=จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: =จนกว่ารักจะทักทาย= (บันทึกรักร้อน) ตอนพิเศษ My Santa 25/12/61  (อ่าน 189314 ครั้ง)

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
บันทึกรักที่ 6 กลับคำเสีย (ตอนที่ 1)


ชีวิตรักของผมเดินทางมาถึงตอนนี้ ผู้ชายทั้งสี่คนที่ผ่านเข้ามา บางคนก็ออกไปจากชีวิตผมไปถาวรแบบที่ผมไม่รู้ข่าวคราวเลยก็คือเต็งหนึ่ง ส่วนพี่รันผมก็ยังได้ข่าวจากแม่ของผมเองบ้างหรือจากเพื่อนๆของผมสมัยมัธยม เพราะพี่รันก็คืออาจารย์ที่เคยสอนพวกมันมา มันก็คอยเอาข่าวมาเล่ากันในกรุ๊ปแชทบ้าง พี่เขาเลิกกับภรรยาแล้วและที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดก็คือ พี่รันคบหากับผู้ชาย แถมผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นรุกอีกด้วย ผมก็ไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเพื่อนๆผมมันเมาท์กันขนาดนี้ก็คงมีมูลบ้างแหละ พี่ฉลามก็ยังคงอยู่ในชีวิตของผมไม่ได้หายไปไหน พี่เขาดูโตขึ้นมาก ตำแหน่งใหญ่โต ถอดแบบมาจากคุณลุงไม่มีผิด เวลาพี่เขาว่างก็จะโทรมาชวนผมไปกินข้าวแล้วก็บ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ผมฟังตลอด ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ผมมีหน้าที่รับฟังแล้วก็เถียง พี่นุ๊กบอกว่าผมเป็นคนเดียวที่เถียงพี่ฉลามแล้วพี่เขาไม่หัวเสีย ผมอยากบอกว่ามันไม่จริงเลย พี่เขาคงหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน แต่ผมรู้ว่าพี่เขาชอบให้แสดงความคิดเห็น ถึงจะมีขัดใจบ้างแต่ในที่สุดถ้าเหตุผลเราดี พี่เขาก็รับฟังเสมอ คนอื่นๆคงกลัวจนไม่กล้าที่จะพูดออกไปเมื่อเห็นเขาหงุดหงิดมากกว่า ทุกคนเลยถอดใจยอมกันไปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม แม้กระทั่งพ่อแม่ของพี่ฉลามในตอนนี้ก็ปล่อยทุกเรื่องให้พี่เขาตัดสินใจ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูอารมณ์ศิลปินแบบพี่ฉลามจะใส่สูททำงานแถมยังทำได้ดีมากๆ แถมยังทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ตั้งแต่อายุยังไม่เยอะเท่าไหร่เลยด้วย


ส่วนผู้ชายคนที่ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยอย่างพัดโบก ปรากฏว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่พัดโบกฝันเอาไว้ เรายังไม่ได้เลิกกันหรอกครับ แต่เมื่อตอนที่เขาเรียนจบกลับมา พัดโบกเริ่มไปดูทำเลที่จะทำร้านอาหารและร้านกาแฟ แต่อาจารย์คนญี่ปุ่นที่สอนพัดโบกโทรศัพท์ติดต่อขอร้องให้พัดโบกช่วยไปเป็นอาจารย์สอนที่สถาบันของท่าน เพราะอาจารย์ผู้ช่วยที่เคยสอนประจำสถาบันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต พัดโบกมาปรึกษาผม ผมเลยให้พัดโบกตัดสินใจเอาเอง พัดโบกตัดสินใจที่จะไปช่วยทางโน้น ผมก็โอเค เพราะผมเองในตอนนี้ก็กำลังไฟแรง ลุยงานเยอะมากจนบางทีก็แทบไม่ได้กลับบ้าน พัดโบกจะบินกลับมาเดือนละครั้ง อยู่ครั้งละสี่ห้าวัน พัดโบกดีกับผมเสมอต้นเสมอปลาย เอาใจผมเสมอ แถมยังช่วยทำความสะอาดห้อง ทำกับข้าว ทำขนมเอาไว้ให้ ซักผ้า ซื้อของเข้าบ้านให้ ดูแลผมทุกอย่างจนผมเองรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขาบ้างเลย แต่พัดโบกก็ไม่เคยงอแงหรือเรียกร้องอะไร ผมรู้สึกแฮปปี้กับชีวิตมากๆ


อ่อ มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจยิ่งกว่าเรื่องพี่รันไปคบหาผู้ชาย ก็เรื่องของไอ้เด่นเพื่อนรักของผมเอง ไอ้เพลย์บอยตัวพ่อ ไม่รู้มันเพลย์อีท่าไหน ตอนนี้คนที่มันนัวเนียไม่ห่างเลยก็คือ..บุ้ง วันแรกที่ผมรู้ว่ามันมีอะไรกันผมตกใจมาก คือตอนนี้บุ้งมันย้ายมาอยู่ที่คอนโดเดียวกับผมเพราะมันทำงานกับพี่นุ๊ก มันเหงาก็เลยมาสิงอยู่ที่ห้องผมบ่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งผมต้องไปเอาท์ติ้งกับบริษัทที่พัทยา แต่ผมรู้สึกไม่สบาย พี่เหิรเลยให้รถของบริษัทพาผมไปโรงพยาบาลเพื่อหาหมอก่อนจะพากลับมาส่งที่คอนโด ผมไม่ได้โทรบอกเด่นเพราะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่พอผมไขกุญแจเข้าห้องไปเท่านั้นแหละ กระเป๋าแทบร่วงจากมือเพราะว่าไอ้เด่นกับบุ้งกำลังร้อนแรงกันอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของเด่น เสื้อผ้ามันสองคนกระจัดกระจายเต็มพื้น มันสองคนก็ตกใจที่เห็นผม บุ้งรีบโดดลงมาจากตัวไอ้เด่นแล้วผลุบเข้าห้องไป ส่วนไอ้เด่นที่ยืนแข็งอารมณ์ค้างทำหน้าไม่ถูก จนผมหัวเราะมันถึงได้รีบผลุบเข้าห้องตามบุ้งไป มันหายเข้าไปกันพักใหญ่ๆ ผมก็กลับเข้าไปในห้องนอนของผม บุ้งมันมาเคาะประตูก่อนจะเล่าให้ฟังทั้งที่ผมก็ไม่ได้ถามมันนะ ผมว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของมัน โตๆกันแล้ว ผมห่วงเรื่องเดียวคือผมไม่รู้ว่าเด่นมันมีอะไรกับผู้ชายเพราะอะไร ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นแบบไหน ผมไม่อยากให้ต้องมามองหน้ากันไม่ติดที่หลัง เพราะทั้งคู่คือเพื่อนที่ผมรัก


“เพื่อนมึงอ่อยกู” ไอ้เด่นพูดจบก็โดนไอ้บุ้งฟาดเข้ากลางหลัง

“นานรึยัง” ผมถามมันแกมขำที่ไอ้เด่นทำตัวลีบเหมือนคนกลัวเมีย

“สองเดือนได้แล้ว ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ทีแรกมันก็เมาทั้งคู่ ไปๆมาๆมันมาติดใจเราเฉยเลย” บุ้งตอบเสร็จเด่นก็ยักคิ้ว ผมว่าคู่นี้ดูๆไปก็เหมาะสมกันนะ

“เขาเรียกได้หลังลืมหน้าไปเลยจ่ะที่รัก” เด่นตอบ ผมหัวเราะ บ้งหน้าแดงแต่ก็เบ้ปากใส่ไอ้เด่นแก้เขิน

“ก็แล้วแต่ โตๆกันแล้ว มันเป็นเรื่องของแกสองคน เราโอเคก็ดีใจด้วย ขออย่างเดียว อย่ามาทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติดนะ แบบนั้นเราไม่โอเค” ผมบอก

“ได้ยินรึเปล่า ถ้าไม่จริงจังก็เลิกๆไปเลยนะ” บุ้งหันไปพูดกับเด่น

“ไม่เลิกเว้ย” เด่นตอบก่อนจะดึงบุ้งไปกอดเอว ผมยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสองคน ดีเหมือนกัน ผมกำลังมีเรื่องจะบอกมันเลย

“ดีเหมือนกัน งั้นบุ้งย้ายมาอยู่ห้องนี้ไหม” ผมถาม

“อะไรของมึง” เด่นถาม

“ตั้งใจจะซื้อห้องเอาไว้เอง เพราะว่าแม่จะได้มาอยู่ด้วย คุยกับพี่นุ๊กเอาไว้แล้ว พอดีห้องที่อยากได้เขาจะขายพอดี”

“เฮ้ยแก” บุ้งสีหน้าไม่ดี

“อะไร ไม่เกี่ยวกับแกหรอกบุ้ง แกมาอยู่แทนเราเรายิ่งสบายใจ ไอ้เด่นมันไม่ได้เรื่อง สกปรก” ผมบอกเพราะคิดว่าบุ้งคงนึกว่าผมอึดอัด

“อ้าว มึงไม่ให้เครดิตเพื่อนเลยไอ้กลอน”

“อยู่ด้วยกันเดี๋ยวเบื่อเรา ไม่เอาด้วยหรอก” บุ้งแกล้งโวยวาย

“ไม่รู้ละ ถ้าเพื่อนมึงไม่มาอยู่กูก็ไม่ให้มึงย้ายออก” เด่นหันมาพูดกับผม ผมได้แต่ขำ แต่ในสุดบุ้งก็ยอม

“แล้วเมื่อไหร่ไอ้พัดมันจะย้ายกลับมาไทย” เด่นถามผม

“คงรอให้ทางนั้นสถานการณ์ดีขึ้นก่อนมั๊ง” ผมตอบไป ล่าสุดที่คุยกัน พัดโบกก็บอกว่าอาจารย์น่าจะได้ครูมาช่วยสอนที่สถาบันเร็วๆนี้

“มึงยอมได้ไงวะ ยังไงเขาก็เคยเป็นคนรักเก่ากัน” เด่นพูดจบผมก็นิ่งอึ้งไป พอมันเห็นอาการของผมมันเลยหน้าเจื่อนๆก่อนจะขยับเข้ามาหาผม

“มันไม่ได้บอกมึงเหรอ” เด่นถาม

“อะไร มีอะไร พูดมาเลยเด่น” เป็นบุ้งที่เข้าไปเค้นคำอธิบายจากเด่น

“ก็ไอ้โรงเรียนนั้นมันเป็นของครอบครัวแฟนเก่าไอ้พัด แล้วพ่อแม่ทางนั้นรถคว่ำเสียชีวิต มันเลยสงสารเพราะมันเคยผ่านเหตุการณ์นั้นมาก่อนด้วย  มันเลยไปช่วยดูแลกิจการทางนั้นให้ก่อนจนกว่าแฟนเก่ามันจะโอเคขึ้น ไหนมันบอกว่ามันบอกมึงแล้วไง”

“บอก แต่ไม่ได้บอกแบบนี้” ผมพูด รู้สึกใจสั่น สมองของผมมันงงๆเบลอๆ กำลังเรียบเรียงคำพูดของเด่นอีกรอบ

“มันคงกลัวแกไม่สบายใจเปล่าวะกลอน” บุ้งรีบเดินมาลูบหลังผม

“เราขออยู่คนเดียวก่อนนะ” ผมบอกทั้งสองคน เด่นกับบุ้งสีหน้าไม่ดี แต่ทั้งคู่ก็ยอมออกไป


ก็อาจจะเป็นแบบที่บุ้งบอก พัดโบกอาจจะกลัวผมไม่เข้าใจ ไม่สบายใจหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่พัดโบกก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่ผมเกลียดที่สุดนั่นคือโกหก เขาคงคิดว่า สุดท้ายแล้วถึงผมจะรู้เรื่อง แต่ถ้าเขาอธิบายหรือขอโทษผมก็คงจะให้อภัย พัดโบกคงไม่รู้นิสัยของผม ผมให้อภัยได้ในเรื่องที่ผมควรให้ ผมไม่รู้หรอกว่าพัดโบกจะนอกใจหรือไม่ มันไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะคิดแล้ว แต่การที่พัดโบกเลือกที่จะโกหกผม แปลว่าเขาสะดวกใจที่จะทำแบบนั้นมากกว่าการเปิดใจพูดกับผมตรงๆในทุกๆเรื่อง ผมยังพูดกับเขา เล่าทุกเรื่องด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วผมทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้หนักหนา พอจะได้เริ่มต้นกับใครก็ต้องมีเหตุให้ต้องเสียใจทุกที


คืนหนึ่งเต็มๆที่ผมได้นั่งทบทวนว่าควรจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี บุ้งกับเด่นมันก็เป็นห่วงผม มันคงคิดว่าผมคงร้องไห้จนไม่มีแรงไปทำงาน ที่ผมเดาว่ามันคิดแบบนั้นเพราะว่ามันทำหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นผมลุกออกมาตั้งแต่เช้าเตรียมตัวไปทำงาน


“มึงโอเคเปล่าวะกลอน” เด่นมันถามผมไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว

“หน้าเราดูไม่โอเคเหรอ” ผมย้อนถามมันบ้าง

“เปล่า แต่กูกลัวมึงเก็บอาการ กูคิดว่าไอ้พัดมันจะบอกมึงเพราะมันก็บอกกับกูแบบจริงจังว่ามันกับทามะจบลงแล้วแบบคนรัก มันรักมึงมาก”

“รักแล้วทำไมต้องไปแคร์ทางโน้น เข้าข้างกันรึเปล่าเนี่ย เป็นเราหน่อยไม่ได้” บุ้งวางชามโจ๊กลงตรงหน้าผมก่อนจะหันไปเบ้ปากใส่ไอ้เด่น

“พาลชิบเลยเพื่อนมึง” เด่นส่ายหน้า ผมก็ขำ เหมือนคู่กัดมากกว่าจะเป็นคู่รักกันนะคู่นี้

“เราเชื่อนะว่าพัดโบกรักเรา แต่ที่เราไม่รู้คือ เขาหมดรักทางโน้นแน่รึเปล่า เขาก็รักกันมาตั้งนาน มันตัดไม่ขาดหรอก” ผมคนโจ๊กในชามพร้อมกับบอกสิ่งที่ตัวเองคิด

“อย่าบอกนะว่าแกทำใจยอมรับได้” บุ้งถามผม

“เราก็ไม่รู้ว่าเรายอมรับหรือปลง เมื่อคืนยอมรับว่าเสียใจนะ รู้สึกใจหาย อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันก็ไม่ยักจะไหล พอคิดไปคิดมา ถ้าเป็นเรากับพี่ฉลาม เราก็คงทำแบบพัดโบก แต่ความต่างคือเราจะไม่โกหกพัดโบกเหมือนที่พัดโบกโกหกเรา”

“แล้วแกจะทำยังไงต่อไป” บุ้งถามผมอีก

“เราว่าเราจะไปญี่ปุ่น” ผมตอบเสร็จ บุ้งกับไอ้เด่นมองหน้ากันแบบตกใจ ก็ไม่รู้ทำไมมันต้องตกใจ

“มึงจะไปเมื่อไหร่” เด่นถามผม

“วีซ่าผ่านเมื่อไหร่ก็ไป” ผมตอบ

“กูไปด้วย” เด่นมันบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะกินโจ๊กจนหมดชาม กองทัพต้องเดินด้วยท้องนี่เนอะ


ถามว่าผมยังเสียใจไหม ผมรู้สึกใจกายมากกว่า เคยไหมครับ มันแวบๆวูบๆวาบๆตลอด มันเหมือนลางเตือนให้ผมได้ทำใจ ว่าอนาคตอันใกล้ผมคงได้เสียน้ำตาแน่ๆ เอาไว้ถึงเวลานั้นผมก็คงจะตอบคำถามของไอ้เด่นกับบุ้งได้ ว่าผมโอเคหรือเปล่า


กว่าผมจะเคลียร์งานได้และได้วีซ่ามาก็ผ่านไปเกือบเดือน ระหว่างนั้นผมทำตัวปกติกับพัดโบกเวลาที่เขาคอลสไกป์มาหา ผมไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้พี่ฉลามฟังและกำชับบุ้งว่าห้ามเล่าให้พี่นุ๊กและพี่ฉลามฟัง บุ้งก็รับปากและพยายามมาอยู่เป็นเพื่อนผมเพราะกลัวผมเสียใจ แต่ผมก็ทำตัวปกติ ผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรขนาดนั้นที่จะไม่รู้สึก แต่ก็ยังไม่ถึงกับร้องไห้จนทำอะไรไม่ได้ ที่ผ่านมาผมไม่ได้คิดอะไรระแวงอะไรเลยไม่ได้จับผิด แต่เมื่อมารู้เรื่องแล้วในตอนนี้ ทุกครั้งเราเปิดกล้องแชทคุยกัน ผมว่าผมได้ยินเสียงผู้ชายฮัมเพลง ได้ยินบ่อยๆนึกว่าเสียงจากโทรทัศน์ แต่พอตั้งใจฟังแล้วมันไม่น่าใช่ บางวันผมกดทักไปก่อน สัญญาณทางฝั่งโน้นกดรับก่อนจะโดนตัดสายไปแบบรวดเร็ว พักใหญ่พัดโบกถึงได้ทักมาแล้วบอกว่ามือเปื้อนเนยอยู่เลยตัดสายไปก่อน มือเปื้อนเนยตอนสี่ทุ่มเนี่ยนะเหรอ ผมก็เพิ่งจะมาเอะใจว่ามันผิดปกติก็ตอนรู้เรื่องนี่แหละครับ


ก่อนหน้าที่ผมจะเดินทางไปญี่ปุ่นสี่วัน คืนนั้นพัดโบกก็คอลสไกป์มา ผมกดรับ แต่ภาพที่ปรากฏมาจากอีกฝ่ายกลับไม่ใช่พัดโบก เป็นผู้ชายหน้าสวยมากๆคนหนึ่ง หน้าขาวใส ตาหวานมากๆ จมูกโด่ง ปากแดงอิ่มสดใส ผมสีน้ำตาลเข้มตัดรับกับใบหน้า แค่เห็นแวบแรกก็อดชื่นชมไม่ได้ อีกฝ่ายส่งยิ้มมาแล้วทักผมเป็นภาษาไทยออกสำเนียงญี่ปุ่น ผมขอเขียนบันทึกนี้เป็นภาษาไทยไปเลยเพื่อความเข้าใจ


“สวัสดี ผมชื่อทามะ”

“สวัสดีครับ” ผมตอบกลับไป

“กลอนใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“ขอโทษที่ใช้สไกป์ของพัดคอลมานะ ผมแค่อยากคุยกับกลอน” อีกฝ่ายคงพูดไปยิ้มไป แต่ดวงตาดูเศร้ามากๆ

“ครับ”

“แปลกใจไหมที่ผมพูดไทยได้ดี พัดเขาสอน เขาชอบให้ผมใช้คำไทย เวลาผมพูดผิดก็หัวเราะ”

“ครับ” ผมตอบไปสั้นๆ อีกฝ่ายเห็นผมตอบสั้นๆก็ทำท่าถอนหายใจ

“ผมขอโทษนะ ไม่ได้จะมาทำไม่ดี ผมแค่อยากรู้จักคุณ พัดพูดถึงคุณให้ฟัง”

“เหรอครับ”

“คุณโกรธเราไหม”

“โกรธเรื่องอะไรครับ” ผมถาม

“เรื่องที่พัดกับผม..”

“..........” ผมเงียบไป เมื่ออีกฝ่ายก็เงียบ รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่ปรากฏเมื่อครู่หายไป ใบหน้าขาวๆตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา ผมว่าเขาไม่ได้เสแสร้ง เขากำลังร้องไห้เพราะความเสียใจจริงๆ เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเขากำลังเสียใจเรื่องอะไร

“ผมขาดพัดไม่ได้ ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ” ใบหน้าขาวใสพูดไปสะอื้นไป ผมได้แต่แอบทอดถอนลมหายใจ พร้อมกับถามตัวเองว่า แล้วผมละ ขาดพัดโบกได้ไหม

“คุณทามะ คนที่คุณควรไปอ้อนวอนไม่ใช่ผมหรอก คุณควรไปพูดคุยกับพัดโบก ถ้าเขายินดีที่จะกลับไปคบกับคุณ ผมก็จะไม่ขัดขวางอะไร” ผมพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าละมุนที่สุดแล้วครับ ผมไม่ได้โกรธเขานะ ผมไม่ได้เป็นพ่อพระ แต่ผมเป็นแค่ใครคนหนึ่งที่ยอมรับกับความสุญเสียได้ดีเท่านั้นเอง ถ้าพัดโบกยังรักและยังอยากดูแลทามะ ผมจะรั้งเขาเอาไว้ทำไม

“เขาคงเลือกคุณมากกว่าผม” ทามะก้มหน้า น้ำเสียงดูเศร้าสร้อยจมผมอดสงสารไม่ได้

“.........” ผมก็ไม่รู้จะตอบเขาว่ายังไงก็เลยเงียบอีกจนบรรยากาศมันดูน่าอึดอัด

“ขอบคุณมากครับ” ทามะพูดขอบคุณกับผมเสร็จก็กดตัดสายไปเลย


จนอีกเกือบสองชั่วโมงพัดโบกถึงคอลมาหาผม พูดคุยเป็นปกติ จนได้ยินเสียงจานหล่นแตก พัดโบกทำหน้าตกใจก่อนจะวิ่งหายไปจากจอคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว สักพักใหญ่ถึงได้กลับมาแล้วบอกว่าจานมันหล่นลงมาเอง ผมได้แต่ยิ้มให้เขา ไม่ได้พูดอะไรออกไป ผมจ้องมองสีหน้าของพัดโบก ใบหน้าของคนที่ต้องโกหกมันมีริ้วรอยของความไม่สบายใจแฝงอยู่ชัดเจน ผมอยากถามเขาว่าเหนื่อยไหมที่ต้องอยู่แบบไม่สบายใจแบบนี้ ได้แต่คิด ไม่ได้พูดออกไป อีกสี่วันผมจะเดินไปญี่ปุ่นแล้ว เก็บเอาไว้ถามต่อหน้าเลยก็แล้วกัน


....

มีต่อด้านล่าง

V
V


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2016 14:37:57 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
ต่อจากด้านบน



เด่นพาผมมายืนอยู่ที่หน้าตึกสีขาวสี่ชั้นที่มีป้ายภาษาญี่ปุ่นตัวใหญ่สีเงินประดับอยู่ที่เหนือประตูกระจกทางเข้า ที่หน้าประตูมีป้ายโปสเตอร์ตั้งเอาไว้ มีรูปของพัดโบกกับทามะถ่ายคู่กันในชุดเชฟสีขาวสะอาดตา ผมไม่เข้าใจรายละเอียดในโปสเตอร์หรอก แต่น่าจะเป็นการโฆษณาของโรงเรียน ผมยังไม่ได้เข้าไปในทันที แต่เลือกชวนเด่นมานั่งที่ร้านกาแฟที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงเรียน อากาศหนาวมากๆจนไอออกปาก ขืนยืนอยู่ด้านนอกคงจะแข็งตายแน่ เข้ามาในร้านนี้ค่อยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย กลิ่นกาแฟก็หอมยั่วมาก เบเกอรี่ก็น่ากินสุดๆ ผมเห็นรูปทามะกับครอบครัวติดอยู่ที่กำแพงด้านหนึ่งด้วย สงสัยจะเป็นร้านของครอบครัวของทามะ


“นั่นไงไอ้พัด” เสียงของเด่นทำให้ผมมองออกไปยังฝั่งตรงกันข้าม พัดโบกเดินออกมาพร้อมกับผู้ชายรูปร่างผอมบาง แต่ใบหน้าสวยหวานเกินเพศ ยืนข้างพัดโบกแล้วตัวเล็กนิดเดียว ภาพต่อมาทำให้ผมต้องมองจ้องจนลืมกระพริบตา พัดโบกกำลังสวมหมวกและถุงมือให้ทามะก่อนจะจูงมือพาข้ามถนนมายังร้านกาแฟที่ผมนั่งอยู่กับเด่น ผมยังคงมองทั้งสองคนจนกระทั่งทั้งคู่เข้ามาถึงในร้าน พัดโบกทักทายเด็กในร้านเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนจะเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ด้านใน ไม่ได้มองมาทางผม ส่วนคนที่พัดโบกจูงมือเข้ามาหันมาเห็นผมแล้วทำตาโตก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์แล้วหันไปมองที่พัดโบก พัดโบกเห็นทามะยืนนิ่งมองมาทางผมเลยหันมามองตาม พอเห็นผมพัดโบกมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะรีบเดินมาหาผม

“กลอน...เด่น..” พัดโบกเรียกชื่อพวกผมสองคนก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ

“คุยกันเองก็แล้วกัน กูขอไปเดินเล่นแถวนี้เดี๋ยวมา แต่มึงกับกูมีเรื่องต้องเคลียร์กันทีหลังไอ้พัด” เด่นบอกก่อนจะลุกไป พัดโบกลงมานั่งแทนที่ของเด่น

“กลอน จะมาหาทำไมไม่บอก มีอะไรหรือเปล่า” พัดโบกกุมมือผม ผมมองเลยไปที่ทามะ สีหน้าฝ่ายนั้นดูเจ็บปวดก่อนจะเดินหันหลังออกไปจากร้าน

“พัดน่าจะรู้ว่ามันมีอะไรหรือเปล่า” ผมบอก พัดชะงักไป นั่งนิ่งเงียบอยู่นานเลย พอเห็นผมขยับตัวถึงได้ถอนหายใจแล้วรีบบีบมือของผมเอาไว้แน่น

“เราขอโทษนะที่ไม่ได้บอกเรื่องของทามะ เราไม่อยากให้กลอนต้องไม่สบายใจ”

“ถ้าบอกเราตรงๆ เรามีอะไรที่ต้องไม่สบายใจเหรอ” ผมย้อนถาม

“ก็ทามะคืออดีตคนรักเก่าของเรา”

“แล้วยังไง เราจะกังวลทำไมถ้าเขาเป็นแค่อดีต”

“ก็เรากลัวกลอนคิดมากที่เรามาอยู่ใกล้เขา”

“เอาล่ะ มันไม่มีประโยชน์แล้วที่จะมาพูดเรื่องบอกหรือไม่บอก เพราะวันนี้เรารู้แล้ว เรามาที่นี่เพื่อถามคำถามเดียว เราขอให้คำตอบที่พัดจะตอบมาจากความจริงใจ เราไม่อยากหมดศรัทธาที่จะเชื่อในตัวพัดนะ”

“กลอน...”

“พัดมีอะไรกับทามะหรือเปล่า หลังจากที่คบกับเรา” ผมถามพร้อมกับจ้องหน้าอีกฝ่าย พัดมีสีหน้าไม่ดีเลย ผมคิดว่าผมรู้คำตอบได้จากแววตาและสีหน้าของเขา

“เราขอโทษ แค่สองครั้งเท่านั้นจริงๆ เราขอโทษนะกลอน แต่เรารักกลอน นะ อภัยให้เราได้ไหม เราจะกลับไปกับกลอนเลย เราเลือกกลอนนะ”

“เราไม่ได้มาถามพัดว่าจะเลือกใคร เรามาแค่อยากได้ยินความซื่อสัตย์สุดท้ายว่าพัดจะมีให้เราไหม ขอบใจนะที่ไม่เลือกที่จะโกหกกันอีก”

“กลอน เราไม่เลิกกับกลอนนะ”

“พัดไม่มีสิทธิเลือกตั้งแต่นอนกับคนอื่นแล้ว สำหรับเรื่องของเราสองคน เราขอจบตรงนี้นะ”

“ทำไมถึงได้เลิกกับเราง่ายๆ เพราะกลอนไม่เคยรักเราเลยใช่ไหม กลอนดูไม่เสียใจเลย กลอนอยากเลิกกับเราเพราะอยากกลับไปหาคนรักเก่าเหมือนกันใช่ไหม” พัดตะโกนใส่ผมจนคนในร้านหันมามอง

“ถ้าอยากให้เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ก็อย่าทำให้เราต้องเสียใจและผิดหวังกับเรื่องอีกเลย เราจำเป็นต้องร้องไห้ให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์กับเราเห็นเหรอ เราจำเป็นต้องฟูมฟายที่ต้องเสียคนที่ไม่จริงใจกับเราไหม เราไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจเลยเพราะเราทำดีที่สุดแล้ว ที่ตรงนี้เหมาะกับพัดแล้วละ คนๆนั้นต้องการพัดมากกว่าเรา” ผมบอกก่อนจะเดินออกจากร้านไป มองไปก็เห็นทามะยืนตาแดงก่ำอยู่ด้านนอก พัดโบกเดินตามออกมามองผมกับทามะสลับกัน ไม่นานไอ้เด่นก็เดินเข้ามาหาผม

“เราจะกลับเมืองไทย” พัดโบกพูดเสียงดัง พูดจบทามะก็ร้องไห้เลย

“มันไม่มีประโยชน์แล้วพัดโบก” ผมบอกเขา

“เรายังให้เวลากลอนลืมคนรักเก่า ทำไมกลอนไม่ให้เวลาเราบ้าง เราอดทนรอตอนที่กลอนมีผู้ชายคนนั้นเต็มหัวใจด้วยความเจ็บปวดตลอดมา เราดูแลกลอนไม่ดีเหรอ เรารักกลอนไม่พอเหรอ กลอนไม่รักเราแล้วเหรอ กลอนขาดเราได้จริงๆเหรอ” พัดโบกพูดไปร้องไห้ไป ผมตกใจเหมือนกันที่เห็นเขาร้องไห้ และยิ่งพัดโบกร้องไห้ ทามะก็ร้องหนักกว่าเก่าเหมือนจะขาดใจ คนแถวนั้นก็มอง ผมไม่ชอบเลย รู้สึกไม่ดีกับสถานการณ์แบบนี้ พัดโบกทำเหมือนเรื่องทั้งหมดผมผิดที่ไม่ให้โอกาสเขาบ้าง

“เราเลือกพัดในวันนั้น มันหมายความเรารักพัดนะ แต่พัดไม่เลือกที่จะรักษาความรักที่เรามีให้ ถึงใจเราไม่เคยลืมพี่ฉลาม แต่เราก็มีความซื่อสัตย์ให้กับพัดตลอดเวลาที่เราคบกัน เลิกโทษเราแล้วถามตัวเองว่าดีพอให้เรารั้งเอาไว้หรือเปล่า อย่าให้เราต้องเกลียดพัดเลยนะ” ผมบอก พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ การที่ผมไม่ได้แสดงว่าผมเจ็บ ไม่ได้แปลว่าผมไม่เจ็บ การแสดงออกของคนเราไม่เหมือนกัน ภูมิต้านทานในใจของคนเราก็ไม่เหมือนกัน

“กลอน ขอโทษนะ ขอโทษ อย่าเลิกกันเลยนะ นะ” พัดโบกเข้ามากอดผมเอาไว้ ผมรีบผลักเข้าออกเพราะกำลังเป็นเป้าสายตาของคนแถวนั้น เด่นมันคงรู้ว่าผมเริ่มไม่โอเคมันเลยมาดึงผมไป

“พัด โอกาสมึงหมดแล้ว กูเคยบอกมึงว่าถ้าทำกลอนมันเสียใจถึงมึงเป็นญาติกูก็อภัยให้ไม่ได้ มึงตัดทามะไม่ขาดหรอก ลึกๆมึงก็รักทามะ สักพักมึงจะลืมไอ้กลอนได้เอง อย่าทำให้พวกเราต้องมองหน้ากันไม่ติดอีก” เด่นพูดจบก็จูงมือผมออกไปเลย พัดโบกไม่ได้ตามมา ผมไม่ได้มองกลับไปเหมือนกันว่าเขาเป็นยังไง


..มันจบแล้วจบแล้วจริงๆในเวลาที่สั้นเหลือเกินกับรักที่ผมเลือกเอง..


“กลับเลยได้เปล่า” ผมถามเด่นหลังจากที่กลับมาถึงโรงแรม ผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเพราะว่าจะออกไปหาอะไรกินกัน แต่ในใจอยากกลับบ้านแล้ว

“ไม่ได้ ในข่าวบอกว่าพรุ่งนี้หิมะแรกจะตก อยู่เที่ยวก่อน มึงเหนื่อยกับชีวิตมาเยอะแล้ว”

“ไม่อยากเที่ยวแถวนี้” ผมบอกไปตรงๆ

“กูรู้แล้ว พรุ่งนี้เปลี่ยนเมือง กูจัดให้แล้ว คืนนี้นอนให้หลับก็พอ ถ้าไม่ไหวบอกกูนะ กูให้ยืมหน้าอก มาซบป๋ามา ป๋าจะปลอบ” ไอ้เด่นตบอกตัวเอง ผมนึกขำ รักกี่ครั้งที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ผมร้องไห้ ผมก็เห็นเพื่อนคนนี้เสมอ ผมเดินไปหามันแล้วกอดมัน มันทำท่าตกใจที่ผมไปกอดมันจริงๆจนผมหัวเราะท่าทางของมันทั้งน้ำตา มันลูบหัวผม แค่นั้นผมก็บ่อน้ำตาแตกพลั่กๆเลยครับ

“ถ้ากูรู้ว่ากูจะเป็นชายเหนือชายได้ กูจีบมึงไปแล้ว มึงจะได้ไม่ต้องเสียใจ” เด่นปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่พักใหญ่แล้วก็พูดออกมา มันพูดจบผมก็ผลักอกมันออกเลย ยืนเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วค้อนใส่มัน

“เจ็บหนักกว่าเดิมสิไม่ว่า แกโคตรเจ้าชู้ตัวพ่ออะ ขี้เอาด้วย นี่ถ้าไม่จริงจังกับบุ้งจะโดนดี” ผมต่อว่ามันพร้อมกับขู่มัน ผมหัวเราะ

“เฮ้อ กูเพื่อนมึงนะ ขู่จริง แล้วรู้ได้ไงกูขี้เอา แอบฟังละสิ”

“ไอ้บ้า”

“ฮ่าๆๆ  ไป หาสาเกดื่มแก้หนาวกันดีกว่าเพื่อนรัก” เด่นกอดคอผม ผมพยักหน้าให้มัน ไหนๆก็ตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาบอกลาคนรัก เพื่อจะทิ้งความทุกข์เอาไว้ที่นี่ ถึงแม้ว่าปลายทางมันจะจบไม่สวยเลยจริงๆ แต่ระหว่างทางของผมกับพัดโบก พัดโบกก็ดูแลผมดี ถือว่าเราไม่ได้เกิดมาคู่กันก็แล้วกัน


ผมอยู่เที่ยวญี่ปุ่นกับเด่นจนครบกำหนดกลับ ผมปิดการสื่อสารทุกอย่าง เพราะอยากปล่อยสมองให้โล่งจริงๆ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ผมแอบนอนร้องไห้ทุกคืนนะ แต่ไม่ใก้เด่นมันรู้ ไม่อยากให้มันห่วงมากไปกว่านี้ ไม่คิดเหมือนกันว่าเอาเข้าจริงจะเสียใจขนาดนี้ ผมบอกตรงๆนะ ไม่รู้ว่าเสียใจที่ถูกนอกใจหรือว่าเสียใจที่ต้องผิดหวังในรักอีกแล้ว มันออกแนว เหนื่อยเหลือเกินแล้วที่จะมอบใจให้ใครสักคน แต่ผมตั้งใจเอาไว้แล้วว่ากลับไปเมืองไทยผมจะไม่ร้องอีกแล้ว พอกันทีกับเรื่องความรัก ผมแต่งกับงานดีกว่า ไม่ต้องมาเสียใจด้วย


ขณะที่ผมนั่งเครื่องกลับ จู่ๆไอ้เด่นก็บอกข่าวๆหนึ่งที่ทำให้ผมตกใจมาก มันบอกมันรู้มาสองวันแล้วแต่เลือกที่จะไม่บอกผม เพราะมันอยากให้ผมได้พักผ่อนเต็มที่ ข่าวนั้นก็คือ ทามะกรีดข้อมือหวังจะฆ่าตัวตายเพราะพัดโบกเก็บข้าวของจะตามผมกลับเมืองไทย โชคดีที่มีคนไปพบก่อน แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่อาการทางใจดูแล้วน่าเป็นห่วง โดยมีพัดโบกคอยดูแลอยู่เพราะทามะไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ผมได้แต่ถอนหายใจ การที่ได้รู้เรื่องนี้มันทำให้ผมคลายความเศร้าลงได้ ไม่ใช่ดีใจที่เห็นทามะเจ็บตัวนะครับ แต่ผมดีใจที่ผมได้ปล่อยโลกทั้งใบให้กับใครบางคนที่เขาไม่สามารถจะขาดมันได้ คนยอมที่จะแลกลมหายใจของตัวเองเพื่อคนๆนั้น แปลว่ามันคงสำคัญกับเขามากจริงๆ ผมขออโหสิกรรมให้พัดโบกและทามะนะ จบกรรมต่อกัน นี่คงเป็นสิ่งที่ผมคิดแล้วทำให้ตัวเองหลุดออกจากบ่วงทุกข์ได้ดีที่สุดแล้วละครับ ลาก่อนนะ พัดโบก..


..และเขาจะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่แสนหวานปนขมในชีวิตของผม เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ผมจะจำมันได้ตลอดไป..


......



..ชีวิตจริงก็เหมือนละครนะ แต่มันอาจจะไม่ง่ายแบบละครบางเรื่อง บางทีก็ซับซ้อนกว่าละครด้วยซ้ำไป มันไม่ได้สวยหวานเลิศหรูอย่างที่อยากให้เป็นได้ตลอดกาล และมันทำให้ผมคิดว่า ถ้ามีคนข้างบนคอยเขียนบทชีวิตให้กับเรา คนเขียนบทชีวิตของผมจะเขียนความรักของผมให้ต้องพบกับความเจ็บซ้ำๆแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ..


ตื่นเช้า..
ไปทำงาน..
เลิกจนดึกดื่น..
นอน..แล้วก็ตื่นเช้าเพื่อไปทำงาน..


ชีวิตของผมตอนนี้มีแค่นี้จริงๆ ผมกำลังสนุกกับงานที่ทำ ความเสียใจเรื่องของพัดโบกค่อยๆจางหายไปตามวันและเวลา นอกจากบุ้งกับเด่นแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าผมเลิกกับพัดโบกแล้ว ผมบังคับทั้งสองคนห้ามบอกใคร เน้นย้ำว่าห้ามบอก และผมก็ไม่ติดต่อกับพัดโบกด้วย แรกๆพัดโบกดูพยายามจะติดต่อผม แต่คงเห็นแล้วว่าผมใจแข็งและตัดใจจริงๆ แล้วอีกฝ่ายก็หายเงียบไปในที่สุด


จากวันที่ผมเลิกกับพัดโบกมาถึงวันนี้ก็ครบสามเดือนครึ่งพอดี ผมก็ใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างที่เคยๆ มีไปกินข้าวกับพี่ฉลามบ้างแล้วแต่เวลาจะอำนวยให้ว่างตรงกัน ที่ผมไม่ได้บอกพี่เขาเรื่องพัดโบกเพราะผมไม่อยากให้ตัวเองกลับไปยึดติดกับพี่ฉลาม ผมทำพี่เขาเสียใจ ผมเลือกพัดโบกแทนที่จะเลือกพี่ฉลาม ผมไม่อยากให้คนอื่นมองว่า พอผิดหวังก็รีบกลับมาฉวยโอกาสนี้ และบางทีพี่เขาอาจจะเจอใครที่ใช่แล้วก็เป็นได้ เห็นบุ้งบอกว่าพี่ฉลามมีคนที่คุยๆด้วยแล้ว มันคงไม่ดีถ้าผมจะเอาตัวเองไปใกล้ชิดพี่เขา ทุกครั้งที่เจอกัน พี่เขาก็ไม่เคยถามเรื่องพัดโบก ผมเลยไม่ต้องโกหก ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องงานมากกว่า ไม่ก็เรื่องทั่วๆไปอย่างที่เราคุยๆกันมาตลอด นอกนั้นก็มีไปกับเพื่อนคนอื่นๆบ้าง แต่ก็ไม่บ่อย แม่ก็มาหาบ้าง ตอนนี้เที่ยวเก่งกว่าผมไปแล้ว แต่ก็ดีใจที่แม่มีความสุข


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเลิกงานดึกมาก กว่าจะเคลียร์งานเรียบร้อยก็ปาไปตีสอง ช่วงนี้บริษัทกำลังไปได้ดี ได้รับงานอีเวนท์ใหญ่ๆและงานโฆษณาหลายตัว พี่เหิรก็เริ่มไว้ใจมอบหมายให้ผมได้ทำงานใหญ่กว่าเดิม ผมก็ทุ่มเทเต็มที่จนบางทีก็ลืมไปว่าการรักษาสุขภาพของตัวเองก็สำคัญ อย่างตอนนี้ ผมนั่งทำทำงานนานไป พอตอนลุกไม่รู้ว่าผิดท่ายังไงมันถึงเจ็บจี๊ดที่กลางหลังแล้วก็ไม่สามารถขยับตัวได้ เจ็บเหมือนมีใครเอามีดมาแทงหลัง ผมต้องนั่งอยู่อย่างนั้นเพราะมันเจ็บร้าวจนน้ำตาซึม ผมกดโทรศัพท์หาเด่นมันปิดเครื่อง พอโทรหาบุ้งๆก็ไม่ได้รับสาย อย่างว่า ก็ตอนมันตีสองแล้ว มันคงจะหลับสนิทกันอยู่ ผมกัดริมฝีปากพยายามจะฝืนตัวแต่ก็ลุกไม่ได้ หวังว่าคงไม่เป็นกระดูกกดทับเส้นประสาทหรอกนะ พอคิดแล้วก็เครียดเลย ผมต้องนั่งอยู่ถึงเช้าไหมเนี่ย เหมือนเบื้องบนจะเห็นใจ จู่ๆโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา พอเห็นคนโทรเข้าก็แปลกใจ แต่ก็รีบกดรับ


“พี่ฉลาม” ผมร้องเรียกไปตามสาย

“เป็นอะไร เสียงไม่ดีเลย แล้วอยู่ที่ไหน” เสียงปลายสายตอบกลับมา

“ยังอยู่ที่ทำงานครับ กลอนเจ็บหลัง ลุกไม่ได้เลยครับ”

“รออยู่นั่นนะ นั่งเฉยๆอย่าเพิ่งขยับ เดี๋ยวพี่ไปหา”


ผมนั่งรออยู่พักหนึ่งพี่ฉลามก็มา แถมไม่ได้มาคนเดียว พาใครอีกคนมาด้วยก็ไม่รู้ พี่เขามาจับๆทีหลังก่อนจะถามอาการผม สรุปว่าพี่เขาเป็นหมอ เป็นเพื่อนพี่ฉลาม แต่ผมไม่เคยเห็นเลย เขาบอกว่าผมกล้ามเนื้ออักเสบ พี่เขาให้ยาทากับยากินมา พร้อมกับกำชับผมว่าอย่านั่งทำงานนานๆ ให้ลุกมาเดินบ้าง แต่ช่วงนี้ต้องพักหลังบ้างก่อนจะอาการแย่ไปกว่านี้ ผมยกมือไหว้ขอบคุณ พี่ฉลามก็ขอบคุณเพื่อน อีกฝ่ายส่งยิ้มให้พี่ฉลาม พี่ฉลามประคองผมลงมาข้างล่างหลังจากที่ผมพอจะขยับตัวได้แล้ว ระหว่างทางเห็นพี่ฉลามนั่งคุยกับเพื่อนแล้วรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดาเสียแล้ว ใจผมกระตุกวูบก่อนจะรู้สึกหวิว   ๆ ยิ่งเห็นพี่หมอเอานิ้วไปเขี่ยผมให้พี่ฉลามผมต้องเบนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่อยากมอง ทำไมผมรู้สึกใจแป้วมาก มากกว่าตอนเห็นพัดโบกจูงมือทามะอีก มีความรู้สึกว่าพี่ฉลามขับรถช้ามาก คงจะคุยเพลินลืมว่ามีคนเจ็บอยู่ด้วยล่ะสิ


“ขอบใจนะหมอ” พี่ฉลามมาส่งพี่หมอเสร็จ ถึงหันมาหาผม คงเพิ่งนึกออกว่ามีผมอยู่ในรถด้วย

“เจ็บเหรอ สีหน้าไม่ดีเลย พี่ไม่กล้าขับเร็วกลัวจะกระเทือนไปถึงหลัง ไปโรงพยาบาลไหม” พอพี่ฉลามพูดจบผมรู้สึกผิดเลย ผมคิดไม่ดีทั้งที่ไม่มีสิทธิ์จะคิดด้วยซ้ำ เป็นบ้าอะไรวะกลอน ได้แต่ด่าตัวเอง

“ไม่เป็นไร กลอนไม่เจ็บ อืม แล้วพี่นึกยังไงโทรมาหากลอน ตั้งตีสองแล้ว” ผมรีบถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง รู้สึกว่าตัวเองโคตรงี่เงาที่ไปรู้สึกแบบนั้น ผมเลือกเองที่จะปล่อยพี่เขาไป พี่เขาหันกลับไปขับรถแล้วถึงได้ตอบผม

“ก็โทรไปหาบุ้งตอนเที่ยงคืนบอกว่ากลอนยังไม่กลับ ทำงานอยู่ จนตีสองยังไม่เห็นห้องเปิดไฟเลยสงสัยว่าทำไมยังไม่กลับ” พอได้ยินคำตอบแล้วใจที่มันหวิวๆเหมือนจะหายไปกลับเต้นตึกๆเร็วขึ้น พี่เขามองมาที่ห้องผมตลอดเลยเหรอ

“ทำงานเพลินไปหน่อย ขอบคุณนะครับที่โทรมา ไม่ได้พี่กลอนคงแย่เลย”

“แล้วทำไมไม่โทรหาพี่” พี่ฉลามถามเสียงดุๆ

“กลอนเกรงใจ กลัวว่าพี่จะนอนแล้ว”

“นอนแล้วก็ตื่นได้ ต่อไปห้ามทำงานเกินสามทุ่มนะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องแม่กลอน”

“อะไร ขี้ฟ้องอะ ก็งานมันเร่งนี่ครับ” ผมแก้ตัว

“แล้วถ้าเป็นอะไรขึ้นมาไม่คิดเหรอว่าจะมีคนเสียใจ” พี่ฉลามถามผม แต่ไม่ได้มองหน้าผมนะ พี่เขาขับรถ ผมนั่งหลัง แต่ผมมองพี่เขาผ่านกระจกมองหลัง แววตาพี่เขาดูจริงจัง ออกแนวว่าโมโหผมที่ไม่ดูแลตัวเอง

“ก็ได้ กลอนจะไม่ทำงานเกินสามทุ่มแล้ว สองทุ่มห้าสิบเก้าปุ๊ป วิ่งออกมานอกออฟฟิซเลยสัญญา” ผมรีบบอก ได้ยินเสียงพี่เขาหัวเราะเบาๆ

“แฟนพี่เหรอครับ” ผมถามออกไปตรงๆ

“ก็คุยๆกันอยู่” พี่ฉลามก็ตอบตรงๆ ผมแอบลอบถอนหายใจ อยากจะร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น แต่ก็ฝืนเอาไว้

“พี่เขาดูดีนะ”

“อืม” พี่ฉลามตอบสั้นๆ ผมเลยไม่ได้ถามอะไรอีก ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องยินดีที่พี่เขาจะได้เจอคนที่คู่ควร


*****โปรดติดตามตอนต่อไป*****

ขอโทษนะคะที่หายไปนาน อย่างที่แจ้งไปแล้วด้านบน การสูญเสียครั้งนี้ทำเอาอ่อนแอไปเลย
ลุงเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของผู้แต่ง พอมันกะทันหันเลยทำให้ไปต่อไม่ถูก โชคดียังมีช่วงเวลา
ที่ให้เราทำใจได้เกือบเดือน เหมือนคุณปอเลย คงฮึดสู้ทนเจ็บทนโรคเพื่อให้ภรรยาได้เข้มแข็งอยู่อีก 70 วัน
ขอเป็นกำลังใจให้ภรรยาคุณปอกับน้องมะลิเข้มแข็งและก้าวต่อไปให้ได้นะคะ

ผู้อ่านทุกท่านก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆนะคะ ดูแลคนสำคัญของคุณด้วย ทำให้ดีที่สุดเราจะได้ไม่เสียใจวันที่ต้องจากกัน

ส่วนเรื่องนิยาย จริงๆตอนเลิกรากันของพัดโบกมันมีรายละเอียดที่มากกว่านี้ แต่เบื้องบนขอเอาไว้ เขาอยากเล่าแต่
ความทรงจำที่ดีๆของผู้ชายคนนี้ เขาไม่อยากนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว มันแย่มากสำหรับเขา ก็เลยตามนี้แล้วกันเนอะ

ถ้ามีคำผิดพรุ่งนี้จะกลับมาแก้ไขให้นะคะ รีบเอามาลงก่อน เห็นรอกันนานมากแล้ว ขออภัยหากตอนนี้มันมีข้อผิดพลาดนะคะ

รักผู้อ่านทุกท่าน ขอบคุณที่รอกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2016 23:43:58 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจในความสูญเสียด้วยค่ะ

กลับมาที่เนื้อเรื่อง
เราบอกตรงๆว่าเราไม่แปลกใจที่พัดโบกทำแบบนั้น
เห็นนิสัยหลายๆอย่างของพัดโบกเช่นที่ทำออรัลตอนที่กลอนป่วย
ตามปกติถ้าอีกคนป่วย คนที่ดูแลจะไม่ทำแบบนั้นเพราะว่าใจเป็นห่วงกังวลถึงอีกฝ่าย
สำหรับเรานั่นคือไม่ให้เกียรติคนที่รักที่ป่วยอยู่
เราถึงรู้สึกว่าพัดโบกรักกลอนแต่ลึกๆก็ยังรักตัวเองมากกว่า
การที่พัดโบกเลือกที่จะโกหกมันอาจจะไม่ใช่เป็นการตั้งใจที่จะนอกใจ
แต่เลือกที่จะหาทางออกแบบง่ายๆสำหรับตัวเอง
พัดโบกเองก็รู้ว่าตัวเองตัดทางนั้นไม่ขาด
ยังอยู่ด้วยกัน โอกาสที่จะมีอะไรกันก็มากขึ้น
มองในแง่ไม่ดีพัดโบกเหมือนกับว่าพยายามยื้อไว้แล้วให้ชะตาเป็นตัวตัดสิน

สำหรับเรากลอนยังเป็นตัวละครที่เราชอบมากๆ
เข้มงวดกับตัวเอง ไม่เถลไถลออกนอกทาง
ตอนที่คุยกับทามะนั้น เรารู้สึกถ้ากลอนเป็นลูกเราๆจะภูมิใจมาก
กลอนแสดงถึง self-respect ที่มีให้คนอื่นด้วย
หนทางที่กลอนเลือกอาจจะเจ็บ
แต่ทำไมจะต้องเลือกรับในสิ่งที่ด้อยค่ากว่าในเมื่อกลอนเองก็ให้เขาเต็มร้อย
ไม่ใช่ไม่ให้โอกาสแต่เราเชื่อว่าถ้าหากว่าอยุ่ด้วยกันไป
พัดโบกจะต้องมีการโกหกมากกว่านี้
ในวันนั้นต้องยอมรับว่าโกหก
ต้องบอกความจริงว่าได้นอกใจนอกกายไป
ก็เพราะว่าทามะเองก็อยุ่แถวนั้น 
จับโกหกได้ไม่ยากหรอก
หรืออาจจะเพราะความดีงามก็ได้
ความรักของพัดโบกกับกลอนเหมือนดอกไม้ไฟ
สวยงามร้อนแรงในวันที่ดีที่สุด
แต่ก็สั้นเหมือนจุดเทียนสองด้าน

เจ็บแทนกลอนค่ะ ทั้งพัดโบกและพี่ฉลาม
แต่เราเห็นด้วยกับที่กลอนทำ
พี่ฉลามเองก็เริ่มเจอคนอื่นที่สามารถทำให้พี่ฉลามมีความสุขได้
กลอนได้รับความรักและหลายๆอย่างจากพี่ฉลามอย่างเหลือล้น
ที่กลอนเงียบไม่บอก เพื่อปล่อยโอกาสให้พี่ฉลามได้เจอความรัก
กลอนก็ไม่ควรให้พี่ฉลามน้อยกว่านี้
เรายังอยากจะเชื่อคำที่คนเขียนเคยบอกไว้นะว่า คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
ยังมีความหวังลึกๆกับพี่ฉลาม-กลอน

เด่นกับบุ้งนี่ทำเอาช็อคไปเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะไปกันรอดไหม  แต่ก็อยากให้ไปกันรอดได้
นิสัยใจคอเด่นกับกลอนเข้ากันได้ดีอยู่กันได้
ก็คงต้องรอดูกันต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai1:   ปวดใจ

ทำไมพัดโบกเป็นคนแบบนี้.  แล้วจะทำร้ายทามะอีกคนเหรอ พัดเห็นคนที่รักพัดเป็นอะไร สิ่งของเหรอไม่อยากรื้อฟื้นอะนะ
เข้าใจว่าคนเล่าก็เจ็บปวดเหมือนกันที่ต้องเล่าออกมาขนาดไม่หมดนะยังจี้ดขนาดนี้ กลอนเข้มแข็งมากจริงๆ. และพูดได้ดีมาก เอาเข้าจริงก็ยังเสียดายพี่ฉลามนะแต่พอเห็นแกแล้วเราสงสารพี่เขามากเหมือนกัน พี่แกคยติดตามสารทุกข์สุขดิบตลอด
เป็นเหมือนคนในครอบครัว  ถ้าเขาเจอตัวจริงก็อวยพรนะ เป็นพี่น้องกันมันก็ดี
ใครจะไปรู้ล่ะว่าถ้ากลับมาคบกันจะทำร้ายใครอีกหรือเปล่า

เห้อ กลอนเอ๋ยยตัวจริงของเธอคือใครกันน้อ.   :mew6:     :กอด1:   

ขอบคุณค่ะที่มาต่อ รอๆๆ. คนเขียนสู้ๆนะคะ ศึกษาธรรมะจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นได้ค่ะ เดี๋ยวนี้หาฟังเทศน์ง่ายมากแค่เปิดยูทูบค่ะ
สวดมนต์ก็ช่วยได้นะคะ. จะต้องผ่านช่วงเวลาที่อ่อนแอไปได้แน่นอน แค่จะต้องใช้เวลาสักหน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2016 19:38:21 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เป็นกำลังให้ทั้งกลอนแล้วก็คนเขียนนะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
พี่ฉลาดดูเหมือนจะเป็นคนที่เหมาะกับกลอนที่สุด
แต่จริงๆเด่นน่าจะเป็นชายเหนือชายเร็วกว่านี้นะ
อาจได้คู่กับกลอน
หรือสุดท้ายจะเป็นพี่นุ๊กที่จะมาเป็นตัวจริง

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ที่จริงเราเชียร์พี่ฉลามสุดใจขาดดิ้น 5555 แต่ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนเนาะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนและกลอนค่ะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ่านถึงตอนนี้แล้วจะไม่ขอเชียร์ใครอีก
เบื่อกับการผิดหวังเต็มทน

..คุณทำให้ผมอ่านไปน้ำตาไหลไปพร้อมๆกัน..
เศร้าซะจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า"มันเกิดขึ้นจริง"

ขอใส่เพลงนี้ให้เพื่อนๆในเล้าฟัง
เป็นเพลงที่ผมชอบที่สุด..ที่สุดสุด
ถ้าเศร้ามากกกกกกก จะเปิดเพลงนี้ฟัง
https://www.youtube.com/v/ZX9zunPZkzc

 :o12:

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านแล้วแบบสงสารกลอนจัง กลอนตัดสินใจว่าจะรักพัดโบก ก็ซื่อสัตย์กับพัดโบกคนเดียว กลับมาเจออะไรแบบนี้
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบตัวกลอน มีความเข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว อยากให้กลอนได้เจอกับคนดีๆ ในใจแอบหวังให้เป็นพี่ฉลาม
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวกลอนและชะตาลิขิตค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ และขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียอีกครั้งค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
สู้ๆนะคะคนเขียน

ส่วนเนื้อเรื่องค่อนข้างดราม่าเลย เศร้าจัง เมื่อไหร่กลอนจะเจอคนที่อยู่ข้างๆได้ตลอด รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
โถ่เอ้ยยย กว่าจะได้มาก็ยาก ยังจะมาทำแบบนี้อีก

ออฟไลน์ AuyAaiz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พัดโบกก็เเค่พัดผ่านมาเเละก็ผ่านไป

ในใจหนูเชียร์พี่หลามมาตลอด คนดีของน้อง :ling1:

ออฟไลน์ Malimaru

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-4
    • facebook


น่าน! คบกันได้ไม่นาน (ในความรํู้สึกคนอ่าน) พัดโบกก็ออกอาการแล้วเหรอลูก?
เฮ่อ! ป้านี่สงสารกลอนซ้ำซ้อนในอารมณ์มาก นึกว่าพ่อจะเจอความรักและคนรักที่ดีอยู่แล้วเชียว
บอกกง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยที่เราปลาบปลื้มกับการแสดงอารมณ์ของนายเอกในยามที่พบเจอเรื่องเจ็บปวดจากความรักจริง ๆ ตลอดมา... กลอนต้องพบเจอกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าจนรับมือกับมันได้อย่างมีสติ และดูแพงมากในสายตาป้า - คือบอกเลยว่าถ้าป้าเป็นคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตกลอน ป้าจะเสียดายกลอนมากเมื่อนึกย้อนกลับไป

ไม่เป็นไรลูก ตั้งต้นกันใหม่... ตอนนี้โสด สวย ใส ใช้ชีวิตให้เต็มที่ อยู่ให้ชายชาตรีทั้งโลกหล้าต้องเสียดาย!!!
แต่ป้าแอบเชียร์พ่อหลามนะ คือ มันยุกยิกในใจ อยากให้เขากลับมาได้กัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

รออ่านตอนต่อไป และเป็นกำลังใจให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าไปได้โดยเร็วค่ะ
ถ้าไม่ไหว... รับอ้อมกอดจากเราได้นะคะ เรายินดี ^^  :กอด1:


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เข้ามาเม้นท์อีกรอบ
หุหุ


ไม่เป็นไร ใจจะขาด แหว่งหวาดวิ่น
ไม่เป็นไร ใจพังภินท์ จะดิ้นไหว
ไม่เป็นไร ใจระรัว รั่วไหลไป
ไม่เป็นไร ใจเคยชิน หมดสิ้นความ

แค่ลมพัด พาดผ่าน ซ่านผิวเนื้อ
จึงไม่เหลือ ร่องรอย ให้คอยถาม
ห้ามโบกหวน ทวนมา อย่าติดตาม
เพราะพัดทราม โบกชั่ว โง่งั่วเกิน



ป้อล่อ..อึดอัดอ่า ต้องระบายเขียนออกมาเป็นกลอนถึงจะบรรเทาเบาลงได้
(จิตตก) ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย หุหุ

อิพัด ดวกกกกกกกมากกกกกกก..เมิงอ่ะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
จากเพื่ออะไรใหม่ๆจะได้เข้ามา เนอะ

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
บันทึกรักที่ 7 บันทึกรักบทสุดท้าย (จบ)


หลังจากคืนวันที่พี่ฉลามมาส่งผมแล้ว เกือบสองเดือนนะที่เราสองคนไม่ได้เจอกันเลย ไม่ใช่เพราะพี่เขาห่างหายไปเพราะมีแฟน เป็นผมเองที่ปฏิเสธเวลาพี่เขาโทรมาชวนไปกินข้าวด้วยกัน ในตอนนั้นผมใช้เรื่องงานมาอ้าง แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากให้ตัวเองใกล้ชิดพี่เขา อย่างที่เคยบอก ผมไม่เคยไม่รักพี่ฉลาม แม้กระทั่งตอนที่ผมคบกับพัดโบก แต่ผมก็จะวางระยะห่างที่พอดีๆและควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ แต่ในวันที่ผมไม่มีใครแบบนี้ การอยู่ใกล้คนที่เรายังรักมันคงไม่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะการที่เขามีคนที่คุยอยู่แล้วด้วย


“ไหนมึงบอกว่าจะซื้อห้องที่นี่ไง นี่ถ้าบุ้งไม่บอกว่ามึงตัดสินใจเอาที่โน้นแน่ๆกูก็คงไม่รู้” ไอ้เด่นโวยวายผมเมื่อรู้ว่าผมจะไปซื้อห้องชุดขนาดกลางที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่อย่างที่เคยบอกมัน

“ก็ไม่ได้ไกลจากนี้สักหน่อย ที่นี่มันก็ดี แต่มันอยู่ในซอย เราไม่มีรถ ตรงนั้นมันสะดวกกว่า ทำเลที่นั่นก็ดี เกิดต่อไปอยากขายไปซื้อบ้านก็ขายง่าย” ผมบอกมัน

“กูไม่อยากให้มึงไปเลย อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน” เด่นยังคงทำหน้างอใส่ผมไม่เลิก

“เปลี่ยนใจไม่ได้เหรอกลอน ฉันไม่อยากให้แกไปอยู่คนเดียว” บุ้งเดินมานั่งข้างๆผม

“โอ้ย เราโตแล้วนะเว้ย ห่วงอะไรกัน” ผมนึกขำมัน ผมจะย้ายออกอาทิตย์หน้านี้แล้ว ห้องที่ผมซื้อเป็นห้องที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีทุกอย่างพร้อม เอาแค่เสื้อผ้าก็ไปอยู่ได้เลย ราคาก็แพงพอสมควร แต่เอาเงินเก็บของผมและเงินที่พ่อทิ้งให้เอาไว้ แบ่งส่วนหนึ่งมาดาวน์เกินครึ่ง ที่เหลือก็ผ่อน จ่ายต่อเดือนก็เลยไม่มากเท่าไหร่ ไหวอยู่ครับ ไฟแนนซ์ที่พี่นุ๊กหามา ดอกก็ไม่แพงเท่าไหร่ เอาจริงๆผมก็ใจหายนะ อยู่ที่นี่มาจนเหมือนบ้านของตัวเองไปแล้ว

“พี่นุ๊กก็บ่น บอกแกดื้อ” บุ้งพูดไปก็ช่วยผมเก็บกองหนังสือใส่ลัง

“แกจะหนีอะไรรึเปล่าวะกลอน” เด่นถาม ผมเงยหน้าจากกองหนังสือมามองมันก่อนจะส่ายหน้า

“หนีอะไร เราไม่เคยหนีอะไร”

“ให้มันจริงเหอะ”

“จริงๆถ้าแกกลับไปหาพี่ฉลามมันก็ไม่ผิดเปล่าวะกลอน” บุ้งถามผม

“หิวแล้ว ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผมพูดขึ้น เด่นกับบุ้งถอนหายใจออกมาเกือบจะพร้อมกัน มันคงเบื่อที่จะพูดกับผมแล้วละ

“มึงนี่นะ ใจแข็งไม่เปลี่ยน กูขอไปดูดบุหรี่ รอที่รถเลยนะมึง” เด่นบ่นผมก่อนจะเดินออกไป บุ้งตบบ่าผมแล้วก็เดินตามเด่นออกไป


พอทั้งสองคนออกไปผมก็มองโมบายหอยที่ตอนนี้มันดูเก่าลงมาก ผมค่อยๆหยิบมันขึ้นมาก่อนจะใส่มันลงในกล่องกระดาษที่ซื้อมาสำหรับใส่ของมีค่าของผมอย่างเบามือ ผมอยากจะเถียงเด่นนะ ผมไม่ใช่คนใจแข็งเลยสักนิด เพราะไม่ใช่ ผมถึงกลัวว่าตัวเองจะทำให้พี่ฉลามลำบากใจ ตอนที่พัดโบกพยายามจะมาง้อผม ผมต้องตัดการติดต่อทุกช่องทาง ผมกลัวว่าผมจะใจอ่อน ผมกลัวว่าผมจะให้โอกาสเขาเข้ามาทำร้ายผมอีก ผมเหนื่อยแล้วที่ต้องร้องไห้ เหนื่อยแล้วที่จะผิดหวัง ผมก็พยามยามพิจารณาตัวเองนะ ว่าผมเป็นคนน่าเบื่อหรือเปล่า ผมมีข้อผิดพลาดตรงไหน ผมเป็นคนรักที่ไม่ดีหรือเปล่า ทำไมผมถึงต้องเป็นฝ่ายเสียใจเสมอ ข้อสรุปสุดท้ายที่ผมกระจ่างชัดที่สุด คือ ที่ผ่านมา ผมทำดีที่สุดแล้ว ผมควรเคารพตัวเอง เคารพการตัดสินใจของตัวเองในทุกเรื่องที่ผ่านมา แม้ว่าความรักไม่อยากอยู่กับผมนานๆ ก็ยังดีที่ความเกลียดนั้นมันก็จากไปด้วย ไม่มีคนรักและไม่มีคนที่ต้องเกลียดก็คงพอแล้วสำหรับผม

...
..
.

ผมยืนมองห้องนอนที่เหลือแค่เฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นด้วยความรู้สึกหวิวๆ พอมาถึงเวลาที่ต้องย้ายไปจริงๆผมก็ใจหาย ผมเดินไปที่ระเบียง มองไปที่ห้องนอนของพี่ฉลาม เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นที่นี่และที่บ้านตรงข้ามมันยังคงเด่นชัดในใจของผมเสมอ โชคชะตาพาผมให้ได้มารู้จักกับครอบครัวนั้น มีทั้งความสุขและความเจ็บปวด ผมจะพยายามทำตัวเองให้รักพี่ฉลามได้ในฐานะพี่ชายเร็วๆ เพราะผมยังอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพี่เขาเหมือนเดิม โดยที่ไม่ทำให้พี่เขาลำบากใจและตัวเองก็ไม่เจ็บปวด ตอนผมตัดสินใจเลือกพัดโบก วินาทีนั้นพี่ฉลามคงรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดไม่ต่างจากผมในตอนนี้ แต่พี่เขาก็ยิ้มให้ผมเพื่อให้ผมสบายใจและอยู่กับความเจ็บปวดนั้นได้ ผมก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน ต้องร่วมยินดีที่พี่เขาจะมีใครสักคนมาเคียงข้าง


“กลอน”

“พี่นุ๊ก” ผมหันมาตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นพี่นุ๊กที่เดินเข้ามาในห้อง ผมเก็บของของผมไปที่คอนโดใหม่เรียบร้อยแล้ว วันนี้แค่มาเช็คอีกทีว่ายังลืมอะไรหรือเปล่า ส่วนเด่นกับบุ้งก็ออกไปกินข้าวด้วยกัน มันสองชวนผมแล้ว แต่ผมขี้เกียจไป แต่บังเอิญมาเจอกับพี่นุ๊กที่มาคุยกับนิติที่ดูแลคอนโดพอดี พี่เขาเลยรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ พอพี่เขาคุยเสร็จพี่เขาเลยแวะขึ้นมาหาผม

“เรียบร้อยดีไหม”

“ดีครับ กลอนต้องขอบคุณพี่นุ๊กมากๆเลยที่ส่งคนไปช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของคอนโดใหม่ก่อนที่กลอนจะทำเรื่องโอน เขาดูให้กลอนละเอียดมากเลย พบจุดที่ต้องแก้ตั้งหลายที่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นจุดใหญ่อะไร”

“ไม่ใช่พี่หรอก ฉลามมันจัดการทั้งนั้น” ผมอึ้งไปที่ได้รู้

“อ้าว ก็บุ้งบอกว่าพี่นุ๊กหามาให้นี่นา”

“บุ้งคงไม่กล้าบอก ฉลามมันบอกว่ากลอนหลบหน้ามัน มันก็ไม่อยากให้กลอนอึดอัด”

“เขาบอกพี่แบบนั้นเหรอครับ” ผมหน้าจ๋อยเลย แต่ก็คิดว่าพี่ฉลามคงรู้แหละครับ

“กลอนเป็นคนชอบคิดก่อนทำ มันดีนะ มันทำให้เราผิดพลาดน้อย แต่มันก็ใช้กับบางเรื่องมากไม่ได้ เรื่องบางเรื่อง ต้องปล่อยให้ใจนำทางบ้าง” พี่นุ๊กพูดพร้อมกับเดินออกมาที่นอกระเบียง มองไปที่ห้องพี่ฉลาม ที่มืดสนิทอยู่

“พี่เขามีคนที่กำลังคบด้วยอยู่แล้วนะครับ” ผมบอกกับพี่นุ๊ก

“กลอนอยากเห็นฉลามมันมีความสุขใช่ไหม” พี่นุ๊กถามผม ผมพยักหน้าให้

“แล้วกลอนไม่รู้เหรอ ว่าอะไรคือความสุขของมัน” พี่นุ๊กหันมาถามผม ผมนิ่งอึ้งไป

“ไม่ใช่กลอนไม่อยากทำอย่างที่ใจอยากทำ แต่กลอนไม่อยากสูญเสียแล้ว นอกจากแม่ พี่ฉลามเป็นอีกคนหนึ่งที่กลอนไม่อยากให้หายไปจากชีวิตกลอนเลย กลอนคบกับใครก็ไปไม่รอด อีกอย่าง กลอนทำพี่ฉลามเสียใจ กลอนยังรู้สึกแย่อยู่เลย” ผมสารภาพกับพี่นุ๊กตรงๆ

“แต่ที่กลอนทำอยู่ในตอนนี้ก็เหมือนผลักให้ฉลามมันไปจากชีวิตนะ” พอพี่นุ๊กพูดกลับมาแบบตรงๆเหมือนกัน ผมก็จุกไปไม่น้อย

“ถ้าเราเกิดมาเพื่อกัน สักวันก็คงลงตัวเองแหละครับพี่นุ๊ก ว่าแต่พี่นุ๊กล่ะ ได้ข่าวว่าไปจีบเด็กในสังกัดของพี่แนนซี่เหรอครับ” ผมหาเรื่องแซวพี่นุ๊ก เพราะยังไม่อยากพูดเรื่องพี่ฉลาม

“บุ้งบอกอีกละสิ น่าให้ไปเป็นนักข่าวจริงๆ”

“แล้วดีไหมละ คบเด็กๆ”

“ก็ดีนะ เอาใจเก่งดี”

“หวังว่าคนนี้จะใช่สำหรับพี่นะ”

“พี่เคยเจอคนที่ใช่มากๆแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะเจอใครที่ใช่ได้กว่านี้รึเปล่า” พี่นุ๊กพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม  ก่อนจะเบนสายตาออกไปมองที่ด้านนอกอีกรอบ ผมได้แต่ยิ้มกลับแบบทำหน้าไม่ถูก เพราะอ่านสายตาพี่เขาออกว่าเขาหมายถึงใคร

“แล้วจะกลับคอนโดยังไง พี่ไปส่งไหม” พี่นุ๊กหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบเกินไปแล้ว
“อ๋อ เดี๋ยวกลอนเรียกแท็กซี่ครับเพราะกลอนว่าจะแวะไปซื้อของใช้เพิ่มนิดหน่อย ถ้ายังไงกลอนกลับเลยดีกว่า จะได้ฝากกุญแจห้องให้บุ้งด้วยเลย”


ผมส่งมอบกุญแจห้องให้พี่นุ๊กแล้วก็เดินออกมาเรียกรถหน้าปากซอย เรียกแท็กซี่ไปห้างสรรพสินค้า อยากหาซื้อของใช้อีกนิดหน่อย ระหว่างที่กำลังเลือกของ ผมเห็นพี่หมอเดินเลือกซื้อของอยู่เหมือนกัน แต่มาเดินกับผู้ชายที่ไม่ใช่พี่ฉลาม ผมมองตามไปพี่หมอหันมาพอดี เขาเห็นผมปุ๊ปก็ส่งยิ้มมาให้แล้วรีบเดินมาหา


“หลังเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บยังยอกอยู่ไหม” พี่เขาทักผม ผมยกมือไหว้ ไม่คิดว่าพี่เขาจะจำหน้าผมได้

“ไม่เจ็บแล้วครับ ตอนนั้นนึกว่าจะเป็นอัมพาตซะแล้ว ขอบคุณพี่หมอมากนะครับ ยาที่พี่หมอให้กิน กินแล้วหายเจ็บเลย” ผมตอบกลับไป

“แล้วอย่านั่งทำงานนานๆอีกนะ ถ้าเจ็บบ่อยๆนานไปมันจะมีผลกับกระดูกสันหลัง แล้วนี่มาคนเดียวเหรอครับ” พี่หมอถามผม

“ครับ”

“อ่อ ลืมแนะนำ นี่เพื่อนพี่ ชื่อม่อน ม่อน นี่น้องกลอน” พี่หมอแนะนำ เอาจริงๆผมยังไม่รู้เลยว่าพี่หมอชื่ออะไร เจอกันครั้งเดียวเอง ไม่ได้ถามพี่ฉลามด้วย นาทีนั้นไม่ได้อยากรู้ละเอียดเหมือนกัน มันจี๊ดๆ แต่พี่เขาก็ชวนคุยจนไม่รู้สึกว่าแปลกหน้าต่อกัน

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เพื่อนพี่หมอ

“สวัสดีครับ กลอน ชื่อคุ้นจัง” พี่ม่อนทำหน้าครุ่นคิด

“อ๋อ กลอนไอ้หลามอะเหรอ” พี่ม่อนพูดขึ้นมาจนผมทำหน้าไม่ถูก พี่หมอหัวเราะก่อนจะพยักหน้า
“พี่ไปนะ มาดูหนัง ได้เวลาจะฉายแล้ว เบื่อคนมาสาย” พี่หมอพูดกับผม ผมยกมือไหว้ลาพี่เขาทั้งสองคน แต่ประโยคที่ผมได้ยินจากพี่ม่อนที่พูดกับพี่หมอทำเอาผมต้องอึ้งไปอีก

“รอก่อนที่รัก”


ที่รักเหรอ...
กลอนไอ้หลามอะเหรอ...


สองประโยคนี้ทำเอาผมสับสน ถ้าพี่หมอไม่ใช่คนที่พี่ฉลามคบด้วย งั้นเป็นใครกัน แต่พี่ฉลามบอกว่าคุยกับพี่หมอนี่นา พี่ฉลามโกหกผมเหรอ ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินหาซื้อของต่อ ซื้อทุกอย่างครบก็เริ่มหิว แต่ขี้เกียจกินในห้าง คนเยอะไปหมด เลยคิดว่าจะกลับไปกินมาม่าที่คอนโด นั่งแท็กซี่กลับมาจอดถึงหน้าคอนโดแล้วก็ต้องอึ้งอีกแล้ว ชีวิตผมอึ้งบ่อยจริงๆ แต่คราวนี้อึ้งใหญ่ เพราะรถที่มาจอดเสียบอยู่ด้านหน้าคือรถของพี่ฉลาม ผมจ่ายเงินแท็กซี่เสร็จก็เดินไปที่รถคันที่ผมคุ้นเคย พยายามมองเข้าไปในกระจกที่ดำสนิท แต่มองไม่เห็นเพราะฟิล์มรถมันดำมาก ผมแนบหน้าไปจนชิดกระจกด้านข้างคนขับ เอามือป้องแสงจากด้านข้าง ไม่รู้ว่าพี่เขาหลับรึเปล่าเพราะผมเคาะเรียกก็ไม่เห็นเปิดกระจก แต่รถก็ยังสตาร์ทอยู่


“เฮ้ย” ผมร้องตกใจเพราะกำลังแนบหน้าส่องดูอยู่ดีๆกระจกรถก็รูดลง จมูกของผมเกือบชนกับจมูกของคนในรถ ผมผงะออก ได้ยินเสียงพี่ฉลามหัวเราะชอบใจ

“ตลกว่ะ” พี่ฉลามบอก ผมนิ่วหน้า ตลกจังนะได้แกล้งผมเนี่ย

“เล่นอะไรอย่างกับเด็ก” ผมต่อว่า พี่เขากดกระจกให้ปิด ก่อนจะดับเครื่องแล้วเดินลงมา ในมือหิ้วอะไรมาด้วยเต็มไปหมด

“หิวแล้ว รอตั้งนาน” พี่เขาชูถุงของขึ้น

“แล้วทำไมพี่ไม่กินมาละ”

“อยากกินบนคอนโดใหม่อะ เร็วดิ หิว” พี่เขาจับผมหันหลังแล้วดันให้เดิน ผมก็พาเขาเดินมาจนถึงห้อง เสียบคีย์การ์ดเปิดประตู พี่เขาก็เดินตามเข้ามา มองไปรอบๆก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาหนังสีขาวตัวใหญ่ ผมชอบมาก เป็นมุมที่เห็นแล้วถึงตัดสินใจว่าซื้อ

“อยู่ทนจังเนอะ ของพี่ต้องเอาไปเปลี่ยนเอ็น กลัวมันขาด” พี่ฉลามมองไปที่โมบายหอยแล้วตะโกนพูดกับผม ที่ผมแขวนเอาไว้ที่มุมห้อง ผมไม่อยากเอามันไปแขวนข้างนอก กลัวมันโดนลมแล้วจะพังเร็ว

“มาช่วยกลอนแกะกับข้าวหน่อยสิ หิวไม่ใช่เหรอ” ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เดินไปเปิดแอร์ให้เพราะพี่รู้ว่าพี่ฉลามขี้ร้อน

“แล้วเราไม่หิวเหรอ” พี่ฉลามถามผม

“ก็หิว” ผมตอบ


(มีต่อด้านล่างค่ะ)

V
V
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2016 12:33:13 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ Loverouter

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 446
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +471/-12
(ต่อจากด้านบนค่ะ)


พี่เขาเดินมาโยกหัวของผมก่อนจะคว้าถุงกับข้าวเดินเข้าไปในส่วนของครัว เป็นครัวที่ไม่ใหญ่เท่าไหร่ มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นเอาไว้ แต่อุปกรณ์ในครัวนี่ผมก็ชอบมาก ถูกใจทุกอย่าง ถามว่าคุ้มใหม่ คุ้มนะ ผมว่าราคาที่ผมได้ถึงจะไม่น้อย แต่มันก็ถือว่าถูกถ้าเทียบกับ ทำเล ขนาดห้องและเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างที่ผมได้มา แม้จะมีจุดที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ได้แย่มากเท่าไหร่ เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น


“ซื้อมาเยอะจัง” ผมบอกเมื่อกับข้าวทุกอย่างวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมกับพี่ฉลามต่างคนต่างก็กินไม่ได้คุยอะไรกัน คงจะหิวพอกัน กินอิ่ม เก็บล้างเสร็จถึงได้มานั่งเล่นกันที่โซฟามุมโปรดของผมเหมือนเดิม

“ห้องสวยดีนะ” พี่ฉลามชม

“อืม กลอนชอบ จริงๆก็เกรงใจพี่นุ๊กเหมือนกันที่ไม่ได้ซื้อที่โน้น” ผมบอก

“ไม่เกี่ยวเลย คอนโดนั้นพี่นุ๊กขายขาดหมดแล้ว แค่ดูแลส่วนกลางให้อยู่ บริการหลังการขายดีเยี่ยม”

“กลอนมาซื้อที่นี่ มันเดินทางสะดวกดี”

“งี้ก็อดแอบมองบ้านตรงข้ามแล้วสิ” พี่ฉลามพูดจบผมก็ถลึงตาใส่

“พี่ต่างหาก ระวังมองไปเจอบุ้งกับไอ้เด่นจู๋จี๋กันจะเป็นตาแดงเอาเหอะ” ผมรีบสวนกลับ

“ย้ายมาก็ไม่คิดจะบอกกันเลย พี่เป็นคนอื่นไปแล้วใช่ไหม” คราวนี้น้ำเสียงไม่ได้กวน แต่ออกแนวตัดพ้อจริงจัง ผมรู้สึกผิดนะเมื่อได้ยิน

“กลอนขอโทษนะครับ” ผมบอก ไม่มีอะไรจะแก้ตัว สำหรับพี่ฉลาม คนที่ผมคิดว่ารู้ในทุกสิ่งที่ผมทำ มันไม่มีประโยชน์ที่จะแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น

“ไม่อยากยกโทษให้เลย ใจร้ายว่ะ”

“กลอนรู้ว่าพี่รู้ ว่ากลอนคิดยังไง” ผมพูดจบพี่ฉลามก็ถอนหายใจเบาๆ

“แล้วกลอนเคยรู้บ้างไหมว่าพี่คิดยังไง” พออีกฝ่ายย้อนถามมา ผมก็พูดไม่ออก

“พี่ให้กลอนเลือกไปกับมัน เพราะไม่อยากให้กลอนรู้สึกติดค้าง แล้วทำไมตอนนี้ที่กลอนไม่มีใครแล้ว กลอนถึงเลือกที่จะไม่บอกพี่ ที่สำคัญ มันทำร้ายกลอน ทำไมไม่บอกพี่สักคำ” พี่ฉลามดูจะโกรธผมจริงๆ เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีอยู่เลย ผมเลยไม่กล้าเถียงอะไร

“กลอนเลือกเขา ถึงเวลาที่กลอนไม่สามารถไปต่อได้ กลอนก็ไม่อยากเอาเปรียบพี่ ไม่อยากให้พี่รู้สึกว่าเพราะกลอนไม่เหลือใครแล้วถึงกลับมา ไม่อยากเอาเรื่องแย่ๆของกลอนมากวนใจพี่อีก”

“แปลว่าอยู่เองได้คนเดียวใช่ไหม สองเดือนที่ผ่านมา ไม่มีพี่กลอนก็มีความสุขดีใช่รึเปล่า” พี่ฉลามถามผม ผมไม่ได้ตอบ นั่งก้มหน้าน้ำตาจะไหล พี่เขาไม่เคยทำเสียงดุผมจริงจังขนาดนี้เลยตั้งแต่รู้จักกับมา มันดูซีเรียสจนผมใจเสีย


พอผมไม่ตอบ ก็ได้ยินเสียงพี่เขาถอนหายใจ สักพักพี่เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องผมไปเลย ผมน้ำตาตกทันที อยากจะลุกไปดึงเขา แต่ทำได้แต่คิด ผมสับสน ผมไม่รู้ว่าถ้าผมตัดสินใจทำไปแล้ว อนาคตผมจะต้องเสียใจอีกไหม มันจะมีอะไรผิดพลาดอีกไหม คิดบ้าบออยู่ในหัว นั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า ผมกำลังจะเสียพี่ฉลามไปแล้วจริงๆเหรอ


แกร๊ก...


ผมได้ยินเสียงประตูเปิดเข้ามา ไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามอง กลัวจะไม่ใช่พี่ฉลาม กลัวจะผิดหวัง หวังว่าขอให้เป็นเขาที่เปลี่ยนใจกลับมา แล้วผมจะไม่ปล่อยพี่เขาไปอีก จนกระทั่งคนที่เดินเข้ามายืนตรงหน้าของผม เอามือวางบนหัวแล้วยีเส้นผมของผม


“พี่เดินออกไปยังไม่คิดจะรั้งเลย เฮ้อ จะใจร้ายกับพี่อีกนานแค่ไหนวะกลอน อยากเห็นพี่ร้องไห้เหรอ ถามจริง จะได้ร้องให้ดู” พอพี่ฉลามพูดจบผมก็โผกอดเอวพี่เขาเลย ร้องไห้เหมือนเด็กๆ

“อย่าไปนะครับ อย่ามีใครได้ไหมครับ กลอนขอโทษ กลอนไม่อยากให้พี่มีใครเลย พี่จะรู้สึกแย่ไหมที่กลอนไม่ได้เลือกพี่ในวันนั้นแล้วมาขอพี่แบบนี้ แล้วเรารักกันได้ใช่ไหม พี่จะไม่ทิ้งกลอนไปไหนอีกใช่ไหม พ่อกับแม่ของพี่จะยอมรับเราได้จริงๆใช่ไหมครับ เราจะทำให้ใครผิดหวังรึเปล่า เราจะไม่เลิกกัน ไม่โกรธเกลียด ไม่ผิดหวังในกันและกันใช่ไหมครับ” ผมพูดไปร้องไห้ไป พร่างพรูออกมาหมดราวกับว่าถ้าไม่ได้พูดผมคงไม่มีโอกาสได้พูดแล้ว

“หึหึ คิดอะไรเยอะขนาดนี้กลอน...” น้ำเสียงพี่ฉลามดูจะกึ่งขำกึ่งสงสารผม

“ก็กลอนกลัว”

“กลอนยังรักพี่ไหม..”

“รัก กลอนรักพี่ ไม่เคยไม่รักเลย”

“แค่นี้ก็พอแล้ว คิดแค่นี้ก็พอ”

“อื้อ..กลอนรักพี่” ผมพยักหน้าแล้วกอดเอวพี่เขาแน่นเลย


ร้องไห้จนหนำใจแล้วก็ขอตัวไปล้างหน้าล้างตา พอเดินออกมาอีกทีรู้สึกเขินๆเหมือนกัน เขินที่ทำตัวไร้สาระแล้วก็มานั่งร้องไห้เอง ยิ่งเห็นสายตาของพี่ฉลามที่มองมาผมยิ่งประหม่า ไม่คุ้นชินเสียทีกับสายตานี้ สายตาที่ทำให้หวั่นไหวได้ตลอด


“พี่เลิกกับพี่หมอแล้วเหรอ” ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ฉลาม พี่เขายกมือขึ้นมาลูบๆที่ตาผม ตอนนี้มันบวมตุ่ยเลย

“ไม่ได้คบกัน”

“อ้าว ไหนว่าคุย”

“ก็คุย แล้วต้องคบเหรอ”

“จะไปรู้ได้ไง”

“ไม่เคยมองผู้ชายคนอื่นแล้วรู้สึกอยากเอามาเป็นแฟนหรอกนะ เกิดมาก็มีคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้นได้ เล่นคุณไสยใส่เปล่าไม่รู้”

“บ้า มาตกหลุมเองจะมาโทษได้ไง” ผมคว้าแขนพี่ฉลามมากอด ผมทำแบบนี้ได้แล้วใช่ไหม

“กลอนถามจริงๆ พี่ไม่ได้ปี๊งใครบ้างเลยเหรอ” ผมถามพี่เขา

“มันก็มี แต่ก็ไม่ได้อยากสานต่ออะไร”

“เพราะกลอนเหรอ” ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆ

“เออดิ ไม่เคยจะรู้ตัวเลย”

“ก็นึกว่ารักคนอื่นไปแล้ว นึกว่าพี่ลืมกลอนแล้ว”

“ใจฉันมีแต่เธอ มีแต่เธอคนเดียว นอกจากเธอไม่เหลียวแลใคร” พี่ฉลามร้องเป็นเพลงออกมาทำให้ผมขำอีก ทำไมรู้สึกว่าแพรวพราวขึ้นนะ

“อันที่จริงพี่ก็เป็นคนหนักแน่นรักเดียวใจเดียวดีเนอะ กลอนโชคดีจัง” ผมพูดแล้วก็เอาหน้าไปซุกๆกับแขนพี่ฉลาม ได้ยินเสียงพี่เขาหัวเราะก่อนจะจับผมมาให้มองหน้าเขา

“ก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น พี่ก็เคยอยากตัดใจนะ แต่มันทำไม่ได้ อดเป็นห่วงไม่ได้เลย คุยกับใครสักพักก็เบื่อ สงสัยชาติที่แล้วติดค้างเราเอาไว้เยอะมั๊ง ผมยอมแล้วครับท่านเจ้ากรรมนายเวร” พี่ฉลามพูดแล้วยกมือไหว้ผม ผมตกใจรีบจับมือพี่เขาลงแล้วตีที่แขนพี่เขาเบาๆพร้อมกับหัวเราะเพราะตลกท่าทาง

“ไหนว่าไม่เชื่อเรื่องชาติภพไง”

“เชื่อก็ตอนเจอเอ็งนี่แหละ” พี่เขาจิ้มหน้าผากผม ผมขำ คราวนี้พี่เขาดึงผมไปกอด

“เราเดินทางมาไกลจริงๆนะกว่าจะมาถึงวันนี้ จำได้ไหมที่กลอนเคยถามว่าเมื่อไหร่จะเป็นวันของเรา เป็นวันนี้ดีไหม” ผมฟังแล้วอยากจะร้องไห้อีกแล้ว นึกย้อนไป กว่าจะมาถึงวันนี้ ตัวผมเองก็ผ่านเรื่องราวมาเยอะจริงๆ

“ดีครับ เป็นวันนี้เลย แต่กลอนน่าจะรู้เร็วกว่านี้ กลอนจะได้ไม่ออกมาซื้อคอนโดไกลบ้านพี่”

“แสดงว่าคิดจะหนีพี่จริงๆใช่ไหม”

“ไม่ได้หนีนะ แค่หลบมาทำใจต่างหาก”

“ยังไงก็หลบพี่ไม่พ้นหรอก”

“ทำไมอะ มั่นใจจังนะ”

“ก็นี่ห้องพี่เองแหละ”

“ห๊ะ” ผมตกใจ ดันตัวเองออกมาจากอ้อมกอด เห็นพี่ฉลามยิ้มแฉ่งใส่ผมเลย

“เพื่อนมันเอามาจำนองแล้วปล่อยหลุด แต่ยังไม่ทันได้โอน พี่แอบให้พี่เหิรเอาไปให้กลอนดูก่อนเพราะเห็นพี่นุ๊กบอกกลอนหาซื้อห้อง เห็นกลอนชอบห้องนี้ก็โล่งใจ ลูกไก่ในกำมือแล้ว หึหึ อ่อ..เดี๋ยวเงินดาวน์ที่ได้มาจะคืนให้นะ ส่วนไฟแนนซ์ที่พี่นุ๊กจัดมาให้ เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง ไม่ต้องส่งแล้ว

“ไม่เอาครับ กลอนอยากซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงกลอนเอง แต่ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย”

“ก็ที่นี่มันดี จะให้เปล่าๆเดี๋ยวก็ไม่เอาอีก จะให้เป็นค่าสินสอดก็กลัวแห้ว ใจแข็งชิบเลย จะช้ากว่านี้เดี๋ยวโดนคาบไปแดกอีก พี่เหิรบอกมีนายแบบมาจีบด้วยไม่ใช่เหรอ”

“กลอนไม่ใช่กระดูกนะจะได้โดนคาบ แล้วกลอนก็ไม่อยากรักใครแล้ว ขี้เกียจเจ็บบ่อยๆ”

“เอาน่า คราวนี้ไม่เจ็บแล้ว เอาหัวไอ้บุ้งเป็นประกันเลย” พี่ฉลามดึงผมไปกอดอีก นึกขำและนึกเคืองที่ทุกคนร่วมหัวกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ขอแค่สุดท้ายแล้วผมจะได้อยู่กับพี่ฉลามได้นานที่สุดก็พอ

“กลอนไม่คิดว่าจะมีวันนี้ เหมือนฝันเลย”

“หรือจะฝันอยู่” พี่ฉลามถาม ผมเงยหน้ามองพี่เขา ก่อนจะขยับตัวไปจุ๊บๆปากพี่เขาเบาๆ

“ไม่ได้ฝัน” ผมบอกแล้วหัวเราะ

“อาจจะฝันลึก”

“งั้นเดี๋ยวปลุกแรงๆนะ” ผมบอก พี่เขายักคิ้วให้

“ให้ไว ให้ไว” พี่เขาบอกจบผมก็เลยจัดการปลุกพี่เขาเลยครับ จะได้รู้กันไปว่าไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว

....
...
..

..”คนเราถ้าคู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน”..


มันก็คงจะจริงตามนั้น ผมเองก็ไม่ได้คิดจริงๆนะ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่อยู่กับจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นคนที่ผมคิดว่าเราไม่สามารถจะมาบรรจบกันได้อีก ผมคิดว่าผมกับพี่ฉลามอาจจะเป็นได้แค่เส้นขนาน เพราะในตอนนั้นเราคิดว่าแค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอจะให้คนสองคนครองคู่กันได้ เพราะรอบๆตัวเรายังมีเรื่องให้เราต้องใส่ใจ ต้องแคร์ ต้องเลือก แต่ในที่สุด เรื่องของผมกับพี่ฉลามทำให้ผมได้เปลี่ยนความคิด ความรักของเราทำให้เรามาถึงทุกวันนี้


ความรักทำให้เราเป็นห่วงเป็นใยกันเสมอไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหนต่อกัน มันยังคงเสมอต้นเสมอปลายเสมอ

ความรักทำให้เราเข้าใจกันแม้ในวันที่ไม่มีใครเข้าใจเรา เรายังคงยอมรับการตัดสินใจของกันและกันและอยู่กับมันด้วยความเข้าใจ

ความรักทำให้มองข้ามความผิดพลาดและพร้อมจะให้อภัย พร้อมจะยอมรับความผิดพลาดและให้โอกาสกันได้ ซื่อสัตย์ต่อกันไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน

ความรักทำให้เราเลือกที่จะกระทำต่ออีกฝ่ายด้วยการให้เกียรติครอบครัวของกันและกันและก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย

ความรักทำให้เรารู้ว่าการรอคอยเป็นแค่บททดสอบเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมของมัน


ถ้าผมกับพี่ฉลามไม่มีคำว่า..ความรัก..ให้กัน สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาที่เราต้องห่างกัน และมันคงจะไม่มีวันนี้


ขอบคุณนะครับที่อ่านไดอารี่ของผมมาจนถึงบรรทัดนี้ เรื่องราวของผมมันอาจจะไม่ได้สวยงามทุกบทตอนของชีวิต แต่มันคือบทเรียนที่ผมน้อมรับมันด้วยความยินดี เพราะมันทำให้ผมเข้มแข็งและอ่อนแอในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันทำให้ผมรู้ค่าของความรัก


ผมเป็นชายรักชาย ความรักแบบที่คนส่วนใหญ่บอกว่ามันไม่จีรังเพราะผิดธรรมชาติ ความรักที่มักจะลงเอยด้วยความเจ็บปวด ผมอยากบอกว่า อย่าไปโทษความรักครับ ความรักไม่ได้เลือกว่าเพศไหนจะได้ครอบครองมันนานที่สุด ทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราเองไม่ว่าจะเป็นเพศไหน เราเลือกได้ที่จะให้ตัวเองมีความสุขหรือเจ็บ ในขณะเดียวกันเราก็เลือกได้ที่จะรักษาเยียวยาและมองหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง เราทั้งนั้นที่ทำให้มันอยู่หรือจากไป


ผมขออวยพรให้คุณได้เจอความรักที่ดีและรักษามันเอาไว้ให้ได้ เพราะกว่าเราจะเจอมันหรือกว่ามันจะหาเราเจอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ผมเองก็จะรักษาความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุดและหวังว่ามันจะเป็นบันทึกรักบทสุดท้ายของผมที่ผมจะเขียนมัน


..กลอน..(ของพี่ฉลามคนเดียว)


“พี่ฉลาม กลอนเพิ่งเห็น พี่มาเขียนในวงเล็บต่อทำไมอะ”

“หึหึ ไม่ได้เหรอ ใจร้ายวะคนเรา”


************** จบบริบูรณ์*****************


ขอบคุณนะคะที่ติดตามอ่านกันมาถึงบทสุดท้ายนี้ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันไม่ปล่อยให้เดี่ยวดาย 55
และก็ขอบคุณที่ร่วมกันเอาใจช่วยให้กลอนได้พบกับรักที่สมหวัง กลอนสมหวังแล้วค่ะ แล้วก็หวังว่าท่านผู้อ่านทุกคนจะได้เจอคนที่ใช่และสมหวังในความรักเช่นกลอนนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้ผู้แต่งด้วย ถ้ามีโอกาสได้มีผลงานมาให้อ่านอีก อย่าลืมกันนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ รักท่านผู้อ่านทุกท่าน


**ปล.คำผิดจะตามมาแก้นะคะ แต่ถ้าไม่ได้แก้เตือนได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2016 23:17:35 โดย Loverouter »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :heaven.    เนื้อคู่กันสิจะคุณไสยอะไรยะพี่ฉลาม ตามมาจนถึงตอนจบบอกเลยว่าสุขมาก
คนรอบข้างกลอนรักกลอนนะถึงได้เอาใจช่วยจนถึงตอนนี้ ขนาดพี่หมอยังรู้ว่ากลอนของใคร 555
ใจหายวาบตอนพี่แกเดินออกจากห้อง แล้วพอมาเฉลยนะว่านี่ห้องพี่เองนี่แบบ แหม แอร๊ยร้ายจนได้ดีอะคุณพี่หลาม
จะรวบหัวรวบหางต้องแบบนี้  จะซื้อเรือนหอต้อง(แอบๆ)ถามแฟนสินะ กลอนชอบก็จบเลย  o13 

ขอบคุณมากค่ะ.ทั้งเบื้องบนและคนเขียนเลยค่ะ.  เป็นการเดินทางที่มีความหมายมากๆ เราก้เชื่อว่าทุกๆอย่างที่สำคัญในชีวิตมันมีความหมายและขึั้นอยู่กับเวลา เราเชื่อเรื่องโชคชะตาและเจ้ากรรมนายเวรค่ะ เจอทั้งคู่บุญและคู่กรรมค่ะ  ที่จากเราไปก็แค่เราใช้กรรมให้เขาเนาะ จบๆกันไป
ขอให้รักกันนานๆนะคะ ดูแลกันตลอดไป   :mew1: 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2016 16:00:33 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ sunshine2513

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีใจสุดท้ายก้อฉลาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
จบแล้ว
จบเร็วจัง อยากอ่านต่ออีก 55555

ยินดีกับกลอนแล้วก็พี่ฉลามนะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
กลอนเหมาะกับพี่ฉลามที่สุดแล้ว

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
กรี๊ดดดดดดด พี่ฉลามมมม น้องดีใจพี่ฉลามของน้องได้มีความสุขสักที

ออฟไลน์ marisa9397

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีใจกับกลอนและพี่ฉลามค่ะ ที่ต่างเจอกันและกัน ขอบคุณมากนะคะที่แบ่งปัน เป็นเรื่องที่ประทับใจมากค่ะ ^^

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 พี่ฉลามดีที่สุด รักมั่นคงดีแท้  หาได้ยาก   ดีใจที่กลอนสมหวังในความรัก. พ่อแม่พี่หลามกับกลอนรับรู้และเข้าใจ ไม่ขัดขวางความรักของลูกๆ ความสุขของลูกคือความสุขของพ่อแม่

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ถึงกลอนจะโชคไม่ดีเรืองความรัก(ก่อนหน้านี้) แต่มีเพื่อนดีมากกกกกกกกกจริงๆ

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เย้ๆๆๆๆ คือดีใจที่สุดท้ายเป็นพี่ฉลาม ดูก็รู้ว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน เชื่อแล้วว่า คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน มันมีอยู่จริง ขอบคุณคนเขียนและกลอนที่มาเขียนเรื่องราวดีดีแบบนี้ให้ได้อ่านนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
จบได้ happy ending มากๆ เลย จะมีตอนพิเศษไหม ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ ชอบมาก :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ปมมัดปม กลมไยไหม ให้ยุ่งยาก
ใจมัดใจ ถึงลำบาก ยากแค่ไหน
ถ้าเรารู้ อยู่คู่กัน มั่นเพียงใด
ไม่ว่าใคร ไม่อาจแยก ให้แตกกัน

เรื่องราวผ่าน นานเกินพอ ไม่ขอพูด
ปิดปมปูด รูดสนิท มิดความฝัน
คือเรื่องจริง ทิ้งอดีต นับร้อยพัน
เป็นรักแท้ กันและกัน ฉันและเธอ

วู้ววววว..มีความสุขมากกกกกกกก
หายอึดอัด แก้หงุดหงิดกับตอนก่อนหน้านี้
เหมือนให้หมอฉีดยาเข็มเดียว แล้วหายป่วยไปเลย

..ฮ่าฮ่า หายเกลี้ยงเลย..

รักคนแต่งอ่ะ
จุ๊บๆๆๆ จ๊วบบบบบบบบบ

บวกเป็ดเป็ด กับ +1 ครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด