✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
เจ้าของห้องขยับตัวตื่นในตอนเช้าเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดัง เขายกมือขึ้นไปจัดการกดปิดมันก่อนจะกลับมาทิ้งตัวลงนอนต่อ ควอตซ์นอนลืมตาเพื่อต้องการปรับภาพตรงหน้าที่มันยังพร่ามัวให้ชัดขึ้นก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองข้างๆ ก็ยังเรือนผมสีดำที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกกันพอดี” เขาบ่นเมื่อเห็นว่าน้ำเหนือนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ยื่นมือไปดึงผ้าผืนนุ่มลงจนเห็นดวงหน้าขาวที่ยังคงหลับพริ้มอยู่ในโลกแห่งความฝัน
ควอตซ์ไม่ได้ปลุกคนหลับเขาขยับตัวลงจากเตียงเพื่อไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วพอออกมาอีกทีก็เห็นอีกคนตื่นขึ้นมาแล้ว ควอตซ์หันมองเวลาเมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้วก็นึกแปลกใจเพราะเมื่อตอนตีห้าน้ำเหนือไม่ได้ลุกขึ้นมาอาเจียนเหมือนทุกวัน
แต่เขาก็แปลกใจอยู่ได้ไม่นานเมื่อคนที่นั่งทำหน้าตาง่วงนอนอยู่บนเตียงยกมือขึ้นปิดปากแล้วพรวดพราวลงจากเตียงหลังใหญ่จนขาแทบจะพันกันแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะอาเจียนออกมาชุดใหญ่ อชิตพลก้าวตามเข้าไปในทันที ลูบหลังแล้วก็ประคองคนที่ยังคงโกงคออาเจียน
“โอเคไหม ดีขึ้นหรือยัง” ควอตซ์ก้มลงถามคนที่ยืนหลับตาพิงอกเขาอยู่
น้ำเหนือส่ายหน้าไปมาก่อนจะรีบก้มหน้าลงกับอ่างล้างหน้าเพื่ออาเจียนออกมาอีกรอบ เสียงอาเจียนของน้ำเหนือดังก้องไปทั่วห้องน้ำกว้างให้คุณหญิงมรกตและป้ายุพินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องนอนของควอตซ์ตกใจรีบเดินมาดูด้วยความเป็นห่วง
“น้องแพ้ท้องเหรอลูก” คุณหญิงมรกตร้องถาม
“ครับคุณแม่” คนเป็นลูกหันมาตอบก่อนจะหันกลับไปควักน้ำล้างหน้าล้างตาให้คนหมดแรง
“เดี๋ยวป้าจะไปชงน้ำขิงร้อนๆ มาให้นะคะ” ป้ายุพินพูดก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปทันที
“โอเคหรือยัง” ควอตซ์ถามน้ำเหนืออีกรอบคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนอยู่ในห้องน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ แล้วเมื่อน้ำเหนือพยักหน้ารับเขาก็ก้มลงช้อนร่างคนหมดแรงขึ้นแล้วตรงกลับไปที่เตียงนอนหลังใหญ่โดยมีคุณหญิงรีบรุดมาช่วยจัดหมอนรองให้
“ไหวไหมลูกแพ้ท้องหนักเลย” คุณหญิงมรกตทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้ำเหนือก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของน้ำเหนือมาบีบนวดให้ “เดี๋ยวป้ายุพินเอาน้ำขิงมาให้ ดื่มแล้วจะได้ดีขึ้นนะ”
“ขอบคุณครับ” น้ำเหนือตอบรับคำ เจ้าตัวเหลือบสายตาไปมองคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองมือของตัวเองที่ถูกคุณหญิงจับเอาไว้
ควอตซ์ขยับตัวไปอีกด้านของเตียงแล้วขยับขึ้นมานั่งข้างๆ น้ำเหนือเอาผ้าที่หยิบติดมือมาด้วยขึ้นเช็ดหน้าให้อีกรอบ มันเหมือนเป็นความเคยชิน...
ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะไม่นานแต่ทุกๆ เช้าหลังจากที่น้ำเหนืออาเจียนจากอาการแพ้ท้องก็จะมีควอตซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ และเช็ดหน้าให้ พอวันนี้อีกฝ่ายไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้น้ำเหนือจะอดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง ซึ่งควอตซ์เองก็เหมือนจะรู้เขาจึงได้ทำเหมือนอย่างที่ทุกวันเคยทำ
มันไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องทำ... แต่มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว“น้ำขิงมาแล้วค่ะ” ป้ายุพินเดินกลับเข้ามาในห้องอีกรอบก่อนจะส่งแก้วน้ำขิงให้กับควอตซ์ที่ยื่นมือออกมาแล้ว
ควอตซ์ยกแก้วน้ำขิงขึ้นเป่าเพื่อให้มันคลายความร้อนลงก่อนจะเลื่อนแก้วนั้นจ่อริมฝีปากของน้ำเหนือเพื่อป้อนน้ำขิงให้
“น้าเขานัดกี่โมงลูกควอตซ์” คุณหญิงมรกตถามลูกชาย วันนี้น้ำเหนือจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลตามที่นัด
“สิบโมงครึ่งครับ”
“น้ำเหนือลงไปทานข้าวไหวไหมหรือจะให้เด็กยกขึ้นมาให้บนนี้ดี” เมื่อได้คำตอบจากลูกชายแล้วก็หันไปถามลูกสะใภ้แทน
น้ำเหนือพยักหน้ารับก่อนจะตอบ “ไหวครับ เดี๋ยวผมลงไปข้างล่างดีกว่า”
“โอเค อย่างนั้นเดี๋ยวควอตซ์พาน้องลงไปนะลูก แม่ไปดูคุณพ่อเขาก่อน” คุณหญิงว่าก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปพร้อมๆ กับป้ายุพินในห้องจึงเหลือเพียงแค่น้ำเหนือกับควอตซ์สองคนเหมือนเดิม
“อย่างนั้นไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวจะได้ลงไปข้างล่าง” ควอตซ์บอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ได้ยินแบบนั้นน้ำเหนือจึงขยับลงจากเตียงเพื่อที่จะได้ไปเตรียมตัวอาบน้ำโดยมีควอตซ์ช่วยประคองเมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีทีท่าว่าจะล้มจึงได้ผละออกเพื่อให้อีกฝ่ายเดินไปหยิบเสื้อผ้าได้อย่างสะดวก หลังจากที่น้ำเหนืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็ลงไปด้านล่างเพื่อทานมื้อเช้าร่วมกับคนอื่นๆ ในบ้าน ก่อนที่คุณโทมัสจะออกไปทำงานรวมไปถึงลาพิสที่ออกไปเรียน
“เดี๋ยวให้คนขับรถไปให้แล้วกัน เอาคันใหญ่ไปจะได้นั่งสบายๆ สาลี่เดี๋ยวไปบอกสินเตรียมรถนะพวกฉันจะออกไปโรงพยาบาลกันแล้ว” เมื่อใกล้เวลาที่จะต้องออกไปโรงพยาบาลคุณหญิงก็หันไปพูดกับทั้งสองคนแล้วจึงหันไปสั่งสาวใช้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาใบนัดก่อนนะครับ คุณแม่กับน้ำเหนือไปรอที่รถเลยครับ” ควอตซ์ตอบก่อนที่เขาจะลุกจากโซฟาเดินขึ้นไปบนห้องนอนอีกรอบเพื่อหยิบใบนัดออกมา แต่ถึงจะเอาใบนัดมาก็คงไม่ได้ใช้เพราะเขาไม่ได้เอาไปยื่นเรื่องที่หน้าเคาน์เตอร์เหมือนปกติ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ผู้ชายท้องได้คงแพร่กระจายไปทั่วแน่นอน
นี่อาศัยเส้นสายใหญ่โตของหมอวิรัชในการพาน้ำเหนือไปตรวจที่โรงพยาบาลและออกใบนัด ใบสั่งยาแบบไม่ต้องไปดำเนินเรื่องหน้าเคาน์เตอร์ คนที่รู้เรื่องก็มีแค่พยาบาลของหมอวิรัชไม่กี่คนเท่านั้น
ควอตซ์เดินไปขึ้นรถตู้สีดำคันสวยที่จอดรออยู่แล้ว ก่อนที่รถจะแล่นออกจากรั้วบ้านบริสตันเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลเอกชนที่หมอวิรัชทำงานอยู่
“น้าหมอบอกว่ารออยู่ตรงร้านกาแฟครับ เดี๋ยวเราค่อยเดินไปพร้อมกับน้าหมอ” ควอตซ์ที่เพิ่งวางสายจากน้าชายหันไปมองคุณหญิงมรกตที่นั่งคุยอย่างสนุกสนานอยู่กับลูกสะใภ้
“โอเคจ้ะ นี่ถ้าเกิดบ้านวิรัชมียามีอุปกรณ์ตรวจพร้อมเราก็ไม่ต้องมาโรงพยาบาลหรอกนะ คงต้องหลบๆ เสียหน่อยเวลาไปโรงพยาบาลแต่ก็ดีกว่าให้ใครมาขุดคุ้ยเรื่องราวจนใหญ่โตละนะ ถึงแม่จะไม่เคลียร์ก็เถอะแต่แม่ไม่อยากให้เราคิดมากนะน้ำเหนือ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติที่คนทั่วไปจะยอมรับได้หรอกครับ” น้ำเหนือยิ้มกลับมา เขาเลิกคิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว และคิดเสียว่ามันคือสิ่งที่ฟ้าส่งมาให้...
“ไม่คิดมากก็ดีแล้วนะน้ำเหนือ จำเอาไว้นะไม่ว่าใครจะมองยังไงบ้านบริสตันก็ไม่เคยนึกไม่ชอบใจ กลับดีใจเสียอีกที่ได้น้ำเหนือเข้ามาเป็นลูกอีกคน” คุณหญิงมรกตยิ้มให้ก่อนจะหันไปหาลูกชายของตนที่นั่งเงียบๆ “จริงไหมควอตซ์”
น้ำเหนือเบนสายตาไปมองคนที่ถูกถามซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังมองมาที่เขาพอดี นัยน์ตาสีสวยนั้นนิ่งสงบจนเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“ครับคุณแม่” ควอตซ์ละสายตาไปจากน้ำเหนือไปที่แม่ของตนก่อนจะรับคำออกมา
ถ้าหากตัดเรื่องเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นในอดีตออกไปทั้งควอตซ์และน้ำเหนือก็คงคิดเหมือนกัน... การได้รู้จักกันและกันมันไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น...เมื่อมาถึงโรงพยาบาลควอตซ์ก็เดินนำคุณหญิงมรกตและน้ำเหนือไปที่ร้านกาแฟตามที่นัดกับหมอวิรัชเอาไว้ น้ำเหนือยกมือไหว้สวัสดีทันทีที่เห็นก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนจะเดินตามหมอวิรัช
น้าวิรัชพาพวกเขามายังบริเวณส่วนห้องพักของแพทย์บริเวณนี้จะมีทางเชื่อมไปแต่ละแผนกซึ่งทางนี้จะไม่มีคนไข้หรือคนภายนอกเข้ามาวุ่นวายนอกจากจะได้รับอนุญาตจากแพทย์หรือแพทย์เป็นฝ่ายพาเข้ามาเอง
น้ำเหนือเข้าตรวจร่างกายกับหมอวิรัชถ้าหากเป็นคนอื่นคงไม่ต้องมาตรวจบ่อยขนาดนี้แต่อย่างที่รู้กันดีว่าน้ำเหนือเป็นผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยของน้ำเหนือและเด็กในท้องหมอวิรัชจึงนัดตรวจบ่อยๆ ถ้าหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นจะได้สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
“สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงถ้าเราดูแลสุขภาพดีมันก็จะดีต่อลูกด้วย ส่วนยาก็ยังคงต้องทานตามปกติห้ามขาดห้ามเกินนะ แล้วก็บำรุงร่างกายเยอะๆ ทานของมีประโยชน์พวกผักผลไม้นะครับ” หมอวิรัชพูดหลังจากที่ได้ทำการตรวจร่างกายของน้ำเหนือเรียบร้อยแล้ว
“จากนี้ท้องก็คงจะเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิวัฒนาการของลูกในครรภ์ เรื่องเครื่องแต่งกายก็สำคัญนะน้ำเหนืองดใส่เสื้อผ้าที่จะรัดหน้าท้องมันจะทำให้รู้สึกอึดอัด”
“ครับคุณหมอ ขอบคุณมากนะครับ”
“โอเค... เรียบร้อยแล้วละ เดี๋ยวหมอเอายาไปให้นะเดินกลับทางเดิมจำได้ใช่ไหม”
“จำได้ครับ ขอบคุณนะครับ” น้ำเหนือยกมือไหว้ขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องตรวจแล้วเดินกลับไปยังทางเดิมที่หมอวิรัชพาเดินมา
“ออกไปนั่งรอข้างนอกกันดีกว่า” คุณหญิงมรกตว่าก่อนที่พวกเขาจะเดินออกไปนั่งรอตรงส่วนกลางของโรงพยาบาล
“เวียนหัวหรือเปล่า” ควอตซ์หันมาถามน้ำเหนือเพราะบริเวณนี้มีคนเดินผ่านไปมาตลอดแม้จะไม่เยอะแต่ก็อาจจะทำให้คนที่กำลังท้องเกิดเวียนหัวขึ้นมาได้
“นิดหน่อยครับ” น้ำเหนือตอบ
“เวียนหัวเหรอลูกอย่างนั้นพี่ควอตซ์พาน้องไปนั่งที่ร้านกาแฟก่อนดีกว่าคนน่าจะน้อยกว่าตรงนี้” คุณหญิงมรกตที่ได้ยินก็หันไปบอกกับลูกชาย
“แล้วคุณแม่ละครับ”
“แค่รอน้าเขาเอายามาให้แค่นี้เอง เดี๋ยวแม่ตามไป น้ำเหนือไปกับพี่เขาก่อนไปลูก”
เมื่อคุณหญิงมรกตยืนยันแบบนั้นควอตซ์ก็พยักหน้ารับ เขายื่นมือไปจับมือของน้ำเหนือเอาไว้แล้วพาเดินไปที่ร้านกาแฟ ชายหนุ่มเลือกมุมที่คนไม่ค่อยเดินผ่านเท่าไหร่นักให้น้ำเหนือนั่งส่วนตัวเขาเองก็เดินไปสั่งเครื่องดื่มสำหรับตัวเองแล้วก็น้ำเหนือ
โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีใครหลายคนที่เห็นการกระทำของทั้งสองคนแล้วได้แต่อมยิ้มในความดูแลเอาใจใส่
น้ำเหนือไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นที่รู้จักของคนวงกว้าง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ คนที่ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่มีฐานะทางการเงินและหน้าตาทางสังคมก็คงไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่พูดถึง แต่ตอนนี้น้ำเหนือคิดว่าตัวเองคิดผิด เพราะตอนนี้... เจ้าตัวเป็นข่าวลงหนังสือพิมพ์แม้จะเป็นเพียงกรอบเล็กๆ ในหน้าบันเทิงและแวดวงไฮโซ
“คุณแม่คะดูในเฟสบุ๊คเพจข่าวสิคะ มีลงเรื่องที่คุณแม่กับพี่ควอตซ์ไปโรงพยาบาลพร้อมกับ
’สาวปริศนา’ด้วยค่ะ พี่น้ำเหนือดูสิคะ”
‘สาวปริศนา’ น้ำเหนือเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ใช้คำนี้ ในรูปที่ลงเห็นหน้าเขาไม่ชัดอีกทั้งยังเป็นภาพที่ซูมมาจากที่ไกลๆ อีกทั้งวันนั้นเขายังใส่กางเกงขาสั้นแล้วก็เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ คนก็เลยอาจจะเข้าใจผิดไป...
“แต่ในรูปนี่น้องก็เหมือนผู้หญิงจริงๆ นะลูก ผมยาวประบ่าแถมพอยืนข้างๆ พี่เขาแล้วก็ตัวเล็กกว่าพี่เขาตั้งเยอะ” คุณหญิงมรกตที่รับแท็บเล็ตจากลาพิสไปดูพูดแล้วหัวเราะชอบใจ
น้ำเหนือได้แต่ยิ้มแหยไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร เนื้อความในข่าวเขียนประมาณว่าคุณหญิงมรกตกับอชิตพลพาผู้หญิงคนหนึ่งไปโรงพยาบาล ซึ่งจริงๆ แล้วผู้หญิงในข่าวก็หมายถึงตัวน้ำเหนือนั่นเอง อีกทั้งในข่าวยังเขียนถึงความสนิทสนมของน้ำเหนือและอชิตพลก่อนจะปิดท้ายเนื้อความเป็นประโยคคำถามว่าคนคนนั้นเป็นอะไรกับตระกูลบริสตัน
ซึ่งข่าวออนไลน์ก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นกันไม่ใช่น้อยๆ ถึงแม้ว่าตระกูลบริสตันจะเป็นนักธุรกิจ แต่เนื่องด้วยธุรกิจที่ทำนั้นเกี่ยวกับกับแวววงไฮโซและบันเทิงบ่อยๆ จึงไม่แปลกที่จะมีคนรู้จักมาก อีกทั้งยังมีการจัดอันดับนักธุรกิจหนุ่มที่มีแนวโน้มจะไปได้ไกลของต่างประเทศชื่อของ ควอตซ์ อชิตพล บริสตันก็ติดหนึ่งในนั้นจนมีการออกข่าวให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก
“แล้วคุณแม่จะทำยังไงดีคะกับข่าวนี้ หรือปล่อยเอาไว้เฉยๆ ให้มันเงียบไปเอง” ลาพิสเอ่ยถามคนเป็นแม่ที่ดูแล้วไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับข่าวในหนังสือพิมพ์ อีกทั้งยังดูเหมือนจะชอบใจเสียอีก
“รอดูต่อไปอีกสักหน่อยแล้วกัน ถ้ายังไม่จบเรื่องแม่ว่าจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวแล้วละนะ”
“แต่ผมว่า... ปล่อยเอาไว้เรื่องก็คงเงียบไปเองแหละครับคงไม่ถึงกับต้องแถลงข่าวอะไรละมั้งครับ” น้ำเหนือว่า
“แต่ถ้าปล่อยเอาไว้คนก็อาจจะตีความไปมั่วๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนนู้นคนนี้ก็ได้นะคะ ทั้งๆ ที่คนในรูปคือพี่น้ำเหนือไม่ใช่ผู้หญิงที่ไหนเสียหน่อย”
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกันจ้ะ เอาไว้แม่ไปคุยกับคุณพ่อเขาก่อนว่าข่าวนี้มีผลกระทบต่อบริษัทของเราหรือเปล่า ว่าแต่นี่พี่ควอตซ์ไปไหนละลูกออกไปทำงานแล้วเหรอ ไหนว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทไง” คุณหญิงมรกตเป็นฝ่ายสรุปก่อนจะถามหาลูกชาย
“คุณ... เออ... พี่ควอตซ์ออกไปคุยโทรศัพท์ครับเดี๋ยวก็คงมา” น้ำเหนือตอบ ซึ่งพอเขาพูดจบคนที่พูดถึงเมื่อครู่ก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพอดี
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าตัวถามก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆ น้ำเหนือที่ขยับตัวเพื่อให้อีกคนนั่ง
“พี่ควอตซ์รู้เรื่องข่าวหรือยังคะ” ลาพิสถามก่อนจะยื่นแท็บเล็ตให้คนเป็นพี่ อีกทั้งยังดันหนังสือพิมพ์หน้าที่ลงข่าวมาให้ดูอีก
ควอตซ์รับมาดูก่อนจะพยักหน้า “รู้แล้วละ ทั้งเพื่อนทั้งนักข่าวโทรมาไม่หยุดมีการถามด้วยว่าผู้หญิงในข่าวใช่คุณแอนนี่หรือเปล่า”
“คุณแอนนี่?... ที่เป็นนางแบบนะเหรอคะ” ลาพิสถาม “เกี่ยวอะไรกับเขาละคะ”
“ก็แม่นางแบบนี่น่ะ เคยให้สัมภาษณ์เหมือนกับว่ากำลังคบอยู่กับพี่ชายเรานะสิ พอมีข่าวแบบนี้ก็เลยโดยลากมาเกี่ยวด้วย” คนที่ตอบคือคุณหญิงมรกต ดูเหมือนคนเป็นแม่จะยังเคืองกับข่าวที่ว่านั้นไม่หายถึงได้มองลูกชายตาขวาง
“คุณแม่ครับทำไมมองผมแบบนั้นละ ผมก็บอกแล้วไงครับว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
“นึกแล้วหมั่นไส้! แล้ววันนี้ไม่เข้าบริษัทใช่ไหม” คุณหญิงมรกตว่า เมื่อเห็นลูกชายพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เข้าบริษัทก็พูดต่อ “อย่างนั้นก็ดีเลยแม่ว่าจะเข้าไปดูร้านที่สาขาใหญ่เสียหน่อย เราขับรถให้แม่ทีแล้วกันนะ ระหว่างแม่ไปดูร้านก็พาน้องไปเดินเล่นเดินซื้อของ ลาพิสละลูกไปด้วยกันไหม”
“พิสมีเรียนตอนบ่ายค่ะ ไปด้วยไม่ได้เอาไว้วันหลังนะคะคุณแม่”
“โอเค อย่างนั้นน้ำเหนือไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลูก อ๋อ... แต่งตัวแบบวันนั้นที่ไปโรงพยาบาลนะ” คุณหญิงมรกตหันมาพูดกับน้ำเหนือ พอเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของลูกสะใภ้ก็พูดต่อ “แม่ว่าน่ารักดี เหมาะกับเรา”
“ครับ... คุณแม่ครับถ้าไปถึงที่ห้างแล้วผมขอโทรให้พี่โอ๊ตออกมาหาได้ไหมครับ ไม่ได้เจอพี่นานแล้วผมอยากเจอ”
“ได้สิจ้ะ”
“ขอบคุณนะครับคุณแม่”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลูกเดี๋ยวเราจะได้ออกไปกัน ออกไปเร็วก็ได้คุยกับโอ๊ตเขาเยอะขึ้นนะ” พอได้ยินแบบนั้นน้ำเหนือก็ยิ้มกว้างแทบจะวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองแต่ก็ต้องชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นเดินแทนเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของควอตซ์ที่ดังตามมา
“น้ำเหนืออย่าวิ่งนะ!”
“น้ำเหนือนี่น่ารักจริงๆ สงสัยจะดีใจมากที่จะได้ไปเจอโอ๊ต” คุณหญิงมรกตพูดยิ้มๆ พร้อมกับเหล่มองลูกชายของตนที่นั่งทำหน้านิ่งแล้วก็นึกขำในใจ “สงสัยจะสนิทกันมากได้ยินโอ๊ตพูดบ่อยๆ ว่าเมื่อก่อนไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเพราะเป็นพี่เทคน้องเทคกัน”
“ผมไปดูน้ำเหนือก่อนนะครับ” ควอตซ์พูดก่อนจะลุกเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
พอลูกชายคนโตก้าวพ้นห้องนั่งเล่นไปคุณหญิงมรกตกับลาพิสก็หัวเราะออกมาทันทีกับท่าทางนั้น “คุณแม่ไปแกล้งพี่ควอตซ์”
“แม่แกล้งอะไรพี่เขา แม่ก็แค่พูดเฉยๆ เองนะ”
“ไม่เคยเห็นพี่ควอตซ์เป็นแบบนี้เลยนะคะ ตอนฟังนี่หน้านิ่งเชียวสงสัยจะหึงอยู่ลึกๆ” ลาพิสพูดไปก็หัวเราะไป “คุณแม่ว่า... พี่ควอตซ์กับพี่น้ำเหนือจะรักกันจริงๆ ไหมคะ”
“คนโบราณเขาว่า...
อยู่ๆ กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง ทำไมถึงได้พูดแบบนั้นกันละถ้าเกิดมันไม่ใช่เรื่องจริง คำพูดนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคู่ทุกคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีนี่” คุณหญิงมรกตยิ้ม “แต่ท่าทางเมื่อกี้ของพี่ชายเรา... ก็น่าจะเดาอนาคตได้นะ ถ้าเกิดพี่ชายเรากับพี่สะใภ้เราไม่ปากแข็งจนไม่พูดอะไรทั้งคู่ละก็นะ”
“นั่นสินะคะ พิสอยากให้พี่เขารักกันเร็วๆ พิสชอบพี่สะใภ้คนนี้ค่ะ ไม่อยากให้คนอื่นมาเป็น”
“ถ้ารักกันพี่สะใภ้เราก็คงน่าสงสารนิดหน่อย... เพราะดูท่าแล้วพี่ควอตซ์จะ
ขี้หึงไม่ใช่เล่น” พอคุณหญิงพูดจบทั้งสองคนก็หัวเราะกันอย่างชอบใจ
ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาว่าขี้หึงกำลังนั่งมองคนท้องเดินไปหยิบเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ใบหน้าของเขายังคงเรียบตึง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมใบหน้าของเขามันถึงได้ตึงขนาดนี้ แต่รู้สึกว่ามันจะตึงมาสักพักแล้วตั้งแต่ได้ยินที่คุณหญิงพูด
“เธอสนิทกับโอ๊ตมากเหรอ”
น้ำเหนือที่กำลังสำรวจเครื่องแต่งกายตัวเองหันมามองก่อนจะพยักหน้ารับ “ครับ สนิทมากตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยแล้วละครับ พี่โอ๊ตช่วยเหลือผมเยอะมากเลยขนาดเรื่องที่เข้าไปทำงานที่ร้านสาขาพี่โอ๊ตก็เป็นคนมาบอกว่าที่ร้านเปิดรับอยู่ให้ผมไปลองสมัครดู ถ้าไม่มีพี่โอ๊ตชีวิตผมคงลำบากกว่านี้"
“ดูเธอจะรักพี่คนนี้มากเลยนะ”
แม้น้ำเหนือจะแปลกใจกับน้ำเสียงที่ฟังดูห้วนขึ้นของคนถามแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้เอามาใส่ใจแล้วตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มกว้าง “รักสิครับ!”
“ผมรักแล้วก็นับถือพี่โอ๊ตมาก มากเหมือนพี่ชายแท้ๆ เลยละครับ พี่โอ๊ตเป็นเหมือนครอบครัวของผม เป็นที่พึ่ง ชีวิตก่อนหน้านี้ของผมถึงแม้มันจะไม่ลำบากมากแต่มันก็ไม่ได้เรียกว่าสบาย มีหลายครั้งที่ผมนึกท้อในชีวิตแต่ก็มีพี่โอ๊ตนี่แหละครับที่เป็นกำลังใจให้ผม”
ควอตซ์มองคนที่พูดถึงโอ๊ตไปพร้อมกับยิ้มไปแล้วก็ได้แต่นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้น้ำเหนือต้องเจอกับอะไรมาบ้าง ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวยังไง
เขาลุกขึ้นเดินไปหาอีกคนก่อนจะยกมือวางบนศีรษะของคนที่ตัวเตี้ยกว่าแล้วจับโยกไปมาเบาๆ
“ครับ?” น้ำเหนือมองท่าทางนั้นอย่างงงๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอธิบายอะไรเพิ่มเติมออกมา
“เปล่า ไปกันเถอะ”
“ครับ”
ควอตซ์ยื่นมือออกไปคว้าเข้าที่ข้อมือของน้ำเหนือก่อนจะจับจูงอีกคนให้เดินออกไปจากห้องด้วยกัน โดยที่ความรู้สึกในใจลึกๆ ของพวกเขาสองคนเริ่มเปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย
************************************************
มาแล้วค่ะ ตอนนี้พี่ควอตซ์แลน่ารักเนอะ หึงน้องอะ แต่ไม่รู้ตัวว่าหึงมีการไปจับหัวน้องโยกด้วย โอ๊ยน่ารัก >< อยู่ๆ ก็มีข่าวแหละ... แล้วจะทำยังไงกันดีละเนี่ย ปล่อยให้ข่าวเงียบไป หรือแถลงข่าวดีนะ อันนี้เดี๋ยวให้คุณโทมัสกับคุณหญิงตัดสินใจเอาเนอะว่าจะทำยังไงดี อิอิ
ฟางมีเรื่องจะแจ้งค่ะ เกี่ยวกับการอัพนิยาย คือตอนนี้ฟางได้งานแล้วค่ะ ตารางชีวิตประจำวันคงจะเปลี่ยนไปเยอะแน่ๆ เลย ฟางไปทำงานกับบริษัทของพี่ที่รู้จักกันยังไม่แน่ใจว่าจะได้ทำงานตรงส่วนไหนบ้างระหว่างงานเต็กหรืองานทางด้านการเขียน หรืออาจจะต้องทำทั้งสองอย่างเลยก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นช่วงนี้ฟางอาจจะมาอัพช้านะคะ คงต้องรอให้ปรับตารางได้ก่อน แต่ยังไงก็จะพยายามมาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
หวังว่าทุกคนจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะคะ ช่วยรอกันหน่อยนะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะพีควอตน่ารักก ค่อยๆปรับตัวไปนะ ทั้งน้ำเหนือและควอตเลย
ปล.คนเขียนเป็นวีไอพีหรือเปล่า รูปกิ๊ฟพี่ท็อปแต่รูปอย่างหล่ออออออ
ฟางไม่ใช่ VIP หรอกค่า แต่ก็ชอบแล้วก็ติดตาม BB อยู่เหมือนกัน พี่ท็อปนี่ชอบเป็นการส่วนตัว ฮี่ๆๆ