ตอนที่ 14
กล่องไปรษณีย์มาส่งอีกครั้ง คราวนี้พนักงานดูแลได้ส่งให้เต็งหนึ่งกับมือเนื่องจากได้แจ้งไว้ตั้งแต่มีเหตุกาณ์คราวก่อน และของข้างในก็ยังคงเหมือนเดิม…ไม่ว่าคนส่งจะเป็นใครในอีกไม่นานนี้คงเปลี่ยนเป็นวิธีที่แตกต่างออกไปหรือเลวร้ายกว่านี้เพราะมุขนี้ดูจะไม่ได้ผลแล้ว…ต้องระวัง
มือหนาหยิบไฟแชคขึ้นมาเผาทั้งจดหมาย ทั้งรูปเครื่องบินตกให้กลายเป็นขี้เถ้าไปจนหมดก่อนที่คนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ที่โซฟาจะตื่นมารับรู้
เก็บกวาดร่องรอยขี้เถ้าในสนามหญ้าปลอมเรียบร้อยก็พอดีกับที่เป็นเอกเริ่มขยี้ตาป้อยๆ
“ตื่นแล้วหรอ หืม”
นั่งลงข้างๆโซฟาก้มหน้าลงหอมหน้าผากเนียนหนึ่งฟอด
“อื้อ….กี่โมง”
“บ่ายกว่าแล้ว…จะอ่านหนังสือยัง”
ช่วงสอบกลางภาคที่รัฐศาสตร์ดันจัดสอบก่อนงานเปิดบ้านซะอย่างนั้น ต่างจากวิศวะที่ลากยาวไปสอบหลังงานนิทรรศการ
“หิว”
“มีข้าวไข่ข้น กินปะ?”
“ไหม้…”
ภาพควันโขมงเต็มห้องครัวยังติดตา
“เฮ้ยพัฒนาแล้ว ป่ะไปลอง กูใส่กุ้งด้วยนะ”
ยิ้มจาง…ให้อีกคนจูงมือเดินนำไปห้องครัว ข้าวไข่ข้นที่ยังร้อนๆวางอยู่สองจาร กุ้งชิ้นโตๆที่รวมเป็นเนื้อเดียวกับไข่ดูสีสวยน่ากิน
“น่าอร่อยใช่ปะล่ะ”
“เฉยๆ”
แต่อมยิ้ม
“สัส แดกไปเลยป่ะ”
สองร่างนั่งลงข้างกัน…ผ่านไปอีกหนึ่งมื้อที่กินข้าวด้วยกัน
“ดีมาก เดี๋ยวตรงนี้เปียโนเร่งจังหวะให้นิดนึงนะ อยากได้แบบลุ้นๆหน่อย มันช้าไปนิด”
ผู้กำกับโบกมือให้เริ่มเล่นเพลงอีกครั้ง ก่อนพระเอกนางเอกจะเดินมาเจอกันที่กลางเวที…ฉากแรกที่เจ้าชายปุ้นจะได้เจอเจ้าหญิงครั้งแรกที่ริมแม่น้ำ
การแสดงจากวันแรกๆที่เคยขัดเขินกันและกันตอนนี้เริ่มพลิ้วไหว น้ำเสียงการพูดมีจังหวะที่ดีขึ้น ทั้งสายตาและท่าทางจนเรียกได้ว่าพร้อมจะขึ้นแสดงจริงๆ
“คัท”
เท่านั้นล่ะ…เจ้าชายมาดสุขุมก็เดินเกาตูดลงเวทีไปหาเด็กแว่นติดเกมส์ที่นอนกดมือถือเจ้าชายอยู่ข้างเวทีแบบไม่สนใจการซ้อมอะไรทั้งนั้น
เป็นเอกเก็บโน้ตเพลงใส่แฟ้มหลังจากผู้กำกับประกาศพักครึ่งชั่วโมง ตอนนี้จิแทบจะไม่มายุ่งแล้วนอกจากมีเรื่องเสียงที่ต้องแก้
ขายาวพาตัวเองลงไปนั่งขัดสมาธิข้างๆแมทที่เปลี่ยนมานั่งดีๆแล้ว
“กินนี่ดิเอก อร่อย”
ปุ้นมองถุงขนมที่พึ่งส่งให้ไอ้แว่นที่แม่งรับแล้วส่งให้คนมาใหม่ซะงั้น แต่จะโวยวายก็เกรงใจหน้านิ่งๆที่อยากจะยืมไปตั้งที่บ้านจริงๆอย่างกับรูปปั้น
“ยากปะวะ เล่นเปียโน”
ชวนคุยเพราะแว่นไม่คุยด้วย
“ไม่”
“เล่นเป็นนานยังอ่ะ”
“นานแล้ว”
“หรอ…ชอบหรอ”
“อือ”
จบ… เกาหัวแกรกๆแล้วหยิบบุหรี่เดินไปสูบกับพวกวาดฉากข้างนอกหอประชุมแทน สู้ไม่ไหว…ไม่รู้ไอ้แว่นหาเรื่องไปคุยกับแม่งได้ไงทุกทีที่มาดูซ้อม
“พูดน้อยจังวะ”
“….”
แมทเงยหน้าขึ้นมามองยิ้มๆ
“ต้องพูดเยอะๆดิ”
“ทำไม..”
“เอ้อ… คนอื่นจะได้มาคุยด้วยเยอะๆ หลายคนเขาก็อยากรู้จัก จะได้มีเพื่อนเยอะๆไง จะได้ไม่เหงาเวลาไอ้หนึ่งติดเรียน ติดธุระไง”
กระพริบตาปริบๆ…
“จะใช้ชีวิตที่มีคนรักแค่คนเดียวมันเหงานะเว่ย หาคนมารักเยอะๆดีกว่า มีเพื่อนเยอะๆโคตรรสนุก แบบพวกวิศวะไง แบบไอ้หนึ่งไง รุ่นน้องรุ่นพี่เต็มไปหมด”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำถึงอยากให้เป็นเอกได้เปลี่ยนตัวเองบ้าง…เหมือนเด็กที่ไม่กล้าเดินไปไหน ดูชีวิตจะแห้งแล้งเกินไป
“สนุกหรอ”
“สนุกดิ มีเพื่อนทำเรื่องบ้าบอไปด้วยกัน ออกค่าย กินเหล้า ไปเที่ยว บางทีมิตรภาพแบบเพื่อนแม่งก็สนุกกว่าอยู่กับแฟนนะ”
โลกของเป็นเอกมีแต่เต็งหนึ่ง…จนมองภาพไม่ออกว่าสิ่งที่แมทพูดจะเป็นยังไง
“หรอ…”
ลังเล…ไม่แน่ใจ
“ลองดิ… ต้องพิสูจน์ว่ะของแบบนี้ ก็ลองทักคนอื่นก่อน แค่พูด…สวัสดี เป็นไงบ้าง โลกจะเปลี่ยนเลยเชื่อกู เริ่มที่ไอ้ปุ้นคนแรกเลยก็ได้”
อะไรบางอย่าง…ทำให้รู้สึกอย่างลอง
เมื่อปุ้นเดินกลับมาอีกครั้งเป็นเอกก็จ้องเขม็งหาโอกาสเหมาะๆที่จะลองพูด…แต่คงจ้องนานไปจนปุ้นรู้สึกแปลกๆ
“เอ่อ กูทำไรให้มึงไม่พอใจปะวะ”
“เปล่า”
“แล้วจ้องกูทำไม….”
ขนลุกสัส
“….สวัสดี”
“ห้ะ!!”
สะดุ้ง…คนที่เงียบเชียบเป่าสากยังดังกว่า มาซ้อมกี่ทีก็ไม่ทักไม่ทายใครพยักหน้าอย่างเดียวพูด …สวัสดี
“เป็นไงบ้าง…”
“เอ่อ… ก็ดีว่ะ ดีมากๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ….”
หัวเราะแข็งค้างไปเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆๆ พวกมึงแม่งตลกว่ะ ก๊ากกกก ทำดีมากเอก เห็นปะสนุกออก”
แมทตบไหล่เด็กลองของป้าบๆ ตลกที่หน้าเป็นเอกจริงจังกับหน้าไอ้ปุ้นที่หัวเราะได้แข็งทื่อมาก ก็นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เลิกซ้อมทุกคนก็ถึงกับงงเพราะเป็นเอกเดินไปสวัสดีพี่ผู้กำกับที่ยิ้มค้างไปเลยทีเดียวก่อนจะตบไหล่เป็นเอกป้าบๆ
“เอ้อออสวัสดีๆๆ ไปๆกลับดีๆ ฮ่าๆๆๆ ฝนตกปะวะ”
หนึ่งไม่ได้มารับเพราะติดเลี้ยงสายรหัสเลยนัดกันไปเจอที่ห้าง
บิ๊กไบท์คันใหญ่ขับออกมาช้าๆตามทางมหาลัยก่อนจะมุ่งสู่ถนนสายหลักไปสู่ห้างจุดหมายปลายทาง ห้างของตัวเองที่เต็งหนึ่งพาน้องไป
เลี้ยงที่ร้านตัวเอง
ตาคมมองเห็นร่างสูงโปร่งถือหมวกกันน็อคเดินเข้ามาก็รีบเดินออกไปรับ มองอีกฝ่ายที่ละอองฝนติดตัวเล็กน้อยเพราะฝนเริ่มตกปรอยๆก่อนจะเลี้ยวเข้าห้าง
“เปลี่ยนเสื้อมั้ย”
ผ้าเช็ดหน้าผืนเรียบหยิบออกมาเช็ดใบหน้าเนียนซีดที่เย็นเพราะอากาศ
“ไม่เป็นไร…”
“แน่นะ?”
“อื้อ”
ปัดกลุ่มผมหมาดชื้นเล็กน้อยให้น้ำที่เกาะมันกระเด็นออกไปบ้าง
“จะเข้าไปมั้ย”
พยักหน้า…ก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้าน
“ไปรู้จักสายกูหน่อยมั้ยล่ะ”
“ไม่เป็นไร…”
แค่ถูกมองมาก็รู้สึก…อายแล้ว ถ้าไปคงโดนแซวเหมือนกับที่ทุกวันนี้เวลาเดินผ่านวิศวะชอบโดนแซวอยู่เรื่อย ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย
“งั้นไปหาพี่ทัยก่อนก็ได้เนอะ? เดี๋ยวอีกแปปกูก็เสร็จแล้ว”
พยักหน้าก่อนเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเก้าอี้ตัวสูงเรียงกันอยู่ห้าตัว ส่วนเต็งหนึ่งเดินตามไปยืนข้างๆก่อนจะสั่งพนักงานแค่เค้กกับนมร้อน
“อย่ากินเย็นๆเลยเนอะตากฝนมา เอาอะไรอุ่นๆดีกว่า”
“แหม ดูแลดีตลอดเลยนะคะคุณหนึ่ง”
ฟ้า…พนักงานเก่าแก่ยิ้มแซว
“แหมอย่าแซวดิพี่ ฮ่าๆ งั้นคุยกับพี่ฟ้าไปก่อนผมไปดูสายก่อนละกัน”
“เค้กเพื่อนๆคุณหนึ่งพี่ห่อแยกกล่องให้แล้วนะคะ”
“เอามาเลยก็ได้ ผมถือไปเอง”
ฟ้ายื่นถุงเค้กที่แบ่งให้ตามออเดอร์ของแต่ละคนที่เต็งหนึ่งใจกว้างให้เอากลับได้ไม่เกินคนละสองชิ้น มากกว่านั้นคงโดนเจ๊ทัยบีบคอตายเพราะจะไม่มีเหลือให้ลูกค้า
“น่อวววแฟนมาคุมหรอเฮีย”
สายรหัสชายล้วนพากันชะโงกมองคนที่เป็นที่ลือเลื่องกันมาสักพัก ขาวออร่าพุ่งมาแต่ไกล
“ขนาดมองไกลๆแม่งหล่อสัสอ่ะ เฮียเป็นรุกหรือรับวะ”
“เสือก เอามั้ยเนี่ยเค้ก”
“แหม่…เค้กเลอบู ของดีติดอันดับเอเชีย เป็นบุญปากมากเลยเฮียขนาดไม่ชอบของหวานผมยังชอบแดกเลยว่ะ”
เลอบู…เบเกอร์รี่แบรนด์ดังติดอันดับของประเทศและภูมิภาคเอเชียโดยคุณธารธารา ชวนันท์ที่พึ่งโอนอำนาจการดูแลกิจการไปให้ลูกสาวคนโตดูแล.. หนึ่งฤทัย ลอเรนซ์ ..เรียนจบการทำเบเกอร์รี่จากฝรั่งเศสแถมยังได้แต่งงานกับเจ้าของสถาบันสอนทำขนมที่งฝรั่งเศส
“เออเจ๊กูใจดี แดกให้หมดล่ะพวกมึง”
ล่ำลาน้องเรียบร้อยก็กลับไปนั่งที่เคาน์เตอร์ข้างคนที่กินขนมเค้กหมดไปชิ้นที่สองและนมร้อนอีกหนึ่งแก้ว
“ละนี่เจ๊ทัยไปไหนเนี่ย เมื่อกี๊ยังอยู่เลย ปกติเอกมานี่มาลัลล๊าแล้ว”
“คุณทัยเดินไปธนาคารค่ะ เดี๋ยวก็คงมา”
“เอกอยู่รอเจอเจ๊ก่อนแล้วกันเนอะมึง”
พยักหน้า…ไม่ได้เจอนานแล้ว ผู้หญิงอีกคนที่สนิท
“เอกกก ว้ายยน้องรักของเจ๊กินอะไรยัง หนึ่งแกเลี้ยงเอกดีรึเปล่า หาข้าวให้กินทุกมื้อมั้ย”
สาวสวยผมดัดลอนสีน้ำตาลอ่อนในชุดเสื้อคอปตัวสั้นกางเกงขาสั้นเอวสูงโชว์เรียวขาขาวเนียนบนรองเท้าส้นสูงห้านิ้วเดินเข้ามาพร้อมผู้ชายฝรั่งเศสร่างใหญ่
“คนนะไม่ใช่แมว มันก็หากินได้เหอะ! นี่ผมน้องเจ๊นะเว่ย”
“ตัดออกจากกองมรดกไปนานแล้วย่ะ เค้กที่สั่งไปจ่ายตังด้วยไม่งั้นไม่ต้องเอาเอกกลับบ้าน เอกไปนอนบ้านเจ๊ดีกว่าเนอะคืนนี้”
สาวหุ่นตัวเอสเดินเข้าไปควงแขนคนหน้านิ่งที่เริ่มขำเบาๆ
“ไปกอดผัวเจ๊นู่น!”
“ทายย ยู นอกใจ อายยย ไม่ ด้าย น้า”
สำเนียงการพูดที่ไม่ชัดเรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงขึ้นอีกครั้ง
“มานั่งนี่”
ร่างซีดใต้บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงกับพื้นตรงหว่างขาเต็งหนึ่ง ตามตัวยังมีหยาดน้ำเกาะก่อนอีกฝ่ายจะดึงผ้าเช็ดตัวไปเช็ดผมให้ช้าๆ
“อย่าตากฝนอีกดิ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีก”
“อือ….”
หัวโยกไปตามจังหวะที่มือหนาเช็ดไปเรื่อยๆ
“ซ้อมเป็นไงบ้าง”
“ปกติ”
“ไอ้แมทไปปะ”
“ไป”
ก้มหน้าลงมองแล้วอดขำไม่ได้ เป็นเอก…เหมือนแมว พอจับๆลูบๆก็หลับตาเคลิ้มทีเดียว….นวดใบหูให้ก็ครางเบาๆ สบายจริงนะเจ้าแมวซีด
จุ้บ… อดไม่ได้ต้องก้มหน้าลงไปจุ้บปาก
ตาสวยลืมขึ้นมาหนึ่งข้าง ยักคิ้วกวนก่อนจะหลับต่อ
“อย่าอู้…”
“คร้าบๆ คุณชาย กระผมจะตั้งใจเช็ดให้อย่างดี”
“ดีมาก”
“หนอย…ได้ทีเอาใหญ่นะสัส”
บิดจมูกรั้นด้วยความหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะเบาๆก่อนจะเริ่มเช็ดผมให้เจ้าแมวหน้าฟินต่อ….หน้าตอนนี้ถ้าคนอื่นมาเห็นคงมองไม่เลิกแบบเขาแน่ๆ
สะกดตา…สะกดใจ…
“อ่ะเสร็จละ ดูหนังกัน”
นัดกันดูหนังที่เพิ่งซื้อมาใหม่ หนังแนวแฟนตาซีที่เป็นเอกชอบ…. ส่วนแนวฆาตกรรมฆ่าคนตาย เครื่องบินตก ไฮแจคทั้งหลาย….ไม่เคยได้เฉียดเข้าไปอยู่ในสายตาเป็นเอกมานานมากแล้ว
ร่างหนาใต้บ๊อกเซอร์ลายทางนอนเหยียดขาพิงหมอนอิงใบใหญ่ ในอ้อมแขนมีร่างซีดใต้บ๊อกเซอร์ลายจุดอิงแอบพร้อมถ้วยป๊อปคอร์นรสชีสในมือ
“อ้าม..”
อ้าปากรอให้อีกฝ่ายส่งมาให้
มือซีดหยิบป๊อปคอร์นจะส่งเข้าปาก แต่แล้วก็ลดมือลงใส่ปากตัวเอง
“กวนนะสัส มาเร็วๆ”
ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ จนโดนจูบจนน้ำใสไหลลงมาข้างแก้มเป็นการทำโทษถึงยอมป้อนดีๆ
เต็งหนึ่งยิ้มมุมปากมองคนหน้าแดงใต้แสงไฟสลัว….
หนังดำเนินไปตามเรื่องของมันจนกระทั่งโทรศัพท์ข้างตัวส่งสัญญาณแจ้งเตือนข้อความเข้า…เต็งหนึ่งหยิบมาดูแววตารื่นรมย์ก็เปลี่ยนไปทันที…
โทรศัพท์เป็นเอกแสดงข้อความ ‘เอก….ทำไมฆ่าพ่อตัวเองล่ะ? คิดว่าไม่มีใครรู้หรอ’
ฟันกรามขบแน่นไม่รู้ตัวก่อนจะกดเชคก็ไม่ปรากฏหมายเลขที่ส่งข้อความมาจึงปิดโทรศัพท์…ต้องเปลี่ยนเบอร์ คืนนี้จะต้องหักซิมเบอร์นี้ทิ้งไปซะ
อ้อมแขนแกร่งกอดร่างขาวซีดแน่นจนคนโดนกอดรู้สึกแปลกๆ
“หนึ่ง…”
“หนาว อยากกอด”
พยายามยิ้มเหมือนไม่มีอะไร…ถ้าเป็นปกติอีกฝ่ายคงสังเกตเห็นแล้ว แต่เพราะแสงไฟสลัวเป็นเอกเลยแค่ยิ้มจางๆกระชับอ้อมกอดตอบกลับแน่นๆ
“ตัวออกจะอุ่น…”
“สบายมั้ยล่ะ หือ”
“อื้อ…”
กอดเต็งหนึ่ง…สบายที่สุด
================================================
ปล. ขอบคุณแฮชแทก #เพราะเป็นเอก ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ กำลังใจมาเต็ม 5555555 ในเฟสก็เห็นอยุ่นิดๆ รักนะจุ้บๆ