=จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: =จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61  (อ่าน 189300 ครั้ง)

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
คนที่รวม ส่วนต่างๆที่เราชอบจากคนที่เราเคยชอบนี่ ใช่รึยังนะ? แล้วพัดโบกนี่ดีจริงรึป่าววววว? น้องกลอนไม่กังวล แต่พี่อ่านพี่กังวลแทน

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ดีใจที่กลอนเปิดใจ
เรื่องของความจำไม่จำเป็นต้องล้างออกไป
ยิ่งเป็นความทรงจำที่ดีแค่เก็บไว้ที่มุมหนึ่งของใจก็พอ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook

ดีใจที่พัดเองก็ดีกับกลอนมาก...
ใจนี่อยากให้กลอนได้พบความสุขในความรักเสียที
(กลัวมากว่าพอลงเอยกับพัดโบกแล้วพี่ฉลามจะกลับมา
เฮ่ออออ... ทีนี้ป้าเลือกไม่ถูกเลยว่าจะหันหน้าไปซบอกใคร //
ได้ข่าวว่าหล่อนไม่ใช่กลอน?!!)

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^  :L2:

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เพิ่งมาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ เสียน้ำตาไปหลายปีบมาก

กลอนเป็นคนดี ทัศนคติดีจัง เป็นกำลังใจให้กลอนได้เจอคนดีๆค่ะ

ขอบคุณผู้แต่งมากนะคะ เป็นกำลังใจและรอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
ชอบกลอนที่เป็นคนตรงดี รู้สึกว่าพัดโบกไม่งี่เง่าด้วย เข้าใจอะไรง่ายๆ แต่ก็กลัวมาทำให้กลอนเสียใจ

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว  :hao7:

ออฟไลน์ Hang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
บันทึกรักที่ 4  ล้างให้ออก (ตอนที่ 3) จบตอน


ไม่รู้ว่าฟ้าจะแกล้งหรือจะช่วยผมกันแน่ เพราะสายฝนที่เริ่มซาลงเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ตอนนี้เริ่มกระหนำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาอีกครั้ง ฟ้าฝนที่เทลงมาอย่างหนักทำให้ไฟดับ เมื่อไฟดับก็ดูดีวีดีแผ่นต้องห้ามนั้นต่อไม่ได้ ผมรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องจมอยู่กับบรรยากาศล่อแหลมนั้น แต่ความโล่งใจมีได้แค่เศษเสี้ยววินาที เมื่อฟ้าผ่าลงมาตรงไหนสักแห่งใกล้ๆ ผมตกใจจนขยับไปนั่งเกยกับพัดโบกจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกัน ได้ยินเสียงพัดโบกหัวเราะเยาะในความขี้ตกใจของผม


“พัดโบกยังกลัวผีได้เลย เรากลัวฟ้าร้องผิดตรงไหน” ผมรีบพูดแก้เขินพร้อมกับจะขยับตัวออก แต่โดนมืออีกฝ่ายรัดตัวเอาไว้แน่นเหมือนงูเหลือมที่พร้อมจะเขมือบเหยื่อแล้ว

“เรายังไม่ได้ว่าอะไรเลย” พัดโบกพูดแล้วก็ขำต่อ

“ก็ขำทำไมละ ยิ่งกว่าพูดออกมาอีก”

“เราขำตัวเองต่างหาก ปกติเราก็กลัวฟ้าร้องนะ ฝังใจตั้งแต่เด็กๆ แต่พอมาเจอกลอนกลัวกว่า เรากลับไม่ตกใจอย่างที่เคย ตลกดี” ผมฟังแล้วก็นึกขำตาม มีการหายกลัวเพราะเจอคนกลัวกว่าได้ด้วยเหรอ อันที่จริงผมไม่ได้กลัวหรอก แต่ผมตกใจ มันดังมากจริงๆ คิดดูสิครับ กระจกประตูระเบียงถึงกับสะเทือนเลยครับ

“แต่ตอนนี้เราไม่ได้กลัวแล้ว ปล่อยเราได้แล้ว” ผมบอก

“กลอนเลิกกลัว แต่เรากลัว”

“อ้าว ไหนบอกไม่กลัวฟ้าร้องแล้วไง”

“เราไม่ได้หมายถึงฟ้าร้อง เรากลัวว่า..ถ้าปล่อยกลอน เราจะไม่ได้กอดกลอนแบบนี้อีก” ผมไม่ได้เห็นว่าสีหน้าของพัดโบกตอนที่พูดประโยคนี้เป็นแบบไหนเพราะในห้องมันมืด ท้องฟ้าด้านนอกก็มืดครึ้มด้วยเมฆฝน ถึงจะมีแสงไฟจากทางเดินนอกห้องเพราะคอนโดคงมีเครื่องปั่นไฟสำหรับลิฟท์และส่วนกลาง แต่ในห้องก็ยังมืด พอเห็นแค่ลางๆเท่านั้น ได้ยินเพียงน้ำเสียงที่ดูจริงจังไม่ได้หยอกล้อกึ่งทะเล้นเหมือนเคย

“อดีตของกลอนเราไม่คิดจะไปแตะต้องเลยนะ แต่อนาคตของกลอนจะมีเราอยู่ด้วยได้หรือเปล่า” ผมยอมรับว่าพอได้ฟังพัดโบกพูดแบบนี้ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆแล้วใจของผมอ่อนยวบเลย

“เรื่องของอนาคตใครจะไปตอบได้ละ ต้องไปถามหมอดูแล้วละ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ไม่อยากให้บรรยากาศมันดูจริงจังจนทำอะไรไม่ถูก

“งั้นขอเป็นปัจจุบันก็ได้ สถานะไหนก็ได้ เรายอม ให้เราได้ดูแลกลอนนะ” พัดโบกยังยื่นข้อเสนอมา

“ดูๆกันไปเรื่อยๆเนอะ อย่าไปจำกัดสถานะเลย ให้เวลาเราหน่อยนะ เรายังอยากโฟกัสเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องพ่อก่อน แต่เราไม่ได้รังเกียจพัดโบกนะ เรารู้สึกดี” ผมตอบกลับไป


ยังไม่ทันที่จะฟังว่าพัดโบกจะตอบอะไรกลับมาแสงจากท้องฟ้าสว่างวาบนำมาก่อน ผมรู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเสียงดังตามมา แต่ยังไม่ทันจะปิดหูตัวเอง พัดโบกก็ยกมือของเขามาปิดหูให้ผมและกดน้ำหนักให้ศีรษะของผมให้มาซบที่ไหล่ของเขา แล้วฟ้าก็ร้องจริงๆ คราวนี้แรงกว่าเดิม ผมสงสัยว่าจะมีสายล่อฟ้าอยู่แถวนี้หรือเปล่า ใจผมเต้นตึกตักๆเพราะลมหายใจของพัดโบกเป่ารดอยู่บริเวณแก้มของผม เมื่ออีกฝ่ายเอามือออกจากหูของผมแล้วมากดที่คางของผมแทน ผมกำลังกัดริมฝีปากเหมือนเคย ในแสงสว่างเพียงน้อยนิดแบบนี้เขาก็ยังรู้ว่าผมกัดปากตัวเองอยู่


“บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้กัด”


พัดโบกบอกก่อนจะทาบริมฝีปากของตัวเองมาที่ริมฝีปากของผม ลิ้นอุ่นๆค่อยๆเลียไปมาที่รอยแยกของริมฝีปากของผมก่อนจะสอดมันเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของผม พัดโบกไม่ได้รีบร้อนแต่ละเลียดบดเบียดและดูดดุนช้าๆจนผมรู้สึกดื่มด่ำคล้อยตามกับจุมพิตที่อ่อนโยนนี้ ร่ากายของผมค่อยๆเอนลงนอนราบบนโซฟา โดยมีพัดโบกเอนตัวตามลงมาค่อมตัวของผมเอาไว้ มือของพัดโบกล้วงเข้ามาในเสื้อนอนของผมแล้วลูบไล้ไปทั่ว มือซุกซนในเสื้อ ริมฝีปากก็ยังคลอเคลียไปทั่วใบหน้าและลำคอของผมจนผมสะท้านไปกับทุกสัมผัส ผมแอ่นหน้าอกขึ้นเพราะเมื่อเสื้อนอนของผมถูกเลิกขึ้นมา พัดโบกก็ตวัดปลายลิ้นไปทั่วๆหน้าอกของผม ยกเว้นยอดอก พัดโบกเหมือนจะแกล้งผมเพราะไล้เลียชิมเฉียดส่วนที่ไวต่อสัมผัสไปมา


“อ-อื้อ.ออ อ่าห์” ผมสะดุ้งและร้องครางโดยอัตโนมัติเมื่อลิ้นที่แกล้งลากเฉียดยอดอกไปมากลับมาจ่อที่ปลายยอดและตวัดดูดแรงๆ พัดโบกเคล้นคลึงหน้าอกของผมและดูดจนได้ยินเสียงจร้วบจร้าบแข่งกับเสียงสายฝนด้านนอก

“พัดโบก..อื้มม” ผมได้แต่ร้องเรียกแต่ไม่มีแรงจะห้าม อีกฝ่ายเหมือนจะได้ใจเลยไล่ชิมไปทั่วตัวผมจนถึงหน้าท้องน้อย ผมเกร็งท้องและกลั้นหายใจ มืออีกฝ่ายดึงกางเกงนอนยางยืดของผมลงพร้อมกับเกี่ยวกางเกงในของผมลงไปกองที่ปลายเท้า พัดโบกยกขาข้างหนึ่งของผมพาดไปที่พนักพิงโซฟา ผมจิกหมอนอิงแน่นเมื่อลิ้นร้อนเลียไปที่โคนขาอ่อน

“อื้อ..อึ๊ก..อ่าห์..พ-พ—พัดโบก ตรงนั้น อื้ออ” ผมร้องครางดัง


จุดอ่อนของผมคือตรงโคนขาอ่อนและใกล้ๆบริเวณนั้น คนรักที่ผ่านๆมาของผมไม่เคยมีใครรู้จุดตรงนั้นเลย อย่างพี่ฉลามก็มักจะจู่โจมที่ส่วนกลางเลย แต่พัดโบกกลับสาละวนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานจนผมร้องครางดังอย่างที่ห้ามไม่ได้ ผมบิดตัวไปมา เสียวเหมือนใจจะขาดจนแทบเสร็จ ผมบอกแล้วว่ามันเป็นจุดอ่อนของผมจริงๆ ผมถูกปลุกเร้าจนปวดส่วนกลางลำตัว เหมือนอีกฝ่ายจะรู้ใจ พัดโบกใช้ปากครอบครองส่วนตื่นตัวของผมแล้วรูดรั้งมันช้าๆ มืออีกข้างก็วนคลึงอยู่ที่ช่องทางคับแคบ ผมเผลอยกสะโพกรับจังหวะที่ถูกรูดรั้ง มัวแต่จมดิ่งกับอารมณ์ที่พุ่งทะยาน ไม่รู้เลยว่านิ้วของพัดโบกเข้าไปกระตุ้นคลึงอยู่ในร่างกายของผมแล้ว


“อ๊ะ..” ผมหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อนิ้วถูกดึงออกแล้วมีบางอย่างที่ใหญ่กว่ามาจ่อวนอยู่ที่รอยจีบ ชะโงกมองไปเห็นพัดโบกคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขา ผมเดาว่าพัดโบกคงกำลังใส่ถุงยางอยู่ ใจนึกอยากถามว่าเตรียมการตอนไหน สงสัยตอนผมไปอาบน้ำ ถ้าเดาต่อผมว่าพัดโบกคงรู้ว่าดีวีดีแผ่นนั้นเป็นหนังสิบแปดบวกแน่ๆ แล้วที่บอกกับผมว่าเด่นมันจะไม่ไปไหนก็คงหลอกผมอีกแน่ๆ เจ้าเล่ห์นัก แต่เดาไปก็เท่านั้น ผมปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินมาถึงตอนนี้แปลว่าผมเองก็ย่อมรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมเต็มใจเอง ผมทบทวนแล้ว ถึงไม่แน่ใจว่าหัวใจพร้อมไหมกับการเริ่มต้น แต่ผมรู้ว่าร่างกายของผมต้องการปลดปล่อยอารมณ์ความต้องการ ถ้าใครคนนั้นเป็นพัดโบก ผมรู้สึกวางใจ

“เจ็บบอกนะคนดี” พัดโบกโน้มตัวมาจูบที่แก้มของผมก่อนจะค่อยๆดันส่วนนั้นเข้ามาในร่างกายของผมช้าๆ ผมจะกัดปากแต่พัดโบกรีบชิงจูบมาเสียก่อน ลิ้นเราสองคนตวัดรัดเกี่ยวกัน ความดื่มดำในรสจูบลดอาการเกร็งของผมลง ไม่นานพัดโบกก็เข้ามาในตัวผมได้หมด

“ขอโทษนะที่ปล่อยให้ค้าง” พัดโบกกระซิบที่ข้างหูก่อนจะขบเม้มที่ติ่งหูของผม


สักพักพัดโบกก็ยันตัวขึ้นไปคุกเข่าเหมือนเดิม จับขาผมมาพาดกับไหล่ของเขาแล้วขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ ตัวผมเลื่อนไปมาตามแรงจังหวะ มือของพัดโบกกอบกุมส่วนนั้นของผมแล้วช่วยนำพาอารมณ์ที่ค้างเอาไว้ให้ดำเนินต่อไป พออารมณ์ไต่ขึ้นจวนจะทะลักทะลายพัดโบกก็หยุดนิ่งแล้วเปลี่ยนท่า โดยการจับผมพลิกตัวมาอยู่ในท่าเกาะพนักพิงโซฟาเอาไว้ พัดโบกมายืนข้างหลัง แล้วเริ่มดันส่วนกลางเข้ามาใหม่ คราวนี้พัดโบกเร่งจังหวะเร็วและแรงว่าเดิมจนเสียงเนื้อของเราสองคนกระทบกันดังเป็นจังหวะ


“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดด...อ๊ะ..” เสียงของผมดังกระท่อนกระแท่นฟังไม่ได้ศัพท์ ท้องฟ้ายังคงแลบแปลบปลาบร้องคำรามดูน่ากลัว แต่พายุอารมณ์ในห้องนี้กลับรุรแรงกว่า ผมใจจะขาดเมื่อพัดโบกกดสะโพกผมให้ต่ำลงแล้วกดสะโพกผมพร้อมกับสวนเจ้าหนูของเขาให้ทิ่มลงมาเสียดสีด้านในของผมเน้นๆ เขาหมุนควงสะโพกไปมาและเน้นจังหวะย้ำๆกับผนังด้านในของผม ผมไม่เคยเจอสัมผัสที่มีผลรุนแรงกับอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนเลย มันเสียวมากครับ เสียวโดยที่คราวนี้พัดโบกไม่ได้จับส่วนอ่อนไหวของผมด้วยซ้ำ ผมกัดปาก กำมือแน่น เริ่ดหน้าขึ้นแล้วก่อนจะปล่อยครางเสียงดังเพราะภายในของผมมันแผ่วร้อนและสั่นสะท้านตั้งแต่หัวถึงปลายเท้า ผมไม่รู้ว่าตัวเองลอยได้หรือเปล่า แต่ผมรู้สึกแบบนั้น มันหวิวไปหมด เลืองลางไปหมด ผมปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกับพรูลมหายใจที่อัดแน่นรุนแรงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

“อื้ม  ซี๊ดดดด กลอน ดีจังเลย ซี๊ดดดดดดดดดด อึ๊ก..กก อ่าห์..” ไม่นานพัดโบกก็เสร็จตามผมมา เมื่ออีกฝ่ายดึงส่วนกลางออกจากตัวผม ผมถึงกลับทิ้งตัวลงไปนั่งกับโซฟาแล้วหายใจหอบเหนื่อย ผมเกร็งร่างกายจนเหนื่อย มันสุขล้น ยอมรับว่าเป็นซ็กส์ที่ทำให้ผมสะท้านที่สุดตั้งแต่เคยมีมา

“เหนื่อยเหรอ” พัดโบกลงมานั่งข้างผมแล้วจับตัวผมให้มานั่งซ้อนตักหันหน้าเข้าหาเขา

“จะต่ออีกเหรอ” ผมถาม รอบเดียวผมก็ใจจะขาดแล้ว ยังเสียววาบๆที่หน้าท้องอยู่เลย

“เปล่า อยากเห็นหน้า” พัดโบกใช้นิ้วเกลี่ยเหงื่อที่หน้าผากให้ผม ในแสงสว่างลางๆ แต่เราอยู่ใกล้กันจนพอที่จะเห็นใบหน้าของกันและกัน สีหน้าของพัดโบกดูอ่อนโยนมากๆ

“ดีไหม ชอบไหม มีความสุขหรือเปล่า” พัดโบกถามผม ผมพยักหน้า พัดโบกยิ้มแล้วโอบรอบเอวของผม ดันผมให้ขยับเข้ามาแล้วจูบผม จูบที่เนิ่นนานกว่าจะถอนออก

“เราจะอยู่ตรงนี้นะ วันนี้ไม่พร้อมจะรักเราก็ไม่เป็นไร แต่เราจะอยู่ข้างๆ จะเป็นทุกอย่างให้นะ” พัดโบกลูบไล้ที่ใบหน้าของผมก่อนจะหอมที่แก้มของผม ผมรู้สึกดีนะ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ก่อตัวขึ้นในใจ ขอให้มั่นใจอีกหน่อยว่าผมล้างใครบางคนออกจากหัวใจได้ แล้วผมจะบอกเขา ถึงวันนี้ผมไม่ได้พูดออกมาว่าผมรักเขาเพราะไม่มั่นใจ แต่ผมก็ไม่คิดจะดูใจใครอื่นและนอนกับใครอื่นนอกจากเขา คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมจะทำให้ผู้ชายคนนี้ได้ในตอนนี้

“อื้อ... ไหนว่าไม่แล้วไง อ—อื้อมมม” ผมถามติดๆขัดๆเมื่อพัดโบกดูดกลืนยอดอกของผมจนอารมณ์ของผมเริ่มตะเหลิดอีกครั้ง

ก็อกๆๆๆ ก็อกๆๆ


เสียงเคาะประตูหลายทีทำให้ผมตกใจ ผมรีบลุกขึ้นมายืน พัดโบกเองก็ด้วย ฝนตกหนักแบบนี้และดึกป่านนี้ไม่รู้ว่าใครมาเคาะหรือจะเป็นเด่นที่กลับมา ผมรีบคว้าเสื้อผ้าเดินฝ่าความมืดเข้าไปในห้อง บอกพัดโบกว่าให้เก็บถุงยางไปทิ้งด้วย ผมเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยดีก็คลำหาไฟฉายที่เก็บเอาไว้ที่โต๊ะทำงาน หาเจอก็รีบเดินออกมานอกห้อง ผมฉายไปที่ประตูห้อง ก็เห็นพัดโบกอยู่ในชุดกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวยืนพิงประตูอยู่ ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ตรงปากประตูก็คือ..


“พี่นุ๊ก..” ผมร้องเรียกเพราะตกใจ ไม่คิดว่าพี่จะเป็นพี่นุ๊ก พี่เขาไม่เคยมาหาผมที่คอนโดเลย หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ฉลาม ผมเริ่มใจไมดี

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมรีบเดินไปหาแล้วถาม พัดโบกขมวดคิ้วมองผมสลับกับพี่นุ๊ก

“ไม่มีอะไร พี่เห็นไฟดับนานแล้ว กลัวกลอนจะกลัวฟ้าร้องเลยแวะมาดู” พี่นุ๊กบอกพลางมองไปที่พัดโบกเหมือนกัน

“พี่รู้ได้ไงว่ากลอนกลัวฟ้าร้อง” ผมถาม อีกฝ่ายอึ้งไปจนผมคิดว่าผมรู้คำตอบ ซึ่งถ้าผมเดาถูก คำตอบนั้นมาสั่นคลอนหัวใจผมจนไหวหวั่นอย่างรุนแรง

“หม้อแปลงหน้าปากซอยถูกฟ้าผ่าจนระเบิด คงอีกพักใหญ่เลยกว่าไฟจะติด แต่มีเพื่อนอยู่ด้วยแล้วพี่ก็ไม่ห่วงแล้ละ ถ้ามีอะไรโทรเข้าหาพี่ที่บ้านได้เลยนะ” พี่นุ๊กไม่ตอบคำถามผม ผมเลยมั่นใจแล้วว่า พี่ฉลามคงจะบอกให้พี่นุ๊กมาดูผม แต่พี่ฉลามรู้ได้ยังไงว่าฝนตกไฟดับหรือว่าพี่เขาจะกลับมาแล้วโดยที่ผมไม่รู้ เหมือนพี่นุ๊กจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

“พอดีฉลามมันโทรมาคุยกับพี่อยู่พอดี พี่ไปนะ” พี่นุ๊กยิ้มให้ผมแล้วก็เดินออกไป ผมหันไปมองพัดโบกที่ยืนทำหน้าเฉยๆอยู่ ผมเดินถอยกลับมาพัดโบกก็ปิดประตู

“พี่เขาเป็นเจ้าของคอนโดนี้ เป็นพี่ชายของพี่ฉลาม” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ พัดโบกหันกลับมายิ้มให้ผมก่อนจะดึงเอวผมไปกอดแล้วพาเดินกลับมานั่งที่โซฟา

“ยืมไฟฉายหน่อย” พัดโบกบอก ผมส่งให้ ไม่รู้อีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ พัดโบกเดินหายไปในครัวก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับกล่องเมลามีนสีขาวลายดอกไม้สีชมพูหวานเชียว

“อะไรอะ” ผมถาม พัดโบกวางไฟฉายที่โต๊ะกลางพร้อมกับนั่งลงที่โต๊ะกลางนั่นแหละก่อนจะเปิดฝาชามเมลามีนที่ยกมา ข้างในเป็นเอแคลร์วางเรียงรายเต็มไปหมด

“น่ากินจัง ทำเองหรือซื้อ” ผมถาม

“ถามแบบนี้ฉีกใบเชฟทิ้งเลยดีกว่า ทำเองสิ ของที่กลอนชอบเราไม่ให้กินฝีมือคนอื่นหรอก” พัดโบกพูดแล้วหยิบขนมมาหนึ่งชิ้นแล้วป้อนผม

“อร่อยจังเลย สุดยอด” ผมชิมแล้วยกนิ้วให้ อร่อยมากๆครับ อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมาเลย

“จริงดิ ไหนชิมหน่อย” พัดโบกโน้มตัวมาจูบปากผม แทรกลิ้นมากวาดทั่วโพรงปากของผมก่อนจะถอนออก

“อืม อร่อยจริงๆ อร่อยกว่าตอนชิมข้างนอก สงสัยต้องกินต่อจากกลอนตลอดถึงจะอร่อย” พัดโบกพูดจบก็หยิบเอแคลร์ป้อนผมใหม่

“มั่วแล้ว” ผมว่าเขา เขาหัวเราะก่อนจะเปิดเสื้อผมออกแล้วหยิบเอแคร์มาบี้ลงกับหน้าอกของผม

“ทำอะไร เปื้อนหมดแล้ว” ผมตกใจ เอแคลร์เย็นๆมาโดน ยอดอกผมแข็งชันเพราะขนลุกเลย

“จัดให้นะ” พัดโบกยิ้มแล้วลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น ก่อนจะเลียยอดอกของผมจนไม่เหลือเศษซากของขนมเมื่อครู่เลย ผมสิจะบ้าตาย ขนลุกเกรียวแล้วก็เกร็งไปหมด

“อร่อยกว่าปกติจริงๆนะ” พัดโบกบอกแล้วจับมือผมให้ลุกขึ้นเดินตามมาที่ห้องครัว อีกมือก็ถือขนมมาด้วย เขาผลักผมลงนอนลงบนโต๊ะกินข้าว ก่อนจะจัดการถอดเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งใส่ออกจนหมด แล้วก็ละเลงเอแคลร์ทั่วร่างกายของผมเลย ผมใจเต้นแรง เกิดมาเพิ่งเคยโดนทำแบบนี้ ที่สำคัญผมกลับไม่ปฏิเสธเลย ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเอง


ผมไม่รู้ว่าคืนนั้นฝนหยุดตกเมื่อไหร่ ผมจมดิ่งกับรสรักที่ผมไม่เคยคิดว่าจะถูกกระทำแบบนี้เลยในชีวิต ผมถูกพัดโบกมอบความแปลกใหม่และความรัญจวนใจอย่างที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน ทุกท่วงท่าทุกลีลาที่ผู้ชายคนนี้มอบให้มา มันไม่ใช่แค่ความเร้าร้อนของอารมณ์ทางเพศ แต่มันอ่อนโยนและผมรู้สึกได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียด ทุกอากัปกิริยาของผมที่ส่งตอบกลับไป มันทำให้อีกฝ่ายเก็บรายละเอียดแล้วนำมาปรนเปรอให้ผมจนผมสำลักความสุขไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ไม่ใช่เพียงแค่ในครัวที่ผมถูกพาไป แทบจะทุกพื้นที่ของห้องที่พัดโบกทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิงจนไม่รู้เวลาเลย จนกระทั่งพัดโบกพาผมมานอนที่เตียง เช็ดตัวให้ผมอย่างทะนุถนอม เช็ดทุกส่วนของร่างกายจนผมสบายตัวแล้วผล็อยหลับไป


..ในคืนนั้นผมนอนหลับสนิท ไม่ได้ฝันอะไรเลย คงเพราะความอ่อนเพลีย ผมรู้แต่ว่า ผมมีความสุข สุขจากการกระที่อ่อนโยนเอาใจใส่ของพัดโบก และลึกกว่านั้น ผมมีความสุขมากๆ เมื่อรู้ว่าใครอีกคนของที่อยู่คนละฝากฟ้า เขายังคงคิดถึงและเป็นห่วงผมอยู่ เขายังไม่ได้ลืมผม..

....
..
.


((มีต่อด้านล่างค่ะ))

V
V

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 21:14:18 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


หลังจากคืนวันนั้น ผมและพัดโบกก็คงทำตัวตามปกติเวลาที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น แม้กระทั่งเด่นเองก็ไม่ได้ผิดสังเกตหรือถามอะไร ผมไม่แน่ใจว่าเด่นจะรู้เห็นเป็นใจให้พัดโบกเข้ามาในชีวิตของผมหรือเปล่า แต่เมื่อมันไม่ได้พูดอะไรกับผม ผมก็เลยวางตัวแบบที่เคยเป็น ไม่ได้แสดงตัวอะไรให้มันมาถาม ส่วนพัดโบก เขาทำให้ผมผิดคาด ผมนึกว่าเขาจะเผลอลืมตัวแสดงออกกับผมมากกว่าเพื่อนธรรมดา แต่ไม่เลยครับ เขาเก็บอาการได้ดี เขาไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดใจหรือลำบากใจเลยเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แม้ว่าเวลาที่ผมกลับบ้านไปหาแม่ บางทีพัดโบกจะตามกลับไปด้วย แต่พัดโบกวางตัวดี ทำตัวจนเป็นที่รักของแม่ผม แม่ดูจะเอ็นดูพัดโบกมาก พัดโบกทำให้แม่ยิ้มได้มากกว่าผมเสียอีก ผมเองเพิ่งรู้จากเด่นว่า พ่อแม่ของพัดโบกเพิ่งเสียจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พัดโบกเหลือแค่ครอบครัวทางแม่ที่อยู่ในไทยก็คือครอบครัวของเด่น ส่วนครอบครัวทางพ่อของพัดโบกอยู่ที่ญี่ปุ่น มิน่าพัดโบกถึงขาวขนาดนี้เพราะมีเชื้อสายญี่ปุ่นอยู่นี่เอง


ผมตัดสินใจเล่าเรื่องของพัดโบกให้บุ้งฟัง ทีแรกบุ้งก็เหมือนจะตั้งแง่ไม่ชอบพัดโบก บุ้งอยากให้ผมรอพี่ฉลาม แต่พอผมพาพัดโบกมาเจอกับบุ้ง พัดโบกก็เป็นที่รักของเพื่อนๆผมไปอีก ถึงจะมาสายทำอาหาร แต่พอคุยกับเสือเรื่องรถ ดันถูกคอจนดื่มน้ำเมาร่วมสาบานกันเลยทีเดียว พัดโบกมาอยู่กับผมจนหมดเทอม ผมเก็บวิชาที่เหลือครบแล้ว มั่นใจว่าผ่านทุกตัว ทีนี้ก็เหลือแค่การฝึกงาน ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหา ผมผ่านอยู่แล้วแน่ๆ ผมโล่งใจมาก ในที่สุดก็เรียนจบเสียที ถ้าไม่ผิดตามที่ผมคาดเอาไว้ ผมจะได้เกียรตินิยมมาฝากแม่กับพ่อด้วย


“ถ้าเราไม่อยู่ต้องกินข้าวให้ตรงเวลานะ” พัดโบกเชยคางผมให้หันมามองหน้าเขา ผมนั่งทำรายงานอยู่บนเตียง ส่วนเขานั่งที่เก้าอี้ที่ลากมาตั้งข้างเตียง เราอยู่กันสองคนในห้อง เพราะเด่นไปเที่ยวทะเลกับแฟนอีกแล้ว แฟนคนใหม่ด้วย สงสัยมันจะทำยอดลงกินเนสบุ๊ค ไม่เคยซ้ำหน้าเลยจริงๆ

“รู้เปล่า ตั้งแต่พัดโบกมาอยู่กับเรา เราอ้วนขึ้นตั้งเยอะ แม่ยังบอกเลยว่ามีเนื้อมีหนัง” ผมยกแขนขึ้นมาดู พัดโบกหัวเราะแล้วกัดเบาๆที่แขนของผม

“เราชอบ จับตรงไหนก็นุ่มนิ่ม” พัดโบกพูดจบก็โน้มตัวมาหอมแก้มผม

“ไปปีหนึ่งเลยเหรอ” ผมถามแก้เขิน พัดโบกต้องกลับไปเรียนให้จบคลาส พัดโบกเล่าว่าตอนแรกไม่คิดจะกลับมาที่นี่ด้วยซ้ำ แต่พอรู้ว่าผมกำลังอกหักเลยรีบกลับมา ผมเคยบอกเขาไปว่าผมไม่เชื่อว่าเขากลับมาเพราะผม แต่หลายๆอย่างมันทำให้ผมเริ่มเชื่อว่าผู้ชายคนนี้หลงรักผมจริงๆ

“อืม อยากรีบไปเรียนให้จบแล้วจะได้รีบกลับมา อย่าเป็นเด็กดื้อนะ” พัดโบกบอกผมก่อนจะกระโดดขึ้นมานอนบนเตียงแล้วเท้าคางมองผม

“ใครกันแน่ที่ดื้อ” ผมย้อนถาม เมื่อวานเราเถียงกันเรื่องที่เขาชอบขับรถเร็ว พัดโบกบอกว่าถ้าไม่ได้เรียนเชฟจะไปเป็นนักแข่งรถ

“ไม่ดื้อแล้วไง”

“ก็ดีแล้ว เราก็จะกินข้าวตรงเวลา สบายใจได้รึยังคนขี้บ่น” ผมบอกเขา เขายิ้มแล้วก็ขยับๆตัวมานอนที่ตักของผม

“จะคิดถึงเราไหม” พัดโบกถามผม ผมก้มลงมามองหน้าคนที่มาหนุนตักของผมอยู่

“คิดถึงสิ คนเคยเจอกันบ่อยๆ ไม่อยู่ก็ต้องคิดถึง”

“เราไม่อยากกลับไปเลย แต่เราอยากมีอนาคตที่ดี เราจะได้ดูแลกลอนกับแม่ได้” ผมอึ้งไปเมื่อได้ยิน ผมไม่คิดว่าพัดโบกจะคิดเผื่อไปถึงแม่ของผม

“ทำเพื่อตัวเองคือจุดมุ่งหมายที่พัดต้องบอกตัวเองนะ คนอื่นค่อยมาทีหลัง” ผมบอกเขา

“กลอนกับแม่ไม่ใช่คนอื่นสำหรับเรานะ อีกอย่าง ตั้งแต่พ่อแม่เราตาย เราไม่มีจุดมุ่งหวัง จนมาเจอกลอน มันทำให้เราอยากมีอนาคตที่ดี”

“งั้นก็ทำตัวดีๆนะ ถ้าทำตัวไม่ดีเราจะตีให้ก้นลาย” ผมพูดจบอีกฝ่ายก็ยิ้มกว้าง


อีกแค่สามวันพัดโบกก็จะเดินทางแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะผมมีภูมิคุ้มกันตั้งแต่ตอนพี่ฉลามหรือเปล่า ผมถึงได้ไม่รู้สึกทรมานในการจากลามากเท่าที่คิดเอาไว้ ผมรู้ตัวดีว่าผมรับเอาพัดโบกเข้ามาในใจแล้ว ช่วงเวลาเกือบครึ่งปีที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กันแทบจะทุกวัน นอกจากความรู้สึกดีๆที่มันกำลังกลายเป็นความรักมันก็คือความผูกพันด้วย ผมไม่เคยทะเลาะกับพัดโบกเลย บุ้งเคยบอกว่าที่ผมไม่ได้ทะเลาะกับพัดโบกมีอยู่สองประเด็น คือ หนึ่งเพราะยังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นรักเหนือสิ่งอื่นใดยอมกันได้ทุกอย่างกับ สอง เพราะผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากรักครั้งนี้เท่าที่ผ่านมา ผมปล่อยตัวสบายกว่าเดิม พัดโบกก็ไม่มีครอบครัวให้ผมต้องมากดดันเรื่องรับได้หรือไม่ได้ เลยไม่มีอะไรให้เป็นประเด็นมาเถียงกัน มันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้


วันที่พัดโบกเดินทางไปญี่ปุ่น ผมใจหายนะถึงปากจะบอกว่าโอเค แต่ลึกๆผมก็รู้สึกเหงา พัดโบกเป็นคนเอาใจเก่ง ผมทำงานหนักกลับมาก็จะคอยมานวดหรือทำอะไรอร่อยๆเอาไว้ให้ ส่วนเรื่องบนเตียงไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ผมขอมอบถ้วยให้เลย บางทีผมก็แอบสงสัยนะ ว่าก่อนหน้าผม พัดโบกอาจจะเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน อย่างเต็งหนึ่งนี่ได้ทั้งชายทั้งหญิง คบผมเพราะอยากลอง พี่รันยิ่งไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายแน่ๆ พี่เขาหวั่นไหวเพราะความใกล้ชิด ส่วนพี่ฉลามเองเขาก็บอกว่าผมคือผู้ชายคนแรกที่เขามีอะไรด้วย ทุกอย่างที่พี่ฉลามทำให้ผมมันมาจากอินเนอร์ล้วนๆ มีศึกษาจากหนังนิดหน่อย แต่พี่เขาก็ยืนยันว่าไม่ชอบดูผู้ชายคนอื่นนอกจากผมคนเดียว แต่พัดโบกดูจะชำนาญ รู้จุดที่จะทำให้ผมถึงจุดหมาย จุดที่ผมก็ไม่เคยรู้ว่ามันจะทำให้ผมสะท่านได้มากถึงขนาดนั้น แต่ถึงจะสงสัยยังไงผมก็ไม่เคยถามเขาเพราะเอาจริงๆผมกับเขายังไม่ได้ตกลงเลยว่าจะคบกัน เป็นผมเองแหละครับที่ยังไม่อยากพูดเรื่องนี้



หลังจากที่พัดโบกกลับไปที่ญี่ปุ่นแล้วไม่กี่อาทิตย์ พ่อของผมก็อาการทรุดลง ผมอาสาไปนอนเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล เพราะน้องสาวของผมก็ยังเล็ก พี่นิ่มคงไม่สะดวกจะมานอนเฝ้า ผมเองก็อยากดูแลพ่อด้วย พี่เหิรก็ใจดีกับผมมาก ให้ผมเลิกงานเร็วและมาทำงานสายได้ พี่เขาบอกว่าเขาเคยทำงานจนละเลยแม่ของเขา จนแม่เขาเสียชีวิตโดยที่เขาไม่ได้ดูแลแม่เลย เขาเลยเข้าใจและอยากให้ผมทำหน้าที่ได้เต็มที่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เอางานมานั่งทำที่โรงพยาบาลด้วย มันเงียบดีครับ ทำตอนที่พ่อหลับ ดูแล้วว่าไม่ได้กวนหรือเกะกะอะไร ดีกว่าอยู่เฉยๆ เพราะส่วนมากพ่อจะนอนหลับ ท่านดูผอมลงมาก เพลียและเหนื่อยง่าย ทานอะไรไม่ได้ อาเจียนออกหมด ผมรู้ว่าอาการของพ่อเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว แต่ผมก็ได้แต่หวังว่าท่านจะอยู่กับผมได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


“เหนื่อยไหมมึง” เด่นถามผมในวันที่ผมเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วกลับมาซัก คืนนี้พี่นิ่มจะอยู่เฝ้าพ่อเอง เพราะแม่ของพี่นิ่มมาค้างที่บ้าน เลยดูแลน้องสาวต่างมารดาของผมให้

“ไม่เหนื่อยหรอก ไม่ได้ทำอะไรเลย ส่วนใหญ่พยาบาลเขาก็ทำให้หมด”

“แล้วอาการพ่อมึงเป็นไงบ้าง”

“ไม่ค่อยดี พ่อกินอะไรไม่ได้เลย” ผมตอบพลางถอนหายใจเมื่อนึกถึงพ่อ

“กูรู้ว่ามึงเข้มแข็ง แต่ยังไงกูก็อยู่ตรงนี้นะ มึงมีอะไรบอกกูได้ตลอด ให้กูไปช่วยเฝ้าพ่อมึงก็ได้”

“ขอบใจมาก แล้ววันนี้ไม่ไปไหนเหรอ” ผมถาม ปกติวันหยุดแบบนี้มันไม่เคยอยู่คอนโดหรอกครับ

“ขี้เกียจ อยากอยู่เจอมึงบ้าง ไอ้หมาน้อยของกู ผอมลงเปล่าวะ ไหนดูพุงดิ๊” เด่นมันเดินมาโอบไหล่ผมแล้วจี้ไปที่พุง ผมยิ่งบ้าจี้อยู่เลยเอากระเป๋าเหวี่ยงใส่มัน มันน่าจะชอบอะไรที่ซาดิส ชอบให้ผมรุนแรงใส่ ยังมีหน้ามาหัวเราะชอบใจอีก

“เออ กูว่าจะถามหลายที แต่ก็ปากหนัก มึงมีอะไรกับไอ้พัดเปล่าวะ” ในที่สุดเด่นก็เอ่ยปากถามผม

“นึกยังไงถึงถาม” ผมไม่ได้ตอบแต่ย้อนถามกลับ

“ก็กูรู้ว่าพัดโบกมันเป็นเกย์ มันน่าจะชอบมึงแหละ แต่ดูแล้วบางทีเห็นเฉยๆกันเลยไม่รู้ว่ามันมาจีบมึงหรือเปล่า”

“เหรอ พัดโบกเป็นเกย์เหรอ แล้วเขามีแฟนหรือเปล่า” ผมถามกลับไป อยากรู้จริงๆครับ ไม่ใช่แกล้งทำเป็นสนใจเพื่อกลบเกลื่อน

“อืม เป็นมานานแล้ว เป็นมาก่อนที่กูรู้ว่ามึงก็เป็นอีก แฟนมันก็เป็นคนญี่ปุ่นนั่นแหละ ตัวขาวจั๊วะ ตัวเล็กกว่ามึงอีก ออกนุ่มนิ่มกว่ามึงหน่อย แต่มันรักๆเลิกๆ ทะเลาะกันบ่อย ไม่รู้ว่ายังคบกันหรือเปล่า” คำบอกเล่าของเด่นทำเอาหัวใจของผมเสียการทรงตัวไปได้เหมือนกัน ผมรีบเก็บอาการแล้วถามต่อ

“รู้ได้ไงอะ เคยเห็นเหรอ”

“เคย..ตอนไปหามันที่ญี่ปุ่น โคตรจะหลงแฟนเลย มันไม่ได้มาจีบหรือทำอะไรมึงใช่ไหม” เด่นมองหน้าของผมพร้อมกับถามอย่างจับผิดอีกครั้ง

“เปล่า ก็ทะลึ่งทะเล้นหยอดไปตามประสาพัดโบกแหละ”

“อืม แต่ถึงมันจีบมึง มึงก็คงไม่สนใจ กูคิดว่ามึงยังลืมไอ้หนุ่มข้างคอนโดไม่ได้หรอกถึงไม่ได้ถามแต่แรก”

“ทำไมถึงคิดว่าเราลืมเขาไม่ได้ละ” ผมถามไป แต่สมองคิดแต่เรื่องของพัดโบกอยู่ ตอนนี้ผมรู้สึกหน่วงๆในใจ จะเจ็บจนอยากร้องไห้มันก็ไม่เชิง ใจมันแกว่งๆ แค่รู้สึกผิดหวังที่พัดโบกไม่ได้เล่าเรื่องแฟนให้ผมฟัง อย่างน้อยถ้าพูดออกมาอย่างจริงใจผมก็จะเข้าใจได้และจะได้รู้ว่าผมควรจะวางตัวยังไง

“ก็มึงรักเขามากไม่ใช่เหรอวะ เออ...กลอน กูเคยเล่าให้มึงฟังไหมว่าเขามาถามกูก่อนไปเมืองนอกว่ากูรักมึงหรือเปล่า”

“อะไรนะ” สติผมกลับมาที่เด่นในทันที ผมไม่เคยรู้ เด่นไม่ได้เล่า

“กูไม่ได้เล่าเหรอวะ สงสัยลืม พี่เขามาถามกู เขาบอกว่าเขาเห็นกูเล่นถึงเนื้อถึงตัวกับมึง กอดมึง ท่าทางตอนที่เขามาถามกู แบบ..หึงแทบฆ่ากูได้เลยมั๊ง กูก็แปลกใจว่ามาเห็นได้ไง เพราะกูจะเล่นแบบนั้นกับมึงในที่ส่วนตัวเท่านั้น กูว่าแม่งต้องมีญาณทิพย์ แต่กูก็บอกไปว่ากูกับมึงเล่นแบบนี้มาตั้งแต่มึงยังไม่มีผัวแล้ว..โอ้ย!! มึงตีกูทำไม”

“ก็ปากแกเนี่ย!!” ผมอยากจะฟาดมันอีกทีแรงๆด้วยซ้ำ

“ก็มันโมโหเหมือนกันนี่หว่า ทำมาหวง กูก็หวงเพื่อนกู กูยังไม่ว่าสักคำที่มาจีบเพื่อนกูเนี่ย”

“แล้วเขาว่าไง”

“เขาก็เปลี่ยนโหมดมาทำเป็นมาดพระเอก บอกว่าฝากมึงด้วย มีมาข่มทับกูอีก”

“ข่มยังไง”

“แม่งบอกว่าถึงกูรู้จักมึงนานกว่าเขา แต่กูรักมึงไม่เท่าที่เขารักมึงหรอก แม่ง พระเอกมาเลย สัส รักจริงแล้วทิ้งมึงทำไม ฟายเอ้ย โอ้ย..ตีกูทำไมอีก” เด่นมันโวยวายเมื่อผมตีมันอีกรอบ

“หมั่นไส้ล้วนๆ” ผมบอกมัน มันลูบแขนตัวเอง ทำหน้าสยองใส่ผม

“ตัวนิดเดียวแรงเยอะชิบ” มันบ่น


ตอนนี้บอกตรงๆว่าผมรู้สึกสับสนในใจ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะเสียใจหรือดีใจกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รู้ทั้งสองเรื่อง ผมรู้ว่าพี่ฉลามรักผม แต่เรื่องของเรามันคงลงเอยกันไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นความรักที่ผมมีให้พี่ฉลามก็ยังชัดเจนเสมอมาและผมยังคงดีใจมากเมื่อรู้ว่าเขายังคงไม่ลืมผม ส่วนความรู้สึกที่มีให้กับพัดโบก ผมยังไม่แน่ใจว่าผมรักเขารึยัง ถ้าผมจะไม่ได้เจอกับเขาอีก แค่คิดแบบนั้น ผมก็รู้สึกแปลบๆในใจเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริง สุดท้ายแล้ว ผมอาจจะไม่เหลือใครสักคนเลยก็ได้ที่จะมายืนเคียงข้าง ผมคงจะโดนสาปในเรื่องความรัก ผมควรจะชินกับมันเสียทีใช่ไหมครับ


...
..
.


พัดโบกยังคงส่งเมลล์มาหาสม่ำเสมอ ผมอ่านทุกฉบับแต่ไม่ได้ตอบกลับเหมือนทุกครั้ง คอลสไกป์มาผมก็ไม่รับ ปกติผมไม่เคยเป็นแบบนี้นะ ผมไม่ชอบหนีปัญหา ชอบแบบตรงๆจริงใจกันไปเลย แต่ไม่รู้ทำไมว่าคราวนี้ผมกลับทำแบบนี้ บุ้งบอกว่าสิ่งที่ผมทำเรียกว่างอน ผมแอบเถียงในใจว่าผมไม่ได้งอน แต่แค่ไม่อยากรับรู้หรือคุยอะไรทั้งนั้น แล้วแทนที่คนที่เคยตั้งแง่กับพัดโบกอย่างบุ้งจะเข้าข้างผม มาคราวนี้กลับเข้าข้างพัดโบก บุ้งบอกว่าเรื่องมันอาจจะนานมาแล้ว เขาอาจจะเลิกกันแล้ว เพราะที่เด่นเล่ามันคือเรื่องที่ไม่ใช่ปัจจุบัน บุ้งให้ผมถามพัดโบกตรงๆ แต่ผมก็ไม่ยอมถาม นี่แหละ บุ้งถึงบอกว่าผมกำลังงอน


แล้วระยะหลังมานี่ ผมก็ไม่ได้รับเมลล์จากพัดโบกอีกเลย ผมรู้สึกใจหายเหมือนกัน แต่ก็ทำใจแข็ง พยายามทำว่าไม่สนใจ แต่ทุกครั้งที่เปิดอีเมลล์เช็คงานก็อดจะหวังไม่ได้ว่าอาจจะมีของพัดโบกส่งมา แต่ก็เปล่า เขาก็คงจะเบื่อแล้ว คงไม่อยากง้อผมแล้ว การที่ต้องมานั่งเอาใจผม คนที่บอกกับเขาว่าไม่เคยลืมคนรักเก่ามันก็คงใจร้ายกับเขาเหมือนกัน ผมเรียกชื่อเขาผิดเป็นพี่ฉลามไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยโกรธ เคยแอบดีใจที่เจอคนมีเหตุผลเหมือนตัวเอง แต่ลึกๆแล้วอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้รักผมมาตั้งแต่แรกอย่างที่ผมเชื่อก็ได้ เขาถึงได้ไม่รู้สึกอะไรหากผมยังคงมีพี่ฉลามในหัวใจ


..ก็คงเป็นอีกครั้ง ที่ผมก็คงจะปล่อยให้ความรู้สึกเจ็บปวดมันผ่านไป กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก ตลอดเวลาที่อยู่กับพัดโบก เขาก็เต็มที่กับผมมากๆ ถึงแม้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่ผมหวังจะให้จบลงแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะใช้คำว่าชินชาหรือเบื่อความรักดี ผมชักไม่อยากให้ใครก้าวเข้ามาในชีวิตของผมแล้ว ถึงผมจะเข้มแข็ง แต่เวลาอ่อนแอผมก็ทรมานมากๆ ผมก็เป็นแค่คนๆหนึ่งบนโลกที่ร่างกายยังขับน้ำตาออกมาได้เหมือนคนอื่นๆ กลไกหัวใจ เวลาที่สั่งให้เข้มแข็ง สั่งบ่อยๆเข้ามันก็คงจะชำรุดได้ในสักวัน ผมไม่อยากให้มันพังลง ผมยังต้องใช้ความเข้มแข็งเพื่อครอบครัวของตัวเองอีก คงจะพอเสียทีกับเรื่องของความรัก..


พักนี้อาการของพ่อเริ่มหนักขึ้นมากกว่าเดิมเข้าไปอีก ผมแทบไม่ได้นอนเลยครับ เพราะพ่อร้องโอดครวญจากความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในร่างกายแทบจะทั้งคืน ผมสงสารพ่อ ท่านคงทรมานจริงๆ พี่เหิรบอกว่าผมไม่ต้องไปเข้าไปฝึกงานในช่วงนี้ ให้ผมดูแลพ่อให้เต็มที่ พี่เขายินดีเซ็นใบรับรองการฝึกงานให้ผมไปยื่นกับทางมหาวิทายาลัย ผมซาบซึ้งกับความเมตตาที่พี่เหิรให้ผม แต่ผมก็ไม่มีเวลาทำงานเลยจริงๆ ผมรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับพ่อแล้วอยากให้เวลากับท่านให้เต็มที่


และคงเพราะผมพักผ่อนได้น้อย จู่ๆวันนี้ผมก็ไข้ขึ้นสูง หมอบอกว่าผมเป็นไข้หวัด ให้ยามาทานแล้วให้กลับมาพักที่บ้าน เพราะกลัวว่าผมจะเอาเชื้อหวัดมาแพร่กระจายสู่พ่อได้ ผมเลยไม่ได้อยู่เฝ้าพ่อ กลับมานอนที่คอนโดแทน เด่นมันก็ไม่อยู่ มันก็ไปฝึกงานเหมือนกัน มันต้องไปเอาท์ติ้งกับพี่ๆที่บริษัท ผมเลยแวะซื้อข้าวต้มกลับเข้ามาเพราะรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมดไม่อยากมาทำอะไรกินเอง พอกลับมาถึงคอนโดก็ต้องประหลาดใจ ได้กลิ่นหอมๆลอยมาจากในครัว คิดว่าไม่น่าใช่เด่น เด่นไม่เคยเข้าครัวอยู่แล้ว ผมเดินเข้ามาถึงในครัว ก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยยืนล้างจานอยู่ ผมยืนมองอยู่นานจนอีกฝ่ายหันหลังกลับมา พอเจอผมก็ส่งยิ้มกว้างให้แล้วเดินเข้ามาหา ในความประหลาดใจมันซ่อนความน้อยใจและดีใจปะปนกันอยู่


“กลับมาแล้วเหรอ หิวไหม กับข้าวเสร็จแล้วนะ เฮ้ย ทำไมตัวร้อนแบบนี้ละ” เขาจับที่แขนของผมแล้วโวยวายออกมาด้วยความตกใจ

“เราซื้อข้าวมากินแล้ว” ผมตอบไปสั้นๆ

“ไม่ได้ เราบอกแล้วไง ว่าเราอยากให้กลอนได้กินของอร่อยๆที่เราทำ” อีกฝ่ายดึงข้าวต้มในมือผมไปแล้วเดินเอาไปทิ้งขยะ ผมไม่มีแรงจะต่อว่าเลยได้แต่ยืนเฉยๆ เขาเดินกลับมาแล้วแตะที่หน้าผากของผม

“เห็นไหม ป่วยแบบนี้เพราะเทวดาลงโทษที่ใจร้ายกับเรา”

“ใครกันแน่ที่ใจร้าย” ผมตอบกลับไป อีกฝ่ายทำหน้างงๆ ผมกัดริมฝีปาก อีกฝ่ายยิ้มแล้วส่ายหน้าก่อนจะกดคางผมแบบที่เคยทำมาตลอดเวลาเห็นผมกัดริมฝีปาก

“ไหนบอกสิ เราใจร้ายอะไร แต่ก่อนจะบอกเรา เราขอบอกเรื่องของเราก่อน เราเรียนจบแล้วนะ จบก่อนเวลาเพราะเร่งเรียนเต็มสปีดเลย เราใจร้อนเพราะกลัวจะเสียคนสำคัญไป เราจะไม่ไปไหนแล้วนะ จะไม่ยอมให้ตัวเองทรมานเพราะทนคิดถึงกลอนไม่ได้อีกแล้ว” ผมยืนมองแววตาที่ดูไม่มีความเจ้าเล่ห์เหมือนทุกทีของพัดโบกแล้วรู้สึกสับสน แล้วความอ่อนแอของร่างกายก็ส่งผลมาถึงจิตใจ ผมยืนร้องไห้เพราะผมไม่อยากเข้มแข็งอีกแล้ว พัดโบกดูจะตกใจมากที่เห็นผมร้องไห้ รีบดึงผมไปกอด

“ร้องทำไมครับ บอกเราว่าเราทำให้อะไรให้กลอนต้องเสียใจขนาดนี้ โอ๋ๆ ไม่งอแงนะ” ผมอยากจะทุบคนที่ทำเหมือนผมเป็นเด็กๆคนนี้ คนที่กอดผมอยู่ แต่มือผมดันไม่ทำตามความคิด กลับไปสวมกอดเขาจนแน่นแล้วร้องไห้ออกมาอีก


..ผมไม่รู้ว่าผมใจอ่อนลืมว่าต้องเคลียร์กับพัดโบกก่อนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมอยากมีที่พักพิง ผมเหนื่อย ขออ่อนแออีกสักวันหนึ่ง วันนี้ผมจะปล่อยวางเรื่องทุกอย่างเอาไว้ ขอให้อ้อมกอดนี้ช่วยลดความเหนื่อยล้าของผมลง จนกว่าแสงแรกของวันพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง..



****โปรดติดตามบทรักบทต่อไปในตอนหน้าค่ะ****

จบตอนพัดโบกฉายเดี่ยวเพื่อจะมาพบกับตอนหน้าที่มีชื่อว่า "หนึ่งใจสองทาง" แต่น แตน แต๊นนน 555
แบบว่า ตอนแต่งบทเลิฟซีนของพัดโบก เบื้องบนบอกว่า อ่านแล้วมันใช่มากๆราวกับผู้แต่งไปนอนบนเตียงด้วย
ผู้แต่งเลยบอกว่า มันใช่แค่บนเตียงเหรอคะยู นี่ขาดระเบียงก็ฟูลฟลอร์แล้วไหม 555555
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ รักทุกคน มากอดกันให้เบื้องบนอิจฉาเราบ้าง


 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 21:36:41 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
โอ๊ยยยยย. พัดโบก. ทำแบบนี้ใครจะไม่ละลายกันเนี่ย. วันรุ่งขึ้นเคลียร์กันเลยนะว่าคบซ้อนหรือเปล่า
ถ้าเราเป็นกลอนเราก็เครียดนะ จะให้เลือกยังไงล่ะมันยากมากเลยจนแทบจะต้องขออยู่คนเดียวสักพัก
พี่ฉลามเองก็อาจจะไม่ได้กลับมาคบเป็นแฟนแบบเดิม ถ้าต้องเลือกก็ขอเลือกพัดโบกถ้าเขาพร้อมจะอยู่ข้างๆเราจริงๆแบบที่ไม่ต้องลักกินกันน่ะ
เราเชื่อว่ากลอนห่วงแม่ที่สุด คนแก่แล้วชอบใครก็อยากฝากลูกกับคนนั้นแหละ พัดโบกเลยภาษีดีกว่าตรงนี้และแถมไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องทางบ้าน เราเชื่อว่ากลอนรักทั้งสองคน แต่เรายังเชื่อว่าคนเรามีเนื้อคู่แค่คนเดียวนะ หรือไม่ก็ไม่มีเลย
ขอบคุณคนเขียนมากๆค่ะ เขียนดีสุดๆ. เบื้องบนต้องปลื้มอย่างที่คนอ่านปลื้มแน่ๆเลยอ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 14:34:26 โดย ❣☾月亮☽❣ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
หนึ่งใจ สองทาง
ฉลามกับพัดโบก ใครจะได้หนึ่งใจนั้นไป?

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
สรุปกลอนจะมีวันแฮปปี้เอนดิ้งกับเค้าบ้างไหม โฮกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เราซึ้งกับความรู้สึกของพี่ฉลามมากๆ  ถึงขนาดที่ว่าตัวห่างไกลแต่ใจยังอยู่
ส่วนพัดโบกนี่เราก็รู้สึกดีใจนะที่กลอนได้เจอคนที่ดูแลตัวเองดีขนาดนี้
พัดโบกจะมีแฟนหรือไม่มีแฟนอยุ่คือประเด็นใช่ไหม?  กลอนเองก็คงกลัวคำตอบถึงได้ไม่ถาม  พัดโบกเองก็อาจจะนึกว่าทีกลอนเองใจยังอยู่กับพี่ฉลามเลย  ทั้งคู่เหมือนคนที่มาเยียวยาเติมเต็มให้กัน   แต่มาตอนนี้พัดโบกเรียนจบแล้วจะกลับมาเมืองไทยถ้าจะเดินหน้ากับกลอนก็ต้องเคลียร์ตรวนที่รั้งไว้ก่อน

เรื่องพ่อของกลอนนะ   บางทีถ้าหากว่าให้แม่กลอนมาเยี่ยมแล้วบอกอโหสิกรรมให้พ่อกลอน  แกก็อาจจะไม่ทรมาณมากแบบนี้เพราะว่าวิบากใจได้เบาบางลงไปแล้วในบางส่วน   

เจอที่น่าจะผิดค่ะ
อ้างถึง
บอกเด่นว่าให้เก็บถุงยางไปทิ้งด้วย
เป็นพัดโบกหรือเปล่าคะ?

ป.ล  คิดอีกทีนะ  พัดโบกดีเกินฝันก็กลัวว่าจะไม่ยืด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-11-2015 20:35:59 โดย Freja »

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
รักทั้งคู่
ก็ต้องเลือกอยู่กับความจริง
คนไหนมีสิทธิ์ใช้ชีวิตร่วมกันได้มากกว่าก็เลือกคนนั้น

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อยากให้กลอนได้เจอกับรักดีๆ พัดโบกเข้ามาขนาดนี้ อย่ามีอะไรให้กลอนเสียใจอีกเลยนะ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เปรียบเหมือนหนึ่ง นิดเดียว มหาศาล
ช่วยเจือจาน สานฝัน วันสดใส
เปรียบเหมือนเรือ พาข้าม พิบัติภัย
เพียงหนึ่งใจ แต่ลึกซึ้ง ก้นบึ้งรัก

+1 ครับ
 :L1:

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
โอ๊ยยย ยอมใจพัดโบก แสนดีขนาดนี้  o13
แต่ชื่อตอนหน้า รู้สึกหวั่นใจ ว่ารักครั้งก่อนจะกลับมาไหม หรือจะมีใครมาสั่นคลอนหัวใจกลอนอีก :z3:
อยากอ่านแว้ววว รอฮะ  :impress2:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
โอยยยย ตายๆๆ ทั้งหวานและขมคอไปพร้อมๆกัน

แอบสงสัยพัดโบกว่าจะมีอะไรซ่อนไว้อีกมั้ย

ส่วนเรื่องพ่อ อยากให้แม่มาอโหสิฯ ให้นะ จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก

ส่วนเรื่องดูแล คงได้แต่ดูแลเค้าให้เต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง

เพราะยังไงแล้ว จะดีจะเลวเค้าก็คือพ่อ สักวันผลบุญคงจะกลับมาหากลอนเพื่อบรรดารสุข

ขอให้กลินก้าวผ่านมันไปให้ได้นะ  :กอด1:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กลอนน่าจะสบสน ซึ่งก็ไม่ใช่เร่่ืองแปลกหรอก เพราะพี่ฉลามก็ยังรักและห่วงใยกลอนเสมอ เพียงแต่ข้อจำกัดทางครอบครัวและสังคม ทำให้ต้องจากกันทั้งที่ยังรัก  ส่วนพัดโบกก็เข้ามาเติมเต็มในตอนที่กลอนรู้สึกเคว้งคว้างพอดี  เอาใจช่วยให้กลอนผ่านเรื่องราวที่มันหน่วงจิตไปด้วยดีค่ะ    :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook

ตอนนี้ไม่สนแล้วล่ะว่าคนอื่นจะเป็นยังไง
พี่ฉลาม... ถึงจะรัก แต่ก็ต้องก้าวข้ามข้อจำกัดของที่บ้านมาให้ได้
ฝ่ายพัด... ก็ต้องเคลียร์ตัวเองให้เด็ดขาด
ไม่งั้น ป้าไม่ยกหนูกลอนให้เป็นอันขาด!! (เอ๊ะ! นี่ฉันกลายเป็นญาติฝ่ายกลอนไปตั้งแต่เมื่อไร?!)
ตอนนี้เชียร์กลอนคนเดียว... ไม่อยากให้น้องเหนื่อยเกินไป
เพราะไหนจะเรื่องพ่อด้วยแล้ว สงสารน้องมาก... บอกเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ... รอติดตามนะคะ  :mew1:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
บันทึกรักที่ 5 หนึ่งใจสองทาง (ตอนที่ 1)


อีกหนึ่งวันเต็มๆที่ไข้ของผมขึ้นสูงพอสมควร นึกว่าจะต้องไปนอนที่โรงพยาบาลแล้ว แต่พัดโบกคอยช่วยดูแลเช็ดตัว ทำกับข้าวและบังคับผมกินยาตรงเวลาเป๊ะ พอเช้าวันที่สองอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวของผมหายไปแล้ว ไข้ก็ลดลง ไม่ปวดหัว แต่ก็เหมือนยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้สึกอยากนอนซมทั้งวันเหมือนเมื่อวานนี้ สบายตัวขึ้นอีกด้วย เมื่อรู้สึกดีขึ้นผมก็เลยต้องรีบเคลียร์เรื่องที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ไม่ใช่เรื่องพัดโบกมีแฟนหรอกครับ เรื่องเรียนของเขามากกว่า


“พัด อย่าโกหกเรา พัดยังเรียนไม่จบใช่ไหม” ผมถามพัดโบกในห้องนั่งเล่น สีหน้าเขาดูตกใจที่ผมถามแบบนี้ เหมือนจะคิดอะไรอยู่ในใจ ผมเลยกระตุกข้อมือเขาอีกทีเพื่อให้รู้ว่าผมรอคำตอบที่แท้จริงอยู่

“อืม” เขาตอบกลับมาสั้นๆ

“ว่าแล้วเชียว ตอนที่คุยกันบอกต้องไปเรียนอีกหนึ่งปี นี่แค่ครึ่งปีกว่าๆเอง จะเร่งรัดยังไงก็ไม่น่าจะเรียนครบ ยิ่งเกี่ยวกับอาหารด้วย ทำไมต้องโกหก”

“เราไม่รู้ว่ากลอนโกรธเราเรื่องอะไร กลอนไม่ตอบเมลล์เรา ไม่รับโทรศัพท์เรา เราไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยตัดสินใจว่าจะกลับมาทำงานที่เมืองไทย เรามั่นใจว่าเราไม่ต้องจบก็ทำงานได้แล้ว” ผมฟังเหตุผลของพัดโบกแล้วก็ลอบถอนหายใจ

“แล้ว..มีเรื่องอะไรที่โกหกเราอีกไหม” ผมเลยถามต่อ

“ไม่มี เราไม่ได้โกหกอะไรกลอน แต่เรื่องที่ไม่ได้บอกก็มี”

“อย่างเช่น” ผมถามต่อ สีหน้าของพัดโบกดูจ๋อยๆ

“เราแอบ...แอบ ใช้ปากให้กลอนเมื่อคืน เคยอ่านเจอว่าถ้าได้ปลดปล่อยแล้วไข้จะลง ขอโทษนะ ขอโทษๆๆๆ” พัดโบกรีบยกมือไหว้ผม ผมตกใจไม่คิดว่าจะออกมาเป็นเรื่องนี้ แล้วเมื่อคืนผมก็ไม่รู้ตัวจริงๆด้วย ตอนนี้หน้าผมกลับมาร้อนผ่าวเหมือนตอนเป็นไข้เลย มันวูบวาบจนต้องจับแก้มตัวเอง

“อย่าโกรธนะ แค่อยากลองดูว่ามันได้ผลจริงไหม” พัดโบกรีบเข้ามาจับมือผม ผมบอกไม่ถูกเลย อยากจะขำแล้วก็อยากจะซัดคนตรงหน้าสักหมัด ทะเล้นทะลึ่งไม่มีใครเกิน

“แล้ว..เป็นไงละ..” ผมถามไปแบบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตาเลย

“ร้อนในปากมาก น้ำก็ร้อน”

“โอ้ย บ้า ไม่ต้องเล่าแล้ว” ผมบอกแล้วก็ยกมือขึ้นปิดหน้า พัดโบกรีบดึงมือผมไปจับอีกรอบแล้วก็ยิ้ม ก่อนจะมาหอมที่หน้าผากของผม

“ดีกันนะ บอกเราหน่อย เราใจร้ายเรื่องอะไร” พัดโบกมาถามผมบ้าง

“มีแฟนแล้วทำไมไม่บอก” ผมพูดออกไปพร้อมกับเงยหน้ามามองหน้าอีกฝ่าย พัดโบกยังคงยิ้มอยู่ ไม่เห็นมีท่าทางตกใจเลยที่ผมรู้

“หึงเรานี่เอง” พัดโบกดึงผมไปกอดแล้วเอียงหน้ามาจูบที่ซอกคอมผมซ้ำๆ

“ตอบมาสิ ว่ามีหรือไม่มี” ผมถามซ้ำ

“เคยมี ตอนนี้ไม่มี ไม่มีมาจะปีหนึ่งแล้ว กำลังอยากจะมี แต่ไม่รู้เขาจะยอมมาเป็นแฟนเรารึเปล่า”

“เล่าให้ฟังหน่อย” ผมดึงตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของพัดโบก

“เด่นมันบอกเหรอ” พัดโบกถาม ผมพยักหน้า

“เขาชื่อทามะ เรียนเชพด้วยกัน ตัวเล็กๆ ขาว หน้าตาสวยเหมือนผู้หญิง เราเห็นครั้งแรกก็หลงรักเลย เราไปจีบเขาแล้วก็ตกลงคบกัน แต่เขาเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจและเครียดเรื่องการเป็นเชฟมากเพราะทางบ้านคาดหวังในตัวเขามาก เราทะเลาะกันบ่อยๆ บอกเลิกกันหลายหน แล้วก็กลับมาดีกันอีก เรื่องที่เราทะเลาะกันหนักก็คือเขาอยากไปแปลงเพศ แต่เราไม่อยากให้เขาทำ เรารักที่เขาเป็นแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเจ็บตัวอะไรเลย แต่เขาก็ไม่ยอม ทะเลาะกันหนักๆเข้าก็เลยจบความสัมพันธ์กันไป”

“แล้วยังเจอกันอยู่ไหม”

“ก็เจอ”

“เขาแปลงเพศไปแล้วเหรอ” ผมถาม

“เปล่า เขาไม่ได้แปลงเพศแล้ว”

“เขายังรักพัดโบกใช่ไหม”

“มันไม่สำคัญแล้วละ เพราะเราไมได้รักเขาแล้ว มันจบไปแล้ว คนที่เรารักคือคนที่เราทนไม่ได้ที่เขาโกรธเราโดยที่เราไม่รู้เลยว่าเราผิดอะไร” พัดโบกทำหน้าดุใส่ผม ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก พัดโบกไม่เคยดุผมเลย เอาใจสารพัด แต่มันก็น่าให้เขาโมโห ผมไม่มีเหตุผลเอง ไม่ถามเขาแต่ตัดการติดต่อไปเลย

“ก็..เราไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของใคร”

“แต่กลอนกำลังทำลายความสัมพันธ์ของเรา เราน้อยใจนะ”

“ขอโทษนะ” ผมบอกเสียงอ่อยๆ พัดโบกถอนหายใจแล้วคลี่ยิ้มให้ผม ส่ายหน้าก่อนจะกอดผมอีกรอบ

“ไม่เป็นไร หายน้อยใจตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว”

“กลับไปเรียนเถอะนะ” ผมบอกเขา สีหน้าเขาสลดลง

“ไม่อยากให้เราอยู่ด้วยเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้น เราเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว เราผิดเองที่คิดไปเอง แต่เราจะรู้สึกแย่มากกว่าถ้าพัดโบกเลิกเรียนมาเพราะเรา อีกแค่ครึ่งปีเอง กลับไปเรียนนะ แล้วรีบกลับมา” ผมบอก อีกฝ่ายยิ้มออกมาได้หลังจากที่หน้าเสียไปพักใหญ่

“คบกันนะ นะ” พัดโบกเร่งรัด ผมนั่งนิ่งก่อนจะส่ายหน้า พัดโบกหน้าเสียอีกรอบ

“กลับไปเรียนให้จบแล้วเราจะให้ของขวัญ” ผมบอก แต่พัดโบกยังคงสีหน้าไม่ดี เขาปล่อยมือผม

“ยังรอเขาเหรอ” พัดโบกถามผม ผมอึ้งไป เป็นคำถามที่ผมตอบไม่ได้เหมือนกัน

“เราไม่ได้คบใคร ไม่ได้นอนกับใครนอกจากพัดนะ มาถึงตรงนี้พัดคิดว่าเราไม่ได้เปิดใจให้พัดเลยเหรอ” ผมถามเขา

“แต่ไม่ได้รักใช่ไหม” เขาถามผม ผมเงียบไป ผมรักเขารึยัง ผมก็ถามตัวเองอยู่

“โอเค ไม่เป็นไร ไม่ต้องตอบ ไม่เครียดๆ อย่ากัดปากตัวเองสิ” พัดโบกพูดต่อแล้วปรับสีหน้าท่าทางใหม่ ยิ้มให้ผมแล้วก็หอมแก้มผม

“เอาแบบนี้นะ เราจะกลับไปเรียนให้จบ แล้วจะกลับมาขอของขวัญ แต่รู้เอาไว้นะ เรารักกลอน รักมาก ถ้าวันไหนที่ไม่มีใครในหัวใจแล้ว รับเราไว้พิจารณาด้วยนะ” พัดโบกใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยที่แก้มของผมแล้วหอมอีกครั้ง ผมพยักหน้าให้เขา

ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกเสียใจที่คิดว่าเขามีแฟนแล้วไม่บอกผม แต่ตอนนี้ผมกำลังทำให้เขาเสียใจใช่ไหมที่ไม่สามารถพูดคำที่เขาอยากได้ยินได้ แม้จะมีรอยยิ้มฉาบบนใบหน้าของพัดโบก แต่แววตาของเขาดูเศร้าจนผมรับรู้ได้ ผมได้แต่สวมกอดคนตรงหน้า อยากให้เขามั่นใจว่า แม้ว่าผมยังมีใครอีกคนในหัวใจ แต่กับความเป็นจริงของชีวิต ผมมีแค่เขาคนเดียวจริงๆ


พัดโบกอยู่กับผมหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะกลับไปที่ญี่ปุ่น เขาให้ผมสัญญาว่าห้ามขาดการติดต่อ ไม่ว่าจะโกรธหรืองอนอะไรขอให้ผมพูดกับเขา ขอให้เขาได้อธิบาย ผมรับปากและขอโทษเขาอีกครั้ง ความรู้สึกหม่นๆในใจหายไปเมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้ว ผมกลับไปดูแลพ่อเหมือนเดิม แต่ผมสามารถไปทำงานได้ด้วยเพราะแม่ของพี่นิ่มขึ้นมาช่วยดูน้องสาวของผมให้ พี่นิ่มจึงมาผลัดเปลี่ยนกับผม ทำให้ผมมาทำงานในช่วงเช้าแล้วไปเฝ้าพ่อในตอนกลางคืน


พี่นิ่มบอกว่าตอนนี้มาอาจารย์หมออีกท่านมาช่วยดูอาการของพ่อให้ ผมรับฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จนมารู้จากพี่นิ่มว่า อาจารย์หมอเป็นเพื่อนสนิทของพ่อพี่ฉลาม ท่านฝากให้มาดูแล พี่นิ่มเลยมาถามว่าผมรู้จักพ่อพี่ฉลามไหมว่าเป็นใคร ทำไมถึงได้ให้อาจารย์หมอมาดูแลพ่อของผมเป็นพิเศษ ผมโทรไปหาพี่นุ๊กทันที พี่นุ๊กบอกว่าพี่นุ๊กรู้จักอาจารย์หมอ แต่ไม่รู้ว่าพ่อพี่ฉลามฝากเอาไว้ ผมคุยกับบุ้ง บุ้งยอมสารภาพว่าที่ผ่านมาพี่ฉลามรู้เรื่องราวของผมทุกอย่างผ่านจากพี่นุ๊กแล้วก็บุ้งเอง บุ้งมันขอโทษผมยกใหญ่ กลัวผมโกรธ ผมไม่ได้โกรธ แต่ผมกำลังรู้สึกเจ็บปวด เจ็บปวดกับหลายๆอย่าง เจ็บปวดเพราะดีใจ เจ็บปวดเพราะเสียใจ ผมไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดีให้ทุกคนรับรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นที่ผมเป็นอยู่


ผมจำได้ดีในวันนั้น เช้าวันอาทิตย์ ผมยืนสูดอากาศเข้าปอดอยู่ที่หน้าบ้านของพี่ฉลามพร้อมกับผลไม้ตะกร้าใหญ่ที่แม่ฝากมา ผมกดกริ่งหน้าประตู ไม่นานลุงคนสวนก็มาเปิดแล้วยิ้มให้ผม ทักทายว่าผมหายไปเลย เจ้านายของลุงบ่นคิดถึงกันทุกคน ผมรับรู้แล้วยิ่งรู้สึกว่าหัวใจผมสั่นไหวอย่างรุนแรง ผมเดินเข้าไปมาในสถานที่ๆคุ้นเคย ใจเต้นรัว เกร็งไปหมด ผมไม่ได้เข้ามาที่นี่สองปีได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ผมเลือกมาในวันนี้เพราะรู้ว่าพ่อและแม่ของพี่ฉลามจะอยู่บ้าน


“กลอน มาได้ยังไงลูก เข้ามาเลย เข้ามาก่อน”

“สวัสดีครับ แม่ผมให้เอาผลไม้มาขอบคุณคุณลุงที่ช่วยฝากอาจารย์หมอให้ดูแลพ่อผมเป็นพิเศษครับ” ผมไม่ได้ก้าวเข้าไป แต่ยื่นตะกร้าผลไม้ให้ แม่ของพี่ฉลามรับแล้วก็จูงมือผมให้เดินเข้ามาในบ้าน

“คุณ ดูสิใครมา” แม่พี่ฉลามพาผมเดินเข้าไปถึงในห้องรับแขก พ่อพี่ฉลามเห็นผมก็รีบวางหนังสือพิมพ์ พ่อพี่ฉลามดูสดใสและแข็งแรงกว่าเดิม ท่านรีบกวักมือเรียกผมให้เดินไปหา ผมยกมือไหว้แล้วเดินเข้าไปหา รู้สึกอาการเกร็งลดลงกว่าเดิมเมื่อเห็นปฏิกิริยาของท่านทั้งสองคน

“เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมะตูมกับครองแครงกะทิสดมาให้ชิมนะ ช่วยแม่ชิมหน่อย พ่อเขากินหวานไม่ได้ แต่แม่เพิ่งได้สูตรมา” แม่พี่ฉลามพูดจบก็เดินหายเข้าไปในครัว

“กลอนขอบคุณนะครับเรื่องอาจารย์หมอ แล้วก็..กลอนขอโทษนะครับ..” ผมพูดต่อไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าขอโทษเรื่องอะไรดี แต่คิดว่าพ่อพี่ฉลามคงเข้าใจ

“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ผอมลงรึเปล่า” พ่อพี่ฉลามลูบหัวผม ผมน้ำตารื้นขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้

“กลอนขอโทษนะครับ” ผมบอกท่านอีกครั้ง ก้มลงกราบท่านที่ทำให้ท่านผิดหวัง ท่านเมตตาผม แต่ผมก็ทำให้ท่านเสียใจเรื่องของพี่ฉลาม ท่านรีบดึงผมขึ้นมา เห็นผมร้องไห้ท่านก็ดูจะตกใจ แต่ก็ยิ้มให้

“พ่อต้องขอโทษมากกว่า อย่าโกรธพ่อนะ” ท่านพูดจบผมรีบส่ายหน้า เช็ดน้ำตา

“พ่อพยายามจะติดต่อกับกลอน แต่ฉลามมันไม่ยอม สงสัยมันนึกว่าพ่อของมันใจร้ายจะไปต่อว่ากลอนมั๊ง” พ่อพี่ฉลามพูดแล้วหัวเราะ มือท่านก็ยังลูบหัวผม

“พ่อรู้ว่าพ่อใจร้ายจริงๆ พ่อไม่ได้รังเกียจกลอนเลยนะ แต่พ่อไม่รู้ว่าความรักแบบนี้มันฉาบฉวยรึเปล่า ฉลามมันอยากพิสูจน์ก็ให้มันพิสูจน์ มันบอกว่ามันรักกลอนจริงๆ มันจะทำให้พ่อเห็นว่ามันมีความรักโดยไม่ทำให้เรื่องอื่นเสียได้ ตอนนี้มันเรียนจบแล้วนะ แถมมีผลงานได้รางวัลจากงานที่มันได้ไปฝึกกับบริษัทใหญ่ๆที่โน้นมาอวดด้วย ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เพราะพ่อเลย เพราะกลอนทั้งนั้น”
“ไม่หรอกครับ พี่ฉลามรักพ่อกับแม่มากๆ”

“พ่อให้นุ๊กไปตามเราให้มาหา นุ๊กมันก็บอกว่ามันทำไม่ได้เพราะฉลามห้ามเอาไว้ พ่อไปหากลอนที่คอนโดมาด้วยนะ แต่ไม่เจอใคร” ผมตกใจที่ได้รู้ แต่ที่ผ่านมาผมไปเฝ้าพ่อตลอด เด่นก็ไม่ค่อยอยู่ ท่านคงไปตอนที่ไม่มีใครอยู่ที่ห้อง

“แค่กลอนรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่โกรธกลอน กลอนก็ดีใจแล้วครับ”

“มาหาพ่อบ่อยๆนะ พ่อคิดถึง แม่เขาก็คิดถึง แล้วก็..โทรหาฉลามมันนะ มันคงคิดถึงกลอนมากกว่าพ่ออีก”

“มันไม่ได้โทรหากลอนเลยเหรอ” เมื่อเห็นผมนิ่งไปพ่อพี่ฉลามเลยถามผม

“ไม่ได้โทรครับ”

“อย่าโกรธมันเลยนะ เพราะพ่อเอง พ่อขอโทษ”

“ไม่เป็นไรครับพ่อ ไม่เป็นไรจริงๆ” ผมรีบบอกเมื่อเห็นว่าสีหน้าของท่านไม่ดีเลย ผมเชื่อว่าท่านเสียใจจริงๆ ผมเข้าใจในเหตุผลที่ท่านทำ ผมไม่ได้มองโลกสวยงามนะครับ แต่ผมมองจากความเป็นจริง ใจเขาใจเรา ถ้าผมเป็นพ่อคน ผมก็คงอยากให้ลูกทำในสิ่งที่ควรจะทำก่อน ตอนนี้พี่ฉลามเรียนจบแล้ว พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้ว การที่ท่านยังเมตตาผม แปลว่าท่านไม่ได้รังเกียจผมจริงๆ แต่ท่านคงอยากให้พี่ฉลามได้ทำในสิ่งที่ควรทำก่อน เมื่อท่านไม่ห่วงเรื่องการเอาตัวรอดดูแลตัวเองได้ของพี่ฉลาม ผมคิดว่า ท่านก็คงไม่ห่วงเรื่องอื่นแล้ว

“อยู่กินข้าวเย็นกับพ่อนะ พ่อเหงา ไม่มีใครเล่นหมากรุกได้สนุกเท่าเล่นกับกลอนอีกแล้ว” พ่อพี่ฉลามชวนผม ผมตอบตกลง ดูท่านดีใจที่ผมไม่ได้โกรธท่าน


วันนั้นผมอยู่ที่บ้านของพี่ฉลามทั้งวัน พ่อกับแม่ของพี่ฉลามชวนผมคุยหลายเรื่อง ส่วนใหญ่จะเล่าเรื่องของพี่ฉลาม เวลาแค่วันเดียวผมได้รู้เรื่องที่ผมพยายามปฏิเสธไม่รับรู้มาตลอดสองปีได้มากมาย หลายๆเรื่องผมก็ขำตามพ่อกับแม่ของพี่ฉลามไปด้วย แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมขำไม่ออก แถมยังอยากจะร้องไห้อีก


..พี่ฉลามไม่เคยมีใครเลย พี่ฉลามให้พี่นุ๊กคอยดูแลผม คอยถามเรื่องผมผ่านทางพี่นุ๊กและบุ้งมาโดยตลอด หมอประจำที่รักษาพ่อก็เป็นเพื่อนของพี่นุ๊ก แม่ของเด่นก็รู้จักกับแม่ของพี่ฉลามมาตั้งนานแล้ว มิน่าแม่ของเด่นถึงได้มาซื้อคอนโดที่นี่เอาไว้ แม่พี่ฉลามจัดทัวร์ให้แม่เด่นพาแม่ผมไปเที่ยว แม่พี่ฉลามก็ไปด้วย ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าท่านไปทำความรู้จักกัน แม่ของผมไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลย ฟังดูแล้วมันเหมือนนิยาย แต่มันคือความจริงที่เกิดกับผม พี่ฉลามไม่ให้ผมรอ แล้วเขารอผมทำไม ผมกำลังเสียใจที่คิดว่าผมรักเขา แต่ความรักของผมมันไม่ได้ครึ่งที่พี่เขาให้ผมเลย ตอนนี้ผมเจ็บ เจ็บยิ่งกว่าตอนที่พี่เขาไปจากผมเสียอีก...


จากวันนั้นมา ผมก็เลยต้องกลายเป็นแขกประจำของครอบครัวของพี่ฉลามอีกครั้ง ผมต้องเข้าไปทานข้าวกับพ่อและแม่ของพี่ฉลามทุกวันอาทิตย์ ท่านทั้งคู่ไปเยี่ยมพ่อของผมบ่อยมาก ที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคือแม่ของผมก็ขึ้นมาเยี่ยมพ่อเหมือนกัน แม่ได้เจอกับพี่นิ่มเป็นครั้งแรก แม่พูดคุยกับพี่นิ่มดี พี่นิ่มดูจะเกรงใจแม่ของผมมาก แม่อุ้มน้องสาวของผมด้วย ท่านซื้อชุดมาฝากน้องด้วย พ่อก็ดูเหมือนจะดีใจที่แม่มาเยี่ยม ท่านคุยกันเหมือนเพื่อน แถมแม่ยังดุพ่อเรื่องที่ชอบไปหงุดหงิดใส่พี่นิ่ม ผมรู้สึกดีจังที่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้


แม่มาค้างกับผมตลอดอาทิตย์ ไปช่วยดูแลพ่อช่วงเย็นประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วแม่พี่ฉลามก็เป็นคนมารับแม่กลับไป ผมบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไง มันเกินความคาดหมายมาก บรรยากาศนี้มันอบอวลไปด้วยความสุขอย่างที่ผมไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว การอภัยให้กันมันดีแบบนี้เอง มันทำให้เราโล่งใจ สบายใจและมีแต่เรื่องดีๆให้แก่กันและกัน แล้วพอพ่อเหมือนมีเรื่องสบายใจ ท่านก็ดูจะทานข้าวได้มากขึ้นจนหมอแซวว่าถ้าพ่อใจสู้แบบนี้ก็จะได้ไม่ต้องกินยาแทนข้าว ส่วนวันนี้พี่นิ่มมานอนเฝ้าพ่อ ผมเลยกลับมานอนที่คอนโดกับแม่


“แม่ กลอนไม่อยากให้แม่กลับเลย” ผมอ้อนแม่เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้แม่จะกลับแล้ว แม่ของเด่นขึ้นมากรุงเทพจะเลยมารับแม่กลับไปด้วยเลย

“แม่ห่วงบ้าน ไม่อยู่นานๆ สกปรก ขโมยขโจรอีก”

“ห่วงบ้านมากกว่ากลอนอีกเหรอ” ผมแกล้งงอนแม่

“ใช่ เพราะกลอนมีแต่คนรักคนห่วง แม่สบายใจแล้ว” แม่พูดจบผมก็รู้สึกร้อนตัวแปลกๆ

“ใครจะมาห่วงกลอน”

“เพราะลูกเป็นคนดีนะกลอน ถึงได้ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แม่ดีใจและภูมิใจในตัวกลอนนะ ที่ผ่านมาแม่เองก็กังวลไปสารพัดตามประสาคนเป็นแม่ แต่ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าลูกของแม่ได้พบเจอแต่คนดีๆ”

“แล้วแม่ไปสนิทกับแม่ของพี่ฉลามตอนไหน เอ่อ..พี่ฉลามที่กลอนเคยเล่าให้ฟังอะครับ”

“แม่รู้จำได้น่า ต้องอธิบายด้วย แม่ไม่ได้แก่ขนาดลืมนะ”

“ก็เผื่อแม่นึกไม่ออกไง”

“ก็รู้จักผ่านม๊าของเด่นไง คนสูงวัยมารวมตัวกัน ไปเที่ยวกัน สนุกสนานดี แล้วแม่ก็จำได้ที่ลูกมาเล่าให้ฟังบ่อยๆว่าท่านเมตตาลูก แม่ได้สัมผัสเองก็คิดว่าทั้งคู่เป็นคนดีแล้วก็นิสัยดีนะ กลอน..คุณน้าทั้งสองเขาเมตตาลูกนะ หมั่นไปหา ว่างก็ไปดูแลท่านให้เหมือนท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา กตัญญูรู้คุณคนจะไม่อับจนหนทางนะลูก”

“ครับแม่ กลอนจะจำคำที่แม่สอนเอาไว้ทุกอย่างเลย” ผมนอนตักของแม่ แม่ยิ้มให้ผม


เรื่องเดียวจริงๆที่ผมไม่กล้าบอกแม่ ถึงจะรู้ว่าแม่รักผมมากและตอนนี้แม่ก็ปลงได้หลายอย่าง แต่ผมก็ไม่กล้าอยู่ดี ยิ่งท่านแสดงออกว่าภูมิใจในตัวของผมมากกว่าเดิม ผมยิ่งไม่อยากให้ความรู้สึกแบบนั้นของท่านจางหายไป ผมเชื่อว่าแม่ของพี่ฉลามก็คงไม่พูดเรื่องนี้เหมือนกัน


.....

..


ในที่สุดผมก็เรียนจบเสียที เพราะเกรดออกมาแล้วว่าผมผ่าน ใบฝึกงานก็ส่งไปแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยหมด ถึงจะรู้ว่าจบแน่ๆ แต่พอทำเรื่องจบมันก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าร้อยเท่า พี่เหิรจัดงานเลี้ยงฉลองเรียนจบและฉลองต้อนรับพนักงานใหม่ไปด้วยในตัวให้ผม ส่วนเรื่องพัดโบก..ผมก็ยังคุยกับพัดโบกเสมอต้นเสมอปลาย อีกสองเดือนเขาก็จะจบเหมือนกัน พัดโบกยังคงทวงเรื่องของขวัญตลอดทุกครั้งที่ได้คุยกัน


ผมมาทบทวนเรื่องของตัวเองซ้ำๆ ผมยังรักพี่ฉลามมันชัดเจนแน่นอนอยู่แล้ว มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผมคิดว่าพี่เขาคงรู้แล้วว่าผมกับพ่อแม่เขากลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม แต่เขาก็ยังไม่ได้ติดต่อผมมา รู้แต่ว่าเขาสบายดีผ่านจากคำบอกเล่าของพ่อและแม่ของพี่เขา มันคงมีอะไรที่ไม่เหมือนเดิมสำหรับเราอีกแล้ว มันคงถูกลิขิตมาแล้วว่าเราคงเป็นได้แค่พี่น้องที่ดีต่อกัน บางทีพี่เขาอาจจะผิดหวังที่ผมไม่ได้รอเขาเหมือนที่เขารอผม เขาอาจจะไม่อยากรักผมอีกแล้ว


......


ถ้าชีวิตคนเราคือบททดสอบที่ทำให้เราเรียนรู้และผ่านเรื่องราวต่างๆให้ได้ บททดสอบครั้งนี้ของผมคงเป็นครั้งที่หนักหนาอีกรอบ ก่อนหน้านี้พ่อของดูดีขึ้นมากจนออกจากโรงพยาบาลได้ ทั้งที่นอนโรงพยาบาลนานจนเหมือนบ้าน ด้วยความที่เห็นพ่ออาการดีขึ้น ผมก็คิดว่าพ่อคงจะอยู่กับผมได้อีกนานหลังจากที่ได้รับการรักษาอย่างดีและมาถูกทาง แต่หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลได้เดือนเดียว พ่อก็เริ่มทรุดลง กินข้าวไม่ได้ อาเจียนบ่อยๆเหมือนเดิม พี่นิ่มตั้งใจว่าจะพาพ่อไปโรงพยาบาล แต่พ่อเป็นลมและล้มไปก่อน พี่นิ่มโทรมาหาผมร้องไห้จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง ผมรีบโทรตามรถพยาบาลแล้วไปรอพ่อที่โรงพยาบาล พ่อถูกพาเข้าห้องไอซียู หมอบอกว่าพ่อไตวายเฉียบพลัน ความดันต่ำและหัวใจเต้นผิดปกติ ผมพยายามรวบรวมสติทั้งที่ตอนนี้ใจของผมมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย ผมโทรบอกแม่ แม่บอกว่าเช้าจะรีบขึ้นมาหา


ผมนั่งเฝ้าพ่อจนเช้า ไม่นานแม่ก็มาถึงพร้อมแม่ของเด่น พักใหญ่ๆหมอประจำตัวของพ่อก็มา หมอมาบอกข่าวร้ายว่าตอนนี้พ่ออยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจและยาเพิ่มความดัน  หมอบอกว่ามะเร็งมันลามมาที่ผนังหน้าท้องและลำไส้ หมอจะพยายามประคองอาการเอาไว้แต่ก็อยากให้ญาติๆรับรู้ว่า คนไข้เคสแบบพ่อถือว่าสู้มากแล้ว พี่นิ่มร้องไห้จนดูน่าสงสาร ผมกับแม่ก็ร้องไห้เหมือนกัน แต่เราก็เข้าใจ ผมว่าพ่อก็สู้กับความทรมานมามากแล้วจริงๆ


แต่ถึงแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว ผมก็ยังรู้สึกกลัวทุกครั้งที่พยาบาลเดินเปิดประตูออกมา ผมกลัว กลัวว่าจะได้ยินคำว่าเสียใจด้วย อารมณ์การนั่งอยู่ที่หน้าห้องไอซียูมันเป็นประสบการณ์ฝังใจผมมาถึงตอนนี้เลย เวลาผ่านไปจนค่ำ แม่กลับไปอาบน้ำแล้วจะมาเปลี่ยนผม แต่ผมขออยู่ก่อน พี่นุ๊กพาพ่อแม่ของพี่ฉลามมาเยี่ยม พวกเพื่อนๆผมก็มากันหมด ทุกคนพยายามให้กำลังใจผม ผมยิ่งใจไม่ดี อาจารย์หมอ เพื่อนของพ่อพี่ฉลามเดินมาบอกว่าให้ญาติเข้าไปเยี่ยมได้ ผมเข้าใจความหมายว่าพ่อของผมคงมีเวลาไม่นานแล้ว ผมรู้สึกตื้อและอลอึงไปหมด แต่ก็รีบเปลี่ยนชุดแล้วเดินเข้าไปก่อน สักพักแม่กับพี่นิ่มก็ตามเข้ามา พ่อนอนหลับตานิ่ง มีสายอะไรเต็มไปหมด


“พ่อ” ผมจับมือพ่อและเรียก พ่อยังนอนนิ่งไม่ไหวติง

“ถ้าพ่อทรมานก็ไม่ต้องทนนะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น กลอนจะดูแลน้อง ไม่ทิ้งน้องนะ กลอนรักพ่อนะ ถ้ากลอนทำอะไรให้พ่อเสียใจ กลอนขอโทษนะครับและกลอนอภัยให้พ่อในทุกเรื่องนะ” ผมบอก น้ำตาร่วง ผมพยายามกลั้นแล้ว แต่มันกลั้นไม่ได้จริงๆ ผมเดินออกมาให้พี่นิ่มเข้ามาหา พี่นิ่มปิดปากร้องไห้ พูดไม่ออก ได้แต่บีบมือของพ่อเอาไว้ แล้วพี่นิ่มก็เดินถอยออกมาร้องไห้ แม่เลยเดินเข้าไป

“คุณ ฉันอโหสิกรรมให้นะ อย่าเสียใจกับทุกอย่างๆ คิดแต่เรื่องดีๆ เรื่องอื่นไม่ต้องห่วงนะ ฉันช่วยอะไรได้ก็จะช่วย อย่างน้อยเราเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ขอบคุณที่เคยดูแลฉันอย่างดีนะ” แม่พูดจบพ่อก็กระดิกนิ้ว ผมรีบเดินเข้ามาหา


“พ่อได้ยินใช่ไหมครับ พวกเรารักพ่อนะ พวกเราจะดูแลกัน พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ กลอนรักพ่อนะ กลอนรักพ่อนะ” ผมพูดจบพ่อก็กระดิกนิ้ว น้ำตาพ่อไหลด้วย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พ่อร้องไห้จริงๆทั้งที่ตายังหลับอยู่ ผมเห็นแล้วน้ำตาร่วงแต่ก็ไม่กล้าปล่อยโฮ


ประมาณครึ่งชั่วโมงได้หัวใจของพ่อก็เต้นช้าลง หมอเข้ามาถามว่าต้องการให้ให้ยากระตุ้นไหม แม่ให้พี่นิ่มตัดสินใจ พี่นิ่มเลยบอกว่าไม่ต้องให้แล้วเพราะไม่อยากให้พ่อทรมาน แล้วเส้นกราฟหัวใจของพ่อก็แผ่วลงเรื่อยๆเหมือนในหนังเลย แต่หนังเรื่องนี้มันกันเกิดขึ้นจริงกับผม ผมกราบที่เท้าของพ่อ พอเงยหน้าขึ้นมาชีพจรของพ่อก็เป็นเส้นตรง ผมก้มลงไปจูบเท้าพ่ออีกครั้ง พยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาหยดใส่ พอเดินออกมานอกห้องก็พบว่าทุกคนยังอยู่ แล้วคนที่ทำให้ผมแทบปล่อยโฮก็คือใครบางคนที่มายืนเด่นอยู่ท่ามกลางคนที่มาให้กำลังครอบครัวของผม


...พี่ฉลาม..


พี่เขามายืนอยู่ที่หน้าห้องไอซียูด้วย เขาอยู่ตรงหน้าผมแล้วแบบไม่ใช่ความฝัน ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะสติของผมในตอนนี้มันไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก่อนเลย จนกระทั่งแม่เดินตามออกมาบอกข่าวร้ายกับทุกคน พี่ฉลามเดินเข้ามากอดผมเลยโดยไม่สนใจใคร พอผมตกอยู่ในที่พักพิงที่คุ้นเคยผมก็ปล่อยโฮออกมาเหมือนกัน เพื่อนคนอื่นๆก็เลยเดินมารุมกอดปลอบผมด้วย


วินาทีที่ผมได้พบกับความสูญเสียครั้งนี้มันช่างทรมานและมันเป็นการสูญเสียแบบไม่มีวันได้กลับคืนมา มันยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดนั้นให้ทวีคูณ อยากบอกว่าเข้าใจคำที่ว่า ใครที่ยังมีพ่อแม่อยู่ให้ดูแลท่านให้ดี ถ้าท่านไม่อยู่แล้ว ไม่ว่าคุณมีเงินทองมากมายแค่ไหน คุณก็จะไม่มีวันได้ท่านกลับมาอีก ชีวิตคนๆหนึ่งมีพ่อแม่ได้แค่คนเดียว เป็นความจริงที่เราต้องจำให้ขึ้นใจ ขนาดผมว่าผมเป็นลูกที่ดีให้ท่านเท่าที่ทำได้ ผมก็เสียใจมากๆเลยตอนที่ท่านจากไป แต่ในความเสียใจเราจะไม่เสียดายเลยว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรดีๆให้ท่าน


หลังจากช่วงเวลาแห่งความเศร้าเสียใจผ่านไป ผมต้องสลัดความอ่อนแอออกเพื่อจัดการเรื่องงานศพให้พ่อ เราตกลงกันว่าจะเอาพ่อกลับไปไว้ที่วัดที่บ้านเกิด แม่ของเด่นพาแม่กลับไปเตรียมงานเลยในคืนนี้ เด่นเป็นคนขับรถกลับไปให้ พี่นุ๊กให้รถตู้ของบริษัทไปรับพี่นิ่ม น้องสาวของผมและแม่ของพี่นิ่มตามไปค้างที่บ้านของผมด้วยเลยเหมือนกัน ส่วนผมอยู่จัดการเรื่องใบมรณะบัตรและเรื่องรถพยาบาลที่จะพาร่างของพ่อกลับไปที่บ้านในวันพรุ่งนี้เอง พี่ฉลามบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนผมเอง ส่วนเพื่อนคนอื่นๆและพ่อแม่ของพี่ฉลามก็กลับบ้านก่อนจะตามไปในวันพรุ่งนี้เช้าเหมือนกัน


กว่าผมจะกลับจากโรงพยาบาลมาถึงคอนโดก็ตีสามกว่าๆ ผมกลับมาเก็บของที่จะเอาไปด้วย ผมนั่งเหม่อคิดถึงพ่อ สักพักพี่ฉลามก็เดินเข้ามานั่งข้างๆผม ลูบหลังผมเบาๆ ผมหันมามองพี่เขา ก่อนจะโผไปกอดเขาแล้วร้องไห้อีกครั้ง มันหลายอย่างเหลือเกินที่ผมรู้สึก ผมเสียใจเรื่องพ่อแน่นอนอยู่แล้ว แต่อีกความรู้สึกหนึ่งคือความคิดถึงที่ผมเก็บกดมานาน นานจนผมคิดว่าผมไม่ทรมานเวลาที่คิดถึงผู้ชายคนนี้อีกแล้ว แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่เลย มันทะลักออกมาเหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าจนมันระเบิด ผมกอดพี่เขาแน่นๆ แน่นจนคิดว่าพี่เขาคงจะเจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้พูดว่าเจ็บ แต่พี่เขาพูดคำที่ทำให้ผมเป็นฝ่ายเจ็บแทน


“พี่กอดกลอนได้ไหม พี่ยังกอดกลอนได้ใช่ไหม”   



**โปรดติดตามต่อตอนหน้าค่ะ**


อ่านละน้ำตาซึมเรื่องพ่อ เข้าใจหัวอกคนสูญเสียคนที่รัก อย่าลืมดูแลพ่อแม่กันให้ดีนะคะ
แต่เดี๋ยวก่อน โอ้ย ฉันเชียร์ไม่ถูกจริงๆนะยะ ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ (หมั่นไส้เบื้องบนเบาๆ)
แต่อย่างน้อยผู้แต่งก็ไม่อึดอัดเพราะรู้ปัจจุบันละว่าใครได้ไป ส่วนคุณผู้อ่านก็หน่วงกันต่อไปนะคะ 555
ปูลูมีคำผิดเตือนได้นะคะ เดี๋ยวมาแก้ไข ขอบคุณมากคร่าาาา จุ๊บๆ

 


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2015 22:03:45 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :sad4:   แง้ พี่ฉลามง่าาาาา.  ประโยคสุดท้ายคือที่สุดอะ. น้ำตาแตก
มันสื่อว่าพี่แกรู้ทุกเรื่อง แล้วก็อยากถามกลอนกลายๆว่ากลอนเป็นของคนอื่นไปแลิวหรือยังเป็นคนของแกอยู่. ยังไงก็ตามอยากบอกเลยว่าอิจฉากลอนนะ มีให้เลือกอะ แต่ยังไงก็ทำตามหัวใจตัวเองเถอะ
มันไม่มีผิดถูกไม่ต้องกลัวใครเสียใจจนละเลยหัวใจของตัวเอง เพราะคนเราไม่ควรฝากความสุขของตัวเองที่คนอื่น

กลอนยังโชคดีที่ได้ลาพ่อในนาทีสุดท้าย. คนที่เสียทั้งพ่อทั้งแม่โดยที่ไม่มีโอกาสลาก็มีนะคะ
ดีแล้วที่พัดโบกกลับไปเรียนต่อ เพราะนาทีนี้กระอักกระอ่วนสุดๆแล้ว. เวลาไม่เหมาะ
เอาไงดีเนี่ยชีวิต กลอนคงเสียหลักและสับสนสินะ. ให้เวลากลอนสักนิดนะคะพี่ฉลาม
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ.   :mew1:   รอเฉลยค่ะ คนเขียนรู้อยู่คนเดียวอ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2015 16:12:20 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
อยากรู้เหมือนผู้แต่งจัง ว่าปัจจุบันใครได้กลอนไป
ฉลามก็ดี พัดโบกก็ดี
อยากเก็บเธอไว้... ทั้งสองคน...

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ยิ่งมาถึงแล้วยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ จะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคต  :ling3:

ออฟไลน์ evilheart

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-3

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
เข้าใจความหมายของชื่อตอนแล้ว
ตัดสินใจยากจริงๆ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ่านๆไปน้ำตาก็ซึมไปด้วย

การลาจากคนที่รักไม่ว่าจะยังไงก็เจ็บปวดตลอดกาล
พ่อกลอนยังถือว่าไปดี ได้รับการอโหสิกรรมจากแม่กลอน
กลอนก็กราบขออโหสิกรรมแล้ว
ทุกคนในครอบครัวกลมเกลียวกัน เป็นเรื่องที่ดี

อีกเรื่องที่ทำเอาเราซึ่งใจมากๆก็คือพี่ฉลามกับครอบครัว
เป็นผู้ชายที่ดีและความรักของพี่ฉลามมันยิ่งใหญ่มากๆ
รักโดยที่ไม่ได้ล้อมกรอบหรือบีบคั้น
รักโดยไม่หวังอะไร
ถ้าหากว่าไม่แกร่งจริงๆไม่สามารถทำได้แน่นอน
พี่ฉลามพิสูจน์ความรักของตัวเองที่มีต่อกลอน
ให้กับพ่อแม่ เฝ้ามองดูแลกลอนอยู่ห่างๆ
ในขณะเดียวถางทางให้กับพ่อแม่ ครอบครัว อนาคตทุกอย่าง
ทั้งๆที่ได้แค่มองกลอนอยู่ห่างๆ
บุ้งคงเล่าเรื่องพัดโบกให้ฟังแล้ว
พี่นุ๊กก็เห็นอีกฝ่ายด้วยในคืนที่ไฟดับ
พี่ฉลามกลับมาแล้วแน่นอนตอนนั้น

มาตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นใครที่กลอนเลือก
เราก็แน่ใจว่าแม่กลอนไม่ขัดอยู่แล้ว
เผลอๆทุกคนรู้กันหมดแล้วว่ากลอนเป็นเกย์

รู้ว่าพัดโบกก็ดีความรักของพัดโบกนั้นอบอุ่น
พี่ฉลามก็เป็นที่สุดของคำว่าผู้ชายที่ดีที่สุดคนหนึ่ง
ความรักของพี่ฉลามนั้นก็ยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ยิ่งมาอ่านประโยคสุดท้ายของพี่ฉลามก็เจ็บแทนทั้งสองคนเลยค่ะ
เราเชียร์อยู่แล้วคนหนึ่งมากๆ   แต่ถ้ากลอนเลือกอีกคนก็เข้าใจ
ไม่ใช่แค่คนที่ใช่   แต่เป็น The one who was destined to be.

ป.ล  กลอนพูดถึงพี่ฉลามในแง่ที่ตัดใจแล้ว   ถ้าเป็นตามนั้นจริงกลอนก็คงตัดใจจากพี่เขาตั้งแต่วันที่ต้องจากกัน   พี่เขาก็แสนดีไม่กั๊กกลอนไว้เลย  เปิดทางให้กลอนเต็มที่ในขณะที่ตัวเองสู้อยู่คนเดียวเพื่อความรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2015 03:22:23 โดย Freja »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด