<<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<บัลลังก์รักใต้เงาแค้น >>  (อ่าน 129639 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ฮือ....พ่อสมิงน่าสงสาร

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอพ่อสมิงงงงงง

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                              บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                     บทที่  16


               กว่าสิบแปดปีเท่าอายุของอัคคีที่อาศัยอยู่ในหุบผากาฬบัวยอมรับว่าแท้จริงแล้วเขามีความสุข

               มันเงียบสงบปราศจากความวุ่นวายยกเว้นเวลาที่เขาครุ่นคิดถึงอดีตก็จะมีเพียงจิตใจของเขาเองที่ร้อนรุมดั่งไฟแผดเผา หาก

แต่ธรรมชาติท่ามกลางขุนเขาโอบล้อมก็ช่วยบำบัดให้บัวเย็นลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสมิง โจรป่าที่แสนดีต่อบัว

คนที่เบื้องนอกน่ากลัวแต่สมิงทำดีต่อบัวจนต้องยอมรับในเรื่องนี้และทำให้บัวสงสารสมิงมากขึ้นทุกวัน


                “เหม่ออะไรอยู่พ่อบัว”


               สะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกสวมกอดจากเบื้องหลัง บัวรีบกำมือตนเองเพื่อหลบให้แหวนนั้นพ้นจากสายตาของสมิง


               “ตกใจหมดเลยสมิง อย่าทำให้ข้าตกใจแบบนี้อีกนะ”


               หันไปต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก สมิงหัวเราะร่าพลางหอมแก้มนุ่มดังฟอดใหญ่


               “ก็เห็นเจ้านั่งนิ่งเป็นหุ่นข้าก็เลยหยอกเล่น ขวัญเอ๋ยขวัญมาพ่อบัวเมียรักของข้า”


               ใช่สินะ ตอนนี้เขาเป็นเมียของโจรป่าสมิง หาใช่เสนาบดีคนสำคัญของรัตนปุระนคร


               บัวลอบถอนหายใจโดยไม่ให้สมิงเห็นก่อนจะหันกลับมาคลี่ยิ้มให้คนที่ตระกองกอดไม่ยอมปล่อย


               “ข้าแยกเมล็ดพันธุ์ผักสำหรับปลูกน่ะสมิง เพลินไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ใกล้จะพลบค่ำแล้ว”


               บัวเหลียวมองโดยรอบจึงได้รู้ว่าพระอาทิตย์ใกล้จะสิ้นแสงเต็มทีหลังจากที่เขามัวแต่หวนคิดถึงอดีต สมิงดึงร่างโปร่งบางขึ้น

มานั่งบนตักแล้วป้อนคำหวาน


“เมียข้าฉลาดนัก ตั้งแต่ได้เจ้ามาอยู่ที่นี่พวกเราชาวหุบผากาฬมีความเป็นอยู่ดีขึ้นมาก มิเช่นนั้นคงได้แค่ขุดเผือกขุดมันหากบเขียดมากิน

แต่เท่านั้น รู้หรือเปล่าว่าข้ารักเจ้ามากแค่ไหน”


บัวรู้ดีว่าคำบอกรักนั้นมาจากหัวใจของสมิงอย่างแท้จริงจนอดยิ้มไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปลูบใบหน้าคร้ามเข้มที่มีหนวดเคราเฟิ้มแล้วกล่าว

ตอบ


“ข้ารู้สมิง และข้าก็ซึ้งใจเหลือเกินกับความรักของเจ้า ขอบใจนะสมิงที่รักข้าแต่ว่าจะดีกว่านี้ถ้าเจ้าจะยอมโกนหนวดโกนเครายาวๆนี่ออก

เสียบ้าง”


เสียงขู่เบาๆดังลอดมาจากลำคอของสมิง เขาซุกหน้าเข้าหาซอกคอนุ่มของบัวเพื่อขบเม้มด้วยความเสน่หา


“ทั้งที่เจ้าก็ชอบหนวดเคราของข้ายามที่มันเกลือกกลิ้งอยู่ตรงนั้นของเจ้านี่นะบัว ถ้าข้าโกนหนวดทิ้งจริงๆเจ้าจะเสียใจ”


“อื้อ สมิง จั๊กจี้”


บัวสะท้านกายเมื่อถูกมือสากโลมไล้ไปทั่วตัว สมิงหมดความอดทนจนต้องช้อนกายของบัวจนลอยเหนือพื้น


“ทนไม่ไหวแล้วพ่อบัว วันนี้เข้าบ้านกันเร็วหน่อยเถิด”


“แต่ว่าอัคคียังไม่กลับมาเลย...”


“อัคคีมันโตแล้ว โตจนมีเมียได้สักโหล และมันก็ชอบไปเฝ้ายามอยู่กับพวกพี่ๆที่ด้านนอก เจ้าอย่าเป็นห่วงมันนักเลย ห่วงแต่ข้าเถิดข้า

เกรงว่าจะกระอักเลือดตายเสียแล้วถ้าไม่ได้กินเจ้า”


“ฮื้อ สมิง”


โจรป่าเลื่องชื่อก้าวฉับๆกลับเข้าไปในกระท่อมหลังใหญ่ บรรจงวางร่างนุ่มลงไปบนฟูกแล้วจัดแจงเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์จนนุ่งลมห่มฟ้า

ก่อนจะโผกายเข้ากอดรัดพัลวัน เขาสำรวจร่างบัวอย่างคุ้นเคยไปทุกจุดด้วยปลายลิ้นและฝ่ามือเน้นย้ำที่จุดอ่อนไหวกลางตัวที่ผลุบหาย

เข้าไปในโพรงปากของสมิง


“อ๊า...ซี้ด”


ครางหวานไม่ขาดสายเมื่อหนวดเครามากมายนั้นสัมผัสเสียดสีไปกับเนินเนื้อสามเหลี่ยม มันก่อความรัญจวนจนบัวดิ้นพล่านและสุขสม

คราแรกตั้งแต่สมิงปรนเปรอด้วยปาก จากนั้นไฟร้อนก็ยิ่งโหมกระหน่ำเมื่อท่อนเนื้อแข็งขันจะถลำลึกเข้ามาและกระชากร่างกายของบัวจน

แทบขาดวิ่น


“พ่อบัว ขยับอีกนิด ดีมาก โอย ข้าแทบขาดใจ”


เรียวขากอดก่ายผลักดันให้สมิงยิ่งแทรกกายกระชั้นถี่ บัวบิดกายเร่าร้อนเมื่อเขากำลังไต่อยู่บนสายรุ้ง


“สมิง สมิง อา...”


หูไม่ฝาด!


หัวใจของสมิงโลดแล่นฉุดไม่อยู่เมื่อได้ยินเสียงครวญคร่ำยามสุขสม ในที่สุดวันนี้พ่อบัวคนงามก็รำพันคำรักเป็นชื่อของเขา หาใช่ชื่อของ

ชายอื่นที่เคยกุมหัวใจของบัวไว้ รอยยิ้มของสมิงทะลุหนวดเคราออกมาทันที


“พ่อบัว พ่อบัวของข้า วันนี้ข้าจะพาเจ้าขึ้นสวรรค์ยันฟ้าแจ้ง ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ใช่ไอ้สมิงแห่งหุบผากาฬแล้ว”


กำลังใจมากล้น สมิงหยัดกายโหมแรงเข้าใส่ปรนเปรอจนบัวล่องลอยไปกับไฟรักจนไม่ทันคิดถึงเรื่องอื่นอีกเลย







ร่างเปลือยนุ่มนิ่มนอนตะแคงคุดคู้อยู่กลางผืนดิน เนื้อตัวมีแต่ฝุ่นไคลและคราบคาวจากศึกหนักใบหน้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตาโดยที่เจ้าตัว

ไม่ได้สนใจจะเช็ด ร่องรอยเบื้องล่างมีแผลฉีกขาดเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิตเกรอะกรังและน้ำกาม อัคคีที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆมอง

แล้วพลันหัวใจอ่อนยวบ

ผลผลิตจากความแค้นแม้นไม่ได้รู้เรื่องราวแต่หนหลังกลับต้องมารับเคราะห์จนถูกกระทำย่ำยีให้เสียศักดิ์ศรี อัคคีอดใจไม่ได้ที่จะเอื้อมมือ

ไปแตะที่ไหล่เนียนเบาๆจนเจ้าของสะดุ้งสุดตัว


“อินทัช”


“อย่ามายุ่ง”


“หนาวหรือเปล่า”


“เรื่องของข้า”


“กินน้ำกับผลไม้ที่ข้าไปหามาเสียสักนิด”


อัคคีก่อไฟขับไล่ความหนาวและไปหาอาหารมาโดยไม่กลัวเจ้าชายอินทัชจะหนีเพราะเขารู้ดีว่าแค่ขยับกายอีกฝ่ายก็ระบมไปหมดแล้ว ใช้

เวลาไม่นานทั้งน้ำและผลไม้ก็กองอยู่ตรงหน้าแต่เจ้าชายอินทัชไม่ยอมแม้แต่เหลียวมอง


“ข้าจะฆ่าเจ้า”


เค้นเสียงอย่างคับแค้น อัคคีได้แต่ส่ายหน้า


“จะฆ่าข้าได้อย่างไรถ้าแค่แรงจะยกแขนยังไม่มี อย่าดื้อกับผัวนะอินทัช”


“เลว!”


ถ้อยคำบาดใจเรียกให้เจ้าชายสูงศักดิ์หันพักตร์มาต่อว่า อัคคีไม่สนใจเขาช้อนกายนุ่มขึ้นมาอยู่ในวงแขนแล้วเลิกคิ้วมองยียวน


“ไม่หิวน้ำแน่นะ ทั้งที่เจ้าเสียให้ข้าตั้งหลายน้ำ”


“อัคคี ไอ้...”


“ไม่ยอมกินดีๆงั้นข้าป้อน”


ยกกระบอกไม้ไผ่เทน้ำเข้าปากแล้วอมไว้ อัคคีใช้มือหนึ่งบีบท้ายทอยมือหนึ่งบีบคางเรียวบังคับให้เรียวปากนุ่มเปิดกว้าง เขากดปากตัว

เองลงไปแล้วปล่อยให้น้ำไหลสู่โพรงปากหวานที่หมดแรงขัดขืน แม้ว่าเจ้าชายอินทัชจะพยายามส่ายพักตร์หนีแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดก็

ต้องยอมกลืนน้ำลงคอแห้งผากอย่างกระหาย


“อืม”


น้ำหมดแล้วแต่อัคคีไม่ยอมปล่อย เขาตวัดลิ้นตามลงไปอย่างง่ายดายจนได้ตักตวงความหวานเอาไว้อีกครั้ง และจุมพิตนี้นุ่มนวลกว่าที่

ผ่านมาหลอกล่อให้เจ้าชายอินทัชงวยงงไปกับความรู้สึกประหลาดล้ำ

มันผูกพันราวกับอีกฝ่ายเกิดมาเพื่อกันและกัน อบอุ่นไปทั้งจิตใจทั้งที่อัคคีเพิ่งจะทำให้พระองค์เจ็บช้ำ แต่อะไรบางอย่างทำให้เจ้าชายอิน

ทัชรับรู้ว่าอัคคีไม่ได้เลวโดยสันดาน ความรู้สึกเหล่านั้นทำให้เจ้าชายอินทัชเผลอไผลจูบกลับจนรสจูบนั้นหนักหน่วงเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ

เนิ่นนานกว่าจะผละปากออกและสบตาด้วยความสับสน อัคคียกปลายนิ้วแตะไล้ไปตามกลีบปากที่ช้ำเพราะถูกจูบมาหลายรอบช้าๆดวงตา

ของเขาเป็นประกายแข่งกับแสงจากดาวประกายพฤกษ์ที่ปรากฏกายบนท้องฟ้า


“ชอบจูบนี้ของเราหรือเปล่า”


“ถามอะไรโง่ๆ”


ความขัดเขินเอ่อท้นจนเจ้าชายอินทัชต้องเบนสายตาหนี พระปรางฉีดเลือดเห็นชัดแม้ยามค่ำคืน อัคคีซ่อนยิ้มเมื่อเห็นอาการนั้น


“กินกล้วยนะจะได้มีแรง ข้าอุตส่าห์ไปหามาให้”


ปลิดกล้วยห่ามใกล้สุดจากเครือที่หามาได้ปอกเปลือกและยื่นอยู่ใกล้ปาก คราแรกเจ้าชายอินทัชอยากจะปฏิเสธแต่เสียงร้องโครกครากที่

ดังไม่ไว้หน้าทำให้ต้องยอมอ้าปากกัดกินกล้วยเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ จนลูกแรกผ่านไปถึงลูกที่สองและที่สามจึงได้เริ่มอยู่ท้อง เจ้าชายอินทัช

ไม่เคยนึกเลยว่าคนที่เคยเสวยแต่พระกระยาหารชั้นเลิศต้องมากินกล้วยอยู่กลางป่า หากแต่เพราะความหิวแม้แต่กล้วยก็ยังอร่อย


อัคคีมองคนในอ้อมแขนที่กัดกินกล้วยจากมือของเขาทีละคำด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยราวกับเด็กน้อย ความเอ็นดูบังเกิดอยู่ในหัวใจจนเผย

รอยยิ้มอ่อนโยนออกมา เจ้าชายอินทัชที่เงยพักตรร์มองพอดีถึงกับอึ้งและชะงักโอษฐ์ที่เคี้ยวกล้วยอยู่


“มองอะไร”


“ก็ไม่นึกว่ากล้วยป่าอาหารลิงมันจะอร่อยขนาดที่เจ้าเคี้ยวไม่ยอมหยุด”


“อัคคี เจ้านี่...”


“ขอข้าชิมบ้างนะอินทัช”


กล้วยที่เหลือเพียงนิดเดียวในมือถูกส่งเข้าปากคนป้อน อินทัชมองอย่างเสียดายและโมโหที่ถูกแย่งกิน ทรงยกหัตถ์ทุบไหล่อัคคีจนเจ้า

ตัวนิ่วหน้า


“แย่งเราทำไม กล้วยลูกอื่นก็ยังเหลือ”


คราวนี้อัคคีกลั้นไม่อยู่เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้างอง้ำราวกับเด็กถูกแย่งของเล่น


“ข้าอยากกินกล้วยลูกเดียวกับเจ้านี่นา ไม่เอาน่าอินทัช เลิกทะเลาะกันสักพักจะได้ไหม”


กระชับอ้อมแขนให้ความอุ่นของร่างกายขับไล่ความหนาวเย็น อินทัชอยากจะผลักไสนักแต่วงแขนนั้นอบอุ่นจนไม่กล้าทำอย่างที่ใจคิด

ได้แต่นิ่งอยู่ในอ้อมกอดฟังเสียงหัวใจเต้นด้วยความประหลาดใจ

หัวใจดวงนั้นเต้นพร้อมพระหทัยของพระองค์จนแทบจะกลายเป็นจังหวะเดียวกัน ใบหน้าที่เหมือนพระองค์ทุกกระเบียดนิ้วนั่นก็ด้วย เมื่อ

ความฉุนเฉียวเลือนไปพระองค์จึงได้ฉุกใจคิด


“เจ้าเป็นใครกันแน่นะอัคคี ทำไมโจรป่าอย่างเจ้าถึงได้เหมือนข้าเช่นนี้”


ทรงยกหัตถ์ขึ้นลูบไปตามโครงหน้าที่เหมือนพระองค์เป็นพิมพ์เดียว ดวงตาประสานถักทอลึกล้ำดึงดูดให้เข้าใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจ


“เป็นใครก็ช่าง จงรู้แต่ว่าข้าปรารถนาในตัวเจ้าเหลือเกินอินทัช”


บรรจงจูบหวานล้ำตราตรึงจนเจ้าชายอินทัชสะท้านไปทั้งกาย ร่างกายเปลือยเปล่าเบียดแทรกเนื้อตัวที่ไร้อาภรณ์ท่อนบนของอัคคี

ทรงวาดแขนคล้องคอของอัคคีแล้วเหนี่ยวรั้งบดจูบตอบ อัคคีวางมือไปบนเนื้อตัวลูบไล้อ่อนหวานกว่าครั้งที่ผ่านมา


“ใบหน้าเจ้าตอนกินกล้วยช่างน่าดูยิ่งนักอินทัช”


กระซิบข้างหูก่อนเม้มติ่งหูด้วยริมฝีปาก อัคคีวอนขอเสียงนุ่ม


“กลืนกินข้าเหมือนตอนที่ข้าป้อนกล้วยเจ้าได้หรือไม่”


หลงไปกับสิ่งยั่วยวนเมื่ออัคคีปลดผ้านุ่งที่เพียงคาดไว้หลวมๆออกทิ้งอวดกายหนุ่มที่ผงาดง้ำ อัคคีดันไหล่ให้อินทัชเลื่อนกายลงต่ำพลาง

กระชับจุดแข็งขืนส่งให้อีกฝ่ายที่มองอย่างงงงัน เจ้าชายอินทัชแตะชิวหาไปกับปลายยอดทักทาย ทรงดูดดื่มน้ำใสที่ไหลรินออกมาก่อน

จะทรงอ้าโอษฐ์กว้างครอบเข้าไปช้าๆ


“อา อินทัช”


อัคคีเงยหน้าพึมพำเสียงกระเส่า สัมผัสภายในช่องปากช่างอุ่นจนร้อนวูบวาบไปหมด เขาขยุ้มเส้นผมอ่อนนุ่มของคนที่กระทำงกเงิ่นไร้

เดียงสาแล้วบังคับให้ขยับใบหน้าเลื่อนเข้าออกจนช่องท้องบีบเค้นไปหมด


ผลักร่างนุ่มให้นอนหงายราบไปกับผืนดินอีกครั้ง อัคคีขยับตามไปนั่งคร่อมอยู่บนหน้าอกและดันท่อนเนื้อเปียกชุ่มเข้าไปในโอษฐ์งามอีก

ครั้งพร้อมกับเลื่อนเอวเข้าออก เจ้าชายอินทัชดูดดุนจนแก้มตอบ เสียงท่อนเนื้อขยับกระทบลำคออึกอักจนรับรู้ถึงของเหลวรสฝาดที่พุ่ง

พรวดเข้ามา


“โอ อินทัชของข้า”


อัคคีถึงกับเป่าปากเมื่อสุขสมด้วยปากงาม เขามองใบหน้าของเจ้าชายอินทัชด้วยแรงปรารถนาที่ไม่หยุดหย่อน


“ข้าจะพาเจ้าไปสวรรค์อีกสักรอบดีไหม”


ดึงกายออกมาจากใบหน้าพลางใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบคาวรอบริมฝีปาก อัคคีเลื่อนกายลงต่ำและเป็นฝ่ายกลืนกินยอดสวยบนแผ่นอกเรียบ

เนียนอย่างหลงใหล สัมผัสครานี้ไร้ความรุนแรงมีแต่ความกระสันจะไปถึงฝั่งฝันจนอินทัชต้องแอ่นกายให้ลิ้นร้อนได้ละเลงอย่างสะใจ


“อัคคี อื้อ ได้โปรด ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน”


หมดสิ้นแล้วซึ่งความอายในเมื่อยามนี้หลงไปกับไฟร้อนที่อัคคีจุดมันขึ้นมา ดวงตางดงามฉ่ำปรือแดงก่ำมองอัคคีอย่างเรียกร้อง อัคคี

คำรามลั่นเขายันท่อนขาอินทัชให้ยกสูงเปิดทางสวรรค์เพื่อที่เขาจะแทรกกายเข้าไปอย่างง่ายดาย


“อื้อ อัคคี”


นุ่มนวลแต่ทว่าเร่าร้อนเหลือเกิน อินทัชกัดโอษฐ์หลับตาพริ้มเมื่อท่อนเนื้อขยับเสียดสี จุดอ่อนไหวภายในถูกกระแทกให้สะดุ้งหวามไหว

จนต้องผวาโอบกอดร่างแกร่งเอาไว้แน่น ความเสียวสะท้านเกาะกุมอารมณ์จนเผลอจิกเล็บลงไปบนแผ่นหลังชื้นเหงื่อแล้วลากเป็นทาง

แต่กลับยิ่งเร้าอารมณ์ให้อัคคีเริงโลดไปกับรสสวาท


“อินทัชของข้า เมียของข้า”


ส่งเสียงคำรามทุ้มลึกแข่งกับเสียงจักจั่นเรไรบนยอดไม้ ช่องทางหวานล้ำฉ่ำไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงส่งไปสู่เส้นชัยที่รออยู่ อินทัชคว้าท่อน

เนื้อตนเองเกาะกุมโยกรั้งส่งเสียงแข่งอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะสะดุ้งวาบเมื่อมันปลดปล่อยน้ำคาวออกมา


“ซี้ด อัคคี ข้า ข้า...”


ดวงตาราวกับเนื้อทรายเบิกกว้างเมื่อนำไปสู่เส้นทางหฤหรรษ์ ช่องทางตอดรัดบีบรัดส่วนประสานจนอัคคีเองถึงกับหน้ามืด เขากัดฟันยัน

กายกระแทกแรงลึกเมื่อหน้าท้องบิดมวนเต็มที และไม่นานหลังจากนั้นดวงดาวก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเมื่อเขาคว้าชัยไว้ได้อีกครั้ง


ทิ้งกายซบร่างนุ่มที่นอนกลางผืนดินพลางให้รางวัลเป็นจูบหวาน ดวงตาของเจ้าชายอินทัชหรี่ปรือไปด้วยความสุขสมระคนอ่อนเพลียที่

ต้องผ่านศึกหนักมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เปลือกตาปิดลงช้าๆพร้อมกับที่พระองค์หลับผล็อยไปทั้งที่ยังมีอัคคีสอดประสานอยู่ในกายงดงาม

อัคคีมองใบหน้าที่เหมือนเขาหากแต่หวานล้ำด้วยดวงตามุ่งมั่น


“ครั้งนี้ข้าทำรักกับเจ้ากลางดินแข็งกระด้าง ข้าสัญญา ต่อไปครั้งหน้าข้าจะมอบความสุขสมเปรมปรีให้แก่เจ้าบนที่นอนผืนงาม เจ้าชายอิน

ทัชธราธิป”


กล่าวทั้งที่เจ้าชายอินทัชหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดนั่นเอง




TBC



 :katai5: :katai5:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2016 22:04:23 โดย Belove »

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
เย้ ในที่สุดก็ถึงวันของพ่อสมิงงงงงงงงงงงง เย้ๆๆๆๆ
ขอให้พ่อบัวรักพ่อสมิงเรวๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :jul1:      เจ้าชายได้กล้วยจนมีแรง
โอ๊ยอยากให้เขาหวานกันแบบนี้ตลอดไป

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เย้ๆ     ดีใจแทนพ่อสมงิ  เอ๊ย  พ่อสมิงของป้า  อาทิตย์มันรักแรกมาแรงไปแรง
สมิงเป็นไฟที่มักจะมีอยู่ในเรือน อบอุ่นยามที่จำเป็นและต้องการ   รักที่ให้โดยที่ไม่มีการร้องขอสิ่งตอบแทน  ง่ายๆไม่ซับซ้อน   ถ้าเราเป็นพ่อบัวนะถึงจะได้กลับไปหาอาทิตย์อีกแล้วอีกฝ่ายก็ต้อนรับด้วยความยินดี  แต่อะไรต่อมิอะไรมันเกิดขึ้นมาขวางระหว่างทั้งสองมากเกินไป      อีกอย่างเวลาผ่านมาป่านนี้อาทิตย์จะไม่มีใครสักคนที่อยู่ข้างตัวเชียวหรือ?  ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้ร่วมเรียงเคียงเขนยกับชายา  น่าจะมีใครสักคนถวายงานอยู่หรอก  งานนี้ป้าเชียร์โจรมากกว่าเจ้าค่ะ  ส่วนคู่ incest ก็ละไว้ให้ลูกก็แล้วกัน

ตอนที่แล้วมีคำผิดค่ะ   สงสารนะคะ   เขียนผิดเป็นสงสาน

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
สมใจพ่อสมิงเขาแล้ว คู่แฝดนิก็ไม่น้อยหน้า

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
แทบละลาย เลือดหมดตัวกันไปเลย กล้วยนี้ให้พลังสูง ฮ่าๆๆๆๆ รอบหน้าค้องที่เตียงน่ะ อิอิ
รุ่นพ่อมาแล้ว คู่อัคคีอินทัช ก็มาแล้ว นังขาดคู่ไหนน่ะ อิอิ รอสูบเลือดรอ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                            บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                 บทที่  17


               เพชรกล้าไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองยอมเดินตามเจ้าโจรป่าหน้าอ่อนต้อยๆ

               โจรป่าที่แจ้งชื่อต่อเขาว่าฟ้าฟื้นเดินสบายๆในป่าลึกราวกับชมนกชมไม้ในขณะที่เขากลับต้องถูกทั้งกิ่งไม้และเถาวัลย์เกี่ยว

แขนเกี่ยวขาเป็นรอยเต็มไปหมดจนกระทั่งฟ้าฟื้นหยุดเดินที่หน้ากระท่อมเก่าเจียนพังหลังหนึ่งที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่


                “ที่นี่แหละ”


               เพชรกล้าชะงัก เขากวาดสายตามองอย่างฉงน


               “เจ้าไม่ได้พาข้าไปยังหุบผากาฬรึ”


               ฟ้าฟื้นขมวดคิ้ว


               “หุบผากาฬไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปโดยง่าย ผู้จะเข้าไปได้ต้องเป็นคนภายในและคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น โดยเฉพาะทหาร

ในวังเช่นเจ้าอย่าหวังจะได้เหยียบแม้แต่ปากทางเลย”


               เพชรกล้าตกใจไม่น้อยเมื่อฟ้าฟื้นรู้ว่าเขาเป็นใคร เขามองฟ้าฟื้นอย่างฉงนฉงาย


               “เจ้ารู้?”


               “คงคิดว่าข้าโง่นักสินะ” ฟ้าฟื้นเบ้ปากใส่


               “รู้ตั้งแต่คราแรกที่สู้กับเจ้าเสียด้วยซ้ำ การต่อสู้ของเจ้าน่ะมันเก่งเกินไป มันเป็นทางการเกินไป ไม่มีชาวบ้านที่ไหนหรอกที่จะ

ต่อสู้เช่นนี้นอกจากพวกทหารที่ผ่านการฝึกปรือ”


               ฉลาดกว่าที่คิด โจรป่าจากหุบผากาฬไม่ได้โง่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีชื่อเสียงร่ำลือในการปล้นสดมภ์ขบวนสินค้าที่ผ่านเดินทางใน

เส้นทางภูเขาเช่นนี้ แต่เพราะนี่เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดไปยังเมืองใกล้เคียงได้ ขบวนสินค้าจึงจำใจต้องผ่านแต่พวกนั้นก็พยายามเลี่ยงให้

ไกลจากหุบผากาฬมากที่สุด


               “รู้ว่าข้าเป็นทหารจากในวัง แล้วใยจึงไว้ชีวิต”


               นั่นสินะ ฟ้าฟื้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาจึงไว้ชีวิตชายผู้นี้


               เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เขาโง่ที่สุดแล้ว อันที่จริงเขาควรจะเชือดคอนายทหารคนนี้ให้หมดลมหายใจลงเสียสิ้นเรื่องสิ้นราว

หากแต่เพราะอะไรบางอย่างเข้ามากวนใจเมื่อสบสายตาคู่นั้นมันทำให้เขาเฉือนปลายมีดลงไปที่คอของเพชรกล้าไม่ได้


               “จะถามเพื่ออะไรนัก ไว้ชีวิตก็คือไว้ชีวิต ไม่เห็นต้องมีเหตุผล อย่าสู่รู้ให้มากนักเลย”


               แสร้งเปลี่ยนความว้าวุ่นให้เป็นขุ่นเคืองฟ้าฟื้นสะบัดหน้าใส่ทำหน้างอง้ำจนเพชรกล้าแอบขำ


               ความจริงเจ้าโจรป่าวัยรุ่นหนุ่มยามสีหน้าแดงเรื่อแล้วเม้มปากแน่นดวงตาวาววับนี่ก็น่าเอ็นดูหยอกเสียเมื่อไหร่


               “ไม่ถามเรื่องนี้ก็ได้” เพชรกล้าเหลียวมองรอบตัว


               “แล้วนายท่านจะให้ข้าอยู่ที่นี่เพียงลำพังงั้นหรือ จะมั่นใจได้เช่นไรว่าทาสอย่างข้าจะไม่หนีไป”


               ฟ้าฟื้นก้าวเข้ามาใกล้ เขายกยิ้มท้าทาย


               “อยากจะกลับไปเมื่อใดก็ไป หากว่าเจ้ายอมทิ้งศักดิ์ศรีว่าพ่ายแพ้แก่ข้าไว้ที่นี่”


               เพชรกล้านึกหมั่นไส้ใบหน้ายียวนเต็มกำลัง เขาคว้าท่อนแขนของฟ้าฟื้นเข้าหาตัว แขนอีกข้างถือโอกาสโอบกอดร่างของฟ้า

ฟื้นไว้ คนถูกกอดฝืนตัวพลางจ้องมองเชลยด้วยความขุ่นเคือง ฟ้าฟื้นขุ่นเคืองความบังอาจของเพชรกล้าและรวมถึงขุ่นเคืองหัวใจของ

เขาเองที่เต้นแรงยามใกล้ชิดกับนายทหารโอหังคนนี้อีกด้วย


               “ปล่อย!”


               “นายท่านเก่งกาจออกปานนี้ แค่ทำให้ข้าปล่อยคงไม่เกินความสามารถหรอกกระมัง นอกเสียจากว่า...”


               เพชรกล้าคลี่ยิ้มก่อกวนกลับคืนบ้าง


               “...บางทีเจ้าอาจจะชอบใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของข้า”


               “ไอ้เพชร!”


               ฟ้าฟื้นตวาดกร้าวอย่างขัดเคือง เป็นเพราะเติบโตมาในดงโจรแม้จะฉลาดกว่าคนอื่นแต่เขาก็ยังมีกิริยาที่ไม่ได้ขัดเกลา และ

เมื่อเพชรกล้าได้ฟังก็นึกโมโห ถึงอย่างไรเขาก็มีอายุมากกว่า มิควรที่ฟ้าฟื้นจะเรียกเขาโดยใช้คำหยาบคายเช่นนี้


               “อย่าเรียกข้าด้วยคำหยาบต่ำเช่นนี้อีก ฟ้าฟื้น”


               ยามเอาจริงใบหน้าของเพชรกล้าช่างดุนัก ดวงตาของเขาคมกล้าดั่งเช่นชื่อขณะจ้องตาของฟ้าฟื้นที่เริ่มหวาดหวั่นมากขึ้น

เรื่อยๆ ฟ้าฟื้นเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี จะให้ทหารจากในวังรู้ไม่ได้ว่าเขากำลังใจสั่น


               “ข้าจะเรียกเจ้าเช่นนี้ มีปัญหาอันใด หือ ไอ้เพชร ไอ้เพชร อะ อุ๊บ!”


               ปากถูกปิด เสียงถูกดูดกลืนหายเมื่อเพชรกล้าจัดการปากจัดด้วยปากของเขา ชายหนุ่มจงใจบดน้ำหนักลงไปราวกับจะขยี้

กลีบปากนั้นให้แหลกช้ำ ฟ้าฟื้นทำได้เพียงผินหน้าหลบเลี่ยงแต่กลับถูกเพชรกล้าติดตามได้ทุกครั้ง


               “อื้อ ไอ้...”


               แค่คำด่าจะหลุดจากปากอีกครั้งเพชรกล้าก็เหวี่ยงฟ้าฟื้นไปบนพื้นกระท่อมสกปรกเจียนพังจนฝุ่นคละคลุ้ง เขากระโจนตาม

ขึ้นไปทาบทับร่างฟ้าฟื้นไว้จนดิ้นไม่หลุด


               “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าริอ่านปากกล้าด่าผู้ใหญ่”


               เพชรกล้าส่งเสียงหนักดุอยู่ใกล้ๆ ขณะตรึงแขนสองข้างของฟ้าฟื้นไว้กับพื้นกระท่อม


               “เพราะบางทีผู้ใหญ่อาจหมดความเอ็นดูเด็กมารยาททรามเช่นเจ้า”


               บ้าที่สุด!


               ฟ้าฟื้นกัดฟันอย่างเจ็บใจ คราที่เพชรกล้าจริงจังขึ้นมาทำให้เขารู้ว่าที่ผ่านมาชายหนุ่มเพียงยอมอ่อนข้อ แต่หาใช่คราวนี้ที่ทำ

อย่างไรฟ้าฟื้นก็ไม่อาจดิ้นหลุดแม้ว่าจะออกแรงมากแค่ไหน และแรงของเขาก็ยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆเมื่อเพชรกล้ากำลังก้มหน้ามาจูบ

เขาอีกครั้ง


               “ยะ อย่า อื้อ..”


               ปากของฟ้าฟื้นถูกบังคับให้เปิดรับลิ้นร้อนที่สอดลึกเข้ามาอย่างจาบจ้วง เพชรกล้าตวัดทีเดียวเขาก็ครอบครองโพรงปากของ

ฟ้าฟื้นไว้ได้ทั้งหมด ฟ้าฟื้นเจ็บไปรอบปากเมื่อเขาคาดว่ามันอาจจะบวมเจ่อแต่เพชรกล้าก็ยังไม่ให้โอกาสจนกระทั่งฟ้าฟื้นหมดแรงดิ้นรน

เขาหยุดหอบนอนนิ่งให้เพชรกล้าข่มเหงอย่างเจ็บใจ


               เมื่อคนใต้ร่างหมดแรงนอนนิ่ง ใจจริงเพชรกล้าก็อยากจะปล่อย แต่เพราะความรู้สึกบางอย่างยามได้ลิ้มรสความหวานระคน

ร้อนแรงยามตวัดลิ้นซอกซอนมันทำให้เขาเลิกคิด หากแต่ความหนักหน่วงกับน้ำหนักที่แกล้งบดขยี้กลับลดน้อยถอยลง ที่เพิ่มมากขึ้นคือ

จูบที่เรียกร้องให้ฟ้าฟื้นมึนงงไปกับรสชาติแปลกใหม่จนกระทั่งเผลอไผลตวัดลิ้นสู้


               “เจ้ากำลังจะทำให้ข้าตบะแตก”


               เพราะมียศศักดิ์เป็นถึงนายทหารรักษาพระองค์ที่ต้องฝึกปรือเข้มงวดและอยู่ใกล้ชิดพระราชวงศ์ เพชรกล้าแทบไม่มีเวลาส่วน

ตัวแม้แต่จะคิดเรื่องครอบครัว ความใกล้ชิดกับร่างกายผู้อื่นเช่นนี้เป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และเป็นเพราะฟ้าฟื้นที่มีบาง

อย่างดึงดูดหัวใจมันทำให้เพชรกล้าหลุดจากการควบคุมตนเอง

               ฝ่ามือตะปบลงไปบนร่างของฟ้าฟื้น ความร้อนผ่าวไปด้วยความต้องการทำให้เนื้อตัวของฟ้าฟื้นแทบเต้นตามไปด้วย เขาไม่รู้

ตัวสักนิดว่าเสื้อผ้าสีเข้มที่ตนสวมนั้นหลุดลุ่ยไปจากร่างตั้งแต่เมื่อใด เพราะฟ้าฟื้นเองก็ลืมตัวดึงรั้งเสื้อผ้าของเพชรกล้าอย่างรวดเร็วไม่

แพ้กัน จวบจนเพชรกล้าเบียดกายแข็งแกร่งลงมานั่นแหละสติของฟ้าฟื้นเพิ่งจะกลับคืน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เสียแล้ว


               “ร่างกายของเจ้ายั่วสายตาข้าเหลือเกิน”


               เพชรกล้าพึมพำยามลงลิ้นสำรวจ แปลกที่กลิ่นสาบเหงื่อในวัยหนุ่มของฟ้าฟื้นยิ่งกระตุ้นให้เขาต้องการจนแทบจะกระโจนใส่

เพชรกล้าต้องรั้งมันไว้เพราะเขาไม่ต้องการข่มขืนฝืนใจฟ้าฟื้น


               “เจ้า อื้อ ไอ้บ้าเอ๊ย”


               ฟ้าฟื้นสบถดังลั่นเมื่อลิ้นร้อนละเลงอยู่รอบลานนมก่อนจะตวัดยอดสีเนื้อแค่เพียงบางเบา เขากำลังต้องการให้เพชรกล้า

จัดการให้มากกว่านี้จนต้องขยุ้มเส้นผมของเพชรกล้าลงไปกับแผ่นอกเนียนเรียบ เพชรกล้าพอใจเหลือเกินที่เขาปลุกเร้าได้ผล เขาอ้า

ปากครอบลงไปบนเนินอกและลากปากขบเม้มติ่งน้อยจนมันยืดติดปาก

               ท่อนขาหนั่นแน่นขยับอ้ากว้างให้เพชรกล้าทิ้งสะโพกลงตรงกลาง มือสากจับแต่อาวุธต่อสู้บัดนี้กอบกุมท่อนเนื้อของฟ้าฟื้น

เอาไว้จนมิด มือยิ่งสาก ฟ้าฟื้นยิ่งดิ้นไปด้วยความกำหนัดยามเพชรกล้ารูดรั้ง เขาถึงกับขยับเอวสู้เมื่อร่างกายกำลังบีบคั้น


               “ข้า...โอย เจ้าทาสโง่เง่าเชื่องช้า”


               ด่าทอใส่หน้าเมื่อเพชรกล้ายังไม่ยอมกระทำเสียที สวรรค์อยู่ตรงหน้าหากแต่ยังค้างคาเพราะอีกฝ่ายยังกลั่นแกล้ง เพชรกล้า

คำรามลั่นก่อนจะขยับผลักท่อนขาเต็มมือให้อ้ากว้างเต็มที่แล้วจึงดันเอวเข้าไปทีเดียวจนมิด


               “อึก จุก”


               แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เพราะถูกแทรกกายเข้าไปทีเดียวหมดทั้งท่อนลำใหญ่โตฟ้าฟื้นจึงสะดุ้งสุดตัว เขาเงยหน้าสบตากับ

ดวงตาดุคุโชนที่ก้มมองลงมา


               “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าให้มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ เจ้าเด็กปากเสีย”


               ราวกับเป็นการลงทัณฑ์ เพชรกล้าขยับเอวออกแล้วแทงลึกอีกครา ฟ้าฟื้นผวาทั้งแขนทั้งขาเข้ากอดรัดร่างแข็งแกร่งที่ผ่าน

การฝึกปรือเป็นอย่างดีของเพชรกล้า เสียงครางดังลอดมาจากลำคอที่เชิดสูงเมื่อถูกกระทำรัก เพชรกล้าสาวเอวเร็วรี่ไม่รั้งรอสิ่งใดอีก

แล้ว


               “โอย เจ็บ แต่ อื้อ ตรงนั้น”


               คราหนึ่งที่ถูกกระแทกจุดอ่อนไหวฟ้าฟื้นถึงกับหน้ามืด ช่องทางชื้นฉ่ำไปดวยความต้องการที่ถาโถมเข้าใส่ ฟ้าฟื้นปล่อยให้

เพชรกล้าบุกอยู่ในร่างกายจนกระท่อมร้างโยกไหวตามแรงกระหน่ำ เขาเกร็งกายค้างเมื่อร่างกายของเขาถูกกระชากขาดวิ่น


               “อื้อ แตก”


               อุทานดังลั่นพลันเบิกตากว้าง  เพชรกล้ากัดฟันคำรามเมื่อร่างกายของฟ้าฟื้นกำลังเร่งเร้าส่วนแข็งขืนจนร่อนรุ่มไปหมด เพชร

กล้าสอดมือช้อนใต้เอวของฟ้าฟื้นให้รอรับเมื่อเขาทะยานดันตัวเองให้ล่องลอยตามฟ้าฟื้นในเวลาไม่นานนัก

               หอบหนักแข่งกันอยู่บนพื้นกระท่อม ฝุ่นกระจายจนเหลือแต่ร่องรอยดิ้นรนของฟ้าฟื้นที่ไม่คาดเลยว่าสถานที่ที่เขาพาเชลยมา

จะกลายเป็นสถานที่ที่เขามีความสัมพันธ์เกินเลยกับนายทหารจากในวัง เมื่อพายุอารมณ์พัดผ่านฟ้าฟื้นกัดฟันแน่นรีดแรงทั้งหมดผลัก

ร่างของเพชรกล้าให้ออกไปจากตัว


               “อึก เบาๆสิเจ้า เดี๋ยวของข้าหักไปจะทำเช่นไร”


               เพชรกล้าประท้วงเมื่ออยู่ๆก็พลันหลุดออกจนน้ำคาวที่คั่งค้างกระฉอกตามมาจากช่องทางสวรรค์ เขามองฟ้าฟื้นสายตาพราว

ผิดจากก่อนหน้า มองเห็นฟ้าฟื้นกำลังยันกายลุกนั่งเขารีบฉวยโอกาสรวบร่างนั้นมากอดอีกครั้ง


               “ปล่อยเดี๋ยวนี้ ไอ้ทาสเจ้าเล่ห์”


               ฟ้าฟื้นผลักไสทุบตี แต่เพชรกล้าอดทนตั้งรับ ความสัมพันธ์ครานี้ติดอยู่ในใจจนไม่อาจปฏิเสธได้


               “ทาสเช่นข้าอยากเลื่อนขั้นเป็นผัว”


               “ฝันไปเถอะ ไม่มีทาง แค่เอากันครั้งเดียวข้าไม่นับเป็นผัว”


               เพชรกล้าหัวเราะ เช่นไรฟ้าฟื้นก็ยังอ่อนเดียงสาอยู่มาก และร่างกายนี้ก็ช่างตอบรับกับความต้องการของเพชรกล้าได้ดีจนเขา

คาดไม่ถึง ยิ่งกวาดสายตามองร่างเปลือยเปียกชุ่มปะปนคราบเหงื่อคราบคาวแล้วก็ยิ่งชวนมอง


               “พูดเช่นนี้กำลังเชิญชวนข้าใช่ไหมฟ้าฟื้น”


               เสียงของเขาอ่อนนุ่มลงอย่างไม่น่าเชื่อ เพชรกล้ากอดรัดฟ้าฟื้นราวกับลูกไก่ในกำมือ เขาซุกหน้าลงไปกับซอกคอของฟ้าฟื้น

แล้วกัดเบาๆ


               “ถ้าเอากันครั้งเดียวไม่นับว่าเป็นผัว เจ้าจะให้ข้าเอาเสียกี่ครั้งจึงจะนับ”


               “ไอ้ อะ...บอกให้ปล่อยไงเล่า”


               ฟ้าฟื้นเริ่มเรียนรู้ เพชรกล้าไม่ชอบให้แข็งกระด้างใส่ เมื่อรู้แล้วว่าถึงอย่างไรเขาก็สู้เพชรกล้าไม่สำเร็จ ฟ้าฟื้นจึงตัดใจอยู่นิ่ง

ในอ้อมกอด


               “ก็แค่นี้เอง”


               “คนเลว”


               ต่อว่าด้วยใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายที่เพลี่ยงพล้ำ เพชรกล้ามองใบหน้านั้นก่อนจะกดจูบตามอย่างห้ามไม่อยู่ เขาสงสัย

ตนเองว่าจะกลายเป็นทาสของเจ้าโจรป่าหน้าอ่อนนี่จริงๆเสียแล้วแต่เป็นทาสแห่งรสสวาทที่เกิดขึ้น


               “ไหนๆก็เลวแล้ว ขอเลวอีกสักครั้งเถอะนะ ฟ้าฟื้น”


               อ่อนโยนจนฟ้าฟื้นตกใจ เพชรกล้าวางร่างกายแน่นมือลงไปบนพื้นกระท่อมอีกครั้ง เขาเลื้อยกายทาบทับก่อนจะกลืนกินฟ้า

ฟื้นเข้าไปดั่งงูตัวใหญ่กินเหยื่อ


               “เจ้า เพชร”


               เรียกเสียงครวญคร่ำไม่หยุดหย่อนเมื่อคราวนี้เพชรกล้าปรนเปรอปลุกเร้าไฟร้อนให้จุดติดอีกครั้ง เพชรกล้ากระซิบข้างหูยาม

กำลังจะพาฟ้าฟื้นสู่แดนสุขาวดีคำรบสอง


                “เรียกข้าว่าพี่เพชร พี่เพชรผัวของเจ้าไงล่ะฟ้าฟื้น”


               “ไม่ ข้าไม่..ฮึก ได้โปรด”


               “จะยอมหรือยังฟ้าฟื้น”


               ฟ้าฟื้นกัดฟันจ้องตาอีกฝ่าย ไฟปรารถนารุมเร้าจนต้องพ่ายแพ้


               “พี่เพชร ได้โปรด...”


               เพชรกล้าส่งเสียงฮึกเหิม เขากระแทกกระทั้นกายฉุดให้ฟ้าฟื้นได้ท่องเที่ยวไปกับสวรรค์บนดินจนกระทั่งพากันหมดแรงอยู่ใน

กระท่อมร้างกลางป่าลึก



                                                                         โปรดติดตามตอนต่อไป
               
                                                                      :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2016 15:48:57 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :haun4:    คู่นี้ก็เบาๆเนอะ

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่เพชรน้องฟ้ามาแบบฟินๆๆเลือดสาดอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :hao6: ดีงามทุกคู่เลย ติดงอมแงม มาต่อไวๆ นะ :hao7: :hao5:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เสร็จพี่เพชร อิอิ

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
กรี๊ดดดดดดด คู่นี้ก็แซ่บบบบบ
พี่เพชรรรรรร
มาต่อไวไวน่ะค๊าาา

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอๆๆพี่เพชรกับฟ้าฟื้น

ออฟไลน์ papanoy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
            ดีใจจังที่มาต่อแล้ว :pig4:

   ชอบทุกคู่เลย น่ารัก น่าติดตามกันคนละแบบ คนเขียนเก่งนะ เขียนแต่ละคู่ได้อารมณ์แตกต่างกันเลย
           
                      ชอบเรื่องนี้มาก    :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                        บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                              บทที่  18


               ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามย่ำรุ่ง แสงแห่งอรุโณทัยสาดส่องทะลุหลังคาตับจากของกระท่อมโย้เย้ เพชรกล้ามองเห็นแผ่นหลังของ

ฟ้าฟื้นที่กำลังผูกรัดเสื้อผ้าสีเข้มให้รัดกุมเข้ากับตัวในขณะที่เขายังเปลือยกายอยู่บนพื้นเปื้อนฝุ่น


               “ฟ้าฟื้น” เอ่ยเรียกด้วยเสียงละมุนกว่าเคยหากแต่ร่างนั้นยังนิ่งเฉยหันหลังให้กับเขา


               “ฟ้าฟื้น หันหน้ามาคุยกันหน่อยไม่ได้รึ”


               หันหน้ามาหาในที่สุด หากแต่ฟ้าฟื้นกลับขว้างเสื้อผ้าของเพชรกล้าใส่เจ้าของ


               “ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับไป”


               สีหน้าจริงจังของฟ้าฟื้นทำให้เพชรกล้าต้องขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฟ้าฟื้นกำลังคิดอะไรอยู่และโกรธเคืองเรื่องอันใดอีก ใน

เมื่อราตรีที่ผ่านมาฟ้าฟื้นก็ยังยินยอมให้เขากระทำรักเกือบตลอดทั้งคืน


               “ทำไมทำหน้าบึ้งใส่พี่เยี่ยงนี้”


               ลุกขึ้นแล้วเข้าไปโอบกอดแต่เพชรกล้าพลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ท่อนแขน เขาก้มลงไปมองเห็นโลหิตไหลรินจาก

บาดแผลถูกกรีดที่ผิวหนังด้วยคมมีดในมือของฟ้าฟื้นจนต้องขยับกายออกห่าง


               “ฟ้าฟื้น นี่ทำอะไรลงไป!”


               เพชรกล้าถามเสียงดัง เขาทั้งตกใจและขุ่นเคืองในสิ่งที่ฟ้าฟื้นทำเมื่ออีกฝ่ายทำร้ายเขาด้วยมีดคม ฟ้าฟื้นเม้มปากแน่นและ

เชิดหน้าขึ้น


               “ข้าบอกให้พี่กลับไป แล้วไม่ต้องมาพบหน้าข้าอีก”


               คำพูดตัดรอนทำให้เพชรกล้าถึงกับกัดฟันจนสันกรามขึ้นเป็นแนว เขากระชากไหล่ของฟ้าฟื้นแล้วเขย่าเรียกสติ


               “พูดอะไรเช่นนั้น นี่ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน ทั้งที่เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วยาม”


               ฟ้าฟื้นสบตาไม่ยอมหลบ มันเต็มไปด้วยความสับสนครุ่นคิดและเจือรอยเศร้าซ่อนอยู่


               “ข้าไม่ลืม แต่เราไม่ควรจะผูกพันกันให้มากกว่านี้”


               ดวงตาของเพชรกล้าแปรเปลี่ยนเป็นงุนงงเมื่อฟังคำของฟ้าฟื้น


               “เจ้าหมายความอย่างไรฟ้าฟื้น”


               ฟ้าฟื้นกลืนก้อนสะอื้นลงคอ รอยรักที่เพชรกล้าฝากไว้ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา


               “ข้าเป็นโจร พี่เป็นทหาร สักวันหนึ่งเราก็ต้องเข่นฆ่ากันอยู่ดี เพราะฉะนั้นข้าจึงบอกว่าเราไม่ควรจะผูกพันกันให้ยิ่งเจ็บช้ำในวัน

ที่เราต้องปลิดชีวิตอีกคนในวันหน้า”


               เหตุผลของฟ้าฟื้นทำให้เพชรกล้านิ่งงัน เขาปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ด้วยภาระหน้าที่เขามิอาจปล่อยให้โจรจากหุบผา

กาฬลอยนวล แต่ถ้าวันหนึ่งที่เขาต้องทำเช่นนั้นจริงๆเล่า


               “ฟ้าฟื้น พี่...”


               อับจนด้วยถ้อยคำตอบโต้ได้แต่กัดฟันนิ่งจ้องมองใบหน้าของฟ้าฟื้นอย่างอาลัย เพชรกล้าเลื่อนปลายนิ้วแตะต้องใบหน้านั้น

ราวกับจารึกไว้บนหัวใจของเขา


               “รู้ใช่ไหมว่าพี่รู้สึกเช่นไรกับเจ้า”


               “ได้โปรดอย่าพูดออกมา”


               ฟ้าฟื้นกลั้นก้อนสะอื้นพลางยกมือปิดปากของเพชรกล้าไว้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ


               “ยิ่งพูดเราทั้งสองก็ต่างเจ็บปวดเสียเปล่าๆ พี่สวมใส่เสื้อผ้าของพี่แล้วจงไปเสียเถอะ เดินเท้าไปทางทิศเดิมที่เราผ่านมาไม่

นานจะพบม้าอยู่ตัวหนึ่ง อาจจะไม่ใช่ม้าดีเท่าม้าจากในวังแต่มันก็จะพาให้พี่กลับไปได้โดยง่าย”


               ฟ้าฟื้นตัดใจผลักไสร่างแกร่งของเพชรกล้าออกห่างก่อนจะหันหลังให้อีกครั้ง เพชรกล้าได้แต่มองไหล่ที่ไหวสะท้านเพราะ

กลั้นสะอื้น เขาเองก็ต้องตัดใจลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าอาภรณ์จนเรียบร้อยจากนั้นจึงกระชากแขนของฟ้าฟื้นเข้าหาตัวแล้วบดจูบไปบนริมฝีปาก

สั่นระริกที่ฟ้าฟื้นกัดไว้เพื่อกลั้นเสียงร้อง เพชรกล้าถอนจูบสั่งลาอย่างอาวรณ์


               “เจ้าจะอยู่ในใจพี่ ฟ้าฟื้น”


               นายทหารองครักษ์ตัดสินใจหันหลังก้าวลงจากกระท่อมร้างกลางป่า ส่วนฟ้าฟื้นก็ได้แต่หันหลังให้ภาพนั้น เขาไม่อยากมอง

เห็นเพชรกล้าจากไป


               “พี่เองก็อยู่ในใจข้า พี่เพชร”
               






               เสียงนกร้องขับขานปลุกให้เจ้าชายอินทัชธราธิปตื่นจากนิทรา แต่ครั้นลืมตาขึ้นมากลับพบว่าพระองค์มิได้อยู่ที่เดิมอีกแล้ว

เสียงน้ำไหลรินทำให้พระองค์ผุดลุกประทับนั่งพลางเหลียวมองรอบกาย จึงได้เห็นว่ามีธารน้ำใสอยู่เบื้องหน้าและกลางลำธารกำลังมีใคร

บางคนแหวกว่ายอยู่ อัคคีนั่นเอง

               ดวงตาคมหันมองริมธารเมื่อเห็นเจ้าชายสูงศักดิ์ตื่นจากหลับใหลจึงก้าวขึ้นจากลำน้ำอวดช่วงกายแข็งแรงคล้ำแดด อัคคีก้าว

เข้ามาใกล้ทิ้งกายลงนั่งเคียงข้างกับวรกายของเจ้าชายที่ยังเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเขา


               “ตื่นแล้วหรือคนขี้เซา”


               เอื้อมมือบีบปลายจมูกอย่างนึกเอ็นดู


               “ขนาดข้าอุ้มเจ้ามาจนถึงริมธารแห่งนี้ก็ยังมิยอมตื่น”


               ก็เป็นเพราะใครเล่าที่ทำให้พระองค์หลับลืมตื่นเช่นนี้ หากมิใช่ตัวคนพูดที่กระทำบทรักตั้งแต่ยามบ่ายจนถึงเพลาดึกสงัดจน

เรี่ยวแรงหมดสิ้น ปรางนวลแดงก่ำพลางตวัดสายตาหนีอัคคียิ่งมองยิ่งติดใจ


               “พาข้ามาที่ลำธารทำไม”


               “พามาอาบน้ำชำระคราบไคลที่อยู่เต็มกายของเจ้า หรือว่าเจ้าจะเก็บมันไว้เป็นที่ระลึกกันเล่าอินทัช”


               “อัคคี เจ้าบ้า!”


               ผลักศีรษะคนช่างสัพยอกจนหน้าหงาย อัคคีหัวเราะเมื่อเห็นท่าที่ข่มความอายก่อนจะช้อนวรกายนุ่มแล้วอุ้มขึ้นพามายังลำธาร

ใสแล้ววางเจ้าชายอินทัชลงให้สายน้ำเซาะไปตามเนื้อตัวเนียนนุ่ม เขามองร่องรอยแดงกระจายอยู่ทั่วลำตัวขาวที่เกิดจากฝีมือของเขา


               “เจ็บไหมอินทัช”


               แตะลงไปบางเบาราวกับจะช่วยปัดเป่าความเจ็บปวดออกไปหากแต่เจ้าชายอินทัชกลับสบตาด้วยอาการตัดพ้อ


               “เจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจที่ถูกเจ้าย่ำยีข่มเหงหรอกอัคคี”


               ตาคมสลดลง อัคคีโอบไหล่เนียนเข้ามาให้อ้อมกอดพลางก้มลงกดจูบลงไป


               “ข้าขอโทษอินทัช มันเป็นเพราะข้าสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง”


               ความรู้สึกแค้นเคืองด้วยคำที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เยาว์กับความเสน่หาแค่เพียงครั้งแรกที่เห็นหน้ามันทำให้อัคคีข่มเหงเจ้าชาย

ผู้สูงศักดิ์จนไม่เหลือเกียรติยศศักดิ์ศรี


               “เราทำอะไรหรืออัคคี จึงต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมถึงเพียงนี้”


               “อินทัชอย่าตัดพ้อข้านัก ข้าไม่สามารถเอ่ยที่มาได้จริงๆเพราะมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่”


               ครานี้เจ้าชายอินทัชจึงได้เงยพักตร์สบตาอัคคีด้วยความสงสัย


               “เจ้าเป็นใครกันแน่อัคคี”


               นั่นสินะ เขาเป็นใครกันแน่

               เพลานี้เองที่อัคคีนึกสงสัยที่มาของตนครามครัน เขาเองก็ใคร่รู้คำตอบนั้นเหลือเกิน


                “ข้าไม่รู้ ยิ่งเจ้าถามข้ายิ่งไม่รู้ แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้ความสงสัยข้าเป็นเพียงความว่างเปล่าเด็ดขาด”


               อัคคีวักน้ำลูบล้างคราบคาวออกจากวรกายของเจ้าชายอินทัชเมื่อเห็นว่าสะอาดเอี่ยมจึงอุ้มกลับมาที่ฝั่งและสวมเสื้อผ้าชุดชาว

บ้านให้กายงามเพราะอาภรณ์ของเจ้าชายอินทัชถูกเขาฉีกขาดไปเสียตั้งแต่วานนี้แล้ว จากนั้นจึงสวมชุดของตนเอง


               “กลับไปพระราชวังของเจ้าเถิด”


               “แล้วเจ้า?”


               ใจหายทั้งที่อัคคียอมปล่อยตัวกลับ ความผูกพันวิ่งวนอยู่ในหัวใจจนขอบเนตรชื้น อัคคีฝืนยิ้มพลางมองวงพักตร์งามให้ประทับ

ในใจ


               “ไม่นานข้าจะตอบข้อสงสัยของเจ้า”


               ดึงปลายคางมนเข้าใกล้ อัคคีบรรจงจูบอ่อนหวานกว่าทุกครั้งจนเจ้าชายอินทัชแทบสำลักขาดใจ อัคคีค่อยๆคืนอิสระให้จนเจ้า

ชายอินทัชเองเสียอีกที่เป็นฝ่ายโหยหา


               “อัคคี”


               โจรหนุ่มลุกขึ้นยืน เขาดึงข้อหัตถ์เรียวของเจ้าชายอินทัชให้ลุกขึ้นเดินตาม ไม่นานนักเจ้าชายอินทัชจึงมองเห็นม้าตัวหนึ่งมัด

อยู่กับต้นไม้ อัคคียกเอวของเจ้าชายอินทัชส่งขึ้นนั่งบนหลังม้าและดึงเชือกที่ผูกรั้งม้าออก เจ้าชายอินทัชพระทัยหายเมื่อสบสายตากับ

อัคคี


               “รอข้านะอินทัช ไม่นานข้าจะคลี่คลายเรื่องทุกอย่างให้ได้ ข้าสัญญา”


               กล่าวจบก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่สะโพกม้าจนมันส่งเสียงร้องลั่นและควบฝีเท้าออกไปโดยที่เจ้าชายอินทัชไม่ทันตั้งตัว น้ำ

พระเนตรคลออยู่ในหน่วยตาเมื่ออัคคีห่างไกลเรื่อยๆจนลับสายตา







               กลับมายังหุบผากาฬอัคคีได้แต่ใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้น เขานึกถึงวันที่ได้พบกับเจ้าชายอินทัชคราแรกที่มาส่องสัตว์กลางป่า

เป็นเพราะขบวนทหารและม้าพ่วงพีประดับอานบังเหียนประทับตราวังหลวงทำให้อัคคีรู้ว่าคนที่นั่งอยู่บนหลังม้าหาใช่ชาวบ้านธรรมดา เขา

นึกกระหยิ่มเมื่อเดาได้ว่านั่นต้องเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูง หากแต่เมื่อเจ้าชายอินทัชบังคับม้าเข้ามาใกล้ อัคคีกลับนึกแปลกใจที่ใบหน้านั้น

คล้ายกับเขาเสียเหลือเกิน

               แล้วเรื่องราวที่พ่อบัวเล่าให้เขาฟังเล่า หากเป็นเรื่องจริงอัคคีอยากรู้ว่าเหตุใดบิดาของเขาและครอบครัวจึงถูกใส่ความจน

กระทั่งพ่อบัวต้องพาเขาหนีตายมาจนถึงที่นี่ ความสงสัยใคร่รู้ทำให้อัคคีนอนหลับไม่สนิทอยู่หลายคืน

               เสียงกุกกักภายนอกดังขึ้น อัคคีไม่ได้ขยับเพราะจำฝีเท้าได้ว่าเป็นของฟ้าฟื้น เขาปล่อยให้ฟ้าฟื้นก้าวเข้ามานั่งกอดเข่าอยู่

ด้านข้างด้วยสีหน้าเหงาหงอย


               “นอนไม่หลับหรืออัคคี”


               “เจ้าเองก็ด้วยหรือฟ้าฟื้น”


               “เฮ้อ เซ็งว่ะ”


               ฟ้าฟื้นทิ้งกายลงนอนเคียงข้าง


               “ข่มตานอนแต่หลับไม่ลงเลย”


               จะหลับลงได้อย่างไรเมื่อหลับตาครั้งใดก็มีแต่ใบหน้าของเพชรกล้าลอยวนอยู่เต็มไปหมด ฟ้าฟื้นหงุดหงิดยิ่งนักที่ตัดใจจาก

นายทหารจากวังหลวงไม่ได้เสียที


               “คิดอะไรอยู่อัคคี”


               “คิดว่าจะทำเช่นไรให้ปริศนาไขกระจ่าง”


               “ต้องสืบที่ต้นเหตุของปริศนาสิ”


               ฟ้าฟื้นกล่าวตอกย้ำในสิ่งที่อัคคีกำลังคิด มันทำให้อัคคีตัดสินใจได้จนต้องดีดตัวขึ้นมานั่ง


               “ขอบใจฟ้าฟื้น”


               ฟ้าฟื้นทำหน้างงงันเมื่อเขาไม่เข้าใจว่าอัคคีขอบใจเขาเพราะเหตุใด จนกระทั่งอัคคีเอ่ยออกมา


               “ข้าต้องไปจากหุบผากาฬ”


               “ว่ากระไรนะ”


               ดีดกายขึ้นมานั่งตามพลางมองอัคคีด้วยความสงสัย อัคคีหันมาให้คำตอบ


               “ข้าจะไปที่ต้นเหตุของปริศนา”


               “ข้าจะไปกับเจ้า”


               “ฟ้าฟื้น ข้าไม่รู้ว่าที่นั่นจะมีอันตรายใดหรือเปล่า”


               “ข้ากับเจ้ากินนมเต้าเดียวกันมา ข้าไม่หวั่นหรอกไม่ว่าจะเกิดเหตุอันใดขึ้น”


               อัคคีมองฟ้าฟื้นอย่างซื้งในน้ำใจ ฟ้าฟื้นกรอกตาไปมาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงขลาดอาย


               “แต่ว่า ตอนนี้เจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้ไหมอัคคี”


               อัคคีเลิกคิ้วแทนคำถาม ฟ้าฟื้นจึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่


               “เรามาลองจูบกันอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งก่อนได้ไหม”


               สบตาหวั่นไหวแต่ฟ้าฟื้นก็เผยอริมฝีปากรอรับ อัคคีงงงันแต่ก็ยินยอมแนบปากลงไปอย่างเช่นที่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งกับฟ้า

ฟื้น หากแต่คราวนี้เขากลับไม่มีความต้องการระบายออกอย่างเช่นในคราวนั้นสักนิด ฟ้าฟื้นก็คงคิดเช่นกันเพราะเมื่อผละปากออกฟ้าฟื้นก็

งับปากตัวเองอย่างหงุดหงิด

               ฟ้าฟื้นเคยต้องการอัคคี หากแต่คราวนี้ดูเหมือนแม้แต่รสจูบยังไร้อารมณ์ ซ้ำยังรู้สึกรังเกียจตัวเองที่ให้อัคคีจูบซ้ำแทนรอยของ

ผู้ชายคนนั้น คนที่รบกวนหัวใจของฟ้าฟื้นมาตลอดหลายวัน


               “เฮ้อ ตายด้านแล้วกระมัง”


               อัคคีกับฟ้าฟื้นหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อรับรู้ว่าต่างก็ไม่ต้องการความสัมพันธ์ทางกายกับอีกฝ่ายหนึ่ง คงเหลือแต่เพียง

ความผูกพันฉันท์พี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันเท่านั้น






               อัคคีไปหาบัวตั้งแต่เช้าเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาเอ่ยปากกับบัวอย่างมั่นใจ


               “พ่อบัว ข้าจะไปที่วังหลวงของรัตนปุระนคร”


               บัวชะงักพลางมองบุตรชายด้วยความสงสัย


               “เหตุใดจึงจะไป”


               “เพราะข้าคิดว่าถึงเวลาที่ต้องแก้แค้นคนที่ทำให้พ่อบัวเจ็บช้ำแล้ว”


               บัวนิ่งงัน ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวแดงก่ำ


               สิบแปดปีแล้วที่บัวต้องเจ็บปวดกับความเจ็บช้ำกับการสูญเสียและคำใส่ร้าย และผลผลิตของคนที่ทำให้เขาเจ็บช้ำก็ยืนอยู่

เบื้องหน้านี่เอง

               ถึงเวลาแล้วสินะ

                บัวกัดฟันถอดแหวนที่ห่อหุ้มด้วยเศษผ้าจนมองไม่เห็นเนื้อในอันงดงามออกจากนิ้วแล้วส่งให้อัคคีรับไว้


               “เก็บแหวนวงนี้ไว้อย่าให้ใครเห็น เอาไว้เตือนจิตใจของเจ้าว่าพ่อเจ็บแค่ไหนเพราะพวกมัน”


               ดวงตาเพียงข้างเดียวโชนแสงด้วยไฟแค้น


               “ทำให้พวกมันได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด ให้รับรู้ว่าพ่อต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน จำใส่ใจไว้นะอัคคี!”






               อีกไม่กี่วันหลังจากนั้นอัคคีจึงอำลาพ่อสมิงและพ่อบัวเพื่อเดินทาง แม้ว่าพ่อสมิงจะไม่เห็นด้วยแต่เขาก็ขัดใจพ่อบัวไม่ได้ พ่อ

สมิงจึงได้แต่มอบมีดเล่มหนึ่งให้อัคคีเก็บไว้ติดตัว พ่อบัวเองเมื่อถึงเวลาที่อัคคีจะไปจริงๆก็อาลัยไม่น้อยแต่เขาก็ต้องตัดใจให้อัคคีจากไป

ส่วนฟ้าฟื้นบอกเมื่อกล่าวพ่อกับแม่แล้วจึงเก็บข้าวของตามมาเป็นเพื่อนอัคคีที่ตอนนี้ปล่อยหนวดเคราให้ยาวรุงรังจนแทบมองไม่เห็น

ใบหน้า ซ้ำร้ายยังใส่ผ้าปิดตาไว้ข้างหนึ่งเหมือนพ่อบัวอีกด้วย

               ฟ้าฟื้นไม่รู้ว่าอัคคีจะไปที่ใด เขาไม่จำเป็นต้องถามเพราะเขามาเพื่อเป็นเพื่อนอัคคีเท่านั้น หากแต่เมื่อเดินทางพ้นป่าละเมาะ

ออกมาจนมองเห็นเขตกำแพงเมืองกว้างขวางฟ้าฟื้นถึงกับอ้าปากค้าง


               “อัคคี นี่อย่าบอกนะว่าเจ้ามาที่...”


               ใช่แล้ว จุดมุ่งหมายของอัคคีก็คือพระราชวังอันงดงามของรัตนปุระนครนั่นเอง






                                     โปรดติดตามตอนต่อไป
               
บอกกล่าวผลงานชิ้นใหม่จ้า
แนวเทพเจ้าอียิปต์นะจ๊ะ ใครชอบแนวนี้ก็ไปอ่านกันเลย


อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

 :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2016 00:11:32 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaweewong19841

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-2
รอต่อนต่อไปคะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอตอนต่อไปนะคะ  :L1:

ออฟไลน์ iNcamisang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอด้วยคนค่ะ :)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
แอบตกใจว่าจะไปเจอกันอีกเมื่อไร
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :m15:   ล้างแค้นเพื่อรัก

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
รอตอนต่อไป ด้วยความตื่นเต้น

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
สงสารฟ้าฟื้นนนนนนน
ขอให้ได้เจอพี่เพชร

ออฟไลน์ kms

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-14
รอๆๆตอนหน้าค่า

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                บัลลังก์รักใต้เงาแค้น

                                                                      บทที่  19


               เพชรกล้ามาพบกับเจ้าชายอินทัชธราธิปอยู่หน้ากำแพงเมืองหลังจากพลัดหลงกันในป่าเมื่อบุกโจมตีหุบผากาฬ เขาตระเวน

เสาะหาร่องรอยของเจ้าชายอินทัชทั่วแถบที่แยกจากกันแต่ก็ไม่พบจนเตรียมจะกลับไปรับโทษทัณฑ์เพราะรู้ตนว่าทำงานผิดพลาดใหญ่

หลวง ทั้งคู่ตื่นเต้นและดีใจโดยเฉพาะเพชรกล้าที่เจ้านายเชื้อพระวงศ์ปลอดภัยแม้ว่าเขาจะแปลกใจที่ฉลองพระองค์ในตอนนี้กลายเป็น

เสื้อผ้าของชาวบ้าน


               “เรื่องนี้ช่างเราเถอะ เราและเจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว”


               ดูเหมือนเจ้าชายอินทัชก็ไม่ประสงค์จะเล่าเหตุที่เกิดขึ้นให้นายทหารคนสนิทได้รับรู้


               “เราได้เรียนรู้ก็แล้วกันว่าพวกโจรแห่งหุบผากาฬร้ายกาจเพียงใด”


               ร้ายกาจที่ทำให้พระองค์เจ็บช้ำและหลงละเมอไปพร้อมกัน หากเมื่อสบตากับเพชรกล้าก็มองเห็นแววตาที่ไม่ต่างกันนักจนพา

กันทอดถอนใจทั้งเจ้านายและลูกน้อง

               กลับมาจากในป่าแล้วเพชรกล้าก็ต้องปวดศีรษะกับรายงานข่าวที่มีจากชายแดนทางทิศของเมืองอุดรรังษีที่เป็นไม้เบื่อไม้เมา

กับรัตนปุระนครมาเนิ่นนานว่าบัดนี้อุดรรังษีกำลังจัดเตรียมผู้คนเพื่อโจมตีอีกครั้ง ทั้งสองเมืองมีปัญหากันมาตลอดตั้งแต่เมื่อครั้งเจ้าฟ้า

อาทิตยวงศ์ทรงตัดข้อพระหัตถ์ของเจ้าฟ้าวัชรศรที่ในอดีตนั้นเคยเป็นองค์รัชทายาท แต่ในปัจจุบันทรงครองตำแหน่งเจ้าฟ้าของเมืองที่

คิดแต่จะโจมตีเมืองรอบข้างโดยเฉพาะรัตนปุระนครอันเป็นคู่แค้นแต่อดีต เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์มีกระแสรับสั่งให้เหล่าเสนาบดีและทหารชั้น

ผู้ใหญ่ประชุมแต่เช้ารวมถึงเจ้านางปะวะหล่ำและเจ้าชายอินทัชธราธิปองค์รัชทายาทก็เข้ารับฟังการประชุมด้วย


             “อุดรรังษีส่งกองทัพเล็กๆมาตีตามหัวเมืองของเรามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเพราะมุ่งความสนใจไปเอา

จริงกับเมืองอื่นๆที่เล็กกว่าเรา แต่บัดนี้เจ้าฟ้าวัชรศรคิดกลับมาโจมตีครั้งใหญ่อีกแล้ว”


             เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ตรัสด้วยความหนักพระทัย แม้จะเคยชนะในการศึกครั้งนั้นแต่พระองค์ไม่ต้องการรบทัพจับศึกอีกเพราะรู้ดีว่า

มันมีแต่การสูญเสีย


              “หากไม่เพราะในอดีตเรามีหนอนบ่อนไส้คิดกบฎไปเข้ากับพวกอุดรรังษี ครานั้นการรบก็คงจะไม่ใหญ่โตหรอกเพคะ”


              สุรเสียงค่อนขอดของเจ้านางปะวะหล่ำทำให้พระขนงเข้มของเจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ต้องขมวดลงอย่างไม่พอพระทัยนัก


              “เมื่อไหร่ที่เจ้าจะเลิกกล่าวถึงเรื่องในอดีตเสียทีในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันก็จบลงแล้ว และท่านน้าของเราก็ชดใช้ด้วยชีวิต”


              เรื่องที่พระราชบิดาและพระราชมารดาถกเถียงกันต่อหน้าเสนาบดีก่อให้เกิดความสงสัยในพระทัยของเจ้าชายอินทัช ทรงรู้แต่

เรื่องการศึกจากการเล่าเรียนประวัติศาสตร์ หากแต่เรื่องไส้ศึกนั้นหาได้รู้ไม่ เหตุใดจึงไม่มีอาจารย์ท่านใดเคยกล่าวให้รับรู้ เจ้าชายอินทัช

ตั้งพระทัยว่าจะต้องสืบเรื่องในอดีตให้รู้ความจริงให้ได้ หากแต่ตอนนี้พระองค์จะต้องรับฟังคำปรึกษาหารือของเหล่าเสนาธิการก่อนเพราะ

รู้องค์เองดีว่าต้องเริ่มศึกษาพระราชกรณียกิจต่อจากพระราชบิดาแล้ว

              ที่ประชุมถกเถียงเคร่งเครียดพักใหญ่ เจ้าฟ้าอาทิตยวงศ์ดำริใคร่ครวญดีแล้ว จึงได้ตรัสออกมาเป็นพระราชโองการ


              “เร่งจัดเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ให้พร้อมสรรพรวมถึงเสบียงต่างๆหากมีการศึกด้วย เบื้องต้นให้เสาะหาชาวบ้านที่ยินยอม

พร้อมใจสมัครมาเป็นทหารและรับเข้ามาฝึกปรือการสู้รบโดยไม่มีการบังคับฝืนใจหากใครไม่อยากเข้าร่วม เราจะประมาทเจ้าฟ้าวัชรศรไม่

ได้เป็นอันขาด”






              “พระมารดา”


              เจ้าชายอินทัชธราธิปก้าวพระบาทเข้าไปยังห้องบรรทมของเจ้านางปะวะหล่ำ วรกายโปร่งบางตรงเข้าสวมกอดพระมารดา

อย่างเด็กน้อยที่ยังไม่โต


               “ว่าไงลูกแม่ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลยนะ”


               เจ้านางปะวะหล่ำลูบเกศาพระโอรสอย่างเอ็นดู แม้ว่าเจ้าชายอินทัชจะยังปฏิบัติตนไม่สมกับที่ตั้งพระทัยไว้นักแต่เช่นไร     

เจ้านางปะวะหล่ำก็ยังรักพระโอรสราวกับแก้วตา



             “ลูกเร่งศึกษาวิชาความรู้พะย่ะค่ะ ตอนนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะไม่สงบลูกจึงอยากเรียนรู้ให้มาก”


              “ชื่นใจแม่นักอินทัชที่เจ้าตั้งใจศึกษาหาความรู้ แต่ลูกแม่คงเคร่งเครียดน่าดู เช่นนี้ไหม แม่จะส่งนางเล็กๆไปปรนนิบัติให้หาย

เครียด”


               เจ้าชายอินทัชได้แต่ฝืนสรวลเมื่อได้ฟังคำจากพระมารดา จะบอกได้อย่างไรว่าพระองค์มิมีใจต้องการหญิงงามคนไหนทั้งสิ้น


               “อย่ารบกวนเลยพะย่ะค่ะ แค่ร่ำเรียนและฝึกการต่อสู้ลูกก็ไม่อยากจะทำอย่างอื่นแล้ว ลูกมาหาพระมารดาวันนี้เพราะต้องการ

ถามเรื่องหนึ่งมากกว่า”


               “เรื่องใดรึอินทัช”


               “เรื่องที่พระมารดาตรัสกับพระบิดาวันนี้ ลูกอยากรู้เรื่องไส้ศึกในอดีตพะย่ะค่ะ”



                สีพระพักตร์ของเจ้านางปะวะหล่ำเปลี่ยนไปทันที ทรงกัดพระทนต์แน่นหนาราวกับยังไม่หายโกรธเกลียดจากเหตุการณ์นั้น



              “ไส้ศึกผู้นั้นเป็นถึงพระมาตุลาของบิดาเจ้า มันผู้นั้นถูกส่งไปเป็นทูตเจรจาสงบศึกแต่กลับทำตัวเป็นนกต่อล่อพวกอุดรรังษีให้

โจมตีเขตเมืองได้โดยง่าย และเมื่อถูกจับได้กลับต่อสู้และจับตัวฝาแฝดของลูกไปเป็นตัวประกัน”

              ฝาแฝด!
              สิ่งที่ตกใจยิ่งกว่าเรื่องทั้งหมดคือรู้ว่าพระองค์มีฝาแฝด


              “ลูกไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีฝาแฝด เหตุใดพระมารดาไม่เคยเล่าให้ฟัง” ครางออกมาอย่างเหลือเชื่อ พระพักตร์ของเจ้าชายอินทัช

ซีดเผือด “แล้วฝาแฝดของลูกไปไหนเสียแล้วพะย่ะค่ะ”

              “นั่นแหละที่แม่ไม่ได้เล่าให้เจ้าฟัง มันเป็นสิ่งที่แม่ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมาตลอดสิบแปดปี เมื่อไส้ศึกที่มีศักดิ์เป็นถึงพระ

อัยกาของเจ้าชิงตัวลูกของแม่อีกคนไปและต่อสู้การจับกุมจนพากันเสียชีวิตทั้งคู่ตั้งแต่วันแรกเกิด”

              ดวงเนตรงามของเจ้าชายอินทัชกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด หากพระองค์มีฝาแฝดและฝาแฝดที่ว่านั้นสิ้นพระชนม์ไปจริงดั่งคำ

พระมารดาตรัสแล้ว

            คนเราบนโลกนี้จะมีใบหน้าที่เหมือนกันอย่างเช่นฝาแฝดสักกี่คนเล่า

             แล้วฝาแฝดที่พระมารดาบอกว่าตายไปแล้วนั้น เหตุใดกลับมีชีวิตเช่นโจรอยู่ในป่าลึก และยังแค้นเคืองผู้ให้กำเนิดของตนอีก
ด้วย





                มันเป็นเรื่องราวที่เจ้าชายอินทัชต้องกลับไปครุ่นคิดในห้องบรรทมของพระองค์ตลอดทั้งคืน



               เรื่องที่ไม่เข้าใจก็ยังคงไม่เข้าใจจนเวลาผ่านไปนับสัปดาห์หลังจากรู้เรื่องในอดีต หากได้อยู่เพียงลำพังเจ้าชายอินทัชก็จะ

หยิบเรื่องนี้มาคิดแต่ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ จนแม้เวลานี้เมื่อยามดึกสงัดหลังจากแปลตำราฝรั่งที่อาจารย์ชาวต่างชาติมอบให้ไว้เสร็จ

สิ้นลงแล้ว และทรงเอนวรกายลงไปบนแท่นพระบรรทมที่อยู่ในความมืดสลัวของห้อง

               พระทัยกระหวัดเฝ้าคิดถึงใครบางคนจนเจ็บในพระทัย ทั้งที่ถูกกระทำย่ำยีเจ็บช้ำแต่ส่วนหนึ่งกลับยอมรับว่าทรงโหยหาสัมผัส

นั้นเหลือเกิน


               “ไม่ เราต้องไม่คิดถึงคนใจร้ายเช่นนั้น”


               หลับเนตรลงแต่ภาพใบหน้าที่เหมือนพระองค์ราวส่องกระจกกลับตามมาหลอกหลอนแม้แต่ในจินตนาการ จำได้แม้แต่สัมผัส

จากมือสากที่ลูบไล้ทั่วกายก่อนจะตามด้วยปลายลิ้นร้อนที่ปลุกเร้าจนตื่นไปทั่วทุกองคาพยพ


               “บ้าที่สุด”


               ต่อว่าองค์เองที่เต็มไปด้วยความต้องการจากคนในจินตนาการ ทรงเม้มโอษฐ์แน่นเมื่อรั้งใจไม่อยู่จนต้องล้วงพระหัตถ์เข้าไป

ในพระสนับเพลา(กางเกง)แล้วกอบกุมแก่นกายที่ตื่นขึ้นมาไว้ในอุ้งหัตถ์

               ในจินตนาการนั้นคนใจร้ายมองพระองค์ด้วยประกายตาวาววาม ก่อนจะก้มหน้าลงไปแตะไล้ปลายลิ้นชื้นลงไปบนเนินเนื้อนุ่ม

และกวาดเข้าปากอย่างเก่งกาจ เจ้าชายอินทัชขยับหัตถ์โยกคลึงด้วยความกระสันราวกับถูกริมฝีปากขบเม้มลงมา กล้ามเนื้อบีบรัดตาม

แรงฝ่ามือจนหยาดน้ำกระฉอกลื่นมือและทรงหอบหายใจหนักหน่วงอยู่ในความมืด


               “เราเกลียดเจ้า อัคคี”


               บอกองค์เองราวกับจะย้ำให้รู้สึกเช่นนั้นทั้งที่รู้อยู่ว่าความจริงช่างห่างไกล ทรงปิดเปลือกเนตรลงอย่างสบายองค์ขึ้นที่ได้ปลด

ปล่อยและสติเริ่มหายไปเมื่อใกล้บรรทมสนิทลงทุกที

               อาจเป็นเพราะความวางพระทัยที่อยู่ในสถานที่ประทับของพระองค์ ทำให้เจ้าชายอินทัชมิได้ระแวดระวังอันใดแม้เมื่อสลักของ

บานประตูกำลังถูกไขและผลักออกช้าๆ ร่างสูงร่างหนึ่งก้าวเดินแผ่วเบาเข้ามาภายในห้องบรรทมของเจ้าชายรัชทายาทราวกับฝีเท้าแมว

ก่อนมาหยุดยืนที่ปลายพระแท่นบรรทมและจ้องมองวรกายที่ซุกอยู่ในผ้าห่มผืนหนา


               “ในที่สุดก็ได้เจอ”


               พึมพำด้วยความลิงโลดใจอยู่ในความมืด ร่างนั้นตรงขึ้นไปเอนกายลงนอนขนาบวรกายของเจ้าชายอินทัชและจ้องมองพักตร์

งามอย่างหลงใหล ปลายนิ้วสากจากการจับอาวุธตั้งแต่เกิดแตะไล้แผ่วเบาไปตามกรอบหน้างามจนกระทั่งเจ้าของใบหน้าลืมตาตื่นขึ้นมา

อย่างตกใจ


               “ใคร อะ อุ๊บ”


               เจ้าชายอินทัชตกพระทัยแทบสิ้นสติหลังจากถูกรบกวนจากนิทราแสนหวานถึงเจ้าของใบหน้าเดียวกับพระองค์ และครั้นลืม

เนตรขึ้นมากับเห็นบุคคลแปลกปลอมที่กล้าหาญเข้ามาเยือนถึงห้องรโหฐานในวังหลวง แต่เมื่อโอษฐ์งามกำลังจะขยับร้องกลับถูกปิดไว้

พร้อมกับถูกยึดกายไว้ด้วยพลกำลังแข็งแกร่ง พยายามดิ้นรนหากแต่โอษฐ์ที่ถูกปิดไว้สนิทถูกล่วงล้ำด้วยจุมพิตที่ไม่อาจลืมเลือน เจ้าชาย

อินทัชได้แต่นิ่งงันและปล่อยให้เจ้าของจุมพิตช่วงชิงความหวานไปได้จนมันพอใจ


               “เจ้า อัคคี!”


               “ชู่ เสียงดังไปใยเล่าเมียรัก หรือจะให้ผัวโจรเช่นข้าถูกจับไปประหาร”


               ส่งเสียงหยอกล้ออยู่ใต้พระกรรณพลันกอดรัดร่างกายไว้ด้วยความโหยหา เจ้าชายอินทัชได้แต่ตื่นเต้นระคนตระหนกเมื่อได้

สบตาวาววามดังเช่นในฝันคู่นั้นท่ามกลางความมืด


               “เจ้ามาในวัง และยังบุกมายังห้องของเราได้อย่างไร”


               ตรัสถามเพราะไม่อาจล่วงรู้ว่าโจรป่าผู้หนึ่งทำเช่นไรจึงเร้นกายเข้ามายังห้องบรรทมของพระองค์ได้ แม้ว่าจะเป็นคนที่พระองค์

คิดถึงมาตลอดเช่นอัคคีก็ตาม


               “ไม่มีสิ่งใดใต้ผืนฟ้าหากอัคคีต้องการแล้วจะไม่ได้”


               เอ่ยคำที่บิดาโจรป่าสมิงสอนสั่งตั้งแต่จำความได้ออกมาก่อนจะฝังจมูกโด่งลงไปกับปรางนุ่มและสูดหอมเสียจนฉ่ำหัวใจที่เฝ้า

คิดถึงมาตลอด อัคคีคลอเคลียจนกระทั่งยึดเรียวปากอิ่มนั้นไว้ได้อีกครา ลิ้นร้อนบุกสอดลิ้นตวัดหาความหวานจนฝ่ายเพลี่ยงพล้ำแทบ

หมดลมหายใจ


               “คิดถึง”


              กล่าวเสียงนุ่มจนเจ้าชายอินทัชแทบละลายไปกับคำหวานพาลลืมเรื่องราวที่สงสัยทั้งหมด เมื่อใบหน้าที่กวนพระทัยอยู่ใน

จินตนาการบัดนี้กลายเป็นตัวตนที่จับต้องได้ ไออุ่นจนร้อนเบียดกายแนบแน่นปลุกเร้าความต้องการให้เพริดจนยากจะห้ามใจ


              “คิดถึงข้าอย่างที่ข้าคิดถึงเจ้าบ้างหรือเปล่าอินทัช”


               ไม่ได้เอ่ยปากตอบหากแต่เจ้าชายอินทัชใช้ร่างกายแทนคำนั้น สองแขนยกคล้องไปรอบลำคอเหนี่ยวรั้งให้อัคคียิ่งรุมร้อนด้วย

ไฟเสน่หา และมันยิ่งดีกว่าคำพูดเมื่ออัคคีกำลังปรนจูบไปทั่ววรกายที่เปล่าเปลือยตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทรงรู้ รู้แต่ว่าบัดนี้ทรงพลีกายให้โจรป่า

ได้เชยชมอย่างเต็มใจ

                คิดถึงร่างกายนี้

               อัคคีสำรวจซ้ำไปทุกสัดส่วน เขาตอกย้ำไปบนจุดเล็กกลางแผ่นอกเรียบที่เขาคุ้นเคยและติดใจ ปลายลิ้นฉกลงก่อนจะตาม

ด้วยลากปากขบเม้มเรียกเสียงครางแผ่วได้จากพักตร์งามที่ตอนนี้ปรือตาฉ่ำหวานตอบรับเขาอยู่


                “อา อัคคี เจ้าโจรชั่ว บังอาจบุกมาและยังทำให้เราทรมานเหลือเกิน”


                ตัดพ้อเมื่อร่างกายนี้ต้องการให้อีกฝ่ายเติมเต็มแต่อัคคียังไม่มอบให้ดังประสงค์ ความต้องการมากมายตั้งแต่ก่อนหลับใหล

กลับมาอีกครั้งจนเจ้าชายอินทัชทนไม่ไหว ทรงผลักให้อัคคีหงายหลังไปบนฟูกแสนนุ่มและเป็นฝ่ายขยับต่ำกลืนกินความเป็นชายของ

อัคคีเข้าไปอย่างโหยหา


               “อืม ดีเหลือเกินเมียรักของข้า”


                อัคคีคำรามต่ำอย่างลืมตัว ลิ้นเล็กในโพรงปากหวานกำลังมอบความหฤหรรษ์จนแข็งขันชูชัน เจ้าชายอินทัชเหลือบเนตรฉ่ำ

มองอย่างพอพระทัยจึงได้คายให้มันได้อวดกายหลอกล่อ เจ้าชายอินทัชขยับองค์คร่อมมันไว้ก่อนกดบั้นพระองค์ลงมาเพื่อกลืนกินมัน

แทน


                “โอ วิเศษ”


                 อัคคีเป่าปากเมื่อความรัดรึงที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง เขาดันเอวแทงลึกเข้าไปจนเจ้าชายอินทัชสะดุ้ง ดวงตาสองคู่สอด

ประสานกันยามต่างเคลื่อนที่เข้าหากันให้สัมผัสร้อนเสียดสีอยู่ภายใน


               “อินทัช”


               “อัคคี”


               พร่ำรำพันแต่นามของอีกฝ่าย เวลาแห่งความรัญจวนใจนี้ทำให้เจ้าชายอินทัชปล่อยวางข้อสงสัยทั้งหมดลง หากแม้นอัคคีเป็น

แฝดของพระองค์จริงแล้วและการร่วมรักกับฝาแฝดเป็นเรื่องผิดประเวณี แต่บัดนี้หัวใจของพระองค์กลับไม่ได้คิดว่าอัคคีเป็นฝาแฝดสักนิด

               น้ำรักฉ่ำชุ่มโชกแต่อัคคีก็ยังไม่พอใจ การเสพสุขบนฟูกนุ่มยิ่งพาให้อารมณ์บรรเจิดกว่าบนพื้นดินแข็งกระด้างมากมายนัก เขา

พลิกกายโปร่งบางของเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัตนปุระนครลงไปกลางเตียงกว้างเพื่อที่เขาจะฝังกายที่ยังแข็งแกร่งเข้าไปในช่องทาง

หวานอีกครั้ง


                “อื้ม อัคคี ตรงนั้นเสียวมาก”


               ตรัสเสียงสั่นพร่าพลางยกบั้นพระเอวรองรับ แม้จะขึ้นสวรรค์ไปเสียหลายรอบแล้วแต่ดูเหมือนความต้องการกลับยังไม่ถดถอย

ยังอยากจะให้อัคคีได้ชำแรกกายไปสู่ช่องทางไม่รู้เบื่อ


               “ตอดดีเหลือเกิน ไม่เสียแรงที่เสี่ยงมาหา อินทัชของข้า”


               ดึงข้อพระบาทขึ้นมาวางพาดไว้บนบ่าของตน อัคคีค้อมกายกัดฟันขยับเอวสอดลึกเมื่อความบีบคั้นมาเยือน เขาปรนจูบเร่าร้อน

ไปบนกลีบปากแสนหวานอย่างไม่รู้เบื่อเมื่อกำลังจูงมือให้เจ้าชายอินทัชขึ้นสวรรค์ไปพร้อมเขาอีกครา


               “แรงเลยอัคคี ฮึก ฮึก โอ...”


               กระชากจนกล้ามเนื้อบีบรัดเหลือแค่เพียงน้ำใสไหลริน เจ้าชายอินทัชส่งสายตาสุขสมแม้อ่อนแรงเต็มที อัคคีทะลวงแรงที่

เหลือลงไปเต็มที่เมื่อใกล้ฟ้าสาง


               ร่างทั้งสองซบกันอยู่กลางแท่นพระบรรทมยับย่น เสียงหอบหายใจเป่ารดเคียงข้างเมื่อสบตาหวานซึ่งกันและกัน



               TBC







               
               
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2016 22:15:57 โดย Belove »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ร้อนแรงดั้งเดือนเมษาจริงๆคู่นี้
ความจริงเปิดเผยแล้วสินะแต่ว่าปมความแค้นสิจะทำไงต่อ. รุ่นใหญ่กำลังภายในเยอะด้วยสิ
สงสารเด็กๆเนอะ
 :L2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด