✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
“น้ำเหนือวันนี้ไปโรงพยาบาลใช่ไหมลูก” เสียงของคุณหญิงมรกตเอ่ยถามในระหว่างที่ทานมื้อเช้ากันอยู่ แต่ที่โต๊ะอาหารกลับมีเพียงแค่คุณหญิงและน้ำเหนือสองคน เนื่องจากคุณโทมัสกับควอตซ์ไปทำงานกันตั้งแต่เช้าแล้ว เห็นว่ามีประชุมสำคัญ ส่วนลาพิสเมื่อคืนก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านแต่นอนที่หอพักแถวมหาวิทยาลัยแทน
คนถูกถามพยักหน้ารับ “ใช่ครับ มีนัดตอนบ่าย”
“แล้วไปยังไงลูก พี่ควอตซ์กลับมารับเหรอหรือว่าจะให้แม่ไปเป็นเพื่อนดี” คุณหญิงยังคงถามต่อ
“แต่คุณแม่ต้องไปดูร้านสาขาไม่ใช่เหรอครับ นัดกับลูกค้าเอาไว้ด้วยนี่… ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนผมหรอกครับเดี๋ยวคุณ… เอ่อ เดี๋ยวพี่ควอตซ์คงเข้ามารับ เพราะเมื่อเช้าก่อนออกไปทำงานก็ยังถามเวลานัดกับผมอยู่เลย” น้ำเหนือตอบคำ
“โอเคจ้ะ ยังไงก็โทรหาพี่เขาอีกรอบแล้วกันนะลูกประชุมตั้งแต่เช้าแบบนี้เดี๋ยวพี่เขาจะลืม” คุณหญิงมรกตย้ำอีกรอบซึ่งน้ำเหนือก็พยักหน้ารับ
หลังจากที่มื้อเช้าจบลงคุณหญิงมรกตก็เตรียมตัวออกไปร้านเพชรเพทาย ส่วนน้ำเหนือที่ว่างเพราะยังไม่ถึงเวลาออกไปโรงพยาบาลก็เดินไปนั่งอ่านหนังสือเล่นที่สวน อากาศที่ช่วงนี้มีลมเย็นๆ อีกทั้งยังไม่มีแดดทำให้บรรยากาศในสวนยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม
“ดีนะคะที่ไม่มีแดด” สาลี่ที่ยกขนมแล้วก็น้ำผลไม้มาให้พูดกับน้ำเหนือ
“นั่นสิครับ อากาศแบบนี้เหมาะกับออกมานั่งเล่นที่สวนที่สุดเลย” น้ำเหนือยิ้มตอบ “ถ้าพี่สาลี่มีงานก็ไปทำงานก็ได้นะครับ ไม่ต้องมานั่งเบื่อๆ อยู่กับผมหรอก”
“ค่ะ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะคะ แล้วเดี๋ยวจะมานั่งคุยเป็นเพื่อนนะคะ” สาลี่ว่าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อจัดการงานของตัวเองต่อ ส่วนน้ำเหนือก็หยิบกระดาษมาวางบนโต๊ะแล้วหันไปหยิบดินสอ ดินสอสีรวมไปถึงปากกามาวางเรียงเอาไว้ก่อนจะลงมือวาดเครื่องประดับที่เขาคิดขึ้นมาได้ พอเริ่มคิดอะไรไม่ออกก็หันไปอ่านหนังสือแทน
ถ้าถามว่าเบื่อหรือเปล่าที่ต้องอยู่แต่ที่บ้านทั้งวันทุกวันแบบนี้บอกตรงๆ น้ำเหนือเองก็มีเบื่อบ้างแต่อาการแพ้ท้องของเขาก็ไม่ได้ทุเลาลงสักเท่าไหร่ ออกไปข้างนอกก็ได้ไม่นานเดี๋ยวก็หน้ามืด เดี๋ยวก็เวียนหัว ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะยิ่งทำให้คนอื่นลำบากมากกว่าเดิม เขาเลยเลือกที่จะอยู่บ้านเสียมากกว่า อีกอย่างอยู่ที่บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เลวร้าย มีคนคุยด้วยทั้งวันอีกทั้งยังมีอะไรให้ทำตั้งมากมาย บางทีเขายังขอคุณหญิงมรกตเข้าไปฝึกทำอาหารในครัวก็มี หรือถ้าวันไหนลาพิสอยู่สาวเจ้าก็จะเข้ามาหาแล้วก็หาเรื่องมาคุยสนุกได้ทั้งวัน น้ำเหนือเลยไม่รู้สึกเหงา ยกเว้นก็แต่วันแบบวันนี้วันที่ทุกคนออกไปทำงานกันหมด พวกแม่บ้านก็มีงานให้ทำเขาเลยต้องหาอะไรทำอยู่คนเดียว
ถ้าคุณควอตซ์อยู่ก็ดีสิ... อย่างน้อยก็มีคนมาให้เถียงด้วยได้คนคิดที่แบบนั้นถึงกับสะดุ้งตกใจในความคิดของตัวเอง น้ำเหนือส่ายหน้าไปมา ยกมือตบที่แก้มของตัวเองเบาๆ อย่างเรียกสติกลับคืนมา
คิดไปได้ยังไงนะว่าถ้าคนคนนั้นอยู่ก็คงดี... ให้ตายสิน้ำเหนือสงสัยจะต้องเมาดินสอสีแน่ๆ ถึงได้คิดอะไรแบบนี้ออกมาได้
เจ้าตัวได้แต่นึกใจในสะบัดหน้าไปมาอีกรอบก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะไม้รู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ ตอนที่คิดอะไรไร้สาระแบบนั้น นับวันคนคนนั้นก็ชักจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของน้ำเหนือเรื่อยๆ จากความรู้สึกติดลบมันค่อยๆ ลดลงทีละนิดจนตอนนี้มันก็ไม่ได้ติดลบอีกแล้ว
แต่ถ้าย้อนนึกไปถึงครั้งแรกมันยังคงเป็นอะไรที่เลวร้ายสำหรับน้ำเหนืออยู่เหมือนเดิม และมันจะคงเป็นแบบนั้นไปอีกนาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดสองสามเดือนที่อยู่ด้วยกันมานี้คนคนนั้นช่วยเหลือน้ำเหนือไว้เยอะจริงๆ
“คุณมันแย่... คุณมันนิสัยไม่ดี” ไม่รู้ว่าเพราะตัวเองกำลังท้อง อารมณ์แปรปรวนหรืออะไร หลายๆ รอบที่น้ำเหนือรู้สึกหวั่นไหวไปกับการดูแลเอาใจใส่ของควอตซ์ ซึ่งนั่นมันไม่ดีเลยในความคิดของเจ้าตัว
บ่นต่อว่าคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ไปก็เอาหัวโขกกับโต๊ะเบาๆ ไปด้วยจนสาลี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาร้องโวยวายด้วยความตกใจอารามเป็นห่วง “ว้าย! คุณหนูใหญ่เอาหัวโขกโต๊ะทำไหมคะ เจ็บมากไหมคะ”
น้ำเหนือได้แต่ยิ้มแหยอย่างรู้สึกผิดที่ทำคนอื่นเป็นห่วง “ไม่เป็นอะไรครับ ผมไม่ได้โขกแรงขนาดนั้นไม่เจ็บหรอกครับพี่สาลี่”
“แล้วเล่นอะไรคะเนี่ย เอาหัวโขกโต๊ะทำไมคะเดี๋ยวถ้าคุณควอตซ์รู้ก็โดนดุอีกหรอก” สาลี่ว่าพร้อมกับสำรวจหน้าผากของคุณหนูใหญ่ของบ้านไปด้วย
“พี่สาลี่ก็อย่าบอกคนขี้บ่นสิครับ อีกอย่างผมไม่ได้เจ็บอะไรจริงๆ นะ แค่คิดอะไรไม่ค่อยออกเลย... แหะๆ”
“น่าตีจริงเชียว คราวหลังไม่เอาแล้วนะคะเดี๋ยวโขกไปโขกมาเพลินจนโขกเสียเต็มแรงหรอก นี่สิบเอ็ดโมงกว่าแล้วคุณหนูใหญ่จะทานข้าวเลยไหมคะ พี่จะได้ไปยกมาให้”
“แล้ว... คุณควอตซ์ยังไม่มาเหรอครับ” น้ำเหนือถามพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเช้าก่อนที่จะออกไปทำงานก็บอกว่าจะกลับมาทานข้าวกลางวันที่บ้านด้วยแล้วจะพาไปโรงพยาบาลนี่นา
“ยังเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ไปยกมาให้นะคะทานตรงนี้ก็ได้ ทานข้าวทานยาจะได้เตรียมตัวไปหาคุณหมอวิรัช ส่วนของคุณควอตซ์ป้ายุพินเตรียมเผื่อไว้ให้แล้วละค่ะ”
“โอเคครับ ขอบคุณนะครับพี่สาลี่”
ถึงแม้ว่าน้ำเหนือจะทานข้าวทานยาเสร็จแล้วเรียบร้อยแต่คนที่บอกว่าจะกลับมาก็ยังไม่มาสักที และอีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดของหมอวิรัชแล้วด้วย ป้ายุพิอาสาโทรไปถามให้แต่ควอตซ์ก็ไม่รับโทรศัพท์อาจจะเป็นไปได้ว่ายังทำงานยุ่งอยู่จนไม่สามารถมารับโทรศัพท์ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมไปเองก็ได้ครับ ให้ลุงสินไปส่งที่โรงพยาบาล” น้ำเหนือบอกตอนนี้เขาเตรียมตัวพร้อมที่จะออกไปโรงพยาบาลแล้ว
“จะดีเหรอคะคุณหนู รอคุณควอตซ์อีกสักพักดีกว่าค่ะ” ป้ายุพินส่ายหน้า
คนฟังได้แต่ทำหน้ามุ่ย “แต่ถ้ารอผมก็จะไปสายนะครับ ที่ต้องไปเวลานี้เพราะคุณหมอไม่มีนัดแล้วก็ช่วงพักของคุณหมอ ถ้าไปสายกว่านี้ก็จะไปตรงกับเวลานัดคนไข้คนอื่นอีกนะสิครับ ผมไปเองนั่นแหละดีแล้ว รอต่อไปก็ไม่รู้เมื่อไหร่เขาจะกลับมา”
“แต่ว่าคุณหนูใหญ่คะ” สาลี่เองก็เป็นอีกคนที่เอ่ยขัด ถ้าหากปล่อยให้คุณหนูใหญ่ไปเองละก็พวกเธอคงได้โดนคุณควอตซ์ดุแน่นอน
“ถ้าไม่ให้ลุงสินไปส่ง ผมจะนั่งรถเมล์ไปเองแล้วนะครับ” น้ำเหนือไม่ได้อยากจะทำท่าทางมึนตึงแบบนี้เลย แต่เพราะในใจมันทั้งหงุดหงิดและกังวล กังวลเรื่องเวลากับหมอวิรัช เพราะในกรณีของน้ำเหนือหมอวิรัชนัดให้ไปช่วงพักเพื่อหลีกเหลี่ยงเจอกับคนไข้คนอื่นๆ ให้เกิดเป็นที่สงสัย และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำเหนือไม่อยากที่จะไปสาย ถ้าไปสายนอกจากจะกินเวลาพักของหมอวิรัชแล้วยังจะกินเวลาของคนไข้คนอื่นไปด้วย
ส่วนหงุดหงิดนั้น... เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าหงุดหงิดอะไร อาจจะเป็นคนที่ป่านนี้ยังไม่กลับมาก็ได้
“โอเคค่ะ ให้ตาสินไปส่งที่โรงพยาบาลก็ได้ค่ะ สาลี่ไปบอกตาสินเตรียมรถออกไปส่งคุณหนูที่โรงพยาบาล” ป้ายุพินยอมตกลงในที่สุด พร้อมกับลอบถอนหายใจกับนิสัยดื้อดึงของคุณหนูใหญ่แต่ก็เป็นนิสัยที่ทำให้นึกเอ็นดูมากกว่า
“อย่าลืมโทรบอกคุณควอตซ์ด้วยนะคะ” ป้ายุพินกำชับในขณะที่เดินตามน้ำเหนือออกไปที่หน้าบ้าน
“หึ! ทำไมผมต้องโทรหาคนขี้โกหกด้วย” น้ำเหนือว่าเสียงแง่งอนปนไม่พอใจให้คนที่เดินตามยิ้มเอ็นดูกับท่าทางนั้น
ให้บอกว่าสองคนนี้ไม่ได้รักกัน ยุพินคงจะรู้สึกว่ากำลังพูดโกหก เพราะท่าทางแง่งอนแบบนี้ดูยังไงก็เหมือนคู่รักกันไม่มีผิด แต่คงจะเรียกว่าไม่รู้ใจตัวเองกันมากกว่า“สาลี่... โทรหาคุณควอตซ์ด้วยบอกว่าคุณหนูใหญ่เธอไปโรงพยาบาลแล้ว ถ้าโทรเข้าเบอร์ส่วนตัวไม่รับก็โทรเข้าเบอร์บริษัทแล้วกัน” ป้ายุพินหันมาบอกกับสาลี่ที่กำลังทำสีหน้าปั้นยาก
“หนูจะโดนคุณควอตซ์ดุไหมจ้ะป้า ปล่อยคุณหนูใหญ่ไปแบบนั้นถึงลุงสินจะไปส่งก็เถอะ คุณควอตซ์เธอยิ่งหวงห่วงคุณหนูน้ำเหนืออยู่ด้วย”
ป้ายุพินหัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนสาลี่ได้แต่คอตกเดินไปหยิบโทรศัพท์บ้านเพื่อต่อสายถึงคนที่พูดถึง
ตอนนี้ควอตซ์กำลังหงุดหงิดเพราะงานที่ควรจะเสร็จไวกลับมีปัญหาให้ตามไปสะสางกว่าจะจัดการเรียบร้อยก็สิบเอ็ดโมงกว่าเข้าไปแล้ว ไหนพอจะเดินกลับห้องทำงานก็เจอกับกลุ่มของคณะกรรมการบริษัทที่ยืนปักหลักคุยกัน ซึ่งพอเห็นเขาก็เรียกเข้าไปด้วยกว่าจะปลีกตัวออกมาได้ก็เกือบยี่สิบนาที
ชายหนุ่มยกข้อมือที่มีนาฬิกาเรือนสวยคาดอยู่ขึ้นดูก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่านี่มันเกือบจะเที่ยงแล้ว วันนี้เขาต้องพาเด็กดื้อไปโรงพยาบาลเสียด้วย
ควอตซ์ผลักประตูห้องทำงานเข้าไปก่อนก้าวตรงไปที่โต๊ะทำงานทันทีเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตนส่งเสียงร้องดังอยู่ เขากดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ของที่บ้าน
“ครับ”
[คุณควอตซ์คะคือว่าคุณหนูใหญ่…]
ก่อนที่ปลายสายจะพูดจบควอตซ์ก็พูดขึ้นเสียก่อน เขาใช้ไหล่หนีบโทรศัพท์เอาไว้เพื่อใช้สองมือรวบของมาถือไว้ “บอกเขาว่ากำลังเข้าไปแล้วให้น้ำเหนือเตรียมตัวไว้เลย”
[คือว่า… คุณหนูใหญ่เธอออกไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ]
ขาที่กำลังก้าวอยู่ชะงักทันที คิ้วขมวดเข้าหากันแทบชิด “ว่ายังไงนะ! น้ำเหนือไปโรงพยาบาลแล้วอย่างนั้นเหรอ”
[ช ใช่ค่ะ คุณหนูใหญ่เธอบอกว่าไม่อยากให้เลยเวลานัดเลยออกไปแล้วค่ะให้ลุงสินไปส่งที่โรงพยาบาล ธ.. เธอบอกว่าถ้าไม่ให้ลุงสินไปส่งก็จะไปเอง ก็… ก็เลยยอมให้ลุงสินไปส่งค่ะ] สาลี่รีบละล่ำละลักบอกทันทีที่ได้ยินเสียงห้วนๆ ของควอตซ์
“ให้ตายสิ! มันน่าจับมาตีจริงๆ โอเคๆ เดี๋ยวฉันจะตรงไปโรงพยาบาลเลย ขอบใจมากที่โทรมาบอก” ควอตซ์วางสายเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก้าวตรงไปที่ลิฟต์ทันที
นึกหงุดหงิด มันเขี้ยวเด็กดื้อเสียเหลือเกิน รอนิดรอหน่อยจะเป็นอะไรไปแล้วดูเถอะไม่มีการโทรมาบอกเลยสักนิด นี่ถ้าเป็นเด็กๆ เขาสาบานเลยว่าจะจับน้ำเหนือมาฟาดให้ก้นลาย
ความเร็วของรถคันสวยเพิ่มขึ้นทีละนิดเมื่อเห็นเวลาบอกว่าใกล้เวลานัดแล้ว ควอตซ์พ่นลมหายใจออกมาหลายต่อหลายรอบเมื่อเจอรถติดและไฟแดงกว่าจะถึงโรงพยาบาล
ควอตซ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดโทรหาคนที่หนีเขามาโรงพยาบาลเองทั้งๆ ที่บอกแล้วว่าเขาจะพามาเอง คิ้วขมวดอีกรอบเมื่อปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์
แต่ก่อนที่ความหงุดหงิดจะเพิ่มมากขึ้นไปมากกว่านี้สายตาของเขาก็หันไปเห็นน้ำเหนือพอดี ขายาวๆ ก้าวตรงไปทันทีมือทั้งสองข้างคว้าเข้าที่ไหล่ของน้ำเหนือก่อนจะดึงเข้าหาตัวจนคนถูกดึงถึงกับสะดุ้ง
“ค คุณ...” น้ำเหนือหันมามองอย่างตกใจ
“เป็นอะไร” ควอตซ์ถามเสียงห้วน ความหงุดหงิดยังไม่ได้ลดลงเลยสักนิดยิ่งนึกถึงภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิม
ภาพที่น้ำเหนือกำลังใกล้ชิดกับผู้ในชุดเสื้อกาวน์สีขาว หรือง่ายๆ ก็คือน้ำเหนือกำลังถูกโอบกอดอยู่แม้จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมน้ำเหนือถึงอยู่ในท่าทางแบบนั้นแต่ที่รู้ๆ คือมันทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจ ไม่พอใจอย่างมาก
“พอดีผมเดินชนกับเขานะครับ” คนที่สวมเสื้อกาวน์อยู่เป็นฝ่ายตอบแทนให้ควอตซ์ก้มลงมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองแทน
“ชน? ดื้อแล้วยังจะซุ่มซ่ามอีกหรือไง” ควอตซ์ขมวดคิ้ว
น้ำเหนือแทบจะเบะปากใส่คนดุก่อนจะหันไปหาใครอีกคนที่เขาเดินชนก่อนจะเอ่ยขอโทษ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ทันระวังเลยเดินชนคุณหมอเข้า”
“ไม่เป็นอะไรครับ” คนเป็นหมอว่าพร้อมกับยิ้ม “แต่คุณกับผมนี่ชนกันอีกแล้วนะครับ”
ทั้งน้ำเหนือและควอตซ์ต่างก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยกับคำพูดของคนตรงหน้า ก่อนที่น้ำเหนือจะร้องอ๋อออกมาแล้วยิ้มกว้าง “คุณนั่นเอง... ที่ผมเดินชนที่โรงแรม ขอโทษด้วยนะครับ ว่าแต่ว่า... คุณเป็นคุณหมออยู่ที่นี่เหรอครับ”
“ครับ เรียนเฉพาะทางทางด้านสูติอยู่ครับ”
“บังเอิญดีจังเลยนะครับ” น้ำเหนือยังคงยิ้มและพูดคุยต่อเหมือนกับลืมไปแล้วว่ายังมีใครอีกคนอยู่ด้วย
แล้วดูเหมือนว่าคนถูกลืมจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ควอตซ์ถึงได้บีบไหล่ของคนที่เขายังจับเอาไว้อยู่ “ไหนใครบอกว่ากลัวจะมาสายถึงได้ดื้อหนีฉันมาเองแบบนี้ และตอนนี้ก็สายแล้วจะไปได้หรือยัง”
“คนผิดนัดมีสิทธิมาพูดแบบนี้ด้วยเหรอ” น้ำเหนือแทบจะหันไปค้อนใส่ คนตัวเล็กกว่าทำหน้าบึ้งใส่
“เดี๋ยวจะโดนฉันตี ไปได้แล้วน้าหมอรอนานแล้วมั้งป่านนี้” ควอตซ์ว่าก่อนจะดันอีกคนให้เดินมือที่จับอยู่ที่ไหล่ก็เลื่อนเป็นโอบแล้วพาเดินไปด้วยกัน
น้ำเหนือย่นจมูกใส่แต่อีกฝ่ายคงไม่เห็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปทำใส่ ก่อนจะหันไปทางคุณหมอที่กลายเป็นส่วนเกินไปชั่วขณะแล้วก้มหัวให้เป็นเชิงบอกลาซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มกลับมาให้
“บอกว่าจะเข้าไปรับทำไมไม่รอ”
“แล้วคุณมากี่โมงละ กว่าจะรอคุณเข้าไปรับกว่าจะมาถึงโรงพยาบาลได้สายกว่านี้แน่ ผมมาเองก็ถูกแล้วนี่” น้ำเหนือว่า
“ให้ตายสิ... แล้วกับหมอคนเมื่อกี้ไปเดินยังไงถึงได้ชนกับเขาเข้า แล้วทำไมถึงโอบกันแบบนั้น” ควอตซ์ถามเสียงห้วน นึกแล้วยังหงุดหงิดไม่หายจนตัวเขายังแปลกใจ
ทำไมถึงได้หงุดหงิดนักก็ไม่รู้สิ...คนหงุดหงิดได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนจะก้มมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ พลันคำตอบบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัว...
“ผมรีบไปหน่อยเลยไม่ทันได้มองให้ดีเลยชนกับคุณหมอเขาเข้า แล้วที่สำคัญไม่ได้โอบกันครับเขาแค่ช่วยผมไม่ให้ผมล้มก็เท่านั้นเอง” น้ำเหนือตอบก่อนจะถามกลับ “ว่าแต่คุณเถอะไหนบอกว่าจะเข้าไปรับผมไง”
“งานมันมีปัญหากว่าจะจัดการเสร็จ ตั้งใจว่าจะรีบเข้าไปรับแต่ได้รับโทรศัพท์เสียก่อนว่าเด็กดื้อบางคนออกจากบ้านมาแล้ว”
“เอ๊ะ! คุณนี่ชอบว่าผมอยู่เรื่อย”
ควอตซ์ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอีกคนหัวเสีย คนตัวสูงกว่ายกมือข้างที่วางพาดบนไหล่ของน้ำเหนือขึ้นยีผมนุ่มนั้นเล่นจนคนโดนแกล้งต้องยกมือมาตีมือของเขาถึงได้หยุดแกล้ง
ทั้งสองคนเดินไปหาหมอวิรัชที่ห้องพักเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาก่อนที่จะพากันเดินไปที่ห้องตรวจ น้ำเหนือเดินไปวัดความดัน ชั่งน้ำหนักซึ่งน้ำหนักขึ้นมาจากคราวก่อนหลายกิโลซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคุณแม่ตั้งครรภ์ก่อนที่พยาบาลจะเจาะเลือดเพื่อเอาไปตรวจ
“อย่างนั้นเราไปอัลตราซาวด์กันดีกว่า มาดูกันว่าเจ้าตัวเล็กโตขนาดไหนแล้ว ควอตซ์เข้าไปด้วยก็ได้นะ ยังไม่เคยเห็นลูกนี่เราน่ะ” หมอวิรัชพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินนำน้ำเหนือและควอตซ์เข้าไปในห้องอัลตราซาวด์
ซึ่งคนที่ไม่เคยเข้ามาในห้องนี้อย่างควอตซ์อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ยิ่งยามที่มองน้ำเหนือเดินไปนอนบนเตียง ตอนที่น้าหมอของเขาดึงเสื้อน้ำเหนือขึ้นจนเห็นหน้าท้องที่นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มขยับไปยืนข้างเตียงตามที่หมอวิรัชบอก
“ช่วงอายุครรภ์สิบหกสัปดาห์เด็กในท้องจะเริ่มพัฒนามากขึ้น อวัยวะต่างๆ เริ่มสมบูรณ์แล้ว คอของเด็กจะยาวขึ้นทำให้เห็นแยกจากลำตัวชัดเจน...” หมอวิรัชพูดพร้อมกับใช้เจลทาไปทั่วบริเวณหน้าท้องก่อนจะหยิบหัวของเครื่องอัลตราซาวด์วางลงบนหน้าท้องของน้ำเหนือแล้วขยับไปมา
ภาพบนจอที่แสดงให้เห็นนั้นทำให้ควอตซ์ถึงกับอึ้งไปทันที ตัวของเขาเหมือนกับจะแข็งชาไปหมดแต่ใบหน้าคมคายนั้นปรากฏรอยยิ้ม
“เห็นแล้วใช่ไหม ตรงส่วนนี้คือหัวของเด็กแล้วก็นี่ลำตัว... เดี๋ยวนะ!” หมอวิรัชที่กำลังชี้ภาพบนจอให้ควอตซ์ดูร้องออกมาเบาๆ จนทั้งน้ำเหนือที่นอนอยู่บนเตียงและควอตซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตกใจและเป็นกังวล
“คราวที่แล้วมองไม่เห็นเพราะเจ้าตัวเล็กบังอยู่... แต่นี่เห็นไหมควอตซ์ น้ำเหนือ ดูตรงนี้สิ” ทั้งน้ำเหนือและควอตซ์ต่างมองตามที่หมอวิรัชบอก แม้ท่าทางของเด็กในท้องจะบดบังกันอยู่แต่ก็สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า...
“ส สองคน...”“ใช่แล้ว... ฝาแฝด คราวที่แล้วน้าไม่เห็นเพราะว่าเขาบังกันอยู่อีกทั้งตอนนั้นก็ยังใช้อัลตราซาวด์แบบสองมิติซึ่งมันเห็นไม่ชัดเท่านี้ นี่ก็ยังไม่เห็นเพศน้าเลยบอกไม่ได้ว่าลูกสาวหรือลูกชาย แต่ก็ดีใจด้วยนะได้ลูกแฝด”
สิ้นคำพูดของหมอวิรัชทั้งน้ำเหนือและควอตซ์ต่างก็หันมองหน้ากันทันทีตอนนี้เหมือนในสมองของทั้งคู่มีแต่คำว่าลูกแฝดอยู่เต็มไปหมด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเพราะพูดอะไรไม่ออก ซึ่งหลังจากที่อัลตราซาวด์เสร็จเรียบร้อยหมอวิรัชก็แนะนำถึงเรื่องสำคัญต่อแต่ดูเหมือนทั้งคุณพ่อและคุณแม่จะฟังไม่ค่อยเข้าใจเสียเท่าไหร่
“อย่าลืมเอาไปบอกแม่ละ น้าว่าเขาจะต้องดีใจแน่ๆ”
“ครับน้าหมอ ผมพาน้ำเหนือกลับก่อนนะครับแล้วเจอกันที่บ้านครับ” ควอตซ์พูดก่อนจะพาคนที่ยังนั่งเงียบออกจากห้อง
ควอตซ์พาน้ำเหนือไปที่รถของเขา ส่วนลุงสินที่ขับรถมาส่งควอตซ์ก็โทรไปบอกให้กลับไปก่อนแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าไปหาหมอวิรัช
“น้ำเหนือ... เป็นอะไร” ควอตซ์หันไปถามเมื่อยังเห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ ยังคงเงียบอยู่
น้ำเหนือหันไปมองดวงตากลมโตนั้นสั่นระริกก่อนที่น้ำใสๆ จะไหลออกจากดวงตาคู่นั้นให้คนที่มองมาตกใจ “เป็นอะไรร้องไห้ทำไม”
“ผม... ผม อึก... ลูกแฝด...” พูดไปก็สะอื้นไปไม่หยุด มือก็ยกขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนกับเด็ก
“อือ ลูกแฝด ฝาแฝด” ควอตซ์พูดยกมือขึ้นจับมือของน้ำเหนือแล้วเป็นฝ่ายเช็ดน้ำตาให้แทน “แล้วร้องไห้ทำไม”
“ผมก็บอก อึก ไม่ถูก... แค่ แค่ไม่คิดว่าจะได้ อึก... ลูกแฝด”
“หึ... เด็กดื้อ...” ควอตซ์ว่าเสียงขบขันดึงอีกคนเข้ามาใกล้จนใบหน้าน่ารักที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาซบลงกับอกของเขา “ได้ลูกแฝดทั้งทีก็ต้องดีใจสิ ใช่ไหม”
เด็กดื้อที่กลายเป็นเด็กขี้แยพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่วายมีเสียงสะอื้นให้ได้ยินจนคนที่ไม่ค่อยถนัดปลอบคนร้องไห้เริ่มไม่รู้ว่าจะปลอบยังไงนอกจากยกมือขึ้นลูบผมนุ่มนั้นเบาๆ โดยไม่พูดอะไรเพราะเขาเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน...
************************************************
เซอร์ไพรส์ไหม?! หรือว่าไม่เลย ฮ่าาาาา เขาได้ลูกแฝดอะ ลูกแฝดดดดดดดดดด >< พี่ควอตซ์นี่เก่งไม่เบานะเนี่ยทำครั้งเดียวก็ได้ลูกแฝดเลย อิอิ แฝดชายแฝดหญิง หรือแฝดชายหญิงก็ยังไม่รู้ ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องรอลุ้นกันต่อไปนะคะ แล้วอะไรคือพี่ควอตซ์ดึงน้องมาโอบเอาไว้ หึงก็บอกว่าหึงค่ะอย่ามาเนียน แล้วอะไรคือพี่ควอตซ์ดึงน้องมากอดแล้วลูบผม โอ๊ย! พี่ควอตซ์ที่แสนจะร้ายกาจในตอนแรกหายไปไหน! 5555555
ส่วนเรื่องที่มีคนถามมาเรื่องชื่อของเด็ก อันนี้ฟางมีชื่ออยู่ในใจแล้วค่ะ ^^ และก็จะใช้ชื่อที่คิดไว้นี่แหละค่ะไม่เปลี่ยน ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่สนใจถึงรายละเอียดตรงส่วนนี้ เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
หวังว่าทุกคนจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนนะคะ ช่วยรอกันหน่อยนะ
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
อ่านกันแล้วก็คอมเมนต์ให้กำลังใจคนเขียนหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจแต่งให้อ่านกันเรื่อยๆ นะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเฟบ กดเมนต์ กดโหวด กดแชร์ แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ