“"ฮาร์ทที่แปลว่าหัวใจ กับเดียร์ที่แปลว่าที่รัก"”
ติดแฮชแท็ก #พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์ บท 33 “ช่วงนี้พยาบาลจะเข้ามาตรวจค่อนข้างบ่อยนะ เพราะว่าเราเข้าสู่สัปดาห์ที่สามสิบเจ็ดแล้ว ตามกำหนดคลอดก็อีกไม่ถึงสองสัปดาห์แต่ก็อาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้” หมอวิรัชพูดในระหว่างวันที่เข้ามาดูอาการของว่าที่คุณแม่ “ส่วนเครื่องนี่ต้องคาดเอาไว้ตลอดเพราะมันจะสามารถวัดการบีบตัวของมดลูกได้ ช่วงนี้ค่อนข้างเสี่ยงเพราะถ้าเกิดถุงน้ำคร่ำแตกขึ้นมาแฝดอาจจะสำลักน้ำคร่ำได้”
“อันตรายมากไหมครับน้าหมอ” ควอตซ์ที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามออกมาด้วยความเป็นกังวลพร้อมกับหันไปมองคนรักที่นอนอยู่บนเตียง
“ก็พอสมควร น้าเลยจะให้พยาบาลคอยดูแลใกล้ชิดตลอด คอยเช็คการบีบตัวของมดลูก ส่วนน้ำเหนือถ้าเกิดมีอาการเจ็บท้องขึ้นมาอีกก็ให้รีบบอกพยาบาลเลยนะ” หมอวิรัชหันไปพูดกับคนท้อง
น้ำเหนือพยักหน้ารับคำพูดของน้าหมอ ก่อนจะเบนสายตามามองหน้าท้องของตัวเองที่นูนเด่นชัดเพราะมีเด็กน้อยสองคนอยู่ข้างในนั้นและอีกไม่นานก็กำลังจะออกมาลืมตาสู่โลกภายนอก มือบางยกขึ้นลูบหน้าท้องของตัวเอง แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่
หมอวิรัชบอกว่าเพราะแฝดโตแล้ว อีกทั้งยังมีอยู่สองคนจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คุณแม่จะรู้สึกอึดอัดไปบ้าง ขยับตัวกันได้ไม่มากเนื่องจากพื้นที่ภายในท้องนั้นค่อนข้างจำกัด แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่คนเป็นแม่เท่านั้นที่จะรู้สึกได้
“น้าให้คนเตรียมห้องผ่าคลอดเอาไว้แล้วล่ะ อยู่ที่ชั้นนี้นี่แหละ เตรียมพร้อมเอาไว้ตลอดเวลาอย่างน้อยก็ป้องกันเอาไว้ก่อน”
“น้าหมอจะเป็นคนผ่าให้ผมใช่ไหมครับ” น้ำเหนือถาม
“ใช่แล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงนะน้าไม่ปล่อยให้เรากับแฝดเป็นอะไรไปแน่นอน” หมอวิรัชยิ้มให้กับหลานสะใภ้ พูดคุยกับทั้งสองคนต่ออีกหน่อยก็ขอตัวไปตรวจคนไข้คนอื่นต่อ ในห้องจึงเหลือเพียงว่าที่คุณพ่อ คุณแม่สองคนเท่านั้น
“อีกไม่นานก็จะคลอดแล้วนะ ตื่นเต้นหรือเปล่า “ควอตซ์หันมาถามคนรัก
น้ำเหนือพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มกว้าง “ตื่นเต้นมากเลยละครับ พี่ควอตซ์ตื่นเต้นไหม”
“ตื่นเต้นสิ อยากจะรู้จังว่าแฝดจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จะหน้าเหมือนใคร แล้วจะซนแค่ไหนกันนะ” ควอตซ์พูดด้วยรอยยิ้ม อย่างคนกำลังมีความสุข
ความสุขของการที่จะได้เป็นพ่อเป็นแม่...“พี่ควอตซ์อยากจะลูกสาวหรือลูกชายครับ”
คนถูกถามนิ่งไปเหมือนกำลังคิด แต่ไม่นานก็ส่ายหน้า “ไม่สำคัญหรอก จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ลูกของเราทั้งนั้นแหละนะ แต่ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชาย ขออย่างเดียว อย่าซนอย่าดื้อเหมือนมัมมี๊ก็พอแล้วล่ะ”
น้ำเหนือทำหน้าบึ้งใส่ทันที จนควอตซ์หัวเราะออกมา “ผมไม่ดื้อสักหน่อย แด๊ดดี๊ดื้อน่ะสิไม่ว่า”
“หึ... แต่ก็ดื้อสู้มัมมี๊ไม่ได้หรอก” พูดไปก็ยกมือขึ้นบีบปลายจมูกของคนรักไปอย่างมันเขี้ยวก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่จะโดนคนรักงอนแล้วทำร้ายร่างกายได้ “ว่าแต่ว่า... อยากให้ลูกชื่ออะไร คิดเอาไว้บ้างหรือยัง”
คำถามของควอตซ์ทำให้น้ำเหนือตาโตเหมือนกับคนตกใจ “ยังเลยครับ ผมลืมไปเลย... เราจะตั้งชื่อแฝดว่าอะไรดีละครับ”
“คิดแค่ชื่อเล่นก่อนไหม ส่วนชื่อจริงเอาไว้ค่อยไปปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ดู คงได้รับคำแนะนำดีๆ นั่นแหละนะ”
“แล้วพี่ควอตซ์คิดชื่อเล่นของลูกเอาไว้หรือยังครับ” น้ำเหนือเอ่ยถาม
“อือ... จริงๆ ก็มีคิดเอาไว้อยู่นะ” คำตอบนั้นเรียกความสนใจของน้ำเหนือได้เป็นอย่างดี จนต้องเอ่ยเร่งให้อีกฝ่ายบอกชื่อของลูกที่ควอตซ์คิดเอาไว้ “ชื่อเหรอ... ที่พี่คิดเอาไว้ก็คือ
ฮาร์ท กับ เดียร์”
“ฮาร์ท เดียร์... อย่างนั้นเหรอครับ” น้ำเหนือทวนคำ “ฮาร์ทที่แปลว่าหัวใจน่ะเหรอครับ”
ควอตซ์พยักหน้ารับกับคำถามของน้ำเหนือ “ใช่ ฮาร์ทที่แปลว่าหัวใจ กับเดียร์ที่แปลว่าที่รัก”
“ทำไมถึงเป็นสองชื่อนี้ล่ะครับ”
มือหนาเอื้อมมาจับมือของน้ำเหนือเอาไว้ “เพราะกว่าเราจะได้หัวใจที่เป็นที่รักมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยยังไงล่ะ เราทั้งสองคนผ่านเรื่องอะไรมากตั้งมากมาย เรื่องร้ายๆ ก็เจอกันมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พี่ทำร้ายเรา หรือเรื่อง... ของเฌอรีน”
น้ำเหนือนอนฟังความหมายที่เป็นที่มาของชื่อของแฝดอย่างตั้งใจ “และเพราะเราผ่านอะไรมามากมาย หัวใจมันเลยมีค่าและมีความสำคัญเป็นอย่างมาก พี่ก็เลยอยากให้แฝดชื่อฮาร์ทกับเดียร์”
หัวใจที่เคยแยกกันคนละทาง ที่ถูกหล่อหลอมทีละนิดจนหัวใจสองดวงประสานเป็นดวงเดียวกันจนต่างฝ่ายต่างเป็นที่รักของกันและกัน
“ผมชอบนะครับ อีกอย่างก็เป็นชื่อที่ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ทั้งนั้น” น้ำเหนือยิ้ม
“อย่างนั้นก็ชื่อฮาร์ทกับเดียร์แล้วกัน ดีไหมเจ้าตัวเล็ก...” ควอตซ์พูดก่อนจะหันไปคุยกับแฝดในท้องของคุณแม่ “ชื่อฮาร์ทกับเดียร์ ดีไหมครับ”
น้ำเหนือหัวเราะ ใช้สองมือจับท้องของตัวเองเอาไว้แล้วลูบเบาๆ “แฝดน่าจะชอบนะครับ เมื่อกี้ขยับกันใหญ่เลย ชอบชื่อที่แด๊ดดี๊ตั้งให้สินะ”
"ชอบกันก็ดีแล้ว" ควอตซ์ขยี้ผมน้ำเหนือเบาๆ ก่อนจะนั่งมองคนรักอยู่แบบนั้น
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาความรักของพวกเขาเหมือนจะแน่นแฟ้นขึ้น อาจจะเพราะการที่น้ำเหนือต้องนอนอยู่โรงพยาบาลตลอดเวลาแบบนี้ทำให้ควอตซ์รู้จักการดูแลและเป็นห่วงคนรักมากขึ้น ส่วนน้ำเหนือก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจคนรักที่ต้องมาคอยดูแลเขาอยู่ตลอด อาการดื้อดึงที่เคยมีจึงหายไป เหลือเพียงความห่วงใยแก่กันและกันเท่านั้น
เป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปไกลยิ่งกว่าคนที่รักกันมานานหลายปี
ส่วนเรื่องของเฌอรีน... ทั้งควอตซ์และน้ำเหนือก็ไม่ได้มีใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะอยากจะให้ทุกอย่างเป็นแค่อดีต เป็นเหมือนบททดสอบที่พระเจ้ามอบให้แก่พวกเขา และให้เป็นบทเรียนชีวิตบทสำคัญ แม้น้ำเหนือจะพอรู้ว่าควอตซ์คงแอบคิดมากและนึกโทษตัวเองบ่อยๆ แต่เขาก็ไม่อยากพูดเพื่อเป็นการตอกย้ำ และน้ำเหนือเชื่อว่าอีกไม่นานควอตซ์จะทำใจรับในเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เหมือนกับตัวเขาเองก็กำลังยอมรับเรื่องราวทุกอย่าง
ยิ่งใกล้กำหนดคลอดมากขึ้นทุกคนในบ้านบริสตัน รวมไปถึงพ่อสินธรและโอ๊ตต่างก็ตื่นเต้น แวะเข้ามาเยี่ยมน้ำเหนือกันทุกวัน คุณปู่คุณย่าแล้วก็คุณตาพากันไปเลือกซื้อของใช้ ของเล่น เสื้อผ้าต้อนรับหลานทั้งสองคน แวะมาโรงพยาบาลทีไร น้ำเหนือกับควอตซ์ก็จะได้ยินทั้งสามคุยกันแต่เรื่องที่ไปซื้อของให้หลาน จนพวกเขาต้องเอ่ยห้ามบ้างเพราะกลัวว่าของมันจะเยอะเกินไป ดีไม่ดี... แฝดทั้งสองคนอาจจะใช้ของได้ไม่ครบตามที่ซื้อมาก็ได้ เพราะดูท่าแล้วจะไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
"ไม่เป็นไรหรอกลูก ของที่พวกพ่อแม่ไปซื้อมาน่ะ ใช้ได้ยันแฝดเดินนั่นแหละค่ะ ใช้ได้ยาวอยู่แล้ว เนอะคุณ คุณสินธร" คุณหญิงมรกตว่าหลังจากได้ยินลูกชายกับลูกสะใภ้เอ่ยห้ามเรื่องซื้อของให้หลาน
ซึ่งผู้ใหญ่อีกทั้งสองคนก็พยักหน้ารับทันที ก่อนที่สินธรจะเอ่ยเสริม "ใช่แล้วล่ะ ก่อนจะซื้อก็เลือกกันอย่างดีแล้วว่าใช้ได้นานแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง"
พอได้ยินแบบนั้นคนเป็นลูกก็ได้แต่หันมองหน้ากันก่อนจะยอมให้ผู้ใหญ่เห่อหลานทั้งสามคน แต่ถึงจะห้ามไปยังไงถ้าตัวตั้งตัวตีอย่างคุณหญิงมรกตจะซื้อเสียอย่าง น้ำเหนือหรือควอตซ์ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว จะเอาไปฟ้องคุณโทมัสก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคุณโทมัสเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ตามใจภรรยาอย่างเต็มที่
ส่วนสินธร คนที่น้ำเหนือคิดว่าคงไม่เห่อหลานมากนัก ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เวลาคุณหญิงมรกตโทรศัพท์ไปชวนให้ไปซื้อของให้หลานกันก็รีบตอบรับตกลงไปทันที
“เอาเถอะ ความสบายใจของพวกคุณพ่อคุณแม่” ควอตซ์หันมาบอกคนรัก
“คงต้องอย่างนั้นแหละครับ” น้ำเหนือเองก็ได้แต่ตอบรับไปแบบนั้นเท่านั้น
ในตอนค่ำๆ คุณหญิงมรกต คุณโทมัสรวมไปถึงสินธรก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ยังเป็นวันทำงาน ควอตซ์จึงเดินไปส่งพวกคุณพ่อคุณแม่ที่ด้านล่าง แวะซื้อขนม น้ำผลไม้ ผลไม้ขึ้นมาบนห้องเพื่อให้กับคนท้องที่ลุกเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ รวมไปถึงกาแฟของตัวเองเอาไว้สำหรับนั่งทำงานคืนนี้หลังจากน้ำเหนือนอนหลับไปแล้ว
“พี่ซื้อน้ำผลไม้มาให้ อยากกินหรือเปล่าหรือจะให้พี่แช่เอาไว้ก่อน” ควอตซ์ถามพร้อมกับชูถุงที่ใส่ขวดน้ำผลไม้เอาไว้ขึ้นให้คนที่นอนดูโทรทัศน์อยู่บนเตียงดู
“แช่เอาไว้ก่อนก็ได้ครับ ผมยังไม่อยากกินเท่าไหร่” น้ำเหนือหันไปตอบ ก่อนจะมองตามคนรักที่เดินเอาน้ำผลไม้ รวมไปถึงผลไม้ไปแช่เอาไว้ในตู้เย็น จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินถือแก้วกาแฟมานั่งลงข้างๆ เตียง “พี่ควอตซ์น่ะ... นั่งทำงานดึกๆ ทุกคืนเลยใช่ไหมครับ”
คำถามที่ทำให้ควอตซ์ชะงักไปเล็กน้อย “ก็ไม่ดึกมากหรอก...”
“ขี้โม้ บางคืนผมตื่นมาตีหนึ่งตีสองยังเห็นพี่ควอตซ์นั่งทำงานอยู่เลย ทำไมไม่นอนพักละครับ หรือไม่ก็นั่งทำตอนกลางวันก็ได้ ตอนกลางคืนจะได้พักผ่อน” น้ำเหนือทำหน้ามุ้ย
“ก็ตอนกลางวันพี่จะได้อยู่เป็นเพื่อนเราไง”
“พี่ควอตซ์ไม่ได้ไปทำงานที่ไหนไกลนี่ครับ ก็ทำงานอยู่ในห้องนี้ แค่นี้ก็ถือว่าอยู่เป็นเพื่อนผมแล้วละครับ” น้ำเหนือพูด “ทำงานดึกๆ ไม่ยอมนอนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายไปหรอกครับ”
“ครับๆ อย่างนั้นพี่ขอคืนนี้อีกหนึ่งคืนแล้วกัน งานก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ”
น้ำเหนือทำหน้างอ เหมือนยังไม่พอใจในคำตอบสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ นิสัยคุณหญิงมรกตเอาแต่ใจแค่ไหน... ลูกชายคนโตของท่านก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “ผมไม่พูดแล้ว พี่ควอตซ์ดื้อ พูดไปก็ไม่ฟังผมหรอก”
ควอตซ์หัวเราะกับคำพูดของคนรัก “ดื้อได้เรามานั่นแหละ” ยีผมน้ำเหนือเล่นเบาๆ อย่างหยอกล้อ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนเล่นพักผ่อนไป ส่วนตัวเขาเองก็ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
ออกมาอีกทีคนท้องก็หลับไปแล้ว ควอตซ์จึงเดินไปปิดโทรทัศน์ ปิดไฟ หยิบโทรศัพท์มากดเปิดเพลงเพื่อช่วยกล่อมให้คุณแม่และคุณลูกในท้องให้หลับสบาย ส่วนตัวเองก็เดินมาที่มุมห้องที่ขอน้าหมอวิรัชขนโต๊ะทำงานมาไว้ในห้อง พร้อมกับโคมไฟที่พอให้แสงสว่าง แล้วนั่งทำงานเงียบๆ ต่อ
เพราะคนออกแบบเครื่องประดับหลักอย่างน้ำเหนือต้องนอนโรงพยาบาลแบบนี้เขาก็เลยต้องออกแบบเองเพื่อที่ไม่ให้คิวเอ็นขาดช่วงในการออกคอลเลคชั่นใหม่ แล้วก็ให้หัวหน้าฝ่ายออกแบบของคิวเอ็นเอาไปขัดเกลาใหม่จนได้แบบที่ต้องการ เพราะอย่างนั้นเขาเลยเลือกที่จะนั่งทำงานตอนที่น้ำเหนือหลับไปแล้วแทน เพราะถ้าหากเจ้าตัวรู้อาจจะคิดมากก็เป็นได้
ควอตซ์นั่งทำงานเพลินๆ เงยหน้าดูเวลาอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เป็นเวลาเดียวกับที่พยาบาลเดินเข้ามาตรวจเช็คเครื่องวัดการบีบตัวของมดลูก รวมไปถึงสายน้ำเกลือพอดี ควอตซ์ทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงห้องเพื่อผ่อนคลายสมองของตัวเอง
ก่อนที่คนที่จะยืนอยู่ตรงระเบียงแทบจะพุ่งเข้าไปในห้องเมื่อได้ยินเสียงร้องของน้ำเหนือ ควอตซ์ตรงไปที่เตียงที่น้ำเหนือนอนอยู่เอื้อมมือไปกดเปิดไฟจนสว่าง “น้ำเหนือ เป็นอะไรไป”
“พ... พี่ควอตซ์... ผ ผม จ เจ็บ...” น้ำเหนือพูดเสียงกระท่อนกระแท่น ยกมือจับบริเวณหน้าท้องของตัวเอง
“เจ็บท้องเหรอ เจ็บมากหรือเปล่า” ควอตซ์ร้องถามด้วยความร้อนรนปนเป็นห่วง หลายวันมานี้น้ำเหนือมีอาการเจ็บท้องบ่อยๆ แต่เจ้าตัวบอกว่าเป็นๆ หายๆ ไม่นานก็หายเจ็บ หมอวิรัชบอกว่าเป็นปกติของคุณแม่ที่เข้าสู่เดือนที่เก้าที่จะมีอาการเจ็บท้องคล้ายจะคลอดลูก แต่ก็เป็นอาการเจ็บหลอก ยังไม่คลอด รวมถึงจะมีอาการท้องแข็งเข้ามาด้วย
น้ำเหนือพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอีกรอบด้วยความเจ็บ เห็นแบบนั้นควอตซ์ก็รีบกดกริ่งเรียกพยาบาลทันที “ใจเย็นๆ นะ พี่เรียกพยาบาลแล้ว ไม่เป็นอะไรนะ”
มือหนาคว้ามือของคนรักมากุม เขาเริ่มเป็นกังวลเมื่อเห็นคนรักเจ็บท้อง อาการเหมือนกันกับวันที่เขาอุ้มคนรักมาที่โรงพยาบาลไม่มีผิด
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณอชิตพล” พยาบาลที่เปิดประตูเข้ามาในห้องร้องถาม
“พอดีน้ำเหนือเจ็บท้องครับ ยังไงช่วยดูให้หน่อยนะครับ” ควอตซ์บอก ปล่อยมือน้ำเหนือแล้วขยับหลบให้พยาบาลเข้าไปดูอาการของน้ำเหนือ
“มดลูกบีบตัวถี่ ท้องค่อนข้างแข็งมากทีเดียว คุณน้ำเหนือเจ็บมากหรือเปล่าคะ” พยาบาลรีบรุดเข้าไปดูอาการของน้ำเหนือทันที
“ครับ... เจ็บครับ...”
พยาบาลหันไปยกโทรศัพท์ภายในห้องขึ้นโทรออก “เรียกบุรุษพยาบาลมาที่ห้องวีไอพีหนึ่ง เตรียมย้ายคนไข้เข้าห้อง” ก่อนจะหันมาหาน้ำเหนือและควอตซ์
“มดลูกคุณน้ำเหนือบีบตัวถี่มาก ซึ่งเป็นอาการของคนใกล้คลอดค่ะ แต่เนื่องจากว่าคุณน้ำเหนือไม่มีช่องคลอดอย่างที่คุณหมอวิรัชเคยได้อธิบายไปแล้ว ถ้าหากมีอาการน้ำคร่ำเดินก็จะไม่ทราบ แล้วอาจจะทำให้ทารกในครรภ์เกิดการสำลักน้ำคร่ำได้ค่ะ ยังไงดิฉันจะย้ายคุณน้ำเหนือเข้าไปในห้องผ่าคลอดก่อนเพื่อเตรียมการเอาไว้ แล้วจะรีบติดต่อทางคุณหมอวิรัชนะคะ”
“ค ครับ... ยังไงผมฝากน้ำเหนือด้วยนะครับ” ควอตซ์พยักหน้ารับ
บุรุษพยาบาลเดินเข้ามาในห้องก้มๆ เงยๆ อยู่ที่เตียงนอนไม่นานก็เข็นเตียงที่น้ำเหนือนอนอยู่ออกจากห้องไป โดยมีควอตซ์เดินตามไปข้างๆ ชายหนุ่มกุมมือของน้ำเหนือเอาไว้แน่น “ไม่เป็นอะไรน้ำเหนือ ไม่เป็นอะไรนะ”
“คุณอชิตพลอยู่กับคุณน้ำเหนือที่ห้องนี้ก่อนได้นะคะ ตอนนี้ต้องคอยดูอาการของคุณน้ำเหนือตลอด เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปติดต่อคุณหมอวิรัชก่อนนะคะ” พยาบาลหันมาบอกกับควอตซ์ก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องรอคลอด
ควอตซ์รีบขยับเข้าไปใกล้น้ำเหนือทันที อีกฝ่ายยังคงดูทรมานจากอาการเจ็บท้องอยู่ และเหมือนอาการเจ็บท้องจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้ำเหนือส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด ควอตซ์เองก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงนอกจากนั่งกุมมือของน้ำเหนือเอาไว้แทน
“น้ำเหนือ ไม่เป็นอะไรนะ... อดทนนะ”
“พี่ควอตซ์...” น้ำเหนือเรียกอีกคน บีบมือของควอตซ์เอาไว้จนแทบจะกลายเป็นจิกเล็บลงกับฝ่ามือนั้นแต่ควอตซ์ก็ไม่ได้ร้องห้ามหรืออะไร แม้จะรู้สึกเจ็บก็ตาม แต่ความเจ็บแค่นี้คงเทียบไม่ได้กับน้ำเหนือ
ใบหน้าของควอตซ์เริ่มจะเคร่งเครียดขึ้นเมื่อเห็นว่าอาการเจ็บท้องของน้ำเหนือไม่ได้ดีขึ้นเลย ยิ่งตอนที่เห็นน้ำตาไหลออกจากดวงตาของน้ำเหนือก็ยิ่งเป็นกังวล จนเขารู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ตามน้ำเหนือ
เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่ทว่ามันเนินนานในความรู้สึกของทั้งสองคน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงน้ำเหนือก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องผ่าคลอด พร้อมๆ กับที่หมอวิรัชที่วิ่งรุดเข้ามาในห้อง
“ควอตซ์”
“น้าหมอ... น้ำเหนือเจ็บท้องมากเลยครับ น้องจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ควอตซ์หันกลับไปมองก่อนจะรีบร้องถามคนเป็นน้าทันที
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวน้าจัดการเอง เราเถอะ... จะเข้าไปด้วยกันหรือจะอยู่รอข้างนอก”
ควอตซ์มีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่นานก็พยักหน้าลง “เข้าครับ! อย่างน้อยผมก็อยากอยู่ข้างใน”
“อย่างนั้นน้าจะให้พยาบาลพาไปเตรียมตัว เดี๋ยวน้าไปเตรียมตัวก่อน คืนนี้เราคงจะได้เห็นหน้าเจ้าแฝดกันแล้วละนะ” หมอวิรัชพูด ยกมือขึ้นตบไหล่หลานชายตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเข้าผ่าคลอดน้ำเหนือ
ควอตซ์เดินตามพยาบาลไปอีกทางเพื่อเปลี่ยนชุดและล้างมือ รวมไปถึงสวมหมวกคลุม ผ้าปิดปากและถุงมือด้วย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ประตูบานเลื่อนของห้องผ่าตัดเปิดออกและเขาก้าวเข้าไปในนั้น
น้ำเหนือนอนอยู่กลางห้องโดยมีทีมแพทย์ พยาบาลหลายคนล้อมรอบเตียงและเตรียมเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด เขาเดินไปนั่งๆ ยืนๆ อยู่ริมห้องพลางมองน้ำเหนือแทบไม่คลาดสายตา
มองน้ำเหนือที่ต้องนอนตัวงอเพราะพยาบาลจะฉีดยา
มองน้ำเหนือที่นอนตัวสั่นเพราะอากาศหนาวภายในห้อง
มองน้ำเหนือที่เหมือนคนสะลึมสะลือตอนคุยกับพยาบาล
หมอวิรัชเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเดินมาหาหลานชายของตน หมอวิรัชพยักหน้าให้กับควอตซ์เป็นเชิงบอกว่าให้วางใจและเชื่อมั่นในตัวเขา แบบที่ควอตซ์เองก็พยักหน้ารับเป็นการบอกว่าเขาเชื่อมั่นในตัวของน้าชายของตัวเอง
ควอตซ์ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มันทั้งเร็วและช้าในความรู้สึก เขากลัว... และเป็นกังวล เขาไม่รู้ว่าน้ำเหนือจะเจ็บหรือทรมานหรือเปล่า ไม่รู้ว่าน้ำเหนือจะเป็นกังวลเหมือนที่เขาเป็นอยู่แบบนี้หรือเปล่า
************************************************
มาแล้วค่า คือ... รายละเอียดในขั้นตอนของการผ่าคลอดน้อง ฟางไม่ทราบ หาข้อมูลได้เท่านี้แล้วก็ไม่มั่นใจว่าถูกต้องหรือเปล่า (ส่วนตอนก่อนหน้านี้ที่เคยแต่งไปว่าคุณพ่อจะไม่เข้าห้องผ่าคลอด ฟางจะย้อนกลับไปแก้ไขทีหลังนะคะ ตอนนั้นยังไม่ได้หาข้อมูลค่ะ คิดว่าเป็นเคสผ่าตัดก็เลยเข้าห้องผ่าไม่ได้) ใจจริงอยากจะใส่รายละเอียด ความรู้สึกมากกว่านี้ แต่กลัวใส่ไปแล้วมันไม่ถูกก็จะกลายเป็นทำให้เข้าใจผิดกันไปหมด ก็เลยคิดว่าแค่นี้พอค่ะ
ส่วนเพศของหลาน... รอรอบหน้าเนอะ ฮี่ๆๆ ให้ลุ้นกันต่อ ยังไงคุณน้า คุณอา ก็อย่าลืมเตรียมของรับขวัญหลานกันน้าาาาาา ^^ รู้สึกดีใจที่หลายๆ คนอินไปกับนิยายเรื่องนี้ ประหนึ่งว่ากำลังจะได้อุ้มหลานจริงๆ
ปล. มีคำผิด บอกได้ค่า
อาจจะมาช้าหน่อยแต่ก็จะไม่ทิ้งไปไหนแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเข้าใจกันนะคะ เป็นกำลังใจให้ฟางด้วยค่ะ ^^
ถ้าชอบถูกใจก็คอมเมนต์กันเนอะ ขอเลยค่าขอคอมเมนต์เลย ขอกันแบบนี้นี่แหละ แฮ่...
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)
ฝากอุ้มรักด้วยนะคะ อย่าลืม กดเมนต์ กดโหวด แล้วแต่สะดวกเลยน๊า คนละนิดคนละหน่อยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกคะแนนบวกเป็ด คะแนนชื่นชมในตัวฟางนะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ