เพิ่มเติม ตอน 7
Proton : ไปดูหนังกันไหม
ผมกดเข้าไปอ่านวนไปวนมาหลายรอบ ก่อนจะสรุปได้ว่า...ไม่กูก็มันนี่แหละ ใครสักคนต้องเมาอยู่
'ห๊า'ผมพิมพ์ไปอย่างงๆ
ก็มันไปบ้านคุณย่า ซึ่งถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะอยู่ต่างจังหวัดนี่หว่า แล้วต่อให้ไปถึงแล้วขับรถกลับมาเลยก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้หรอก
Proton : ไอ้สัด
Proton : ผิดคน
ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไหร่
'ก็ว่าอยู่'ผมพิมพ์กลับไป
'แล้วไปดูกับกิ๊กง่ะ'ถ้าแม่งตอบว่าใช่ กูงี้มีหน้าสั่น
Proton : ไปกับโบนัสโบชัวร์
อาจสงสัยว่าโบนัสกับโบชัวร์เป็นใคร ถ้านับตามสายเลือดก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้โปรหรอก แต่ถ้านับตามความรู้สึกนังมนุษย์แฟนเก่า ก็ถือว่าเป็นน้องชายตัวแสบสุดที่รักของมัน
เมื่อก่อนตอนคบกันผมก็เคยงี่เง่านะ แบบเด็กสองตัวนั่นก็เป็นแค่ลูกของพี่สาวหม่าหม้ามันปะวะ ทำไมต้องมีกำหนดวันว่าภายในหนึ่งเดือนจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งวันที่มันพาน้องไปเที่ยว ก็นะ ตอนนั้นมันอารมณ์เด็กวัยรุ่นเห่อฮมอยอยู่ไง ติดแฟน อยากอยู่กับแฟนตลอด แต่ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปแล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าดีขึ้นอะไรนะ... กูหมายถึงเปลี่ยนไปทางที่เลวลง
...อิจฉาโว้ย...
'ไปวันไหนอ่ะ'ได้แต่เก็บซ้อนความริษยาไว้เบื้องลึกของจิตใจ เพราะชีวิตจริงทำห่าอะไรไม่ได้ไง
Proton : เสาร์หน้า
เท่ากับแม่งไม่ได้เจอสองอาทิตย์ซ้อน เพราะวันอาทิตย์เป็นวันเคลียร์งาน ผมไม่ออกจากบ้านอยู่แล้ว และจะให้มามันหาผมถึงบ้านนั่นยิ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ใหญ่ เพราะวันอาทิตย์ก็เป็นวันทำกิจกรรมหรรษาของมนุษย์แฟนเก่าเหมือนกัน คิดๆแล้วเศร้า...ทำไมชีวิตรักกูมันรันทดจัง
'ออๆ'
'แล้วนี่ถึงบ้านคุณย่ายังอ่ะ'ก็รู้นะว่าเวลาป่านฉะนี้มนุษย์แฟนเก่ามันคงจะไปถึงเป็นชาติแล้ว แต่คือยากคุยไง แต่ก็ไม่รู้จะคุยห่าไรอยู่ดี
Proton : จากบ้านกูไปบ้านคุณย่าประมาณสามชั่วโมง กูออกจากบ้านตั้งแต่6โมง ตอนนี้จะบ่ายล่ะ
Proton : มึงคิดว่าถึงยัง?
ไม่เหน็บแนมกูสักวันนี่มึงคงจะนอนไม่หลับมั้ง แล้วก็กูนี่อีกคน ไม่โดนมันจิกกัดสักวันจะกินข้าวไม่ลงหรือยังไง!
'ยัง'คิดว่ามึงกวนตีนเป็นคนเดียวหรือไง
Proton : กวนตีน?
'เออ เรากวนตีน'
'แต่โปรอ่ะกวนจายยยย'
'ฮิ้ววว'เล่นเองชงเองก็ได้วะ
Proton : เก็บมุขนี้ไว้เล่นกับพ่อมึงเหอะ
ใจจริงนี่อยากจะรัวนิ้วพิมพ์ไปว่า 'ไม่อยากเล่นกับพ่อ อยากเล่นกะผัว' แต่ลุคเรามันเป็นคนใสๆไง(ตรงไหนของกูวะ) เลยกลัวจะแรงไป กลัวมันจะหาว่าแรดหรือเปล่า
นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มกับความอัปรีย์ในสมองได้ไม่นาน คุณแม่ที่ตอนนี้สนทนาจนฉ่ำอุราแล้วก็เดินมาลูบหัวผม ก่อนจะยิ้มให้
"แม่จะกลับแล้วนะครับ"
"เดี๋ยวซีขับรถไปส่ง แม่รอเดี๋ยวนะ ซีเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตแบทก่อน"ผมมองแบตโทรศัพท์ที่เหลือยี่สิบห้าเปอร์เซ็นอีกครั้ง
"ครับลูก"ผมมองตามหลังแม่เดินออกไปทางห้องรับแขก ก่อนที่จะหันมาสนใจหน้าจออีกครั้ง
'จะเล่นกับโปรนี่แหละ อิอิิ'
'เดี๋ยวเราไปส่งแม่ก่อน'
'กลับมาบ้านแล้วจะทักไปนะ'กดล็อกโทรศัพท์เรียบร้อย ผมก็รีบวิ่งเอาโทรศัพท์ไปชาร์จแบตบนห้องนอน
เดินลงมาชั้นล่าง ผมเห็นแม่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนมนุษย์พ่อที่คอสเพลย์เป็นเสี่ยติดนักร้องคาเฟ่ ที่เมื่อกี้ยังแอบด้อมๆมองๆอยู่หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ผมขับรถมาส่งแม่ที่บ้าน นั่งคุยกับแม่สักพัก ผมก็ปล่อยให้แม่ได้พักผ่อน ขับรถวนไปดูหลังคาบ้านมนุษย์แฟนเก่าอีกครั้งให้กระชุมกระชวยหัวใจ แต่พอเห็นแล้วแทนที่จะรู้สึกดีขึ้นกลับรู้สึกหดหู่หนักไปกว่าเดิม
ทั้งที่คิดนู้นคิดนี่ไว้มากมาย แต่ก็ต้องมาผิดหวัง เห็นผมเพี้ยนๆ แต่จริงๆผมแม่งคิดมากคิดเล็กคิดน้อยน้อย แต่ก็เพราะผมเป็นแบบนี้ไง ผมเลยไม่ค่อยอยากจะหวังกับอะไร เพราะพอผิดจากที่หวังหวังแล้วมันเจ็บแปลบๆยังไงก็ไม่รู้ ทั้งเรื่องพ่อ เรื่องแม่ เรื่องเรียน
...แล้วนี่กูจะดึงดราม่าทำไม...
ว่างๆแบบนี้หน่องซีอยากจะดริ้งกิ้งเสียจริง แต่จะเสพแอลกอฮอล์แต่หัววันแบบนี้ชีวิตกูก็จะดูลำยองจนเกินไป ดังนั้นขับรถไปร้านพี่เดชแล้วสั่งชาดำเย็นมาจิบแกล้มกับยำมาม่าฆ่าเวลาดีกว่า
ขับรถมาจอดทิ้งไว้ใต้ร่มไม้แถวข้างม.เสร็จ ผมก็เดินแบบหล่อๆมาหลบร้อนในร้านพี่เดช สั่งยำมาม่าไข่ดาวกับชาดำเย็นเสร็จผมก็เดินมาหาโต๊ะนั่ง แต่ในขะที่ผมสอดส่ายสายตาไปทั่วนั้น ผมก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังของมนุษย์เพศผู้ตนนึง ที่กำลังนั่งห่อไหล่ก้มหน้าดูดคาราเมลนมสดอย่างขี้เกียจ
"แฮ่!"ผมย่องเข้าไป ก่อนจะสอดมือกระทุ้งรักแร้คนที่เหม่ออย่างไว
"เฮ้ย! เหี้ย!"คนเหม่อสะดุ้งสุดตัว "โอ้ย ไอ้ห่าซี"ผมหัวเราะอย่างเริงร่า ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมนุษย์เพื่อนร่วมคณะ
"ไม่มาคนเดียววะ"ผมถาม
'มังกร' เพื่อนร่วมคณะที่มักจะเจอกันทุกครั้งที่มีกิจกรรม เห็นกระโหลกกะลาแบบนี้ พี่ก็เด็กกิจกรรมนะเว่ย บอกเลย กีฬามหาลัยเนี่ย พี่ถือป้ายคณะมาสองปีซ้อนแล้วนะครับ คือไอ้ถือป้ายนี่ก็เข้าใจนะว่าช่วงนั้นเบ้าหน้าผมมันก็พอเป็นหน้าเป็นตาให้คณะได้ แต่ว่าสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ปกติถ้าจะเอาป้ายที่ต้องถือคู่ออกมาใช้ มันก็ต้องถือแบบชายหญิงปะวะ แล้วทำไมกูต้องถือคู่กะผู้ชายด้วยวะ!
พูดมาขนาดนี้ก็พอจะรู้แล้วใช่ไหมว่าไอ้ผู้ชายที่ผมต้องบากหน้าถือป้ายคณะคู่กับมันมาตลอดสองปีนี่เป็นใคร ก็ไอ้เชี่ยที่นั่งตาลอยเหมือนคนพี้เนื้อไปสามหลุมนี่ไง!
ส่วนสาเหตุที่เขาเลือกผมกับมันนะหรอ พี่ๆเขาบอกมาแค่ว่า ผมกับมันหน้าคล้ายกัน ดูเหมือนฝาแฝด ดูน่ารักกรุบกริบ คือเมื่อก่อนก็ยอมรับนะว่าเขามาปีหนึ่งนี่โคตรจะเหมือนกัน เพราะนอกจากโครงหน้าผมกับมันคล้ายกันไม่พอ สีผม ทรงผม น้ำหนัก ส่วนสูงยังเหมือนกันอีก เห็นมันครั้งแรกผมยังแอบไปถามพ่อเลยว่าแอบไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่า... คิดดูว่าเหมือนขนาดไหน
แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องห่วงแล้วครับ โตมาเราก็เริ่มแตกต่าง ไอ้กรก็ยังเหมือนๆเดิม ต่างจากผมที่มาไกลพอสมควร แต่อย่าคิดว่ามาไกลในทางทีดี มันก็เหมือนกับดักแด้เด็กน้อยที่เกิดมาหน้าเหมือนๆกัน แต่ต่างกันที่กูพัฒนาไปเป็นอาซิ้มขายน้ำเต้าหู้ ในขณะที่ไอ้กรเสือกได้อัเลเวลเป็นลีดาเฮ เอาจริงๆเลยนะ ส่องกระจกทุกวันนี่คือช้ำใจสุดจะทน คือหน้ากูล้ำอายุมาก จนแบบถ้าน้ำป้าเจี๊ยบแม่งพูดได้ คงตะโกนอัดหน้าผมว่า 'กูรั้งเซลล์เหง้าหน้ามึงไม่ไหวแล้วโว้ย'
ถ้าถามว่าทำไมผ่านมาหลายตอนผมไม่เคยกล่าวอ้างหรือทักทายมันเลย คำตอบคือ กูเรียนคนละเซคกันครับ ส่วนวิชาที่เรียนด้วยกันก็อย่าอยู่ใกล้กันเลยเถอะ เพื่อนกับเพื่อนมันไม่ถูกกัน อยู่ใกล้กันนี่ราวกับพสุธาจะพังพินาศด่าทอเหน็บแหนมว่าแดกกันจนผมปวดประสาท จะว่าไป ผมกับมันนี่ก็เหมือนโรมิโอกับจูเลียตเหมือนกันนะ จะคุยกันแต่ละที กูก็ต้องไปหลบๆซ่อนๆ ตามมุมตึกงี้ ซุ้มโค้กงี้ ซอกหินงี้ บอกเลยได้อารมณ์หนีเมียหลวงมาเจอเมียน้อยโคตรๆ
"เพื่อนมึงทวีตด่าเพื่อนกูอีกแล้วนะ"ไอ้กรว่ายิ้มๆ
"จีจี้อ่ะนะ"มีอินี่เท่านั้นแหละที่ชอบจุดประเด็น
"อือ"มันพยักหน้าเบื่อๆ "แต่ตอนนี้เพื่อนกูก็ทวีตด่ากลับแล้วล่ะ ด่ากันไปด่ากันมาอยู่เนี่ย...ดุเด็ดเผ็ดมันส์ยิ่งกว่ามวยลุมพินีอีกสัตว์"ประโยคสุดท้ายมันพึมพำของมันอยู่คนเดียว
"แล้วไมวันนี้อยู่คนเดียววะ"ผมถามอย่างสงสัย เพราะเวลาไอ้กรมันจะมูฟตัวไปไหนก็มักมีเมทมันไปด้วย
"ไอ้ซุปมันกลับบ้านแสนสุขของมันว่ะ แล้วมึงเหอะ มาทำมินิโปรเจ็กต์หรอวะ เห็นอาทิตย์ก่อนมึงวิ่งวุ่นทั่วโรงอาหาร ยังไม่เสร็จอีกหรอ"
"เปล่าๆ"ผมส่ายหน้าริกๆ "กูมาส่งแม่ แล้วเบื่อๆ ก็เลยมาหาไรแดกนี่แหละ"พูดจบ ยำมาม่าที่ผมสั่งไปก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะพอดี
นั่งคุยสรรพเพเหระเรื่องบอล เรื่องอะนิเมะไปเรื่อยเปื่อยจนยำมาม่ากับชาดำเย็นหมดเกลี้ยง ผมกับแฝดคนละพ่อละแม่ก็เคลื่อนกายหยาบมาสิงสู่อยู่ที่หอมัน ส่วนสาเหตุที่ผมมาสิงห้องมันก็แค่ ไอ้กรมันเป็นพวกเสพติดการสนทนา คือแม่งสามารถพูดได้ไม่จบไม่สิ้น คืออยู่กับมันก็เพลินดี เหมือนมีคนเอาส้นตีนไปขูดสังกระสีเป็นจังหวะจะโคนเพื่อกล่อมกูนอน
และเพราะมันพูดมากนี่แหละ เลยทำให้ไอ้กรมันเป็นพวกที่เวลาอยู่คนเดียวแล้วแม่งจะฟุ้งซ่าน ผมยังจำตอนเป็นประสานยูแล้วต้องนอนห้องเดียวกับมันได้ คือผมก็ฟังมันพูดจนหลับไปไง รู้ตัวอีกทีสารร่างก็ปกคลุมด้วยความมืด หันซ้ายหันขวาก็ไปสบกับเงาลางๆหน้ากระจก พร้อมกับพำเบาๆึมพำที่ช่วยเพิ่มอัตราความขนลุกขึ้นไปอีกยี่สิบแปดเท่า
จำได้ว่าตอนนั้นไอ้ผมก็ได้แต่นอนสั่นๆจนหว่างขานี่ชื้นแฉะ พยายามจะเพ่งดูให้ชัดว่าผีไม่ผี แต่พอเพ่งดูดีๆอีกที กูนี่แทบกรีดร้อง... ไอ้เชี่ยกร! มึงไปนั่งมืดๆคุยกับกระจกทำมาย!!
...บอกเลย...
...วันนั้นกูนี่ฉี่แทบราดจ้า...
เนื่องจากวันนี้ไอ้กรมันเช่าการ์ตูนมาอ่าน มันเลยไม่ว่างสนทนาอะไรกับผมทั้งสิ้น จนผมนั้นก็ได้แต่นอนมองเพดานตาปริบๆ จะอ่านการ์ตูนก็ขี้เกียจ ดูทีวีก็เบื่อ แต่ครั้นจะให้พับแบงค์กับกดกุญแจรถเล่นมันก็ไม่ใช่วิถีคนหล่อๆเขาทำกันไง
ใจจริงผมก็อยากกลับไปนั่งคุยไลน์กับไอ้โปรนะ แต่ไม่รู้คนอื่นเป็นแบบผมไหม ยิ่งคุยมากๆ มันก็ยิ่งอยากเจอ ยิ่งคิดถึง พอมันไม่เป็นอย่างที่อยากให้เป็น มันก็จะหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน งี่เง่า ดังนั้นผมก็เลยอยากหาอะไรทำเพื่อตั้งหลัก เพื่อจะได้ไม่ต้องเสพติดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์แฟนเก่ามากเกินไป
และด้วยความว่างมาก หรือผมกำลังฟุ้งซ่านก็ไม่รู้ ผมเลยนึกถึงเรื่องสมัยก่อนขึ้นมา ผมกับไอ้โปรเจอกันครั้งแรกที่บ้านมันนั้นแหละ สมัยผมม.ต้น ผมเคยอยากเป็นมัณฑนากรเหมือนแม่ ก็เลยมาลงติวกับพี่บลู ก็ได้เจอไอ้โปรบ้างประปราย แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้สึกอะไรกับมัน ก็อาจจะมีบ้างที่หมันไส้ความขาว ความหล่อของมันตามวิถีเด็กขี้ริษยา
แต่ที่ทำให้ผมมาชอบมันจริงจังน่ะเพราะงานโอเพ้นเฮาส์ของมหา'ลัยหนึ่ง เท่าที่จำได้ เหมือนตอนเข้าไปในม.ผมจะติดรถอาจารย์ของมหา'ลัยเข้าไปในงานด้านใน แต่ความชิบหายคือขาออก ผมออกมาไม่ถูก แถมยังหลงกับเพื่อน ไอ้เพื่อนก็โทรตามกันยิกๆว่าจะรอหน้าม.
และในวินาทีหน่องซีที่ได้แต่ยืนเคว้งแล้วแต่เวรแล้วแต่กรรมอยู่หน้าคณะอะไรสักอย่างที่ตอนนั้นน้องซีในวัยเด็กน้อยก็ไม่รู้ว่าแม่งอยู่ส่วนไหนของม. ก็ได้มีไอ้หนุ่มมัธยมกางเกงดำที่สวมหมวกกันน็อคดำแบบเต็มใบขับบิ๊กไบท์สีดำสนิทมาจอดอยู่เลียบทางเท้าที่ผมในตอนนั้นยืนอยู่
จำได้แค่ว่ามันบอกจะไปส่งหน้าม. ผมก็ขึ้นซ้อนท้ายซบหลังมันมาอย่างเก้กังๆตามฉบับคนไม่เคยนั่ง ผมนั่งตัวเกร็งทุลักทุเลมาถึงน่าม.ผมก็กล่าวขอบคุณด้วยขาสั่นๆ ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ตรงป้ายรถเมล์
ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกนะว่าเป็นไอ้โปร รู้แค่ว่าตัวโคตรหอม หอมจนผมต้องไปยืนดมน้ำหอมตามบูทเพื่อหากลิ่นน้ำหอมที่มันใช้เสียหลายวัน จนถึงวันเสาร์ที่ผมต้องไปเรียนกับพี่บลู ผมก็ยังไม่เจอน้ำหอม แต่ผม...ได้เจอคนใช้น้ำหอมแทน
อารมณ์ตอนนั้นผมก็แค่อยารู้จักมันนะ แต่พอคุยกันแทบทุกวันจนสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ ผมมันก็เป็นเด็กน้อยหวั่นไหวง่ายไง ชอมันขึ้นมาซะงั้น แล้วพอช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นม.สี่ด้วยความอยากรู้อยากลองของผม เราก็เลยได้กันแบบงงๆ แล้วเราก็คบกันแบบงงๆวันนั้นแหละ จะว่าไป ตอนเด็กนี่กูก็แรดไม่เบาเลยนะ
"เล่นคอมพ์ได้นะ"ไอ้กรคงเห็นผมนอนนิ่งมองเพดานอยู่นาน มันเลยเสนอทางเลือกใหม่เป็นพีซีที่อยู่ตรงโต๊ะมุมห้อง
ผมสั่นหน้าอย่างข่มใจ เพราะถ้าผมเปิดคอมพ์ ผมจะต้องล็อกอินไลน์แน่ๆ ดังนั้นนอนเฉยๆจ้องเพดานฆ่าเวลานี่แหละดีที่สุดแล้วในเวลานี้
จ้องไปจ้องมาผมก็ชักจะง่วง เลยตัดสินใจสะกิดไอ้กรแล้วบอกว่าช่วยปลุกผมตอนสี่โมงเย็นที พอมันพยักหน้ารับรู้ ผมก็ปิดเปลือกตาแล้วเข้าสู่นิทราอย่างง่ายดาย ตื่นมาอีกทีความมืดโรยตัวไปทั่วห้อง ผมรีบยกนาฬิกาข้อมืดมาดู แต่เมื่อเห็นเวลาปั๊บจากที่สลึมสลือกูนี่ตาสว่างปั๊บ
เกือบหนึ่งทุ่มแล้ว ป่านนี้พ่อตามหาผมให้วุ่นแล้วดิ แล้วยิ่งผมไม่เอาโทรศัพท์มาด้วย ระเบิดไม่ลงที่บ้านผมแล้วหรอวะ ผมหันมองไอ้คนที่บอกจะปลุก ที่ตอนนี้นอนหลับทั้งแว่นตา ทั้งมือขวามันยังกำการ์ตูนไว้แน่น... โถ ไอ้สัด ไหนใครบอกจะปลุกกู
"กร ไอ้กร"ผมเขย่าตัวมัน
"อือ... ไร ไมมันมืดวะ"มันยันตัวลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือเปิดสวิตไฟที่หัวเตียง
"กูยืมโทรศัพท์หน่อยดิ กูจะโทรหาพ่อ"ไอ้กรพยักหน้างงๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพย์ของมันที่เกลือกกิลิ้งอยูปลายเตียงมาให้ผม
ผมรีบกดหมายเลยที่จำได้ขึ้นใจ รอเพียงไม่นานปลายสายก็กดรับ พอรู้ว่าเป็นผมพ่อก็บ่นๆไปตามประสา ก่อนจะบอกให้ผมกลับบ้านเร็วๆ
ไอ้กรแว้นมอไซต์พอผมไปหาอะไรกิน ก่อนจะพาผมมาส่งที่รถยนต์สุดที่รักที่ผมจอดให้แดดเลียไว้ตั้งแต่เที่ยงวัน ผมขับรถถึงบ้านตอนประมาณสามทุ่ม พวกพี่แม่บ้านยังนั่งจับจ้องละครอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีพ่อผมนั่งอ่านหนังสืออย่างคร่ำเครียดอยู่ที่ห้องอาหาร
กล่าวสวัสดีตอนค่ำแด่บุพการีเสร็จผมก็มูฟตัวขึ้นไปบนห้อง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คว้าเอาเขี้ยวกุดมานอนกอด แล้วหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์จไว้มาดู กดเข้าไลน์ มีคนทักมามากมาย แต่ไอ้โปรตอบผมแค่เออ รู้สึกผิดหวังหน่อยๆ แต่คิดดูอีกที กูจีบมันไง จะมาท้อแท้ตอนนี้ไม่ได้นะโว้ย
'กลับมาแล้ว'
'คิดถึงเราปะ'พิมพ์ไปด้วยความแรดล้วนๆ
Proton : olo
Proton : มึงไปไหนมา
Proton : น้าอ้อมโทรมาถามกับกูด้วย
ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วราวกับดักรอกูอยู่เลย
'เผลอหลับห้องเพื่อนอ่ะ'
Proton : เออ
'แล้วจะไปดูหนังเรื่องอะไรอ่ะ วันเสาร์'พยายามเบี่ยงประเด็นไปสุดฤทธิ์ เพราะผมสัมผัสได้ว่ามันอารมณ์ของมนุษย์แฟนเก่านั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
Proton : ไม่ไปแล้ว
Proton : โบนัสอยากเล่นบีบีกัน
'แล้วไปเล่นที่ไหนอ่ะ'
'หรือไปบ้านคุณย่าอีก'
Proton : เออ
Proton : มึงไปด้วยไหมล่ะ
'ส่งผิดคนปะเนี่ย'โคตรจะผิดวิสัย ไม่ด่าไม่เหน็บแนมกูไม่พอ ยังจะชวนไปเที่ยวอีก
Proton : ไม่ผิด
ทั้งที่ก็ไม่มีอะไร ทำไมใจผมมันเต้นรัวขึ้นวะ
'ไม่ไปอ่ะ ไปก็ไม่รู้ทำไร เล่นก็ไม่ได้'ไอ้อยากเจอมันก็อยากเจอ แต่คือต้องเข้าใจคนเป็นภูมิแพ้ผิวหนังหน่อยนะครับ ให้กูไปล้มลุกคลุกคลาน หมอบต่ำ พุ่งไปข้างหน้าบนพื้นดินพื้นหญ้า มีหวังผื่นแม่งได้ขึ้นยันหนังหัว ครั้นจะให้ไปนั่งเบื่อๆทำลายบรรยากาศผมก็ไม่ไหวนะ
Proton : แต่กูอยากเจอมึง
'ผิดคนอีกปะเนี่ย'
Proton : ไม่ผิด
ใจผมยังคงเต้นตึกตัก ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่ผมไม่ชอบสักนิด แต่มันรุกมาถึงขนาดนี้จนผิดวิสัย แล้วผมจะทำยังไงวะ ผมเองก็ไม่ใช่คนใจแข็งอะไรอยู่แล้ว ยิ่งกับคนที่ชอบแล้วด้วย
'อือ'
'เราจะไป'
------
คือกะลงตั้งแต่วันที่ลงตอนเจ็ดแล้ว
แต่ติดที่ช่วงนั้นสิงห้องเพื่อน แล้วเน็ตมันไม่มี
น้องโปรนี้มีความลับใช่ไหม
ปล.แค่อยากให้ระแวงอิโปรเล่น
ขอบคุณทุกคนเด้อที่ชอบ ทั้งที่เป็นนิยายกากๆ
ตอนต่อไปไม่เกินสามวัน สาบาน