บท10“หลานชายโดนไล่ออกจากบ้านเหรอนี่” หมอวิรัชร้องแซวหลานชายเมื่อเห็นคนเป็นหลานเดินหิ้วกระเป๋าเดินทางใบย่อมมาที่รถ
“พี่สาวของน้าหมอนั่นแหละไล่ผมออกจากบ้าน”ควอตซ์ตอบคำแบบที่ทำให้คนฟังหัวเราะชอบใจ
“พี่สาวน้าก็แม่เรานั่นแหละ” หมอวิรัชว่า “เอาเถอะๆ เราไปหาน้ำเหนือกันดีกว่าเดี๋ยวจะค่ำก่อน น้าว่าคงต้องใช้เวลากันหน่อยกว่าควอตซ์จะได้เข้าห้องน้ำเหนือนะ”
“อาจจะต้องใช้เวลาทั้งคืน” ควอตซ์ว่าอย่างเหนื่อยใจ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปขึ้นรถของตัวเอ
พวกเขาเอารถไปกันคนละคันเพื่อที่ควอตซ์จะได้มีรถเอาไว้ใช้ รถหรูทั้งสองคันขับตรงไปยังหอพักของน้ำเหนือทันที ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่รถทั้งสองคันก็จอดที่หน้าหอพักกลางเก่ากลางใหม่ของน้ำเหนือ
ควอตซ์เดินถือกระเป๋าตามคนเป็นน้าขึ้นไปบนห้องพักของน้ำเหนือ พอมาถึงหน้าท้องก็ต้องลอบถอนหายใจออกมา เขายังคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าหากเขาอยู่กับน้ำเหนือจริงๆ จะเป็นอย่างไร ถ้าไม่เถียงกันจนตายไปข้างก็คงเงียบกันแบบทำเป็นมองไม่เห็น แต่เขารู้สึกว่าคงจะเถียงกันไม่หยุดมากกว่า ในเมื่อเขาก็ไม่ใช่คนอารมณ์ดี นิดๆ หน่อยๆ ก็หงุดหงิดง่าย ส่วนอีกคน... ดื้อเสียยิ่งกว่าเด็กสิบคนรวมกันอีกละมั้ง แล้วแบบนี้จะอยู่กันรอดไหม ไม่ต้องมองไปถึงหนึ่งอาทิตย์ เอาแค่คืนนี้ก่อนเถอะ
หมอวิรัชเคาะประตูห้องพักนั้นรออยู่ไม่นานประตูห้องพักที่ทั้งควอตซ์และหมอวิรัชเคยมาก็เปิดออก เจ้าของห้องทำตาโตด้วยความแปลกใจเมื่อหมอวิรัชยืนยิ้มอยู่หน้าประตู ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ด้วยแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาเพราะมีหมอวิรัชอยู่
“เออ… เชิญข้างในก่อนครับคุณหมอ ขอโทษด้วยนะครับห้องผมไม่มีชุดโซฟา นั่งบนเตียงผมก็ได้นะครับ” น้ำเหนือเปิดประตูให้กว้างขึ้นเพื่อให้หมอวิรัชเดินเข้ามาในห้อง ส่วนอีกคน… แม้จะไม่อยากให้เข้ามาแต่ก็คงต้องยอม
“ไม่เป็นไร นั่งพื้นกันนี่แหละ ไม่มีปัญหาหรอก” หมอวิรัชพูดยิ้มๆ ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่พื้นหน้าเตียงของน้ำเหนือที่วางโต๊ะญี่ปุ่นเอาไว้ ควอตซ์เองก็เดินมานั่งข้างๆ กัน
น้ำเหนือเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาให้กับแขกทั้งสองคนที่คนหนึ่งยินดีต้อนรับส่วนอีกคนไม่ยินดีต้อนรับ น้ำเหนือทิ้งตัวลงนั่งทางด้านขวาของหมอวิรัชซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับควอตซ์
“หมอวิรัชมาหาผมถึงนี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” น้ำเหนือหันไปถามโดยพยายามที่จะทำเป็นไม่สนใจใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย
“มีๆ มีเรื่องสำคัญเลย” หมอวิรัชพยักหน้ารับก่อนจะพูดต่อ
“จากวันนี้ไปตาควอตซ์จะมาอยู่กับน้ำเหนือที่นี่นะ”คนฟังถึงกับตาโตแล้วร้องถามอีกรอบเหมือนกับไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นถูกต้องหรือเปล่า “อะไรนะครับ!! หมอวิรัชพูดอะไรนะครับ?!!”
“หมอบอกว่าตั้งแต่วันนี้ไปควอตซ์จะมาอยู่กับเรา” หมอวิรัชพูดอีกรอบพร้อมกับยิ้มเหมือนพูดคุยเรื่องปกติทั่วๆ ไป
“ไม่ครับ! ทำไมเขาต้องมาอยู่กับผม ผมอยู่คนเดียวได้อีกอย่างคุณหญิงมรกตบอกว่าจะให้แม่บ้านมาคอยอยู่ดูแลผมไม่ใช่หรือครับ”
“แม่บ้านที่บ้านนั้นก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น ถ้าหากเราเกิดล้มหรือเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะช่วยเราได้ยังไงละน้ำเหนือ” หมอวิรัชพูดส่วนคนที่ต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพียงแค่นั่งมองเฉยๆ ไม่ได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา
“อย่างนั้นผมอยู่คนเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้คุณอชิตพลมาอยู่กับผมหรอก ผมดูแลตัวเองได้ครับ” น้ำเหนือยืนกรานหนักแน่นพร้อมหันไปจ้องหน้าคนที่จะต้องมาอยู่ด้วย
ควอตซ์ไหวไหล่อย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก “อย่างนั้นปล่อยเขาอยู่คนเดียวไปเถอะน้าหมอ”
“อย่างนั้นคุณก็กลับไปเลยคุณอชิตพล จะมาอยู่ที่ห้องของผมทำไม!”
“คิดว่าฉันอยากจะมานัก!...” ควอตซ์ตั้งท่าจะสวนกลับทันทีที่ได้ยินคำพูดของน้ำเหนือแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนเป็นน้ายื่นมือมาจับแขนของเขาเอาไว้
“ควอตซ์” หมอวิรัชเรียกหลานตัวเองเสียงเข้ม ควอตซ์ได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีทั้งสองคนมองตาม
“ผมออกไปรอข้างนอกแล้วกัน น้าหมอก็คุยกับเขาไปตกลงได้เรื่องยังไงก็ค่อยบอกผมแล้วกันครับ” ร่างสูงพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพราะขืนอยู่ด้วยต่อคงได้เถียงกับน้ำเหนืออีกหลายรอบแน่นอน
ประตูห้องพักของน้ำเหนือถูกเปิดและปิดลงเมื่อควอตซ์เดินออกจากห้องไปจนตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่เจ้าของห้องอย่างน้ำเหนือและแขกอย่างหมอวิรัชแค่สองคนเท่านั้น
“นี่… เรื่องอะไรกันครับหมอวิรัช” น้ำเหนือกันมาถามด้วยความไม่เข้าใจ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนักกับสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ “ทำไมคุณอชิตพลต้องมาอยู่กับผมด้วย ผมอยู่คนเดียวได้ครับ”
“น้ำเหนือฟังหมอนะ” หมอวิรัชพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนคนที่ดื้อดึงเมื่อครู่เริ่มนิ่งลงและยอมรับฟังแต่โดยดี “จำที่หมอเคยบอกได้ใช่ไหมกรณีการตั้งท้องของเราคือเคสที่พิเศษมากๆ ขนาดผู้หญิงที่ร่างกายถูกสร้างมาเพื่อพร้อมสำหรับการตั้งท้องยังมีความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน แล้วน้ำเหนือที่เป็นผู้ชายก็ย่อมมีความเสี่ยงมากกว่าอยู่แล้ว”
น้ำเหนือได้แต่นิ่งและรับฟัง เข้าใจในสิ่งที่หมอวิรัชพูดแต่อาการดื้อดึงตามประสาก็ยังคงมีอยู่ “ที่จริงหมอเองก็อยากให้เราไปอยู่บ้านนู้นเสียด้วยซ้ำเพราะบ้านของพี่หญิงมีคนคอยดูเยอะอีกอย่างก็ใกล้มือหมอด้วยถ้าหากมีอะไรก็จะได้ดูแลกันสะดวก แต่ในเมื่อเราอยากกลับมาอยู่หอหมอเองก็ไม่อยากห้ามเพราะก็เข้าใจแต่น้ำเหนือก็ต้องเข้าใจหมอ เข้าใจพี่หญิงด้วยนะ พี่หญิง...ที่เขาให้ควอตซ์มาอยู่ก็เพราะเป็นห่วง”
“แต่ผม...ดูแลตัวเองได้จริงๆ นะครับ ผมจะดูแลระวังตัวอย่างดีเลยครับ” น้ำเหนือพยายามอ้อนแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลกับหมอวิรัช
หมอวิรัชส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะมองหน้าน้ำเหนืออย่างจริงจังจนคนดื้อนั่งเงียบไป “บอกเหตุผลหมอมาสิว่าทำไมถึงไม่อยากให้ควอตซ์อยู่ด้วย บอกหมอมาตรงๆ เลย”
น้ำเหนือเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยออกมา “ผม… ผมกับคุณอชิตพลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันนี่ครับ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้”
“น้ำเหนือคิดถึงลูกหรือยัง” คำถามที่ทำเอาน้ำเหนือชะงักไป “น้ำเหนือต้องคิดถึงลูกในท้องให้มากๆ ไม่ผิดที่เราจะรู้สึกแบบนั้นกับควอตซ์แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือเขา...ที่อยู่ในท้องของเรานะ ช่วงเวลาสามสี่เดือนแรกอันตรายมากโอกาสที่เด็กจะเป็นอะไรไปก็มีสูง หมอเลยอยากให้เรานึกถึงเขาให้มากๆ มันคุ้มกันหรือเปล่าหากเรายังดื้อดึงในหลายๆ เรื่องแล้วสุดท้ายมันจะส่งผลต่อลูก”
คราวนี้คนที่ยังมีอาการดื้อดึงก็ชะงักและเงียบไปอย่างกำลังคิดตามในสิ่งที่หมอวิรัชพูด
นั่นสิ...น้ำเหนือลืมคิดถึงข้อนี้ไป“เข้าใจที่หมอพูดใช่ไหม”
น้ำเหนือได้แต่พยักหน้ารับกับคำถามของหมอวิรัช ริมฝีปากสีสวยเม้มเข้าหากันแน่นอย่างคนใช้ความคิด
“ถ้าควอตซ์รังแกอะไรเราอีกก็โทรหาหมอหรือโทรหาพี่หญิงได้เลย ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แต่หมอขอแค่อย่างเดียวนึกถึงลูกเอาไว้ให้มากๆ ก่อนที่คิดจะทำอะไร”
“คุณหมอคิดว่า...ดีแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเหนือถามให้หมอวิรัชพยักหน้ารับยืนยัน เมื่อเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “ถ้าคุณหมอคิดว่าดีแล้ว ผมจะทำตามก็ได้ครับ”
หมอวิรัชยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของน้ำเหนือก่อนจะพูดย้ำถึงวิธีการดูแลตัวเองต่อให้ว่าที่คุณแม่มือใหม่รับทราบ
“อ๋อ! แล้วก็… ถ้าควอตซ์ขัดใจอะไรเรา ก็เอาเรื่องลูกยกขึ้นมาขู่นะ รับรองไม่กล้าขัดใจหรอก” ก่อนที่จะเปิดประตูห้องพักออกไป หมอวิรัชก็หันกลับมาอย่างนึกขึ้นได้ก่อนจะพูดพร้อมรอยยิ้มที่น้ำเหนือดูแล้วเจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่นผิดหมาดคุณหมอผู้สุขุมอย่างเคย
“ครับ?!”
“เชื่อหมอ ถ้าหลานชายของหมอคิดจะขัดใจอะไรเราละก็เอาเจ้าตัวเล็กในท้องมาขู่ไว้ รับรองเลยว่าร้อยทั้งร้อยเจ้าควอตซ์ก็ไม่กล้าหรอก ส่วนคืนนี้ก็คุยกันดีๆ นะ”
“ขอบคุณครับคุณหมอ” น้ำเหนือได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณ
หมอวิรัชพยักหน้ารับ “เดี๋ยวหมอคุยกับควอตซ์ก่อนแล้วก็จะกลับเลย อย่าลืมทานยาบำรุงด้วยนะ”
“ครับ อย่างนั้นผมลาตรงนี้เลยนะครับ” น้ำเหนือยกมือไหว้ลาหมอวิรัชซึ่งอีกฝ่ายก็รับไหว้ก่อนจะเดินออกจากห้อง ปล่อยให้คนที่เป็นเจ้าของห้องนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
หมอวิรัชเดินกลับลงมาด้านล่างก็เห็นหลานชายของตนยืนขาไขว้กันเอาสะโพกพิงกับตัวรถพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
“ผมกลับได้เลยใช้ไหมน้าหมอ” คนที่ยืนเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเป็นน้าชายของตน
“กลับสิแต่เป็นกลับขึ้นไปบนห้องน่ะนะ น้าคุยกับน้ำเหนือแล้วเราก็อยู่ดูแลเขาที่นี่นั่นแหละ” หมอวิรัชว่าพร้อมกับยกมือขึ้นตีไหล่หลานชายเบาๆ ก่อนจะบีบไหล่ไว้แล้วพูดต่อ “ค่อยๆ คุยกัน น้ำเหนือเขาก็อ่อนลงแล้วเราเองก็ต้องอ่อนลงด้วยเช่นกัน”
“อ่อนลงจากเอากรงเล็บข่วนผมเป็นแยกเขี้ยวขู่น่ะหรือครับ” คำถามที่ทำให้หมอวิรัชหัวเราะออกมาอย่างชอบใจกับคำเปรียบเทียบนั้น
นั่นสินะ จากตอนแรกที่เจอหน้าก็กางกรงเล็บข่วน ตอนนี้ก็คงเป็นแยกเขี้ยวขู่
“เราน่ะหงุดหงิดง่าย ขี้โมโหอีกต่างหากน้ารู้ว่ามันยากที่จะเปลี่ยนแต่เราน่ะยังไงก็รักลูกใช่ไหมละ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่ยังไงก็รักเขา เพราะฉะนั้นท่องเอาไว้ในใจตลอดเวลาว่าให้นึกถึงลูก ทุกอย่าง ทุกการกระทำ ทุกคำพูดมันส่งผลถึงลูกหมด ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจอย่างน้อยก็ต้องเห็นแก่ลูกนะควอตซ์” หลังจากที่สอนคนแม่ผู้ดื้อดึงไปแล้วคราวนี้หมอวิรัชก็มาสอนหลานชายของตัวเอง
“ผมจะพยายามแล้วกัน แต่น้าหมอก็เห็นว่าคนนั้นน่ะดื้อไม่ใช่แล้ว ดื้อมากๆ ผมก็อยากจะจับตีสักทีเหมือนกัน”
“ถ้าน้ำเหนือดื้อ...ก็เอาเรื่องลูกขึ้นมาขู่ ต่อให้ดื้อแค่ไหนเขาก็ต้องนึกถึงลูกก่อนเสมอ มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน ทั้งเราทั้งน้ำเหนือไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแม้ว่าเรื่องราวมันเกิดแบบไม่ค่อยดีนักแต่มันก็ยังไม่เลวร้ายถึงขนาดมองหน้ากันไม่ติดหรือคุยกันไม่ได้นะ”
“ผมจะพยายามแล้วกันครับ” ควอตซ์รับคำคนเป็นน้าก่อนจะยืนคุยกับหมอวิรัชต่ออีกเล็กน้อยหมอวิรัชก็กลับไปเพราะต้องไปเข้าเวรที่โรงพยาบาล
ส่วนอีกคน...ที่ยังยืนนิ่งอยู่หน้าหอพักก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองหอพักที่เขาต้องมาอยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา จะนอนตรงไหน หรือจะทานอะไรควอตซ์ไม่มีปัญหา ถึงแม้จะเป็นลูกคนมีฐานะแต่ช่วงสมัยเรียนเขาก็มักจะไปแคมป์กับเพื่อนในกลุ่มบ่อยๆ นอนกลางดินกินกลางทรายก็ทำมาหมด แต่ที่น่าหนักใจก็คงเป็น...คนที่เขาต้องอยู่ด้วยนี่แหละ
หลังจากที่ยืนทำใจอยู่เกือบห้านาทีชายหนุ่มก็หมุนตัวไปที่รถเพื่อหยิบกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าของตัวเองออกมาพร้อมกับถุงใบใหญ่อีกใบก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องน้ำเหนืออีกรอบ
อชิตพลเคาะประตูห้องและยืนรออยู่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกคนที่ออกมาตอนรับหน้าตายิ้มแย้มเสียเหลือเกิน (ประชด)
“นึกว่าคุณจะกลับไปแล้วเสียอีก” น้ำเหนือทักด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่บ่งบอกว่า’ไม่ต้อนรับ’
“ฉันมีความรับผิดชอบมากพอหรอกน่า แล้วนี่กินข้าวกินยาหรือยังเย็นมากแล้วนะ” ควอตซ์ถามพร้อมกับเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องมองสำรวจไปเสียรอบห้อง
ทุกอย่างไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อสองเดือนก่อนที่เขาเคยมาที่นี่ และเกิดเรื่องราวที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
“ว่าไง ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” แต่เมื่ออีกฝ่ายยังเอาแต่ส่งสายตาไม่ต้อนรับมาให้และไม่ยอมตอบคำถามคนถามจึงได้ส่งเสียงอีกรอบ
“ยังครับ”
พอได้ยินแบบนั้นควอตซ์ก็ส่งถุงกระดาษใบใหญ่ให้กับน้ำเหนือ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับแล้วมองกลับมาเหมือนไม่แน่ใจ “เอาไปสิ ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นโจ๊ก ข้าวต้มหรือมีอะไรนักเพราะไม่ทันได้ดู ป้ายุพิน...ป้าแม่ครัวที่บ้านน่ะทำมา เอาไปอุ่นกินสิจะได้กินยา”
“คุณ...เอามาให้ผมเหรอ” น้ำเหนือถามอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ช่วงหนึ่งในความรู้สึกเริ่มที่จะมองผู้ชายขี้เก๊กคนนี้ใหม่
“อย่าถามอะไรไม่เข้าท่าน่าน้ำเหนือ ฉันส่งให้เธออยู่นี่คงจะเอามาให้คนห้องข้างๆ เธอมั้ง”
ผมขอกลับคำ! ผู้ชายคนนี้ไม่ดีเลยสักนิด ปากร้าย!!ควอตซ์ได้แต่ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างพยายามกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของน้ำเหนือ ไหนจะดวงตากลมๆ ที่ตวัดค้อนแบบที่คนทำคงไม่รู้ตัวนั่นอีก ชายหนุ่มทำเพียงแค่ไหวไหล่เท่านั้นก่อนจะเดินเอากระเป๋าเสื้อผ้าของตนเองไปวางเอาไว้ที่ข้างตู้เสื้อผ้าในห้อง เพราะห้องพักนี้เป็นห้องพักที่สามารถอยู่ได้สองคนต่อหนึ่งห้องทำให้ตู้เสื้อผ้านั้นมีด้วยกันสองตู้ควอตซ์จึงจัดการเปิดตู้เสื้อผ้าดูแล้วเก็บเสื้อผ้าของตนใส่ตู้ที่ว่าง
ส่วนน้ำเหนือตอนนี้ก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคนที่จะมาร่วมห้องด้วยนักเพราะกำลังสนใจกับอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายอยู่นี่ต่างหาก
น้ำเหนือยกกล่องที่ใส่อาหารออกมาจากถุงกระดาษใบใหญ่ก่อนจะเปิดไล่ดูทีละกล่องมีทั้งข้าวต้มกุ้ง แล้วก็ยังมีข้าวสวยกับกับข้าวอีกสามอย่าง
หือ... ข้าวต้มคงจะเป็นของเรา แล้วกับข้าวพวกนี้ละ หรือว่าจะเป็นของ...“นี่คุณ...แล้วคุณกินอะไรมาหรือยัง” น้ำเหนือหันไปถามคนที่เก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อยู่ เวลานี้ไม่สนอะไรแล้วจริงๆ เพราะพอเห็นอาหารหน้าตาน่าทานท้องก็เริ่มประท้วง
ควอตซ์หันกลับมามองคนที่เอ่ยถามก่อนจะนิ่งไปเล็กน้อย “น่าจะยังละมั้ง หลังจากส่งเธอเสร็จก็กลับไปที่บ้านแล้วก็คุยกับคุณแม่อยู่นานก่อนจะโดนไล่ออกจากบ้านมานี่ น่าจะยังไม่ได้กินอะไร”
น้ำเหนือได้แต่มองคนตัวสูงที่เอามือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างไม่อยากจะเชื่อ มีใครตอบคำถามที่ว่า
‘กินข้าวหรือยัง’ ด้วยคำตอบที่ว่า
‘น่าจะยังมั้ง’ บ้างเนี่ย ท้องตัวเองไม่รู้ได้ยังไงกัน
“อย่างนั้นพวกนี้คงเป็นของคุณละสิ” น้ำเหนือชี้ไปที่อาหารที่วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่น “ถ้ายังไม่ได้กินข้าวก็มากินก่อนเถอะ ผมไม่อยากดูแลคุณหรอกนะถ้าหากคุณเป็นอะไรไป เป็นภาระผมหมด”
และนี่เป็นมื้อแรกของควอตซ์กับน้ำเหนือและมันก็ไม่ได้มีอะไรแย่เพราะพวกเขาต่างนั่งจัดการกับอาหารของตัวเองไปเงียบๆ ไม่มีพูดคุยกันสักคำเหมือนกับว่าต่างฝ่ายต่างอยู่คนเดียวในห้องนี้เสียอย่างนั้น
แต่นั่นก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะเรื่องราวมากมายจริงๆ มันกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก
“นี่คุณอชิตพล ทำไมคุณไม่บอกคุณแม่คุณละว่าคุณไม่อยากมาอยู่ที่นี่” น้ำเหนือร้องถามคนที่นั่งอ่านอะไรสักอย่างในแท็บเล็ตตั้งแต่จัดการมื้อเย็นแล้วก็นั่งอ่านเงียบๆ อยู่แบบนั้นบางทีก็ทำหน้าเครียด บางทีก็พยักหน้าเหมือนกับกำลังพอใจอะไรอยู่
ควอตซ์เงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ดและหันมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง “ไปนอนได้แล้วไป ดึกแล้ว”
คนฟังขมวดคิ้วทันทีนอกจากจะไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจแล้วยังถูกไล่ให้ไปนอนอีกทั้งที่ตอนนี่เพิ่งจะสามทุ่มเองเท่านั้น “นี่คุณอชิตพล ตอบคำถามผมมาก่อนสิว่าคุณยอมทำตามที่คุณแม่คุณพูดทำไม คุณจะมาวุ่นวายกับผมทำไม”
“ฉันนึกว่าเธอจะสงบศึกแล้วเสียอีกนะ”
“ตอนนั้นผมหิวเลยไม่รู้จะพูดอะไร แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ คุณตอบผมมาสิ”
“ตอนนี้เธอกำลังจะหาเรื่องฉันใช่ไหมน้ำเหนือ” ควอตซ์เลิกคิ้วขึ้นมองก่อนจะถามมาด้วยน้ำเสียงที่น้ำเหนือฟังแล้วรู้สึกว่ามัน... กวนประสาทอย่างไรชอบกล
“คุณอชิตพล!”
“ไปนอนได้แล้ว มันดึกแล้วไม่เห็นหรือไงลูกง่วงนอนแย่แล้วไปนอนไป” คนที่ไม่สนใจยกมือโบกเหมือนเป็นเชิงไล่ให้อีกคนไปนอน
“นี่!”
“ต้องมีคนส่งเข้านอนด้วยหรือไงถึงจะนอนหลับ โอเค ไปก็ไป” ควอตซ์ว่าก่อนที่เจ้าตัวจะวางแท็บเล็ดลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงแขนน้ำเหนือให้ไปที่เตียง “นอนได้แล้ว”
“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” น้ำเหนือว่าอย่างดื้อดึง
“เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว อย่างน้อยเธอก็คุยกับน้าหมอรู้เรื่องแล้วเพราะฉะนั้นก็นอนได้แล้ว มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้” ควอตซ์ว่าพร้อมกับดันคนดื้อให้นอนลงบนเตียง แต่เมื่อเห็นอาการที่เหมือนจะต่อต้านร่างสูงก็ตามไปคร่อมทับเอาไว้ทันทีก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นอีกนิด “หรือเธออยากจะทบทวนความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา”
“อ... อย่ามาพูดบ้าๆ นะคุณอชิตพล!!!”
“แต่ถ้าเธอยังไม่ยอมนอนดีๆ ละก็... นอกจากฉันจะพูดบ้าๆ แล้วฉันจะทำอะไรบ้าๆ ด้วยน้ำเหนือ” ใบหน้าที่โน้มลงไปใกล้ให้คนเก่งได้แต่หลับตาแน่นอย่างนึกกลัวว่าควอตซ์จะทำอะไรอย่างที่พูดจริงๆ
ร่างสูงยังคงคร่อมทับอยู่ในท่านั้นไม่ขยับไปไหนและน้ำเหนือก็ได้แต่นอนตัวแข็งหลับตาแน่นหันหน้าหนีอย่างไม่กล้าลืมตามอง จนสุดท้ายคนนอนตัวแข็งก็เป็นฝ่ายหลับไปก่อนสภาพที่นอนตัวเกร็งก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นจนควอตซ์แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วจริงๆ ที่หลับไปง่ายแบบนี้ก็อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยา เมื่อเห็นว่าน้ำเหนือหลับไปแล้วเขาก็ขยับตัวลุกจากเตียงหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมากดอยู่ไม่นานเสียงดนตรีบรรเลงก็ดังออกมา เขาวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงส่วนตัวเขาเองก็กลับมานั่งพิงปลายเตียงแล้วหยิบแท็บเล็ตมาถือไว้ต่อ
คืนแรก...ไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิด************************************************
มาแล้วค่ะ มาแล้ววววว ช่วงนี้อาจจะมาช้าหน่อยนะคะ พอดีฟางมีสัมภาษณ์งานหลายที่เลยค่ะ เลยทำให้แต่งไม่ค่อยจะทัน ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ท้ายๆ ช่วงที่พี่จะกินข้าวกันจนถึงพี่ควอตซ์จะให้น้ำเหือไปนอน ฟางรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย พอดีตอนแรกเหมือนจะคิดไว้อีกแบบแต่คือคิดตอนจะหลับพอตื่นมาแต่งเลยลืมว่ามันเป็นยังไง เอาไว้ถ้าคิดออกจะปรับแก้ไขทีหลังนะคะ ตอนนี้พวกเขาก็มาอยู่ด้วยกันแล้วค่ะ นี่แค่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นค่ะ เรื่องราวมากมายมันจะเกิดขึ้นหลังจากนี้แหละ รอติดตามกันด้วยนะคะ
อ้าว... ตอนแรกฟางยังไม่ได้แก้จาก “อาหมอ” เป็น “น้าหมอ” เหรอเนี่ย... ขอโทษที่ค่ะที่อาจจะทำให้สับสน ฟางว่าฟางแก้ไปแล้วนะ หรือว่าแก้แค่ในคอมอย่างเดียวหว่า... ฮ่า... ขอโทษด้วยนะคะ แล้วจะกลับไปแก้ไขให้ค่ะ
ขอบคุณ คุณ Mouse2U มากนะคะที่ช่วยติติงเรื่องคำผิด ฟางอ่านทวนแล้วนะคะแต่คือแบบแต่งเอง พิมพ์เองก็มักจะพลาดเสมอ ขอบคุณมากค่ะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)