บท15น้ำเหนือนั่งมองหนังสือพิมพ์ที่ถูกเปิดกางเอาไว้พร้อมกับหัวข้อข่าวในกรอบที่พูดเกี่ยวกับตระกูลบริสตันและสาวคนหนึ่งที่ดูท่าจะมีความสนิทสนมและใกล้ชิดกับลูกชายคนโตของตระกูลอย่างควอตซ์ อชิตพล บริสตัน
หลังจากที่ก้มมองภาพนั้นแล้วน้ำเหนือก็เงยหน้ามองไปรอบๆ ตั้งแต่คนที่ตกเป็นประเด็นของข่าวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาแต่เจ้าตัวดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไหร่เพราะตอนนี้กำลังนั่งไขว่ห้าง มือปัดไปมาบนหน้าจอแท็บเล็ตเบาๆ เพื่อดูรูปของเครื่องประดับ ถัดไปที่โซฟาฝั่งตรงข้ามเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้คุณหญิงมรกตและคุณโทมัส ทั้งๆ ที่ลูกชายกำลังเป็นข่าวแต่ดูเหมือนคนเป็นพ่อแม่จะไม่ได้แคร์อะไรสักเท่าไหร่โดยเฉพาะคุณหญิงมรกตที่ดูจะพออกพอใจกับข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เสียมากกว่า ก่อนจะหันไปมองลาพิสลูกสาวคนเล็กของตระกูลบริสตันที่นั่งอ่านอะไรสักอย่างในแท็บเล็ตในมือเดี๋ยวก็ทำหน้ายิ้มเดี๋ยวก็ทำหน้าบึ้ง
น้ำเหนือละสายตาจากทุกคนกลับมาที่หนังสือพิมพ์เจ้ากรรมอีกรอบแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่รู้ควรจะรู้สึกอย่างไรดีกับข่าวนี้ระหว่างโมโหที่คนที่เป็นสามีแม้จะยังไม่ยอมรับเต็มปากเต็มคำแต่ทางพฤตินัยนั่นใช่แล้วเป็นข่าวกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่กำลังจะมีลูกกับเขา หรือ... เหนื่อยใจกับนักข่าวสายตาไม่ดีที่มองเห็นผู้ชายเป็นผู้หญิงไปได้
ผู้หญิงในข่าวที่ว่านั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้ำเหนือ แล้วรูปที่ว่าก็เป็นภาพเมื่อวันที่เขากับควอตซ์ไปส่งคุณหญิงมรกตที่ร้านเครื่องประดับที่ห้างสรรพสินค้า น้ำเหนือไม่เข้าใจเลยว่าเดี๋ยวนี้นักข่าวเขาแฝงตัวอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้เลยหรือเปล่า แค่ไปเดินห้างไม่นานก็ถึงกับตกเป็นข่าวแบบนี้ แต่ถ้าหากคนที่น้ำเหนือยืนข้างๆ ไม่ใช่ควอตซ์ อชิตพล บริสตันเขาก็คงไม่เป็นข่าวแบบนี้หรอก...
“คุณแม่คะ ดูนี่สิคะ” เสียงของลาพิสดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนให้ไปมองได้เป็นอย่างดี หญิงสาววางแท็บเล็ตในมือลงบนโต๊ะกาแฟตรงหน้าทุกคน บนหน้าจอขนาดใหญ่นั้นปรากฏหัวข้อข่าวเป็นตัวหนังสือตัวใหญ่
แอนนี่ “รับ” วันนั้นไปที่โรงพยาบาลจริง“นี่มันอะไรกันน่ะลูกพิส” คุณหญิงมรกตถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
“ก็คุณแอนนี่น่ะค่ะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเมื่อวาน เรื่องที่มีภาพพี่ควอตซ์กับผู้หญิงหรือก็พี่น้ำเหนือนั่นแหละค่ะ” ลาพิสพูด
ทันทีที่ได้ยินลูกสาวพูดแบบนั้นคุณหญิงมรกตก็รีบหยิบแท็บเล็ตมาถือเอาไว้ทันที
“เมื่อวานได้มีโอกาสเจอนางแบบสุดฮอตที่งานเปิดตัวน้ำหอมแบรนด์ดัง เลยได้เข้าไปสอบถามว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไปโรงพยาบาล... มาหรือเปล่า ซึ่งก็ได้คำตอบจากคุณแอนนี่ว่า ‘ไปมาค่ะ ปกติแอนนี่ก็จะไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นประจำอยู่แล้ว’ แล้วพอถามว่าไปกับใครหรือเปล่าคุณแอนนี่ก็เบี่ยงประเด็นไม่ตอบคำถามนี้ หรือหญิงสาวปริศนาในข่าวของนักธุรกิจหนุ่มคนหนึ่งจะเป็นนางแบบสุดฮอตคนนี้กันแน่นะ”“ยัยผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรจากสังคม!” คุณหญิงมรกตถึงกับหน้าตึงด้วยความไม่พอใจทันทีที่ได้ข้อความในข่าวจบ
“นั่นสิคะคุณแม่ แบบนี้เหมือนจงใจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าไปกับพี่ควอตซ์ชัดๆ เลย” ลาพิสเองก็หน้าบึ้งไม่แพ้กัน ดูท่าจะไม่พอใจอย่างมาก
“เขาอาจจะไปกับคนที่บอกไม่ได้ก็ได้มั้งครับ... ถ้าบอกไปก็คงเป็นข่าวเป็นประเด็น” ควอตซ์พูดซึ่งพอเขาพูดทั้งคุณหญิงมรกตและลาพิสต่างก็หันมามองตาขวางทันที ชายหนุ่มเลยได้แต่ไหวไหล่แล้วก็นั่งเงียบๆ ตามเดิมเมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นแม่
“หยุดพูดไปเลยพี่ควอตซ์ถ้าไม่อยากมีเรื่องกับแม่”
“แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่เจ้าควอตซ์ว่าก็ได้นะคุณหญิง” คุณโทมัสที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างแต่ก็ได้รับสายตาขวางๆ จากคุณหญิงมรกตกลับไปไม่ต่างจากคนเป็นลูกชายเท่าไหร่
“คุณน่ะไม่รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงหรอกค่ะ”
“จริงอย่างที่คุณแม่พูดค่ะ ถ้าไม่ได้ต้องการจะให้คนเชื่อมโยงมาถึงพี่ควอตซ์ทำไมไม่ตอบไปละคะว่าไปกับเพื่อน หรือครอบครัวก็ได้เลี่ยงไม่ตอบแบบนี้จงใจชัดๆ เลยค่ะ” ลาพิสเสริมอย่างเห็นด้วยกับคุณหญิงมรกต “คุณแม่คะเราแถลงข่าวเลยดีไหมคะว่าวันนั้นพี่ควอตซ์อยู่กับพี่น้ำเหนือ ไม่ใช่คุณแอนนี่ รวมไปถึงที่ห้างด้วย”
“แต่ถ้าทำแบบนั้น... จะไม่เป็นการหักหน้าคุณแอนนี่เขาเหรอครับ...” น้ำเหนือพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าไม่แน่ใจว่าจะโดนอะไรเหมือนกับควอตซ์และคุณโทมัสหรือเปล่า แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้นเพราะคุณหญิงหันมายิ้มให้ก่อนจะพูด
“ไม่เป็นการหักหน้าหรอกค่ะน้องเหนือ เราก็แค่พูดความจริงออกไปเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ผู้หญิงเสียหายฝ่ายเดียวนะลูก ฝ่ายชายก็เสียหายได้เหมือนกันถ้าหากเรายังปล่อยเอาไว้แบบนี้เรื่อยๆ ให้คนอื่นมาแอบอ้างตัวเองว่าเป็นคนรักเป็นว่าที่สะใภ้ของบริสตันต่อไปเรื่อยๆ ผู้คนทั่วไปก็จะจดจำแล้วก็เข้าใจไปผิดๆ แบบนี้มันถูกต้อง มันยุติธรรมกับเราตรงไหน” คุณหญิงมรกตว่า
“ใช่แล้วค่ะพี่น้ำเหนือ อีกอย่างสะใภ้บริสตันก็มีตัวจริงอยู่แล้วทำไมเราต้องปล่อยให้ตัวปลอมมาสวมรอยด้วยละคะ คุณแม่คะพิสว่าเราแถลงข่าวเลยดีกว่าค่ะบอกไปเลยว่าสะใภ้ของบริสตันคือพี่น้ำเหนือไม่ใช่ผู้หญิงที่ไหน”
“แต่ผมเป็นผู้ชายนะครับ ถ้าแถลงข่าวแบบนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อบริษัทก็ได้นะครับ...”
“น้ำเหนือรู้ไหมว่าคนเรามีความเห็นแก่ตัวอยู่ในตัวเยอะมากเลย” คุณโทมัสหันมามองน้ำเหนือก่อนจะยิ้ม “ความเห็นแก่ตัว... ถ้าใครมีผลประโยชน์ต่อเรา เราก็มักจะเข้าใกล้เขาใช่ไหม”
“ครับ...”
“ธุรกิจเราอยู่ด้วยกันได้เพราะผลประโยชน์ ถึงแม้ว่าเราใส่ใจลงในธุรกิจจนเกิดมิตรภาพ แต่ผลประโยชน์ก็มีส่วนช่วยให้มิตรภาพนั้นยังอยู่ ขอแค่มีผลประโยชน์มากมายมหาศาลให้ก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นหรอกลูก”
น้ำเหนือได้แต่ทำคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณโทมัสพูดเท่าไหร่นัก ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเมื่อควอตซ์พูดอธิบาย “ง่ายๆ ก็หมายความว่า จะไม่มีใครสนใจหรอกว่าสะใภ้ของบริสตันจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ขอแค่เรายังมีผลประโยชน์ต่อเขา เขาก็จะร่วมธุรกิจกับเราต่อไป”
“ใช่แล้วจ้ะ หรือใครรับไม่ได้แม่ก็ไม่สนหรอก
บริสตันไม่จำเป็นต้องไปง้อใคร ไม่จำเป็นเลยสักนิด” คุณหญิงมรกตพูดพร้อมกับยิ้ม
น้ำเหนือเลยได้แต่ยิ้มแหยอย่างไม่รู้จะพูดอะไรเพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรไปเอ่ยขัดได้ หรือถ้าต่อให้มีก็คงไม่ได้ผลอยู่ดีเพราะดูท่าแล้วคุณหญิงมรกตจะไม่สนใจสักเท่าไหร่
แล้วหลังจากนั้นคุณหญิง ลาพิสและคุณโทมัสที่ถูกลากให้เข้าร่วมในวงสนทนาด้วยก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่จะแถลงข่าว ทั้งวันที่จะแถลงข่าว ทั้งสถานที่รวมไปถึงจำนวนแขกและนักข่าวที่จะเชิญมาด้วย
สะใภ้ของบริสตันได้แต่มองภาพนั้นก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งควอตซ์ก็ทำเพียงไหวไหล่ก่อนจะตอบออกมาสั้นๆ ง่ายๆ เป็นการจบประเด็นให้น้ำเหนือ “พูดอะไรไปก็เท่านั้นแหละ จริงจังเสียขนาดนั้น”
น้ำเหนือเลยได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีคนที่จะช่วยพูดได้ว่าไม่ต้องแถลงข่าวก็ไม่ยอมช่วยอะไร สุดท้ายก็เลยต้องนั่งมองการสนทนาต่อไปเรื่อยๆ แบบนั้น...
“คุณ... คุณโอเคแน่เหรอกับการแถลงข่าว” น้ำเหนือส่งเสียงถามคนที่อยู่ร่วมห้องกัน ตลอดมื้อเย็นเจ้าตัวก็เอาแต่นึกถึงเรื่องนี้ว่าถ้าปล่อยให้คุณหญิงมรกตจัดงานแถลงข่าวไปจะดีหรือเปล่า
อีกอย่าง... คนอย่างอชิตพลจะพอใจแน่หรือกับงานนี้ในใจลึกๆ อาจจะไม่ให้เกิดการแถลงข่าวก็ได้เพียงแต่ขัดคนเป็นแม่ไม่ได้เท่านั้น
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานหันมามองคนถามทันทีที่ได้ยินคำถาม ชายหนุ่มวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ “แล้วทำไมฉันถึงจะไม่โอเคกับงานแถลงข่าว”
คำตอบที่ฟังแล้วไม่เหมือนคำตอบเลยสักนิดเรียกดวงตาของน้ำเหนือให้กรอกไปมาอย่างนึกหน่ายใจกับคนที่เล่นตัวไม่ยอมตอบคำถามเขาดีๆ แค่ตอบออกมาแค่นี้มันยากตรงไหนเนี่ย!
“ก็ถ้าแถลงข่าวไปแบบนั้นก็เท่ากับว่ามันเป็นการผูกมัดคุณว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว ทีนี้คุณก็จะหมดโอกาสที่จะเจอคนอื่น” น้ำเหนือตอบออกไปอย่างที่ใจคิด
ใช่แล้ว... ถ้าหากมีการแถลงข่าวเกิดขึ้นว่าคนในภาพนั้นคือน้ำเหนือ คนที่ถูกวางตัวว่าเป็นสะใภ้ของตระกูลบริสตันมันก็จะเหมือนเป็นการปิดโอกาสที่ควอตซ์จะได้เจอคนอื่นๆ น้ำเหนือไม่ได้คิดถึงตัวเองหรอกว่าถ้าแถลงข่าวไปแล้วเขาเองก็จะหมดโอกาส...
ผู้ชายที่ถูกวางตัวไว้เป็นสะใภ้จะมีผู้หญิงคนไหนมาสนใจ นอกจากมองหน้าแล้วก็ตราหน้าเขาว่าเขาเป็นเกย์ ยังไม่รวมถึงการที่เขาเป็นผู้ชายประหลาดที่ท้องได้อีกต่างหาก...
“คนที่จะหมดโอกาสเจอคนอื่นที่ว่าเธอหมายถึงฉันหรือตัวเธอเองกันแน่น้ำเหนือ” ควอตซ์ว่าเสียงนิ่ง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันทันที
“ผมหมายได้หมายถึงตัวผมเอง ผมหมายถึงคุณต่างหาก” น้ำเหนือพูดก่อนจะเอ่ยเสริมขึ้นมาต่อให้คนหน้าตึงที่ยืนอยู่นั้นคลายใบหน้าลง “ผู้ชายที่ถูกวางตัวเป็นสะใภ้ผู้หญิงที่ไหนเขาจะมาสนใจผมครับ ยังไม่รวมกับที่ผมต้องมีลูกติดและท้องได้อีก ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นแม่พระแค่ไหนก็คงไม่สนผมหรอก”
“ฉันหมายถึงผู้หญิงเสียที่ไหนกัน” คนฟังคำตอบพูดออกมาเสียงเบาเมื่อได้ยินน้ำเหนือพูด
“ครับ? ว่าอะไรนะครับ” น้ำเหนือร้องถามเพราะเขาได้ยินไม่ถนัดว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร
ควอตซ์ส่ายหน้า “เปล่า ไม่มีอะไร ส่วนเรื่องที่ฉันจะหมดโอกาสเจอคนอื่นนั่นก็ไม่ต้องสนใจอะไรนี่ ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่จะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยเสียหน่อย”
“คุณรู้จักคำว่าบ้านเล็กบ้านน้อยด้วยเหรอเนี่ย ฮ่าๆ ตลกจัง”
อชิตพลถอนหายใจก่อนจะก้าวขาตรงมาหาคนที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่บนเตียงก่อนจะยกมือขึ้นดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ “ตกลงจะซีเรียสหรือจะตลก เปลี่ยนอารมณ์ไวจริง”
“เอาซีเรียสก่อนก็ได้ครับ” คนที่หัวเราะตาใสยังจะพูดแบบนั้นต่อให้ควอตซ์นึกหมั่นไส้ปนมันเขี้ยวอยากจะหยิกแก้ม “เอาจริงๆ นะ คุณโอเคแน่เหรอ ถ้าคุณไม่อยากให้คุณหญิงแถลงข่าวคุณไปบอกสิครับ ยังไงท่านก็เป็นแม่ของคุณต้องฟังคุณบ้างอยู่แล้ว”
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันไม่อยากให้มีการแถลงข่าว” ควอตซ์ถาม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ กับน้ำเหนือที่ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้อีกคนนั่งได้ถนัดขึ้น
“ผมเห็นคุณไม่ค่อยจะสนใจอะไรเท่าไหร่ อีกอย่าง... ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะต้องมาสนใจหรือยุ่งอะไรกับผม พูดกันตรงๆ คุณเองก็ยังอายุน้อยมีโอกาสที่จะเจอผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมกับคุณอีกมาก หรือว่าคุณไม่อยากที่จะขัดใจคุณแม่ของคุณ”
คนที่นั่งเอนตัวไปข้างหลังเอามือยันเตียงไว้หันมามองน้ำเหนือที่นั่งกอดหมอนเอาไว้เพียงนิดก่อนจะหันหน้ากลับไป “ถ้าฉันคิดจะต่อต้านจริงๆ ฉันก็ทำไปแล้วแต่ที่ฉันไม่ทำเพราะฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
“แล้วชีวิตต่อจากนี้ของคุณ... คุณจะเอามันมาผูกเอาไว้กับผมเหรอครับ คุณควอตซ์... เราสองคนไม่ได้รักกันไม่ใช่เหรอครับ” น้ำเหนือถาม... แม้น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยถามจะไม่ได้หนักแน่นเท่าไหร่ก็ตาม
คนถูกถามเองก็นิ่งไป
รักเหรอ... ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองคนมันคงยังไม่ได้ดำเนินไปถึงขั้นนั้นหรอก
แต่ถ้าสมมติว่าคนคนหนึ่งหายไป...
ก็คงจะรู้สึกเหงา“แต่เราก็ไม่ได้เกลียดกันไม่ใช่เหรอ” ควอตซ์หันกลับมามองซึ่งน้ำเหนือเองก็กำลังมองไปที่เขาอยู่เช่นกัน
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเมื่อได้ยินสิ่งที่ควอตซ์พูด
เกลียดเหรอ... สำหรับน้ำเหนือตอนแรกอาจจะใช่
แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น
ควอตซ์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นวางบนศีรษะของคนตรงหน้าปลายนิ้วโป้งลูบเบาๆ ที่หน้าผากนั้น “เราสองคนอาจจะเริ่มต้นได้ไม่ดีนักซึ่งฉันก็ขอโทษที่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำร้ายเธอแบบนั้นจนชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปอย่างไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่ถ้าหากเราไม่ได้เกลียดกัน ถ้าเธอไม่ได้เกลียดฉันมากนักก็คงไม่เป็นอะไรที่เราจะอยู่แบบนี้ต่อไป”
น้ำเหนือเงยหน้าขึ้นมองคนที่วางมือบนศีรษะของเขา “ตอนแรก... ผมก็เกลียดคุณนั่นแหละ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้วและมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ที่สำคัญ... ตอนนี้ผมก็มีเขาให้ผมต้องคิดถึงมาก่อนเป็นอันดับแรก”
ปลายนิ้วของควอตซ์ยังคงสัมผัสแผ่วไปที่หน้าผากของน้ำเหนือยามที่ฟังคนตัวเล็กกว่าพูด “ตอนนี้ความรู้สึกเกลียดมันก็ไม่ได้มีเยอะเหมือนตอนนั้นแล้ว”
คนฟังหัวเราะออกมาเบาๆ “แสดงว่ายังเกลียดอยู่สินะ”
“ใครจะหายเกลียดง่ายๆ สิ่งที่คุณทำกับผมมันไม่ได้จะให้อภัยให้กันได้ง่ายๆ เสียหน่อย” น้ำเหนือเถียงออกมาทันที
“นั่นสินะ” ควอตซ์พึมพำกับตัวเอง เจ้าตัวออกแรงกดมือลงบนศีรษะของน้ำเหนือเหมือนกับจะขยี้ผมนุ่มนั้นแต่ก็ทำเพียงแค่กดน้ำเหนือลงไปเล็กน้อย “ขอโทษนะที่ทำแบบนั้น”
ดวงตากลมโตหลุบลงเล็กน้อย รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของน้ำเหนือถึงแม้จะก้มหน้าแต่ควอตซ์ก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มนั้นได้ “ช่างมันเถอะครับ มันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าในอนาคตเรื่องของเราสองคนมันจะเป็นยังไง มันจะจบลงได้อย่างสวยหรูหรือเปล่า ในอนาคตฉันหรือเธออาจจะเจอใครสักคน หรืออาจจะไม่เจอใครเลยก็ได้ จนกว่าจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ จนกว่าจะหาคำตอบให้เราได้... ก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ก่อนแล้วกัน” ควอตซ์พูด “ฉันไม่สนใจว่าการแถลงข่าวจะเป็นการผูกมัดหรือปิดโอกาส ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นเพราะฉะนั้น... ก็เตรียมตัวสำหรับงานแถลงข่าวเอาไว้ด้วยแล้วกันนะ”
คนพูดลุกจากเตียงไปแล้ว
ควอตซ์เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานและนั่งลงเพื่อจัดการงานที่คั่งค้างอยู่ ส่วนน้ำเหนือก็ขยับไปนั่งพิงหัวเตียงหยิบหนังสือคู่มือคุณแม่มือใหม่มาอ่าน ไม่มีบทสนทนาระหว่างพวกเขา... เหมือนต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ
แต่ความจริงแล้วไม่เลย... ควอตซ์ไม่มีสมาธิที่จะจัดการงานตรงหน้า น้ำเหนือไม่มีสมาธิพอที่จะอ่านหนังสือให้เข้าใจ
ความสัมพันธ์ของพวกเขามันเหมือนยังมีหมอกควันสีเทาๆ ลอยปกคลุมเอาไว้ ตอนแรกมันแน่นหนาเสียจนมองไม่เห็นแสง แต่พอนานเข้า... หมอกควันนั้นมันก็เริ่มจางลง เบาบางลงตามเวลาและตามธรรมชาติ มันค่อยๆ หาย ไม่ได้หายแบบทันท่วงที มันพอที่จะมองเห็นแสงสว่างตรงหน้าแต่ก็ยังขุ่นมัวไม่ชัดเจน
ควันสีเทาเหล่านั้นก็เหมือนกับความรู้สึกของทั้งสองคน เริ่มต้นจากสีดำ... พอนานวันเข้าสีขาวที่ถูกผสมเข้าไปก็เจือจางสีดำจนมันกลายเป็นสีเทาที่อ่อนลงทุกวัน... ทุกวัน และสักวันมันคงกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์
************************************************
เหนื่อยค่ะ... ไม่ได้เหนื่อยกับการแต่งนิยายเลย เอาจริงๆ มันก็มีส่วน แต่มันเพลียจากการใช้พลังงานไปทั้งวันมากกว่าค่ะ พอชีวิตเข้าสู่การทำงานนี่อะไรหลายๆ อย่างมันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ โดยเฉพาะเวลา ปกติฟางสามารถแต่งนิยายได้ทั้งวันถ้าอยากจะแต่ง แต่พอทำงานแล้ว... กว่าจะกลับถึงหอก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มแล้ว อาบน้ำกินข้าวซักผ้าอีก 3 ทุ่มกว่า... บางวันก็เพลียเกินกว่าจะมาเปิดคอมแต่งนิยาย บางวันได้เปิดคอมก็แต่งได้ไม่เยอะ เหมือนมันใช้หัวสมองไปจนหมดแล้วคิดอะไรไม่ออก แปบๆ ก็ 5 ทุ่ม ง่วง... หลับ...
ชีวิตทำงานมันเป็นแบบนี้นี่เอง... แฮ่!
พอค่ะ... มาบ่นแค่นี้ มาที่เนื้อเรื่องตอนนี้กันต่อ อย่างที่เคยบอก(หรือเปล่า) คือหลังจากนี้จะเริ่มเน้นที่การพัฒนาความสัมพันธ์ของพี่ควอตซ์กับน้องเหนือนะคะ เนื้อเรื่องอาจจะไวขึ้น(มั้ง) แต่ก็จะไม่ให้มันเป็นการก้าวกระโดดความสัมพันธ์นะคะ ฟางยังคงคอนเซ็ปเดิมคือค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ แต่ก็จะใส่อะไรที่มันน่าสนใจลงไปนะคะ
หวังว่าทุกคนจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะคะ ช่วยรอกันหน่อยนะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ