ตอนที่ 18
เพราะไม่อยากให้เอกกังวลเลยบอกแค่แพ้อาหารทำให้เหมือนคนกินเหล้าจนเมา ทั้งๆที่ไม่แพ้อะไรเลยจนเจ้าตัวหลุดปากว่าได้ลูกอมมาคงจะเป็นส่วนผสมสักตัว หลอกถามไปจนเล่าให้ฟังว่าใครเอามาให้ …. ที่ไหน ยังไง ตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการจนได้ข้อมูลครบ ตัวอัดเสียงที่วางไว้บนโต๊ะนทีก็หยิบออกไปให้เจ้าหน้าที่
แล้วก็ออกจากโรงพยาบาลมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมในความคิดของเป็นเอก…
ชิพติดตามตัวถูกติดไว้ในเคสโทรศัพท์พร้อมเบอร์ใหม่ที่จะถูกโอนทุกข้อความไปที่เจ้าหน้าที่ก่อนจะสกรีนว่าปลอดภัย ถ้ามีการโทรเข้าโทรออกก็จะบันทึกเสียงไว้ ไอเดียของธารธารา…
‘พ่อทำกับผมแบบนี้ปะเนี่ย? โคตรโหด’
‘มึงไม่น่าสนใจขนาดนั้นหรอกลูกรัก’
“ส่วนบริหารนี่แม่งโคตรหรูเลยว่ะ”
นทีเดาะลิ้นไปมามองกำแพงที่ติดวอลเปเปอร์อย่างหรู ต่างจากเต็งหนึ่งที่จ้องเขม็งไปที่ประตูไม้บานใหญ่ติดป้าย…”รองกรรมการบริหาร”
“เฮ้ยใจเย็นพี่มึง ไอ้เอกยังไม่ตายหรอกน่า แค่สิบนาทีเองเนี่ย”
เดาะลิ้นไปมามองคนเครียดขำๆ เกือบสามสิบนาทีร่างสูงขายาวก็เดินออกมาในที่สุดพร้อมชายวัยกลางคนในชุดสูททำงาน เอกรินทร์ นฤนาฏ
“สวัสดีครับอา”
“อ้าวหนึ่ง ไม่เจอนานเลยสบายดีนะลูก?”
“สบายดีครับอา อาล่ะครับ”
“ก็ดีตามประสาคนแก่ล่ะลูก ถ้ารู้ว่ามาด้วยกันนี่จะให้เข้าไปด้วย คราวหลังไม่ต้องเกรงใจล่ะ เอกอย่าลืมเล่าให้พี่เขาฟังด้วยเรื่องที่อาพูด เอ้ออีกเรื่อง ขอบใจหนึ่งมากที่ช่วยเอกดูพวกเอกสาร”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แล้วนั่นใครล่ะ”
“ผมชื่อนทีครับ เพื่อนเป็นเอก”
“ไว้เล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังบ้างสิเอก เรานี่ไม่ค่อยพูดเลยนะ ฝากดูน้องด้วยนะหนึ่ง อาก็ไม่ค่อยมีเวลามาเคลียร์งานที่ไทยเลย บินมาก็เพราะรู้
ว่าหลานป่วยนี่แหละ เฮ้อ…ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“แล้วอากลับวันไหนหรอครับ”
เอกรินทร์หัวเราะเบาๆพร้อมรอยยิ้ม
“คราวนี้คงอยู่นาน อีกสามเดือนเอกจะรับตำแหน่งประธานบริหารแล้ว ฉุกลหุกไปหน่อยแต่อาจะเทรนด์งานให้เอง รอเคลียร์เรื่องรับตำแหน่งอาก็กลับไปประจำสาขาที่เดนมาร์กเหมือนเดิม”
เต็งหนึ่งยิ้มรับแต่ไม่นิ่งนอนใจแม้จะรู้ว่าเอกรินทร์คือหัวแรงใหญ่อีกหนึ่งคนของตระกูลนฤนาฏ มีอำนาจเป็นรองแค่คุณเอกอัครา อาจเป็นคนนี้ก็ได้ที่ฆ่าพี่ชายตัวเอง
“ไว้วันไหนว่างมากินข้าวกันนะลูก เอกดูแลตัวเองด้วยอย่าป่วยบ่อยๆเข้าใจมั้ย อาเป็นห่วง”
“ครับ”
“งั้นอาทำงานก่อนนะ กลับดีๆล่ะ หนึ่งด้วยนะ นทีด้วย”
“สวัสดีครับ”
สามหนุ่มยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาจากอาคารบริหารเดินเข้าห้างไปหาอะไรกิน
“อารินเรียกมาคุยไรวะ?”
“ฝึกงาน”
“อ่อ…ก็นะ มึงจะ 20 แล้วก็ต้องเรียนรู้งานแล้วนี่หว่า เหมือนตอนพี่ทัยแหละ ฝึกงานไปด้วยเรียนไปด้วย”
พยักหน้าก่อนจะคีบเนื้อใส่ถ้วยเต็งหนึ่งจนพูนแล้วถึงเริ่มกินของตัวเอง
นทีมองคนหน้าดุกินช้า กับคนหน้านิ่งกินเร็ว….ดูไปๆเรื่องใหญ่ๆเป็นเต็งหนึ่งที่ดูแลเป็นเอก ส่วนเรื่องยิบย่อยเป็นเอกเป็นคนดูแลเต็งหนึ่ง
เดี๋ยวเดินๆก็จัดปกเสื้อให้ ก่อนเข้าร้านมาก็แวะซื้อปากกาเพราะเต็งหนึ่งทำปากกาหาย…. เป็นเอกเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด
กับเพื่อนด้วยกันเอกก็เป็นคนใส่ใจแม้จะไม่ค่อยพูด….คนละเอียดขนาดนี้จะไม่รู้จริงๆหรอวะว่าตัวเองกำลังเป็นเป้านิ่ง?
“กินดิ”
สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเป็นเอกคีบเนื้อย่างใส่ถ้วยให้
“อื้อ แต๊งกิ้ว”
คงคิดเยอะไปเอง…ชีวิตจริงไม่ใช่สายลับแผนซ่อนแผนซะหน่อย
“ดีมากทุกคน ซ้อมดีมาก เอาล่ะพี่จะหยุดหนึ่งอาทิตย์ให้คณะที่สอบกลางภาคก่อนวันงาน พวกที่สอบหลังงานก็อ่านหนังสือไปด้วยก็ได้”
“เชรด มาคุยเรื่องอ่านสือสอบตัวพี่อ่านหรอวะ!!”
พวกศิลปกรรมทำฉากโห่แซวมา….ก็ได้นิ้วกลางไป
“แต่ว่าวันสุดท้ายซ้อมใหญ่ ต้องอยู่กันยาวๆนะโว้ย บัตรขายหมด ขายดีมาก ขอบใจแฟนเพจของเป็นเอกด้วยนะ พลังแฟนคลับเยอะจริงๆ
แค่ให้โปรโมทให้ขนาดไม่ใด้แสดงแค่เล่นเปียโน”
คนถูกขอบคุณเลิกคิ้วงง ไม่เข้าใจเรื่องแฟนคลับแม้แต่นิดเดียว
“แฟนคลับ?”
“เอ้า ไม่ลองไปเปิดเฟสบุ๊คดูบ้าง มีเป็นร้อยเพจแล้วมั้ง ยิ่งเพจเฟิร์สเลิฟไรนั่นอัพเดทยิ่งกว่า CNN”
กุมขมับ…
“เอาล่ะ แยกย้ายได้”
“สวัสดีครับ”
ตอนนี้บางคนก็เริ่มชินที่จะถูกคนหน้านิ่งสวัสดีหรือถามว่า ‘เป็นไงบ้าง’ บางคนชินไวหน่อยก็เริ่มชวนคุยแม้จะได้คำตอบสั้นๆแต่ก็ถือว่าเป็นเอกน่าคบค้าสมาคมมากขึ้น ส่วนคนไม่ชินก็ยังยิ้มเก้อๆ แต่คนชินไวสุดคงจะเป็นปุ้น..
“เฮ้ยเอก แดกเหล้ากันคืนนี้”
“อ่านหนังสือ”
“เฮ้ยไรวะ ไว้ค่อยอ่าน กินเหล้ากับพวกกูก่อน ให้เกียรติศิลปกรรมได้ชนแก้วกับคนดังจากรัฐศาสตร์หน่อยเด้”
เสียงเฮดังมาจากพวกศิลปกรรมวาดฉากที่กำลังเก็บสี ตอนนี้ฉากเสร็จแล้วเหลือแค่ประกอบ
“….”
“ไม่ตอบแปลว่าตกลง เดี๋ยวกูโทรบอกแมทให้มันบอกเต็งหนึ่งให้ พวกนี้แม่งก็คงปั่นฟอมูล่ากันถึงชาติหน้านั่นแหละ”
ยักคิ้วกวนแล้วยิบมือถือมากดโทร
“โหลแว่น กูจะไปกินเหล้านะคืนนี้ ฝากบอกเพื่อนมึงด้วยว่าเอกจะไปด้วย เออมันรับปากจะไปแล้ว มึงเสร็จก็ตามมาดิ ก็กินแถวมอนี่
แหละ….หาอะไรนะ เออๆ เฮ้ยเอก แฟนมึงคุยด้วย”
รับโทรศัพท์มา
“อือ”
“จะไปกินเหล้าหรอ ชวนนทีไปด้วยสิ”
“นทีไม่กิน”
“เออน่า ไม่อยากให้ไปคนเดียว เดี๋ยวกูตามไป”
“….”
“กูเป็นห่วง โอเค๊?”
‘เฮ้ยหนึ่งมึงมาดูตรงนี้หน่อยดิ๊’
“เออๆ รอแปป เอาเป็นว่าตามนี้นะเอก อย่าทำให้กูกังวล โทรหานทีแล้วเดี๋ยวกูเสร็จแล้วตามไป”
“อื้อ”
วางสายแล้วส่งคืน
“งั้นไปกัน สี่ทุ่มพอดี ช่วงเวลาเหมาะสมมาก แต่มึงมีเสื้อเปลี่ยนปะ ใส่เสื้อนักศึกษาแล้วแม่งไม่ค่อยดีว่ะ”
ส่ายหัว
“เฮ้ยไอ้เป้ มึงจะกลับห้องก่อนใช่ปะ เอาเสื้อมาให้เอกยืมตัวนึง เดี๋ยวกูไปรอหน้าร้าน”
“เชเบ”
เป้ตะโกนกลับมาก่อนจะพากันแยกย้าย เด็กศิลปกรรมไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อ….เพราะไม่ใส่เสื้อนักศึกษามาเรียนกันสักคน
‘ ขอบโลก ’
ร้านเหล้าที่อยู่คนละฟากกับที่พวกวิศวะชอบไป โทนสีร้านเป็นสีน้ำเงินขาว คนในร้านดูก็รู้ว่ามีแต่พวกติสท์แตก เดินตามกลุ่มศิลปกรรม
เข้าไปก็มีแต่คนรู้จัก ชาวติสท์หลายคนก็ยังนั่งวาดๆเขียนๆแม้ไฟร้านจะสลัว
“เป็นเอกกกกกกกกกกก”
กลุ่มสาวแต่งตัวแหวกแนวโบกมือหยอยๆให้…
“โถอีพวกนี้ วันๆสนใจไรบ้างนอกจากเรื่องสี เสือกกระแดะรู้จักผู้ชายคณะอื่นด้วยหรอ ห้ะอีชุ๊”
“ปุ้นมึงเงียบ!!! เอาดอกไม้ของกูมานั่งกับกูเดี๋ยวนี้ กริ๊ดได้เห็นใกล้ๆเป็นบุญตา”
ผู้หญิงผมสั้นเหนือติ่งหูหน้าม้าเต่อในชุดเอี๊ยมเดินเข้ามากอดแขนเป็นเอก
“สวัสดีเราชื่อชุ๊ พวกเราชอบนายมาก อยากได้มาเป็นแบบจัง”
ดวงตาเพ้อฝัน….
“…”
กลืนน้ำลาย….ไม่เคยมีใครทำตัวสนิทแบบนี้
“ถ้าถอดออกทั้งตัว…แล้วสาดสี…”
ผู้หญิงอีกคนที่ผมยาวมาก แต่หน้านิ่งเดินเข้ามามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พวกมึงตลกกกกกกกกกกกกกกกกก”
อีกหนึ่งสาวหัวเราะลั่นมาจากโต๊ะ
“พอๆพวกมึง เลิกยุ่งเพื่อนกู ไป๊ๆ กลับโต๊ะไปไอ้พวกสัมภเวสี เมาปะเนี่ย”
“เบื่ออีปุ้นเมื่อไหร่มาโต๊ะหญิงชุ๊นะคะท่านพี่ จุ้บ กริ๊ดดด ได้หอมด้วยอ้ะ”
เป็นเอกนิ่งค้าง….แก้มยังรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่น
“เอก มึง…เอ่อ โทษทีเพื่อนๆกูก็เพี้ยนแบบนี้แหละ แต่พวกมันเอ่อ นิสัยดีนะ ไปๆ กูเลี้ยงเหล้าย้อมใจ …”
ตบไหล่คนนิ่งค้างปั่กๆก่อนลากไปนั่งด้วยกัน ไม่นานนทีก็ตามมา
“เชรด นี่มันร้านเด็กติสท์หรอวะ”
“กินไรนที?”
“เอาเลยมึงกูไม่กิน กูต้องต่อยมวย พวกเหล้านี่ไม่ได้เลยว่ะ ส่วนไอ้เอกมันเน้นเพียว”
“เพียวเนี่ยนะ? หน้าไม่ให้เลยว่ะ”
ปุ้นทำหน้าไม่เชื่อ
“แต่เหล้าที่มันกินไม่ใช่เบลนที่มึงกินหรอกเพื่อน ไอ้นี่เหล้านอก รสชาติมันคงดีกว่าใช่มั้ยมึง?”
กลอกตาก่อนจะหยิบน้ำแข็งโซดามาชงเอง ….ถึงจะชอบเหล้านอกแต่มาแบบนี้ก็กินได้หมด
“ฮ่าๆ เอาเรื่องเว่ย ชงซะแรง คอแข็งหรอวะเอก”
พยักหน้า
“เฮ้ย เหมือนถูกท้าเลยว่ะ มาๆดวลกับกูว่าใครจะเหมาก่อน พวกกูศิลปกรรมแดกเหล้าขาว เหล้าต้ม เหล้าเถื่อนมาหมดละ มาดูดิ๊คอเหล้า
นอกกับคอเหล้าบ้านๆใครจะแข็งกว่ากัน”
“เดี๋ยวพี่มึงก็มาฆ่ามึงหรอกปุ้น”
นทีหัวเราะแต่ตาวาววิบวับ
“เออน่า ขอมาแล้ว เมาก็ดีดิ กลับไปก็ให้เฮียมันจัดสักดอกสองดอกใช่ปะเอก ….เฮ้ยปาน้ำแข็งใส่กูหรอวะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้เอกอารมณ์เสีย
เป็นด้วยว่ะ ก๊าก เชี่ย กูเย็นเลิกปา”
รอยยิ้มจางๆแตะมุมปาก…รอยยิ้มที่ไม่ค่อยให้ใครนอกจากคนสนิท
เป็นเอก…ได้เพื่อนสนิทชื่อ ‘ปุ้น’ เพิ่มอีกคน
“ทำไมชื่อปุ้น”
นทีเดาะลิ้นถาม
“จริงๆกูไม่ได้ชื่อปุ้น แต่แบบไงวะ จิตกรรมอ่ะมึง เข้ามาก็ให้ฉายากัน อยากเพื่อนกูที่โม้น้ำลายฝอยอยู่นั่นก็จริงๆชื่อบอล แต่สายมัน
พ.พาน มาตลอดเลยได้ชื่อ พุ๊ก ส่วนสายกู ป.ปลา กูเลยต้องเป็นปุ้น หน้าแบบกูเหมือนคนหน้าชื่อปุ้นรึไงวะ”
หน้าคมไปทางฝรั่ง…ถึงตาจะสีดำ แต่ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้ม
“แล้วชื่ออะไร?”
“น่อว น้องเอกอยากรู้ชื่อพี่ปุ้นหรอครับ เอ…บอกดีมั้ยน้า …เชี่ยหยุดปาน้ำแข็ง มันเปลือง!!!”
“กูรวย”
“น่อว มีตบมุก เดี๋ยวนี้มึงพูดมากว่ะเอก ฮ่าๆ”
นทีหัวเราะผสมโรงไปด้วย
“มาๆกูบอกก็ได้ จริงๆกูชื่อ ชาร์ลเลอ ดิวองเช่ สปาเก้ ติ๊ดติ๊ด ที่สองแห่ง ปาริชิเย่”
“….”
“….”
“เชี่ยพวกมึงเลิกปาน้ำแข็งใส่กู!!!!”
“เล่นไรกันวะเนี่ย”
“แมททท เพื่อนมึงแกล้งกู มาจัดการเลย”
ไอ้โย่งขี้ฟ้องกอดหมับที่เอวแมท
“เอก…กินกี่แก้วแล้ววะน่ะ”
นทีมองอีกคู่ที่เริ่มงุ้งงิ้งกัน ทางนี้ก็คู่รักเด็กน้อย ทางนั้นก็คู่จิ้นมหาลัย….แล้วคู่กูไปไหน?
ปล่อยเพื่อนสี่คนไว้ด้วยกันแล้วเดินมานอกร้านหยิบมือถือกดโทรออก
“…ท โทรมา ทำไม”
เสียงตะกุกตะกัก
“ทำไร อ้ำๆอึ้งๆ ห้ะ? พูดชัดๆดิ๊”
“อะไรเล่า!”
“อยู่ไหน”
“พึ่งเลิกงาน”
“หรอ”
“อือ”
“….”
“มีไรล่ะ”
“ไม่มี โทรหาไม่ได้หรอ?”
“ก็ไม่ได้ว่าไร”
เสียงงุ้งงิ้ง….หึหึ
“หิวข้าวว่ะ”
“ก็ไปกินดิ บอกไม…”
“กินไรดีล่ะ”
“ก็เลือกเองดิ… ถามทำไม”
“ก็จะไปกินด้วยกัน ก็ต้องช่วยกันเลือกดิ”
“….”
“ไม่ไปก็ได้นะ จะได้ไปชวนคนอื่น”
“ไป!!! ที่ไหน!!!”
“…..เสียงดังทำไม กลัวไม่ได้กินหรอ”
“อ่ะ…ไอ้บ้า”
“หึหึ กลับถึงหอละโทรมาแล้วกัน เดี๋ยวไปรับ”
====================================
เป็นเอกเริ่มมีสังคมแล้วนะคะ <3 อาหมายเลข 1 โผล่มาละ อิอิ