ตอนที่23
ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของพระราชบิดาและหลานชายคนโปรด เอลียาห์ถึงแม้จะยิ้มกว้าง หากแต่ไม่อาจสลัดความน้อยใจที่เกิดขึ้นจากแผนการณ์ของอดีตกษัตริย์ไปได้
หลายวันที่ผ่านมานี้ เด็กหนุ่มพยายามหาข้อเสียของตนเองเพิ่มมากขึ้น เมื่อพบเจอสิ่งเหล่านั้น อาการทรมานในอกก็ค่อยๆลดน้อยลง แต่กลับพอกพูนความโกรธไปยังแดริลผู้เป็นพี่ชายมากยิ่งขึ้น
คนคนนั้นบอกว่ารักเขา ปรารถนาในตัวเขา ทั้งทั้งที่เป็นพี่น้องกัน
สำหรับเด็กหนุ่มเวลานี้คิดว่า กษัตริย์หนุ่มช่างฉวยโอกาส ต่อให้โง่แค่ไหนก็ยังเข้าใจการกระทำอันเลวร้ายได้ โดยไม่ต้องคิดให้มากความ
แต่คนคนนั้นเลวร้ายถึงกับแย่งบัลลังค์เพื่อให้ได้เขามาครอบครองเชียวหรือ
เรื่องฉวยโอกาสขังเขาไว้เพื่อสนองตัณหาตนเอง ก็เป็นความคิดที่ลึกๆแล้ว เอลียาห์ยังคิดว่าช่างเหลวไหล ด้วยรู้ถึงนิสัยอันแสนจริงจังของแดริล คนเงียบขรึมตรงไปตรงมาเช่นนั้น ทำเรื่องต่ำทรามอย่างนี้ได้หรือ
ไม่สิ แดริลเป็นสัตว์ป่า
ชายคนนั้นล่วงเกินเขาหลายครั้ง ฉวยโอกาสแย่งชิงเอาทุกอย่างไปจากเขา
ร้ายกาจ ร้ายกาจ จนไม่สามารถให้อภัยการกระทำอันหยาบช้าไปได้ง่ายๆ
รัก
คำคำนี้ แดริลเคยบอกให้เขาทราบ แต่มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างเขาสองคน นอกจากจะปฏิบัติด้วยอย่างเลวร้าย ยังคิดจะล่อหลอกให้เขาทำผิดศีลธรรมอันดีงามอีกหรือ
“ท่านอาเหม่ออะไร”
เสียงเรียกของซาอิด ฉุดเอลียาห์ให้กลับมาสู่ความเป็นจริง
“ไม่สบายหรือเปล่า” บาดีถามเสียงขรึม
“เปล่าครับท่านพ่อ ข้าขอตัวไปพักผ่อนสักครู่ ฝากซาอิดด้วยนะครับ”
กล่าวกับพระราชบิดาเรียบร้อยก็ผุดลุกขึ้นแล้วก้าวเดินไปตามทาง ก่อนจะบังเอิญพบแดริลที่กลางทางเดินอันกว้างยาว เอลียาห์ทำเมินเดินผ่าน ทว่ากลับถูกรั้งข้อมือเอาไว้
“หมู่นี้น้องเอลียาห์อารมณ์เสียกับข้าตลอด เมื่อไหร่จะหายโกรธ”
หายโกรธ
คำขอนี้ทำเอาเอลียาห์ฉุนหนัก หากแต่ยังสงวนท่าทีอันสงบนิ่งไว้ได้อยู่
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจอะไรหลายอย่าง แต่ข้าทำไปเพราะรักและปรารถนาในตัวเจ้ายิ่งกว่าผู้ใด”
เอลียาห์ฟังแล้วหมดความอดทนในที่สุด
“รักและปรารถนาอย่างนั้นหรือ การกระทำของเจ้ามันเห็นแก่ตัว เจ้าบอกว่ารักเรา แต่ก็ยังแย่งชิงบัลลังค์ไปจากเรา แย่งชิงความรักจากท่านพ่อ ก่อนหน้านี้เมื่อเรายังเด็ก ก็ล่วงเกินเรา ในตอนนั้นยังพอให้อภัยเพราะไม่ร็ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่เวลานี้ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ เจ้าก็ยังล่วงเกินเรา กักขัง เจ้าจะให้เราเข้าใจความรักของเจ้าว่าเป็นแบบไหน”
ตวาดด้วยเสียงห้วยรัวเร็ว เมื่อกล่าวจบ เอลียาห์ยืนหอบแฮ่ก ด้วยไม่เคยร้องด่าใครยาวนานเช่นนี้มาก่อน
“ข้ารู้ว่าทำเลวร้ายกับเจ้ามาก แต่ให้รับรู้เอาไว้เถอะ ข้าไม่สนใจเรื่องศีลธรรมจรรยา และจะไม่ปล่อยเจ้าไปจากอุ้งมือของข้า ไม่ว่าใครหรือเจ้าจะคิดอย่างไรก็ตาม”
“เลวที่สุด ปล่อยเรานะ”
เลือดขึ้นหน้าทันทีที่ได้ฟัง เอลียาห์สลัดข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม แต่ในความเป็นจริง แรงอันน้อยนิดย่อมเทียบไม่ได้กับกษัตริย์นักรบอย่างแดริล เด็กหนุ่มถูกบดขยี้ด้วยจูบอันเร่าร้อนรุนแรง เพราะว่าถูกจู่โจมโดยไม่ตั้งตัว แทนที่จะได้ต่อต้าน กลับได้แต่ตะลึงงันและถูกโอ้โลมไปในที่สุด
“อึก…อื้อ…”
แดริลเปลี่ยนมุมประกบปากหลายต่อหลายครั้ง ยิ่งจำนวนจูบอันดูดดื่มเพิ่มมากขึ้น เรี่ยวแรงกับสติสัมปชัญญะก็น้อยลงไปทุกที
โกรธ ไม่พอใจ เกลียด
แต่พอถูกปฏิบัติด้วยความรัก ร่างกายก็อ่อนระทวยจนรังเกียจตัวเองเหลือเกิน
“แดริลหยุด”
เสียงห้ามที่เหมือนเสียงออดอ้อนไม่สามารถห้ามกษัตริย์หนุ่มซึ่งกำลังย่ามใจได้ เอลียาห์ถูกริมฝีปากร้อนผ่าวซุกไซ้แนบจูบไปตามซอกคอ การถูกขบเม้มสร้างความร้อนรุ่มให้จนต้องร้องคลางออกมา
ในตอนนั้นเอง การปรากฏตัวของพระราชบิดา ซาอิด และ ซาฟิล ก็ทำให้สติสตางค์กลับคืนมาอย่างสมบูรณ์
“ปล่อยน้องเอลียาห์นะโว้ย”
ซาฟิลกระชากแดริลจากด้านหลังแล้วปล่อยหมัดไปยังใบหน้าของกษัตริย์หนุ่ม แทบจะในทันที คนถูกชกโต้กลับหากแต่กำปั้นหนักหน่วงกระแทกโดนชาคาที่ปฏิกริยารวดเร็วดั่งสายฟ้า ซาฟิลเต้นผางผางเมื่อเห็นคนสนิทของตนบาดเจ็บ
“ไอ้ชั่ว…เลวมาก…”
ซาฟิลก่นด่ายาวเหยียด แต่ก่อนที่จะได้พุ่งเข้าไปเอาเรื่องแดริลอีกหน ร่างโปร่งถูกชาคาลากตัวไปสงบสติอารมณ์ยังห้องข้างๆ
“นีมันอะไรกัน”
เสียงกดต่ำของอดีตกษัตริย์ เอลียาห์ที่ก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะมองผู้ถาม
“ท่านพ่อกับท่านอาเป็นคนรักกันหรือ ท่านแม่บอกว่ามีแค่คนรักเท่านั้นที่จูบปากกัน”
โดยไม่รอให้ถามมากกว่านั้น เอลียาห์ซึ่งน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ผลุนผลันวิ่งหนีกลับไปยังห้อง เขาดีใจที่ไม่มีผู้ใดร้องเรียกหรือเดินตามมาแม้ซักคนเดียว
“อึก…”
พยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างสุดความสามารถ เอลียาห์สองวันมานี้ผลักไสแม้แต่ฟาติมาซึ่งสนิทสนมกับตนเองมากที่สุดออกไป แต่กระนั้นซาลามก็ยังดึงดันนำอาหารมาให้ คนสนิทตักเตือนร่างบาง จึงจำเป็นต้องทานเข้าไปทั้งที่ไม่มีอารมณ์อยากทานสักนิด
“ข้าบอกท่านบาดีเอาไว้ว่าท่านเพลียมากต้องการพักผ่อนเพียงลำพังอีกซักหน่อย…ท่านเอลียาห์ กับท่านบาดีไม่เท่าไหร่ แต่ท่านซาอิดกระวนกระวายใจน่าดู”
ซาอิด
พอนึกถึงหลานชายผู้มีชะตากรรมอันน่าเศร้า ความทุกข์ทรมานใจของเขาก็กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยจนน่าอับอาย เพราะสิ่งที่ตนเองทำตอนนี้ไม่ต่างจากการทอดทิ้งหลานชายโดยไม่มีคำอธิบายใดใด เอลียาห์รับประทานอาหารไปพร้อมๆกับตัดสินใจเลิกฟูมฟายเหมือนคนขลาดเขลาไปเสียที
อยากพบซาอิด
เอลียาห์มั่นใจหากได้ใช้เวลาอันสนุกสนานกับหลานชาย ความไม่สบายใจคงจะเบาบางไปได้บ้าง ถึงแม้การมองหน้าอันคมคายของซาอิดจะทำให้นึกถึงผู้เป็นพ่อที่หน้าตาเหมือนกันเสียยิ่งกว่าส่องกระจกเงา
“หากว่าท่านซาอิดมาจะให้ข้าบอกไปว่าอย่างไรครับ”
ซาลามซึ่งวางถ้วยชาหอมกรุ่นลงเบื้องหน้าเอ่ยถาม
“ตอนนี้ซาอิดอยู่กับใคร”
“อยู่กับท่านบาดีครับ ฟาติมาเองก็คอยดูแลอย่างไกล้ชิด”
“เราจะไปหาซาอิด ช่วยเตรียมเครื่องแต่งกายให้เราที”
หลังจากอาบน้ำแต่งกายเสียใหม่ เอลียาห์ก็ต้องสะดุ้งตกใจกับการปรากฏกายอย่างพายุของซาฟิล
“นี่มันอะไรกันครับท่านพี่ซาฟิล”
เอลียาห์โกรธนิดนิดกับการถือวิสาสะเข้ามาในห้องส่วนตัว นอกจากนั้นซาฟิลยังแสดงท่าทางซึ่งเด็กหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่น่ารักด้วยการพูดขู่ให้ซาลามออกไปนอกห้องขณะที่คนสนิทยังช่วยเขาแต่งตัวอยู่
“น้องเอลียาห์ ตัดสินใจจะออกไปเผชิญความจริงแล้วอย่างนั้นหรือ”
ซาฟิล กระหยิ่มยิ้มย่อง อาการแบบนี้ เอลียาห์เห็นลางไม่ดีมาแต่ไกล ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้เวลาทำเรื่องร้ายๆมักจะเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างนี้
“ท่านพี่ซาฟิลทำอะไรอีกครับ”
“พูดแบบนี้ได้ยังไง เรื่องที่ทำมันดีต่อเจ้านะ”
เอลียาห์วิเคราะห์ประโยคคำพูดของซาฟิลแล้วปวดศีรษะหนึบๆ เวลาลูกพี่ลูกน้องไปก่อเรื่อง เด็กหนุ่มต้องเก็บมาคิดจนปั่นป่วนด้วยความเป็นห่วงไปเสียทุกครั้ง
“ท่านพี่ทำอะไรกันแน่บอกมาเถอะ”
“ข้าวางยาพิษไอ้ชาติชั่วแดริลน่ะสิ”
เหมือนหัวใจร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น เอลียาห์ตื่นตระหนกจนใบหน้าซีดเผือด
“ท่านทำอะไรลงไป” ร้องถามด้วยเสียงอันสั่นเทา
“ทำอะไรนะหรือ ก็จัดการมันแทนเจ้าอย่างไร เท่านี้ก็ได้ล้างแค้น แถมยังได้บัลลังค์คืนมา”
“ท่านทำได้อย่างไร แดริลมีคนเฝ้าคุ้มกันแน่นหนา”
“อ้อ สาวใช้คนสนิทของเจ้าไง…ชื่ออะไรนะ ช่างเถอะ ข้าให้คนของข้าแอบใส่ยาพิษในเครื่องดื่มที่นางเอาไปให้เจ้าชั่วนั่น ป่านนี้มันคงดื่มไปแล้ว”
เอลียาห์พุ่งพรวดออกไปทันทีที่ซาฟิลกล่าวจบ
“น้องเอลียาห์รอก่อน”
เสียงเรียกของซาฟิลที่ไล่หลังมา ไม่ได้ทำให้หยุดก้าวเดิน เอลียาห์นอกจากจะเป็นห่วงฟาติมาเรื่องที่ต้องมารับผิดแทนซาฟิล ในใจยังหวาดกลัวจนแทบคุมสติไม่ได้ ในหัวของเขามีภาพร่างอันไร้วิญญาณของแดริลฉายชัด ถึงแม้จะพยายามไม่คิดถึงแต่ก็ไม่สามารถทำได้
ไม่อยากให้ตายจากไปแบบนี้
เด็กหนุ่มยังไม่เข้าใจความคิดของตนเองในข้อนี้ดี ทว่า พอสัมผัสถึงความตายที่คืบคลานเข้าใกล้ชายคนนั้น คำพูดมากมายก็ประทุมาจากในอก มากมายเหลือเกิน จนกระวนกระวายหากไม่ได้พูดออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป
จะตายไม่ได้นะ จะไม่ยอมให้ตายไปอย่างเด็ดขาด
“แดริล”
เอลียาห์ร้องเสียงแหบพร่า เมื่อเข้ามาถึงในห้องส่วนตัวซึ่งไร้ผู้คนของแดริล ร่างกายสูงใหญ่กำยำนอนแผ่อยู่บนพื้นโดยที่ข้างตัวมีจอกเหล้าและหยาดน้ำเจิงนองเป็นหลักฐานให้คาดเดาได้มากมาย
“ไม่นะ…”
ส่ายหน้าไปมาช้าๆ เอลียาห์น้ำตาคลอเบ้า ถึงจะปฏิเสธความจริงไม่ได้ แต่เขาไม่อยากยอมรับความจริงว่าแดริลดื่มสุรามีพิษแล้วสิ้นใจตายไปก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามา
“มันตายแล้วน้องเอลียาห์”
ซาฟิลวางมือบนไหล่ของร่างบางพลางเอ่ยปลุกปลอบ ทว่ากลับถูกสลัดมือออกด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างคาดไม่ถึง
“เจ้าไม่ต้องมาจับเรา”
ดวงตากลมโตสาดประกายแสงดุดัน ความดุร้ายนั้น แม้แต่ซาฟิลยังต้องผงะ
“แดริล…แดริล”
เอลียาห์เอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนทอดกายอย่างอ่อนหวาน โดยไม่แม้แต่จะสนใจลูกพี่ลูกน้องซึ่งยังคงยืนกระอั่กกระอ่วนใจในห้องเดียวกัน เมื่อเข้าไปใกล้แดริลด้วยการนั่งลงข้างๆ มืออันสั่นระริกลังเลว่าจะสัมผัสร่างที่ควรจะเย็นชืดยังไงดี
“อา…แดริล…เราเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าเจ้าสำคัญกับเราถึงเพียงไหน”
หยดน้ำใสร่วงแหมะลงบนใบหน้าของแดริล เอลียาห์กุมมือทั้งสองข้างแนบอกอย่างรวดร้าว
“พอเจ้าตายแล้วเราถึงได้รู้สึกตัวว่าเรารักเจ้าแค่ไหน”
“น้องเอลียาห์พูดเช่นนั้นได้ยังไงกัน มันเป็นคนเลวแถม…มันยังเป็นพี่ชายต่างมารดาของเจ้า”
ซาฟิลเอ่ยค้านเสียงตะกุกตะกัก แต่เอลียาห์หาได้สนใจไม่
“ขอโทษที่ไม่อาจล้างแค้นให้เจ้า ถึงเราชิงชังแค่ไหน แต่ไม่อาจลงมือล้างแค้นใครด้วยใจอำมหิต เราทำได้แค่เพียงจุมพิตเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจากลา”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี”
ยังไม่ทันจะได้จุมพิต ซาฟิลที่เดือดพล่านย่างสามขุมเข้ามาหมายจะอาละวาดทุบตีร่างไร้วิญญาณ เอลียาห์ห้ามฝ่าเท้าที่เล็งกระทืบเอาไว้ไม่ทัน แต่แทนที่จะได้กระทืบอย่างถนัดถนี่แดริลซึ่งนอนตายกลับพลิกตัวหนีจากการจู่โจม จนคนที่ร้องได้และคนที่ตั้งใจประทุษร้ายหยุดชะงักด้วยความสงสัยด้วยความตะลึงงัน
“แก…แกยังไม่ตายหรือวะแดริล”
ซาฟิลขยี้เท้าไปมาก่อนจะหันไปฟ้องเอลียาห์ที่ยังตกใจอยู่อย่างเดือดดาล
“น้องเอลียาห์ดูมันยังไม่ตาย”
แดริลหาได้สนใจคนขี้ฟ้อง เมื่อตั้งตัวได้ก็เคลื่อนกายเข้าหาเอลียาห์ที่ยังน้ำตาไม่แห้งเหือด
“ดีใจเหลือเกินที่น้องเอลียาห์ก็รู้สึกเช่นเดียวกับข้า”
ดีใจ
เอลียาห์มองดูรอยยิ้มอ่อนหวานอย่างเผลอไผล ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันทำให้ลืมความโกรธไปได้ชั่วครู่ หากแต่พอซาฟิลโวยวายมากๆเข้าความขุ่นเคืองก็ค่อยๆกลับคืนมา
“น้องเอลียาห์ มันเป็นคนเลวมันวางแผนซ้อนเพื่อฟังความในใจของเจ้าให้ข้าจัดการ”
คนถูกเรียกมองดูซาฟิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของชาคา คนสนิทผู้นี้ยังทำอะไรได้รวดเร็วเช่นเดิม เอลียาห์โล่งใจที่ชาคาจัดการไม้ให้ซาฟิลก่อเรื่องมากไปกว่านี้ได้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ข้ารักเจ้านะเอลียาห์”
คำบอกรักของแดริลแทรกซึมเข้าสู่ภายใจจิตใจ แต่ไม่อาจระงับความกรุ่นโกรธน้อยใจที่ประทุในอกของเอลียาห์
ร้ายกาจ
เพื่อสิ่งที่ตนเองต้องการถึงกับเล่นละครตบตา ตั้งใจจะล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาหรือไง
ไม่ผิดเลยที่ท่านพ่อบอกว่าเขาอ่อนต่อโลก
ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปสั่งสอนใครได้อีก
“น้องเอลียาห์”
แดริลเอื้อมมือหมายจะแตะที่แก้มหากแต่เอลียาห์ปัดมือออกทิ้ง
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง ข้าเกลียดเจ้า”
“ดีมันสมควรแล้ว”
ซาฟิลเอ่ยด้วยความพอใจ ในตอนนั้นขณะที่กำลังจะถูกชาคาพาออกไป เสียงอันทรงอำนาจกับการปรากฏตัวของอดีตกษัตริย์ก็ทำให้เอลียาห์ตระหนกตกใจ
“เรื่องวุ่นวายจบแล้วใช่ไหม”
บาดีเอ่ยถามขณะก้าวเท้าออกมาจากที่กำบัง
“ท่านพ่อ”
“ท่านลุง”
เอลียาห์กับซาฟิลผสานเสียงกันด้วยนึกไม่ถึงกับการที่อดีตกษัตริย์ซ่อนตัวอยู่ในห้องและอยู่ร่วมเหตุการณ์ทั้งหมดมาแล้วตั้งแต่ต้น
ตอนหน้าก็จบแล้วน้า
แต่เรื่องนี้มีตอนพิเศษแถมให้จ้า
ทนอ่านหน่อยน้า555