✽ ชี้แจง ✽
อยากจะพูดอะไรหน่อยค่ะ หลังจากอ่านเนื้อเรื่องจบแล้วลองแวะๆ อ่านพูดคุยท้ายตอนดูนะคะ บางครั้งเวลามีอะไรฟางจะแจ้งเอาไว้ที่ด้านล่างค่ะ แจ้งมาช้า แจ้งอัพเรื่อง แจ้งเหตุผลอัพไม่ครบ
ฟางจะแจ้งไว้ในช่วงพูดคุยท้ายตอนนะคะ ลองแวะอ่านกันสักนิ๊ดนึงค่ะ อ่านผ่านๆ พอให้รู้ก็ได้ค่ะว่าฟางแจ้งอะไรไว้หรือเปล่า จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นเนอะ ^^✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
คนถูกถามได้แต่นั่งกุมมือตัวเองแน่นเพราะกำลังหาข้ออ้างที่จะบอก แล้วก็ดูเหมือนว่าโชคจะยังพอเข้าข้างให้คนที่มีความลับสามารถเก็บความลับนี้ต่อไปได้เพราะประตูห้องรับรองถูกเปิดออกอีกรอบพร้อมกับคุณโทมัสที่เดินเข้ามาในห้อง
"ได้เวลาประชุมแล้วนะ ไปกันเถอะทุกคน" คุณโทมัสพูดบอกกับทุกคนให้น้ำเหนือลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
อย่างน้อยความลับก็ยังไม่แตกนั่นแหละนะ..."แล้วพี่น้ำเหนือเข้าประชุมไหวหรือเปล่าคะ" ลาพิสหันมาถามคนที่ยังนั่งหน้าซีดอยู่
"ไหวครับ แค่นี้สบายมากครับ" น้ำเหนือพูดไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ต้องเสียงานแบบ
"ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ" คุณโทมัสพูดอีกรอบ เช่นนั้นคุณหญิงมรกตกับลาพิสจึงลุกเดินตามไปเหลือเพียงน้ำเหนือและควอตซ์
ควอตซ์ขยับตัวลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับน้ำเหนือก่อนที่คนตัวสูงกว่าจะยื่นมือไปจับคนหน้าซีดที่พอยืนก็เซจะล้ม
"ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน เดี๋ยวจะไปลำบากคนอื่นเขาเสียหมด" เสียงทุ้มที่ดังขึ้นให้น้ำเหนือต้องหันไปมองก่อนจะดึงแขนตัวเองออกจากการจับกุมของควอตซ์
"ผมดูแลตัวเองได้ ไม่ลำบากคนอื่นหรอกครับ"
คนฟังยกยิ้มมุมปากที่น้ำเหนือดูแล้วรู้สึกเหมือนเป็นการยิ้มเยาะกันมากเสียกว่าจนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางนั้นแต่ก็พยายามทำสีหน้านิ่งๆ
"ถ้าคุณอชิตพลไม่มีเรื่องจะพูดแล้ว ผมขอตัว" พูดจบก็คว้ากระเป๋าเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากห้องรับรองไปที่ห้องประชุมบนชั้นเดียวกันนั้นทันที
"ดื้อด้าน" เสียงทุ้มพูดพึมพำออกมาก่อนจะเดินตามไป
น้ำเหนือเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งขวาของหัวโต๊ะที่มีคุณโทมัสนั่งอยู่ เพราะตรงตำแหน่งที่นั่งจะมีป้ายสาขาติดเอาไว้บอกตำแหน่ง ข้างๆ น้ำเหนือคือคุณหญิงมรกตที่ตั่งติดอยู่กับคุณโทมัส ควอตซ์นั่นนั่งอยู่ทางด้านขวาของคุณโทมัสที่หัวโต๊ะ ส่วนลาพิสนั่งที่เก้าอี้เสริมด้านหลังคุณหญิงมรกตและน้ำเหนือ ส่วนที่อื่นๆ ก็เป็นผู้จัดการหรือไม่ก็ดีไซต์เนอร์ของแต่ละสาขา
และดูเหมือนโชคร้ายจะอยู่ข้างน้ำเหนือเพราะทางฝั่งขวาเป็นผู้หญิงที่ดูแล้วอายุมากกว่าน้ำเหนือไม่มากเท่าไหร่แต่งตัวจัดจ้านรวมไปถึงฉีดน้ำหอมเสียฟุ้งจนกลิ่นนั้นกลายเป็นมลภาวะทางกลิ่นของน้ำเหนือเป็นอย่างมาก
ตลอดเวลาการประชุมเขามักจะหันไปทางด้านซ้ายเสมอใจจริงอยากจะยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูกเสียด้วยซ้ำแต่ถ้าหากทำเป็นนั้นคงจะไม่ดีเท่าไหร่จึงทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหลบเท่าที่จะทำได้
"เป็นอะไรหรือเปล่าน้ำเหนือ" คุณหญิงมรกตหันมาถามเมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของน้ำเหนือ
คนถูกถามได้แต่ส่ายหน้าเพราะถ้าหากเขาขยับปากพูดตอนนี้ละก็สิ่งที่พยายามกลั้นเอาไว้มันต้องตีตื้นขึ้นมาจนพุ่งออกจากปากแน่นอน
"แน่ใจนะ" คุณหญิงยังคงถามย้ำซึ่งน้ำเหนือก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มให้คุณหญิงจึงหัรกลับไปสนใจการประชุมต่อ
น้ำเหนือพยายามจดจ่ออยู่กับการประชุมเผื่อว่าอาการแพ้ท้องที่ตั้งท่าจะกำเริบนั้นจะได้หายๆ ไปบ้าง
การประชุมกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็จบลง คุณโทมัส คุณหญิงมรกต ควอตซ์และลาพิสเดินออกจากห้องประชุมไปก่อนที่คนอื่นๆ จะทยอยกันแยกย้าย ซึ่งพอน้ำเหนือเดินออกจากห้องประชุมมาได้ก็ตรงไปยังห้องน้ำในทันที
โชคดีที่ผู้คนส่วนใหญ่พอออกจากห้องประชุมก็แยกย้ายไปกันหมดในห้องน้ำตอนนี้จึงมีเพียงน้ำเหนือคนเดียว
"อ๊อกกกก!! แหวะ!!" น้ำเหนือโน้มตัวลงหน้าอ่างล้างมือก่อนจะอาเจียนออกมาอีกชุดใหญ่ แถมยังรู้สึกเวียนหัวมากอีกด้วย ทั้งอาเจียนทั้งเวียนหัวตอนนี้เขาเลยรู้สึกแย่มาก มองเห็นอะไรไม่ชัดและรู้สึกทุกอย่างมันหมุนเป็นวงกลม
"แหวะ!! แค่ก"
แม้จะควักน้ำขึ้นล้างหน้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น มือทั้งสองข้างที่จับขอบเคาน์เตอร์ไว้ก็สั่น หน้าตาซีดเซียวไร้สีเลือด
ตัวเล็ก...อย่าแกล้งแม่แบบนี้สิลูก แม่จะหมดแรงแล้วประตูห้องน้ำที่ถูกผลักให้เปิดออกเรียกสายตาของน้ำเหนือให้หันไปมองแต่หยาดน้ำตาจากความทรมานที่เออคลออยู่ที่ดวงตานั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ มืดลง
ร่างของน้ำเหนือที่หมดแรงโอนเอนไปมาก่อนจะล้มลงโชคดีที่ร่างนั้นไม่ล้มฟาดลงกับพื้นเพราะถูกรับเอาไว้ได้ทัน
"น้ำเหนือ เฮ้!... น้ำเหนือคุณเป็นอะไร" คุณโทมัสที่เป็นคนเดินเข้ามาในห้องน้ำรีบเข้ามารับร่างที่ล้มลงนั้นไว้ได้ทันก่อนจะร้องเรียกคนหมดสติ
คุณโทมัสที่มีรูปร่างสูงใหญ่ตามเชื้อสายตะวันตกแท้ๆ ก้มลงอุ้มร่างน้ำเหนือขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะก้าวออกจากห้องน้ำ
"ว๊ายย! ตายแล้วน้ำเหนือเป็นอะไรไปคะคุณ" คุณหญิงมรกตที่ยืนหันหน้ามาร้องถามทันทีด้วยความตกใจให้ลาพิสกับควอตซ์หันมาด้วย
"อยู่ๆ ก็หมดสติไป ผมว่าพาไปหาหมอก่อนดีกว่าคุณ" คุณโทมัสพูดก่อนจะหันไปสั่งเลขาของตนให้โทรลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมรถไปโรงพยาบาลก่อนที่จะพากันลงไปข้างล่าง
ทันทีที่คุณโทมัสก้าวออกจากลิฟต์ตรงไปยังประตูทางเข้าของอาคารรถตู้สีดำคันใหญ่ก็มาจอดพอดีก่อนที่คนขับรถจะรีบลงมาเปิดประตูให้ ร่างหมดสติของน้ำเหนือถูกจับให้นั่งพิงกับเบาะรถโดยมีคุณหญิงก้าวตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ส่วนลาพิสและคุณโทมัสก็ขึ้นไปนั่งด้านหลัง
"คุณแม่คะแล้วพี่ควอตซ์ละคะ" ลาพิสร้องถามอย่างนึกขึ้นได้
"พี่เขามีคุยงานเดี๋ยวเราค่อยโทรบอกอีกทีแล้วกัน" คุณหญิงบอก
"คุณโทรหาคุณหมอสิให้เขามาช่วยดูให้"
"จริงด้วยค่ะ!" คุณหญิงมรกตเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก "วิรัชอยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่า... กำลังจะไปที่โรงพยาบาล... เปล่าๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไรแต่มีเด็กในร้านเป็นลม ยังไงช่วยมาดูให้ทีนะ... ใกล้ถึงแล้ว โอเคๆ ได้ ขอบใจมากนะ"
หลังจากที่คุณหญิงวางสายไปได้ไม่นานเท่าไหร่รถตู้ก็เลี้ยวเข้าสู่รั้วของโรงพยาบาลก่อนที่จะจอดอยู่บริเวณที่ส่งตัวคนไข้ เตียงรถเข็นมารออยู่แล้วตอนที่รถจอดสนิทประตูรถถูกเปิดออกโดยบุรุษพยาบาลคุณหญิงมรกตที่นั่งอยู่ก็รีบลงจากรถแล้วให้บุรุษพยาบาลอุ้มน้ำเหนือขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วเข็นเตียงเข้าไปด้านในอาคารทันที
"เดี๋ยวผมตามไป" คุณโทมัสพูดก่อนที่รถตู้จะขับไปด้านหลังเพื่อหาที่จอดรถ
คุณหญิงเดินตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงของน้ำเหนือ ซึ่งพอเดินมาถึงก็เจอกับหมอวิรัชยืนอยู่หน้าห้อง "วิรัช"
"พี่หญิง" หมอวิรัชหันมาหาคนที่ร้องเรียก "ไหนคนที่พี่ว่าหรือครับ"
"ก็น้ำเหนือไง ที่บุรุษพยาบาลเข็นมา" คำตอบของคุณหญิงมรกตทำให้คนเป็นหมอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรับคำแล้วเอ่ยขอตัวไปดูน้ำเหนือ
พอเดินเข้ามาด้านในหมอวิรัชก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา สีหน้าดูเคร่งเครียดไม่น้อย ตอนแรกที่เขาเห็นบุรุษพยาบาลเข็นน้ำเหนือเข้ามาเขาถึงกับตกใจอยากจะรีบมาดูอาการแต่เพราะรับปากกับพี่สาวเอาไว้แล้วว่าจะดูลูกน้องในร้านให้ แต่พอมารู้ว่าคนที่พี่สาวว่าก็คือน้ำเหนือเขาก็ยิ่งตกใจ และกังวล...
น้ำเหนือเป็นลมแบบนี้สาเหตุคงมาจากการแพ้ท้องรุนแรงไม่ผิดแน่ เรื่องที่น้ำเหนือท้องก็ยังคงเป็นความลับมีเขาและพยาบาลที่สนิทและไว้ใจได้รู้อีกแค่สองสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่อง แล้วอย่างนี้เขาจะบอกสาเหตุของอาการของน้ำเหนือให้พี่สาวอย่างคุณหญิงมรกตว่าอย่างไรดี
หมอวิรัชเดินไปตรวจอาการของน้ำเหนือและลูกในท้องจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากนักจึงสั่งให้ย้ายไปพักที่ห้องพักพิเศษโดยให้น้ำเกลือเอาไว้ รวมถึงให้อาหารเสริมผ่านทางน้ำเกลือและยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง
"วิรัช! น้ำเหนือเป็นอย่างไรบ้าง" ทันทีที่หมอวิรัชก้าวออกจากห้องคุณหญิงมรกตและลาพิสก็ก้าวมาหาทันที ส่วนคุณโทมัสยืนรอฟังผลอยู่ไม่ไกลมากนัก
"ไม่เป็นไรแล้วครับ ร่างกายอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อย ตอนนี้ผมย้ายให้ไปอยู่ห้องพิเศษแล้ว แต่คงต้องอยู่ให้น้ำเกลือก่อน" หมอวิรัชตอบแม้จะรู้สึกผิดกับการต้องโกหกแต่เขาก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาเรื่องของคนไข้มาเปิดเผย โดยเฉพาะกรณีพิเศษของน้ำเหนือ
"ไม่เป็นไรแน่นะคะอาหมอ พี่น้ำเหนืออาเจียนเยอะมากเลย แถมหน้าตายังซีดๆ อีกต่างหาก" ลาพิสที่ยังไม่คลายความเป็นกังวลเอ่ยถาม
"ไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ" พออาหมอยืนยันเช่นนั้นทุกคนก็พยักหน้ารับและถอนหายใจอย่างโล่งอก
คุณโทมัสขอตัวกลับไปก่อนเพราะยังต้องไปเคลียร์งานที่ค้างเอาไว้ ลาพิสเองก็เช่นกันจึงเหลือเพียงคุณหญิงมรกตที่เอ่ยปากบอกจะอยู่รอดูน้ำเหนือฟื้นขึ้นมาเสียก่อน อีกอย่างตอนนี้คุณหญิงยังติดต่อญาติของน้ำเหนือไม่ได้ แม้กระทั่งโอ๊ตก็ยังติดต่อไม่ได้เลยจะขออยู่จนกว่าจะมีคนมา
"พี่หญิง...? ยังไม่กลับอีกหรือครับ ผมเห็นคุณโทมัสกับลาพิสกลับกันไปแล้วนี่ครับ" หมอวิรัชที่ผลักประตูห้องเข้ามาชะงักไปทันทีที่เห็นพี่สาวของตนนั่งอยู่ในห้องด้วย
"ยังหรอก พี่ว่าจะรอจนกว่าญาติน้ำเหนือจะมา นี่พี่เปิดโทรศัพท์น้ำเหนือดูก็ไม่เห็นมีเบอร์ใครที่คิดว่าจะเป็นญาติเลยสักคน" คุณหญิงมรกตพูด หลังจากที่น้ำเหนือถึงมือหมอเรียบร้อยคุณหญิงก็เปิดกระเป๋าน้ำเหนือเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาญาติแต่ในโทรศัพท์ของน้ำเหนือมีเบอร์ติดต่อไม่มากส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานในร้านเสียมากกว่า
"อ๋อ...ครับ" หมอวิรัชเดินเข้าไปใกล้เตียงของน้ำเหนือเช็คดูน้ำเกลือที่ให้เอาไว้ แต่แล้วมือที่กำลังจับอยู่ที่สายน้ำเกลือก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำถามต่อมา
"สรุปน้ำเหนือเป็นอะไรวิรัช"
"ครับ? ก็ร่างกายอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อยจนทำให้เป็นลมยังไงละครับพี่หญิง" หมอวิรัชหันมายิ้มให้
"อย่ามาโกหกพี่วิรัช" พอพูดจบคุณหญิงมรกตก็สวนขึ้นมาทันทีแบบไม่เว้นช่วงนาน "อาการของน้ำเหนือเป็นมากกว่าร่างกายอ่อนเพลียใช่ไหม ทั้งเวียนหัว ทั้งอาเจียน"
"พี่หญิงครับ อาการของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไปนะครับ น้ำเหนือเพียงแค่พักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้นแหละครับ"
คุณหญิงมรกตถอนหายใจออกมาก่อนจะคว้ากระเป๋าของน้ำเหนือที่วางอยู่บนโซฟาข้างตัวขึ้นมาแล้วจัดการเปิดกระเป๋าออก แล้วหยิบเอาซองยาหลายต่อหลายซองออกมาจากกระเป๋า "ถ้าน้ำเหนือแค่ร่างกายอ่อนเพลียทำไมต้องมียาบรรเทาอาการแพ้ท้องอยู่ด้วยวิรัช ชื่อโรงพยาบาลก็เป็นที่นี่ ชื่อหมอประจำตัวก็เป็นชื่อของเธอ"
"พี่หญิง" หมอวิรัชได้แต่เรียกชื่อพี่สาว รู้มาตลอดว่าพี่สาวของตัวเองเป็นคนเก่งและช่างสังเกตแต่ก็ไม่คิดว่าจะสังเกตเรื่องนี้ด้วย
"ตอนพี่หยิบโทรศัพท์ของน้ำเหนือซองพวกนี้มันหล่นลงมาพี่เลยเห็น แล้วของแบบนี้ผู้ชายคงไม่พกไว้แทนคนรักหรอกนะ ยิ่งไม่ได้อยู่กับคนรักด้วยแบบนี้และเท่าที่พี่รู้มาน้ำเหนือก็ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีคนรักเลย"
"พี่หญิงครับ น้ำเหนือเป็นผู้ชายนะครับ" คุณหมอยังคงเลือกที่จะไม่พูดอะไร
"นั่นคือเหตุผลที่เธอบอกว่าน้ำเหนือแค่ร่างกายอ่อนเพลียใช่ไหม" คุณหญิงมรกตมองหน้าน้องชายของตนเอง วิรัช... เป็นน้องชายแท้ๆ ของเธอเพราะฉะนั้นทำไมจะไม่รู้ว่าน้องของตัวเธอเองกำลังพูดโกหก "พี่เองก็มีลูกนะวิรัช ถ้าน้ำเหนือเป็นผู้หญิงพี่ก็ไม่เสียเวลามานั่งคิดเลย น้ำเหนือแท้แน่นอนเพราะอาการมันออกเสียขนาดนี้"
"น้ำเหนือท้องใช่ไหม"หมอวิรัชถอนหายใจออกมา แต่ก่อนที่จะมีใครได้พูดอะไรต่อคนที่นอนนิ่งมาเป็นชั่วโมงก็ขยับตัวจนหมอวิรัชต้องรีบขยับไปยืนชิดเตียง "น้ำเหนือ"
"คุณหมอ..." น้ำเหนือที่ลืมตาขึ้นหลับตาลงอีกรอบเพื่อปรับแสงที่สว่างจ้ามากเกินไปก่อนจะหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน สีหน้าของน้ำเหนือดูเป็นกังวลและเหมือนอยากจะร้องไห้ "คุณหมอ... ทำไมมันทรมานจังเลยครับ ผมต้องแพ้ท้องหนักขนาดนี้อีกนานแค่ไหนกัน"
คุณหมอวิรัชยิ้มแหยออกมาแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ อุตส่าห์ไม่พูด ไม่บอกอะไรพี่หญิงไป น้ำเหนือตื่นมาดันพูดเสียเองแบบนี้... "น้ำเหนือ"
แม้จะพยายามเรียกให้รู้ตัวแต่คนที่อัดอั้นในใจก็ยังพูดระบายออกมา "ผมอาเจียนจนหมดแรง อาเจียนจนท้อเลยครับการจะเป็นแม่คนมันต้องทรมานแบบนี้เลยหรือครับคุณหมอ"
"น้ำเหนือ... คือว่า"
น้ำเหนือที่หันมองตามสายตาของหมอวิรัชไปก็ถึงกับชะงัก ดวงหน้าที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ในห้องด้วยอีกคน ปากสั่นมือสั่นไปหมด ไม่ใช่เพียงเพราะมีคนมารู้เรื่องราวว่าตัวเองท้องแต่เพราะคุณหญิงมรกต...คือแม่ของควอตซ์ "ค... คุณหญิงมรกต"
"คุณหญิง... คือว่า คือ..."
คนที่นั่งอยู่บนโซฟาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาน้ำเหนือมือของคุณหญิงยกขึ้นลูบผมนุ่มของคนบนเตียงเบาๆ "ใจเย็นๆ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรนะฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครไม่ต้องกังวลไปนะน้ำเหนือ"
"คุณหญิง... คุณหมอ..." น้ำเหนือได้แต่มองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนก่อนที่ดวงตากลมโตนั้นจะวาวฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแล้วน้ำใสๆ ก็ไหลรินออกจากดวงตาคู่นั้น "อึก... ฮืออ... ผมจะทำยังไงดี ผมจะทำยังไงดี"
คุณหญิงมรกตยังคงลูบผมของน้ำเหนือต่อไปเรื่อยๆ และอาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นจากมือนี้ที่ทำให้คนที่แสร้งเข้มแข็งมาตลอดถึงกับหลั่งน้ำตา "ไม่เป็นไรน้ำเหนือไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากไม่ต้องกังวลนะ ฉันเอ็นดูน้ำเหนือมาก เราเป็นคนน่ารัก นิสัยดีฉันจะช่วยน้ำเหนือนะเด็กดี ไม่ต้องร้องๆ ลูกน้อยล้อเลียนแล้วละมั้งมีคุณแม่ขี้แยแบบนี้"
"ฮืออ... คุณหญิง... ข ขอบคุณมากครับ ข ขอบคุณคุณหญิง อึก... ต ตั้งแต่ผมจำความได้ อึก... ผม ผมไม่เคยรู้สึกอบอุ่นเท่านี้มาก่อนเลย" น้ำเหนือพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่แบบนั้นอีกทั้งยังคงสะอื้นไม่หยุด
"พอแล้วน้ำเหนือไม่ร้องไห้แล้วนะ เดี๋ยวร่างกายก็ยิ่งแย่ไปกว่านี้หรอก เลิกร้องไห้ก่อนเร็ว" คุณหญิงพูดพร้อมกับรับกระดาษจากหมอวิรัชที่ส่งมาให้มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับว่าที่คุณแม่ขี้แย
คนที่ร้องไห้ค่อยๆ คลายสะอื้นลง แม้ดวงตาทั้งสองข้างยังคงแดงก่ำและมีน้ำปริ่มๆ อยู่แต่ก็ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว หมอวิรัชปรับเตียงนอนให้ตั้งขึ้นเล็กน้อยแล้วประคองให้น้ำเหนือนั่งดีๆ ก่อนจะเริ่มคุยกันอีกรอบอย่างจริงจัง
น้ำเหนือยอมรับและบอกเรื่องราวที่ตนเองกำลังตั้งท้องให้คุณหญิงมรกตฟังโดยมีหมอวิรัชช่วยอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าใครคือพ่อของเด็กในท้องเมื่อคุณหญิงถามน้ำเหนือก็ทำเพียงแค่เงียบจนคุณหญิงต้องเปลี่ยนเรื่องไป
"แล้วน้ำเหนือแพ้ท้องหนักขนาดนี้จะทำยังไงดีละวิรัช นี่จะออกจากโรงพยาบาลได้หรือ" คุณหญิงมรกตหันไปถามหมอวิรัช
"ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณหมอให้ผมออกจากโรงพยาบาลเถอะนะครับ" น้ำเหนือหันไปพูดกับคุณหมอ
หมอวิรัชส่ายหน้าก่อนจะตอบ "ไม่ได้หรอกน้ำเหนือยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ เราแพ้ท้องหนักมากหมอเกรงว่าจะเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ยังไงอยู่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันแล้วค่อยว่ากันอีกที หรือถ้าอยากจะออกจากโรงพยาบาลจริงๆ ก็ต้องให้คนในครอบครัวมารับแล้วก็ต้องมาฟังวิธีการถูกแลกันด้วย อย่างที่หมอเคยบอกน้ำเหนือเป็นเคสพิเศษต้องได้รับการดูแลอย่างดี"
"ผม... ผมไม่มีครอบครัว" น้ำเหนือพูดเสียงเบา "ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองอย่างดีให้ผมออกจากโรงพยาบาลเถอะนะครับ"
"อย่าเพิ่งเลยดีกว่าน้ำเหนือ" คุณหญิงมรกตแย้ง "อยู่ให้วิรัชอยู่ดูอาการก่อนดีกว่านะ"
"ใช่แล้วละน้ำเหนือ แค่สามวันถ้าน้ำเหนือดีขึ้นหมอจะยอมให้ออกจากโรงพยาบาล" เมื่อทั้งคุณหมอไม่อนุญาตและคุณหญิงไม่เห็นด้วยน้ำเหนือก็เลยได้แต่ยอมรับคำอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
"น้ำเหนือ!!" ประตูห้องพักถูกผลักให้เปิดออกก่อนที่โอ๊ตจะรีบพรวดพราดเข้ามาด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อเห็นคุณหญิงมรกตกับหมอวิรัชอยู่ในห้องด้วยก็ชะงักไปทันที "อ๊ะ... ขอโทษครับคุณหมอ คุณหญิงมรกต"
"ไม่เป็นไรจ๊ะ โอ๊ตมาแล้วยังไงฉันคงต้องกลับก่อนแล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะน้ำเหนือ ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ" คุณหญิงมรกตพูดกับน้ำเหนือ
"ครับคุณหญิง ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกเรื่อง" น้ำเหนือยกมือไหว้ขอบคุณซึ่งคุณหญิงก็ยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือของตนแล้วเดินออกจากห้องไป
"น้ำเหนือเป็นยังไงบ้าง ตอนพี่ได้ฟังข้อความที่คุณหญิงมรกตฝากเอาไว้ตกใจแทบแย่" โอ๊ตรีบขยับมายืนข้างเตียงคนไข้ทันที วันนี้เขามีคุยงานกับลูกค้าเลยไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้แล้วพอได้ยินข้อความที่คุณหญิงฝากเอาไว้เขาก็รีบตรงมาที่โรงพยาบาลทันที
"ไม่เป็นอะไรแล้วครับ แต่คงต้องให้น้ำเหนืออยู่ดูอาการที่โรงพยาบาลก่อนเพราะแพ้ท้องค่อนข้างรุนแรง ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ จะเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่แล้วก็ลูกน้อยได้" หมอวิรัชหันมาตอบคำถามนี้แทน ซึ่งคำถามนั้นก็ทำให้โอ๊ตทั้งโล่งอกแล้วก็กังวลใจไปพร้อมๆ กัน
"อันตรายมากเลยหรือครับ... ออกจากโรงพยาบาลแล้วน้ำเหนือไปอยู่ที่บ้านพี่ไหม อยู่คนเดียวแบบนี้พี่เป็นห่วงนะ" โอ๊ตหันมาถามคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง
"คุณโอ๊ตพูดถึงเรื่องนี้... หมอว่าน้ำเหนือต้องบอกคุณพ่อของเด็กนะครับ" หมอวิรัชหันมามองหน้าน้ำเหนือที่เริ่มซีดลงอีกรอบกับคำพูดนั้น "มันไม่ดีเลยที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว อย่าบอกว่าผู้หญิงหลายๆ คนก็สามารถอุ้มท้องแล้วก็เลี้ยงลูกด้วยตัวเองได้นะครับ มันคนกรณีกันนะน้ำเหนือ หมอเป็นกังวลมากจริงๆ กับกรณีของน้ำเหนือ ควรที่จะมีคนใกล้ชิด คนในครอบครัวคอยดูแลนะครับ"
"นั่นสิน้ำเหนือ หรือกลัวว่าเขาจะไม่รับผิดชอบ เดี๋ยวพี่ไปจัดการให้น้ำเหนือบอกพี่มาเลยว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง"
"มันคือความผิดพลาดนะครับ อีกอย่างคงไม่มีใครอยากจะมารับผิดชอบผู้ชายด้วยกันหรอกครับ" น้ำเหนือได้แต่นั่งก้มหน้า มือกุมกันแน่น
"พ่อของเด็กในท้องมีความเป็นผู้ใหญ่มากนะน้ำเหนือ เขามีความรับผิดชอบและมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะคิดได้ว่าเขาควรจะทำยังไง น้ำเหนือควรคุยกับเขานะ" หมอวิรัชยกมือขึ้นวางบนไหล่ของน้ำเหนือแล้วบีบเบาๆ ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นมองตรงมาที่คนที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ
ดวงตาที่บอกว่า... หมอวิรัชรู้ทุกอย่างหมดแล้วว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง************************************************
จบ! จบตอนแล้ว เย่ ฮ่า... ยาวไหม ตอนนี้ฟางว่ายาวนะคะ ยาวมาก ยาวกว่าทุกตอนเลยด้วย ตอนต่อไปอาจจะไม่ยาวเท่านี้นะคะ อันนี้นี่เกินจากจำนวนหน้าที่ตั้งไว้มากค่ะ รวมทั้งตอนแล้ว 19 หน้า เยอะมากกก ปกติจะสักประมาณ 14 หน้าค่ะ แฮ่ๆ หวังว่าจะจุใจกันนะคะ
คุณหญิงรู้เรื่องแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง พี่โอ๊ตก็ยังไม่รู้มีแค่คุณหมอวิรัชกับตัวน้ำเหนือที่รู้ แล้วพระเอกของเราจะรู้ตอนไหน บอกได้เลยค่ะว่า ‘ตอนหน้า’ พระเอกของเรารู้เรื่องแน่นอน รู้แล้วจะทำยังไงต่อ รู้แล้วจะเป็นยังไงต่อ อันนี้รอลุ้นกันนะคะ ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตามพล็อตที่ฟางวางแล้วก็ตั้งใจเอาไว้นะคะ อาจจะดูเหมือนช้าไปสักหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่ช้านะนี่เพิ่งตอนที่ 6 เอง ^^ เจอกันตอนหน้านะคะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)