"หึ... ดื้อ งอแง" ✽ ✽ ✽ ต่อจากคราวที่แล้วค่ะ ✽ ✽ ✽
นั่งพักจนน้ำเหนือหายเหนื่อย ซึ่งตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในร้านน้ำเหนือไม่หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยสักนิด แต่ควอตซ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกทั้งยังยิ้มขำและส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอกับท่าทางนั้นของน้ำเหนือ มีอยู่ครั้งที่น้ำเหนือเผลอหันมามอง คงตั้งใจจะหันมาพูดด้วยแต่พอเห็นหน้าเขาอยู่ๆ ใบหน้าขาวๆ ก็แดงขึ้นมาจนเขาส่งเสียงหัวเราะ เลยได้รับดวงตาวาวๆ อย่างคนเคืองกลับมาเป็นของตอบแทน แล้วว่าที่คุณแม่ก็สะบัดหน้าหนีเขาไป
“อยากไปเดินดูอะไรอีกไหม” ควอตซ์ถาม หาเรื่องชวนคุยเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้หันมามอง
“ที่นี่มีร้านคิวเอ็น… ใช่ไหมครับ” น้ำเหนือหันมาถาม ซึ่งควอตซ์ก็พยักหน้ารับ “อย่างนั้นไปดูได้ไหม ผมอยากเห็น”
“ได้สิ ยังไงร้านนี้ก็เป็นของเราอยู่แล้วนี่นะ ทำไมจะไปดูไม่ได้ละ” ควอตซ์ตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าเป้ของน้ำเหนือมาสะพายเอาไว้ที่ไหล่ของตน
คำตอบที่ทำให้น้ำเหนือหน้าแดงอีกรอบเพราะรู้และเข้าใจความหมายของชื่อร้าน นึกถึงกี่ครั้งก็อดที่จะรู้สึกเขินไม่ได้…ควอตซ์คว้ามือของน้ำเหนือมาจับเอาไว้ก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินไปที่ร้านเครื่องประดับ เพราะยังเป็นเวลาทำงานคนจึงไม่มาก แต่ก็มีคนแวะเวียนเข้ามาที่ร้านอยู่ตลอด จากรายงานสรุปผลที่ควอตซ์ได้อ่านผลประกอบการก็เป็นที่น่าพอใจ
คนพี่ปล่อยให้น้ำเหนือเดินสำรวจไปรอบๆ ร้านอย่างที่เจ้าตัวต้องการ ส่วนตัวเขาก็ยืนคุยอยู่กับผู้จัดการสาขาถึงยอดขายของร้านนี้ จนกระทั่งคุยกันเสร็จได้ข้อมูลมาเยอะว่าส่วนใหญ่คนเข้าร้านเวลาไหน กลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในกลุ่มไหน อายุเท่าไหร่ ราคาที่ลูกค้าสามารถซื้อได้คือเท่าไหร่ น้ำเหนือก็ยังดูไม่เสร็จ
ควอตซ์เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวสูงหน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ซึ่งน้ำเหนือก็ยืนหยิบสร้อยคอที่ตัวเองออกแบบเองมาดู มือหนาแตะเข้าที่เอวของอีกฝ่าย รั้งให้คนที่มัวแต่สนใจของในมือเข้ามายืนอยู่กลางหว่างขาเขา แล้วใช้มือข้างนั้นโอบเอวเอาไว้
“ไม่เบื่อหรือไง พี่เห็นไปสาขาไหนก็ยืนดูไม่หยุด ออกแบบเองแท้ๆ เลย” ควอตซ์เงยหน้าถาม เพราะเขานั่งอยู่ระดับความสูงน้ำเหนือจึงมากกว่าเลยต้องเงยหน้าขึ้นมอง
คนถูกถามส่ายหน้าไปมาพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไม่เบื่อหรอกครับ ทุกวันนี้เวลาเห็นผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผลงานที่ผมออกแบบโชว์ขายอยู่ในร้านแบบนี้”
ควอตซ์เผยรอยยิ้มตามคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้างให้เขา ยกมือขึ้นจับผมจุกน้ำพุเล่นปล่อยให้อีกคนหยิบสร้อยมาชื่นชมต่อไป พอเห็นว่ายืนนานแล้วควอตซ์ก็จัดการรั้งอีกคนให้ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาที่ขาของเขา จนเหมือนกำลังนั่งตักเขากลายๆ เดี๋ยวกลับบ้านไปได้เท้าบวม…
เสียงกรี๊ดกร๊าดของลูกค้าสาวๆ ในร้านที่ดังอย่างพยายามกลั้นเสียงเรียกสายตาของคนทั้งคู่ให้หันไปมอง น้ำเหนือเอียงคอมองด้วยความไม่เข้าใจ แต่พอเห็นสายตาของหญิงสาวที่มองมาก็ทำให้ต้องก้มลงมองตัวเอง แล้วนั่นแหละ…
น้ำเหนือถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของควอตซ์ แถมยังเหมือนกำลังนั่งตักอีกฝ่ายอยู่ด้วย พอรู้ตัวน้ำเหนือก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าขาวแดงก่ำเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะมันบ่อยเสียเหลือเกิน
“พี่ควอตซ์!” น้ำเหนือเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงกระซิบต่ำๆ เหมือนจะขู่ให้อีกคนเลิกอมยิ้มสักที แต่เพราะหน้าแดงๆ นั้นไม่ได้ทำให้น่ากลัวเลย
ถึงอย่างนั้นควอตซ์ก็ยอมยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้
“พี่น้ำเหนือคะ…” เสียงเรียกชื่อน้ำเหนือดังจากด้านหลังให้เจ้าของชื่อหันไปมอง
เจ้าตัวเอียงคอนิดอย่างกำลังนึกว่ารู้จักคนตรงหน้าหรือเปล่า ดูจากชุดก็คงเป็นนักศึกษา…
“ครับ…”
“สร้อยที่พี่น้ำเหนือดีไซน์สวยมากเลยนะคะ พวกเราชอบมากเลยค่ะ” คนเดิมพูดพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนพยักหน้ายืนยัน
ให้คนโดนชมยกมือเกาแก้มแก้เขินที่โดนชมฝีมือในการออกแบบซึ่งๆ หน้า ควอตซ์ก็เคยบอกว่าลูกค้าชมกันเยอะกับดีไซน์แต่นั่นก็เป็นการฟังจากบุคคลที่สาม พอได้ฟังกับตัวแล้ว… เหมือนจะลอยได้เลย
“ใช่ค่ะ ยิ่งแบบโชคเกอร์พวกเรายิ่งชอบค่ะ พี่น้ำเหนือดีไซน์ออกมาอีกเยอะๆ เลยนะคะ”
“อ่า…” คนโดนชมได้แต่หน้าแดง ส่งยิ้มเขินๆ ให้กับพวกสาวๆ
“อย่าชมมากเลยครับ เดี๋ยวคนโดนชมจะลอยทะลุเพดานไปเสียก่อน” ควอตซ์แซวเมื่อเห็นท่าทางของคนรักที่เหมือนจะลอยได้อยู่แล้ว ให้คนโดนแซวหันมามองค้อน ยกมือขึ้นตีแขนควอตซ์ไปที
ยืนคุยกับลูกค้าอีกสักพักควอตซ์ก็เอ่ยขอตัวพาน้ำเหนือออกมาเพราะพวกเขาจะต้องไปหาสินธรกันต่อ เมื่อเลี่ยงออกจากร้านได้ทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่รถ สินธรนัดน้ำเหนือกับควอตซ์ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้เวลาค่อนข้างนานเนื่องจากตอนเย็นการจราจรในกรุงเทพช่างคับคั่งไปหมด เมื่อไปถึงก็เจอกับสินธรที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
โต๊ะที่สินธรจองเอาไว้นั้นอยู่ริมระเบียง มองเห็นวิวแม่น้ำและสะพานได้อย่างชัดเจน ทันทีที่เห็นคนเป็นพ่อน้ำเหนือก็เดินเข้าไปยกมือไหว้แล้วกอดทันทีด้วยความคิดถึง แค่หนึ่งอาทิตย์แต่ความคิดถึงก็มีมากเหลือเกิน เพราะมันยังไม่สามารถทดแทนช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายปีได้
“สวัสดีครับคุณสินธร” ควอตซ์เองก็ยกมือไหว้คนเป็นพ่อของคนรัก
“สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ เชิญ” สินธรหันมารับไหว้ แล้วเชื้อเชิญอีกคนให้นั่งก่อนจะหันกลับมาหาลูกชายที่กำลังกอดเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแล้วหัวเราะออกมา “นั่งก่อนน้ำเหนือ เดี๋ยวจะได้กินข้าวกัน พ่อสั่งอาหารไปให้แล้ว ของโปรดลูกตั้งแต่ตอนลูกยังเด็กๆ ไม่รู้ยังชอบอยู่ไหม”
“พ่อสั่งอะไรให้ผม ผมก็กินได้หมดแหละครับ”
สินธรยิ้ม ยกมือขึ้นยีผมน้ำเหนือเล่นเบาๆ แล้วหันกลับมาหาควอตซ์ “คุณทานได้นะ อยากสั่งอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ครับ ผมทานได้”
“จริงสิ เหมือนผมจะเคยเห็นคุณในข่าวมาก่อนว่าคุณเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง รวมถึงไอเดียที่คุณเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่ ผมว่ามันดีเลยนะ” สินธรคุยกับควอตซ์ เขาเองก็ทำงานบริษัท แม้จะไม่ใช่บริษัทจิวเวลรี่ แต่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการอะไรที่แปลกใหม่เรื่อยๆ
“ไม่หรอกครับ ถ้าผมไม่ใช่ลูกชายของโทมัส บริสตัน กับคุณหญิงมรกต ผมคงไม่ได้ลงข่าวว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มหรอกครับ ผมแค่โชคดี” ควอคซ์ว่า ที่สำคัญเขาคิดแบบนั้นจริงๆ โชคดีที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่ดีและเพียบพร้อม
สินธรพยักหน้ารับรู้สึกพอใจกับคำตอบของอีกคนที่ไม่เยินยอหลงตัวเอง“พ่อสนใจผมสิ สนใจเหนือสิ…”แต่ยังไม่ทันที่สินธรจะได้ต่อบทสนทนาเสียงงอแงของลูกชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ร้องออกมาก่อนพร้อมกับแรงเขย่าที่แขน จนคนเป็นพ่อต้องหันไปมอง เหมือนเห็นลูกชายตัวเองตอนสมัยยังเป็นเด็กนั่งอยู่ ใบหน้างอง้ำอย่างงอนๆ กำลังร้องเรียกความสนใจ
“พ่อนัดผมมานะ สนใจผมสิ…” คนงอแงยังว่าต่อให้ทั้งสินธรและควอตซ์ยิ้มขำเอ็นดู
“คุณสินธรสนใจเด็กน้อยเถอะครับ” ควตอซ์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะยิ้มมากขึ้นเมื่อเด็กน้อยหันมาทำหน้างอใส่
“พี่ควอตซ์ห้ามพูดเลยนะ ห้ามเรียกร้องความสนใจจากพ่อผมด้วย!”
ถ้อยคำใส่ร้ายที่ทำให้ควอตซ์อยากจะหยิกแก้มป่องๆ นั้นสักที ใครกันแน่ที่เรียกร้องความสนใจ และก็ยอมตามใจโดยไม่เรียกร้องความสนใจจากสินธรมาจากเด็กน้อยอีก
ควอตซ์นั่งฟังสองพ่อลูกคุยกันไป ดูแลว่าที่คุณแม่ไปด้วย เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันก็ไม่พ้นช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน
จนกระทั่งเริ่มดึก คนนั่งฟังตาแป๋วเริ่มตาปรือคงเพราะวันนี้ออกมาทั้งแต่บ่ายน้ำเหนือจึงเพลียและง่วงนอนเร็วขนาดนี้
สินธรหันไปเรียกพนักงานมาเช็คบิลจนกระทั่งเรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมาหาลูกชายของตน “น้ำเหนือกลับบ้านกันดีกว่า จะหลับอยู่แล้วเนี่ย”
ควอตซ์ลุกไปช่วยประคองน้ำเหนือขึ้นยืน “ง่วงทำไมไม่บอก”
“ก็ผมอยากคุยกับพ่อนานๆ นี่…” พูดไปก็หาวไปอย่างคนที่พร้อมจะหลับเต็มที่
ทั้งสองคนได้ฟังคำตอบก็ส่ายหน้ากับนิสัยดื้อเล็กๆ นี้ “เอาไว้วันหลังเราค่อยเจอกันใหม่ก็ได้ลูก หรือไม่อย่างนั้นเดี๋ยววันหยุดนี้พ่อไปหาที่บ้านดีไหม”
“จริงนะครับ”
“จริงสิ นี่กลับบ้านไปนอนได้แล้วพักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้พ่อโทรหา” สินธรลูบผมลูกชายของตัวเองเบาๆ
น้ำเหนือพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้อีกฝ่าย “สวัสดีครับพ่อ แล้วเจอกันใหม่นะครับ”
“อือ! ฝันดีเจ้าตัวเล็ก ขับรถกลับดีๆ นะครับ” สินธรพูดกับน้ำเหนือก่อนจะหันไปบอกควอตซ์
“ครับ ขอตัวก่อนนะครับ” รับคำก่อนจะพาน้ำเหนือเดินกลับไปที่รถ จับคนง่วงนอนเต็มแก่ให้นั่งดีๆ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยแล้วจึงเดินอ้อมกลับไปยังคนขับ
ขับรถยังไม่ทันพ้นหน้าร้านเด็กดื้อก็หลับสนิทไปแล้วเรียบร้อยจนควอตซ์ต้องส่ายหน้า ง่วงมากแท้ๆ แต่ก็ยังฝืน ถึงในใจจะบ่นแต่ควอตซ์ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของน้ำเหนือ ไม่ได้เจอพ่อมาตั้งหลายปีในเมื่อตอนนี้มีโอกาสได้เจอน้ำเหนือก็คงอยากจะอยู่กับพ่อให้นานๆ และการที่ได้เห็นน้ำเหนืออยู่กับสินธรก็ทำให้ควอตซ์ได้เห็นมุมเด็กๆ เอาแต่ใจของน้ำเหนือมากขึ้น
คงเพราะก่อนหน้านี้ต้องอยู่คนเดียว ต้องทำตัวให้เข้มแข็งและเป็นผู้ใหญ่น้ำเหนือจึงเก็บความเป็นเด็กเอาไว้ข้างใน พอได้เจอพ่อ นิสัยเด็กๆ ก็เลยกลับมา
ควอตซ์หันมองคนที่หลับสนิทแล้วก็ยิ้มเอ็นดู ตอนน้ำเหนือเข้มแข็งก็น่ารักดี
แต่ตอนที่น้ำเหนือเป็นเด็ก… น่ารักกว่า...เป็นอีกครั้งที่น้ำเหนือได้แต่นั่งกระพริบตาปริบๆ ยามมองภาพของตัวเองกับควอตซ์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ตที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับหัวข้อข่าวที่พาดเอาไว้เสียจนเด่น
‘ทายาทจิวเวลรี่ควงคนรักสวีทกลางห้างดัง’น้ำเหนือก็ไม่เข้าใจว่าคนเขียนข่าวนั้นเป็นนักเขียนนิยายรักหรือเปล่าถึงได้บรรยายข่าวได้น่าขนลุกขนาดนี้ มีทั้งเขียนว่าทั้งสองคนเดินจับมือกัน ป้อนอาหารกัน เลือกซื้อของด้วยกัน ไปดูกิจการด้วยกัน หวานกันเสียจนน่าอิจฉา ซึ่งบางอย่างก็ออกจะ... เกินจริงไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโชคดีที่ไม่มีภาพหรือข่าวเขียนตอนที่พวกเขาไปเลือกดูของใช้เด็กอ่อน หรือตอนที่... น้ำเหนือโดนอีกคนที่อยู่ในข่าวแกล้งตอนอยู่ที่ร้านขนม
“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก” ควอตซ์ว่าง่ายๆ คว้าแท็บเล็ตไปกดออกจากหน้าข่าว “เขาอยากจะเขียนอะไรก็ปล่อยเขาไป พวกคอมเมนต์ก็ไม่ต้องไปอ่าน ใครจะชม ใครจะด่าก็ช่างเขา”
“ผมก็... ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ แค่แปลกใจว่านักข่าวนี่... อยู่ทุกที่เลยเนอะ อีกอย่างแค่ผมกับพี่ไปเดินเล่นกันก็ยังเป็นข่าวได้”
ควอตซ์ไหวไหล่อย่างไม่สนใจ “คงจะว่างๆ มั้งเลยเอามาเขียน ว่าแต่วันนี้พ่อจะมาหาหรือเปล่า”
น้ำเหนือยู่หน้านิดก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ไม่ครับ เมื่อวานพ่อโทรมาบอกว่าวันนี้มีประชุมด่วน เลยมาไม่ได้”
“แล้วอยากไปไหนไหม” ยังคงถามต่อ วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งคนในบ้านบริสตันก็อยู่กันครบไม่ได้ไปทำงาน เมื่อวานเลยคุยกันว่าวันนี้จะชวนสินธรมาที่บ้าน จะได้นัดทานข้าวกันซึ่งสินธรก็รับคำเรียบร้อยเพราะคิดว่าจะได้แน่นอน ถึงแม้บริษัทจะทำงานวันเสาร์ในบางเสาร์แต่ตอนนี้สินธรก็มีตำแหน่งที่เป็นถึงผู้จัดการฝ่ายจึงไม่มีปัญหาเรื่องหยุดงาน ยิ่งในวันเสาร์แบบนี้ด้วยแล้ว แต่เมื่อวานตอนเย็นอีกฝ่ายกลับโทรมาบอกว่าคงมาไม่ได้แล้วเพราะมีประชุมผู้จัดการ
“ไม่ดีกว่าครับ ไม่รู้จะออกไปไหนเหมือนกันวันหยุดแบบนี้คนน่าจะเยอะ อยู่บ้านดีกว่า” เมื่อน้ำเหนือว่าแบบนั้นควอตซ์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากพยักหน้ารับตามใจ
ทั้งสองคนจึงเลือกที่จะนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น คุณหญิงมรกตและคุณโทมัสกำลังนั่งคุยเรื่องงานกันอยู่ในห้องทำงาน ส่วนลาพิสก็นั่งทำงานอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยกันนั้น
“พี่น้ำเหนือคะ” ลาพิสเรียกพี่สะใภ้ที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่พร้อมกับถือกระดาษเดินเข้ามาหา ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ยื่นกระดาษในมือให้อีกฝ่ายดู “พี่น้ำเหนือช่วยพิสดูหน่อยสิคะว่าพิสออกแบบสร้อยแบบนี้ดีหรือยัง”
กระดาษที่ลาพิสส่งให้คือแบบร่างเครื่องประดับ น้ำเหนือรับมาดูอย่างตั้งใจก่อนจะให้คอมเมนต์กลับไป “พี่ชอบดีไซน์ของตัวจี้นะ แต่ว่าสร้อยโชคเกอร์ที่พิสวาดมานี่มันเส้นเล็กนะ ตัวจี้มันใหญ่ไปถ้าพิสอยากเน้นตัวจี้แบบนี้ลองปรับสร้อยดูดีไหม ลองเพิ่มดีไซน์เข้าไปให้ตัวสร้อยมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ต้องไม่ทำให้ดูหนาแล้วก็เทอะทะ”
ลาพิสเองก็นั่งฟังพี่สะใภ้แนะนำอย่างตั้งอกตั้งใจ วิ่งไปคว้าเอากระดาษและดินสอมานั่งร่างแบบอยู่ข้างๆ ทันที โดยที่ขอคำแนะนำกับน้ำเหนือไปด้วย
“เดี๋ยวพี่ไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนก่อนนะ” ควอตซ์หันมาพูดกับน้ำเหนือแล้วจึงลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปเพื่อคุยโทรศัพท์
“พี่น้ำเหนือว่าแบบนี้โอเคหรือยังคะ” ลาพิสเรียกความสนใจจากน้ำเหนือที่มองตามหลังอีกคนไปให้หันกลับมามอง
“พี่ว่าดีกว่าเมื่อกี้นะ แต่พิสต้องลองคิดดูแล้วละว่ามันดีที่สุดหรือยัง พี่แนะนำมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าพิสออกแบบตามคำของพี่ พี่อยากลองให้พิสออกแบบเอง วาดออกมาเรื่อยๆ นึกได้สิบแบบก็วาดสิบแบบแล้วลองมาหาจุดดี จุดเด่นของแต่ละแบบ แล้วเลือกแบบที่คิดว่าดีที่สุดดู”
“เฮ้อ... ยากจังเลยค่ะ” ลาพิสถอนหายใจออกมาพร้อมกับทิ้งตัวลงพิงกับผนักโซฟา
น้ำเหนือหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางนั้น “เรียนมาจนจะจบแล้ว อีกนิดเดียวเอง สู้ๆ เข้านะ ถ้าอยากได้คำแนะนำก็ถามพี่ได้ตลอด”
“ขอบคุณนะคะ พี่น้ำเหนือน่ารักที่สุดเลยอะ” ลาพิสกอดแขนคนเป็นพี่สะใภ้แน่นอย่างออดอ้อนเหมือนเด็กๆ
ส่วนคนที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเรียบร้อยก็ตั้งใจจะเดินกลับเข้ามาหาน้ำเหนือที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็โดนคุณหญิงมรกตเรียกเข้าไปคุยด้วยกันก่อนในห้องทำงาน
“คุณพ่อคุณแม่ มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม เดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างๆ คนเป็นแม่
คุณโทมัสดันหนังสือนิตยสารที่กำลังเปิดอ่านอยู่ให้กับคนเป็นลูกชาย ซึ่งควอตซ์ก็คว้าไปดูแม้จะยังไม่เข้าใจก็ตามว่าพ่อของเขาจะให้ดูนิตยสารบ้านไปทำไม “บ้าน... ทำไมเหรอครับ คุณพ่อจะปรับปรุงบ้านนี้เหรอ”
“ไม่ใช่บ้านนี้ค่ะพี่ควอตซ์” คุณหญิงมรกตว่า “อีกไม่กี่เดือนน้องเหนือก็คลอดแล้ว และอีกหน่อยเจ้าฝาแฝดน้อยก็ต้องโต แต่บ้านเราน่ะไม่มีห้องสำหรับเจ้าแฝดเวลาโตแล้วหรอกนะ”
ควอตซ์หันมองหน้าคุณหญิงมรกตกับคุณโทมัสสลับกันไปมา “คุณแม่ คุณพ่อหมายถึง...”
“อือ พ่อว่าเราควรวางแผนเอาไว้สำหรับอนาคตนะ กว่าบ้านจะสร้างเสร็จแฝดก็เริ่มโต” คุณโทมัสว่า “พ่อคุยกับแม่เรื่องนี้มาสักพักแล้วละ”
“ไม่ต้องไปสร้างบ้านที่ไหนไกลก็สร้างที่นี่นี่แหละ เมื่อวันก่อนคุณนวลที่อยู่ข้างๆ บ้านมาคุยกับแม่บอกว่าช่วยหาคนซื้อที่ซื้อบ้านหน่อยเพราะว่าคุณนวลเธอจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับลูกชายแบบถาวรแล้ว แม่ก็เลยคิดว่าถ้าเราซื้อเอาไว้เอง ทุบรั้วบ้านเราแล้วก็ทำยาวไปถึงที่คุณนวลแล้วลูกกับน้องเหนือก็สร้างบ้านตรงนั้นแม่ว่าก็ดีนะ”
“ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน”
ควอตซ์ว่า เขาไม่ได้นึกเลยว่าอีกหน่อยพอลูกโตขึ้นก็คงอยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองบ้าง ซึ่งถ้าอยู่บ้านหลังนี้ก็คงไม่มีเนื่องจากห้องนอนมีไม่พอสำหรับแฝดทั้งสองคน พอได้ยินพ่อกับแม่พูดเรื่องนี้ก็ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้
“ลองไปคุยกับน้องดูก่อนก็ได้ ถ้ายังไม่อยากรีบตอนนี้ก็รอไปอีกหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร” คุณโทมัสว่า
“แต่ที่คุณแม่แนะนำก็ดีนะครับ สร้างบ้านในบริเวณเดียวกันก็ดีนะครับ ถ้าคุณนวลเขาอยากจะขายจริงๆ เราซื้อเอาไว้ก็ดีครับ แล้วจะสร้างบ้านเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากันอีกที”
“ถ้าลูกว่าอย่างนั้น เดี๋ยวแม่ลองไปคุยกับคุณนวลเขาอีกที” คุณหญิงมรกตว่า
“ครับ ส่วนเรื่องบ้านเดี๋ยวผมลองคุยกับน้องดูก่อนว่าอยากได้อะไรแบบไหน แล้วจะเอามาปรึกษาคุณพ่อคุณแม่อีกทีนะครับ”
ฟ้ามืดแล้วสมาชิกทุกคนในบ้านบริสตันต่างก็แยกย้ายเข้าห้องเพื่อพักผ่อน ถึงแม้ว่าห้องนอนเกือบทุกห้องจะปิดไฟสนิทแล้วแต่ห้องนอนของลูกชายคนโตของบ้านยังคงเปิดไฟสว่างเอาไว้บ่งบอกว่าคนในห้องยังไม่มีใครหลับ
น้ำเหนือกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสือโอนเอนตัวพิงกับอกกว้างของควอตซ์เอาไว้ มือหนาสอดกอดรอบเอววางประสานเอาไว้ที่หน้าท้องนูนเด่นแล้วลูบเบาๆ เหมือนกำลังกล่มลูกน้อยทั้งสองให้นอนหลับ
“วันนี้พี่ไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่มา” ควอตซ์ทำลายความเงียบภายในห้องนั้นลง
ให้คนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมอง “ครับ คุยเรื่องอะไรเหรอครับ”
ควอตซ์กระชับกอดอีกคนให้เข้ามาชิดมากขึ้นโดยพยายามที่จะไม่รัดเอวอีกฝ่ายแน่นจนเกิดไป กดปลายจมูกลงที่ข้างขมับของน้ำเหนือ “คุณแม่บอกว่าคุณนวลบ้านข้างๆ จะขายที่ขายบ้านเพราะจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับลูกชายของเขา”
“ครับ” น้ำเหนือเอียงคอมองอย่างยังไม่เข้าใจนักว่าควอตซ์ต้องการจะสื่ออะไร
“คุณแม่กับคุณพ่อก็เลยว่าจะซื้อเอาไว้ พี่ก็ว่าดีเหมือนกันนะ”
“ซื้อเอาไว้ทำไมละครับ”
คนถูกถามก้มลงมองคนที่เงยหน้าขึ้นมามอง ควอตซ์เผยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะกดริมฝีปากลงกับปากอิ่มของน้ำเหนือ
“เอาไว้สร้างบ้านของเราไง”************************************************
ครบ 100% แล้วค่ะ กว่าจะเข็นจนครบได้ เหนื่อยมากมายค่ะ ไม่ได้แต่งยากอะไรแต่เวลามันไม่ให้เลยค่ะ ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฟางมีวันหยุดแค่ 4 วันเองค่ะ เหนื่อยสุดๆ เลย เฮ้อ... ฟางไม่ขออะไรมากค่ะ ขอกำลังใจแล้วก็ขอความเข้าใจจากทุกคนว่าฟางยุ่งแล้วก็เหนื่อยจากงานจริงๆ อีกอย่างวุ่นวายนิดๆ กับการเปิดจองรวมเล่ม My Mom กลับเข้าเนื้อเรื่องก่อนเนอะ
ทำไมฟางรู้สึกหมั่นไส้พี่ยังไงไม่รู้อะ อะไรคือการแสดงออกชัดเจนในที่สาธารณะขนาดนั้นคะ หมั่นไส้อะ หมั่นไส้ ฮ่าาาาาาา แต่งเองหมั่นไส้เองค่ะ แล้วน้องเหนือคือน่าเอ็นดู เด็กงอแงอะ เรียกร้องความสนใจจากพ่อ สั่งห้ามพี่คุยกับพ่อด้วยเพราะเดี๋ยวพ่อไม่สนใจตัวเอง เด็กงอแง! คือพูดถึงตรงนี้ก็ชี้แจงนิดนึงเนอะ น้องไม่เจอพ่อหลายปี แล้วตอนนี้ได้เจอพ่อแล้ว คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่น้องจะสนใจพ่อมากจนเหมือนไม่สนใจพี่ คืออย่างฟางเนี่ย ไม่ได้กลับบ้านมา 1 เดือนแล้ว ไม่ได้เจอพ่อ แม่เจอย่าเลย แค่เดือนเดียวพอได้เจอก็คืออยากคุย อยากอยู่ใกล้ๆ ตลอด นี่น้องไม่เจอพ่อมาหลายปี พอเจอก็เลยอยากอยู่กับพ่อ อยากให้พ่อสนใจ อยากคุยกับพ่อ อยากอ้อนพ่อ ไม่ใช่ว่าน้องไม่สนใจพี่นะคะ แต่เพราะน้องคิดถึงพ่อมาก
อ๋อ... ขออนุญาตขายตรงสักนิดนะคะ ตอนนี้เรื่อง My Mom ; รักของมัม น้องกันต์จัดให้ เปิดจองแล้วนะคะ ฝากด้วยค่ะ
+++ เปิดจองรวมเล่ม My Mom ; รักของมัม น้องกันต์จัดให้ +++
ปล. มีคำผิด บอกได้ค่า
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ฟางด้วยค่ะ ^^
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ