทะเลาะกับฉลาม เห็นน้าพิณบอกว่าทะเลาะกันแรงกว่าทุกทีเลย” ได้ยินพี่นุ๊กเล่าผมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

“อย่าคิดมาก ไม่ใช่เพราะกลอนหรอก” พี่นุ๊กพูดเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่ผมไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป ได้แต่นั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงโรงพยาบาล ผมเดินตามพี่นุ๊กไปจนถึงห้องพัก รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยคุณลุงก็ไม่ได้อยู่ในห้องฉุกเฉิน

“เป็นยังไงครับ” พี่นุ๊กถามแม่ของพี่ฉลาม ผมยกมือไหว้ท่าน ท่านรับไหว้ก่อนจะยิ้มให้นิดหน่อย

“ดีขึ้นแล้ว เมื่อคืนโรคหอบกำเริบ หายใจไม่ออก นี่ก็เพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่เอง”

“แล้วเจ้าฉลามไปไหน” พี่นุ๊กถามในสิ่งที่ผมอยากรู้พอดี

“ไปคุยกับอาหมอ นุ๊กมาก็ดีแล้ว ฝากดูลุงเขาหน่อย กลอนไปช่วยแม่หิ้วของเยี่ยมไปไว้ที่รถหน่อยได้ไหมจ๊ะ” แม่ของพี่ฉลามบอกผม ผมรีบเข้าไปช่วยถือพวกตะกร้าของที่มีคนเอามาเยี่ยม แค่ช่วงสายๆเอง ทำไมตะกร้าเยอะมาก

“ผมเอาไปไว้ให้ก็ได้ น้าพิณจะได้ไม่ต้องไป” พี่นุ๊กอาสา

“ไม่เป็นไร” แม่พี่ฉลามตอบเสียงเรียบๆจมผมเริ่มรู้สึกว่าแม่ของพี่ฉลามตั้งใจจะให้ผมไปกับท่าน ลางสังหรณ์ของผมถูก เมื่อไปถึงรถ เก็บของเรียบร้อยแล้ว แม่พี่ฉลามก็ชวนผมไปนั่งที่ร้านกาแฟที่อยู่ชั้นล่างของโรงพยาบาล

“เมื่อคืนฉลามไปคุยกับพ่อของเขาเรื่องที่ต้องไปเรียนต่อที่มองนอก” คุณแม่ท่านเริ่มพูดก่อน

“ครับ”

“ทีแรกแม่ก็ดีใจที่ฉลามยอมไปเรียน” แม่พี่ฉลามพูดจบท่านก็บีบมือตัวเอง ท่านเม้มปากเหมือนคนพูดไม่ออก สักพักก็น้ำตาไหลออกมาจนผมตกใจ

“แม่ครับ” ผมรีบแตะที่มือของท่าน ท่านดึงมือออกมาจับมือของผมแทน มือท่านสั่น ผมรู้สึกได้

“ฉลามยื่นข้อแม้กับพ่อว่า พ่อต้องยอมรับเรื่องของฉลามให้ได้ด้วย” แม่พูดจบผมเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

“ฉลามบอกว่า เขาคบอยู่กับกลอน แบบ..คนรัก” คุณน้าพูดจบก็ปิดปาก กลั้นสะอื้น ผมตกใจมาก มือผมสั่นไม่แพ้มือของคุณแม่ของพี่ฉลามเลย สติของผมกระเจิดกระเจิง พูดอะไรไม่ออก

“แม่ครับ กลอนขอโทษ” ผมพูดออกมาได้เท่านี้ ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ น้ำตาของท่าน อาการเสียใจของท่าน มันไม่ได้เสแสร้งเลย ท่านเสียใจจริงๆ ผมเห็นท่าแล้วนึกถึงแม่ของผมวันที่ถูกพ่อทิ้งไป ท่านก็ร้องไห้ไปกอดผมไปแบบนี้

“แม่ไม่ได้รังเกียจกลอนนะลูก แต่แม่..”

“กลอนเข้าใจครับ” ผมพูดแทนเมื่อท่านพูดต่อไม่ได้ ผมเสียใจ เสียใจที่ทำให้คนที่ดีกับผมร้องไห้ในสิ่งที่ผมเป็น

“กลอน..” คุณแม่พยายามเช็ดน้ำตา ดวงตาที่แดงก่ำมองมาที่ผม

“ครับ” ผมไม่กล้าสบตาท่าน จนท่านแตะที่มือผมอีกรอบ ผมถึงได้เงยหน้าไปสบตา

“ถ้าพ่อถาม บอกกับพ่อว่ามันไม่จริงได้ไหม บอกว่าฉลามแค่ไม่อยากไป เลยโกหก แล้วช่วยพูดให้ฉลามไปเรียนต่อ ทำเพื่อพ่อเขาสักครั้ง ได้ไหมลูก แม่กลัวว่าพ่อ..”

“ครับ ได้ครับ” ผมรีบรับคำอย่างไม่คิดอะไรเลยจนแม่เป็นฝ่ายเองนิ่งอึ้งไป คงไม่คิดว่าผมจะยอมง่ายๆ ผมเจ็บนะ เสียใจและเจ็บมาก ผมรู้เลยว่าต่อจากนี้เรื่องของผมกับพี่ฉลามจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่เคยเป็น ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ ผมถึงพยายามให้พี่ฉลามเก็บเรื่องของผมกับพี่เขาเอาไว้ ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่เขาถึงใจร้อนพูดออกไป

“แม่กลัวว่าฉลามจะไม่ยอม”

“พี่ฉลามจะยอมครับ กลอนจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ” ผมบอกท่าน พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างที่สุด ผมเข้าใจได้ในตอนนั้นว่า น้ำตาตกในเป็นยังไง การที่ผมเป็นเกย์ทำให้ผมได้เข้าใจตัวเองสองอย่าง ผมสามารถอ่อนแอได้อย่างที่ไม่เคยเป็นและก็เข้มแข็งได้อย่างที่ไม่คิดว่าผมจะทำได้ ใจของผมกำลังจะแหลกสลาย ผมคิดถึงวันนี้เสมอ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ผมอยากร้องไห้ อยากเสียใจ แต่ผมแสดงออกมาไม่ได้จริงๆ

“ขอบคุณมากนะลูก แม่ขอบคุณจริงๆ แม่ขอโทษนะที่ต้องขอร้องแบบนี้”

“ไม่เป็นไรครับแม่กลอนเข้าใจ แต่แม่ครับ”

“ว่าไงลูก”

“แม่อย่าโกรธพี่ฉลามนะครับ พี่เขาก็คงไม่ได้อยากทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง กลอน..กลอนเชื่อว่า พี่เขายังรักผู้หญิงได้ กลอนขอโทษนะครับ..ที่..” ผมพยายามจะคุมอารมณ์ให้พูดออกไปแบบปกติที่สุด

“ขอบคุณนะกลอน แม่ขอบคุณลูกจริงๆ” แม่ของพี่ฉลามไม่ได้รอให้ผมพูดจบ


ผมว่าท่านคงเข้าใจสิ่งที่ผมจะบอก ท่านบีบมือผม ลูบศีรษะของผม ยิ่งทำให้ผมปวดใจเป็นที่สุด สักพักท่านก็ชวนผมขึ้นข้างบน แต่ผมขอตัว ผมบอกไปตรงๆว่ายังไม่อยากให้พ่อตื่นมาแล้วเห็นหน้าของผม ขอให้ท่านออกจากโรงพยาบาลก่อน แม้แม่จะบอกว่า พ่อไม่ได้โกรธผม แต่ผมรู้ครับว่าท่านทำใจไม่ได้หรอก ผมเองก็ทำใจไม่ได้ กลัวจะเห็นแววตาที่ผิดหวังจากท่าน ผมคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้อีก ในที่สุดแม่ก็เลยยอมให้ผมกลับ ผมเดินออกมาแล้วโทรหาเด่น สักพักมันก็ขับรถมารับผมที่ป้ายรถเมล์ไม่ไกลจากโรงพยาบาล มันไม่ได้ถามอะไรผม ผมก็ได้นั่งเหม่อมองไปข้างหน้า ไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปไหน มารู้สึกตัวเองอีกทีคือมันขับพาผมมาที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่ติดริมแม่น้ำ


“หนักใจพอจะบอกกูได้รึยังว่ามึงเป็นอะไร”

“เด่น..เราเจ็บตรงนี้ โคตรเจ็บเลย ฮึก เจ็บ..” ผมทุบที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองหลายที ก่อนจะพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างไม่อายมันเลย

“มึงทุบตัวเองแรงกว่านี้ มันก็ไม่เจ็บไปกว่าความเจ็บข้างในหรอก พอเหอะ” มันรีบคว้ามือผมไปจับเอาไว้ไม่ให้ทุบตัวเอง แล้วก็ปล่อยให้ผมร้องไห้โดยที่ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรอีก


ผมรู้..ว่าความเจ็บที่ผมกำลังได้รับมันไม่ได้มาจากการถูกทำร้าย แต่ผมเจ็บจากการที่ผมได้ทำร้ายคนอื่นที่ดีกับผมต่างหาก ผมทำให้ผู้ชายปกติคนหนึ่งกำลังเลือกเดินทางที่มีแต่ขวากหนาม ผมอาจจะทำลายอนาคตของเขา ทำลายความสัมพันธ์ของครอบครัวของเขา ทั้งที่มันเคยสงบสุขมาก่อน ผมไม่ได้เกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ผมเกลียด ถ้าสิ่งที่ผมเป็นมันอาจจะไปทำร้ายใคร ผมไม่ใช่พ่อพระหรือนางเอก แต่ผมมองโลกในแบบที่ควรจะเป็น ผมไม่อยากให้พ่อแม่ของใครต้องมาท้อแท้ผิดหวังหดหู่เหมือนแม่ของผม ผมรักแม่ของผมมาก แม่ก็รักผมมาก แม่กับพ่อของพี่ฉลามก็คงรักพี่ฉลามมากเหมือนกัน ผมยังไม่รู้หรอกว่าผมควรจะทำยังไงต่อไป ผมขอร้องไห้ก่อน ก่อนที่จะต้องยิ้มรับให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง


...ก็ผมเลือกที่จะเป็นแบบนี้ ผมต้องยอมรับสิ่งที่กำลังเข้ามาพิสูจน์ตัวผมเอง ถ้าการที่ผมเป็นเกย์แล้วจะไม่สมหวังในรัก ไม่สามารถยืนข้างๆคนที่รักได้อย่างที่คนอื่นๆทำได้ แต่อย่างน้อยผมก็ยังรู้ว่า ตัวเองยังสามารถที่จะรักใครได้ รักในแบบของผม แบบที่อาจจะไม่มีใครเข้าใจผมเลยก็ตาม...


*******โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ*********

 :เฮ้อ:

สงสารจัง ความรักของคนเพศเดียวกันในตอนนั้น มันไม่ได้เปิดกว้างเหมือนตอนนี้สักเท่าไหร่นะ
แต่ถึงตอนนี้จะเปิดกว้างยังไง น้อยครอบครัวนักที่จะรับได้อย่างหน้าชื่นตาบาน สู้แต่ไปไอ้กลอนเอ้ย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2015 19:04:49 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
อ่านจบตอนแล้ว..........
เป็นกำลังใจให้ทุกคนจริงๆ
แต่......นับถือใจพี่ฉลาม

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
จริงๆแล้วพี่ฉลามกับกลอนน่าจะเป็น a match made in heaven เลยทีเดียว แต่ circumstances มันทำให้เป็นไปไม่ได้   พี่ฉลามยังต้องอยู่เพื่อประคับประคองครอบครัว   กลอนเองก็ต้องอยู่เพื่อแม่   สังคมกลายเป็นบ่วง   เราสงสัยว่าพี่ฉลามกัลกลอนคงต้องเลิกกันทั้งๆที่ยังรักกันอยู่    เลิกก็เพราะรัก   

รู้สึกเจ็บไปกับกลอนด้วยค่ะ    ไม่ได้มโนว่าเป็นกลอน  แต่มาคิดว่าถ้าลูกเราต้องเจอแบบกลอนแล้วจะเป็นยังไง    แต่อย่างน้อยก็อยากบอกกลอนว่ามันเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ   เพราะว่ามีแต่ความรักไม่ว่าจะมองแง่ไหน    จากพ่อจากแม่ จากที่กลอนมีให้คนอื่น มีให้ฉลาม แล้วที่ฉลามมีให้กลอนด้วย

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
หวั่นใจมาตั้งแต่พี่ฉลามเป็นลูกคนเดียวแล้วล่ะ แค่เรื่องนี้ก็ทำให้ความรักของกลอนกับพี่ฉลามไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแล้ว :hao5:
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนสินะ :mew4:
กลอนจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง จะยังได้รักกับพี่ฉลามอยู่ไหมน้อ :sad4:
เศร้าจังเลย ทั้งที่ตอนที่แล้วยิ้มแก้มแทบแตก :z3:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ
หากวันใดที่คนเราไร้ซึ่งความรักนี้
โลกก็คงจะไม่น่าอยู่อีกต่อไป

เลิกกันทั้งที่ยังรู้อยู่ว่ารักกัน
มันเจ็บปวดเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยายได้

เห็นใจทั้งสองคน
พี่ฉลามกับน้องกลอน
ต้องเจ็บปวดโดยกติกาของสังคม..ทำร้าย

อีกคู่..อีกคู่ และจะอีกซักกี่คู่
ที่โดนกีดกันจากสิ่งสมมุติทางสังคม


"ความรักมันไม่มีเพศ คนเราต่างหากที่ไปกำหนดเพศให้มัน"
                                                               ---- เซ็งเป็ด----

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พึ่งเข้ามาอ่านจ้า อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย

ถึงไม่ได้คู่กัน อย่างน้อยพี่ฉลามก็เป็นแฟนที่ดีคนนึง รอลุ้นต่อไปว่าพระเอกตัวจริงคือใคร จะใช่พี่ระเบิดหรือไม่ แล้วใครที่เป็นคนเอาซิงน้องกลอนไป  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ทำไมผมรู้สึกว่าเด่นกับกลอน ถ้าคบกันแล้วจะเข้าใจกันดีแฮะ.... อาจจะเพราะสายสัมพันธ์ที่สร้างมานานจะทำให้เด่นเข้าใจและรู้จักวิธีรับมือกลอนก็ได้มั้งครับ...

ทำไมผมตงิดๆว่าคนเปิดซิงกลอนคือญาติเด่น ไม่ก็เด่นแฮะ... รู้สึกเหมือนตอนทำนั่นดูอ่อนโยนผิดปกติ...

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ทำไมผมรู้สึกว่าเด่นกับกลอน ถ้าคบกันแล้วจะเข้าใจกันดีแฮะ.... อาจจะเพราะสายสัมพันธ์ที่สร้างมานานจะทำให้เด่นเข้าใจและรู้จักวิธีรับมือกลอนก็ได้มั้งครับ...

ทำไมผมตงิดๆว่าคนเปิดซิงกลอนคือญาติเด่น ไม่ก็เด่นแฮะ... รู้สึกเหมือนตอนทำนั่นดูอ่อนโยนผิดปกติ...

ไม่น่าใช่เด่น เพราะว่าสนิทกัน ถ้าเป็นเด่นจริง กลอนน่าจะจำได้ และถ้าเด่นชอบกลอน ก็น่าจะมีตอนที่ดูแลใส่ใจกลอนมากกว่านี้ เรียกว่าไม่น่าจะรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลอนคืนนั้น ถึงได้จับมือวิ่งไปเข้าแถว

เดาว่าน่าจะเป็นพัด ลูกพี่ลูกน้องเด่น แบบว่าที่ตอนนี้หายไป เพราะไปเก็บตัวที่ญี่ปุ่นไรแบบนั้น พอหมดตอนของพี่ฉลาม อาจจะได้ออกโรงเป็นคนถัดไป แต่พี่ระเบิดนี่เงียบหายไปเลยหรอ น่าจะมีติดต่อคุยกับกลอนมั่ง คนนี้ก็มีลุ้นจะเป็นพระเอกได้อีกคน  :laugh:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ร้องไห้ตาม
กลอนกับพี่ฉลามเพิ่งสวีทได้ไม่กี่ตอนก็เป็นอันมีเหตุให้ต้องแยกแล้วเหรอเนี่ย
คนที่ใช่ของกลอนจะเป็นใครน้า (ผิดหวังกับความรักบ่อยเกินไปแล้วนะ)

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
รักบทที่ 3 หัวใจที่ไม่ได้ปิดตาย (ตอนที่ 7 จบตอน)

ผมได้ทราบจากพี่นุ๊กว่าพ่อของพี่ฉลามออกจากโรงพยาบาลกลับมาที่บ้านแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ผมไม่ได้ติดต่อกับพี่ฉลามเลย ผมไม่กล้าโทรไปและพี่เขาก็ไม่ได้โทรมา ที่มหาลัยเราก็ไม่ได้เจอกัน พี่แหบบอกว่าพี่เขามาเรียนแล้วรีบกลับเลย ผมก็ได้แต่รับรู้ เราไม่ได้โกรธกัน แต่ผมเข้าใจว่าพี่เขามีเรื่องต้องคิด ถึงไม่ได้ติดต่อผมมา


ผมเล่าเรื่องของผมให้เด่นฟัง แต่ก็ไม่ได้เล่าละเอียดมาก แค่บอกว่า พี่เขาต้องไปเรียนต่อเพื่อครอบครัว เด่นมันถามผมว่า ครอบครัวพี่ฉลามรับเรื่องผมไม่ได้ใช่ไหม เพราะผมคงไม่ได้มาร้องไห้เพราะแค่ต้องห่างจากคนที่ผมรัก มันบอกว่าผมก็คงรู้ก่อนคบว่าจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่ผมยังเลือกที่จะรักพี่ฉลาม เพราะฉะนั้นก็อย่าได้เสียใจในสิ่งที่เลือก เพราะมันเชื่อว่าผมได้รับความสุขมากพอถึงเลือกที่จะเจ็บในวันหนึ่งข้างหน้า


“กลอน” เด่นมันเข้ามาในห้องของผม ในขณะที่ผมกำลังนั่งกอดเข่าเหม่อมองโมบายหอยอยู่

“มาตามไปกินข้าวเหรอ” ผมถามมันก่อนจะเหลือบไปดูนาฬิกา ทุ่มหนึ่งแล้ว มันมาตามผมไปกินรอบหนึ่งแล้วแต่ผมปฏิเสธไปว่ายังไม่หิว จะอ่านหนังสือก่อน

“มีคนมาหา” มันบอกผม ผมหันกลับไปมองมัน ด้านหลังของมันคือพี่ฉลาม หน้าตาของพี่เขาดูโทรมๆแต่ก็ยังดูดีอยู่เหมือนเดิม

“ขอคุยด้วยนะ” พี่เขาบอกผม

“กูจะออกไปข้างนอกนะ กินข้าวด้วยละมึง” เด่นบอกผม ผมพยักหน้าให้มัน แล้วมันก็เดินออกไป ผมรู้ว่ามันคงเปิดโอกาสให้ผมได้คุยกับพี่ฉลาม


พี่ฉลามเดินเข้ามานั่งตรงหน้าของผม พี่เขามองผมก่อนจะยิ้มให้ ผมน้ำตาคลอเลย แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้ ยิ้มกลับไปให้พี่เขาเหมือนกัน

“คิดถึงมากเลย” พี่ฉลามพูดกับผม ผมเม้มริมฝีปาก กลั้นก้อนสะอื้นที่มันตีตื้นขึ้นมาแล้ว แต้น้ำตามันกลั้นไม่อยู่จริงๆ มันไหลกลิ้งลงมาจนพี่ฉลามต้องเกลี่ยออกให้ ผมว่ามือพี่เขาสั่นๆ

“พี่ขอโทษนะที่ทำให้เรื่องมันออกมาแบบนี้” พี่เขาพูดต่อ ผมรีบพยักหน้า จับมือพี่เขามาแนบที่แก้มแล้วร้องไห้ พี่เขาใช้มือที่ว่างอีกมือลูบหัวผม

“พี่ต้องไปเรียนต่อ พ่อพี่อาการไม่ค่อยดีเลย ระหว่างนี้พี่นุ๊กจะช่วยดูแลที่บ้านให้” ผมพยักหน้ารับรู้อีก ไม่สามารถพูดอะไรได้ในตอนนี้จริงๆ
 
“พี่อยากบอกให้กลอนรอนะ แต่พี่ทบทวนหลายรอบแล้ว...” พี่ฉลามหยุดพูด ผมเงยหน้ามองพี่เขา พยักหน้าให้อีกก่อนจะจูบไปที่มือของพี่ฉลาม

“อย่ารอพี่เลย พี่ขอโทษที่สุดท้ายแล้วก็ต้องเลือกพ่อ พี่ไม่อยากให้กลอนมารอคนเห็นแก่ตัวเองแบบพี่ พี่รู้ว่าแต่ละวันของคนที่รอมันเป็นยังไง” พี่ฉลามเสียงสั่นๆ

“รู้ไหม หนึ่งอาทิตย์ที่พี่ไม่ได้ติดต่อกลอน แม่ง โคตรคิดถึง โคตรปวดตรงนี้เลย” พี่ฉลามจับมือผมไปจับที่หน้าอกข้างซ้ายของพี่เขา สีหน้าของคนที่ดูแข็งๆอย่างพี่ฉลามดูเจ็บปวดจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าพี่เขาก็ร้องไห้เหมือนกัน

“พี่อยากทำเพื่อเราสองคนนะ”

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ” ผมเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกก่อนจะโผไปกอดพี่ฉลาม ร้องไห้กับอกพี่เขา พี่เขาก็กอดผมแน่นเลย

“ขอวันนี้อีกวันได้ไหมครับ อีกวันเดียว” ผมบอก เราสองคนนั่งกอดกันร้องไห้ ชีวิตที่เหมือนโลกจะแตกสลายในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ามันคงจะเป็นแบบนี้สินะ

“พี่ขอโทษนะ ขอโทษ”


พี่ฉลามพูดแต่คำว่าขอโทษ ผมไม่ได้โกรธพี่เขาเลยจริงๆ ผมเข้าใจ เพราะเข้าใจถึงได้เสียใจ เสียใจที่ไม่สามารถให้ในสิ่งที่จะทำให้พี่เขามีความสุขได้ ถ้าเพียงผมเกิดเป็นผู้หญิง เราคงไม่ต้องมานั่งร้องไห้กันแบบนี้ แต่ในความเสียใจ ผมดีใจที่พี่เขาตัดสินใจแบบนี้ มันอาจจะดูว่าพี่เขาไม่ต่อสู้เพื่อคำว่าเรา แต่ผมเป็นใคร เพิ่งเจอพี่เขาได้ไม่ถึงครึ่งชีวิตเลย เขาควรเลือกคนที่รักเขามาทั้งชีวิตมากกว่า  ต่อให้วันนี้เขาต่อสู้เพื่อรักของเรา วันหน้าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเราสองคนจะไม่เลิกกัน ถึงเลิกกันก็คงไม่ทำให้ชีวิตพี่เขาแย่ลง แต่ถ้าเขาทิ้งอนาคตที่พ่อแม่วางให้ นั่นอาจจะทำให้ชีวิตเขาเสียสิ่งดีๆไปมากกว่าก็ได้


“กลอนหิวแล้ว กินข้าวกันนะ” ผมบอกพี่เขาหลังจากที่พายุดราม่าผ่านไปได้สักพัก ผมเริ่มแสบท้องจริงๆ กลัวจะปวดจนเสียช่วงเวลาดีๆไป

“กินลงเหรอ” พี่เขาถามผมแต่ก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย

“ลงสิ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป พี่ก็ต้องทำชีวิตให้ดีนะ สู้ๆ” ผมบอก ผมไม่ได้พยายามร่าเริงนะ ผมร่าเริงจริงๆ ไม่ได้เจอพี่เขาเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก ตอนนี้พี่เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมไม่อยากมานั่งร้องไห้จนกินเวลาที่เหลืออยู่ของผมหรอก ถึงพี่เขาจะไม่ได้ไปเมืองนอกในวันสองวันนี้ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันไปต่อไม่ได้ ครอบครัวพี่เขาคงรับไม่ได้จริงๆ ผมก็ไม่อยากต่อเวลาความเจ็บปวดของตัวเองเหมือนกัน

“พ่อกับแม่ไม่ได้รังเกียจกลอนนะ” พี่เขาบอกผมเมื่อเราสองคนออกมานั่งกินข้าวด้วยกันที่ห้องรับแขกเล็กๆ แต่ยิ่งเล็กยิ่งดี ผมอยากให้ผมใกล้ชิดกับพี่เขาให้ได้นานที่สุด

“กลอนดีใจนะที่ท่านไม่โกรธกลอน แต่กลอนคงไม่กล้าไปหรอกครับ ไว้รอให้พี่กลับมาจากเมืองนอก ถ้าเรามีโอกาสได้เจอกันอีก กลอนค่อยเข้าไปหาท่านดีกว่า”

“ใจคอจะไม่ติดต่อกับพี่เลยเหรอ” พี่ฉลามถามผม

“ครับ” ผมบอกไปตามตรง พี่ฉลามมองหน้าผม ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวเงียบๆ ผมก็ต้องรักษาเยียวยาจิตใจของผมเอง ขอหักดิบเลยดีกว่า

“อย่างน้อยพี่ก็อยากรู้เรื่องของกลอนบ้าง”

“พี่ถามจากพี่แหบเอาแล้วกันครับ” ผมบอก พี่ฉลามถอนหายใจ วางช้อนข้าวแล้วยีผมตัวเองแบบที่ทำประจำเวลามีเรื่องไม่สบายใจ ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหาพี่เขา พี่เขารวบผมไปกอด พี่เขาซบใบหน้าที่หน้าท้องของผมแล้วถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง

“กลอนรักพี่นะ กลอนไม่เคยเสียใจเลยที่เลือกรักพี่ พี่จริงใจกับกลอน ถึงแม้วันนี้มันไม่ได้เป็นแบบที่เราฝันเอาไว้ แต่พี่ทำให้กลอนมีแต่ความทรงจำที่มีแต่ความสุข พี่ทำให้กลอนลืมความทรงจำไม่ดีเรื่องความรักที่กลอนเคยมีไปหมดเลย” ผมลูบแก้มพี่เขาแล้วยิ้มให้ พอพูดก็เริ่มจะร้องไห้อีก แต่ก็ฝืนเอาไว้ ไม่อยากให้มันทรมานไปกว่านี้แล้ว

“แต่สำหรับพี่ กลอนทำให้พี่เจ็บปวด” พี่ฉลามพูดออกมา ผมอึ้งไปเมื่อพี่ฉลามพูดแบบนี้

“ทุกความเจ็บปวดของพี่คือความคิดถึง พี่จะอยู่ไหวไหมวะถ้าความคิดถึงมันมาตลอดแบบนี้” พี่เขากอดผมแน่นเลย ผมต้องเงยหน้าไม่ให้น้ำตามันหยดลงมาโดนพี่เขา สองคนกอดกันร้องไห้อีกรอบ ข้าวปลาไม่ได้กิน

“บอกแล้วว่ากินไม่ลง” พี่เขาพูดต่อ ผมเลยหัวเราะทั้งน้ำตา


คืนนั้นพี่ฉลามนอนค้างกับผม เราสองคนมีอะไรกันทั้งคืน มันเป็นคืนที่มีความสุขและเจ็บปวดมากในชีวิตของผม ยิ่งเข็มนาทีเดินผ่านไป เวลาของผมก็ใกล้จะหมดลง สำหรับคนอื่นผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่สำหรับผม ผมเคยบอกแล้ว ความรักทำให้ผมรู้จักด้านที่อ่อนแอของตัวเองพร้อมทั้งรู้จักความเข้มแข็งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีขนาดนี้


ไม่มีคำว่ารักเกิดขึ้นในคืนนั้น แต่ผมมั่นใจว่าทุกสัมผัสของพี่ฉลาม ไม่ว่าจะอ่อนโยน เร้าร้อนหรือดุดัน ทุกอย่างมันคือคำว่ารักแล้ว ผมรู้ว่าทำไมพี่เขาไม่อยากให้ผมรอ เพราะเขาไม่อยากทำให้ผมเจ็บหากเขารักษาสัญญาไม่ได้ สิ่งดีสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากผู้ชายคนนี้นอกจากความรักแล้วก็คือความจริงใจ ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าผมจะมีคนใหม่หรือใจผมจะรักใครได้อีกหรือเปล่า แต่ถ้าเราสองคนเกิดมาเพื่อกันและกัน เราอาจจะได้กลับมาเจอกันและรักกันในวันที่เหมาะสมอีกก็ได้ หรือถ้าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนเคียงข้างกันในฐานะคนรัก ในอนาคตผมก็ยังยืนเคียงข้างพี่ฉลามในฐานะน้องชายที่เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน เรายังคงมองหน้ากันได้ ยิ้มให้กันได้ มองชีวิตของกันและกันได้ ปรารถนาดีต่อกันได้ ห่วงใยต่อกันได้ ไม่โกรธเกลียดกัน


..ถ้าผมต้องรอ ผมก็คงจะรอวันที่ผมจะไม่เจ็บปวดเพราะความคิดถึงเช่นเดียวกันกับที่พี่ฉลามรู้สึก คือวันที่ความคิดถึงนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นความสุขใจเมื่อได้นึกถึงแทน..


ผมนอนมองห้องที่วางเปล่าไร้คนที่ผมรักสุดหัวใจ เริ่มร้องไห้อีกครั้ง ร้องจนหายใจแทบไม่ออก ก่อนที่พี่ฉลามจะไป ผมได้ยินเสียงพี่เขาร้องไห้ พี่เขาจูบแก้มผม หน้าผากผม ลูบหัวผมโดยที่ผมนอนหลับตาไม่ไหวติง ความเจ็บปวดในใจสะกดสั่งให้ผมอย่าลืมตา อย่ามองภาพพี่ฉลามเจ็บปวด อย่าจำภาพนั้น อย่าได้เห็นตอนเขาเดินจากไป ผมคิดว่าพี่เขารู้ว่าผมไม่ได้หลับ แม้ว่าเวลาของเราในฐานะ คนรัก จบลงแล้ว แต่ความรักมันยังอยู่ มันเลยทำให้ผมต้องอ่อนแออีกครั้งโดยที่ไม่คิดจะห้ามตัวเองเหมือนกัน


“ไหวไหมมึง” เด่นเคาะประตูแล้วเดินมาหาผม ผมรีบเช็ดน้ำตา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มเพราะผมยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า

“อ่อนแออีกวันเดียวแหละ” ผมบอกมันเสียงอู้อี้

“ทำไมไม่แอบคบกันวะ” มันถามผม

“เราเกลียดการโกหก เราก็ไม่อยากทำแบบนั้นกับใคร ถ้าแอบคบกัน พี่ฉลามต้องคอยโกหกพ่อกับแม่เพื่อเรา อย่าเลยดีกว่า แบบนี้แหละ ดีแล้ว เดี๋ยวก็หาย”

“ให้มันหายเร็วๆเหอะ กูกลัวเพื่อนกูจะจมกองน้ำตาตายเสียก่อน กูให้มึงร้องไห้อีกครึ่งชั่วโมงนะ ไม่เอา สบนาทีดีกว่า มึงลุกอาบน้ำ วันนี้กูจะพามึงไปเปิดหูเปิดตา ห้ามปฏิเสธ”

“ไม่ไปได้เปล่า” ผมบอกมัน

“กูบอกห้ามปฏิเสธไง”

“ก็...” ผมอ้ำอึ้งๆ

“ไรของมึง”

“ขาเราสั่น เราคงไปไหนไม่ไหวอะเด่น อยู่บ้านนะ” ผมก้มหน้าบอกมัน มันเงียบไปก่อนจะหัวเราะออกมาเสียดัง

“แม่ง อดีตแฟนมึงนี่ตายอดตายอยากมาจากไหนวะ เมื่อคืนเล่นเอากูนอนไม่หลับ ห่า ท้างงงงคืน” มันพูดออกมาผมต้องมุดเข้าไปในผ้าห่มเลยก่อนจะเอาขายันมันให้มันออกไป ที่ยันมันเพราะคำว่าอดีตแฟนมันทำให้ผมรู้สึกปวดหนึบๆขึ้นมาน่ะสิ

“เออๆ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นเดี๋ยวทำไรกินกัน นั่งดูหนังผีกันเหมือนตอนเราเด็กๆ แต่ยังไงกูให้มึงร้องไห้ได้อีกสิบนาทีนะ”

“เออ รู้แล้วพ่อ” ผมบอกมัน มันถึงได้เดินหัวเราะออกไป แต่เอาจริงๆผมก็ลืมไปเลยว่าเมื่อคืนมันอยู่ ผมก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปเต็มที่ แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้องผมก็ได้รู้ว่า ชีวิตผมยังมีคนที่เป็นห่วงผม ไม่อยากเห็นผมร้องไห้ ผมจะรีบเข้มแข็ง ผมสัญญากับหัวใจตัวเอง

.....
....
..

(มีต่อข้างล่างค่ะ)

V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2015 23:23:44 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


ชีวิตมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เราหวังอยากให้เป็น ผมไม่ได้ร้องไห้เหมือนโลกจะแตกสลายเท่าวันแรกๆ แต่ความเจ็บและความรักมันคงไม่ได้เจือจางไปไหน รักเท่าไหร่ก็ยังเจ็บเท่านั้น แม้ว่าผมกับพี่ฉลามจะยุติความสัมพันธ์ในฐานะคนรักลง แต่เราไม่สามารถยุติการเป็นพี่น้องร่วมสถาบันลงได้ อีกเดือนหนึ่งกว่าที่พี่ฉลามจะไปเรียนต่อ เรายังคงเจอกันในมหาวิทยาลัยบ่อยๆ ผมก็ส่งยิ้มให้พี่เขา เขาเองก็ทักทายผม แต่เราไม่ได้ไปไหนด้วยกันเหมือนเดิม ไม่ได้มามหาวิทยาลัยพร้อมกันหรือกลับด้วยกัน น่าแปลกที่บุ้งมันไม่ได้ถามผม กลับเป็นเพื่อนคนอื่นถามว่าผมโกรธอะไรกับพี่ฉลามรึเปล่า ผมเลี่ยงได้ก็เลี่ยงที่จะตอบ ส่วนใหญ่บุ้งจะเป็นคนเข้ามาช่วยแทรกเรื่องอื่นจนผมไม่ต้องตอบแทบจะทุกที ส่วนพี่แพรก็ยังคงตามติดพี่ฉลาม แต่ผมเห็นว่าพี่ฉลามไม่มีอาการอะไรตอบกลับ ผมก็ได้แต่แอบมองแบบนี้แหละครับ มันก็อดไม่ได้ที่จะยังมองในเมื่อพี่เขายังอยู่ตรงนี้


“กลอนรู้เปล่า วันนั้นพี่ไปที่บ้านไอ้หลามมันมา แม่ไอ้หลามมาแอบถามพี่ว่ากลอนสบายดีรึเปล่า แม่บอกถามไอ้หลามมันไม่ยอมตอบ แล้วพอก่อนจะกลับ พ่อมันก็มาถามพี่อีกว่ากลอนย้ายคอนโดเหรอ ท่านให้หลามโทรตามกลอนมาเล่นหมากรุกด้วยกันแต่มันไม่ยอมโทร” พี่แหบบอกผมในวันหนึ่ง ตอนที่ผมเดินไปขึ้นรถเมล์ พี่แหบเองก็กำลังจะกลับบ้าน พี่เขาเห็นผมเลยชวนผมไปนั่งกินบะหมี่ด้วยกัน

“เหรอครับ” ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมมันแจ่มใสขึ้นเมื่อได้ยิน ผมดีใจที่ท่านทั้งสองคนไม่ได้เกลียดผม

“พี่รู้เรื่องกลอนกับไอ้หลามแล้วนะ คือไงดีละ บางทีพ่อแม่มันอาจจะแค่ตกใจ ไม่ลองไปหาท่านกันอีกรอบเหรอ ดูท่านรักกลอนนะ บางที.."

“ไม่ดีกว่าครับ แบบนี้ดีแล้ว” ผมบอกแล้วนั่งกินบะหมี่ต่อ พี่แหบเลยไม่กล้าพูดอะไรอีก


ผมรู้ว่าพ่อกับแม่พี่ฉลามเมตตาผม ท่านอาจจะแค่รู้สึกผิด ไม่ได้หมายความว่าท่านยอมรับได้ การที่ท่านดีขึ้น ผมมั่นใจว่าเพราะพี่ฉลามไม่ได้ติดต่อกับผมอีก ท่านคงมีความหวังว่าลูกชายตัวเองจะกลับไปรักผู้หญิงได้อีกก็ได้ ถ้าท่านรับได้จริง ผมมั่นใจว่าพี่ฉลามคงรีบมาหาผมแล้ว แต่เพราะพี่ฉลามรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พี่เขาถึงไม่อยากพาผมไปเจ็บปวด ผมว่าผมรู้จักผู้ชายคนนี้ดี ผมโชคดีนะที่ครั้งหนึ่งเคยได้หัวใจของผู้ชายคนนี้มา

......
...
..


หนึ่งวันก่อนที่พี่ฉลามจะเดินทาง


“กลอน วันนี้ห้ามปฏิเสธแล้วนะ ยังไงต้องไปกับเรา ไม่มีเรื่องสอบให้อ้างแล้ว สอบเสร็จแล้วนะ” นี่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่บุ้งมาบังคับให้ผมไปกินข้าวด้วย

“ไปก็ได้ เพราะพรุ่งนี้เราจะกลับบ้านไปหาแม่ยาวเลย” ผมบอก

“ไม่ไปส่งพี่ฉลามจริงเหรอวะแก”

“อืม” ผมพยักหน้า

“โอเค งั้นไปกัน มีอะไรจะเซอร์ไพรส์” บุ้งบอกผม ผมไม่ได้คิดอะไร ได้แต่มองลานหน้าตึกก่อนจะถอนหายใจ แล้วเดินตามบุ้งไป


บุ้งพาผมนั่งแท็กซี่เข้ามาในร้านอาหารที่ดูหรูหน่อยแถวๆทองหล่อ ผมชิงจ่ายค่ารถก่อนผม ผมเกรงใจแต่บุ้งบอกว่าแค่ผมมาด้วยบุ้งก็ยอมจ่ายทุกอย่างแล้ว ผมได้แต่ขำ มาครั้งนี้เพราะเกรงใจบุ้ง ผมบ่ายเบี่ยงมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าบุ้งจะชวนผมมากินที่หรูๆแบบนี้ ผมเดินตามบุ้งเข้าไป จนบุ้งไปหยุดอยู่ที่โต๊ะที่ตั้งอยู่มุมในสุด เป็นมุมที่อยู่ในโดมกระจกที่มีไม้เลื้อยเต็มไปหมด ดูวินเทจสุดๆ พอบุ้งเบี่ยงตัวหลบผมถึงกับหน้าเหวอด้วยความตกใจ


“พี่นุ๊ก” ผมมองหน้าพี่นุ๊กสลับกับมองบุ้ง

“นี่พี่ระเบิด ก็คือพี่นุ๊กนี่แหละ” บุ้งหัวเราะขำ ผมยังคงยืนหน้าเหวออยู่ สมองเริ่มทำงาน ทีแท้พี่ระเบิดคือคนผมรู้จักมาตั้งนานแล้วงั้นเหรอ แล้วบุ้งรู้หรือเปล่าว่าพี่ระเบิดรู้จักผม ผมงงไปหมดแล้ว ทำไมโลกมันกลมขนาดนี้ คนที่ผมคุยแบบไม่รู้จักหน้าตา ที่แท้คือพี่ชายของคนที่ผมรัก ผมดันไปปรึกษาเรื่องพี่ฉลามกับพี่ระเบิดตั้งหลายเรื่องด้วยสิ

“ขอโทษทีนะที่ทำให้ตกใจ เห็นกลอนไม่อยากให้ใครรู้จัก พี่เลยให้บุ้งปิดเอาไว้ก่อน แต่พี่ว่าเรารู้จักกันนานพอแล้วมั๊ง” พี่นุ๊กพูดกับผม บุ้งดึงมือให้นั่งลงข้างๆ

“ห้ามโกรธฉันนะเว้ย ไปโกรธพี่เบิดเหอะ ให้ปิดอยู่ได้ เกือบหลุดหลายรอบแล้ว” บุ้งรีบบอกผม

“พี่รู้ได้ไงว่าเป็นกลอน” ผมถาม

“แหะๆ ฉันหลุดเองแหละ” บุ้งยกมือสารภาพ ผมพอจะเข้าใจแล้ว ไม่ได้โกรธหรอก เพราะผมก็ไม่ได้ไว้ใจพี่ระเบิด ยิ่งรู้ว่าพี่ระเบิดคือพี่นุ๊กผมก็ยิ่งดีใจ อย่างน้อยเป็นพี่ที่ผมนับถือทั้งคู่ แต่ผมนึกขึ้นได้เรื่องที่ผมเคยเซ็กส์โฟนกับพี่ระเบิดผมก็เริ่มทำหน้าไม่ถูก

“เป็นเรื่องที่ดีนะที่เราไม่ต้องปิดบังอะไรกันแล้ว คนใกล้ตัวทั้งนั้น เรามารู้จักกันใหม่แล้วกัน เรื่องเก่าๆลืมไป” พี่นุ๊กพูดเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร ผมเลยยิ้มออก

“เย้ โล่งแล้ว แต่พี่ๆคนอื่นในกรุ๊ปไม่รู้หรอกนะว่ากลอนเป็นใคร เราไม่ได้บอก” บุ้งรีบบอก ผมพยักหน้ารับรู้

“ไปห้องน้ำก่อนนะ” บุ้งบอกก่อนจะเดินออกไป

“โอเคขึ้นไหม” พี่นุ๊กถามผม

“ครับ” ผมคิดว่าพี่เขาคงรู้เรื่องของผมกับพี่ฉลามแล้วโดยไม่ต้องอธิบายอะไร ผมปรึกษาไปขนาดนั้น

“อดทนหน่อยนะ ฉลามมันก็รักกลอนมาก ให้มันทำหน้าที่ลูก เดี๋ยวมันก็กลับมา” พี่นุ๊กบอกผม

“กลอนไม่รอหรอกครับ ต้องทำหน้าที่ลูกเหมือนกัน ไม่อยากยึดติดอะไร อีกนิดเดียวก็จบแล้ว แบบที่พี่เคยสอนกลอนไง เอาไว้มีงานมีเงินเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ ถึงตอนนั้นอยากทำอะไรก็ค่อยทำก็ยังไม่สาย” ผมรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย พี่นุ๊กในฐานะพี่ระเบิดเคยสอนผมมากมายในการใช้ชีวิตเกย์ในสังคมไทย พอตอนนี้มาเป็นพี่นุ๊ก คนได้รู้เรื่องของผมในส่วนของกลอน ทำให้ผมสามารมีคนที่พูดได้ในเรื่องที่ไม่สามารถพูดกับใครได้

“พี่ดีใจนะที่เห็นกลอนเข้มแข็งแบบนี้”

“พี่บอกบุ้งให้คอยดูแลกลอนใช่ไหม บุ้งมันถึงไม่เคยเซ้าซี้ถามอะไรเลย” ผมถาม พี่นุ๊กยิ้ม

“พี่ทำไมไม่จีบบุ้ง” ผมถามอีก พี่ฉลามทำหน้าเหวอบ้างจนผมขำ

“เป็นพี่น้องกัน” พี่นุ๊กรีบตอบ จนบุ้งเดินกลับมาที่โต๊ะ

“นินทาบุ้งละสิ” บุ้งค้อน ผมหัวเราะ พี่นุ๊กก็ยิ้มๆ


วันนี้เป็นวันที่ผมได้หัวเราะมากที่สุดตั้งแต่วันที่เลิกกับพี่ฉลาม เพราะบุ้งเอาเรื่องของคนในกรุ๊ปมานินทาแบบขำๆ กรุ๊ปที่ผมลืมไปแล้วเพราะไม่ค่อยได้เข้าไปเลย ยิ่งตอนคบพี่ฉลามผมก็หายไปเลย ในสักวันหนึ่งเมื่อผมเรียนจบผมก็อาจจะไปกินข้าวกับทุกๆคน ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี แต่แค่ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปรู้จัก แค่วันนี้ได้รู้จักบุ้งกับพี่นุ๊ก ผมก็ถือว่าผมมีเพื่อนที่ดีในโลกที่ผมได้เป็นตัวเองเพิ่มมาอีก พี่นุ๊กมาบอกกับผมทีหลังว่า รู้ว่าเป็นผมตอนที่บุ้งบอกว่ากลอนเรียนคณะเดียวที่เดียวกับบุ้ง แล้วพี่นุ๊กแอบเห็นรูปรับน้องที่พี่ฉลามถ่าย เห็นผมถ่ายรูปคู่กับบุ้งเยอะ เลยเดาว่าน้องหนอนคือคนนี้แน่ มามั่นใจตอนคุยโทรศัพท์ พี่เขาจำเสียงผมได้ แต่ผมสิ จำเสียงพี่เขาไม่ได้ พอทานข้าวเสร็จพี่นุ๊กก็ไปส่งบุ้งก่อน ก่อนจะไปส่งผม เพราะคอนโดผมอยู่ตรงกันข้ามของพี่นุ๊ก อันที่จริง คอนโดนั้นเป็นของพี่นุ๊กนี่นา


“พรุ่งนี้ฉลามจะไปแล้ว จะไม่ไปส่งมันจริงๆเหรอ” พี่นุ๊กถามผม

“กลอนกลับบ้านครับ สงสารแม่ อยู่คนเดียว คงคิดถึงกลอนจะแย่แล้ว”

“กลอน อดทนเอาไว้นะ พี่ขอบใจกลอนนะที่ทำเพื่อครอบครัวของฉลาม วันหนึ่งกลอนจะได้เจอสิ่งๆดีจากความคิดดีๆที่กลอนทำอยู่”

“อย่างน้อยวันหนึ่งถ้าแม่รู้ว่ากลอนเป็นเกย์ ความดีของกลอนอาจจะทำให้แม่ลดความผิดหวังในตัวกลอนลง กลอนคิดแค่นี้แหละครับ”


พี่นุ๊กขับเข้ามาถึงในซอยบ้าน ผมแอบตกใจที่เห็นพี่ฉลามมายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ที่หน้ารั้วบ้านของตัวเอง พร้อมกับเหม่อมองขึ้นไปที่คอนโดของผม พอพี่ฉลามเห็นรถพี่นุ๊กก็เลยหันกลับไปเปิดประตูรั้วให้ ฟิล์มรถมันมืด พี่เขาคงไม่เห็นว่าผมนั่งมาด้วย ผมตัวแข็งเลย ไม่ได้เห็นพี่เขาใกล้ๆมานานแล้ว


“จะเข้าไปในบ้านก่อนไหม” พี่นุ๊กถาม ผมรีบส่ายหน้า พอพี่นุ๊กจอดที่หน้ารั้ว ผมก็รีบเปิดประตูออก นึกว่าพี่ฉลามเดินกลับเข้าบ้าน ช่วงจังหวะที่ผมลง พี่ฉลามก็เดินมาที่ประตูรถพอดี พี่เขาดูอึ้งไปเมื่อเห็นผม

“ว่าไง” พี่นุ๊กชะโงกหน้ามาถามพี่ฉลาม กลายเป็นว่าผมต้องยืนคาอยู่ที่ประตูรถ โดยมีพี่ฉลามยืนขวางผมอยู่ พอพี่นุ๊กชะโกงหน้ามาถาม มือของพี่ฉลามก็จับหลังคารถข้างหนึ่ง ประตูรถข้างหนึ่ง ก้มหน้าไปตอบพี่นุ๊ก โดยมีผมยืนเกร็งตัวตรงแถมลืมหายใจในวงล้อมพี่ฉลาม นึกภาพออกใช่ไหมครับ

“ว่าจะยืมรถไปซื้อของหน่อย ขี้เกียจเอารถออก” พี่ฉลามบอกพี่นุ๊ก

“เอาสิ” พี่นุ๊กตอบก่อนจะหยิบกระเป๋าเอกสารของตัวเองแล้วลุกออกมา พี่ฉลามกลับมายืนตัวตรงแต่ยังไม่เอามือออก มองหน้าผมนิ่งๆ

“ยืมคนนั่งมาไปด้วยนะ” พี่ฉลามบอกพี่นุ๊ก พี่นุ๊กมองผมก่อนจะยักไหล่

“ถามเองสิ” พี่นุ๊กตอบ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลยพี่ฉลามดันผมกลับไปนั่งในรถ ก่อนจะปิดประตูแล้วตัวพี่เขาก็ดินอ้อมไปนั่งที่คนขับแล้วก็ขับออกไปเลย ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่กล้าถามอะไร ใจเต้นโครมคราม

“ลงมาสิ” ผมไม่รู้เลยว่าพี่เขาขับพาผมมาที่ไหน มันเป็นชายทะเลนะ แต่ใช้เวลามาแค่ไม่นานเอง พอเห็นนกนางนวลเยอะๆถึงได้รู้ว่าเป็นบางปู แม่พี่ฉลามเคยเล่าให้ผมฟังว่าพ่อพี่ฉลามมาจีบแม่ที่นี่ แต่ลมแรงมาก เจอนกนางนวลบินใส่อีก เลยกลายเป็นเดทแรกที่ตลกมากในตอนนั้น ผมเดินลงจากรถ พี่เขาเดินนำผมไป พระอาทิตย์กำลังตกพอดีเลย แสงสีส้มสดตัดกับขอบน้ำทะเลดูสวยจัง

“เคยตั้งใจว่าจะพามาวันครบรอบเราคบกัน เลยคิดว่าอยากให้มันสมบูรณ์” พี่ฉลามบอกผม ผมเข้าไปยืนข้างๆพี่เขา มองไปเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ ขอให้พี่พบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ ประสบความสำเร็จกลับมานะครับ” ผมอวยพรพี่เขาเลย พี่เขาหันมามองผม

“พี่เจอแล้วสิ่งดีๆคนดีๆอะ อวยพรให้ไม่เสียไปได้รึเปล่า” พี่เขาพูดกับผม ผมอึ้งไป น้ำตาลพาลจะไหลอีกแล้ว พี่ฉลามทำให้ผมรู้ว่า ที่ผมพยายามเข้มแข็งอยู่มาโดยตลอดมันไม่ได้ผลเลย

“ไม่อยากไปเลยว่ะ” พี่ฉลามยีผมตัวเองอีก เสียงเครียดๆ ผมรีบกลั้นน้ำตาที่มันจะไหลแล้วหันไปยิ้มให้พี่เขา

“มันทรมานแค่ตอนนี้แหละ เดี๋ยวเจอแหม่มขาวๆสวยๆก็หายเหงา” ผมแกล้งแหย่พี่เขา

“ไม่ได้เหงาแต่มันลืมคนๆหนึ่งไม่ได้” พี่เขาหันมาบอกผม

“ก็อย่าลืม อย่าลืมกลอนนะ” ผมบอกเสียงสั่นเลย ไม่คบกันก็ได้ แต่อย่าลืมผมเลย พี่เขาดึงผมมากอดทันทีเลยโดยไม่สนใจใคร

“ไม่ลืม พี่ไม่มีวันลืม พี่ไม่รู้ว่าพี่จะเจอใครอีกหรือเปล่ามันเป็นอนาคต แต่รู้ไว้นะ ในอดีตที่ผ่านมา พี่รักกลอนที่สุดแล้ว รักมาก รักมากนะ” พี่เขาบอก ผมพยักหน้า สวมกอดพี่เขาแน่น ซบหน้าร้องไห้กับอกพี่เขา แค่นี้ก็ดีมากแล้ว

“ทำไมโลกใจร้ายกับเราจังวะ” พี่ฉลามถามผมก่อนจะเช็ดน้ำตาให้ใหญ่เลย พี่เขาก็ตาแดงๆ

 “พรุ่งนี้กลอนไม่ได้ไปส่งนะ กลอนจะกลับบ้าน”

“รู้แล้ว ไม่อยากให้ไปส่งเหมือนกัน กลัวไม่ยอมขึ้นเครื่อง นี่ก็สองจิตสองใจแล้วเนี่ย”

“พี่ฉลาม พี่จูบกลอนครั้งแรกที่ทะเล จูบลาที่ทะเลได้เปล่า” ผมถาม

“ใจร้ายชิบหายเลยวะคนเรา ยั่วอยู่เนี่ย” พี่เขาบ่นผมแต่ผมเห็นว่าผมเขายิ้ม ทั้งจากริมฝีปากและแววตา

“ตรงนี้เลยเปล่า” พี่เขาถามผม ผมส่ายหน้า พี่เขาขำ คงขำที่ผมใจไม่กล้าอยู่ดี พี่เขาจูงผมขึ้นไปในรถ ก่อนจะจูบผม จูบเนิ่นนานจนแทบขโมยลมหายใจจากผมไปหมด

“อย่าร้องไห้อีกนะ โลกใจร้ายกับเราแล้ว เราก็อย่าใจร้ายกับตัวเอง เข้าใจไหม เจ้าหนูจำไม”

“ครับ” ผมรับปาก แล้วพี่เขาก็พาผมกลับ แต่ขับช้ามาก ช้าจนโดนรถคันหลังบีบแตรใส่ ปกติพี่เขาจะอารมณ์ร้อน แต่นี่เขาไม่สนใจ ยังคงขับช้าๆต่อเวลาของเรา แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ในที่สุดก็มาถึงบ้าน พี่เขาจอดส่งผม ผมหันไปมองพี่เขาอีกครั้งให้เต็มๆตา

“กลอนจะไม่รอพี่หรอก แต่พี่กลับมาเร็วๆนะ” ผมบอก พี่เขามองผมด้วยสายตาที่ดูอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นผม

“อืม”

“แล้วพบกันใหม่” ผมบอก พี่เขาเอื้อมมือมาลูบที่แก้มของผม

“แล้วพบกันใหม่” พี่เขาตอบกลับมา ผมจูบที่มือของพี่เขาก่อนจะลงจากรถแล้วไม่หันกลับไปมองอีก จากกันด้วยรอยยิ้มแล้ว ก็อย่าให้เห็นน้ำตากันอีกเลย


..จากนี้ไป ไม่ว่าเราอยู่จะในสถานะใดต่อกัน ก็อย่าลืมกัน เดี๋ยวเราก็พบกันใหม่ กลอนรักพี่ฉลามมากนะ และความรักยังชัดเจนมาจนถึงทุกวันนี้ครับ..

......
....
...



“แม่ อยู่ไหนอ่า กลอนเสร็จแล้วนะ” ผมตะโกนถามแม่เพราะว่าลงมาจากข้างบนแล้วไม่เจอใคร วันนี้เราจะไปวัดกัน ผมตั้งนาฬิกาปลุกลงมาพาแม่ไปตลาดแต่เช้าแล้ว กลับมาก็รีบอาบน้ำ ห้าเดือนกว่าแล้วที่พี่ฉลามไปอยู่ที่อังกฤษ เราไม่ได้ติดต่อกัน ต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเองเพราะเรายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ การเลือกของเราแม้จะต้องเจ็บปวดแต่ผมกับพี่เขาก็ยอมรับได้ ผมบอกแล้วว่าพี่ฉลามคิดไม่ค่อยเหมือนใคร เหมือนจะเป็นคนดื้อหัวแข็ง แต่อีกมุมก็คือเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย หากมีเหตุผลพอที่มาทำให้พี่เขายอมรับได้ ผมเชื่อว่าพี่เขาคงได้คุยกับพ่อแม่ของเขาแล้ว ได้เห็นถึงเหตุผลของท่าน พี่เขาถึงได้จบเรื่องราวของผมกับเขาได้ง่าย แบบที่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจหรือไม่เชื่อว่าเราจะแยกจากกันได้ แต่เราสองคนก็ทำให้เห็นแล้วว่าเราทำได้ และผมก็เชื่ออีกว่าพี่เขารักผมเท่าที่ผมรักเขา

“แม่.. อ้าว พ่อ” ผมเดินไปถึงหน้าบ้าน กำลังจะเรียกแม่ แต่เห็นพ่อยืนอุ้มเด็กคนหนึ่งอยู่ที่หน้ารั้วกับแม่ด้วย

“สวัสดีครับพ่อ” ผมยกมือไหว้ พ่อพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผม

“ฉันกำลังจะไปวัด เอาไว้มาคุยตอนเย็นแล้วกัน” แม่บอกด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่พ่อทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะพยักหน้า ส่วนผมเจอกับพ่อบ่อยๆ เวลาพ่อขึ้นมากรุงเทพก็จะนัดผมกินข้าวแล้วก็ให้เงินตลอด แต่ผมไม่เคยเจอแฟนใหม่ของพ่อ รู้แต่ว่ามีลูกด้วยกัน ผมเดาว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงที่พ่ออุ้มอยู่ น่าจะสองสามขวบได้ ผมนึกว่าแม่จะโกรธพ่อแบบไม่มองหน้าแล้วเสียอีก แต่ดูจากตอนนี้ก็น่าจะอภัยให้แล้วถึงได้พูดดีด้วยแม้จะยังไม่ปกติเหมือนเคยก็ตาม

“พ่อไปก่อนนะ เจอกันตอนเย็นนะลูก” พ่อบอก ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินตามแม่เข้าไปในบ้านและซ้อนรถของแม่ไปที่วัด ผมไม่ได้ถามแม่ว่าพ่อมาทำไม ได้แต่หิ้วปิ่นโตเดินตามไป วันนี้คนมาทำบุญที่วัดเต็มไปหมดเพราะเป็นวันเข้าพรรษาพอดี ผมกวาดตามองหาที่นั่ง เห็นไอ้เด่นมันกวักมือเรียกผม ผมเลยสะกิดบอกแม่ แม่เลยเดินเข้าไปหาครอบครัวของเด่น ผมยกมือสวัสดีพ่อกับแม่ของเด่น แล้วถึงหันไปเห็นใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเด่น หน้าตาคุ้นๆ

“ไอ้พัดโบกไง จำได้เปล่า” กลอนถามผม ผมได้ยินชื่อก็นึกได้ว่าเคยเจอที่งานวันเกิดพ่อของเด่น ชื่อแปลกๆจำง่ายดีผมเลยนึกออกได้ไว ผมยิ้มทักไป อีกฝ่ายยิ้มกลับมา ผมจำแทบไม่ได้นะ ญาติของเด่นคนนี้ดูหล่อกว่าเดิม จำได้ว่าต้องไปเก็บตัวที่ญี่ปุ่น อากาศที่นั่นคงจะดี ดูผิวพรรณดี ขาวมากด้วย ปากงี้แดงดูสุขภาพดีสุดๆ แต่เป็นนักกีฬานี่นา ก็น่าจะดูดีเพราะได้ออกกำลังกาย

“กลอนผอมลงรึเปล่าลูก” แม่ของเด่นทักผม

“มันกินอย่างแมวดมอะม๊า” เด่นรีบฟ้อง

“กินให้มันเยอะๆหน่อย เธอดูลูกเธอสิ ผอมจะปลิวได้” ม๊าลูบหัวผมแล้วหันไปคุยกับแม่ แม่ได้แต่ยิ้ม ก็ม๊าเป็นห่วงเรื่องความผอมของผมมาตั้งแต่เด็กๆ บ่นผมเรื่องนี้ทุกที แต่ผมผอมๆแบบนี้ผมก็แข็งแรงนะ

“ไปเอาถาดกับถ้วยมาใส่กับข้าวให้แม่หน่อย” แม่บอกผม ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบถาดกับถ้วยที่วัดเตรียมให้คนที่มาทำบุญใส่ถวายพระ ผมไปหยิบถาดมาให้แม่เสร็จ แม่ก็ส่งขันข้าวสวยให้

“ไปเอาข้าวใส่บาตร แม่ไปใส่มาแล้ว ตรงนั้น” แม่ชี้บอกผม ที่โต๊ะมีบาตรพระท่านเรียงอยู่ ผมเดินไปถึงที่โต๊ะวางบาตร แต่ช่วงที่กำลังจะตักข้าวใส่ มือของใครบางคนก็มาแตะที่แขนของผม ผมหันไปมองก็เห็นว่าพัดโบกมายืนอยู่ข้างหลังผม มือของพัดโบกแต่ที่แขนของผม

“ใส่ด้วย ยังไม่ได้ใส่” พัดโบกบอก ผมเลยไม่ได้ว่าอะไร แต่ตักข้าวใส่จนครบ ก่อนจะส่งขันข้าวให้พัดโบก

“ใส่เองด้วยสิ” ผมบอก

“ไม่เป็นไร แตะแล้ว ถือว่าตักบาตรร่วมขันแล้วปะ” พัดโบกพูดแล้วยิ้ม ผมอึ้งไป ก่อนจะหันกลับมาตักข้าวใส่บาตรให้หมด คราวนี้พัดโบกจับที่ข้อมือของผม ผมตกใจรีบบิดมือออก

“ชู่วๆๆ แค่ใส่บาตรเอง ตกใจทำไมละ” พัดโบกกระซิบผมเบาๆ ผมได้ยินเสียงกระซิบของลูกพี่ลูกของของเด่นแล้วต้องตกใจจนขันแทบหลุด เสียงนี่..เสียงในคืนนั้น


ผมรีบกลับมานั่งใกล้ๆแม่โดยมีพัดโบกเดินตามมานั่งข้างเด่น ผมไม่รู้ว่าตัวเองหน้าซีดจนกระทั่งเด่นมันถามว่าผมจะเป็นลมรึเปล่า มือที่ถือขันข้าวยังคงสั่น แต่ผมก็ตั้งสติแล้วเก็บอาการจนเป็นปกติ ผมแค่กลัวว่าแม่จะรู้สิ่งแย่ๆที่ผมทำ ใจง่ายนอนกับใครก็ไม่รู้ ผมขอภาวนาว่าอย่าให้เป็นพัดโบกเลย เขาเป็นญาติของเด่นด้วย ผมไม่อยากให้เด่นมันรู้สึกแย่กับผม ผมสลัดความคิดออกแล้วตั้งใจทำบุญ เผื่อผลบุญจะให้คำภาวนาของผมเป็นจริงด้วยเถิด



****โปรดติดตามไดอารี่ชีวิตของกลอนในตอนต่อไปตอนหน้านะคะ****


คู่กันแล้วก็จะไม่แคล้วกันหรอก เข้มแข็งและมีสติดีมากกลอนที่รัก เจ็บแต่เข้าใจเนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-11-2015 09:02:39 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew6:  แงๆ สงสาร มันแย่ตรงที่เลิกกันทั้งที่ยังรัก แต่ก็ตามนั้น ถ้าคนมันคู่กันก้อหนีกันไม่พ้นหรอก

 :L1: 

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
มันสุขปนเศร้า แต่กลอนกับพี่ฉลามเก่งมากจริงๆ ที่เข้าใจกันแบบนี้ :กอด1:
เซอร์ไพรส์มากที่พี่นุ๊กคือพี่ระเบิด เหลือเชื่อมากๆ แต่ก็ดีที่พี่ที่ดีของกลอนคือคนใกล้ตัว :impress2:
ความรักครั้งต่อไปของกลอนจะใช่พัดโบกไหมนะ ขอให้เป็นคนดีด้วยเถอะ :impress2:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
แน่นในอกมาก
สงสารกลอนกับพี่ฉลาม แต่ก็รู้สึกดีที่จากกันด้วยดีนะ
รายต่อไปคือพัดโบกสินะ คนนี้จะเข้าถึงเส้นชัย ได้เป็นตัวจริงของกลอนรึเปล่า ลุ้นต่อไป

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ปกตินะเราไม่ชอบอ่านอะไรที่เศร้าๆหรือหน่วงๆ
แต่ตอนพี่ฉลาม - กลอนนี่นะเป็นอะไรที่มันวางไม่ลง
น้ำตาซึม
เจ็บแต่ก็อบอุ่นด้วยความรักที่รู้สึกเหมือนกับว่ามันเอ่อล้นออกมาตามตัวอักษรที่ได้อ่าน

อ้างถึง
สิ่งดีสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากผู้ชายคนนี้นอกจากความรักแล้วก็คือความจริงใจ
อันนี้คือพรอันประเสริฐแล้วลูกเอ๋ย 
อยากบอกกลอนว่า You have been blessed.
เพราะว่ามันเป็นความรักที่ดีและยิ่งใหญ่มากๆ
ปัญหามันไม่ได้มีแค่ทางพ่อแม่พี่ฉลาม
แต่มีทางแม่และญาติของกลอนด้วย
ไม่รู้สิ  เราว่าวันหนึ่งถ้าพี่ฉลามกับกลอนยังตั้งมั่นมีใจให้กันอยู่
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ของเด็กสองคนนี้
เราคงทนที่จะเห็นลูกเจ็บไม่ได้หรอก
แล้วกลอนก็เป็นเด็กที่ดีมากๆ
รักของสองคนนี้ก็อาจจะเป็นไปได้
แต่อย่างว่าชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย
ทั้งพี่ฉลามและกลอนก็คงได้เจอใครระหว่างทางที่ปล่อยมือจากกันไป

พ่อกลอนจะกลับมาทำไม?
เอาลูกเมียใหม่มาเย้ยหยันแม่กลอนหรือไง
หรือว่าเมียใหม่ทิ้งลุกไว้แล้วไม่มีปัญญาเลี้ยง?

เป็นพัดโบกจริงๆสินะ   
พี่นุ๊กคือพี่ระเบิด
บุ๊งน่ารัก
เด่นก็แสนดี
ดีใจที่รอบตัวกลอนมีคนที่ดีๆค่ะ
ช่วยให้มีชีวิตดีขึ้นมากๆเลยค่ะ

ป.ล
อ้างถึง
คู่กันแล้วก็จะไม่แคล้วกันหรอก เข้มแข็งและมีสติดีมากกลอนที่รัก เจ็บแต่เข้าใจเนอะ

เรายังหวังได้ไหมเนี่ย?  มโนเองเองก็ได้เนอะว่าเป็นคนไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2015 03:32:14 โดย Freja »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพียงความทรงจำ
กับความรู้สึกดีดี
..พี่ฉลาม..

มาเริ่มลุ้นกับความรักใหม่

ไม่รู้ว่าพัดโบก..คนนี้
จะมีแรงยืนโยกกับกลอน
ได้นานหรือแป๊บเดียว
กว่าคนก่อนๆ หรือเปล่า
หุหุ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
คนนี้นี่เอง

ตอนนี้ก็รอดูเรื่องกลอนกับพัด
พ่อกลอนมาทำไม
แล้วก็พี่ระเบิดจะยังไง

ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
กลอนเข้มแข็ง และมีสติมาก  เป็นกำลังใจให้น่ะ....ตอนนี้ปิดท้ายด้วยการเปิดตัวพระเอกคนต่อไป 555

คนเขียน เขียนและเรียบเรียงได้ดีนะ ไม่รู้ว่าเขียนจากบันทึกของกลอน หรือจากคำบอกเล่า  จะยังไงก็คือเขียนดีอ่ะ ชอบครับ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
กลอนสู้นะ รออ่านว่าจะเป็นยังไงต่อ

ออฟไลน์ bluecoco

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หูยอ่านแล้วหลงรักกลอนนะ...ไม่แปลกใจที่ใครๆก็รักกลอน
อยากให้ได้กับพี่ฉลามที่สุดเลย...เกิดมาแล้วได้รักคนแบบนี้ก็คุ้มค่าแล้วเนอะ...พี่ฉลามก็คงคิดแบบนี้
จำใจจากมันช่างทรมานจริงๆ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
จชีวิตรักของกลอนนี่มันดราม่าจัดมาทุกรสเลยอ่ะ   แต่สิ่งที่ยอมรับเลยคือนางเสน่ห์แรงอ่าาาา  มีมาไม่ขาด

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ชายผู้เปิดซิงคนแรก กลับมาแล้ว เค๊ากลับมาพร้อมกับเต็งหนึ่งอย่างพี่ระเบิดด้วยจ้าาาาา ใครคะพระเอกงานนี้

เรื่องของพี่ฉลามเราซึ้งนะ ทำให้เราได้คิด ความรักกับความเป็นจริงที่เป็นไปได้บางทีมันก็สวนทางกัน

ออฟไลน์ rotedump

  • รถดั้มพ์ถังซัมจั๋ง
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
ถ้าหากเป็นคู่กันจริง เชื่อว่า
พี่ฉลามกับกลอนจะกลับมาพบและรักกันอีกครั้ง
สงสาทั้งสองคนเลย แย่มาก กับการที่รู้ว่ายังรัก
แต่หนทางทำให้เราไปด้วยกันไม่ได้
อึดอัดจัง แต่ความรักครั้งนี้ก็คงทำให้น้องกลอน
มีทัศนคติต่อความรักดีขึ้น และคงกล้าจะมีรัก
รออ่านชีวิตของน้องกลอนต่อนะคะ

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด