<<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>  (อ่าน 129664 ครั้ง)

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14

ออฟไลน์ Guill

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 678
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
มารอติดตามจ้า

ออฟไลน์ darkside8

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอติดตามเหมือนกันครับ

 :hao6:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
กะลังเข้มข้นเลย รอต่อนะคะ

ออฟไลน์ winmania

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุ้นว่าอะไรทำให้โกมุทโกรธเกลียดอาทิตย์ขนาดนั้น

ใจเลยอยากให้โกมุทรักพ่อสมิงนะ แต่ท่าจะเป็นไปได้ยากเพราะขนาดมีอะไรกันอยู่กะพ่อสมิง โกมุทยังเพ้อถึงอาทิตย์อยู่เลย เฮ้อออสงสารพ่อสมิงอ่ะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โอ้ยยยย กำลังสนุกเลยค่ะ มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตกลงเรื่องนี้คนเขียนจะไม่เขียนต่อแล้วจริงๆ เหรอ เสียดายจัง
คิดถึงเจ้าชายอินทัชกับอัคคีมากมาย
                           :กอด1:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอเสมอ ฮือออออออ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ตกลงเรื่องนี้คนเขียนจะไม่เขียนต่อแล้วจริงๆ เหรอ เสียดายจัง
คิดถึงเจ้าชายอินทัชกับอัคคีมากมาย
                           :กอด1:


คนแต่งรู้สึกเฟลนิดหน่อยสำหรับเรื่องนี้ค่ะ
ประกอบกับต้องเคลียร์เรื่องที่ต้องแต่งบทพิเศษเรื่องอื่นอีก
ก็เลยหายไป
รอให้หายเฟลและเคลียร์เรื่องอื่นเสร็จจะกลับมาแต่งต่อนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ ^^

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
รอได้ค่ะ แต่อย่าหายไปนานน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ผู้หญิงนี่ร้ายจังงงง โอ๊ยยยยย
สงสารโกมุท สงสารอาทิตย์
หง่าาาา รุ่นพ่อนี่ดราม่าจัง

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                             บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                   บทที่  13/1


               สถานที่เดียวที่ปลอดภัยพอที่จะได้พบหน้ากันได้ก็คือห้องบรรทมของเจ้านางกุสุมาที่พลานามัยยังไม่สมบูรณ์นักด้วยพระ

หทัยที่อ่อนแอลง โกมุทเข้ามาดูแลพี่สาวสูงศักดิ์เป็นประจำโดยเฉพาะวันนี้ที่เขานั่งมองเจ้านางด้วยความรักและภักดีก่อนจะจากไกล

เดินทางสู่อุดรรังษีในวันรุ่งขึ้น เจ้านางกุสุมาบรรทมลงไปหลังจากเสวยยาที่หมอหลวงจัดถวายแล้ว

               บานประตูเปิดออก เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก้าวพระบาทเข้ามาภายใน ทรงทรุดวรกายลงนั่งบนขอบพระแท่นบรรทมและทอด

พระเนตรพระมารดาด้วยความเป็นห่วง


               “ท่านแม่ยังไม่แข็งแรง ท่านน้าก็ยังจะทิ้งไปอีก”


               “หม่อมฉันทำเพื่อบ้านเมือง”


               “เรารู้”


               รู้ดีแต่หัวใจยังคงเป็นกังวล เจ้าฟ้าเหนือหัววางหัตถ์แนบไปบนมือเรียวของโกมุท พลางสบตากันด้วยความอาลัย


               “ดูแลตนเองด้วยโกมุท รู้ใช่ไหมว่าเรารักเจ้าแค่ไหน”


               น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงมือด้วยความอาดูร โกมุทยกหัตถ์นั้นขึ้นวางบนกระหม่อมและนำมาแนบที่แก้มของตน


               “หม่อมฉันรู้ และพระองค์ก็เป็นยอดดวงใจของหม่อมฉันเช่นกัน”


               ทำได้แค่เพียงทาบโอษฐ์ลงไปกับกลีบปากนุ่มเพื่ออำลา เพียงเวลาน้อยนิดแต่จารึกอยู่ในหัวใจทั้งคู่ตลอดไป



               

               ขบวนเดินทางของเสนาบดีโกมุทด้วยม้าเร็วหลายตัวออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืด เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงเป็นกังวลไม่น้อย ทูต

ถือราชสาส์นถือเป็นงานที่เสี่ยงมาก เพราะหากเมืองที่ไปไม่พอใจก็อาจเกิดอันตรายแก่คนถือสาส์นก็เป็นได้ ความกังวลนั้นทำให้เจ้าฟ้า

อาทิตยวงศ์หงุดหงิดตลอดทั้งวัน


                “เจ้านางปะวะหล่ำให้หม่อมฉันกราบทูลฝ่าบาทให้เสวยพระกระยาหารร่วมกันเพคะ”


               นางกำนัลกราบทูลเมื่อพระองค์อยู่ในห้องกับพระมารดา


               “กลับไปทูลเจ้านางว่าเราจะอยู่ดูแลพระมารดา”


               เจ้านางกุสุมายกหัตถ์แตะพระพาหุของราชโอรส


               “ไปเถอะลูก ไปอยู่กับเจ้านาง เช่นไรก็อภิเษกอยู่ร่วมกันแล้ว แม่อยู่ได้ แม่พวกนี้ก็อยู่กันเยอะแยะ”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ถอนพระอัสสาสะพลางกำชับให้นางกำนัลดูแลพระมารดาก่อนจะก้าวกลับไปยังตำหนัก พระขนงขมวดมุ่น

เมื่อทอดพระเนตรเจ้านางปะวะหล่ำที่ทรงรออยู่ที่โต๊ะเครื่องเสวย


               “รู้ว่าเราอยู่กับพระมารดาเจ้ายังส่งคนไปตามเราอีกนะปะวะหล่ำ”


               เจ้านางปะวะหล่ำเชิดพักตร์พลางแย้มสรวลเชิงท้าทาย


               “ทำไมเพคะ กินข้าวกับเมียแค่นี้ถึงกับกริ้วเชียวหรือ”


               “ปะวะหล่ำ!”


               “อย่างน้อยเสวยน้ำสุธารสสักแก้วหม่อมฉันก็ดีใจจนน้ำตาจะไหลแล้ว”


               “แค่น้ำใช่ไหม”


               ทรงคว้าแก้วน้ำใสขึ้นมาดื่มราวประชดก่อนจะกระแทกมันกลับคืนไปยังโต๊ะ เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงหันพระองค์หมุนกลับหาก

แต่พระอาการแปลกประหลาดกลับเกิดขึ้นจนต้องยกหัตถ์กุมพระเศียร

               โลกราวกับหมุนคว้าง พระเสโทหลั่งไหลราวกับน้ำหากแต่หนาวเหน็บสลับร้อนวูบวาบไปทั่ววรกายก่อนไหลรินไปตรง

จุดศูนย์กลางจนกำหนัดหลงลืมองค์ไปหมดสิ้น ได้แต่มองพระปฤษฎางค์เจ้านางปะวะหล่ำที่ก้าวพระบาทนำไปยังห้องบรรทมด้วยพระ

พักตร์ยั่วยวน ทรงกระชากภูษาขาดวิ่นและเหวี่ยงพระชายาขึ้นไปบนแท่นพระบรรทมและกระโจนตามขึ้นไปทันที






               การเดินทางไปยังอุดรรังษีมิใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นเมืองที่มีขุนเขาใหญ่น้อยโอบล้อมเป็นปราการด่านสำคัญ กว่าจะไปถึง

ราชวังงดงามโอ่อ่าก็ร่วมเดือน เมื่อก้าวเข้าสู่ท้องพระโรงอันมีเจ้าฟ้าแห่งอุดรรังษีและเจ้าชายวัชรศรว่าราชการโกมุทก็เริ่มทำงาน

               ทันทีที่สบตากับเจ้าชายวัชรศรโกมุทก็กระตุกวาบเมื่อคลับคล้ายกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขารีบทบทวนความทรงจำโดย

พลัน

               วันนั้น ในป่าใหญ่ชายแดนเมืองรัตนปุระนคร!

               เจ้าของดวงตาประกายหมายมาดนี้เองที่สบตากับโกมุทขณะลอบลาดตะเวน

               หัวใจของโกมุทพลันสะดุ้ง เมื่อจำได้แล้วว่าคนที่ปะทะฝีมือกันและเขายังฝากรอยแผลจากฝีมือยิงธนูเข้าใส่ที่ต้นแขนนั้นคือ

เจ้าชายรัชทายาทแห่งอุดรรังษีที่เขาต้องมาเจริญสัมพันธไมตรี


               “ผู้นำสาส์นครานี้เป็นถึงพระมาตุลางั้นรึ ถือว่าให้เกียรติอุดรรังษียิ่งนัก”


               เจ้าชายรัชทายาทผู้มีอำนาจไม่แพ้พระบิดาตรัสเสียงกระหยิ่ม เนตรยามทอดมองนั้นทำให้โกมุทถึงกับหนาวๆร้อนๆ

เขาได้แต่ฝืนยิ้มและเอื้อนเอ่ยเจรจาทางการทูต


               “เกล้ากระหม่อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งสองเมืองน่าจะปรองดองและช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญด้วยการค้า ศึกรบนั้นมี

แต่จะสูญเสียกันทุกฝ่าย”


               “เจรจาได้ดี” เจ้าชายวัชรศรสรวลหนักอย่างถูกพระทัย


               “รูปงามและฉลาดนัก เราชักอิจฉาเจ้าฟ้าอาทิตย์เสียแล้วที่มีเสนาบดีเช่นท่าน”


               ตรัสชมออกนอกหน้าจนโกมุทได้แต่ฝืนยิ้ม


               “เดินทางมาแรมเดือนคงจะอ่อนล้ากันมาก เชิญพวกท่านพักผ่อนให้สบายใจที่อุดรรังษีเถิด”
               



               โกมุทและเหล่าทหารที่ร่วมเดินทางมาจากรัตนปุระนครจำเป็นต้องพักอยู่ที่อุดรรังษีอย่างไม่มีกำหนดกลับแม้จะว้าวุ่นใจเพียง

ใด สาเหตุเพราะเจ้าฟ้าแห่งอุดรรังษีมิยอมตอบถ้อยความในราชสาส์นเสียที


               “ทรงประชวร มิสามารถว่าราชการได้ ช่วงนี้เจ้าชายวัชรศรทรงว่าราลการแทน”


               คำตอบจากเสนาบดีของอุดรรังษีเป็นเช่นนั้นแม้ว่าโกมุทจะนั่งเล่นนอนเล่นนานเดือนเศษแล้วก็ตาม ความเป็นห่วงบ้านเมือง

และทั้งเจ้านางกุสุมาพี่สาวรวมถึงเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทำให้โกมุทหมดความอดทนลง เขาจึงขอเข้าเฝ้าเจ้าชายวัชรศรในวันหนึ่ง


               “มีรับสั่งให้ท่านเสนาบดีโกมุทเข้าเฝ้าบัดเดี๋ยวนี้”


               นายทหารรักษาพระองค์มาแจ้งต่อโกมุท เขาถึงกับขมวดคิ้วเมื่อเห็นเป็นเวลาโพล้เพล้เต็มที


               “บัดนี้งั้นหรือ นี่มันค่ำแล้ว”


               “เพิ่งเสร็จจากงานขอรับ ไม่มีเวลาสะดวกนอกจากบัดนี้”


               โกมุทถอนหายใจเมื่อรับรู้ถึงความจำเป็น แต่แล้วคิ้วโก่งกลับยิ่งขมวดหนักขึ้นไปอีกเมื่อทหารของเขาถูกกีดกันมิให้ไปด้วย


               “ทรงมีรับสั่งเพียงแค่ท่านโกมุทผู้เดียว ผู้อื่นย่อมมิอาจเข้าเฝ้าได้”


               ต้องเอ่ยห้ามอาการฮึดฮัดของเหล่าทหารที่ไม่พอใจคำสั่งนั้น โกมุทตัดสินใจเด็ดขาด


               “ก็ได้ นำเราไปสิ”


               ข่มความหวาดหวั่นไปยังตำหนักเจ้าหอหน้าของเจ้าชายรัชทายาทอันโอ่อ่ากว้างขวาง ก้าวตามทหารไปยังห้องโถงกว้างห้อง

หนึ่งและหยุดยืนกลางห้อง พลันโกมุทต้องตกใจเมื่อทหารที่นำมากลับปิดประตูหนาหนักและทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง และเพียงไม่กี่อึดใจ

โกมุทก็ต้องซ่อนความพรั่นพรึงไว้เมื่อเห็นเจ้าชายวัชรศรก้าวเดินมาจากประตูอีกด้านหนึ่ง


               “ขอเดชะ ฝ่าละอองพระบาท”


               โค้งคำนับและกล่าวคำทักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งโกมุทจึงต้องสู้ตากับดวงตามากเล่ห์ราวกับสุนัขป่า


               “พบกันอีกครั้งนะโกมุท”


               ยิ้มลึกมุมโอษฐ์นั้นทำให้โกมุทหายใจไม่ทั่วท้องเสียเลย


               “หลังจากวันที่เจ้าทักเราด้วยลูกศรแสนคม”
               

               


                TBC


กลับมาแต่งต่อแล้ว ลืมเรื่องนี้กันไปแล้วหรือยัง

มะคืนท่านน้าโกมุทมาเข้าฝัน

แต่แต่งได้แป๊บเดียวก็ต้องไปธุระแล้ว ว่างเมื่อไหร่จะมาต่อน้า



 :mew1: :mew1:   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2016 23:21:47 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                          บัลลังก์รักใต้เงาแค้น 


                                              บทที่ 13/2


              “ขอประทานอภัย หม่อมฉันไม่ทราบว่าชายปิดหน้าปิดตาผู้นั้นคือพระองค์”


               โกมุทเอ่ยเสียงเรียบ เขาเชิดหน้าขึ้นด้วยความทรนงในศักดิ์ศรี


               “ใครจะคาดคิดว่าองค์รัชทายาทแห่งอุดรรังษีจะสอดแนมกองกำลังของข้าศึกด้วยองค์เอง”


               กล้าหาญและกำแหงนัก!


               เจ้าชายวัชรศรจ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างถูกพระทัย อันที่จริงก็ถูกพระทัยตั้งแต่กลางป่าแล้วและยิ่งเมื่อเห็นพิษสง

ฝีปากกล้าก็ยิ่งทำให้ต้องการเอาชนะ


               “คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง ท่านเสนาบดีก็น่าจะรู้มิเช่นนั้นคงไม่กล้ามาเยือนถิ่นเราด้วยตัวท่านเองหรอก”


               ทรงก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้นจนโกมุทต้องลอบกลืนน้ำลาย ทีท่าของเจ้าชายวัชรศรช่างไม่น่าไว้วางใจยิ่งนัก


               “หม่อมฉันถือเป็นเกียรติที่ได้มาเยือนอุดรรังษี”


               “หากถือเป็นเกียรติท่านเสนาบดีก็ควรคิดพำนักที่นี่เป็นการถาวร”


               “พระองค์ทรงหมายถึงเช่นไรพะย่ะค่ะ หม่อมฉันเขลาเกินกว่าจะเข้าใจ”


               ริมฝีปากของโกมุทสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นเมื่อเจ้าชายวัชรศรขยับเข้าใกล้จนแทบไม่เหลือช่องว่าง ทรงวางหัตถ์บนไหล่

ของโกมุทและจ้องมองด้วยดวงเนตรวาววับ


               “ท่านเป็นถึงพระมาตุลามิใช่หรือ คงจะเป็นการดีกว่านี้มากหากทั้งสองเมืองจะเจริญสัมพันธไมตรีแน่นแฟ้นด้วยการผูกญาติกัน

เสีย”


               “ผูกญาติ”


               โกมุทก้าวถอยหลังด้วยความกลัวแต่แล้วแขนของเขาก็ถูกกระชากด้วยแรงจากหัตถ์แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าและดึงเข้าหา

พระองค์


               “คนฉลาดอย่างท่านอย่าได้เสแสร้งแกล้งโง่ไปหน่อยเลยโกมุท ท่านรู้อยู่แก่ใจว่าเราพึงใจในตัวท่านตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา

กันกลางป่า”


               “ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”


               ดิ้นรนสุดแรงเกิดหากแต่เจ้าชายวัชรศรกลับไม่ยอมปล่อย ทรงก้มพักตร์เข้าใกล้หวังล่วงเกินใบหน้างามของโกมุทที่หลบเลี่ยง

หนี


               “เจ้าจะดิ้นรนเพื่ออะไรโกมุท เจ้าควรจะยินยอมให้เราได้เชยชมให้สมใจที่ตั้งตารอคอยเจ้า”


               รอคอยงั้นหรือ?


               แม้จะอยู่ในความหวาดหวั่นแต่สมองของโกมุทก็ยังแล่นปราด เหตุใดเจ้าชายวัชรศรจึงตรัสราวกับรู้ว่าต้องเป็นโกมุทที่เดินทาง

มายังอุดรรังษี


               “ไม่มีทาง ปล่อยนะ”


               เค้นแรงสุดตัวผลักร่างหนาของเจ้าชายวัชรศรออกไป เจ้าชายรัชทายาทสบถอย่างหงุดหงิดและขยับเข้าหาอีกครั้ง ทันใดนั้น

โกมุทจึงดึงมีดพกเล่มเล็กจากเอวที่เขาแอบซ่อนไว้ขึ้นมาสะบัดคมและจ่อเข้ากับคอตนเอง


               “หากพระองค์เข้ามาก็จะได้แต่ศพของหม่อมฉันเท่านั้น”


               “ร้ายกาจนักโกมุท รู้ว่าเราต้องการเจ้าถึงกับใช้ตนเองเป็นตัวประกัน”


               เจ้าชายวัชรศรกดยิ้มลึกน่าพรั่นพรึง


               “อยู่บ้านเมืองอื่น เราก็อยากจะรู้นักว่าหากเหลือเพียงตัวคนเดียวเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรได้”


               ไม่ได้การ!


               โกมุทเบิกตากว้าง เขาชิงหันหลังเปิดประตูหนาหนักกลับไปทางเดิมโดยไม่มีทหารคนใดขัดขวางแต่เมื่อวิ่งกลับไปถึงที่พัก

ของคณะทูตโกมุทก็ถึงกับทรุดเมื่อเหลือเพียงร่างที่ไร้วิญญาณของเหล่าทหารและเสนาบดี บัดนี้เหลือเพียงตัวเขาที่ยังมีชีวิต


               “จับตัวเสนาบดีโกมุทไว้”


               เสียงคำสั่งดังขึ้นเบื้องหลัง และเมื่อหันกลับไปโกมุทก็ต้องพบเจอกับทหารมากมายรายล้อมตัวอยู่ เขาถูกจับและมัดไว้ด้วย

เชือกเส้นใหญ่จนหมดทางดิ้นรน


               “อุดรรังษีไม่เคยเลิกคิดที่จะช่วงชิงดินแดนจากรัตนปุระนคร”


               เจ้าชายรัชทายาทตรัสด้วยเสียงเหี้ยมโหด


               “เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม และเวลานั้นมาถึงแล้ว เจ้าจะไม่ยอมเป็นของเราตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะจัดการเจ้าในวันที่

รัตนปุระนครพังพินาศ สั่งการลงไป ให้เคลื่อนทัพมุ่งสู่รัตนปุระนครในเช้ามืดวันพรุ่งนี้”


               โกมุทถูกควบคุมตัวไว้ในรถม้าคันหนึ่งในขบวนทัพใหญ่ของอุดรรังษีที่เจ้าชายวัชรศรคุมทัพมา เขาหมดสิ้นกำลังใจเมื่อรู้ว่า

บ้านเมืองกำลังจะมีภัยแต่เขากลับช่วยเหลือสิ่งใดมิได้ โกมุทมีชีวิตอยู่เพียงลมหายใจในการเดินทางกลับบ้านพร้อมข้าศึก และเมื่อถึง

ชายแดนติดต่อกับรัตนปุระนครทัพของอุดรรังษีก็เริ่มโจมตีทันที หัวเมืองพ่ายแพ้เพราะไม่ทันตั้งรับข้าศึก มินานนักเจ้าชายวัชรศรก็บุกเข้า

ใกล้ชั้นหัวเมืองเต็มที ในคืนนี้พระองค์พักผ่อนคลายอิริยาบทอยู่ในพลับพลาที่ประทับและทรงบังคับให้โกมุทเข้ามาอยู่ใกล้ๆ


               “ใกล้ถึงบ้านเจ้าแล้วนะโกมุท เช้ามืดวันพรุ่งนี้เราก็จะพาเจ้ากลับวังพร้อมกับทัพของเรา”


               เงยพักตร์สรวลดังลั่น โกมุทได้แต่มองด้วยความเกลียดชัง หลังจากนั้นไม่นานเขาถูกพาให้เข้ามาอยู่หลังม่านกั้นจากภายนอก

เมื่อมีผู้ขอเข้าเฝ้าเจ้าชายวัชรศร โกมุทลอบมองจากช่องว่างเมื่อเห็นผู้ที่ก้าวเข้ามาคิ้วของโกมุทก็ถึงกับขมวดเป็นปมในเมื่อเขาจำได้ว่าผู้

เข้าเฝ้านั้นคือนายทหารคนสนิทของเจ้านางปะวะหล่ำ


               “เจ้านางรับสั่งให้หม่อมฉันมาต้อนรับเจ้าชายพะย่ะค่ะ”


               “งั้นหรือ เจ้านางของเจ้าสบายดีใช่ไหม”


               “พะย่ะค่ะ ทรงมีพระครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว”


               โกมุทถึงกับแข้งขาสั่น น้ำตาพลันท่วมท้นทั้งดวงตาและหัวใจเมื่อรู้ว่าคนที่เคยสัญญารักมั่นได้มีความสัมพันธ์กับพระชายาจน

มีทายาท


               “ฮ่าๆ มิเสียแรงที่ปะวะหล่ำเป็นน้องสาวของสหายเรา ในที่สุดก็ท้องกับเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จนได้ ฝากยินดีและขอบใจปะวะ

หล่ำด้วย บอกนางว่าของขวัญที่ส่งไปให้นั้นถูกใจมาก เราจะจัดการตามที่นางต้องการ”


               ครานี้โกมุทถึงกับทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ดวงตาแดงก่ำด้วยทั้งโทมนัสและเคียดแค้น

               ในที่สุดเขาก็รู้ความจริงแล้วว่าทุกอย่างมิใช่ความบังเอิญ แต่กลับเป็นเรื่องที่วางแผนไว้แล้วและเขาก็กลายเป็นเหยื่อของแผน

ร้ายนั้น
               


               การศึกเข้มข้นขึ้น โกมุทแสนจะเป็นห่วงบ้านเมืองแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อมีทหารคุ้มกันแน่นหนา จนกระทั่งวันหนึ่งที่เจ้า

ชายวัชรศรก้าวกลับเข้ามาในพลับพลาในยามค่ำด้วยความหงุดหงิดและตรงเข้ามาหาและกระชากไหล่ของโกมุทเข้าไปอย่างรวดเร็ว


               “ปล่อยหม่อมฉัน”


               “เล่นตัวนักนะโกมุท”


               พลันดึงโกมุทเข้าไปกดจูบอย่างจาบจ้วงและกระหาย โกมุทดิ้นรนขัดขืนจนลืมตัวยกมือตบพระพักตร์เสียงดังสนั่น เจ้าชาย

วัชรศรทอดพระเนตรสายตาดุดัน


               “บังอาจนัก หึหึ เย่อหยิ่งจองหองไปเถอะ รู้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้เราจะทำยุทธหัตถีกับอาทิตยวงศ์ชู้รักของเจ้า”


               “ไม่จริง!”


               “และเมื่อนั้นทั้งรัตนปุระนครและตัวเจ้าก็จะกลายเป็นของเราทั้งหมด”



               TBC


               
               

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สงสารโกมุท

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                            บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                  บทที่  14


               โกมุทไม่อาจทนได้อีกต่อไป เช่นไรชีวิตของเขาก็มีเพียงชีวิตเดียว หากมันจะต้องเสียไปโดยที่ไม่ได้พยายามอะไรสักอย่างก็

คงเสียดายลมหายใจไม่น้อย ดังนั้นโกมุทจึงตัดสินใจหนี!

               อาจเป็นเพราะเจ้าชายวัชรศรเห็นว่าเขาไม่ได้มีพิษสงอันใดนอกจากยิงธนูอันเล็งผลได้ในระยะไกล ดังนั้นโกมุทจึงเพียงถูก

จำกัดพื้นที่ให้อยู่เพียงกระโจมเล็กใกล้พลับพลาที่ประทับของเจ้าชายวัชรศรและมิได้ถูกผูกมัดแต่อย่างใด โกมุทใช้เวลาที่เจ้าชายวัชรศร

กำลังคร่ำเคร่งปรึกษาหารือกับเหล่าขุนพลคู่ใจเพื่อการศึกในวันรุ่งขึ้นเพื่อหนีออกจากทัพของอุดรรังษี

               มีเพียงทหารไม่กี่คนที่เฝ้าหน้ากระโจม โกมุทจึงก้าวออกไปพร้อมกับรอยยิ้มของเขา เหล่าทหารนั้นรู้ดีว่าโกมุทเป็นใครและยิ่ง

รู้อีกว่าเจ้านายเหนือหัวของมันมีพระทัยให้ชายหนุ่มคนนี้ การแสดงออกต่อโกมุทจึงเต็มไปด้วยความเกรงใจ


               “ท่านเสนาบดีต้องการสิ่งใดขอรับ”


               “มิได้ต้องการอะไรเลย” โกมุทกล่าวตอบเสียงนุ่ม


               “แต่เห็นว่ารุ่งเช้าพวกเจ้าก็จะมีงานหนัก และภายนอกนั่นก็กำลังสนุกสนานรื่นเริง”


               โกมุทหมายถึงงานเลี้ยงของเหล่าทหารที่เลี้ยงดูให้อิ่มหนำก่อนเปิดศึกใหญ่


               “หากพวกเจ้าอยากไปร่วมสนุกกับเพื่อนฝูงก็จงไปเถิด”


               “แต่ว่า...” ความลังเลเกิดขึ้นบนใบหน้า โกมุทรีบกล่าวออกไปโดยไม่ให้เสียจังหวะ


               “เราจะหนีไปไหนได้ ทัพอุดรรังษียิ่งใหญ่ออกปานนี้ เราเองก็อยู่กับพวกเจ้ามานายหลายเดือนหากคิดหนีก็คงจะหนีเสียนาน

แล้ว”


               ทหารเหล่านั้นยิ้มแย้มทันทีเพราะเห็นด้วยกับคำพูดของโกมุท และอีกไม่กี่อึดใจก็เหลือเพียงเขาที่ลอบมองซ้ายขวาอย่าง

ระมัดระวังก่อนจะรีบหลบหนีออกจากทัพเดินทางด้วยเท้าท่ามกลางความมืดมิดจนกระทั่งไปถึงหมู่บ้านเล็กๆที่ถูกโจมตีจากทัพอุดรรังษี

เขามองเห็นอาชาตัวผอมยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนักโกมุทจึงรีบขี่มันกลับเข้ามาที่กำแพงเมืองชั้นใน

               เหล่าทหารรักษาความปลอดภัยต่างจำเขาได้ โกมุทจึงเข้ามาในเขตพระราชวังได้ทันก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นพ้นขอบฟ้า เขารีบ

ก้าวเข้าไปหาเจ้านางกุสุมาผู้เป็นพี่สาว โกมุทถึงกับตกใจเมื่อเห็นความซูบซีดจากพระฉวี เมื่อเจ้านางกุสุมลืมพระเนตรขึ้นมองโกมุทจึงปรี่

เข้าไปประคองและกอดพี่สาวไว้


               “พี่นาง หม่อมฉันกลับมาแล้ว”


               “โกมุท น้องพี่”


               เจ้านางกุสุมาร้องไห้ด้วยความยินดีที่ได้เห็นหน้าน้องชายเพียงคนเดียวอีกครั้ง แขนเล็กโอบกอดโกมุทไว้อย่างไร้เรี่ยวแรง


               “เจ้ากลับมาแล้วจริงๆ”


               “พี่นางอาการเป็นเช่นไรบ้าง ทำไมผ่ายผอมอย่างนี้”


               เจ้านางกุสุมามองโกมุทด้วยพระเนตรเศร้าสร้อย


               “โกมุท ทำใจดีๆนะ พี่จะแจ้งข่าวร้ายว่าระหว่างเจ้าไม่อยู่บิดาของเราทั้งคู่ได้เสียชีวิตลงแล้ว”


               ชายหนุ่มตกตะลึงแม้จะรู้ว่าเสนาบดีเกริกบิดาของตนนั้นชรามากแล้ว แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะไม่ทันได้ดูใจก่อนบิดาสิ้นลม น้ำตา

แห่งความเสียใจจึงไหลท้นอาบแก้ม

               เสียงเปิดประตูดังสนั่นก่อนที่เจ้านางปะวะหล่ำจะก้าวเข้ามาด้วยวรกายอุ้ยอ้ายเมื่อทรงพระครรภ์ใหญ่แล้วพร้อมกับนางแก้ว

กุดั่นคนสนิท สายพระเนตรที่จ้องมองโกมุทมีแต่ความเคียดแค้น

               ก็จะไม่ให้แค้นได้อย่างไรในเมื่อหัวใจของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงมีแต่โกมุทแม้ว่าเจ้านางปะวะหล่ำจะใช้ว่านกามาหลอกล่อให้

ทรงกำหนัดและมีความสัมพันธ์กันหลายครั้งจนกระทั่งตั้งพระครรภ์สมพระทัย แต่ในทุกครั้งพระสวามีกลับจินตนาการถึงแต่โกมุทถึงขั้น

หลุดคำรำพันออกมา และเมื่อทรงใช้ว่านกามาจนหมดตั้งแต่นั้นเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก็ไม่เคยสนใจพระองค์อีกเลย เจ้านางปะวะหล่ำจึงทรง

ชิงชังโกมุทยิ่งนักที่เป็นเสี้ยนหนามตำใจ


                “กลับมาทำไมโกมุท ทำไมยังไม่ตายไปเสียที่อุดรรังษี”


               “ปะวะหล่ำ ทำไมพูดเช่นนั้น โกมุทเสี่ยงตายไปทำงานนะ”


               เจ้านางกุสุมาเอ่ยอย่างเหน็ดเหนื่อย พระเนตรที่มองพระสุณิสา(ลูกสะใภ้)เต็มไปด้วยความผิดหวัง เจ้านางปะวะหล่ำเชิดพักตร์

สูงพลางเบ้โอษฐ์ใส่สองพี่น้อง


               “ทำไมหม่อมฉันจะพูดไม่ได้เพคะ ในเมื่อน้องชายของพระมารดาคือมารหัวใจของหม่อมฉัน”


               “เจ้านางปะวะหล่ำ”


               โกมุทกัดฟันเอ่ยปากห้ามอาการเกรี้ยวกราดของเจ้านางปะวะหล่ำ หากแต่เขาหยุดไม่ได้เสียแล้ว


               “นี่ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้กันแน่เพคะ ว่าโกมุทน้องชายของพระองค์นอกจากจะมีศักดิ์เป็นพระมาตุลาของพระโอรสแล้วก็ยัง

เป็นเมียด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง”


               “ปะวะหล่ำ เจ้าพูดอะไรบัดสีเช่นนั้น”


               เจ้านางกุสุมาเบิกพระเนตรกว้าง ทรงหอบตัวโยนเพราะหัวใจเต้นแรงด้วยความตกพระทัย


               “หยุดนะ เจ้านาง ถ้ายังพูดอีกคำเดียว”


               “จะทำไมโกมุท ไม่กล้ายอมรับความจริงเหรอว่าเจ้าสมสู่กับผัวของเราแม้ว่าเจ้าจะเป็นชายเฉกเช่นเดียวกับท่านพี่”


               “ไม่จริง!”


               เจ้านางกุสุมาอ้าโอษฐ์ค้าง ดวงเนตรเบิกถลนนิ่งงัน โกมุทส่งเสียงร้องลั่นเมื่อเห็นพระอาการนั้น


               “ตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ เจ้านางหัวใจหยุดเต้น”


               สิ้นเสียงโกมุท นางกำนัลที่เฝ้าหมอบอยู่เบื้องนอกก็ถลากันวุ่นวาย โกมุทพยายามกดหน้าอกของพี่สาวอย่างที่เคยอ่านใน

ตำราแพทย์ของฝรั่ง โดยที่เจ้านางปะวะหล่ำเองก็ยืนพักตร์ซีดอยู่ในห้องเพราะไม่นึกว่าเจ้านางกุสุมาจะเกิดพระหทัยวายได้ และเมื่อหมอ

หลวงวิ่งเข้ามาตรวจพระอาการก็ต้องส่ายหน้าด้วยความเสียใจ


               “เจ้านางกุสุมาสวรรคตแล้วพะย่ะค่ะ”


               โกมุทผวาเข้าไปกอดร่างของพี่สาว เขาร้องไห้และมองเจ้านางปะวะหล่ำด้วยความโกรธแค้น


               “เจ้าทำให้พี่สาวเราตาย ปะวะหล่ำ”


               เสียงเอะอะตึงตังดังขึ้นที่ประตู พลันเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ปรากฏกายขึ้น ทรงมองทีละคนก่อนจะก้าวไปยังร่างพระมารดาด้วย

ความตกพระทัยทันที


               “ท่านแม่ เกิดอะไรขึ้น”


               “ทรงถามเจ้านางของพระองค์เองดีกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น”


               เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทำให้ความดีใจที่ได้พบหน้ากันอีกครั้งหายไปโดยพลัน โกมุทร้องไห้แทบขาดใจที่ต้องเสียพี่สาวอย่าง

กะทันหันรวมทั้งทราบข่าวสูญเสียบิดาไปพร้อมกัน แต่ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีกก็ต้องตกใจกันเป็นคำรบสองเมื่อได้ยินเสียงเป่าหวูด

เตือนภัยพร้อมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่รีบก้าวเข้ามาด้วยความร้อนรน


               “ทัพของอุดรรังษีตีขนาบข้างกำแพงวังเข้ามาแล้วพะย่ะค่ะ เจ้าฟ้าได้โปรดมีรับสั่งให้ป้องกันเมืองด้วยเถิด”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงกัดพระทนต์แน่น เพราะความเป็นเจ้าเหนือหัวเหนือชีวิตของผู้คนจึงต้องวางเรื่องส่วนพระองค์ไว้ก่อน

แม้ว่าเพิ่งจะสูญเสียพระมารดาไปอย่างไม่มีวันกลับ


               “อุดรรังษีจะตีเมืองเข้ามาได้เช่นไรเร็วขนาดนี้ ไม่มีทางที่พวกนั้นจะรู้เส้นทางนอกจากจะมีไส้ศึก”


               เจ้านางปะวะหล่ำหันขวับไปทางโกมุทท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน


               “โกมุทถูกส่งตัวไปอุดรรังษีเป็นเวลานาน และกลับมาโดยปราศจากผลงานแถมยังไม่มีเสนาบดีคนอื่นกลับมาด้วย ถ้าไม่ใช่

เพราะเจ้าโอนเอียงไปทางอุดรรังษีแล้วจะเป็นเพราะเหตุใด”


               “ไม่จริง พูดบ้าอะไรอย่างนั้น เราไม่มีวันทรยศ”


               “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน โกมุทอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งไปไหน”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก้าวบาทเข้ามากราบแทบเท้าเจ้านางกุสุมาเป็นครั้งสุดท้าย อัสสุชลคลออยู่ในหน่วยตาเมื่อตัดพระทัยหัน

หลังออกไปจากห้องเพื่อทำศึกกับอุดรรังษี เมื่อเหลือกันไม่กี่คนภายในห้องโกมุทจึงก่นด่าออกมาอย่างลืมตัว


               “หญิงสารเลว”


               เจ้านางปะวะหล่ำเหยียดยิ้มเยาะหยันคำด่านั้น


               “เป็นเพราะเจ้าที่เป็นเสี้ยนหนามชีวิตเรา หากเจ้ายังอยู่ชีวิตของเราคงจะไม่มีความสุขเพราะฉะนั้นเจ้าจึงควรเสียสละ แก้วกุดั่น

จงจับตัวโกมุทไว้ เราจะนำมันไปส่งมอบให้แก่เจ้าชายวัชรศรสหายของพระเชษฐาของเรา”


               กระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่าหญิงสูงศักดิ์เบื้องหน้าคือสาเหตุของเรื่องทั้งหมด โกมุทเดือดดังไฟร้อนเขาสะบัดแขนที่ถูกแก้วกุดั่น

จับไว้แล้วพุ่งตัวเข้ากระแทกเจ้านางปะวะหล่ำจนล้มไปกองกับพื้น


               “ว้าย อ๊ะ ไม่นะ”


               น้ำคาวขุ่นไหลทะลักกองกับพื้น พักตร์ของเจ้านางปะวะหล่ำบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แก้วกุดั่นร้องลั่นพลันถลาไปเปิดประตู

ห้องตะโกนเรียกหมอหลวงที่เพิ่งจะออกจากห้องไปเตรียมการเรื่องพระศพของเจ้านางกุสุมาให้กลับเข้ามาใหม่เมื่อเจ้านางปะวะหล่ำกลับ

มีพระประสูติกาลก่อนกำหนด พระนางถูกพาตัวกลับไปยังห้องของพระองค์อย่างรวดเร็ว แก้วกุดั่นสั่งการให้มานพและอาวุธทหารคนสนิท

ของเจ้านางควบคุมตัวโกมุทไว้หน้าห้องของเจ้านางปะวะหล่ำ


               เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลอดมาจากภายในห้อง ไม่นานนักโกมุทจึงได้ยินเสียงทารกร้องไห้จ้า แม้ใจจะรังเกียจเจ้า

นางปะวะหล่ำแต่อีกใจหนึ่งโกมุทก็ยังยินดีเมื่อทารกนั้นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่รักและยังเป็นหลานของเขาอีกด้วย


               “พระราชโอรส อ๊ะ มีอีกคน”


               เสียงหมอหลวงดังมาอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนถึงกับตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้านางปะวะหล่ำทรงพระครรภ์แฝด ดวงตาของโกมุทถึงกับเบิก

กว้าง ความโกรธเกลียดชิงชังโชนแสงอยู่ในความคิดจนเขาตัดสินใจอุกอาจ

               โกมุทคว้าดาบมาจากมานพและฟันเข้ากลางลำตัวเจ้าของดาบจนล้มลง เขาผลักประตูห้องเข้าไปภายในที่มีแต่หมอหลวง

และผู้ช่วยสูงอายุ เจ้านางปะวะหล่ำนอนหอบเหนื่อยอยู่บนเตียงถึงกับเบิกเนตรกว้างเมื่อเห็นโกมุทยืนจังก้า


                “เจ้าจะทำอะไร”


               โกมุทไม่ตอบ เขาพุ่งตรงไปยังทารกชายทั้งสองที่นอนร้องไห้เคียงกันและอุ้มมาได้คนหนึ่งไว้ในอ้อมกอด


               “ใครเข้ามา ข้าจะฆ่าพระโอรส”


               จ่อดาบเข้ากับคอเล็กของพระโอรสจนอาวุธและทหารที่เหลือไม่กล้าทำอะไร โกมุทถือโอกาสวิ่งหนีออกไปทันที


               “ไปตามลูกเรากลับมา เร็วสิ”


               เจ้านางปะวะหล่ำทรงคร่ำครวญแทบขาดใจเมื่อพระโอรสถูกชิงตัวไปต่อหน้า โกมุทไม่สนใจอะไรอีกแล้วเมื่อเขาได้แต่พุ่งตัว

หนีออกไปจากวังด้วยความเคียดแค้น โกมุทตรงไปยังคอกม้าอย่างคุ้นสถานที่เขากระโจนขึ้นขี่หลังอาชาพ่วงพีตัวหนึ่งก่อนควบหนี

เข้าไปในป่าลึกด้านหลังพระราชวัง
               

               โกมุทควบม้าหนีไม่คิดชีวิต มือที่อุ้มทารกตัวเล็กต้องจับดาบไปด้วยส่วนอีกมือก็ต้องจับบังเหียนม้าพลางกระแทกเท้าเข้า

สีข้างม้า ได้ยินเสียงม้าควบตะลุยป่าของทหารลูกน้องเจ้านางปะวะหล่ำตามมาเบื้องหลัง หัวใจของโกมุทเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและ

ตกใจเมื่อม้าของเขาถูกธนูยิงเข้าที่ขาจนล้มลง โกมุทกับพระโอรสไถลไปกับพื้นกระแทกเข้ากับต้นไม้จนจุกและโกมุทต้องตกใจยิ่งกว่า

เพราะหากไม่มีต้นไม้มาช่วยขวางเขาคงจะตกลงไปในหุบเหวเบื้องหน้าเสียแล้ว


               “ส่งพระโอรสคืนมาเดี๋ยวนี้”


               ลูกน้องของเจ้านางปะวะหล่ำยืนล้อมกรอบจนโกมุททำอะไรไม่ถูก เขามองทารกในอ้อมแขนก่อนตัดสินใจ

               หากบุญของเขาและหลานตัวน้อยยังมี โกมุทจะต้องรอด!

               โกมุทโอบกอดทารกไว้แน่น เขาหันหลังกระโดดลงหน้าผาสูงทิ้งให้เหล่าทหารตะโกนด้วยความตกใจ และเมื่อกลับไปแจ้ง

ข่าวของโกมุทที่พาพระโอรสองค์น้อยกระโดดลงหน้าผาสูงเจ้านางปะวะหล่ำก็กรีดร้องด้วยความเสียใจที่ต้องสูญเสียพระโอรสไปอย่าง

ไม่มีทางได้กลับคืน

               



               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงสู้ศึกอย่างสมเกียรติยศจนกระทั่งไสช้างเข้าหาประจันหน้ากับเจ้าชายวัชรศร ทรงยกง้าวชี้หน้าศัตรูด้วย

ความโมโห


                “วัชรศร เราไม่เคยไปรุกรานท่าน ไฉนยกทัพมาบุกเมืองเรา”


               เจ้าชายวัชรศรหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำถามนั้น


               “ก็เพราะเราชอบสู้รบไงล่ะ หากไม่อยากให้บ้านเมืองย่อยยับก็ยอมแพ้และส่งเครื่องบรรณาการมาให้เรา โดยเฉพาะน้าของ

ท่าน”


               คำพูดของเจ้าชายวัชรศรทำให้เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ยิ่งกริ้วหนัก


               “โกมุทงั้นหรือ”


               “ใช่ นี่เดาไม่ออกเลยหรือว่าส่งโกมุทไปอยู่กับเราตั้งนานแล้วโกมุทจะยังภักดีต่อเจ้าอยู่ ถ้าไม่ส่งตัวโกมุทมาเราจะถล่มเมือง

เจ้าให้ราบ”


               เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ทรงไสช้างเข้าหาอย่างเจ็บพระทัย ทรงต่อสู้กับเจ้าชายวัชรศรบนหลังช้างอย่างไม่นึกหวาดหวั่น เจ้าชาย

วัชรศรเองก็ผิดคาดเพราะไม่นึกว่าเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์จะทรงปรีชาสามารถ และเมื่อเพลี่ยงพล้ำเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ก็ทรงฟันง้าวเข้าใส่ข้อ

มือของเจ้าฟ้าวัชรศรจนขาดวิ่น


               “อ๊ากกก”


               เจ้าชายวัชรศรร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดมเมื่อข้อพระหัตถ์ถูกตัดขาดทรงตะโกนสั่งถอยทัพทันที เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์มองตาม

หลังด้วยความแค้นพระทัยแต่ก็ไม่ได้ติดตามไปเพราะไม่ต้องการก่อศึกอีกแล้ว ทรงออกคำสั่งให้นำทัพกลับเข้ากำแพงเมือง

               แต่เมื่อกลับเข้ามาในพระราชวังก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อรู้ข่าวพระประสูติกาลพระราชโอรสองค์หนึ่งและต้องสูญเสีย

พระราชโอรสอีกองค์หนึ่งไปพร้อมกับโกมุทหัวใจของพระองค์






               ร่างสูงใหญ่แน่นหนาด้วยมัดกล้ามซ่อนกายอยู่ในเสื้อผ้ารัดกุมสีเข้มพร้อมผ้าโพกปิดบังใบหน้านั่งอยู่บนหลังม้าพร้อมกับสมุน

อีกกลุ่มหนึ่งที่พากันเฮฮาหลังจากเพิ่งปล้นขบวนสินค้าได้ทรัพย์สินมามากมาย หัวหน้ากองโจรยกมือเป็นสัญลักษณ์ให้ลูกน้องหยุดม้า

และกระโดดลงม้ายืนบนพื้น


               “พักที่นี่ก่อน กินข้าวกินน้ำเสียให้อิ่มก่อนจะกลับเข้าไปในหุบผา”


               ออกคำสั่งชัดเจน เขายื่นมือรับข้าวห่อด้วยใบบัวจากลูกน้องแล้วแยกไปนั่งกินใต้ต้นไม้ กินได้ไม่ถึงครึ่งคิ้วเข้มดกดำก็ต้อง

ขมวดเมื่อได้ยินเสียงแปลกประหลาด เจ้าตัวจึงวางห่อข้าวและก้าวไปตามเสียงนั้น และเมื่อเห็นต้นเหตุ สมิง หัวหน้ากองโจรแห่งหุบผา

กาฬก็ถึงกับแปลกใจ

               ชายคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่ได้สติหากในอ้อมกอดมีทารกที่เป็นต้นเหตุของเสียงที่เรียกสมิงมาเห็น สมิงก้าวเข้าไปทันที

เขาพลิกร่างบาดเจ็บนั้นและจ่อมือเข้ากับจมูก

             ยังมีลมหายใจ

                แต่อาการบาดเจ็บน่าเป็นห่วงเมื่อมีแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งตัวโดยเฉพาะดวงตาข้างซ้ายที่คล้ายจะถูกกิ่งไม้คมทิ่มแทงแต่ทารกใน

อ้อมแขนกลับไร้รอยขีดข่วน สมิงถอนหายใจด้วยความสงสาร

             เขาตะโกนเรียกลูกน้องให้มาช่วยกันพาร่างบาดเจ็บของผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กแรกเกิดอีกหนึ่งคนพาเข้าสู่หุบผาดำที่น้อยคน

นักจะมีโอกาสเหยียบย่างเข้าไป



                                                                    โปรดติดตามตอนต่อไป


เม้นท์ให้คนแต่งบ้างน้า

เป็นกำลังใจให้นิดนึง พลีสส
 :mew2: :mew2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2016 22:32:08 โดย Belove »

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
โกมุทอย่ากลับไปหาเจ้าฟ้านั่นเลย   รักมากแค้นมากเกิดอะไรขึ้นระหว่างกันเยอะเกิน
สู้อยู่กับพ่อสมิงไม่ดีกว่าหรือ   ความเก่าไม่เคยถามหา  ไม่ต้องมีความคาดหวังให้เป็นอะไร   เป็นแค่คนที่รักก็พอ

อยากเอาว่านนั่นถวายนางปะวะหล่ำให้เสวยเยอะๆแล้วปล่อยขังไว้คนเดียวสัก 7 วัน

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ในที่สุดโกมุทกับพ่อสมิงก็ได้พบกันเสียที  :katai2-1:

คิดว่าพ่อสมิงจะปิ๊งปั๊งกันเป็นรักแรกพบซะอีก อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เย้ในที่สุดพ่อบัวก็ได้พบกับพ่อสมิงงงง
ดีใจมากกกกกก
มาต่อไวไวนะคะ รอเสมอน้า

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ชอบเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้แต่งต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พ่อสมิทเจอพ่อบัวแล้ว อยากรู้ๆๆๆพ่อบัวเริ่มเปิดใจให้พ่อสมิมเข้ามาตอนไหน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รออออพ่อสมิงงงงงงง

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                             บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                     บทที่  15


               หุบผากาฬที่มีเขาทะมึนโอบล้อมโดยรอบกลับมีพื้นที่กว้างเป็นแอ่งกระทะอยู่ตรงกลาง ชัยภูมิอันงดงามเหมาะแก่การหลบ

ซ่อนตัวของเหล่าโจรนี้ถูกสมิงหัวหน้าโจรเป็นผู้ค้นพบ เขาเป็นโจรวัยย่างเข้าสามสิบที่มีฝีมือฉกาจหากแต่เลือกปล้นเพียงผู้มีอันจะกิน

และขบวนสินค้าเท่านั้น สมิงปลูกกระท่อมไว้บนเนินสูงที่สุดของพื้นที่และมีลูกน้องของเขากระจายกันอยู่ต่ำลงไปกว่ายี่สิบหลัง

               ร่างสูงกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อผิวเข้มคล้ามแดด รอบปากและคางเต็มไปด้วยหนวดเคราอย่างคนไม่นิยมดูแลตัวเองนัก สมิงยัง

ไม่มีเมียแม้ว่าลูกน้องของเขาจะยุยงให้ฉุดสาวงามสักคนในหมู่บ้านมาอยู่ด้วยก็ตาม ตอนนี้หัวหน้ากองโจรยืนนิ่งอยู่หน้าประตูมองคนบาด

เจ็บที่พามาด้วยอย่างหนักใจ ส่วนทารกแรกเกิดที่สายสะดือยังไม่แห้งนั้นสมิงให้นางอิ่มเมียเสือผาดลูกน้องมือขวาของเขาที่มีลูกอ่อนราว

เกือบขวบรับไปให้น้ำนมแก้หิวแล้ว


               “พี่สมิงจะทำยังไงกับมัน” ผาดถามจากเบื้องหลัง เขามองดูแล้วเจ้าหนุ่มที่สมิงพามาด้วยบาดเจ็บสาหัสเอาการอยู่


               “เนื้อตัวมันฟกช้ำคงเพราะตกจากหน้าผาลงมา ไหนจะแผลตรงตามันอีกล่ะ ข้าดูแล้วจะไม่ไหวเอานา”


               สมิงเองก็เห็นด้วยกับผาด แต่เพราะเหตุใดเขาก็ไม่รู้ที่ทำให้สมิงยังมีความหวัง ในเมื่อมันผู้นั้นยังมีลมหายใจที่จะยื้อวิญญาณ

จากมัจจุราช สมิงเองก็ไม่อาจทนดูดายอยู่ได้


               “ข้าจะช่วยมันเอง” สมิงตัดสินใจ


               “สมุนไพรที่เก็บไว้ก็พอมีอยู่ เช่นไรเสียข้าฝากเอ็งกับอีผาดเลี้ยงเด็กไปก่อน”


               “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง อีผาดน้ำนมมันเหลือเฟือไอ้ฟ้าฟื้นมันดูดแทบไม่ทัน เอาเถอะ ถ้าพี่สมิงตัดสินใจจะช่วยมัน ข้าก็ขอ

เอาใจช่วยให้มันรอด”


               ผาดเดินจากไปแล้วเหลือเพียงสมิงเจ้าของกระท่อมกับชายแปลกหน้า สมิงก้าวเข้าไปในกระท่อมกว้างที่มีร่างบาดเจ็บนอน

หายใจรวยริน ใบหน้าคลุกดินและเปื้อนคราบคาวเลือดขยับอย่างอ่อนแรง


               “หากมีบุญร่วมกันข้าก็คงจะช่วยเจ้าได้ ขอให้รอดก็แล้วกัน”


               สมิงนำสมุนไพรที่เขามีไว้รักษายามบาดเจ็บมาพอกไว้ตามบาดแผลโดยเฉพาะบนดวงตาข้างซ้ายที่ถูกกิ่งไม้ทิ่มแทง เลือด

หยุดไหลแล้วแต่ร่างกายอ่อนแอนั้นกลับมีไข้ขึ้นสูงจนสมิงวิตก เขาได้แต่หาบน้ำมาเช็ดตัวให้ตามมีตามเกิดและได้ยาหม้อมาจากสมุนคน

หนึ่งไว้ใช้ลดไข้ ครั้นกรอกเข้าไปในปากมันก็ขย้อนออกมาจนสมิงกลุ้ม จนเวลาล่วงไปกว่าสัปดาห์ทั้งไข้ทั้งแผลจึงค่อยทุเลาสมิงจึง

ใจชื้นขึ้นมาได้ เช้าวันนี้สมิงถึงกับลงทุนก่อไฟต้มข้าวเตรียมไว้ให้

               สมิงก้าวเข้ามาในกระท่อมพร้อมชามข้าวต้ม ดวงตาคมดุเบิกตากว้างอย่างยินดีเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างสะโอดสะองขยับกายและ

ลืมตาข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บช้าๆ สมิงรีบถลาเข้าไปวางชามข้าวแล้วประคองมันขึ้นมาไว้ด้วยท่อนแขนใหญ่โต


                “ฟื้นแล้วรึ ในที่สุดเจ้าก็ไม่ตาย นี่ข้าดีใจจริงๆนะ”


               “ลูก ลูก”


               แม้จะยังบาดเจ็บแต่ใจของมันคงห่วงลูก สมิงเข้าใจหัวอกพ่ออย่างมัน


               “กินข้าวต้มฝีมือข้าเสียก่อนแล้วข้าจะพาลูกมาหา ถ้าไม่กินเจ้าคงไม่มีแรงอุ้มลูกหรอก”


               สมิงตักข้าวมาเป่าคลายความร้อนก่อนจะบรรจงป้อนอย่างที่ไม่เคยทำให้ใคร ไอ้หนุ่มแปลกหน้าเหลือบตามองชั่งใจแต่ก็ยอม

อ้าปากรับข้าวฝีมือสมิง ไม่นานข้าวต้มก็ใกล้หมดชามจนสมิงยิ้มอย่างยินดี


               “อิ่ม”


               “งั้นก็นอนลงก่อน”


               สมิงประคองมันลงนอนอีกครั้งอย่างทะนุถนอม เขาก้าวไปที่หน้ากระท่อมและกู่ร้องออกไปเรียกผาดที่สร้างกระท่อมอยู่ตรง

ทางลาดไม่ไกลนักบอกให้นางอิ่มอุ้มเด็กทารกมาส่งให้


               “พี่สมิงนี่นอกจากฆ่าคนเก่งก็ยังรักษาคนเก่งอีกนะ” ไอ้ผาดนึกทึ่งขณะมองเมียส่งเด็กคืนให้ชายแปลกหน้ารับไปอุ้มและ

ร้องไห้ออกมา


               “ว่าแต่มันเป็นผู้ชายแน่หรือพี่ พอเช็ดคราบฝุ่นคราบเลือดออกแล้วผิวพรรณมันขาวผ่องยิ่งกว่าอีอิ่มเมียข้าอีก”


               “ไอ้ผาด ถ้าไม่อยากถูกถีบก็เลิกมองเดี๋ยวนี้”


               สมิงขึ้นเสียงอย่างหงุดหงิด เพราะอะไรไม่รู้ที่เขาไม่อยากให้ใครมามองมันผู้นั้นด้วยสายตาโลมเลียเช่นนี้ เขาก้าวเข้าไปนั่ง

ใกล้และเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสติสัมปชัญญะกลับคืนมาสู่มันแล้ว


               “เจ้ากับลูกชื่ออะไร มาจากไหน ทำไมจึงร่วงจากผาจนบาดเจ็บเจียนตายเช่นนี้”


               มันกัดริมฝีปากขบคิดครู่ใหญ่จึงเงยหน้ามาตอบ


               “ข้าชื่อบัว เคยทำงานอยู่ในวังแต่ถูกทำร้ายจนต้องหนีตายออกมา”


               คนในวังนี่เองผิวพรรณจึงได้ผุดผ่องเป็นยองใยจนสมิงต้องลอบกลืนน้ำลายอยู่หลายคราวยามเช็ดตัวให้ ชื่อบัวก็ช่างไพเราะ

เหมาะเจาะกับใบหน้าหวานเหลือเกิน


               “แล้วเด็กคนนี้เล่าชื่ออะไร”


               บัวก้มหน้าไปมองร่างจ้อยในอ้อมอก ดวงตาเพียงข้างเดียวฉายทั้งรักและแค้น


               “ชื่ออัคคี”


               “อัคคี ชื่อเข้มแข็งดีข้าชอบ” สมิงหัวเราะชอบใจ “หากเจ้าหลบหนีมาจากในวังที่นี่เหมาะสำหรับเจ้ามาก เพราะไม่มีใครหรอก

ที่คิดจะมาเยือนหุบผากาฬแห่งนี้ พักอยู่ที่นี่เสียให้สบายใจเถิดพ่อบัว อ้อ ลืมบอกไป ข้าชื่อสมิงเป็นหัวหน้าโจรป่าแห่งหุบผากาฬ”





               บัวมองร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นหนวดเคราเฟิ้มที่กำลังสั่งงานลูกน้องให้แบกฟูกผืนใหญ่เข้ามาในกระท่อม ได้ยินเสียง

ลูกน้องโห่แซวทะเล้นจนเจ้าตัวถึงกับหัวเราะลั่นก่อนจะไล่เตะลูกน้องจนวิ่งเตลิดออกไป ใบหน้าดุหากมีรอยยิ้มแหวกหนวดออกมาส่งให้

เขาเมื่อเดินกลับเข้ามา


               “นอนบนฟูก พ่อบัวจะได้ไม่เจ็บหลัง คนในวังอย่างพ่อบัวน่ะไม่คุ้นกับการนอนบนเสื่อเก่าๆหรอก”


               “แล้วเจ้าล่ะจะนอนตรงไหนในเมื่อข้ามาอาศัยอยู่อีกคน”


               “ก็นอนกับพ่อบัว” พูดหน้าตายก่อนจะแสร้งทอดถอนหายใจ


               “โธ่ พ่อบัว ฟูกออกจะกว้าง พ่อบัวคงไม่ใจไม้ไส้ระกำให้ข้านอนหนาวอยู่ข้างนอกหรอกใช่ไหม ข้านอนไม่ดิ้นหรอก”


               นอนไม่ดิ้น แต่ก็ขยับเข้าใกล้จนวางแขนพาดลงมาที่เอวของบัวจนได้ บัวขืนกายหนีจนสมิงได้แต่ตัดพ้อ


               “โจรเช่นข้ามันน่ารังเกียจนักรึ พ่อบัวจึงทำเหมือนข้าเป็นไส้เดือนกิ้งกือเช่นนี้”


               บัวได้แต่ถอนหายใจ เขาสำนึกในบุญคุณของสมิงยิ่งนักที่ช่วยเขาและอัคคีไว้ เมื่อได้อาศัยและเริ่มคุ้นเคยกับชาวโจรที่อาศัย

อยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ละคนอัธยาศัยดีอย่างยิ่งโดยเฉพาะนางอิ่มแม่นมของอัคคี และบัวก็รู้ว่าสมิงคิดกับตนเช่นไร

หากแต่เป็นเพราะเขาเองที่ยังปักใจอยู่กับคนอื่นต่างหาก


               “ข้าแค่กลัวอัคคีจะตื่น”


               บัวผูกเปลเลี้ยงอัคคีเอง แต่เวลาหิวก็จะพาไปหานางอิ่มให้ดื่มกินนมจากเต้าจนอิ่มหนำ ดีที่อัคคีเลี้ยงง่ายไม่งอแงบัวจึงเบาใจ


               “ขอแค่กอด ข้าไม่หักหาญน้ำใจพ่อบัวหรอก”


               สมิงดึงร่างเพรียวบางเข้ามากอด ยิ่งกอดสมิงก็ยิ่งรู้ตัวว่าเขาตกหลุมรักพ่อบัวเข้าเสียแล้วและยิ่งต้องการพ่อบัวมากเหลือเกิน

แต่เขาก็ไม่อยากดึงดันใช้แรงข่มเหงให้พ่อบัวเสียน้ำใจ


               “คนฉลาดอย่างพ่อบัวต้องดูออกแน่ๆว่าข้ารู้สึกเช่นใดกับพ่อบัว”


               สมิงรำพันออกมาจนบัวนึกสงสาร เขาดันไหล่กว้างออกห่างเพื่อจะสบตากับสมิง


               “พูดกันอย่างลูกผู้ชาย ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้านะสมิง ซ้ำยังรู้ว่าเป็นหนี้บุญคุณเจ้ามากเหลือเกิน แต่ที่ข้ายังไม่พร้อมจะเป็นของ

เจ้าเพราะว่าใจของข้ายังมีคนอื่นครอบครองอยู่และข้ายังตัดใจไม่ได้แม้ว่าเขาจะทำร้ายจิตใจข้าจนยับเยิน ข้าไม่อยากเอาเปรียบเจ้า”


               สมิงมองสบตาบัว แม้จะเจ็บอยู่ในใจราวกับมีหนามแหลมมาทิ่มแทงแต่สมิงก็นิยมในความตรงไปตรงมาของบัวที่ไม่โป้ปดกับ

เขา


               “ขอบใจที่พูดกับข้าตรงๆเช่นนี้ แต่ข้าก็อยากจะบอกพ่อบัวว่า ข้ารักพ่อบัวและอยากจะดูแลพ่อบัวกับอัคคีแม้ว่าพ่อบัวจะยังไม่มี

ใจก็ตาม ข้าเชื่อว่าความรักและความจริงใจของข้าจะเอาชนะใจพ่อบัวได้ในสักวัน”


               บัวมองเห็นความสัตย์ตรงจากดวงตาของสมิง เขาได้แต่คลี่ยิ้มและหลับไปในอ้อมกอดของหัวหน้าโจร






               “พ่อบัวปลงใจกับพี่สมิงแล้วหรือยัง”


               คำถามของนางอิ่มเมียเสือผาดทำให้บัวถึงกับหน้าแดงเมื่อบัวพาอัคคีมากินนมที่บ้านเสือผาด


               “แม่อิ่มถามอะไรอย่างนั้น”


               “อย่ามาทำเขินอายหน่อยเลย เขารู้กันทั้งหุบผากาฬแล้วว่าพ่อสมิงน่ะทั้งรักทั้งเทิดทูนพ่อบัวแค่ไหน อย่าบอกนะว่านอนด้วย

กันทุกคืนยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์กัน โธ่ น่าสงสานพี่สมิงเขานะ”


               นางอิ่มทำสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจเต็มประดา


               “เขาสู้อุตส่าห์ประคบประหงมพ่อบัวกับเจ้าอัคคีริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม”


               จริงๆแล้วบัวก็เห็นจริงตามที่อิ่มพูด ตลอดเวลาสามเดือนที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ สมิงทำทุกอย่างให้บัวและอัคคีมาโดยตลอด และ

ยามค่ำคืนสมิงก็ได้แต่นอนกอดบัวไว้กับอกเท่านั้น


               “แต่ข้าตาบอดเสียข้างหนึ่งแล้ว แถมยังมีเจ้าอัคคีอีกคน”


               “พ่อบัวก็รู้ว่าพี่สมิงไม่ได้รังเกียจเรื่องตาที่บอด และอัคคีนี่เขาก็รักยิ่งกว่าลูกตัวเองอีก จะมีใครที่ดีอย่างพี่สมิงอีกเล่า”


               นางอิ่มเกลี้ยกล่อมจนบัวเริ่มจะเขว


               “ไม่สงสารพี่สมิงเหรอที่เขาต้องอดทนไม่ปล้ำพ่อบัวน่ะ รู้หรือเปล่าว่าถ้าผู้ชายมันอัดอั้นมากๆเส้นเลือดที่หัวมันจะโปนแล้ว

แตกตายได้ง่ายๆเลยนะ”


               “แม่อิ่มไปรู้มาจากไหน” บัวหรี่ตามองนางอิ่มด้วยความคลางแคลง อิ่มได้แต่โบกมือไปมา


               “ก็รู้จากไอ้ผาดนี่แหละ ช่วงไหนฉันงอนมันหลายวัน มันนี่แทบจะกระอักเลือดตาย ถ้าพ่อบัวสงสารพี่สมิงก็อย่าให้พี่เขาต้อง

อดทนขนาดนั้นเลย”

               




   มีต่ออีกนิด...



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 22:55:21 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันที่นี่...


                บัวลอบมองสมิงในยามหัวค่ำขณะไกวเปลให้อัคคีหลับ สมิงกำลังขัดดาบด้วยใบหน้าเคร่งเครียด บัวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ

อุปทานหรือเปล่าเขาจึงเห็นเส้นเลือดที่ขมับของสมิงชัดเจนเหลือเกิน หรือว่าที่อิ่มพูดจะเป็นเรื่องจริง

               อัคคีหลับไปแล้วบัวจึงเอนกายลงไปนอนบนฟูกบ้าง ไม่นานแสงไฟจากตะเกียงก็ดับลงเขารู้สึกถึงแรงยวบจากฟูกอีกฝั่งหนึ่ง

เมื่อสมิงล้มตัวลงนอนเคียงข้าง บัวพลิกกายนอนตะแคงหันหน้าไปหาร่างกำยำของสมิงแล้วเอ่ยถามเบาๆ


               “เหนื่อยไหม” ถามเพราะวันนี้กองโจรบุกไปปล้นขบวนสินค้ามา บัวจึงเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องนั้น สมิงหันหน้ามาถามด้วย

ความน้อยใจ


               “พ่อบัวสนใจด้วยหรือว่าข้ารู้สึกเช่นใด”


               “สมิง อย่ากล่าวเช่นนั้น” บัวยกฝ่ามือวางบนลำตัวแข็งแกร่ง


               “ข้ารู้ว่าเจ้าทรมาน”


               “แต่พ่อบัวก็ยังแกล้งให้ข้าทรมานยิ่งกว่าเดิม”


               ตัดพ้อพลางเมินหน้าหนีไปอีกทางจนบัวต้องกลั้นยิ้มเมื่อเห็นคนตัวโตเกิดอาการน้อยใจ


               “รังเกียจหรือเปล่าที่ข้าตาบอดไปข้างหนึ่ง”


               “หากรังเกียจก็คงไม่คิดช่วยไว้หรอก”


               “อัคคีล่ะ รังเกียจไหม”


               “ทุกวันนี้รักยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำ”


               บัวตื้นตันใจเหลือเกิน เขาเป็นฝ่ายยกท่อนแขนวางพาดไปบนลำตัวและซุกหน้าไว้กับไหล่หนาของสมิง


               “สัญญาได้ไหมว่าจะเลี้ยงอัคคี สอนวิชาการต่อสู้ที่เจ้ารู้ให้มัน”


               “ข้าคิดเช่นนั้นตั้งแต่รับมันเป็นลูกแล้ว”


               “ตอนนี้เจ้าปวดหัวหรือเปล่า”


               คำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันสักนิดทำให้สมิงต้องหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ เขามองเห็นประกายตา

สดใสจากดวงตาเพียงข้างเดียวของบัว


               “ทำไมข้าต้องปวดหัว”


               “ก็ถ้าเจ้าปวดหัวข้าจะช่วยบรรเทาให้เจ้าอย่างไรล่ะ”


               สมิงพรายยิ้ม เขาตะแคงตัวเข้าหาและเชยคางบัวเข้าใกล้


               “ถ้าข้าไม่ปวดหัวแต่ปวดอย่างอื่น พ่อบัวจะช่วยบรรเทาให้ข้าหรือเปล่า”


               บัวเองก็เขินจนชักร้อนวูบวาบ เขาหลบตาไปทางอื่นเมื่อเอ่ยตอบเสียงเบา


               “ถ้าสมิงอยากให้ข้าช่วยข้าก็จะช่วย”


               “พ่อบัว!”


               สมิงดันกายบางให้กลับไปเป็นหงายทันที  ขยับตัวตามอีกทีเดียวสมิงก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนร่างเพรียว เขากดจูบไปบนเรียวปาก

อิ่มอย่างกระหายจนบัวแทบสำลัก เสื้อผ้าทอมือถูกดึงรั้งฉีกขาดเพราะไม่ทันใจโจรป่า สมิงปรนจูบใบตามใบหน้าเนียนโดยเฉพาะแผล

เป็นรอบดวงตา


               “ข้าจะรักและถนอมพ่อบัวไปตลอดชีวิต”


               แทบจะกลืนบัวไปทั้งตัว ไม่มีส่วนใดที่สมิงไม่ได้สำรวจ สมิงจงใจทิ้งรอยแดงไว้ทั่วตัวก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงกลางลำตัวที่มี

ท่อนเนื้องดงาม สมิงจูบไล่ไปตามความยาวจนบัวสะท้านไปทั้งตัวเมื่อไรหนวดถูไถกับเนื้ออ่อน ร่างบางบิดกายไปมาด้วยความกระสันไม่

แพ้กันเพราะบัวก็ห่างหายจากเรื่องนี้มานานมากแล้ว


               “พ่อบัวงดงามเหลือเกิน ไม่เสียแรงที่ข้าเฝ้าถนอม”


               ปลายลิ้นร้อนจู่โจมเข้าช่องทาง บัวสะดุ้งเฮือกเผลอไผลชันขาขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาถึงกับคว้าเส้นผมดกดำของสมิงไว้เมื่อสมิง

สอดนิ้วมือใหญ่และยาวเข้าไปช้าๆรวมถึงยังโจมตีด้วยลิ้นไม่มีหยุด บัวหายใจกระเส่ากัดฟันแน่น ความต้องการของร่างกายเอ่อท้นจน

เลือดในกายไหลวูบวาบ


               “ถ้าตอนนี้เจ้ายังช้า ข้าจะฆ่าเจ้าสมิง”


               “ข้ากลัวแล้วพ่อบัว อยาฆ่าแกงกันเลย”


               หัวเราะชอบใจก่อนยืดกายขึ้น อวดลำตัวแข็งแกร่งจนบัวถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นเต็มตาแม้จะอยู่ในความมืด กลางกายที่

พร้อมเต็มที่ทำให้บัวนึกหวั่นแต่เขาก็ไม่อาจต้านทานเมื่อสมิงดันมันเข้ามาในที่สุด


               “สมิง เบาๆ อึก”


               คราแรกถึงกับจุก บัวเกร็งกายรับจนสมิงต้องโน้มตัวลงไปล้อเล่นกับยอดอกเม็ดเล็กเบนความสนใจ ปลายลิ้นที่กระดกรัวจน

ยอดอกเปียกชุ่มเรียกเสียงครางแผ่วหวานยั่วยวนให้สมิงสอดกายลึกเข้าไปในช่องทางคับแน่นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ


               “โอ รัดอะไรแน่นปานนี้”


               สมิงเงยหน้าส่งเสียงครางหนักเมื่อความอุ่นร้อนแผ่ซ่านอยู่รอบความแข็งแกร่งของชายชาตรี เขานึกอยากจะรุนแรงให้สาแก่

ใจตั้งแต่คราวแรกแต่เขาก็เห็นใจบัวหากจะต้องชอกช้ำเพราะเขา สมิงจึงค่อยๆเคลื่อนไหวเนิบนาบให้บัวได้ปรับตัวก่อนที่ความเร็วจะเพิ่ม

มากขึ้นเรื่อยๆ


               “ฮัก ฮัก เสียวมาก ตรงนั้นเลย”


               บัวร้องลั่นพลันผวากอดเกี่ยวไปทั้งเนื้อทั้งตัว รสสวาทของสมิงดิบเถื่อนแต่ก็ปลุกไฟร้อนให้โหมไหม้ ร่างกายของบัวบิดเร่า

เหงื่อไหลเหนียวหนับ สมองพลันว่างโล่งเมื่อถูกกระชากจนขาดผึง


               “อ๊า...อาทิตย์”


               กลั้นไม่อยู่จนเผลอหลุดปาก สมิงชะงักเอวไปแวบหนึ่งก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่ บัวรู้สึกถึงแรงอัดอุ่นร้อนวาบที่พุ่งเข้ามาใน

ช่องทางของตน สมิงหอบหายใจหนักเมื่อทิ้งกายซบอยู่บนร่างของเขา บัวลูบไหล่สมิงอย่างสำนึกผิด


               “สมิง ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”


               สมิงเงยหน้าขึ้นมา เขามองบัวอย่างเข้าใจ


               “สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าเรียกชื่อข้าเวลาสุขสมให้ได้ พ่อบัวของข้า”
               


             TBC



 :hao5: :hao5:


เปิดขายนิยาย X-theme the series season 2

แล้วนะคะ อุดหนุนกันหน่อยน้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 23:02:36 โดย Belove »

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
ในที่สุดดดดดดดดดดดด
เย้ๆๆ ถึงจะฟินนนนนแต่ก็แอบสงสารพ่อสมิงอ่ะ
พ่อบัวลืมอาทิตย์สะทีๆๆ พ่อสมิงดีขนาดนี้แล้ว

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ตอนแรกๆขึ้นสวรรค์ พอพูด"อาทิตย์" นิ พ่อสมิงเหมือนตกนรก

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เลือดสาดอยุ่ดีๆๆๆพ่อสมิง ตกสววค์เลย
เชียร์พ่อบัวสมิง

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :pig4:   :L1: 

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สนุกมากค่ะ แต่สงสาร สมิงจัง บัวก็น่าสงสาร ฮือๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด