[ 33 ]
PART 2
“เมื่อวานไม่ค่อยได้คุยกันเลยว่ะ” ผมชวนคุยพร้อมยื่นซองบุหรี่ให้มัน มันรับไปจุดสูบ ส่งเสียงในลำคอเบาๆ เชิงว่าเห็นด้วย “มึงสบายดีนะ” ผมถามต่อ
“สบายดี. . .มึงล่ะ” มันตอบก่อนจะถามกลับมา ผมเงยหน้าขึ้นฟ้า พ่นควันบุหรี่จนจางหายไปกับอากาศก่อนจะตอบ
“ก็โอเค แต่เรียนหนัก”
“แต่มึงมีคนดูแลดีนี่หว่า คงไม่เหนื่อยเท่าไหร่มั้ง” มันพูดแซวๆ
“หึ ก็ดีว่ะ มันน่ารัก ไม่งี่เง่า เอาใจเก่ง หายเหนื่อยไปได้เยอะ”
“มึงดูมีความสุขนะ ตอนพูดถึงน้องเขา” มันทักขึ้นมา ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวเองว่าตอนพูดถึงไอ้ตัวขี้เซาที่หลับอุตุอยู่ในห้อง ผมยิ้มกว้างมากแค่ไหน “จริงจังหรอวะ. . .กับคนนี้”
“ทำไมถามแบบนั้นวะ” ผมเลิกคิ้ว หันไปจ้องหน้ามันตรงๆ เมื่อได้ยินคำถาม
“หึ ไอ้คีน กูเพื่อนมึงนะเว้ย ถึงตัวกูจะไม่อยู่แต่กูก็รู้ทุกเรื่องที่เกิดกับเพื่อนกู รู้ด้วยว่าเมื่อก่อนมึงเปลี่ยนแฟนบ่อยแค่ไหน ตอนรู้ว่ามึงคบผู้ชาย ตกใจฉิบหาย อยากเห็นหน้ามาตลอด” ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันรู้มาจากไหน ไอ้พวกเวรที่อยู่ในห้องคงจะเป็นคนเอาเรื่องผมไปเผาอีกตามเคย
“ก็. . .พาไปเจอแม่มาแล้วว่ะ แม่ก็ชอบ ครอบครัวกูทุกคนรับได้ กูเองก็ไปเจอพ่อแม่มันมาแล้วด้วย” ผมตอบไปตามจริง
“แล้ว. . .มึงรักน้องเขามากมั้ยวะ” มันถามอีก ผมขมวดคิ้ว
“รักสิวะ เมียกูทั้งคน มึงนี่ถามแปลกๆ” ผมพูดเจือเสียงหัวเราะ ทำให้เหมือนเป็นเรื่องขำๆ เกิดความเงียบระหว่างเรา เมื่อไอ้รบเลือกที่จะหันไปสูบบุหรี่เงียบๆ ผมเองก็ไม่พูดอะไร จนมีคำถามจากไอ้รบอีกรอบ
“มึงจำได้มั้ยวะ ที่กูเคยถาม. . .”
และเป็นคำถามที่ผมไม่อยากจะคาดเดาที่มาเลยสักนิด
“ถ้าเราสองคนเกิดชอบคนๆ เดียวกันขึ้นมา. . .”
“. . .”
“. . .มึงจะทำยังไง”
ย้อนกลับไปตอนม.ห้า วันนั้นเป็นวันวาเลนไทน์ ผมกับเพื่อนๆ นั่งเล่นกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าตึกเรียน รอเวลาไปเรียนคาบบ่าย ทุกคนสนุกเฮฮาคุยโม้กันเรื่องดอกกุหลาบและช็อคโกแล็ตที่ได้มาไม่หยุด จนกระทั่ง. . .
“พี่คีนคะ” เด็กผู้หญิงผมเปียใส่ชุดเครื่องแบบม.ต้น แต่หน้าตาน่ารัก ดูไร้เดียงสาเดินเข้ามาทัก ทำให้ทั้งกลุ่มเงียบกริบกันทันที
“ครับ?” ผมตอบรับ
“เอ่อ. . .คือว่า. . .มินท์” น้องดูท่าทางเขินอาย ไม่กล้าพูดอะไร แถมพวกเพื่อนๆ ผมก็แซวน้องจนเขินหนักกว่าเดิม เพราะก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กผู้หญิงที่เดินมหาผู้ชายในวันวาเลนไทน์แบบนี้ ไม่มีเหตุผลอื่นแน่ นอกจาก. . .
สารภาพรัก “พูดได้เลยครับ พี่ไม่กัด” ผมบอกยิ้มๆ เอาตรงๆ เลยคือน้องคนนี้ค่อนข้างตรงสเป็ค และเรียกได้ว่าเป็นนางฟ้าที่เด็กผู้ชายทั้งในและนอกโรงเรียนหลายคนหมายปอง
“มินท์เอา. . .เค้กมาให้พี่คีนค่ะ” แล้วน้องก็ยื่นกล่องขนมมาให้ ผมรับมา เปิดดูก็เห็นว่าข้างในเป็นเค้กช็อคโกแล็ตหน้าตาน่ากิน มีน้ำตาลปั้นเป็นรูปการ์ตูนเด็กผู้ชายผู้หญิงยืนคู่กัน
“น่ากินมากครับ น้องทำเองหรอ” น้องพยักหน้าเขินๆ แก้มที่แดงอยู่แล้ว ยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก “งั้น. . .พี่รับไว้นะครับ” สิ้นสุดคำพูดของผม ก็มีเสียงโห่จากเพื่อนๆ ผมและเสียงกรี๊ดจากน้องๆ ผู้หญิงที่ผมเพิ่งสังเกตว่าแอบมายืนมองกันหน้าสลอนเต็มไปหมด
หลังจากนั้น ข่าวว่าผมกับมินท์คบกันก็ดังไปทั่วโรงเรียน ซึ่งผมก็ไม่ได้แก้ข่าวอะไร ก็มีควงกันเดินในโรงเรียน พาไปกินข้าว ดูหนังบ้าง ทำทุกอย่างเหมือนๆ คนที่เป็นแฟนกันเขาทำ จนกระทั่งวันหนึ่ง. . .
ผมที่แยกตัวออกมาจากเพื่อนๆ ก่อน เพื่อไปรับมินท์ที่ห้องเรียนพาไปส่งที่บ้านตามปกติ แต่พอลงจากตึก ดันนึกขึ้นได้ว่าลืมเอาสมุดการบ้านที่ต้องทำส่งพรุ่งนี้ลงมาด้วย ก็เลยเดินขึ้นไปอีกรอบ
“มึงน่าจะบอกมันไปนะเว้ย” เสียงไอ้แบงค์
“เออนั่นดิ ถ้าไอ้คีนมันรู้ทีหลังเสียความรู้สึกแย่เลยว่ะ” เสียงไอ้แม็คอีกคน ผมที่กำลังจะตะโกนเรียกพวกมันชะงักทันทีเมื่อได้ยินชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนา เลยเลือกที่จะหยุดอยู่ที่ประตูยืนฟังเงียบๆ แทน
“กูไม่กล้าบอกว่ะ ปล่อยให้มันเงียบๆ ไปเหอะ เดี๋ยวกูก็ลืม” ไอ้รบที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้าง ผมขมวดคิ้วมุ่น เรื่องอะไรที่ทำให้เพื่อนไม่กล้าที่จะบอกผมขนาดนั้น
“แต่ว่า . .” ไอ้แม็คจะพูดขึ้นอีก แต่ไอ้รบดันแทรกข้นมาซะก่อน
“พอเหอะ. . .กลับบ้านกัน” ไอ้แม็คถอนหายใจ หันไปพยักหน้ากับคนอื่นเก็บของเตรียมเดินออกจากห้อง พวกมันชะงักเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าห้อง
“เอ่อ. . .มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้แบงค์ถาม ท่าทางหลุกหลิก คงกลัวว่าผมจะยินที่พวกมันคุยกัน
“ก็เพิ่งขึ้นมานี่แหละ ลืมสมุดอาจารย์เอมอรว่ะ พวกมึงเห็นปะ” ผมเลือกที่แกล้งจะทำเป็นไม่รู้เรื่องที่พวกมันคุยกัน ทั้งๆ ที่มันคาใจจนลืมไม่ลง หันไปมองไอ้รบ มันก็ทำเหมือนไม่มีอะไร
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้รู้ความจริง. . .
ในงานวันเทศกาลประจำปีของโรงเรียน ผมบังเอิญได้ยินพวกมันคุยกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้แกล้งไม่รู้เรื่องอีกต่อไป ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปเคลียร์ให้รู้แล้วรู้รอดเลย เราเลี่ยงมาคุยกันที่สวนป่า แถวนี้เงียบ ไม่มีใครมาเพ่นพ่าน ไอ้เพื่อนคนอื่นๆ ก็หลีกทางให้พวกเราได้คุยกัน
“ทำไมมึงไม่บอกกูวะ” ผมถาม อยากรู้เหตุผลทุกอย่างที่เพื่อนสนิทปิดบังกัน
เรื่องที่ไอ้รบชอบน้องมินท์. . . ที่สำคัญ มันชอบน้องมาตั้งนานแล้ว ก่อนที่น้องจะมาบอกชอบผมเสียอีก
“เพราะกูรู้ไง ว่าถ้ามึงรู้ มึงก็จะไม่คบกับนองเขาเพราะกู”
ใช่. . .ถ้าผมรู้ ผมคงปฏิเสธน้องเพื่อหลีกทางให้เพื่อน
“กูไม่ได้ต้องการแบบนั้น มินท์ชอบมึง มึงเองก็ดูถูกใจเขา ไม่มีเหตุผลอะไรที่มึงต้องหลีกทางให้กู เพราะสุดท้าย น้องเขาก็ไม่ได้ชอบกูอยู่ดี”
“แต่ว่า. . .” ผมจะแย้ง จะให้ผมคบกับคนที่เพื่อนผมเองก็ชอบเขาอย่างสบายใจได้ยังไง
“เอาน่าเพื่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก มึงก็คบน้องเขาต่อไป ไม่ต้องห่วงกู”
“ไอ้เหี้ย ไม่ให้ห่วงได้ไง มึงเพื่อนกูนะเว้ย” ไอ้รบหัวเราะ ผมขมวดคิ้ว แม่งไอ้นี่ น่าต่อยให้คว่ำ
“ไอ้คีน. . .ถ้าจะทำให้มึงหายรู้สึกผิด กูมีความลับบางอย่างจะบอก”
“อะไรวะ”
“คือว่า. . .” เพื่อนผมดูอ้ำอึ้ง ไอ้รบหน้าแดง เขินอายอย่างที่ผมไม่เคยเห็นสักครั้งในชีวิต “ตอนนี้. . .กูชอบคนอื่นแล้วว่ะ”
“ห้ะ?”
“เอออออ. . .รุ่นน้องคนละโรงเรียนกับเรา”
“จริงหรอวะ แล้วทำไมมึงไม่เข้าไปจีบ แล้วคิดจะเก็บเงียบไปถึงเมื่อไหร่ มึงนี่แม่ง” ผมถามรัวอย่างหัวเสีย เริ่มงงกับมัน
“กู. . .กลัวพวกมึงจะรังเกียจ. . .น้องเขา. . .เป็นผู้ชาย” มันเงยหน้าบอกผมอย่างไม่มั่นใจ ผมส่ายหน้า ตรงเข้าไปตบหัวมัน เผื่อขี้เลื่อยจะออกบ้าง
“มึงเห็นพวกกูเป็นยังไงวะ เรื่องแค่นี้ อีกอย่าง มึงลืมไปแล้วหรอ ว่าไอ้แบงค์มันก็เป็นเกย์ มึงเห็นพวกกูเลิกคบมันมั้ยล่ะ”
“จริงด้วย. . .” มันพูดอย่างนึกขึ้นได้ เม้มปากแน่น เหมือนเจ็บใจตัวเอง “กูมัวแต่กลัว จนลืมไปเลยว่ะ” แล้วเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ตะกอนที่ขุ่นอยู่ในใจเหมือนถูกล้างออกจนหมด
“ถ้าชอบก็จีบไปเลย อย่ามัวแต่ป็อด” ผมให้กำลังใจ
“รู้แล้ว” มันขำ “มึงเองก็ด้วย เลิกรู้สึกผิดเรื่องมินท์ได้แล้ว”
“เออ” แล้วเราสองคนก็เดินกอดคอกันกลับเข้าไปในงาน เห็นไอ้พวกเพื่อนๆ มันนั่งกินลูกชิ้นกันสบายใจ ผมจะตรงเข้าไปหาพวกมัน แต่ไอ้รบก็เรียกขึ้นมาซะก่อน
“ไอ้คีน”
“ว่า?”
“ถ้าในอนาคต. . .มึงกับกูชอบคนคนเดียวกันขึ้นมาอีก”
“. . .”
“มึงจะทำยังไงวะ. . .”
…Gay Taste…
[/i]
“ว่าไงวะ. . .”
ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด เมื่อโดนถามย้ำ เรื่องในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ
“ถ้ากูจะบอกว่าน้องฟีฟ่าคือคนคนเดียวกับที่กูเคยบอกมึงตอนม.ห้า คือคนที่กูยอมไปเรียนเมืองนอกตามที่พ่อสั่งเพื่อเขา. . .คือคนที่กูชอบมาห้าปี”
“. . .”
“มึงจะทำไงวะ. . .”
". . ."
"ครั้งนี้. . .มึงจะหลีกทางให้กูอีกมั้ย. . ."
TBC.