✽ ✽ ✽ ต่อค่ะ ✽ ✽ ✽
"อ๊อกกกกก!! แค่ก!!"เสียงอาเจียนดังลั่นห้องพักตั้งแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น น้ำเหนือนั่งโก่งคออาเจียนใส่ถังขยะที่พยาบาลถือให้อีกทั้งยังมีพยาบาลอีกคนพยุงตัวเอาไว้ เพราะแรงที่จะพยุงตัวเองให้นั่งตรงๆ ยังไม่มี พยาบาลทั้งสองคนนั้นเป็นพยาบาลที่ทำงานกับหมอวิรัชและสามารถไว้ใจได้ว่าเรื่องของน้ำเหนือจะเป็นความลับต่อไปเท่าที่เวลาจะสามารถปกปิดได้
พยาบาลคนที่ถือถังขยะวางถังขยะลงกับพื้นก่อนจะหันไปหยิบกระดาษและแก้วน้ำส่งให้น้ำเหนือที่ตอนนี้นั่งหน้าซีด ปากซีดอยู่บนเตียง
"น้ำเหนืออาเจียนหนักแบบนี้ทุกเช้าเลยหรือเปล่า" พยาบาลถามด้วยความเป็นห่วง เคยเจอคนแพ้ท้องก็บ่อยแต่ที่แพ้ท้องหนักอย่างน้ำเหนือนานๆ ถึงจะเจอ
"ค ครับ... ตลอดทั้งอาทิตย์เลย"
"แบบนี้อันตรายมากเลยค่ะ ถ้าหากอาเจียนมากๆ อาจจะทำให้หลอดเลือดฉีกขาดได้เลยนะคะ ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะอีกสักพักคุณหมอคงจะเข้ามาดูอาการ"
"ค่อยยังชั่วแล้วครับ" น้ำเหนือพูดก่อนจะหลับตาลงเพราะรู้สึกอ่อนเพลีย พยาบาลที่เห็นแบบนั้นก็พากันเดินออกจากห้องเพื่อปล่อยให้อีกคนได้นอนพักต่อเพราะตอนนี้ก็ยังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก
ประตูห้องพักของน้ำเหนือถูกเปิดอีกรอบในช่วงเวลาเกือบแปดโมงเช้าพยาบาลเดินถือถาดอาหารมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปจากห้องสวนกับหมอวิรัชและคุณหญิงมรกตที่เดินเข้ามา
"น้ำเหนือจะทานได้ไหมนั่น" คุณหญิงมรกตพูดพลางเดินไปเปิดถาดอาหารของน้ำเหนือ
"คงต้องลองดูละครับ เมื่อเช้าพยาบาลโทรไปบอกผมว่าน้ำเหนืออาเจียนแต่เช้าถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ แล้วทานอะไรไม่ได้ละก็คงยิ่งแย่ร่างกายอาจจะขาดน้ำได้แล้วมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อน" หมอวิรัชพูดพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เตียงที่คนท้องนอนอยู่ ยื่นมือไปสัมผัสหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของน้ำเหนือเพื่อวัดไข้
และสัมผัสนั้นก็ทำให้คนที่หลับอยู่ลืมตาตื่นขึ้น น้ำเหนือยกมือคว้าข้อมือของหมอวิรัชเอาไว้อย่างลืมตัว "พ่อครับ..."
กระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับภาพให้ชัดขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใครเจ้าตัวก็รีบปล่อยมือ "คุณหมอ... ขอโทษทีครับ"
"ไม่เป็นอะไร" หมอวิรัชส่งยิ้มให้พร้อมกับเลื่อนมือไปลูบผมของน้ำเหนือเล่น
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่หมอวิรัชรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากทีเดียวส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสงสาร สงสารที่เด็กคนนี้ต้องมาเจอเรื่องราวแบบนี้
"เมื่อคืนก็คุณหมอใช่ไหมครับ" น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะร้องถามให้คนที่ยืนอยู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย "ก็เมื่อคืน... คุณหมอใช่ไหมครับที่ลูบผมผมแบบนี้"
หมอวิรัชชะงักไปเล็กน้อยกับคำถามของน้ำเหนือพลางนึกสงสัยในใจ แน่ละ... ไม่ใช่เขาแน่นอนเพราะหลังจากที่ออกจากห้องพักของน้ำเหนือไปหมอวิรัชก็ตรงกลับบ้านทันที แต่ในตอนที่ขับรถออกจากโรงพยาบาลก็เห็นรถคุ้นตาของหลานชายจอดอยู่ คนที่ลูบผมน้ำเหนือก็คงไม่พ้น... หลานชายของเขานั่นเอง
คนเป็นหมอไม่ได้ตอบรับอะไรทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
"อ๊ะคุณหญิง... สวัสดีครับ" น้ำเหนือที่เพิ่งหันไปเห็นคุณหญิงมรกตก็รีบยกมือไหว้สวัสดีทันที
"จ๊ะ เป็นยังไงบ้างเมื่อเช้าก็แพ้ท้องหนักเลยเหรอ" คุณหญิงมรกตถาม
น้ำเหนือพยักหน้ารับ "ครับ... ก็พอสมควรครับ"
"ปกติน้ำเหนือทานมื้อเช้าได้ไหม ลองทานดูก่อนนะอาหารของโรงพยาบาลอ่อนๆ อยู่แล้วน่าจะทานได้ ยังไงก็ฝืนเสียหน่อย" หมอวิรัชพูดพร้อมกับเข็นโต๊ะที่วางถาดอาหารมาให้น้ำเหนือ "เดี๋ยวหมอจะให้ยาแก้แพ้ตัวใหม่ไปคงจะช่วยได้ แต่ยานี้อาจจะทำให้ง่วงนอน ต่อไปเรื่องอาหารเราก็ต้องดูให้ดีแล้วก็เลือกแต่ของดีมีประโยชน์นะ พวกของดอง น้ำอัดลมให้งดนะครับ อาจจะยิ่งทำให้คลื่นไส้มากกว่าเดิม"
น้ำเหนือหน้ามุ่ยหลังจากที่ได้ฟัง "ไม่กินยาไม่ได้หรือครับ ถ้ากินยาแล้วง่วงนอนแบบนี้ผมจะทำงานยังไงละครับ"
"ไม่เป็นอะไรหรอกน้ำเหนือ เอาไว้ให้ทุกอย่างมันเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับไปทำงานก็ได้"
"ไม่ได้หรอกครับคุณหญิง" พอคุณหญิงพูดแบบนั้นน้ำเหนือก็รีบพูดทันที "ถ้าจะรอจนกว่าผมจะหยุดแพ้ท้องก็อีกหลายเดือนแล้วตอนนั้นท้องผมก็คงโตจนไปทำงานไม่ได้ ผมยังต้องทำงานเก็บเงินเพื่อวันที่ผมไม่สามารถออกไปทำงานได้แล้วไหนจะยังลูกในท้องผมอีก..."
"ฉันบอกแล้วไงว่าจะคอยช่วยเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก" คุณหญิงมรกตว่า
คนฟังส่ายหน้า "ถ้าหากเรื่องที่คุณหญิงจะช่วยหมายถึงช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมคงไม่ขอรับไว้ ถ้าหากคุณหญิงจะกรุณาช่วยให้งานผมทำทีเถอะครับ"
"แล้วจะทำงานได้ยังไง แพ้ท้องหนักขนาดนี้"
"แต่ว่า..."
"เอาละครับๆ เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคุยกันอีกทีตอนนี้ให้น้ำเหนือทานข้าวก่อนดีกว่าจะได้ทานยา ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอเอาไว้เราค่อยมาช่วยกันคิดแล้วกันครับ" หมอวิรัชพูดขัดขึ้นเสียก่อนให้ปัญหาที่กำลังถกเถียงกันเป็นอันตกไป
"เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีจ๊ะ" คุณหญิงมรกตว่าน้ำเหนือจึงพยักหน้ารับแล้วเริ่มลงมือจัดการอาหารเช้า
อาจจะเป็นเพราะเมื่อเช้าน้ำเหนืออาเจียนเสียจนหมดท้องเช้านี้จึงสามารถทานข้าวต้มได้ค่อนข้างเยอะก่อนจะตามด้วยยาบำรุงและยาแก้แพ้ท้อง หลังจากนั้นหมอวิรัชก็ขอตัวเพราะต้องไปดูคนไข้คนอื่น ส่วนคุณหญิงมรกตก็อยู่คุยกับน้ำเหนือต่ออีกไม่นานก็ต้องกลับเพราะต้องเข้าไปดูที่ร้านในห้องจึงเหลือเพียงแค่น้ำเหนือคนเดียว
และเพราะฤทธิ์ของยาแก้แพ้ท้องที่ทานไปก่อนหน้านี้ทำให้น้ำเหนือรู้สึกง่วงนอนก่อนจะหลับไปในเวลาไม่นานซึ่งก่อนที่จะล้มตัวลงนอนน้ำเหนือก็หันไปเปิดเพลงบรรเลงคลอไปด้วยเบาๆ
ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงขยับตัวไปมาอย่างกระสับกระส่ายเพราะฝันร้าย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้มาสามคืนแล้วและทุกครั้งก็มักจะมีมือที่แสนอบอุ่นเอื้อมมือกอบกุมมือของน้ำเหนือพร้อมกับลูบผมปลอบจนคนนอนฝันร้ายค่อยๆ สงบลงแล้วหลับสนิทไปในเวลาต่อมา คืนนี้ก็เช่นกัน...
หลังจากคืนนั้น... คืนที่ควอตซ์ได้รู้ความจริงชายหนุ่มก็มักจะมาที่โรงพยาบาลเสมอๆ มาในช่วงเวลาที่น้ำเหนือหลับไปแล้ว และถ้าถามว่าทำไมเขาถึงได้มาที่นี่ทุกคืนคำตอบคือ...
ไม่รู้...ควอตซ์ไม่รู้จริงๆ ว่าเขามาที่นี่ทำไม ความรู้สึกความสับสนในใจก็ยังไม่ได้รับความกระจ่าง เขายังไม่คิดที่จะคุยกับน้ำเหนือให้รู้เรื่อง หรือไม่แม้แต่ไปคุยกับคนเป็นน้าถึงเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น แต่เขาอยากจะมาที่นี่ มาโดยไม่รู้เหตุผล
"พ่อ... แม่... ย อย่าไป อึก... อย่าทิ้งเหนือ" คนที่นอนหลับละเมอส่งเสียงออกมามือยกขึ้นเหมือนกำลังจะไขว่คว้าอะไรบางอย่างจนควอตซ์ต้องยกมือไปจับมือนั้นเอาไว้
"พ่อ... อย่าทิ้งเหนือ อึก... ย อย่าทิ้งเหนือ"
"ไม่ทิ้งครับ ไม่มีใครทิ้งเหนือนะ" ควอตซ์พูดพร้อมกับจับมือของน้ำเหนือเอาไว้แน่นยื่นมืออีกข้างไปลูบผมนุ่มอย่างที่ทำมาตลอดสามวัน แต่ดูท่าวันนี้คนฝันร้ายจะฝันร้ายมากเพราะทั้งคำพูด ทั้งสัมผัสไม่ได้ทำให้น้ำเหนือสงบลง
เหงื่อเริ่มซึมไปทั่วใบหน้าทั้งๆ ที่เครื่องปรับอากาศก็ยังคงทำงานอยู่ ร่างก็ขยับไปมาไม่หยุดเหมือนไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว น้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้างทั้งๆ ที่ยังคงหลับ ควอตซ์ที่เห็นท่าไม่ดีก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะรั้งคนที่กระสับกระส่ายเข้ามาใกล้
และเพียงแค่น้ำเหนือขยับเข้ามาใกล้เขาก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มสูงจากร่างกายนั้นจนต้องขมวดคิ้วก้มมองอีกคน
"ไม่สบายหรือนี่" ควอตซ์ได้แต่พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะผละออกเพื่อไปหาผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ แต่พอแค่ขยับตัวเพียงนิดคนไม่สบายก็คว้าเข้าที่รอบเอวแล้วกอดเอาไว้แน่น
"ย อย่าทิ้งเหนือ... อย่าทิ้ง"
คนที่จะผละออกก็ได้แต่ขยับไปนั่งใกล้ใช้มือปรับที่กั้นข้างเตียงลงก่อนจะขยับไปนั่งบนเตียงให้คนที่กอดเอวไม่ปล่อยกอดได้ถนัดขึ้น
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาทำให้น้ำเหนือค่อยๆ สงบลงอาการกระสับกระส่ายหายไปแล้วเหลือเพียงลมหายใจร้อนๆ และศีรษะที่ทิ้งลงบนตักของควอตซ์ เจ้าของตักปล่อยให้คนป่วยนอนหนุนอยู่แบบนั้นเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนี้ออกเบาๆ ก่อนจะเลื่อนไปลูบที่เปลือกตาและกลับมาที่กลุ่มผมนุ่มนั้นอีกครั้ง
ควอตซ์นั่งอยู่แบบนั้นอยู่เกือบค่อนคืน เข็มสั้นของนาฬิกาขยับมาถึงเลขหนึ่งซึ่งบ่งบอกว่าเข้าสู่วันใหม่แล้วเรียบร้อย เมื่อแน่ใจว่าคนป่วยจะไม่มีอาการอะไรอีกแล้วก็ค่อยๆ ประคองอีกคนให้นอนหนุนหมอนดีๆ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงช่วงอกหันไปกดเปิดเพลงที่เงียบดับไปนานแล้วให้ดังขึ้นอีกรอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องพักนั้นไป
"บางที... คงถึงเวลาที่เราต้องคุยกันแล้ว น้ำเหนือ"ในตอนเช้าน้ำเหนือยังคงมีอาการแพ้ท้องหนักเช่นเดิม ไหนจะมีอาการตัวร้อนเป็นไข้เพิ่มมาอีกอย่างให้คนที่ร่างกายกำลังอ่อนแอยิ่งอ่อนแอหนักกว่าเดิม ใบหน้าที่เคยสดใสก็หมองลงอย่างเห็นได้ชัด อาหารที่ก่อนหน้านี้ยังสามารถทานได้วันนี้กลับทานเพียงได้แค่ไม่กี่คำก็คลื่นไส้จวนเจียนจะอาเจียนออกมา ยังดีที่ยังสามารถดื่มนมและพวกผลไม้ได้บ้าง
"แบบนี้ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้แน่ๆ น้ำเหนือ" หมอวิรัชพูดเสียงเครียด
"แต่ผมไม่อยากอยู่โรงพยาบาลแล้ว... ผมเบื่อ" คนป่วยว่าอย่างดื้อดึง ตลอดสามสี่วันมานี้น้ำเหนือต้องนอนอยู่แต่ในห้องไม่ได้ออกไปไหน อีกทั้งยังทำอะไรไม่ได้จนเจ้าตัวเริ่มเบื่อไหนจะต้องอยู่คนเดียวอีก ยังดีที่ตอนเย็นจนถึงค่ำโอ๊ตจะเข้ามาหามาอยู่เป็นเพื่อน บางทีคนในร้านก็แวะเวียนมาเยี่ยมบ้างแต่ก็อยู่กันได้ไม่นาน ซึ่งน้ำเหนือก็บอกกับคนในร้านว่าไม่สบายเลยต้องนอนโรงพยาบาลแต่ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น
"ไม่ได้ครับน้ำเหนือ ยังไงก็ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้อย่างน้อยก็ต้องจนกว่าจะหายไข้ แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาคุยกันอีกทีนะครับ" หมอวิรัชพูด ก่อนจะฉีดยาแก้ไข้ให้กับน้ำเหนือพร้อมกับหันไปสั่งยากับพยาบาล
คนป่วยที่อยากจะออกจากโรงพยาบาลได้แต่มุ่ยหน้าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในสิ่งที่หมอวิรัชพูด "ก็ได้ครับ"
น้ำเหนือได้แต่นอนกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมาเพราะไม่รู้จะดูอะไรดีสุดท้ายก็ต้องกดปิดไป หันไปกดเล่นเพลงแทนไม่ได้ห้องมันเงียบเกินไปนักและนั่นก็ทำให้น้ำเหนือชะงัก
"เมื่อเช้า... เพลงยังดังอยู่นี่นา"
เพลงในเครื่องเล่นนั้นใช้เวลากว่าห้าชั่วโมงถึงจะเล่นได้จนจบ ซึ่งน้ำเหนือเปิดเอาไว้ตอนก่อนจะหลับก็คือตั้งแต่ก่อนสองทุ่มซึ่งไม่มีทางที่เพลงจะดังยาวต่อเนื่องจนถึงหกโมงเช้าแน่นอน
"แสดงว่ามีคนมากดเปิด... อย่างนั้นก็เท่ากับว่าเมื่อคืนไม่ได้ฝัน แล้วใครกันที่เข้ามาอยู่กับเรา" ได้แต่ขมวดคิ้วพลางนึกว่าใครกัน
เมื่อคืนในขณะที่หลับน้ำเหนือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะไข้ เขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ และเหมือนจะฝันร้าย รู้สึกอึดอัดไปหมดแต่แล้วความรู้สึกพวกนั้นก็ค่อยๆ หายไปแทนที่ด้วยความอบอุ่นจนน้ำเหนือนอนหลับจนถึงเช้า
แอ๊ด...
เสียงประตูห้องพักถูกเปิดออกในตอนบ่ายเรียกให้คนที่นอนคิดอะไรอยู่คนเดียวเรื่อยเปื่อยหันไปมองอย่างแปลกใจ ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา
"ค... คุณอชิตพล" คนที่น้ำเหนือไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เพราะตลอดหลายวันที่เขาเข้าโรงพยาบาลแม้ว่าลาพิสหรือแม้กระทั่งคุณโทมัสก็ยังมีแวะเวียนมาหาบ้างแต่คนคนนี้... ไม่เคยมาเลยสักครั้ง
"วันนี้คุณแม่ติดธุระท่านเลยวานให้ฉันเอาผลไม้มาให้" ควอตซ์พูดเสียงทุ้มพร้อมกับเดินถือกระเช้าผลไม้มาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
น้ำเหนือขยับตัวลุกขึ้นนั่งแม้ในจะยังสั่นและนึกกลัวแต่ก็ยกมือไหว้ขอบคุณ "ฝากขอบคุณคุณหญิงด้วยครับ"
"แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้าง" ควอตซ์ถามพร้อมกับมองสำรวจใบหน้าของน้ำเหนือไปด้วย
หน้าตาซีดเซียวกว่าเมื่อคืนเสียอีก..."ก็...ดีขึ้นแล้วละครับ อีกไม่นานคงได้ออกจากโรงพยาบาล" น้ำเหนือพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น
"แต่หน้าเธอยังดูซีดมากอยู่เลยนะ
แล้วเช้านี้อาเจียนหรือเปล่า"
"ครับ?!!!" น้ำเหนือได้แต่ร้องออกมาอย่างตกใจ ดวงตาโตและสั่นระริกอย่างนึกกลัว
กลัวว่าความลับจะถูกเปิดเผยออกมา...
"เห็นคุณแม่เล่าว่าเธอมีอาเจียนด้วยบ่อยๆ ฉันก็เลยลองถามดู" ควอตซ์ตอบสีหน้าและท่าทางเป็นปกติเสียจนน้ำเหนือไม่แน่ใจว่าเขารู้หรือเปล่า
มือทั้งสองข้างของน้ำเหนือจับกันแน่นอยู่ใต้ผ้าห่ม พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมาและเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลพูดอะไรออกไป ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องพักทั้งๆ ที่มีคนอยู่ในห้องถึงสองคนและทั้งๆ ที่เพลงก็ยังเปิดอยู่แต่ตอนนี้เหมือนน้ำเหนือจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นระรัว
ควอตซ์เหลือบมองคนที่นั่งหน้าซีด ตาสั่นบนเตียงก่อนสูดลมหายใจเข้าแล้วหันไปหาน้ำเหนือ เขาตั้งใจไว้แล้วว่าวันนี้จะคุยกับน้ำเหนือให้รู้เรื่อง
"น้ำเหนือ... เธอมีอะไรอยากจะบอกฉันหรือเปล่า"
น้ำเหนือสะดุ้งเงยหน้ามองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงอย่างตื่นกลัว "ร เรื่องอะไรกันครับ ค คุณอชิตพลพูดอะไรครับผม ม ไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
สายตาของควอตซ์เลื่อนไปที่หน้าท้องของน้ำเหนือแบบที่คนถูกมองก็ขยับมือมาปิดช่วงท้องของตัวเอง "ถ้าฉันบอกว่าฉันรู้แล้วละ เธอจะยอมบอกได้หรือยัง"
"ค คุณพูดอะไรครับ ผ ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ ครับ" น้ำเหนือพยายามยิ้มแม้ภายในใจจะทั้งตื่นกลัวและอยากจะร้องไห้ก็ตาม
"เธอท้อง... และฉันคือพ่อของเด็กในท้องเธอ" น้ำเหนือได้แต่ตาโตริมฝีปากสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องกัดปากตัวเองเอาไว้ น้ำตาเริ่มปริ่มที่ดวงตาทั้งสองข้าง
ร รู้แล้ว... ข เขารู้แล้ว...
"ม ... ไม่ ไม่ใช่" น้ำเสียงของน้ำเหนือแผ่วเบาเสียจนแทบไม่ได้ยิน
"ว่ายังไงนะ!!!"
"คุณแม่ / ค... ค คุณหญิง" TBC.
************************************************
มาแล้วค่ะ ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีฟางไม่สบายค่ะเป็นไข้ตั้ง 2 อาทิตย์ นอนซมเลยค่ะ เลยทำให้ไม่ได้แต่ง ไม่ได้มาอัพเลย ขอโทษด้วยนะคะ ไม่ได้จะดอง ไม่ได้ใจร้าย ไม่ได้จะทรมานคนอ่าน แต่ตัวฟางเองลุกมาแต่งไม่ไหวค่ะ นี่ก็เพิ่งจะดีแต่ก็ยังไม่หายแบบ 100% สักเท่าไหร่ แต่เห็นรอกันนานแล้วก็เลยเร่งแต่งมาให้ได้อ่านกันค่ะ
เอาแล้วค่ะ... ความลับแตก ไม่ได้แตกแค่กับพี่ควอตซ์ แต่คุณหญิงมรกตก็รู้แล้วด้วยว่าลูกชายตัวเองเป็นคนทำน้องเหนือท้อง คราวนี้จะเป็นยังไงละเนี่ย เรื่องการกระทำของพี่ควอตซ์คือพี่แกก็ยังสับสน ไม่รู้ว่าจะทำยังไงค่ะ ไปโรงพยาบาลแบบไม่รู้ตัว คือก็ไม่พร้อมจะคุยนั่นแหละไม่อย่างนั้นคงไม่ไปตอนดึกๆ หรอก แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ พี่แกเลยตัดสินใจมาคุยค่ะ มาคุยแบบที่ในใจก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรสักอย่าง แล้วก็...แจ็กพ็อตแตก! คุณหญิงแม่มาได้ยินเสียอย่างนั้น จะดราม่าไหมละเนี่ย... อันนี้ก็ต้องรอกันต่อไปค่ะ แฮ่!
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)