Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Forbidden dashuria ตอนพิเศษ2<30/11/58><p 4> จบแล้วค่าย้ายได้  (อ่าน 26196 ครั้ง)

ออฟไลน์ netthip

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
รู้สึกแดริลให้อภัยง่ายไปนะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แดริลก็ทำไมปากหนักไม่บอกว่าเป็นของแม่ที่ให้มาล่ะ? ชื่อที่สลักไว้ก็อ่านออก ขัดใจมากกกกกก :ling1:

ออฟไลน์ lucifermafis

  • ชีวิตไม่มีไรทำ นั่งชิปนั่งจิ้นไปวันๆ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โฮรรรรรรรร สงสารแดริลอ่ะ ชีวิตรันทดมากมาย  :z3:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนทึ่7

“ได้โปรดเถอะแดริล”
เสียงวอนขอที่เอ่ยออกมาอย่าเผลอไผลเย้ายวน  ใบหน้างดงามของเทวทูตทั้งประหม่าและลังเลยามเอือนเอ่ยคำนั้น หากแต่แววตาฉ่ำเยิ้มที่ประสายสายตากับเขา บอกความต้องการชัดเจนว่าเทวทูตที่นอนระทวยใต้ร่างกำลังต้องการสิ่งใด

“ท่านช่างใจร้ายนัก”
แดริลกระซิบพร้อมกับกัดฟันกรอด ด้วยรู้ว่าตนเองนั้นเพียงแค่ฝันอยู่ เทวทูตที่นอนยั่วยวนนี่ก็ไม่ใช่ตัวจริง แต่กระนั้นก็ไม่อาจหยุดคำต่อว่าเทวทูตที่มักเข้ามาในฝันทุกค่ำคืนนับตั้งแต่เขาอายุได้สิบสามปี เอลียาห์ที่ปรากฏในความฝันครั้งแรกมีอายุสิบขวบ เทวทูตซึ่งไร้เดียงสาเปลือยกายเชื้อเชิญเขา แต่กระนั้นความไร้เดียงสาก็ยังแฝงไว้ด้วยความหยาบโลน

“เจ้าไม่รักเราแล้วหรือแดริล”
เทวทูตในความฝันตอนนี้มีอายุสิบเอ็ดขวบ รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากตัวจริงเลยแม้แต่นิดเดียว รูปร่างผอมบาง ผิวกายขาวผุดผาด ใบหน้าอันงดงามชวนตะลึง ยามนี้บิดเบี้ยวด้วยความต้องการและกำลังยั่วยวนเขาจนแทบหมดความอดทน

“ข้ารักท่านเทวทูตของข้า”

เขาแนบจูบลงบนเท้าเล็กๆของเทวทูตเป็นการแสดงความรักความภักดีอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะใช้ปลายลิ้นไล้เลียนิ้วเท้าขาวสะอาด เสียงครางเย้ายวนของเทวทูตกระตุ้นให้แดริลลากลิ้นจากปลายเท้าขึ้นไปจนถึงเรียวขา ขณะไล้เลีย บางครั้งก็สลับกับขบกัด เด็กหนุ่มลามเลียไปจนถึงขาอ่อนด้านใน เล้าโลมอย่างหยาบโลนหากแต่นุ่มนวล แล้วเบนสายตาไปยังเครื่องเพศของเทวทูต ความน่ารักและสีสันอันงดงามไม่ต่างจากตัวจริงซึ่งเขาได้เห็นทุกเมื่อ ไม่รู้มันเป็นคำอวยพรหรือคำสาป เขาที่เป็นผู้ติดตาม ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลทุกเรื่องไม้เว้นแม้แต่การชำระล้างร่างกายและการแต่งตัว
ในความเป็นจริงเขาต้องทนทรมาน เก็บกดความต้องการที่พลุ่งพล่านยามได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่านับครั้งไม่ถ้วน พอตกกลางคืน ก็ต้องเผชิญสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่า เพราะถูกเย้ายวนและเชิญชวนทุกค่ำคืน บทรักซึ่งสามารถแสดงออกแค่ในความฝัน ทำให้แดริลที่ตอนนี้อายุย่างเข้าสิบสี่ทรมานอย่างยิ่งยวด จนแทบคิดสาปตัวเองให้กลายเป็นชายที่ไม่สมบูรณ์ เหมือนอย่างพวกมหาดเล็กและทหารองค์รักษ์ในพระราชวังแห่งนี้
หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้ต้องทนทุกข์เพราะความต้องการสักแค่ไหน เมื่อไม่มีอวัยวะเพศชายอยู่ ย่อมแน่ใจได้ เขาจะไม่มีทางทำเรื่องหยาบช้าบัดสีกับเทวทูตอย่างที่ตนทำในฝัน

ใช่แล้ว แดริลนั้นต้องหยุดยั้งสัตว์ร้ายที่เรียกว่าตัณหาซึ่งมีในเพศชายทุกคน
ต้องทำให้ได้ เพื่อไม่ให้ความคิดและการกระทำอันหยาบช้าเล็ดลอดออกไปให้เทวทูตเห็น

“หมู่นี้แดริลไม่ยอมอาบน้ำกับเราเลย”

เอลียาห์พูดหลังจากอาบน้ำเสร็จและกำลังแต่งตัวโดยมีแดริลช่วยเหลือ เด็กหนุ่มวัยสิบสี่ลอบแค่นยิ้ม สมเพชตัวเองไปพร้อมๆกับคิดว่ากล่าวความโหดร้ายของเทวทูตในใจ
เขาในตอนนี้แค่ปั้นหน้าปกติระงับความตื่นเต้นในยามที่ต้องขัดถูร่างกายนั้นให้สะอาดยังแทบเต็มกลืน หากต้องเปลือยเปล่าอาบน้ำด้วยกัน เครื่องเพศของเขาคงจะตื่นตัวโดยสมบูรณ์แบบ ถึงตอนนั้นไม่รู้จะถูกมองอย่างไร
 ถ้าต้องถูกมองด้วยสายตารังเกียจแค่คิดก็รู้สึกเจ็บ

“ข้าอายนะครับท่านเอลียาห์”
แดริลตอบแล้วแสร้งทำเขินอาย ท่าทางกระบิดกระบวนดัดจริตเกินจริงทำให้เอลียาห์หัวเราะร่วน

“ถ้าอายขนาดนั้นก็ไม่ต้องหรอก แดริลนี่เหมือนผู้หญิงเลย”

“จริงด้วยค่ะ”

ฟาติมาที่อายุสิบเจ็ดแล้วแสดงความคิดเห็นพ้องขณะกำลังจัดเก็บทำความสะอาดเตียงนอนของผู้เป็นนาย จากนั้นพอรับประทานอาหารเช้าด้วยกันสามคน แดริลก็ตามเอลียาห์ไปศึกษาเล่าเรียนอย่างที่เคยทำมาตลอด
แดริลทำได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เด็กหนุ่มถูกชมจากบรรดาท่านครู บางคนถึงขั้นเสียดายที่เขาเกิดมามีชาติกำเนิดต่ำต้อย
แดริลยิ้มละไมกับคำพูดนั้น หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดแบบเดียวกัน ทว่าตอนนี้การได้อยู่เคียงข้างเทวทูตที่รักยิ่งสำคัญกว่า ต่อให้ต้องใช้ชีวิตต้อยต่ำแค่ไหนขอแค่ให้ได้อยู่ข้างๆ ความทะเยอทะยานจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป

“เราอิจฉาแดริลจัง”
เอลียาห์ทรุดลงนั่งบนพื้นทั้งที่ยังถือดาบในมือ ได้ยินเช่นนั้นแดริลจึงหยุดซ้อมดาบกับทหารองค์รักษ์

“ทำไมล่ะครับ” แดริลถาม

“ก็เราทำได้ไม่ดีเท่าไหร่กับวิชาการต่อสู้ไม่ว่าจะมือเปล่าหรืออาวุธ ท่านครูบอกว่าเราใจอ่อนเกินไป”
เอลียาห์พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“ทำไมถึงคิดว่าความอ่อนโยนเป็นความใจอ่อนละครับ การที่ท่านไม่สามารถลงมือทำให้ใครเจ็บได้ ไม่ได้หมายถึงว่าท่านเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของผู้อื่นหรอกหรือครับ”

“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ” เอลียาห์ถามทั้งที่ยังก้มมองลงพื้นอย่างเซื่องซึม

“ข้าไม่โกหกอยู่แล้วครับ”

แดริลยืนยัน จากนั้นเทวทูตก็ส่งรอยยิ้มที่ปลาบปลื้มเขินอายมาให้ แดริลอยากจะเมินหน้าหนีใจแทบขาด แต่ก็ทำไม่ได้ ช่วงหลังมานี้แม้แต่รอยยิ้มของเอลียาห์ยังกระตุ้นให้เขาเกิดตื่นตัว
รอยยิ้มที่ปลาบปลื้มและเขินอายของผู้เป็นนายตอนนี้ ราวกลับรอยยิ้มของเทวทูตแห่งตัณหาในความฝัน รอยยิ้มเช่นนั้นคล้ายกับยินดีที่สามารถเชิญชวนให้เขากกกอดตัวเองได้เป็นผลสำเร็จ
ช่างเป็นความฝันชั้นต่ำที่ตีความเข้าข้างตัวเองอะไรอย่างนี้
ในความเป็นจริงเทวทูตมองเขาและปฏิบัติด้วยอย่างเพื่อนอย่างพี่ชาย การกระทำของเทวทูตในความฝัน เป็นแค่ภาพลวงตาชั้นต่ำที่ตนสร้างขึ้นเองจากจิตสำนึกล้วนๆ แต่กระนั้นก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ว่ายินดีตื่นเต้นที่ได้ทำสิ่งนั้นกับผู้เป็นนายที่ตนทั้งรักและคลั่งไคล้

“ข้าขอตัวไปซ้อมดาบก่อนนะครับ”

แดริลแสร้งทำเป็นปกติให้มากที่สุด เพื่อขจัดภาพเทวทูตอันเย้ายวนออกจากห้วงความคิด เขามุ่งมั่นกับการซ้อมดาบ ออกแรงจู่โจมคู่ซ้อมอย่างดุดันเฉียบคมจนอีกฝ่ายแทบจะร้องไห้ออกมา

“ว้าย”

เสียงหวีดร้องดังขึ้น หลังจากที่ร่างอันโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อของแดริลถูกกระทบด้วยร่างที่แสนนุ่มนิ่ม ดวงตาสีฟ้ามองดูหญิงรับใช้ที่เดินชนเขา ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่กับพื้นด้วยท่วงท่าที่น่าหวาดเสียว ท่าทางการล้มซึ่งเย้ายวนบวกกับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย ชายกระโปรงถลกขึ้นจนเห็นเรียวขา หากเป็นชายอื่นคงแทบถลาเข้าไปประคองทว่าไม่ใช่กับแดริล

“ได้โปรดช่วยพยุงข้าหน่อยได้ไหมน้องแดริล”

หญิงรับใช้ช้อนตามองยั่วยวนแดริล จัสมินคนนี้เป็นหญิงรับใช้รุ่นราวคราวเดียวกับฟาติมา ถึงอายุน้อยกว่าหนึ่งปีแต่เข้ามาในวังพร้อมๆกัน ระยะหลังมานี้เจ้าตัวพยายามเข้าหาและยั่วยวนเขาทุกรูปแบบ
แดริลยื่นมือให้จัสมินจับ พอเด็กสาวลุกขึ้นได้ จู่ๆเธอก็เซถลาซบแผ่นอกของเขา เจ้าหล่อนปั้นหน้าเจ็บปวด แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าตนเองเดินไม่ไหว

“ไม่รู้จะรบกวนน้องแดริลหรือเปล่าแต่ช่วยพยุงข้าไปที่ห้องส่วนตัวของข้าที่เถอะ”
จัสมินช้อนตามองเว้าวอนทั้งยังเบียดตัวเข้าหาออดอ้อน จงใจให้อกอิ่มเบียดชิดกับแผ่นอกของแดริล

“ท่านคงเดินไม่ไหวหรอกมั้ง ให้ข้าอุ้มไปแล้วกัน”
แดริลอุ้มจัสมินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนิดๆ รอยยิ้มที่ไม่เคยได้รับจากแดริลมาก่อน เด็กสาวดีใจจนเธอตั้งอกตั้งใจออดอ้อนและชวนคุยไปตลอดทางเดิน

“ถึงกับมีห้องพักส่วนตัวด้วย” แดริลถามขณะวางจัสมินลงบนเตียง

“ก็ข้าได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหญิงรับใช้แล้วนะสิ”
เธอตอบด้วยท่าทางภูมิใจ

“ท่านคงมีความสามรถมากถึงได้เลื่อนขั้นเร็งถึงเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้นในเมื่อท่านถึงห้องพักแล้วข้าก็ขอตัวก่อน

“เอ๊ะ น้องแดริลจะไปแล้วหรือ ข้ารู้สึกปวดเท้ามากอยากให้เจ้าช่วยนวดให้ที”

“ไม่เหมาะหรอกครับ ข้าจะเรียกหญิงรับใช้คนอื่นมาช่วย เพื่อท่านนะครับ ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองตัวท่านจะเสียหาย”
พูดพลางหันหลังให้โดยไม่ใยดี คาดไม่ถึงว่าจัสมินที่เมื่อครู่ร้องโอดโอยจู่จู่จะลุกขึ้นมากอดเขาจากด้านหลัง

“น้องแดริลก็รู้อยู่แล้วว่าข้าชอบเจ้า”
จัสมินพูดพร้อมกับใช้มือลูบไล้ร่างกายของแดริลจากด้านหลังทั้งที่ยังโอบกอด

“ข้าอุตส่าห์แสดงออกถึงเพียงนี้ ได้โปรดอย่าใจดำกับข้าเลยได้ไหม”

“ท่านปล่อยข้า แล้วกรุณาสงบสติอารมณ์”

แดริลกดเสียงต่ำ ฝ่ามือที่ลูบไล้ร่างกายของเขาทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ในสลัม แดริลไม่เคยแอบดูแม่ยามถูกชายอื่นกกกอด แต่กระนั้นด้วยความเยาว์ก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ดังนั้นจึงไปแอบดูหญิงโสเภณีผู้อื่น  แน่นอนเขาถูกจับได้ ทว่าแทนที่จะถูกไล่ตีอย่างหมูหมา กลับถูกยื่นเงินมาให้แล้วสั่งให้นั่งดูการเสพสังวาลจนกว่าจะเสร็จสม
หลังจากนั้นไม่รู้ทำไม เขาถูกชายคนอื่นจ้างให้ไปทำอย่างเดียวกัน ตลกตรงที่พักหนึ่งการจ้างเด็กในสลัมให้ไปนั่งดู เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม

แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงไม่สำคัญ สำคัญตรงที่หลังจากแขกกลับไป หญิงโสเภณีบางคน เข้ามาแทะโลมลูบกอดเขาบอกว่าเขารูปหล่อบ้างล่ะ สีตาสวยบ้างล่ะ บางครั้งยังพูด ‘หากเขาเป็นหนุ่มแล้วจะขอเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา’
เรื่องกอดผู้หญิงต้องทำยังไงเขารู้ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าให้พูดตามตรงเขายังไม่เคยทำจริงเลยซักครั้ง ก็เพราะรังเกียจน้ำเสียงฉอเลาะออดอ้อนประหนึ่งแมวติดสัตว์ ตอนนี้เองก็เหมือนกัน ถูกลูบไล้ตามร่างกายอย่างหยาบโลน ถูกหว่านล้อมใส่ด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยตัณหาจนคำว่า’แพศยา’ผุดขึ้นมาในความคิด พอสะบัดร่างออกจากการเกาะกุม ผู้หญิงน่ารำคาญก็เข้ามาขวางที่หน้าประตู ประกาศก้องว่า’จะไม่ยอมให้เขาออกจากห้อง’

รอยยิ้มยั่วเย้ากับน้ำเสียงหวานจนเอียนพยายามเกลี่ยกล่อมเขาขณะค่อยๆเปลืองผ้าที่ละชิ้นจนเปลือยเปล่า รู้สึกเส้นเลือดกำลังเต้นตุบๆบนขมับ อีกฝ่ายพูดอะไรมาล้วนไม่เข้าหัว

ทั้งที่พูดปฏิเสธด้วยดีดีแท้ๆแต่ก็ยังดึงดัน ถ้าตบให้คว่ำสักที ผู้หญิงแพศยาคนนี้จะหยุดบ้าหรือเปล่า

ทว่าร่างกายเปลือยเปล่าทำให้อดนึกถึงร่างผุดผาดของเทวทูตไม่ได้ ในตอนนั้นเอง ท่าทางยั่วยวนกับคำพูดเชิญชวนของจัสมินถูกซ้อนทับด้วยใบหน้าและน้ำเสียงของเทวทูต แดริลเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย

ไม่ได้การ แค่จินตนาการว่าคนตรงหน้าคือเอลียาห์ เขาก็เกิดอารมณ์เสียแล้ว ดูเหมือนจัสมินก็จะรู้สึกได้เรื่องที่เขากำลังตื่นตัว

ความเข้าใจผิดว่าตนเองทำได้สำเร็จ ทำให้เด็กสาวทำสิ่งที่ทั้งหยาบโลนทั้งแพศยามากขึ้นกว่าเดิม เด็กสาวนั่งลงกับพื้นห้อง แยกเรียวขาทั้งสองข้างออกกว้างพูดจาเชิญชวนแล้วใช้มือเรียวเล็กแหวกกลับดอกไม้ของตนเพื่อให้แดริลเห็นช่องทางที่จะสอดใส่เข้าไปอย่างชัดเจน แดริลยกยิ้มละไมกับภาพนั้น

รอยยิ้มอ่อนหวานที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่มตาสีฟ้าผู้มีรูปโฉมหล่อเหลาจนใจสั่นสะท้าน ทำเอาจัสมินแทบจะกระโจนเข้าหากอดรัดร่างกายของเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มวัยหากแต่ร่างกายสูงใหญ่เกินอายุจนใจแทบขาด แต่กระนั้นถ้ารู้ว่าแดริลกำลังคิดอะไรอยู่เธอคงกรีดร้องร่ำไห้อย่างเสียศักดิ์ศรีเป็นแน่

ในสายตาของแดริลเขาไม่ได้มองเด็กสาวเป็นตัวหล่อนเองเลยซักนิด เด็กหนุ่มมองภาพซ้อนทับของเทวทูตประหนึ่งคนตรงหน้าคือคนที่เขาฝันเฝ้าปรารถนาอยู่ทุกวัน
ใช่จะเป็นความเผลอไผลอย่างไม่รู้ตัว แต่เป็นการจงใจซ้อนภาพเทวทูตลงไป เพราะครุ่นคิดและวางแผนมาอย่างดี เพื่อให้เทวทูตผู้เป็นที่รักสะอาดและบริสุทธิ์ตลอดไป

แดริลที่เยื้องกายเข้าหาจัสมินด้วยรอยยิ้มหวานละมุน ตัดสินใจใช้เด็กสาวเป็นเครื่องระบายความใคร่ ภาพของเด็กสาวที่ยิ้มด้วยความดีใจเมื่อสามารถยั่วยวนเขาได้สำเร็จ แวบหนึ่งเขานึกสมเพช หากแต่ ถ้าเป็นรอยยิ้มของเอลียาห์แล้วก็รู้สึกรื่นรมย์และสนุกสนานอยู่ไม่น้อย

ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ต้องการอยู่แล้ว ก็จงแปดเปื้อนสกปรกเพื่อให้เทวทูตของเขาสะอาดบริสุทธิ์ต่อไปนานเท่าที่จะนานได้
จนกว่าไฟแห่งความคลั่งไคล้จะแผดเผาเขาจนไม่สามารถอดใจได้ ถึงตอนนั้นเทวทูตที่เขารัก คงร้องไห้หลั่งน้ำตาในความต่ำช้า ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม อยากจะยืดเวลาแห่งความบริสุทธิ์สดใสอย่างนี้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะมากได้

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนานเลยตอนหน้าอีกสักห้าวันจะเอามาลงนะคะ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เวรกรรม!
ตอนแรกนึกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วนะ -*-
ถ้าเอลียาห์รู้จะเป็นยังไง คิดสิคิด!
รอตอนหน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2015 06:52:21 โดย boboman »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อีกตั้งห้าวัน ขอยาวๆน้าาาาา

ออฟไลน์ Shock_n2n

  • Deep cute...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ รออ่านตลอดนะคะ  :katai4:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 :hao6:มาต่อด่วนเลยน้าาาา

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่8

“แดริล…อ้า…ดี…เหลือเกิน”
จัสมินซึ่งนอนใต้ร่างครวญครางเรียกชื่อของเด็กหนุ่มร่างสูงที่สอดประสานความเป็นชายเข้ากับร่างของเธออย่างถี่กระชั้น  ตลอดเวลาหนึ่งปีมานี้ความสัมพันธ์สวาทกับคนรูปงามยิ่งกว่าเทพบุตรผู้นี้ ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะทำให้เธอไม่พอใจ

“แดริล…อื้อ…”
เธอครวญครางไม่เป็นภาษา ยิ่งเมื่อถูกความเป็นชายกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างมีชั้นเชิง ถูกยั่วเย้าด้วยวิธีการต่างๆนานา การถูกคนที่ทาบทับเหนือร่างกลั่นแกล้งบางครั้งก็ทำให้เธอตัวสั่นระริกด้วยความอดสูและยินดี  ไม่ใช่ว่าชอบถูกแกล้ง แต่ถ้าหากการกระทำและรอยยิ้มของเธอจะทำให้ชายผู้ที่เธอทั้งรักและบูชาเอ็นดูคลั่งไคล้เธอยิ่งขึ้นจัสมินก็ยินดี
แน่นอนจัสมินค่อนข้างพึงพอใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแดริล ถึงแม้จะไม่สามารถอ้างตัวเป็นเจ้าของเทพบุตรผู้นี้ได้ หากแต่กับคนอย่างแดริลที่บางครั้งก็มีความสัมพันธ์สวาทกับคนถูกใจอย่างง่ายๆ ในบรรดาคนที่ชายคนนี้นอนด้วยเป็นครั้งที่สองมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ความจริงข้อนี้ทำให้จัสมินไม่สงสัยความคิดที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงซึ่งเข้าใกล้คำว่า’คู่ชีวิต’ของแดริลมากที่สุด

“คิดอะไรอยู่หรือน้องแดริล”
คนถูกถามปลายมองจัสมินที่เบียดตัวเข้ามาออดอ้อนอิงแอบ เมื่อถูกออเซาะราวกับแมว เด็กหนุ่มใช้มือใหญ่ลูบหัวเด็กสาวแล้วส่งยิ้มบางๆให้  รอยยิ้มของเขากระตุ้นให้อีกฝ่ายจู่โจมประกบจูบเขาด้วยความเคลิบเคลิ้ม แดริลจูบตอบอีกฝ่ายทั้งที่ยังลืมตา ดวงตาสีฟ้าใสมองดูเด็กสาวซึ่งหลับตาพริ้มรับจูบของเขาด้วยความเอ็นดู
เอ็นดู เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเด็กสาวหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขาอย่างน่าเวทนา แต่ถึงเอ็นดูแค่ไหน การที่เขาใช้จัสมินเป็นเครื่องระบายความใคร่ก็ยังไม่เปลี่ยน หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาในตอนนี้อายุสิบห้า ในขณะซึ่งเอลียาห์เทวทูตของเขามีอายุได้สิบสองปี
ยิ่งนานวันผ่านไป เทวทูตก็ยิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้น จนบางครั้งเขาคิดประณามอีกฝ่ายในใจว่าฝ่ายนั้นน่าจะเป็นปีศาจ หนึ่งปีที่ผ่านมาอะไรหลายๆอย่าง ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาและเอลียาห์ เคยคิด บางทีความใสซื่อบริสุทธิ์ของเทวทูตจะค่อยๆหายไปตามกาลเวลา ทว่ายิ่งทวีความงดงามมากยิ่งขึ้นจิตใจก็งดงามมากขึ้นตามลำดับ ยังคงความใสซื่ออย่างเด็กไม่รู้ประสาถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดของเขาก็ตาม

“จริงสิน้องแดริล หมู่นี้มีเรื่องซุบซิบน่าสนใจอยู่หลายอย่าง รู้หรือไม่ พวกคนในวังกำลังสนใจความสัมพันธ์ที่ชิดเชื้อของท่านซาฟิลกับท่านเอลียาห์ที่ดูจะซับซ้อนน่าดู”

“ซับซ้อนยังไง” แดริลอมยิ้มน้อยๆ 

“ก็เรื่องท่านซาฟิลแสดงอาการใกล้ชิดหรือชอบสัมผัสร่างกายของท่านเอลียาห์มากเกินไปนะสิ พวกมหาดเล็กในวังบอกว่าท่านอาจจะไม่รู้ตัว แต่ใครๆก็ทราบดีท่านซาฟิลคลั่งไคล้ท่านเอลียาห์มากแค่ไหน ดูสิคนในวังนินทากันสนุกปากเชียว”

“ได้ใช้อำนาจของเจ้าห้ามปรามไปหรือเปล่า”

“แน่นอนข้าเป็นผู้ช่วยของหัวหน้าหญิงรับใช้นะ ออกปากคำเดียวผู้หญิงพวกนั้นก็ต้องสงบปาก นอกจากนี้ข้ายังให้ซาลามผู้ช่วยหัวหน้ามหาดเล็กออกคำสั่งห้ามพวกมหาดเล็กอีกด้วย”

จัสมินเล่าสิ่งที่ตนเองทำด้วยท่าทางน่ารักฉอเลาะ ถึงแม้สำหรับเธอพวกเชื้อพระวงศ์จะมีความสัมพันธ์ลับๆยังไงเธอก็ไม่เห็นสน แต่เธอรู้ดี ชายคนที่เธอรักและบูชาให้ความสำคัญต่อนายเหนือหัวมากแค่ไหน
ดังนั้นสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทำเพื่อเจ้าชายตัวน้อยแต่หากต้องการเอาใจแดริล ชายที่ถึงแม้พวกชนชั้นสูงจะเห็นว่าต่ำต้อย แต่คนอย่างเธอไม่เคยมองคนพลาด เทพบุตรผู้มีผมสีดังดวงตะวันและตาสีฟ้าใสคนนี้ เธอมองเห็นแรงผลักดันและความทะเยอทะยานซึ่งซ่อนอยู่ภายใน ลางสังหรณ์ของเธอบอก คนอย่างแดริลจะไม่จบชีวิตอยู่แค่ผู้ติดตามอย่างแน่นอน
ทั้งรูปโฉมอันงดงามอย่างหาเปรียบไม่ได้ ความคิดความอ่านที่ชาญฉลาด ทักษะการต่อสู้ไม่ธรรมดา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งซึ่งควรมีอยู่ในผู้มีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่ทว่าชายผู้มีกำพืดต่ำต้อยกลับมีคุณสมบัติพวกนี้ สิ่งนั้นทำให้เธอคาดหวังอนาคตของคนตรงหน้า รวมทั้งเฝ้าฝันว่าอนาคตของคนคนนี้จะต้องมีเธออยู่เคียงข้าง
จัสมินหลับตาพริ้มเมื่อมือใหญ่ลูบไล้แก้มของเธอ เด็กสาวจับมือของแดริลซบแก้มลงบนฝ่ามือนั้นก่อนจะลืมตาเมื่อนึกขึ้นได้

“จริงสิน้องแดริล เรื่องที่ข้าสั่งซาลามให้ทำตามได้ก็อย่าเข้าใจผิดไป ข้ากับซาลามบังเอิญเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เราสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องของเราข้าก็ไม่ได้เล่าให้ซาลามรู้เพราะซาลามไม่ค่อยชอบน้องแดริล”
พอกล่าวจบจัสมินก็ถูกแดริลประทับจูบ อยากจะยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันให้นานกว่านี้ หากแต่แดริลมีหน้าที่ต้องคอยตามรับใช้ผู้เป็นนายแทบตลอด ดังนั้นจึงต้องปล่อยผู้เป็นยอดปรารถนาของเธอจากไปอย่างเสียดาย

“ท่านเอลียาห์ไม่อยู่หรอกนะจ๊ะแดริล”
ฟาติมาเมื่อเห็นแดริลเคาะห้องของเอลียาห์โดยบังเอิญบอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านเอลียาห์ไปไหนหรือครับ”

“ไปเฝ้าฝ่าบาทบาดีจ้า จริงสิท่านซาฟิลเองก็มารอท่านเอลียาห์นานแล้วไม่รู้จะหงุดหงิดหรือเปล่า”
ฟาติมายิ้มแหยๆ “จากที่ได้ฟังคนในพระราชวังซึ่งได้พบกับท่านซาฟิล ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเชื้อพระวงศ์ผู้นี้ช่างเจ้าอารมณ์ มีเพียงต่อหน้าท่านเอลียาห์เท่านั้นที่จะแสดงความอ่อนโยนและใจกว้าง”

“แล้วท่านซาฟิลตอนนี้อยู่ที่ไหน”
แดริลถาม พอได้คำตอบ เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตรงไปที่นั่นทันทีอย่างลับๆ
แดริลมอลมองซาฟิลกับชาคาผู้ติดตามจากระเบียงเหนือหัวของคนทั้งคู่ เชื้อพระวงศ์ผู้ไม่เกรงกลัวใครพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาด้วยเสียงอันดัง

“เจ้ารู้ไหมว่าอะไรที่ทำให้เราตื่นเต้นชาคา”
ซาฟิลที่อายุสิบห้าพูดกับคนสนิทด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ใบหน้าหล่อเหลาอย่างขุนนางเคลิ้มฝันขณะนึกถึงสิ่งที่จะพูด

“น้องเอลียาห์พอถูกเราถามว่าเคยเห็นร่างเปลือยของผู้หญิงหรือไม่ ใบหน้ายามเขินอายทำเอาเราเกิดอารมณ์”
ซาฟิลหัวเราะร่วนในขณะเดียวกันแดริลที่อยู่บนระเบียงด้านบนก็กระตุกยิ้มเช่นกัน เด็กหนุ่มยืนกอดอกพิงเสาด้านข้างซึ่งถูกสลักอย่างสวยงาม คอยฟังความในใจของอีกฝ่ายต่อไปเรื่อยๆ

“ที่นี่พอถามต่อไปว่าน้องเอลียาห์เคยช่วยตัวเองไหม เท่านั้นแหละ สีหน้าไร้เดียงสาแปลกใจมันทำให้ข้าตัดสินใจจะทำหน้าที่ของพี่ชายที่ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเราพยายามโน้มน้าวหลอกล่อยังไงเอลียาห์ก็ปฏิเสธหมด”
ซาฟิลที่อารมณ์ดีเว้นจังหวะคล้ายจะปล่อยให้ชาคาคิดตาม

“ในตอนนั้นมันสมองอันชาญฉลาดของเราก็คิดอะไรบางอย่างได้ เมื่อวานเราเลยเสนอเกมส์พนันให้เอลียาห์ บอกว่าใครชนะจะขออะไรจากอีกฝ่ายได้หนึ่งอย่าง เหมือนน้องเอลียาห์จะลังเลแต่พอเราบอกไปแค่ขำๆ ยังไงพวกเราก็พี่น้องกันไม่มีทางขอในสิ่งที่เป็นการทำร้ายกันอยู่แล้ว เอลียาห์ผู้น่ารักก็ตอบตกลงทันที”

“ท่านซาฟิลจะขออะไรครับ”
ชาคาคนสนิทเอ่ยถาม

“อืมนั่นสิถ้าได้สอนนั้นนี่ให้เอลียาห์ก็คงจะดี เราจะสอนให้น้องเรารู้จักความสุขสมทางเพศรส อยากจะรู้จริงว่าเวลาแบบนั้นน้องเอลียาห์จะแสดงสีหน้ายังไง”
……………………………………………………………………………………………………………………

“สบายดีเหรอผู้ติดตาม”  ซาฟิลเอ่ยทักแดริลที่ยืนคอยรับคำสั่งของเอลียาห์
ผ่านมาห้าปีนับตั้งแต่ได้เจอเจ้าข้ารับใช้นี่เป็นครั้งแรก ไม่ชอบหน้ายังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่อย่างนั้น เป็นแค่ขี้ข้าแท้ๆแต่ทุกครั้งที่ได้พบกับน้องเอลียาห์ผู้น่ารัก ปากจิ้มลิ้มสีแดงก็เอาแต่พูดเล่าเรื่องของไอ่หมอนี่ทุกครั้งด้วยท่าทีปลาบปลื้ม

 “น้องเอลียาห์เตรียมนักดาบที่จะใช้ประลองในการพนันกับพี่หรือยัง”
ซาฟิลหันไปพูดกับเอลียาห์ด้วยรอยยิ้มหลังจากทักทายแดริลสั้นๆ

“ท่านพี่บอกว่าตั้งใจจะใช้แค่มหาดเล็กในวัง เราเลยคิดว่าจะให้แดริลลงต่อสู้ในการพนัน”
เอลียาห์ฉีกยิ้ม เทวทูตหันไปส่งสัญญาณให้แดริล เด็กหนุ่มร่างสูงกระชับอาวุธก้าวขึ้นไปยังจุดที่จัดเอาไว้เพื่อให้ประลอง

“น้องเอลียาห์ช่างเจ้าเล่ห์ คงจะคิดว่าได้เปรียบสิท่าที่เอาผู้ติดตามซึ่งฝึกดาบอย่างเคร่งครัดมาประลองกับมหาดเล็กของพี่”

“แน่นอนเราไม่คิดจะแพ้ท่านพี่ซาฟิลเลยแม้แต่นิดเดียว”
เอลียาห์ฉีกยิ้มสดใส ทว่ารอยยิ้มได้จางหายไปเมื่อคู่ประลองของแดริลปรากฏตัว

“น้องเอลียาห์คิดว่ามหาดเล็กคนนี้เป็นยังไง มันชื่อนูร์เป็นทาสที่ใช้ในการต่อสู้ในสนามประลองใต้ดิน พี่ชายเพิ่งรับเข้ามาเป็นมหาดเล็กในวังเมื่อสามวันก่อน”
ซาฟิลกระหยิ่มยิ้มย่อง เอลียาห์ครางออกมาเมื่อเห็นรูปร่างหนาใหญ่ของมหาดเล็กคนใหม่

“ท่านพี่ซาฟิลการประลองจะหยุดลงเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอ่ยปากขอยอมแพ้สินะ” เอลียาห์ถาม

“แน่นอนอยู่แล้ว แค่พนันกันสนุกๆทำไมจะต้องให้ถึงเลือดถึงเนื้อแต่ก็นั่นแหละถ้าไม่พูดยอมแพ้ก็ช่วยไม่ได้นะ” ซาฟิลหัวเราะร่วน
แดริลซึ่งเงียหูฟังอยู่ตลอดกระตุกยิ้ม ดวงตาสีฟ้าใสมองดูคู่ต่อสู้ที่หนาและใหญ่กว่าเขาอย่างละเอียด อาวุธที่อีกฝ่ายใช้คิอขวานซึ่งดูเข้ากับตัวดี

พอสัญญาณดังขึ้น นูร์ผู้ถือขวานก็เปิดฉากจู่โจมแดริลอย่างดุดันด้วยการจามขวานลงมาบริเวณที่เขายืนอยู่จนฝุ่นและดินลอยฟุ้งไปในอากาศบดบังสายตาของคนทุกคน ซาฟิลพึงพอใจกับการโจมตีอันรุนแรง ส่วนเอลียาห์ใจหาย เทวทูตหน้าซีดเผือดเพราะไม่รู้ว่าแดริลหลบพ้นหรือไม่ ดูเหมือนแดริลจะหลบพ้นอย่างฉิวเฉียด ท่ามกลางฝุ่นทรายลอยฟุ้ง นูร์ดึงขวานซึ่งจมลงกับพื้นจู่โจมเหวี่ยงใส่ถี่ยิบ

 แดริลกระตุกยิ้มชอบใจ ขณะหลบการโจมตีอันดุดันที่แฉลบผ่านไปมา หากดูจากสายตาของคนนอกคงเห็นอีกฝ่ายกำลังเป็นต่อ ทว่าเจ้ายักษ์ตรงหน้านอกจากแรงแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าชื่นชม หากมีสมองซักหน่อยคงไม่โหมโจมตีใส่โดยไม่วางแผนหรือถนอมแรงแบบนี้

เป็นการต่อสู้ที่ง่ายดายกว่าที่คิด สำหรับแดริลก็แค่รอให้อีกฝ่ายหมดแรง ในที่สุดการรอคอยก็สำฤทธิ์ผล นูร์หอบแฮ่กหลังจากเหวี่ยงขวานไปมาติดๆกันหลายนาที ยิ่งดึงดันจู่โจม ความเร็วและความเฉียบคมก็เริ่มตกลง
แดริลซึ่งรอจังหวะมานาน ตวัดดาบฟันลงไปอย่างรวดเร็วถี่ๆที่แขนซึ่งจับขวานซ้ำๆ  ไม่ตั้งใจจะตัดแขนอีกฝ่าย แต่แค่กระตุ้นให้เจ็บจนจับอาวุธไม่ได้ นูร์ปล่อยขวานลงกับพื้นแล้วทรุดลงด้วยความเจ็บปวด

“พูดสิว่าจะยอมแพ้”แดริลเอ่ยเสียงเรียบขณะจ่อคมดาบเข้าที่คอหอยของนูร์
ซาฟิลส่งเสียงโวยวายดังมาเป็นระลอก ท่าทางโหวกเหวกจนดูเพี้ยนทำเอาแดริลยิ้มละไมด้วยความรื่นรมย์ ยิ่งพอเอลียาห์มองดูท่าทางบ้าๆของซาฟิลด้วยแววตาคาดไม่ถึง ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ดีสุดๆ ในตอนนั้นโดยไม่คาดคิดเชื้อพระวงศ์ที่กรุ่นโกรธและเสียหน้า ก็กระโจนเข้าเล่นงานนูร์ด้วยการเตะและทุบตีหลายครั้ง

“เอาดาบมาให้ข้าชาคา”
ชาคาส่งดาบให้ซาฟิลตามคำสั่ง

“ท่านพี่จะทำอะไร”
เอลียาห์ร้องถามเทวทูตเดินตรงมายังบริเวณที่แดริลกับซาฟิลยืนอยู่

“การประลองจบไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”

“ใช่แต่คราวนี้พี่จะประลองเอง ไม่ได้จำกัดจำนวนการพนันไม่ใช่หรือ”

“แต่ว่า”

“น้องเอลียาห์แค่เล่นสนุกเองไม่เป็นไรน่า”

“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

แดริลเอ่ยสนับสนุนความคิดของซาฟิล พอทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกัน เอลียาห์จึงปล่อยให้ทั้งคู่ประลองอย่างเสียไม่ได้
การประดาบของแดริลกับซาฟิลเริ่มขึ้น ทั้งคู่รุกรับสลับกันไปมา ในสายตาของแดริล การที่คนขี้โมโหขาดความยั้งคิดอย่างซาฟิลแสดงเชิงดาบที่สุขุมและรวดเร็วออกมาทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย

เทียบกับเขาที่มักจะโดนท่านครูสอนดาบวิจารย์ว่าเพลงดาบของเขาค่อนข้างรุนแรงดุดัน การแสดงออกทางนิสัยและเพลงดาบอันขัดแย้งกันของพวกเขา แดริลจึงมองซาฟิลอย่างสนอกสนใจ
เด็กหนุ่มนึกถึงตอนที่ประลองฌาตรัญจ์กับซาฟิลเมื่ออายุได้สิบขวบ ฝีมือของพวกเขาก้ำกึ่งกันมากเหมือนกับตอนนี้ หากแต่เขาชนะด้วยความดึงดันและแรงกระหายในชัยชนะที่มากกว่า ตอนนี้ก็ด้วย เขาจะชนะการประลองเช่นกัน

พริบตานั้นแดริลก็ตวัดดาบสร้างรอยแผลให้ซาฟิล ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเจ็บแล้วขอยอมแพ้ไปเสีย หากแต่กลับไปกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวซาฟิลจนฝ่ายนั้นเตรียมเข้าประทะดาบกับแดริลอย่างต่อเนื่อง การที่อีกฝ่ายทำสิ่งที่ผิดจากที่คาดทำให้แดริลต้องมองเชื้อพระวงศ์อย่างซาฟิลด้วยความคิดที่ต่างไปจากเดิม
ทว่าในตอนนั้นชาคาและทหารองครักษ์ก็เข้ามาขวางการประลอง นอกจากนั้นยังโวยวายเรียกร้องให้เอลียาห์ลงโทษที่เขาทำร้ายเชื้อพระวงศ์

“พวกเขาแค่ประลองกัน ดาบเป็นสิ่งมีคมการจะมีบาดแผลในการประลองบ้างก็ไม่เห็นแปลก”
เอลียาห์อธิบายให้ทุกคนฟังอย่างมีเหตุผลก่อนจะเอ่ยปากขอความเห็นจากซาฟิล

“ท่านพี่ซาฟิลเองก็เป็นคนขอประลองเองท่านน่าจะเข้าใจใช่ไหม”

“ข้าไม่สนใจ”
ซาฟิลพูดด้วยท่าทางแข็งกร้าว

“ถ้าหากว่าข้าไม่ได้ฟันมันซักแผลเหมือนที่มันทำกับข้า ข้าไม่หายแค้นแน่ๆ  มาประลองกันอีก อย่าหวังว่าแผลแค่นี้จะทำให้เจ้าชูคอเหนือกว่าข้าได้นะ”
ซาฟิลตะคอกเสียงแตกพร่า หากแต่พอชาคากระซิบบางอย่างให้ฟัง เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ก็มีสติขึ้นมาทันที

“จริงสิถ้าน้องเอลียาห์ยอมเป็นผู้แพ้พนันพี่จะยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปก็ได้” ซาฟิลยื่นข้อเสนอด้วยรอยยิ้ม

“จะได้ยังไงเรื่องนี้กับเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกัน”
เอลียาห์เริ่มจะกังวล ดูเหมือนเทวทูตจะไม่มีทางให้เลือกมากนัก

“เฮ้อพี่ไม่มีปัญหาอะไรนะ แค่น้องเอลียาห์บอกว่าจะเป็นผู้แพ้พนันในครั้งนี้ หรือจะให้ลงโทษเจ้าผู้ติดตามฐานทำร้ายเชื้อพระวงศ์ จริงๆพี่ก็ไม่อยากลงโทษนะ ตัวพี่เองก็ผิดเหมือนกัน แต่ท่านพ่อของพี่ น้องก็รู้ว่าท่านคงไม่ยอม” ซาฟิลทำท่าลำบากใจ

“ท่านอับหมัดต้องไม่ยอมอยู่แล้วครับ ท่านผู้นั้นคงไม่ให้อภัยแน่ๆหากไม่มีการลงโทษ”
ชาคาเอ่ยกระตุ้นให้เอลียาห์คิดในแง่ร้ายมากกว่าเดิม

“เข้าใจล่ะจะให้ลงโทษแดริลเราก็รู้สึกขัดแย้งและไม่ชอบเท่าไหร่ ดังนั้นท่านพี่ถือว่าเราแพ้พนันเถอะ”
เอลียาห์ตัดสินใจหลังจากนิ่งคิดอยู่นาน ทว่าคำพูดของแดริลกลับทำให้เอลียาห์มองดูฝ่ายนั้นอย่างไม่เข้าใจ ซาฟิลเองก็ทั้งหงุดหงิดทั้งแปลกใจเช่นกันกับคำเรียกร้องของแดริลที่ดูบ้าและไร้สาระ

“แกว่าอะไรนะ”
ซาฟิลถามอย่างไม่เชื่อหู เขามองดูแดริลย่อตัวลงคุกเข่ารอรับความผิด

“ข้าบอกว่าขอให้ลงโทษข้าเสียยังจะดีกว่าให้ท่านเอลียาห์ยอมรับการแพ้พนัน”
แดริลทวนคำพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“น้องเอลียาห์อย่าไปฟังคำพูดของไอ้บ้านี่เลย ไปที่พระราชวังของพี่ แล้วพี่จะบอกคำขอที่พี่ต้องการ”
ซาฟิลพูดพลางใช้มือแตะที่แขนเอลียาห์

“คำขอชั้นต่ำที่ตั้งใจจะสนองความต้องการของตัวเองนะหรือครับ”
แดริลพูด เขาเงยหน้าประสานสายตากับเอลียาห์แล้วเริ่มเล่าความคิดบัดสีที่เขาแอบฟังให้ผู้เป็นนายรับรู้

“ความคิดต่ำทรามแบบนี้หากท่านเอลียาห์เป็นผู้แพ้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกขอให้ทำอะไรลงไปบ้าง แค่คิดข้าก็กลัวแล้วครับ”
แดริลมองดูใบหน้าของเทวทูตที่ตกใจและหวาดระแวง

“ไอ้คนโกหก”
เด็กหนุ่มละสายตาจากเอลียาห์หันไปมองซาฟิลที่ทั้งโกรธและอายเนื่องจากถูกเปิดโปง ฝ่ายนั้นชักดาบเงื้อจะฟันเขา แดริลกระชับดาบในมือไว้แน่น  ถ้าไม่เพียงเอลียาห์เข้ามาขวางตรงกลางเสียก่อนก็ไม่รู้เหตุการณ์จะเลวร้ายถึงเพียงไหน

“น้องเอลียาห์ถอยไป ไอ้ขี้ข้านี่นอกจากจะทำร้ายเชื้อพระวงศ์ยังพูดจาดูหมิ่นมีโทษสมควรตาย”
เสียงเรียกร้องให้ลงโทษดังกระหึ่มจากคนที่อยู่รอบตัว แดริลเห็นแผ่นหลังของเอลียาห์สั่นระริก ถึงจะไม่รู้ว่าเทวทูตกำลังแสดงสีหน้าแบบไหนแต่เดาได้เรื่องที่กำลังว้าวุ่นและลำบากใจ

“เราจะลงโทษแดริลด้วยมือของเราเอง”
เอลียาห์ตะคอกเสียงดังจนคนในบริเวณนั้นต้องเงียบเสียง แม้แต่ซาฟิลเองยังตกตะลึงเพราะน้อยครั้งมากที่เอลียาห์จะตะโกนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวถึงขนาดนี้ ทว่าเอลียาห์แทบจะไม่ยอมให้ใครได้สติหรือมีสิทธิ์คิด

“ไปเอาไม้เรียวมาให้เรา” เอลียาห์สั่งเสียงต่ำ

“เดี๋ยวนี้”
เอลียาห์ตะคอกเร่งอย่างดุดัน เมื่อไม่มีใครมีท่าทีขยับ หลังจากนั้นไม่นานนักทหารองครักษ์ก็นำไม้เรียวมาให้ถึงมือ

“ถอดเสื้ออกแดริล”

แดริลถอดเสื้ออกตามคำสั่ง ที่เบื้องหน้าถึงแม้เอลียาห์จะมองเขาด้วยแววตากร้าวดุและพูดข่มขู่ด้วยเสียงเย็นชา หากแต่มือซึ่งจับไม้อยู่กลับสั่นเทา ไม่มีใครสังเกตเห็น ทุกคนถูกเอลียาห์หลอก ถึงแม้การลงโทษแค่ไม้เรียวโบยตีอาจจะดูน้อยไปแต่ท่าทางกราดเกรี้ยวเย็นชาทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นพอใจและรับได้

เสียงควับๆของไม้เรียวที่แหวกอากาศลงมานับครั้งไม่ถ้วน เอลียาห์ตีเขาด้วยไม้เรียวอย่างไม่ออมแรง แดริลไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว การถูกเฆี่ยนตีดำเนินไปอย่างยาวนาน ไม้ที่ใช้ตีหักไม่รู้กี่อัน แต่ซาฟิลยังไม่พอใจง่ายๆ
เทวทูตตีเขานับครั้งไม่ถ้วนจนอ่อนแรง แต่แม้จะอ่อนแรงก็ยังปฏิเสธที่จะให้คนอื่นลงมือ แดริลรู้สึกได้ถึงแผ่นหลังที่มีเลือดไหลซิบ เมื่อหลังของเขาเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล เอลียาห์ก็หยุดการเฆี่ยนตี น้ำเสียงเย็นชาประหนึ่งคนไร้หัวใจดังขึ้นที่เหนือศีรษะ

“ตอนนี้คงสาสมกับสิ่งที่เขาทำแล้วนะ”
แดริลที่ถูกมัดให้เฆี่ยนตีได้โดยง่ายมองดูใบหน้าซาฟิล เพราะไม่รู้ว่าสีหน้าของเทวทูตที่ด้านหลังเขาเป็นเช่นไร แดริลจึงเดาจากสีหน้าท่าทางของซาฟิล เด็กหนุ่มเชื้อพระวงศ์ทำหน้าลำบากใจทั้งที่ก่อนหน้านั้นเล็กน้อยดูสะใจสุดๆ
แดริลถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เขาถูกทหารองครักษ์ช่วยพยุง พอปะหน้ากับเอลียาห์ ใบหน้าที่งดงามของเทวทูตดูเย็นชาราวกับรูปสลัก มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่บ่งบอกความรู้สึกที่แท้จริง

หลังจากนั้นระหว่างที่เขาพักรักษาตัว เอลียาห์ที่มอบบทลงโทษให้แก่เขาหมั่นมาเยี่ยมและคอยดูแลทุกวัน สำหรับคนรอบตัวยังเข้าใจว่าระหว่างเขากับเอลียาห์เป็นนายบ่าวที่สนิทสนมกันดี
มีเพียงแต่แดริลเท่านั้นที่รู้ตัวเรื่องที่อีกฝ่ายมองเขาแตกต่างไปจากเดิม และเริ่มสร้างกำแพงบางๆที่เรียกว่าสำนึกเสียใจ ถึงแม้เขาจะพยายามแสดงให้เอลียาห์เข้าใจความรู้สึกของตน แต่เทวทูตกลัยไม่ยอมให้อภัยตัวเองง่ายๆ

ได้โปรดอย่าตีตัวเหินห่าง  อย่าทำให้ข้ารู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งอีกเลย

เสียงในใจของแดริลร่ำร้องระหว่างที่รับใช้เทวทูตอย่างใกล้ชิดทุกวัน แต่กลับมีช่องว่างหระว่างเขากับฝ่ายนั้น  ความทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นไม่รู้มันจะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานเท่าไหร่

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

จบพาร์ทของแดริลแล้วนะคะ

คราวหน้าจะดำเนินเรื่องโดยมุมมองของท่านเอลียาห์แล้ว

เม้นกันบ้างนะคะ หากคิดว่านิยายเราใช้ได้

ตอนต่อไปอีกซักสี่ห้าวันนะคะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เฮ่ยยยยยยยย อึดอัดมาก แต่ทำให้ลุ้นได้ทุกตอนเลย

แบบไม่รู้จะเมนท์อะไร มีแต่ความคิดอยากอ่านต่อๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อยากอ่านพาร์ทของเอลียาห์ไวๆ จัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2015 19:52:12 โดย boboman »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
 รออ่านพาร์ทเอลิยาห์จ้าาา

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0
ค้างหนักอัพด่วน :z3:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่9

ดวงตากลมโตมองดูแดริลซึ่งนั่งคุกเข่าผูกสายรัดเอวให้ตน ตลอดหนึ่งปีมานี้นับจากวันที่ตนเองลงมือเฆี่ยนตีแดริลด้วยไม้เรียวกับมือ เอลียาห์ก็รู้สึกแย่กับการที่ไม่สามารถปกป้องแถมยังต้องลงโทษด้วยมือตนเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

เอลียาห์โกรธตัวเองจนไม่สามารถทำตัวสนิทสนมกับแดริลได้เหมือนก่อน ถึงแม้อีกฝ่ายจะแสดงออกชัดแจ้งว่าไม่โกรธเขาแม้แต่น้อย แต่ถ้าลองคิดูให้ดี ตั้งแต่เข้ามาในพระราชวังการที่แดริลต้องเจ็บตัวส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุมาจากเขาทั้งสิ้น

ดังนั้นจึงตัดสินใจจะปฏิบัติตัวกับแดริลเสียใหม่ แน่นอนเขามาสามารถทำตัวเย็นชาหรือหมางเมินได้ แต่ทว่าเรื่องไหนที่สามารถทำเองได้ ก็เริ่มทำด้วยตัวเอง รวมถึงเลิกเอาแต่ใจและงอแงแบบเด็กๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้แดริลต้องเดือดร้อน

เอลียาห์เม้มปากเข้าหากันแน่นขณะคิด เด็กชายมองดูแดริลที่ง่วนกับการแต่งตัวให้ตน ใจจริงแล้วไม่อยากปฏิบัติตัวเหินห่างกับแดริลแบบนี้ หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาเหงาและอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

ยิ่งบางครั้งหันไปเห็นแววตาเศร้าๆของแดริลยิ่งรู้สึกเจ็บนิดๆ แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ได้ ทั้งหมดเพื่อแดริล ถึงลึกๆแล้วมันจะเป็นแค่อัตตาหรือความยึดติด แบบเห็นแก่ตัวของตนที่พยายามหลีกเลี่ยงปัญหาซับซ้อน ระหว่างความยุติธรรมของคนส่วนมากและความปรารถนาที่อยากจะเข้าข้างแดริลให้ถึงที่สุด
ความหวาดกลัวในการลงมือทำร้ายแดริลยังคงอยู่ หนึ่งเดือนแรก หลังลงมือเฆี่ยนตี เขาฝันเห็นแดริลนอนจมกองเลือดแทบเท้าไปเสียทุกคืน

ฝันร้ายที่ทำให้เอลียาห์สะดุ้งตื่นกลางดึก ถึงเวลาจะผ่านไป บางครั้งบางคราว เขาจะฝันเห็นเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นการเตือนความจำว่าเขา ไม่สามารถปกป้องอีกฝ่ายได้เลย

ระยะหลังมานี้ แปลก

เอลียาห์ฝันเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของแดริล ถูกฝ่ายนั้นโอบกอดอย่างนุ่มนวลและอบอุ่น  ในความฝันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พอลืมตาตื่นขึ้นก็สบายใจเสียจนสดชื่นอารมณ์ดีทั้งวัน

แต่กระนั้น พอเจอกับแดริลตัวจริงที่ต้องคอยทำงานรับใช้เขาอยู่ทุกวัน แค่นึกถึงเรื่องที่ตนเองพึงพอใจกับอ้อมกอดของแดริลในฝัน จู่จู่ก้มีอาการเห่อร้อนบนใบหน้าจนไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย
ถึงจะไม่เข้าใจว่ากำลังป่วยอะไร แต่เข้าใจดี มันแตกต่างจากการเมินหน้าหนีไม่ยอมสบตากับแดริลที่ทำมาโดยตลอดเพราะรู้สึกผิดแน่ๆ

เอลียาห์ลอบมองแดริลอย่างละเอียด ผู้ติดตามของเขาคนนี้ ปัจจุบันมีอายุสิบหก คนตรงหน้ามีรูปร่างสูงใหญ่อันเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวยงามสมส่วนจากการฝึกการต่อสู้อย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งหาที่ติไม่ได้ เมื่อประกอบกับผมสีทองและดวงตาสีฟ้าโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดอ่านอันชาญฉลาดที่ได้รับการบ่มเพาะมาอย่างชนชั้นสูง เด็กชายไม่แปลกใจถ้าใครๆจะมองผู้ติดตามของเขาด้วยแววตาชื่นชม

ในขณะที่ปลาบปลื้มกับความเปล่งประกายของแดริล ในใจลึกๆก็เกิดความคิดแปลกอันซับซ้อน ยากเกินกว่าที่เอลียาห์จะอธิบายเป็นคำพูด ยากเกินกว่าที่เด็กอายุสิบสามขวบอย่างเข้าจะเข้าใจ

"เลือกสิน้องเอลียาห์”
ซาฟิลยิ้มกว้าง หลังจากสั่งพ่อค้าผ้าจำนวนมากนำเสนอม้วนผ้าหลากชนิดหลากสีสันให้เอลียาห์ดูจนตาลาย

“ท่านพี่ซาฟิลไม่จำเป็นต้องเปลืองทรัพย์สินเพื่อเรา เรื่องเสื้อผ้าของเราพวกหญิงรับใช้ตัดให้เราใหม่อยู่สม่ำเสมอ”
เอลียาห์ปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เอาจริงๆแล้วเพราะเขาเองก็แทบไม่เคยใส่ใจเรื่องรูปแบบของเสื้อผ้าเท่าไหร่ ดังนั้นรูปแบบทั้งหมดหรือการเลือกชุดในแต่ละวัน จะยกให้เป็นหน้าที่ของแดริลทั้งหมด เพราะอย่างนี้การถูกคะยั้นคะยอให้เลือกซื้อม้วนผ้า จึงเป็นเรื่องลำบากใจและไม่เห็นสำคัญที่ตรงไหน

“เอาเถอะน่า ถ้าน้องเอลียาห์ไม่อยากเลือกพี่จะเลือกให้เอง”
ซาฟิลเลือกเอาม้วนผ้าสีฟ้าใสทีมีลักษณะมันวาวและนุ่มลื่นออกมาม้วนหนึ่ง

“นี่เป็นไง” ซาฟิลยื่นม้วนผ้าให้เอลียาห์

“ผ้าใหมนี่สีสวยจัง”
เอลียาห์ลูบไล้เนื้อผ้าพร้อมกับคิดถึงสีตาของแดริลซึ่งเป็นสีเดียวกัน

“แต่ผ้าใหมเป็นผ้าที่พวกผู้หญิงใช้ บุรุษเขาไม่ใส่ผ้าชนิดนี้กันท่านพี่ก็ทราบ”
เอลียาห์ยิ้มแล้วยื่นม้วนผ้าส่งคืน

“ถ้าอย่างนั้นตัดเป็นชุดนอนเสียสิ เอาน่า ถ้าเป็นชุดนอนนอกจากข้ารับใช้คนสนิทใครจะมาเห็น”
ซาฟิลหัวเราะแล้วใช้มือโอบไหล่คลอเคลียเอลียาห์ด้วยความสนิทสนม

“พี่จะสั่งให้หญิงรับใช้ของพี่ตัดเย็บให้เจ้าภายในสามวัน”
เอลียาห์ยอมให้ซาฟิลจัดการอย่างเสียไม่ได้ ‘ถ้าแค่ชุดนอนคงไม่ผิดอะไร’ จากนั้นหลังจากที่ซาฟิลไล่พวกพ่อค้ากลับไป ญาติผู้พี่ก้ชวนเขาเล่นฌาตรัญจ์  ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี เด็กชายค่อนข้างสนุกผ่อนคลายกับกิจกรรมนี้ หากซาฟิลไม่เปิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของแดริล

“หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเจ้าผู้ติดตาม พี่สงสัยว่าเจ้านั่นมันกำลังละเลยหน้าที่หรือเปล่า”

“ไม่หรอกท่านพี่ซาฟิล เราแค่อยากทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง แล้วก็อยากมีเวลาส่วนตัว การที่แดริลไม่คอยตามรับใช้เราตลอดเวลาเป็นเพราะเราออกคำสั่งกับเขาเอง”
เอลียาห์บอกข้อเท็จจริงให้ฟัง สำหรับเขาแล้ว แม้แต่ญาติผู้พี่ก็ไม่อยากให้รู้เรื่องที่เขาทำเย็นชาใส่แดริล

“แต่ว่านะเพราะอย่างนี้แหละพอมีเวลาว่างมากก็เปิดโอกาสให้ทำเรื่องบัดสีผิดกฎของพระราชสำนัก”
เอลียาห์อุทานดัง’เอ๊ะ’ แล้วมองดูซาฟิลที่ทำหน้าไม่สบายใจ

“บังเอิญได้ยินข่าวลือมานะ ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่พอเห็นกับตาตอนแม่หญิงรับใช้เสนอจูบให้ผู้ติดตามของน้องนี่สิ”

“เรื่องแบบนี้ท่านพี่จะล้อเล่นไม่ได้นะครับ”
เอลียาห์พยายามระงับความตกใจไม่ให้แสดงออกไปให้ซาฟิลเห็นทางสีหน้า

“พี่เคยโกหกน้องเอลียาห์เสียที่ไหน อันที่จริงเรื่องระหว่างหญิงชายมันก็ไม่แปลก ผู้หญิงคนนั้นพี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร”
ซาฟิลหยุดครุ่นคิดพลางใช้มือลูบคลำปลายคางไปมา

“พี่กลัวน้องเอลียาห์จะเสื่อมเสียชื่อเสียง อีกอย่างกฎพระราชสำนัก ข้ารับใช้ในวังจะมีสัมพันธ์ทางกายได้ต่อเมื่อแต่งงานอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น  บอกตามตรงพี่เห็นพวกนั้นกอดรัดฟัดเหวี่ยงถึงอกถึงใจ ไม่แคล้วคงได้เสียกันไปแล้วแน่ๆ”

‘ได้เสียกันไปแล้ว’
คำพูดประโยคนี้เปรียบเสมือนค้อนที่ทุบหัวของเอลียาห์ พอจะรู้คร่าวๆว่าชายหญิงแสดงความรักกันเช่นไรจากหนังสือภาพที่ได้รับมาจากพระราชบิดา ทั้งนี้เนื่องจากเขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หลังจากได้รู้มาจากแดริลเรื่องที่ญาติผู้พี่ต้องการจะสอนเขาเกี่ยวกับทางเพศ

ในหนังสือภาพ รูปชายหญิงที่แสดงท่วงท่าการร่วมรักต่างๆ เขาแอบนั่งดูเพียงลำพังอย่างไม่เข้าใจนัก หากแต่ก็รับรู้แล้ว การร่วมเพศระหว่างชายหญิงเป็นเช่นไร
เพราะเป็นรูปภาพไม่ว่าจะเปิดดูกี่ครั้งเอลียาห์จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นใดใด แต่เดิมก็ไม่ค่อยสนใจความแตกต่างทางร่างกายของเพศชายเพศหญิงอยู่แล้ว แต่พอคิดว่าแดริลกกกอดหญิงรับใช้ด้วยท่วงท่าต่างๆแบบเดียวกับในสมุดภาพอยู่ๆก็เกิดรับไม้ได้ขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

“ที่จริงจะได้กันหรือไม่ได้กันไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถึงตามกฎจะต้องถูกลงโทษ แต่ก็นะ ประเด็นสำคัญจริงๆคือถ้าหากมีเด็กโผล่มาคงวุ่นวายน่าดูละนะ”

เสียงหัวเราะขบขันของซาฟิลดังก้องในโสตประสาทของเอลียาห์ ที่ร้ายไปกว่านั้น ไอ้ความอัดอั้นหงุดหงิดที่หาสาเหตุไม่ได้ ทำให้กังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ทุกครั้งที่เจอหน้าแดริลก้ต้องอดทน ไม่ให้ออกปากถามเรื่องที่กำลังสงสัย เอลียาห์บอกตัวเองตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ เรื่องที่ญาติผู้พี่อาจจะเข้าใจผิด ขณะที่คิกแบบนั้นเด็กชายก็ไม่เข้าใจตัวเอง ‘มันจะสำคัญตรงไหนหากแดริลมีหญิงที่รักและตั้งใจจะแต่งงานด้วย เขาในฐานะผู้เป็นนายสมควรจะยินดี’

แต่ เสียงตะโกนในใจซึ่งอ้างตัวเป้นจิตฝ่ายคุณธรรมกลับบอกว่า การกระทำของแดริลกับหญิงคนนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งผิดกฏราชสำนักและยังผิดจารีตประเพณี

‘ถ้ามีเด็กโผล่ขึ้นมาจะทำยังไง คงจะวุ่นวายน่าดู’
ประโยคคำพูดนี้วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเอลียาห์

‘กฎจารีตประเพณี กฎพระราชสำนัก การที่สตรีมีบุตรก่อนแต่งงานโดยไม่ได้ประกอบอาชีพโสเภนีจะต้องถูกลงโทษด้วยการแห่ประจานแล้วขว้างปาด้วยหิน’
เอลียาห์หน้าซีดเผือด

‘ถ้าหากเรื่องที่ท่านพี่ซาฟิลพูดเป็นเรื่องจริง จะต้องเรียกแดริลมาตักเตือน และต้องหยุดยั้งความสัมพันธ์อันผิดศีลธรรมนี้ให้จงได้’
เอลียาห์กำมือทั้งสองข้างแน่น หลังจากที่ได้บทสรุปและตัดสินใจลงไป ก็ลอบมองแดริลซึ่งสวมใส่รองเท้าให้ตน ยิ่งมองดูก็ยิ่งเหมือนมีอะไรอัดแน่นอยู่ในอกคล้ายกับจะระเบิดได้ตลอดเวลา

ช่วงเวลานั้น เสียงกระซิบของจิตฝ่ายคุณธรรมกำลังบอกว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำเพื่อแดริลนั้นถูกต้องและเหมาะสมที่สุด แต่กระนั้นกลับได้ยินเสียงเตือนแผ่วหวิวจากจิตแห่งมารร้ายในตัวกล่าวคัดค้านด้วยเสียงเคร่งขรึมว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง
และแล้วจะด้วยโชคชะตาที่เทพเจ้าขีดเขียนหรือการชักพาของปีศาจก็ไม่ทราบได้ เอลียาห์ซึ่งอาสาช่วยฟาติมาหาของที่ทำหล่นไว้ในห้องแดริลก็พบหลักฐานยืนยันสิ่งที่ซาฟิลได้เล่าให้ฟัง เด็กชายมองดูสิ่งนั้นด้วยความผิดหวังมากเสียจนตัวเองยังรู้สึกกลัว

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

หายไปนาน ตอนนี้มาสั้นๆ แถมเรายังพิมแบบไม่ได้ตรวจทาน อาจมีคำผิดเยอะหรือประโยคแปลกๆบ้าง

ก็อภัยให้เรานะคะ

ตอนหน้าจะเอามาลงให้เร็วที่สุดคะ ตอนนี้กำลังปั่นงานพิเศษอย่างคร่ำเคร่ง


ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เอลียาห์เจออะไรหว่า?
อยากตื้บอิซาฟิลจริงๆ นะเนี่ย -_-^
รอน้า

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
มาต่อเร็วๆ น้าาา :katai1:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่ 10
‘จะทำอย่างไรกับเจ้าสิ่งนี้ดีนะ’

เอลียาห์ซึ่งเตรียมตัวเข้านอนปลายมองชั้นในตัวจิ๋วของสตรีที่ถูกโยนแหมะลงไปบนพื้นอย่างนึกรังเกียจ เด็กชายเฝ้าครุ่นคิดไปพร้อมกับเดินวนไปมาในห้อง ตลอดตั้งแต่หัวค่ำจนเวลานี้ก็ดึกมาก เขาก็ยังตัดสินใจจัดการกับเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ดี

‘ควรใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างเรียกแดริลมาตักเตือน’

จิตฝ่ายดีพร่ำเตือนคำพูดนี้ซ้ำไปซ้ำมาในหัว ขณะเดียวกันจิตฝ่ายร้ายก็ย้ำเตือนให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวและเข้าใจซักที ว่ากิจกรรมทางเพศของแดริลไม่ใช่เรื่องที่เขาจะก้าวก่าย

“จะทำยังไงดีนะ”
พึมพำอย่างนั้นไปมาจนเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“ฟาติมาบอกว่าท่านยังไม่นอน ข้าเลยเอานมร้อนมาให้ครับ”
เสียงของแดริลที่ดังจากหน้าห้องทำเอลียาห์สะดุ้ง หลังจากพยายามคุมสติเป็นผลสำเร็จ เด็กชายก็อนุญาติให้คนสนิทเดินถือถาดที่มีนมร้อนวางอยู่เข้ามาในห้อง

“ไม่เห็นต้องลำบากแดริลเลย”
เอลียาห์ยิ้มเจื่อนก่อนจะร้องเสียงประหลาด ทันที่ที่มองเห็นชั้นในสตรีตัวจิ๋วยังวางกองอยู่บนพื้นในห้อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายเกินไปเมื่อแดริลที่เอานมร้อนมาให้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนพื้น

“นี่มัน…”
ดวงตาที่หรี่ลงเหมือนดวงตาเหยี่ยวของแดริลทำให้เอลียาห์ขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ร่างสูงซึ่งวางถาดและนมลงบนโต๊ะเล็กในห้องค่อยๆหยิบเอาชั้นในตัวจิ๋วขึ้นมาจากพื้น

“หญิงรับใช้คนไหนกันครับที่ท่านเอลียาห์เรียกให้มารับใช้”
ร่างเล็กงุนงงกับคำถามและยิ่งไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น ทำไมคนสนิทของเขาต้องแสดงท่าทางและนำเสียงเย็นชาจนดูผิดธรรมชาติ

“บอกมาสิครับ ข้าจะได้ ถามและสั่งสอนนางผู้นั้นเสียใหม่ ครั้งหน้าหากรับใช้ท่านอีกจะได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
เอลียาห์ซึ่งถูกคาดคั้นเดินถอยหลังหนีแดริลที่ก้าวเท้าเข้าหาช้าๆ ทว่าเพราะก้าวถอยหลังอย่างไม่ระวัง เด็กชายจึงสะดุดหงายหลังลงไปนั่งหมดท่าอยู่บนขอบเตียง โดยมีคนสนิทหยุดเว้นระยะการรุกไล่อยู่ตรงเบื้องหน้าหนึ่งช่วงแขน

“พูดอะไรของเจ้า…”

เด็กชายเริ่มหายใจติดขัด เป้นครั้งแรกที่หวาดกลัวอึดอัดจนแทบหายใจหายคอไม่ออกเวลาที่อยู่ต่อหน้าแดริล ข้ารับใช้คนสนิทยามนี้ถึงจะตีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใบหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติกับประโยคคำถามซึ่งเต็มไปด้วยการคาดคั้นนี่แหละ ที่เอลียาห์ตีความว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว

“ข้าเป็นห่วงท่านครับ เข้าใจว่าท่านเอลียาห์อายุสิบสามย่อมสนใจร่างกายของอิสตรีเป็นพิเศษ แต่เรื่องสกปรกต่ำทรามเช่นนั้นไม่เหมาะกับท่านในเวลานี้ ไม่สิ ถึงแม้จะอยู่ในวัยที่เหมาะสมก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล่อยให้ท่านมั่วสุมกับสตีชั้นต่ำตามใจชอบได้หรอกครับ”

‘มั่วสุม สกปรก ต่ำทราม’

คำพูดเหล่านี้ทำเอาเอลียาห์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า


‘ใครกันล่ะที่เป็นคนทำเรื่องพวกนั้น ใครกันล่ะที่มั่วสุมสกปรกต่ำทราม’
เด็กชายเมื่อโกรธจนไม่สามารถระงับเอาไว้ได้ก็ตะโกนพ่นสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด

“เจ้าต่างหากสกปรกต่ำทราม ของสิ่งนี้มันเป็นของที่อยู่ในห้องซึ่งเจ้าใช้มั่วสุมกับสตรีไร้ยางอายนั่นแหละ”
เอลียาห์ที่หอบจนตัวโยนเพราะตะคอกสุดเสียงอย่างไม่เคยมีมาก่อนมองดูแดริลตะลึงงัน ร่างสูงย่อกายคุกเข่าลงตรงหน้าเขาแล้วกล่าวขอขมาแทบจะในทันที

“มีอะไรจะแก้ตัวหรือเปล่า เราพบเจ้าสิ่งสกปรกนี้ในห้องของเจ้าเมื่อตอนไปช่วยฟาติมาทำความสะอาด”
เอ่ยถามหลังจากกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง

“ไม่มีข้อแก้ตัวครับ จากนี้ข้าจะให้หญิงผู้นั้นทำตัวให้เรียบร้อยและเก็บข้าวของของนางก่อนที่จะกลับไปทุกครั้ง”

คำพูดของแดริลสะท้อนไปมาในหัว ทีแรกเอลียาห์คิดว่าคนสนิทจะบอกเลิกความสัมพันธ์กับสตรีผู้นั้นต่อหน้าเขา แต่ในความเป็นจริงคนสนิทกลับทำแค่สัญญาจะเก็บกวาดเศษซากหลังจากทำเรื่องผิดจารีตให้เรียบร้อยเพียงเท่านั้น เด็กชายปวดแปลบในอกทรมานจนใบหน้าอันงดงามประหนึ่งเทวทูตบูดเบี้ยวจนผิดรูปลักษณ์

“ข้า…ต้องการให้เจ้าเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”

เอลียาห์เน้นย้ำทีละคำด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น เขาเริ่มไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นเรื่องถูกหรือผิด เพราะจิตฝ่ายดีสั่งให้เขาออกคำสั่งกดดันแดริลให้ทำตามที่ตนต้องการทุกรูปแบบ ในขณะที่จิตฝ่ายร้ายตะโกนบอกให้เลิกทำบ้าๆเสียที

“หมายความว่ายังไงครับ”
เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ถูกแดริลมองด้วยสายตาทิ่มแทงมา แววตานี้นับแต่สนิทสนมกันอย่างพี่น้องก็ไม่ได้เห็นมานานเล่นงานจนเอลียาห์หน้าเผือดสี แต่ก็ไม่สามารถหยุดการกระทำซึ่งจิตฝ่ายดีที่เสี้ยมสอนให้ปฏิบัติต่อแดริลได้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ก็เจ้าทำเรื่องสกปรกผิดจารีต รู้ไหมหญิงสามที่มีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้าพิธีสมรสจะต้องถูกลงโทษอย่างไร เจ้าไม่เป็นห่วงนางบ้างหรือ”

“ท่านเอลียาห์จะนำไปฟ้องฝ่าบาทบาดีให้ลงโทษหรือครับ หรือว่าท่านจะลงโทษข้าด้วยตัวเอง”
แดริลใช้ดวงตาเหยี่ยวมองจ้องมาก่อนจะก้มหน้าครุ่นคิด เอลียาห์สูดหายใจเข้าอย่างตระหนกกับท่าทางเจ้าเล่ห์เจ้ากลซึ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อนของคนทีนั่งคุกเข่าตรงหน้า

“ถ้าข้าไม่ทำตามทีท่านสั่งละครับ”
เอลียาห์ฉุนกึกกับร้อยยิ้มร้ายที่แสดงให้เห็นถึงความถือดี เป้นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่เด็กหนุ่มอาละวาดขว้างปาข้าวของใส่ผู้อื่น คนตัวเล็กหยิบเอาหมอนใกล้ๆขว้างใส่คนสนิทไม่ยั้งจนไม่เหลือหมอนซักใบ

“ข้าบอกให้เจ้าเลิกยุ่งกับผู้หยิงพวกนั้นเจ้าก้ต้องทำตามที่ข้าสั่ง”
เอลียาห์ออกคำสั่งไปพร้อมกับหอบแฮ่ก สำหรับแดริลถึงจะถูกอาละวาดขว้างหมอนใส่หลายต่อหลายใบ ร่างสูงก็ยังปัดหลบรับได้ง่ายๆโดยไม่ขยับลุกจากพื้นที่คุกเข่าแม้แต่คืบเดียว

“ไม่ใช่สิ่งที่เด็กดีทำเลยนะครับ ท่านทำเหมือนกับกำลังหึงหวงข้าอย่างไรอย่างนั้น”
“พ…พูดอะไรของเจ้า”
เอลียาห์เอ่ยตะกุกตะกัก เด็กชายมองดุคนที่เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์แพรวพราวขยับกายเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้มือใหญ่ยึดเรียวขาของเขาไว้แน่นจนต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ป…ปล่อย…”

“บางทีถ้าทำให้ท่านเข้าใจว่าราคะเป็นสิ่งที่ห้ามปรามไม่ได้ท่านจะรู้ว่าทำไมข้าถึงเอ่ยปฏิเสธ”
แดริลลากปลายลิ้นไปยังปลายเท้าข้างขวาของเอลียาห์ ทันทีที่รู้สึกถึงความนุ่มนิ่มและเปียกแฉะ ความเสียวแปลบก็แล่นจี๊ดขึ้นไปจนถึงก้นกบ เด็กชายพยายามชักเท้ากลับแต่ก็ถูกคนสินทยึดจับเอาไว้ด้วยแรงที่มากมายมหาศาล

“อึก…หยุดเดี๋ยวนี้…นะ”
เอลียาห์ออกคำสั่งไปพร้อมกับสะกดกลั้นไม่ให้เสียงครางหลุดออกมาจากริมฝีปากอันแดงระเรื่อ เด็กชายถูกแดริลโลมเลียปลายเท้าไปจนทุกอนูเนื้อ ก่อนที่คนใต้บังคับบัญชาจะลากลิ้นเลียสูงขึ้นไปบนเรียวขาอย่างหยาบโลนจนร่างกายของเขาต้องสั่นระริกด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

“ไม่อย่า..ไม่”
ส่ายหน้าปฏิเสธไปมาทั้งน้ำตา วินาทีที่ถูกแดริลใช้ปากโลมเลียเครื่องเพศซึ่งไม่เคยให้ใครเห็นนอกจากคนกระทำ
ด้วยความรู้สึกดีอย่างไม่เคยพบเจอ แทนที่จะขยับกายหลีกหนี สะโพกบอบบางกลับขยับแอ่นเขาหาริมฝีปากของคนสินทราวกับจะออดอ้อนขอให้เล้าโลมให้มากยิ่งขึ้น

‘แพศยา น่ารังเกียจ’

คำคำนี้ผุดขึ้นในหัว ถึงจะรู้ว่าการตอบสนองอันหยาบโลนของตนช่างสุดแสนต่ำทรามจนไม่น่าให้อภัย แต่ร่างกายซึ่งละโมบในราคะกลับไม่ยอมทำตามที่ใจสั่ง เอลียาห์ยังแอนสะโพกเข้าหาริมฝีปากกับปลายลิ้นร้อนและยังบิดร่างกายไปมาด้วยความหฤหรรยินดีในกามกำหนัดที่แดริลปรนเปรอให้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“อึก…อ้า”

ในที่สุดเอลียาห์ก็ปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกในตอนนั้น ร่างกายเบาหวิวสบายตัวจนไม่ต่างกับนอนอยู่บนปุยเมฆ เด็กชายมองดูแดริลดื่มกินหยาดน้ำที่เขาปล่อยออกมาจนหมดด้วยสายตาปรือปรอย

“ท่านเอลียาห์คงเข้าใจแล้วสินะครับ ความรู้สึกเป็นสุขยามที่ได้ประกอบกิจกรรมที่ท่านว่าต่ำทราม ท่านรู้สึกดีถึงขนาดนี้จะมาห้ามไม่ให้ข้าทำเห็นทีคงจะไม่ได้ หรือว่านับจากนี้ท่านจะมาทำเช่นนี้กับข้าแทนผู้หญิงคนนั้นทุกทุกค่ำคืนดีละครับ”
ประโยคประชดประชันเสียดแทงใจจนเอลียาห์กลับมามีสติ ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยความอับอายและกรุ่นโกรธ

‘ให้อภัยไม่ได้ ทั้งที่ไว่ใจถึงขนาดนี้ แต่กลับมาทรยศความหวังดีของข้าอย่างร้ายกาจ ต้องทำให้สำนึก ต้องลงโทษ’

คิดเช่นนั้นวนไปวนมาจนเมื่ออารมณ์ที่อัดแน่นในอกแตกปะทุ เอลียาห์ตะโกนเรียกทหารที่ด้านนอกให้เขามาจัดการกับแดริลซึ่งเหยียดยิ้มอย่างไม่กลัวเกรง

“จับมันถอดเสื้อแล้วผูกโยงเอาไว้ เราจะลงโทษเฆี่ยนตีมัน”
เอลียาห์ออกคำสั่งเกรี้ยวกราด เขาลงโทษแดริลด้วยการเฆี่ยนตี ป่าเถื่อนรุนแรงจนแม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจในภายหลังว่าตนลงมือทำเช่นนั้นกับคนสนิทที่สุดแบบนั้นไปได้ยังไง

“คงจะสำนึกเสียทีนะ”
เอลียาห์หลังจากเฆี่ยนตีไม่ยั้งโยนอาวุธทิ้ง เด็กชายพอสังเกตเห็นร่างกายที่ชุมโฉกไปด้วยเลือดและบาดแผลก็เบือนหน้าหนีด้วยไม่สามารถทนเห็นสภาพของร่างสูงไปได้มากกว่านี้  ทันทีที่สงบอารมณ์ลงได้ ก็สาวเท้าเดินหนีไปโดยไม่หันกลับไปมองซักนิด คนตัวเล็กกลัวที่จะเห็นแววตาของแดริล ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตามเขาไม่อยากเห็นทั้งนั้น

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ช่วงนี้ไม่ค่อยสบายค่ะกินยาแล้วมึนๆง่วงๆจนพิมนิยายไม่ไหวเลย

ถ้ากลับเป้นปกติเมื่อไหร่จะลงให้ทีเดียวสองตอนเลยค่ะ

เพราะช่วงนี้เขียนนิยายได้สั้นมากสั้นมากจริงๆ

เม้นเป็นกำลังใจให้เราบ้างนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
หวาๆๆ จะเป็นยังไงต่อนี่
แต่เราก็ไม่ชอบเท่าไหรที่แดริลไปมีอะไรกับหญิงรับใช้น่ะนะ -_-*
คนแต่งสู้ๆ นะ หายป่วยไวๆ จ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2015 09:41:38 โดย boboman »

ออฟไลน์ sittawan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สนุกมากค่ะ
ปล. ไม่สบายหายไวๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่11

เอลียาห์นั่งเหม่อลอยอ่านเอกสารรายรับรายจ่ายจำนวนมากซึ่งเป็นค่าใช้จำนวนมากซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพระราชวังคาดิล โดยมีหัวหน้ามหาดเล็กยูซูฟคอยแจกแจงอยู่ข้างๆ

เอลียาห์จัดการกับเอกสารมากมายเหล่านี้ทุกรูปแบบครั้งแรกเมื่อตอนเขาอายุได้สิบสองขวบเต็บ เด็กชายถึงจะคิดว่า
ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงก็รู้ดีอยู่ หากต้องขึ้นครองราชย์ เขาจะต้องรับภาระหน้าที่หนักหนามากยิ่งขึ้นกว่านี้เสียอีก
 ทว่าในเวลานี้ เพราะครุ่นคิดเรื่องของแดริลวนเวียนไปมา เอลียาห์จึงไม่มีสมาธิอ่านเอกสารหรือคำนวณรายรับรายจ่ายให้ละเอียด

“มีสมาธิหน่อยเถอะครับ”

เอลียาห์กลับมามีสมาธิอีกครั้งเมื่อถูกยูซูฟเตือน เขาไม่คิดขุ่นเคืองซักนิดกับคำพูดของหัวหน้ามหาดเล็กจนวินาทีที่ข้ารับใช้เอ่ยถึงแดริลในทางเสียๆหายๆ

“ฝ่าบาทคงจะเป็นห่วงเจ้าคนสนิทที่ทำผิดกฎจารีตและพระราชสำนัก ข้าเห็นว่าการที่ฝ่าบาทลดตัวลงไปเฆี่ยนตีด้วยตัวเอง ออกจะใจดีกับมันมากเกินไปด้วยซ้ำ”

“เจ้าคิดแบบนั้นเหรอ?”
ใบหน้างดงามดังเทวทูตบูดบึ้ง หากแต่คู่สนทนายังไม่สังเกตอารมณ์ขุ่นมัวทางสีหน้า แถมยังพูดพล่ามต่อว่าแดริลไม่หยุดปาก

“ดูเหมือนเจ้าแดริลจะเจ็บหนักฝ่าบาท ถึงแม้มันจะไม่แสดงออกแต่ก็งดฝึกซ้อมดาบอย่างที่เคยทุกวัน”
คนฟังหน้าเผือดสี แค่คิดถึงบาดแผลลึกที่ทำลงไปนับไม่ถ้วน เด็กชายก็เกิดอาการวิงเวียนหน้ามืดจนเกือบจะเป็นลม

“ฝ่าบาท”
ยูซูฟถลาเข้ามาดูแล แต่เอลียาห์ที่หายดีแล้วยกมือห้ามเอาไว้ ทำให้หัวหน้ามหาดเล็กกลับไปยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานด้วยท่าทางงกๆเงินๆ

“อาการดีขึ้นแล้งจริงๆนะหรือฝ่าบาท”

ถูกถามผงกหัวหงึกๆ หลังจากที่ใช้เวลาจัดการกับเอกสารทั้งหมดจนเกือบค่ำ เอลียาห์ที่กลับมายังห้องนอนของตนก็เดินวนไปมาในห้องเป็นหนูติดจั่น เขาพยายามหาข้ออ้างที่ดีที่สุดในการโผล่หน้าเอายาขี้ผึ้งชั้นดีจากตะวันตกไปให้แดริลซึ่งกำลังบาดเจ็บหนักจากการเฆี่ยนตีด้วยมือของเขา

“ทำยังไงดี”

เอลียาห์พึมพำกับตัวเองไม่หยุด ก่อนจะตัดสินใจไปยืนรอแดริลในห้องของอีกฝ่ายเสียดื้อๆ เด็กชายคิดว่าต่อให้ชายหนุ่มทำมึนตึงใส่ตน ก็จะขอหน้าด้านลงมือทายาให้คนเจ็บด้วยมือตนเองแล้วยกยาขี้ผึ้งนี่ให้แดริลให้จงได้

เอลียาห์รอคอยการกลับมาของแดริลในห้องของชายหนุ่มเนินาน เมื่อมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างก็พบกับดวงจันทร์สีขาวที่ส่องแสงนวลตาจนเกิดความหงุดหงิดกับการที่ไม่เห็นคนสนิทโผล่หน้ามาเสียที
ในตอนนั้นเสียงอ้อร้อของหญิงสาวก็ดังที่หน้าประตู เอลียาห์ซึ่งยืนกลางห้องตกใจลนลานจนกลายเป็นต้องหนีเข้าไปแอบในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ จังหวะที่ปิดตู้เสื้อผ้า ชายเสื้ออันกรุยการายก็ถูกหนีบทับไว้ที่ด้านนอกอย่างไม่ทันระวัง

‘ขออย่าให้สังเกตเห็นเลย’

ภาวนากับตัวเอง เอลียาห์เข้าข้างตัวเองนิดๆเพราะปลายเสื้อที่ถูกหนีบอยู่ด้านนอกเป็นแค่ชายผ้าเล็กๆจนแทบสังเกตได้ยาก
แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือเสียงของคนที่กำลังสนทนากับหญิงสาวต่างหากซึ่งครอบงำเอลียาห์ให้จดจ่อจนแทบไม่มีอารมณ์จะคิเรื่องอื่น

“ทั้งที่ข้าอุตส่าห์ทายาให้น้องแดริลทุกวัน ไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าจะอารมณ์เสียอะไร”
เสียงของหญิงสาวดังไปพร้อมกับเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าซึ่งถูกถอดออก เอลียาห์ที่แอบในตู้เสื้อผ้า เดาว่าหญิงสาวกำลังถอดเสื้อให้แดริล

“เอาเถอะข้าไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว เดี๋ยวข้าจะค่อยๆทายาบนแผลให้น้องแดริลอีกหนแล้วกัน”

เอลียาห์กำตลับยาอันเล็กๆเอาไว้แน่น เสียงของหญิงสาวที่หัวเราะคิกคักกับเสียงครางต่ำเบาๆของแดริล เด็กชายจินตนาการได้ถึงปลายนิ้วเล็กๆซึ่งบรรจงป้ายยาบนบาดแผลของคนสนิท

‘รู้สึกไม่ดีเลย’

เด็กชายใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องซึ่งกำลังปวดตุบๆและปั่นป่วนจนคลื่นไส้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองเจ็บป่วยอะไร แต่ก็ยังอดทนรอให้หญิงสาวที่นึกรังเกียจทายาให้แดริลจนเสร็จแล้วกลับออกไปได้เสียที

“อยากกอดน้องแดริลเสียเดี๋ยวนี้เลย”

ประโยคคำพูดและเสียงหัวเราะคิกคักกวนสมาธิจนว้าวุ่นไปหมดทั้งกายและใจ ในตอนนั้นเสียงหนุบหนับสวบสาบของคนนอกตู้ก็ทำให้เอลียาห์นิ่งอึ้งด้วยไม่เข้าใจว่าคนด้านนอกกำลังทำอะไรกันอยู่

“อืม….น้องแดริลอย่าทรมานจัสมินอีกเลย”

เอลียาที่จดจำใบหน้าเจ้าของเสียงเย้ายวนได้กำตลับยาแน่นขึ้นกว่าเดิมจนเจ็บมือ แต่ทั้งอย่างนั้นก็ไม่สามารถคลายมือซึ่งบีบกำเอาไว้ได้อย่างที่ใจต้องการ

“อ้า…อึก…”

เสียงครวญครางร้อรร่านดังไปทั่วห้อง เอลียาห์ซึ่งแอบอยู่ในตู้คิดเปรียบเทียบสภาพของหญิงสาวกับตัวเขาเองในตอนที่ถูกแดริลล่วงเกิน ด้วยความอับอายอดสูและชิงชัง แต่กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธอารมณ์ดำกฤษณาที่ครอบงำร่างกายของเขาในเวลานี้ได้อย่างสมบูรณ์

‘แย่แล้ว’

เอลียาห์บิดตัวและเสียดสีเรียวขาทั้งสองข้างไปมา  เขารู้สึกได้ถึงแก่นกายซึ่งกำลังตื่นตัวจนตั้งชัน หากแต่เพราะไม่สามารถจัดการอะไรกับเจ้าสิ่งนั้นได้ เด็กชายจึงทำได้แต่เพียงเสียดสีเรียวขาไปมาเพื่อทุเลาอาการกระสันอยากที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เข้าใจดีพอ

“อ๊า…อ้า”

เขาขบริมฝีปากแน่น เสียงร้องของจัสมินเร่งเร้าอารมณ์จนถึงขีดสุด ทว่าการเสียดสีเรียวขาไปมาไม่ได้ช่วยให้ร่างกายอันเต็มไปด้วยราคะถึงฝั่งฝันได้ เด็กชายทรมานปั่นป่วนกับความอยากที่จะปลดปล่อย แต่ก็ใช่ว่าจะโง่งมจนไม่รู้ความเสียทีเดียว เมื่อนึกถึง
เหตุการณ์ร้อนรุ่มยามถูกปลายลิ้นของแดริลลากไล้ครอบครอง  ในตอนนั้นเสียงหวีดร้องแหลมสูงก็ดังขึ้น ที่ด้านนอกเสียงกระแทกกระทั้นแบบหยาบโลนค่อยๆหยุดลง ในที่สุดจัสมินก็เงียบเสียงลงได้อย่างแท้จริงเสียที

"ข้าต้องไปแล้วน้องแดริล”
จัสมินที่ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนแต่งตัวจนเสร็จแล้วผละออกจากห้องไป ขณะนั้นเอลียาห์ยังทรมานกับห้วงราคะซึ่งไม่สามารถดับลงได้

‘ม…ไม่ไหว’

ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเหยเก จังหวะนั้นประตูตู้ซึ่งเอลียาห์ใช้เป็นที่หลบซ่อนก็เปิดออก ที่ตรงหน้าแดริลซึ่งยืนเปลื่อยเปล่ามองลงมาในระดับที่สูงกว่าด้วยแววตาตกตะลึงก่อนริมฝีปากได้รูปจะกระตุกยิ้มร้ายอย่างเสือตัวใหญ่ที่จับเหยื่อได้เป็นผลสำเร็จ

“อึก”

เอลียาห์สะอื้นเบาๆ เด็กชายหนีบขาทั้งสองข้างปิดบังเครื่องเพศซึ่งกำลังชูชันให้พ้นจากสายตาของแดริล แทนที่จะพ้นจากการจดจ้อง การกระทำอันดูชัดเจนแบบนั้นกลับทำให้คนสินทผู้แสนฉลาดเลิศรู้ทันทีเรื่องที่ร่างเล็กกำลังปิดบัง

“ช่วยตัวเองไม่เป็นหรือครับ”

แดริลคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ในสายตาเอลียาห์ถึงรอยยิ้มจะดูงดงามอ่อนโยนหากแต่ดวงตาเจ้าเล่ห์บาดคมไม่ได้ส่ออารมณ์อย่างเดียวกันเลยซักนิด

แดริลในตอนนี้ ช่างน่ากลัวเสียจนเอลียาห์ตื่นกลัวไปทั่วร่าง แต่ถึงอย่างนั้น เรือนกายร้อนรุ่มยังคงลุกโชนด้วยไฟปรารถนาซึ่งไม่ยอมดับมอดไปง่ายๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ”

แดริลเอ่ยปลอบไปพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างแยกเรียวขาของเอลียาห์ออก ทั้งที่ควรต้องขัดขืน หากแต่ถูกใบหน้าและเสียงอันอ่อนโยนล่อหลอกจนยอมเปิดเผยส่วนอับอายที่ชูชันดุนดันกางเกงผ้าเนื้อดีด้วยพ่ายแพ้แก่ราคะและความไว้ใจ

“เป็นถึงขนาดนี้เชียว”

แดริลยิ้มละเมียดละไมก่อนจะจัดการถอดกางเกงของเอลียาห์ที่ตั้งตัวไม่ทันออกอย่างช้าๆ เด็กชายเมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่าก็ผวาตัวนั่งกอดเข่าอยู่ในตู้เสื้อผ้าด้วยอัอายและสับสน

“ทรมานอยู่ไม่ใช่หรือครับ ถ้าไม่ยอมให้ข้าช่วยสอน ท่านเอลียาห์นั่นแหละที่จะทรมานไม่เลิก”

เอลียาห์ที่ยังนั่งกอดเข่าช้อนมองแดริล เขารู้ดีว่าอาจจะทนกับร่างกายที่กำลังละโมบได้อีกไม่นาน พอถูกตะล่อมล่อหลอกอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง เด็กชายก็เอ่ยปากถามข้อเท็จจริงจากคนสนิทด้วยอาการลังเล

“จะช่วยได้จริงๆนะหรือ ไม่เอาแบบคราวก่อนนะ”

แดริลเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ ท่าทางแบบนั้นสร้างความกังขาให้เอลียาห์จนเก็บมาครุ่นคิดเป็นจริงเป็นจัง แต่คนสนิทก็ไม่ผ่อนผันเวลาให้เขาได้ขบคิดถึงปริศนานั่นเลยแม้แต่ชั่วเสี้ยววิ เด็กชายถูกดึงให้ลุกออกจากตู้ก่อนจะถูกจัดแจงให้นั่งลงบนตักของแดริลซึ่งนั่งรออยู่แล้วบนริมเตียง

“ทำอย่างนี้นะครับ”

แดริลไม่รอช้าใช้มือของตนกำเครื่องเพศของเอลียาห์ที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ชักรูดขึ้นลงเป็นจังหวะให้ดูเป็นตัวอย่าง ทันทีที่ถูกทำเช่นนั้นความซาบซ่านอย่างสุดจะคาดเดาทำให้เด็กชายเพลิดไปกับการปรนเปรอจนแทบลืมตัว แต่ก็ถูกคนสนิทเอ่ยตำหนิให้เขาตั้งใจมองดูสิ่งที่ทำให้เห็นอย่างตั้งอกตั้งใจมากยิ่งขึ้น

“อึก”

เอลียาห์กัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้หลุดเสียงคราง คราวนี้ถูกแดริลกล่าวเตือนเพิ่มอีก บอกว่าห้ามกลั้นเสียงเอาไว้เพราะมันจะทรมาน ดังนั้นเด็กชายจึงร้องครางอกมาแผ่วเบาด้วยความขัดเขิน แต่ก็ไม่กล้าจะต่อต้านคนซึ่งตั้งใจสอนสั่งอย่างเข้มงวด

“อือ…”

ใช้เวลาไม่นานนัก เอลียาห์ก็ปลดปล่อยความต้องการออกมา น้ำสีขาวขุ่นซึ่งเปรอะเปื้อนมือของแดริล คนสนิทบอกมันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสุขสมและพึงพอใจ ร่างเล็กพอจะเข้าใจในเรื่องนี้อยู่บ้างจากสมุดภาพซึ่งเคยได้ดูมาก่อน แต่ภาพที่ได้เห็นต่างจากประสบการณ์จริงในยามนี้ไปคนละเรื่อง

“คราวนี้ลองทำด้วยตัวเองดูนะครับ”

เอลียาห์ใช้ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองดูแดริลที่คลี่ยิ้มคล้ายดอกไม้ เด็กชายยอมทำตามอาจารย์ผู้ฝึกสอนอย่างว่าง่ายเผลอไผล จากนั้นช่วงเวลาอันร้อนแรงดุจเปลวไฟก็ดำเนินไปจนเป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ตอนหน้าจะถึงจุดผลิกผันของเรื่องอีกแล้วค่ะ

คนที่เดาได้แล้วอาจจะไม่ตื่นเต้นเพราะอันที่จริงมันก็เนิบๆอยู่

ตอนหน้าถ้าเป็นไปได้จะลงสองตอนรวดเลยค่ะ

เม้นเรากันบ้างนะคะ :hao5:

รักคนอ่านค่ะ

ออฟไลน์ Shock_n2n

  • Deep cute...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
ชอบมากค่ะรอนะคะ :katai4:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
แดริลนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด ร้ายนักนะ! -_-*
เอลียาห์อุตส่าห์กะจะมาทำแผลให้  ฮึ่ยย!

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่12

เป็นเวลาเกือบหนึ่งวันเต็มซึ่งเอลียาห์เอาแต่หลบเร้นอยู่ในห้องส่วนตัวด้วยความอับอาย หลังจากวันที่ถูกแดริลฝึกสอนให้รู้จักการช่วยตัวเอง เด็กชายเมื่อปลดปล่อยออกมาจนหมดเรี่ยวแรงก็ถูกคนสนิทพากลับมายังห้องนอนในสภาพสะลึมสะลือ

‘แดริลป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ?’

เอลิยาห์ฉุกคิดพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง เมื่อสามชั่วโมงก่อนคนนำอาหารเช้ามาให้คือฟาติมาสาวใช้ต้นห้องของเขาแทนที่จะเป็นแดริลซึ่งรับหน้าที่ประจำ

‘กำลังอายเราอยู่หรือเปล่านะ?’

ส่ายศีรษะไปมาแล้วพยายามคิดด้วยเหตุผล คนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างแดริลคงไม่มีทางอับอายด้วยเรื่องแค่นี้แน่นอน  กลับกันเขาต่างหากที่เขินอายจนไม่กล้าออกจากห้อง นับจากคืนซึ่งถูกสอนสั่งก็ผ่านมาถึงสองวันแล้วที่เอลียาห์ไม่ได้พบใครนอกจากฟาติมา
เด็กชายสั่งฟาติมาให้บอกทุกคนว่าอยากพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ารบกวนให้เขาอารมณ์เสียเลยแม้แต่คนเดียว

‘แดริลทำอะไรอยู่นะ?’

ไม่ชอบใจที่แดริลหายหน้าหายตาไป ถึงแม้ตัวเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายหลบหน้าอยู่

‘เขารักแดริล’  เด็กชายซึ่งรู้ตัวเองดีแล้วเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องผิดทำนองคลองธรรม ทว่าเพราะดันเข้าใจความต้องการของตัวเองเสียแล้ว ระหว่างที่ไม่ได้พบหน้า ก็ขบคิดอย่างตั้งใจ เรื่องการวางตัวหรือจะทำยังไงต่อไปกับหัวใจรักอันไม่ธรรมดา

‘ช่วยไม่ได้นี่นะก็มันรักไปแล้ว และเขาอยากจะเดินหน้าต่อไป’

ดังนั้นเอลียาห์จึงผลุนผลันออกจากห้องเป็นครั้งแรกหลังจากเก็บตัวมาสองวัน เด็กชายเมื่อออกมาด้านนอกก็ไปยืนเก้เก้กังกังอยู่หน้าห้องของแดริลในชุดนอนผ้าไหมซึ่งซาฟิลส่งมาให้แบบยัดเยียด

“เอาล่ะ”
เอลิยาห์ซูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูห้อง ในตอนนั้นฟาติมาที่บังเอิญมาพบก่งเสียงทักเข้าเสียก่อน

“แดริลไม่อยู่หรอกค่ะท่านเอลิยาห์”
เอลิยาห์ทวนคำพูดของฟาติมาในหัวถึงสองครั้งก่อนจะละร่ำละรักถาม

“แดริลไปไหน”

“เอ่อ…”
นึกรำคาญฟาติมาที่อ้ำอึ้ง เป็นครั้งแรกเลยกับการแสดงอาการหงุดหงิดไร้เหตุผลต่อหน้าข้ารับใช้โดยเฉพาะกับหญิงต้นห้องผู้นี้

“พูดออกมาเสียทีเถอะ เรารอเจ้าอยู่”

“ค่ะค่ะ”
ฟาติมารับคำก่อนจะเสียเวลาอ้ำอึ้งอีก

“คือแดริลย้ายออกไปตามคำสั่งของฝ่าบาทบาดีค่ะ”

“อะไรนะ”
เอลิยาห์ร้องเสียงดัง ภายในใจกระวนกระวายสับสนด้วยกลัวไปต่างๆนาๆ ท่านพ่ออาจจะรู้เรื่องไม่ดีไม่งามของเขากับแดริล

“ทำไมท่านพ่อถึงเรียกแดริลไป”

“ไม่แน่ใจค่ะ เรื่องนั้นอาจจะเกี่ยวกับที่ฝ่าบาทบังเอิญมาพบกับแดริลตอนที่ถูกขึงโยงทิ้งไว้หลังจากท่านเอลิยาห์เฆี่ยนก็ได้ค่ะ”

“อะไรกัน”
เอลิยาห์ร้องครางด้วยไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่ เด็กชายพอฟังฟาติมาเล่าก็ยิ่งจับต้นชนปลายไม่ถูก

“แดริลขนข้าวของออกไปเมื่อเช้าค่ะ”

“ทำไมไม่บอกเรา”

“เอ่อคือ…มันฉุกละหุกค่ะ…แดริลเพิ่งออกไปไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง”

“เราจะไปหาท่านพ่อ”
เอลิยาห์พูดก่อนจะออกวิ่งไปหากษัตริย์บาดีทั้งชุดนอน พอมาถึงเบื้องหน้าของพระราชบิดา เด็กชายก็เอ่ยประโยคเกี่ยวกับแดริลแทบจะในทันที

“ท่านพ่อพาแดริลคนสนิทของลูกไปไว้ที่ไหน”
ผู้ถูกถามเลิกคิ้วขณะใช้ดวงตาคมดั่งเหยี่ยวเพ่งพินิทบุตรชายโดยไม่เอ่ยพูด เอลิยาห์เมื่อเห็นชักช้าไม่ทันใจก็เอ่ยถามซ้ำพร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์พลุ่งพล่านของตน

“เรามีธุระที่ต้องสะสางกับแดริล”

“เรื่องอะไรกันครับ”
ผู้เป็นบุตรยังไม่ยอมแพ้ จากนั้นถึงจะเอ่บปากถามหรืออ้อนวอนซักกี่ครั้ง นอกจากจะทำนิ่งเฉย เด็กชายยังถูกพระราชบิดาว่ากล่าวตักเตือนกลับมาอีกด้วย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เอลิยาห์พึมพำกับตัวเองหลังจากเดินคอตกกลับมาจากที่พักของพระราชบิดา จากนั้น เนื่องด้วยไร้เบาะแสใดใดเกี่ยวกับแดริลซึ่งถูกพาหายไปตลอดสามเดือน เด็กชายก็ใช้ชีวิตเสมือนกึ่งไร้วิญญาณหากแต่ใช่ว่าจะละเลยหน้าที่ซึ่งยังต้องทำอยู่ทุกวัน

“งามเหลือเกินค่ะท่านเอลิยาห์ เจ้าก็ว่าอย่างนั้นใช่ไหมซาลาม”

ฟาติมาถามด้วยรอยยิ้มหลังจากมองดูเอลิยาห์ที่แต่งองค์เต็มยศ จังหวะนั้นเอลิยาห์ปลายมองไปยังซาลามซึ่งเข้ามารับตำแหน่งแทนที่แดริล ถึงจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่ซาลามเป็นคนที่เดิมถูกวางเอาไว้ให้อยู่รับใช้มาตั้งแต่ต้น แถมคนผู้นี้นอกจากต้องตอนตัวเองแล้ว ยังคอยดูแลรับใช้ทุกเรื่องได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และเหนือสิ่งอื่นใด ซาลามที่เคยลวนลามฟาติมาตอนนี้ดูจะเข้ากับหญิงสาวได้ดีราวกับเป็นคู่รักเสียอย่างนั้น

“สง่างามมากครับท่านเอลิยาห์”

ซาลามคลี่ยิ้มอันเต็มไปด้วยความจริงใจ อีกจุดที่เอลิยาห์ชอบข้ารับใช้ผู้นี้มากเป็นพิเศษ คือการไม่เสแสร้งนี่แหละที่ทำให้ประทับใจได้ไปเสียทุกครั้ง

“พวกเจ้าชอบก็ดี เราต้องไปร่วมงานที่หน้าพระที่นั่งแล้ว”

เอลิยาห์ไปร่วมงานเฉลิมฉลองโดยมีซาลามเป็นผู้ติดตาม เมื่อมาถึงพระที่นั่งบนจุดสูงสุดของพระราชวัง กษัตริย์บาดีก็กวักมือเรียกให้ไปยืนข้างๆ เอลิยาห์โบกมือทักทายประชาชนซึ่งโห่ร้องอยู่ตรงด้านล่างหน้าพระราชวัง

“ท่านพ่อมานานแล้วหรือครับ”

“มาได้ซักพักแล้ว”

บทสนทนาระหว่างพ่อลูกมีเพียงเท่านั้น เอลิยาห์แปลกใจกับท่าทางเงียบขรึมมากกว่าปกติของพระราชบิดาจนมีคำถามากมายหากแต่ทำได้แค่เพียงนิ่งเงียบ

ในตอนนั้นมหาดเล็กของกษัตริย์บาดีก็ประกาศเรื่องที่เอลิยาห์ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เนื้อหาใจความว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าชายลำดับหนึ่งใหม่ โดยกษัตริย์บาดีได้ค้นหาเจาชายซึ่งเกิดจากพระสนมเอกพบหลังจากหายไปพร้อมกับผู้เป็นมารดา

เอลิยาห์รู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้า ถึงจะพยายามไถ่ถามผู้เป็นบิดาเท่าไหร่ อีกฝ่ายยังนิ่งขรึมจวบจนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งองค์ใหม่ก้าวเท้ามายืนข้างๆกษัตริย์บาดี เปิดเผยตัวตนให้เอลิยาห์และเหล่าประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน

“แดริล”

เอลิยาห์ตะลึงงันพึมพำกับตัวเอง คนตรงหน้าคือแดริลที่แต่งกายอย่างเชื้อพระวงศ์ ท่าทางการปฏิบัติตัวอันสง่างามสูงส่ง สำหรับคนที่เรียนรู้มันมาพร้อมกัน เขาไม่แปลกใจที่ชายหนุ่มจะทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าคำพูด การเดิน ทุกๆสิ่งสมบูรณ์แบบอย่างน่าเหลือเชื่อราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์มาแต่กำเนิด

เป็นเวลาเกือบยี่สิบนาทีซึ่งกษัตริย์บาดี ฉวยโอกาสแนะนำแดริลและมอบตำแหน่งให้ ตลอดเวลาที่ผ่านพ้นไป ทุกนาทีทุกวินาที เอลิยาห์ตั้งคำถามกับตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากจะถามแดริลกับพระราชบิดาให้รู้เรื่อง

ทว่าก็ทำได้แค่คิด เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เอ่ยถาม เพราะกษัตริย์บาดีประกาศให้แดริลไปปราบกบฏที่ชายแดนเสียตั้งแต่วันนั้น

“นี่มันอะไรกันครับท่านพ่อ”
เอลิยาห์เดินตามหลังกษัตริย์บาดีซึ่งเดินเคียงคู่แดริล บาดีหันกลับมาเผชิญหน้ากับบุตรชายอย่างสุขุม

“ก็อย่างที่ได้รู้กันทั่ว แดริลเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้า”

“เรื่องนั้นมัน…”
เอลิยาห์มองดูพระราชบิดาสลับกับแดริล ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งขรึมเรียบเฉยเสียจนเขาเดาอารมณ์เหล่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ถูก

‘ทำไมกัน’

คำถามนี้ผุดในหัวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เอลิยาห์เริ่มไม่เข้าใจเรื่องราวในครั้งนี้มันคือเรื่องจริงหรือคือฝันกันแน่

‘พวกเขาเป็นพี่น้องกัน’

คำคำนี้ตอกย้ำชัดเจนจนต้องตัดใจจากแดริลให้เด็ดขาด ในเมื่อชายผู้เป็นรักแรกได้กลายมาเป็นพี่ชาย เด็กชายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกล่ำกลืนความเจ็บช้ำแล้วพยายามลืมเลือนความรักที่ผิดศีลธรรมไปจากใจโดยเร็วที่สุด

แต่ไม่ได้หมายความว่าอากาตกใจและสับสนจะหมดไป เรื่องที่มากับผู้ให้กำเนิดแดริลยังคงเป็นปริศนาที่เอลิยาห์อยากจะรู้ให้ได้ ทั้งอย่างนั้น ยังไม่ทันได้ซักถาม คนทั้งคู่ก็พากันจากไป ปล่อยให้เขารับหน้าเหล่าประชาชนและข้าราชบริภารที่แห่แหนเข้ามาทำความยินดีพร้อมกับเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของแดริล

ค่ำคืนนั้นเอลิยาห์ผ่านมันไปด้วยความทรมาน เด็กชายรู้สึกว่าในอกของเขามันกลวงโบ๋ว่างเปล่า นอกจากนั้นยังปวดหนึบ ปั่นป่วนเสียจนต้องหยุดพักผ่อนในห้องอีกถึงสองสามวัน

ช่วงเวลานั้นกษัตริย์บาดีและแดริลไม่ได้มาเยี่ยมเขาเลยแม้แต่ซักครั้ง จนเอลิยาห์น้อยเนื้อต่ำใจ ด้วยนึกเปรียบเทียบแดริลกับตนเองว่าท่านพ่ออาจจะต้องการบุตรชายอันเพียบพร้อมอย่างแดริลมากกว่า

ทั้งคิดถึงทั้งอิจฉา

เอลิยาห์จมจ่อมกับความคิดเช่นนั้นเป็นเวลาหลายวัน ไม่กี่วันหลังจากที่ทำใจได้ แดริลก็จัดกองทัพมุ่งหน้าไปยังชายแดนประเทศเพื่อปราบกบฏ

การศึกในครั้งนี้กินระยะเวลายาวนานทั้งหมดเป็นจำนวนสี่ปี ช่วงระยะเวลายาวนานถึงเพียงนั้น เอลิยาห์ก็เริ่มตัดขาดจากความรักและลุ่มหลงที่มีต่อแดริลได้จนเกือบจะเป็นผลสำเร็จ

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
จริงๆกะจะเอามาลงสองตอน

แต่งามหลวงรัดตัวหนัก ขออภัยนะคะที่เอามาลงตอนเดียว

ตอนต่อไปจะรีบเอามาลงแน่ๆค่ะ ไม่หายไปนาน

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เป็นพี่น้องกันจริงๆ ด้วย
แต่อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่ก็ได้...
รอตอนหน้าน้า

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ตอนที่ 13

เสียงโห่ร้องของประชาชนดังเซ็งแซ่อยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง บนพระที่นั่งกษัตริย์บาดีและเอลิยาห์ส่งยิ้มน้อยๆให้กับผู้คนที่เบื้องล่าง

“ไหวหรือเปล่าท่านพ่อ”
เอลิยาห์ในวัยสิบเจ็ดเอยถามกษัตริย์ที่ไอจนตัวโยน รอบข้างของกษัตริย์บาดีมีหญิงพยาบาลและหมอหลายคนเตรียมรับมืออาการป่วยที่อาจจะกำเริบได้

“ไม่เป็นไร”
กษัตริย์บาดีโบกมือห้ามไม่ให้เอลิยาห์เข้าไปช่วยพยุง เด็กหนุ่มจึงได้แต่ปลายมองเป็นระยะขณะโบกมือทักทายประชาชนที่ด้านล่าง

“ดีใจจริงๆที่อีกไม่นานแดริลจะกลับมา การปราบกบฏของเขาช่างยาวนานจนข้าต้องคอยเอาใจช่วยตลอดเวลา”

เอลิยาห์ขมวดคิ้วให้กับบาดีที่กำลังหัวเราะเบาๆ ใบหน้าปลื้มปิติเช่นนั้นทำเด็กหนุ่มปั่นป่วนด้วยความอิจฉาจนยากจะอดกลั้น
แดริล ชายผู้เป็นเจ้าของชื่อนี้เคยเป็นรักแรกของเขาและเป็นพี่ชายต่างมารดานับตั้งแต่สี่ปีก่อนที่ชายคนนั้นจากไปยังชายแดน ทุกทุกครั้งที่ทหารส่งข่าวกลับมา พระราชบิดาซึ่งปกติเงียบขรึม ก็จะอารมณ์ดีเบิกบานไปตลอดทั้งเดือน ท่าทางอันไม่ปกติเช่นนี้เอง ทำให้เอลิยาห์ขุ่นเคืองจนแทบอยากร้องไห้

อิจฉา

คำคำนี้ ไม่อยากจะยอมรับมัน เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ ที่ตัวตนอันสมบูรณ์พร้อมของแดริลในใจของเขาถูกเปลี่ยนจากหลงใหลกลายเป็นริษยา

เอลิยาห์ต้องทนเจ็บปวดบ่อยครั้งที่ถูกผู้อื่นและพระราชบิดามองมาด้วยสายตาครุ่นคิด เด็กหนุ่มรู้แจ้งเห็นชัด แววตาเช่นนั้นกำลังสังเกตเปรียบเทียบเขากับแดริลอยู่ไม่ผิดแน่ๆ นี่ขนาดตัวตนของชายหนุ่มยังไม่ปรากฏในที่นี้ ก็ยังสามารถทำให้เอลิยาห์กลายสภาพเป็นคนไม่เอาไหนไปได้ในพริบตา

รู้ตัวดี ตัวเขานั้นไม่อาจสู้แดริลได้เลยในเรื่องทักษะการสู้รบ มีเพียงแค่มันสมองเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับชายผู้ยืนอยู่เหนือกว่าในความคิดของผู้คนซึ่งรู้จักเขากับแดริล โดยเฉพาะกษัตริย์บาดีผู้เป็นบิดา

“ท่านพี่แดริลจะกลับมาเมื่อไหร่หรือครับ?”

“อีกประมาณหนึ่งเดือน เรารอให้ถึงวันนั้นอยู่เช่นกัน”
สิ้นคำพูดกษัตริย์บาดีก็ไอโขลกๆไม่หยุด เอลิยาห์เห็นดังนั้นก็ออกคำสั่งให้หมอและหญิงพยาบาลพาพระราชบิดากลับไปพักยังห้องส่วนตัว

“อยู่จัดการคนเดียวได้ใช่ไหม?”

“แน่นอนครับท่านพ่อ”
เอลิยาห์ค้อมกายตอบรับอย่างงดงาม หลังจากพระราชบิดาจากไป เด็กหนุ่มก็ทำหน้าที่ในงานเฉลิมฉลองชัยชนะล่วงหน้าของแดริลต่อไป

ค่ำวันนั้น เนื่องจากงานพิธีกินระยะเวลายาวนาน เอลิยาห์ที่เหนื่อยล้าบอกปัดคำเชิญของข้าราชบริภารมากมายที่ชวนไปร่วมงานสังสรรค์ หากแต่ไม่สามารถหลีกหนีท่านอาอับหมัดน้องชายของพระราชบิดาของเขาได้ ในงานเลี้ยงท่านอาอับหมัดเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบก่อนจะวกเข้าหาเรื่องของกษัตริย์บาดีผู้เป็นพี่ชาย

“ได้ข่าวว่าท่านพี่พิจจารณาเรื่องตั้งรัชทายาทใหม่”
ประโยคคำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัวเอลิยาห์ เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงความนัยของคำพูดนั้น จนไม่มีสมาธิจะฟังคำกล่าวต่อมาของผู้เป็นอา

“ได้ยินหรือเปล่าเอลิยาห์ เจ้ากำลังจะสูญเสียตำแหน่งกษัตริย์ไปนะ”
เอลิยาห์หลุดจากความฟุ้งซ่าน คำพูดของท่านอาเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงมาบนกลางกระหม่อม เด็กหนุ่มตระหนกมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก

“เพราะเจ้าอ่อนต่อโลกเช่นนี้นี่แหละอาถึงเป็นห่วง อย่าลืมนะ อาสนับสนุนเจ้าตลอดอย่ายอมแพ้เสียล่ะ”
ผู้เป็นอาตักเตือนก่อนจะเดินจากไป ในตอนนั้นซาฟิลกับชาคาที่รอจังหวะอยู่นานก็เข้ามาชักชวนให้ไปยังห้องรับแขกเล็กๆข้างห้องจัดงาน

“พี่ได้ยินหมดแล้วนะ”
เอลิยาห์มองดูร่างสูงโปร่ง ซาฟิลยิ่งเติบโตก็ยิ่งงามสง่า ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องไม่ว่าจะมองดูเสียกี่ครั้งก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้

“ท่านซาฟิล”

ชาคาพยายามเอ่ยเตือน ผู้ติดตามผู้นี้มีอายุมากกว่าเจ้านายถึงสามปี ทุกครั้งที่ได้พบ เอลิยาห์ต้องประทับใจในความหล่อเหลาและฉลาดเฉลียว ยิ่งนานวันผ่านไปเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกว่า สมแล้วที่เป็นถึงบุตรชายของหัวหน้าราชองค์รักษ์ของพระราชบิดา

น่าเสียดายนัก ที่ตำแหน่งหน้าที่ของเขาจะหยุดลงแค่ผู้ติดตามของท่านพี่ซาฟิล ไม่สิท่านพี่ซาฟิลต่างหากซึ่งโชคดีได้คนมีฝีมือมารับใช้ใกล้ชิด

ความคิดเช่นนี้ ทำให้เอลิยาห์หวนนึกถึงเมื่อครั้งแดริลยังเป็นคนสนิทของตน เด็กหนุ่มปวดแปล๊บบริเวณกระเพราะขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน

“น้องเอลิยาห์จะยอมให้ลูกของผู้หญิงชั้นต่ำมาแย่ง ตำแหน่งกษัตริย์ที่ควรเป็นของเจ้าไม่ได้นะ”
ซาฟิลที่ฮึดฮัดเอ่ยคำพูดเป็นคำสั่งกลายๆ ท่าทางอันแสนเอาแต่ใจของลูกพี่ลูกน้อง ถึงจะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่เข้าใจดีถึงความห่วงใยเสมอมาที่ชายหนุ่มมีต่อเขา

“ถ้าท่านพ่อตัดสินใจอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”

เขาโกหก ถึงจะแย้มยิ้ม แต่รู้ดีอยู่ว่าตนเองยึดติดกับตำแหน่งกษัตริย์มากมายแค่ไหน เนื่องจากถูกเลี้ยงดูมาโดยพร่ำบอกจากรอบข้างเรื่องที่ต้องเตรียมตัวรับผิดชอบอาณาจักรมาโดยตลอด

เอลิยาห์จึงมีความคิดยึดติดกับการขึ้นครองราชย์มากยิ่งกว่าผู้ใดจนแม้แต่ตัวเองยังตกใจ เพราะฉะนั้นจึงทำได้แต่เชื่อใจในความรักและเมตตาของพระราชบิดา เขาเชื่อว่ากษัตริย์บาดีไม่มีทางทอดทิ้งตนเองโดยการเปลี่ยนรัชทายาทอย่างแน่นอน

ดังนั้นจึงสามารถอ่ยประโยคคำพูดที่คล้ายกับพ่อพระออกไปได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เอลิยาห์รู้ตัวดีว่าตนเองช่างตื้นเขินและถือดีเสียจริงๆที่มั่นใจถึงเพียงนั้น

“น้อยไปสิไอ้ลูกสวะ…เอ้ย…เจ้าแดริลมันคว้าชัยจากชายแดนมาได้ เจ้ารู้ไหมประชาชนกับขุนนางชื่นชมมันมากแค่ไหน”
ซาฟิลเอ่ยแย้งอย่างหัวเสีย ชาคาที่อยู่เบื้องหลังร่างสูงโปร่งถอนหายใจกับการไม่สามารถห้ามปรามผู้เป็นายไม่ให้ทำกริยาไม่งามออกไปได้

“ก็มันเป็นเรื่องถูกต้องที่ต้องชื่นชม ขนาดเรายังชื่นชมเลยนะท่านพี่ซาฟิล”

เอลิยาห์ยิ้มน้อยๆให้กับท่าทางเป็นฟืนไฟของซาฟิล กับอาการเหนื่อยหนายและหงุดหงิดของชาคา เด็กหนุ่มยิ่งมองก็ยิ่งเข้าใจในความสนิทสนมของน่ายบ่าวคู่นี้จนปลาบปลื้มแทนคนทั้งคู่อย่างจริงใจ

“ท่านพี่อย่าคิดมาก เราเสียอีกที่ต้องคิดมากกว่า”

“ก็เจ้าไม่คิดมากไง ข้าถึงได้เสนอหน้ามาบอกให้เจ้าคิด เอลิยาห์ข้าห่วงเจ้ามากนะ”

ซาฟิลลูบไล้มือมาบนใบหน้าของเอลิยาห์ร่างโปร่งแนบหน้าผากลงบนหน้าผากของคนตัวเล็กกว่าด้วยใบหน้าปวดร้าว
เอลิยาห์ยินดีกับการที่ได้รับความห่วงใยจนยิ้มแก้มปริ ทว่ารู้ตัวดีว่าชาคามองมาด้วยแววตาที่ไม่ใคร่ชอบใจเท่าไหร่นัก

คนสนิทผู้นี้มองยังไงก็รู้ว่าแอบหลงรักผู้เป็นนายอยู่

เอลิยาห์ผละออกจากซาฟิล

เด็กหนุ่มรู้ความจริงข้อนี้เมื่อสองปีก่อนในตอนที่ชาคาแสดงอาการไม่พอใจบ่อยครั้ง ถึงขั้นขัดขวางไม่ให้ซาฟิลเข้าใกล้เขาในเวลาที่มาพบปะสุงสิงหรือนัวเนียด้วย

ชาคาแสดงออกชัดถึงเพียงนั้น ถึงชายหนุ่มจะพยายามเก็บอาการ แต่ผู้มีประสบการณ์ความรักมาแล้วอย่างเขา แม้จะแค่นิดเดียวและไม่สมหวัง หากแต่ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากความยังสามารถเข้าใจได้ในความต้องการที่ซ่อนอยู่

น่ายินดีจริงๆที่ชาคาได้รับการยกเว้นการตัดอวัยวะเพศ เพราะว่า เขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของหัวหน้าราชองครักษ์และเข้ามารับใช้ในตอนที่ท่านแม่ของซาฟิลได้เสียชีวิตลงไป

“เอ้อดูสิ เจ้าไม่เครียดเรื่องนี้ซักหน่อยเหรอ”
ซาฟิลที่อิดเอือนจากการถูกเอลิยาห์ดันออกเบาๆเอ่ยถาม

“ตอนนี้ยังไม่คิด ท่านพี่อย่าไม่สบายใจไป เราอยากกลับไปพักผ่อนแล้ว”

เอลิยาห์เอ่ยปัดสั้นๆก่อนผละจากไป ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดใจของซาฟิลทำให้เขากังวลนิดๆ หากแต่พอมองไปยังชาคาซึ่งกระตุกยิ้มมุมปาก เด็กหนุ่มก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนแทบจะลืมเรื่องเครียดไปจนหมด
จากนั้นเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ อาการของกษัตริย์บาดีทรุดหนักลงกะทันหัน หมอหลวงหลายคนต่างลงความเห็นว่าน่าเป็นห่วง

“ท่านพ่อ”
เอลิยาห์กลั้นเสียงสะอื้นขณะที่เฝ้าอาการอยู่ข้างเตียงของกษัตริย์บาดี แต่คนป่วยนอกจากจะไม่หวาดกลัวต่อความตาย ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสุขุมงดงามประหนึ่งเทพบุตรผู้ไม่มีทางเสียชีวิตจากโรคภัยใดใด

“แดริลใกล้จะกลับมาหรือยัง”
เอลิยาห์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก ทว่าความเสียใจทำให้ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งขัดหูได้ตามใจต้องการ

“ทหารม้าส่งข่าวมาว่าอีกครึ่งเดือนก็จะมาถึงครับ”

“อย่างนั้นหรือ”
กษัตริย์บาดีระบายลมหายใจแล้วหลับตาพริ้มพักหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นเอ่ยคำสั่งกับมหาดเล็กประจำตัว

“ไปตามอับหมัดมา”

“ขอรับ”
เอลิยาห์ปลายมองมหาดเล็กรับคำและผละจากไป เด็กหนุ่มทสงสัยเหลือเกิน พระราชบิดาต้องการจะคุยอะไรกับท่านอาทั้งที่กำลังป่วยหนัก

“ท่านพ่อ…”

“กลับไปได้แล้วเอลิยาห์”

เอลิยาห์เอ่ยลาอย่างอิดออด ขณะที่เดินกลับไปยังพระราชวังของตน ก็เกิดความไม่สบายใจจนแทบทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

เอลิยาห์น้อยใจที่ถูกกีดกัน เข้าใจว่ามีเรื่องต้องปกปิดเอาไว้ไม่ให้เขารู้ แต่ข่าวลือจากขุนนาง เกี่ยวกับเรื่องนี้ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ลูกพี่ลูกน้องอาจถูกท่านอาห้ามไม่ให้มาหาเขาแล้วพูดเกี่ยวกับเรื่องที่รู้มา

เขาถอนหายใจขณะนั่งตรวจรายรับรายจ่าย ที่ข้างๆยูซุฟเลิกคิ้วอย่างกังขา แต่ไม่ได้เอ่ยถามผู้เป็นนาย ซึ่งการทำเช่นนั้นเป็นเรื่องถูกต้องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ชายผู้นี้คอยรับใช้เอลิยาห์มา

“ฝ่าบาท”

“อะไร”
เอลิยาห์ปลายตามองยูซุฟที่ทำท่าพินอบพิเทา

“จะไม่จัดการอะไรกับเจ้าแด…เอ่อ..ท่านพี่เลยหรือครับ”

“ให้จัดการอะไร?”

“ก็อย่างเช่น”
ยูซุฟใช้นิ้วปาดลำคอของตนบอกความนัย เอลิยาห์หงุดหงิดกับท่าทางเช่นนั้น หากแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทาง

“อย่าไร้สาระน่า”

“ไม่ไร้สาระหรอกครับ พวกเรารับใช้ฝ่าบาทมานาน หากท่านไม่ได้ครองราชย์ เราก็เจ็บปวดไปกับท่าน หวงแหนสิ่งที่เป็นของท่านเถอะครับ”

ยูซุฟทำหน้าเศร้าๆก่อนจะคำนับแล้วขอตัวนำเอกสารไปเก็บ จากนั้นเอลิยาห์ก็ครุ่นคิดเพียงลำพังถึงอนาคตหากไม่ได้รับตำแหน่งกษัตริย์ ยิ่งคิดก็ยิ่งมองไม่ออก ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในฐานะอะไร

เป็นเชื้อพระวงศ์คอยเที่ยวเล่นไปวันวันอย่างนั้นหรือ

ไม่ ทำไม่ได้

เด็กหนุ่มถูกสอนมาให้ต้องรับผิดชอบผู้คนมากมายตั้งแต่ยังเด็กเพราะฉะนั้นจึงเชื่อมั่นในอนาคตที่ตนจะได้เป็นกษัตริย์ด้วยความตั้งใจอันไม่สั่นคลอน

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

นิยายช่วงหลังเราไม่มีดราม่านะคะ

หากใครอยากเสพคงต้องผิดหวัง55555

คนเม้นไม่ค่อยมีเลย เม้นเรากันบ้างนะคะ

เราของร้อง

ออฟไลน์ toonnie11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ส่งกำลังใจจ้า รออ่านตอนต่อไป o13 o13

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
เจ้าชายน้อยจะตัดสินใจยังไง แดริลกลับมาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ไม่มีดราม่าน่ะดีแล้วว
รอตอนหน้าา

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
เอาละ ยาวหน่อยนะครับ...

เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ ผมชอบนะ เพราะการหาวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ที่มีพล็อตดีๆค่อนข้างหายาก

ข้อชมข้อแรกครับ คนเขียนหาข้อมูลมาดี ผมคิดว่าพื้นเรื่องน่าจะอยู่แถบตะวันออกกลาง ในแถบลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรติส ระยะเวลาน่าจะช่วงก่อนคริสตศักราช ซึ่งช่วงนั้นมีการก่อกบฏขึ้นมาด้วยค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี ต้องตินิดนึงว่าข้อมูลแบ็คกราวน์ยังมีไม่มาก ทำให้เห็นภาพได้ไม่ชัดเจนถึงวัฒนธรรมของสังคม (เรื่องที่น่าลองอ่านเป็นตัวอย่างคือ Journey of Nargal ในเล้าครับ เรื่องนี้มีการแทรกแบ็คกราวน์ที่ดี)

ที่อยากให้มีแบ็คกราวน์ข้อมูลด้านสังคม เพราะจะทำให้เราเห็นภาพของสังคมในยุคนั้นชัดเจนขึ้นครับ ส่วนตัวแล้ว ผมไม่อยากให้อิงประวัติศาสตร์มากนักในด้านเนื้อเรื่อง แต่อยากให้อิงในด้านของกรอบสังคม วัฒนธรรม และการดำเนินเรื่องเสียมากกว่า เพราะถ้าเราเอาตัวละครที่เราสร้างขึ้นเข้าไปป่วนในประวัติศาสตร์โลกจริงๆ มันจะดูไม่ดีในทางโบราณคดี เราจะถือว่าเป็นการหมิ่นประวัติศาสตร์และไม่ให้เกียรติชนชาตินั้นๆครับ

ที่ติไว้เพราะว่าชื่อของพระเอกค่อนข้างกำกวมครับ ดาริล ผมไม่ทราบว่าดาริลจะได้เป็นกษัตริย์จริงๆไหม แต่ถ้าได้เป็น ชื่อที่คุ้นหูผมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ตะวันออกกลางคือ ดาริอุสที่ 1 ผู้ที่ขึ้นครองราชย์จักรวรรดิเปอร์เซียต่อจากจักพรรดิองค์ก่อน พระเจ้าแคมบีซีส เนื่องจากพระเจ้าแคมบีซีสสวรรคตลงอย่าง 'เป็นปริศนา' ที่อียิปต์ ดาริอุสที่ 1 ได้รับการชื่นชมว่าเป็นนักปกครองที่ดีเยี่ยม ซึ่งไม่ตรงกับคาแรกเตอร์ของดาริลเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นผมจะไม่มองว่าสองคนนี้เป็นตัวละครเดียวกันนะครับ

ในด้านการบรรยายและการใช้ภาษา ผู้เขียนทำได้ดีมากแล้วนะครับ ใช้ภาษาเหมาะสม มีการแทรกความคิดของตัวละครลงไป ด้านคำบรรยายความรู้สึกอาจจะยังไม่ถึงใจ อาจต้องเพิ่มอรรถรสอีกนิด จุดที่จะติคือยังมีคำผิดนะครับ รบกวนตรวจเช็คด้วยเพื่อความลื่นไหลในการอ่าน นอกจากนี้ อยากให้ระวังการเว้นวรรคและเว้นบรรทัดด้วย ในช่วงบทแรกๆค่อนข้างมีบรรทัดที่ติดกันเยอะ (ช่วงอธิบายกฏเกณฑ์ในวัง) ทำให้บางส่วนที่น่าจะอ่านได้สบายตากว่านี้ กลับติดกันเป็นพรืดไปหมด ทำให้คนอ่านบางคนสายตาล้าครับ

ทีนี้มาถึงพล็อต ถ้าพิจารณากันเฉพาะในกรอบที่ตัดประวัติศาสตร์ทิ้ง ผมชอบเรื่องนี้มากนะครับ แต่จำเป็นต้องดูพล็อตต่อไป ในที่นี้จะขอพูดในด้านการวิเคราะห์เท่านั้น

พิจารณาจากชื่อเรื่อง ‘รักต้องห้าม’ ชื่อก็น่าสนใจดีมาก (สำหรับนักอ่านที่เพิ่งเริ่มอ่าน Dashuria เป็นภาษาอัลบาเนียนะครับ แปลว่าความรัก) แต่ทีนี้คือต้องห้ามยังไง? ใครรักกับใคร? อันนี้มีความละเอียดเชิงประวัติศาสตร์ที่คนเขียนจำเป็นต้องวางพล็อตให้ดีครับ เพราะถ้าทำออกมาแย่ ก็จะเป็นอย่างที่ผมบอกไปด้านบน จะเข้าข่ายหมิ่นประวัติศาสตร์ครับ

ตัวละครแรก ดาริล ดาริลเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แถมแนวโน้มของเขามาแบบ Heroic มาก คือเริ่มต้นด้วยชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่เนื้อเรื่องผลักดันให้เขาขึ้นเป็นวรรณะชั้นสูง ทุกอย่างอวยเขาเต็มที่ ดาริลจึงจะเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง ความเกลียดชัง พละกำลัง ความเด็ดขาดและไร้ปราณี ไร้เมตตา ถ้ามองในมุมผม เขาเป็นตัวแทนของบาป Wrath ได้เป็นอย่างดี เขาไม่เคยมองโลกสวยงาม เป็นพวกเหยียดโลกและคิดว่าข้าเก่งที่สุด ข้อดีของคนแบบนี้คือจะไม่ยอมแพ้ในชีวิตและอุปสรรคต่างๆครับ แต้ข้อเสียคือจะเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปตลอดเวลา จะไม่เคยได้รับความสุขเพราะไม่มีคนรอบข้างทนอยู่กับเขาได้ เพราะดาริลถอยไม่เป็น ดาริลก้มหัวไม่เป็น เขามองภาพลักษณ์ระยะยาวไม่เห็น จึงเป็นสาเหตุที่ไม่มีทางที่จะเรียนรู้สันติภาพ

ตัวละครที่สอง คือเอลียาห์ ที่น่าสนใจคือเอลียาห์เป็นชื่อที่มีความหมายในทางศาสนาคริสต์ครับ คำว่าเอลียาห์ไม่มีคำแปลตรงตัว แต่มีความหมายว่าผู้เผยแพร่วัจนะของพระเจ้า หรือจะเรียกว่าเป็น ประกาศก(Prophet) ก็ได้ การตั้งชื่อแบบนี้ซ่อนนัยยะทางบุคลิกภาพค่อนข้างชัดเจนมาก และทำให้ผมคิดว่าผมชอบตัวละครนี้มากนะครับ การเรียกเอลียาห์ว่าเทวฑูตก็เหมาะสมดีกับบุคลิกของเขา เอลียาห์เป็นตัวแทนบุคลิกของความดีงาม ของการเปลี่ยนแปลงโลกที่โสมมขึ้นให้เป็นโลกที่ดีกว่าเก่า ในพระคัมภีร์ เอลียาห์เป็นเพียงหนึ่งในสามคนเท่านั้นที่พบกับพระพักตร์ของพระเจ้าตัวต่อตัว (ทั้งสามคือ โมเสส เอลียาห์ และเยซู) และมีความเด่นชัดที่สุดในด้านของความเมตตากรุณา

ทีนี้ มาถึงพล็อตเรื่อง เท่าที่ผมเห็น(ตอนที่ 13)ก็มาแนวประวัติศาสตร์ทั่วไป แต่คิดว่าผู้เขียนน่าจะมีมุมมองของพล็อตเรื่องที่มีมิติพอสมควร เพราะการอวยให้ดาริลขึ้นๆๆไปเป็นกษัตริย์ ผมว่ามันค่อนข้างไร้สาระเกินไปหน่อย และเอลียาห์ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินเรื่องเช่นกันครับ ดาริลมองเอลียาห์เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ แต่ดาริลเองนั่นแหละที่กำลังแปดเปื้อนเอลียาห์จากความทะเยอทะยานของตนเอง ที่เอลียาห์อิจฉา นั่นก็เพราะดาริล ที่เอลียาห์หึงหวง นั่นก็เพราะพฤติกรรมดาริล ดาริลมองอะไรไม่เห็นนอกจากความอยากของตนเอง อีกทั้งยังแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงคนอื่นไม่เป็น จึงทำให้มองภาพรวมและความสุขของประชาชนไม่เห็น และเป็นผลให้สุดท้ายจะต้องเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไป เพราะดาริลเป็นคนที่ทรยศเอลียาห์เองตั้งแต่ต้น นี่เป็นท้องเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปตามประวัติศาสตร์ครับ เห็นได้ชัดที่สุดคือกรณีของมาร์คัส บรูตัส ที่ทรยศจูเลียส ซีซาร์ และสุดท้ายก็ต้องฆ่าตัวตาย

เอลียาห์มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดในการขึ้นครองราชย์ เพราะเอลียาห์เข้าใจประชาชน เอลียาห์เข้าใจความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ นี่เป็นบุคลิกที่สังเกตเห็นได้ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาเก็บดาริลเข้ามา เอลียาห์เป็นเด็กที่มองเห็นภาพรวม เขามองจากมุมของชนชั้นสูงและเรียนรู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนจะต้องทำอย่างไร แต่เรื่องนี้แบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ครับ เอลียาห์ขาดพละกำลัง และคนที่มีมันคือดาริล แต่ดาริลเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ไม่แตกต่างจากฟาซิมหรือหัวหน้ามหาดเล็ก เพียงแค่องค์ประกอบด้านร่างกายแตกต่างกันเท่านั้น ดาริลเป็นทหารที่ดี เป็นแม่ทัพที่ดี แต่จะไม่มีวันเป็นผู้ปกครองที่ดี

ถ้าถามว่าในประวัติศาสตร์จริงๆ ต่อให้ผู้ปกครองเก่งมากขนาดไหน แต่ถ้ามีสีผิว สีตา หรือสีผมแตกต่างจากประชาชน สังคมจะไม่ยอมรับกษัตริย์องค์นั้นอย่างแน่นอนครับ สมมุติว่าดาริลได้รับการแต่งตั้ง ต่อให้เป็นการแต่งตั้งจากกษัตริย์ จราจลจะลุกฮือ กบกฏจะเกิดขึ้นทุกหนแห่งและจะเข้ากับรัชทายาทที่ถูกต้องชอบธรรมในสายตาประชาชน (ในที่นี้คือเอลียาห์) ทั้งนี้เพราะมันเป็นพื้นฐานทางจิตวิทยาในการสร้างความแตกต่างของมนุษย์ครับ ถ้าแค่รูปลักษณ์แตกต่าง ประชาชนจะมองว่ากษัตริย์แตกต่าง เป็นคนที่ไม่เข้าใจและไม่มีทางเข้ากับพวกเขาได้ และเมื่อใดที่กษัตริย์ทำผิดพลาด จะเกิดการลุกฮือขึ้นตลอดเวลา สังคมจะไม่มีความสงบ และเป็นปัญหาให้อาณาจักรรอบข้างเข้ามารุกรานตลอดเวลา ยิ่งกับเอลียาห์ที่มีคุณสมบัติครบพร้อมทั้งหมด เอลียาห์จะยิ่งได้แรงหนุนจากประชาชนทั่วอาณาจักรมากขึ้น

โดยทั่วๆไปแล้วเรื่องนี้มีพื้นเรื่องที่น่าสนใจครับ และน่าติดตามมากว่าจะดำเนินเรื่องไปทางใด ส่วนตัวผมเชียร์เอลียาห์นะ เพราะเอลียาห์มีคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการปกครองครับ เขามีความเสียสละ ความเมตตากรุณา เห็นถึงจิตใจที่ลึกที่สุดของมนุษย์และกล้าที่จะให้อภัย แต่เอลียาห์จำเป็นต้องมีแม่ทัพที่ดี ต้องมีเสนาธิการและที่ปรึกษาที่ดีครับ ไม่ฉะนั้นไม่สามารถปกครองรอดในสมัยนั้น (ในยุคโบราณ อาณานิคมที่รุ่งเรืองที่สุดคือสมาพันธ์กรีกครับ สามารถต่อต้านและสกัดการรุกรานของเปอร์เซียได้ทั้งหมด เพราะมีเอเธนส์เป็นหัวสมองและมีสปาร์ต้าเป็นมือเท้า แต่กลับล่มสลายเพราะตีกันเองครับ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2015 15:51:10 โดย Grey Twilight »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด