Chapter 12.1 cracked glass
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเสียงโทรศัพท์ มนุษย์แฟนเก่าที่เพิ่งได้กันสดๆร้อนๆไปเมื่อคืนนั้นนอนกอดเอวผมจากด้านหลังไว้หลวมๆ ผมเอือมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่บนโต๊ะข้างเตียงมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นจีจี้ผมจึงกดรับแล้วกรอเสียงลงไปด้วยความงัวเงีย
"ว่าไงจี้"
/"จะโทรมาบอกเรื่องประชุมเมื่อวานค่ะ"/ผมขยี้ตาเพื่อปรับทัศนียภาพให้ชัดขึ้น /"มึงเป็นฝ่ายประสานงานนะ คืออาจารย์กับพวกพี่เขารีเควสมึงมา"/
"อืม ไงจี้ช่วยส่งเบอร์ฝ่ายประสานงานของเจ้าภาพมาให้เราด้วยล่ะกัน"บอกไปเสียงเรียบๆ
/"เดี๋ยวนะอีซี นี่มึงเมาอยู่หรอ ปกติมึงต้องเหวี่ยงแล้วดิ"/ถ้าอยู่คนเดียวกูคงด่าแหลกไปแล้วแหละ แต่นี่อารมณ์ดีไง ทำให้อีกงานก็แล้วกัน /"แล้วนี่กูจับสลากเป็นหน่วยกล้าตายกันมาเพื่อใคร"/
"โถ กูเข้าใจนะ ก็ถือว่าช่วยงานคณะไป"
/"เป็นคำตอบที่ตอแหลสัตว์"/ จีจี้กระแหนะกระแหนเสียงแหลม /"อยู่กับผู้ชายใช่ไหมห๊"/
"นั่นแหละ แค่นี้ก่อนนะ"
/"ย่ะ อีแรด"/ผมหัวเราะเบาๆทิ้งท้ายก่อนที่จีจี้จะวางสายไป
แรงกอดรัดที่แน่นขึ้น และสัมผัสเนิบนาบเปียกชื้นราวกับโดนหมาเลียที่หลังคอทำให้ผมเอี่ยวตัวหันไปมองคนที่ตอนนี้ปรือตาฉ่ำมองผมอย่างอ่อยๆอยู่ ริมฝีปากสีฉ่ำกดจูบลงบนปากผมเบาๆ แล้วยิ้มออกมาจางๆ ผมพลิกตัวหันไปเผชิญหน้าแล้วกดจูบลงปลายคางที่ตอนนี้ตอหนวดเริ่มจะกลับมาอีกแล้ว ... สากปากจังเลยล่ะไอ้สัตว์
"โปรนี่เหมือนสโนว์ไวท์เลยเนอะ"ผมพยายามประคองสังขารที่เปลี้ยจนใกล้จะเป็นง่อยเต็มทนให้ลุกขึ้นนั่ง
ไอ้ตอนทำๆกันเนี่ยมันก็ดีหรอกนะ แต่เอฟเฟ็กต์หลังจากนั้นนี่สิ ร้าวไปทั้งตัว ขาก็ไม่มีแรง มีลางวันนี้พี่คงได้คลานลงจากเตียงแน่เลยน้อง ... กูจิคราย คริ
"ยังไง"คลายมือออกจากเอวผมแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
"นี่ไง ผมดำ ปากแดง ผิวขาว"จริงๆปากมันก็แดงเฉพาะตอนตื่นนอนเท่านั้นแหละ ผ่านไปสักพักเดี๋ยวสีก็จางลง
"เพ้อเจ้อ สโนว์ไวท์เหี้ยไรเยหมู"พูดกลั้วเราะ แต่กูนี่หัวเราะไม่ออกเลยจ้ะ หมูพ่อง!
"ไอ้สัตว์"ผมพูดแบบไม่มีเสียง
"ปากดีจังนะ"ยิ้มบางๆทั้งที่ขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
"งี้แหละ เราได้โปรแล้วไง"ลอยหน้าลอยตาอย่างหน้าหมันไส้
"อยากได้อีกทีไหมล่ะ"ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมนั้นเผลอหัวใจเต้นตึกตัก
"ไม่เอา"ผมส่ายหัวรัว
...อย่าเพิ่งมาสร้างแผลใหม่ให้กูเลย...
...แค่นี่ กูก็แทบเดินไม่เป็นแล้ว...
ผมกัดฟันค่อยเถิบตัวไปที่ขอบเตียง ก่อนจะหยั่งขาที่สั่น8.9ริกเตอร์ด้วยความร้าวรานลงไปบนพื้น ผมดันตัวขึ้นยืนอย่างโงนเงน ก่อนจะค่อยๆเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องน้ำอย่างทุลักทุเล ส่วนใครที่คิดจะได้เห็นฉากมุ้งมิ้งแบบที่อุ้มมาในห้องน้ำ หรืออาบน้ำให้นั่นนะ หน่องซีขอบอกอย่างสุภาพเลยว่า 'มึงฝันไปเถอะ' นู้น แม่งนั่งเหยียดตีนยักคิ้วจึกๆกวนประสาทมองกูอยู่นู้น
ใช้เวลาจัดการตัวเองกว่าครึ่งชั่วโมงผมก็ได้ฤกษ์ออกมาจากห้องน้ำ ค่อยๆก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ไส้สะเทือนไปถึงไหนต่อไหนมาจนถึงโซนห้องแต่งตัวเสร็จ ผมก็หยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเนื้อนุ่มกับกางเกงผ้าที่ใส่ง่ายๆออกมาจากตู้เสื้อผ้า
เมื่อแต่งตัวอย่างทุลักทุเลจนเสร็จเรียบร้อย ผมก็ซ้อมเดินวนไปวนมาอยู่หน้ากระจก พยายามก้าวเท้าให้ดูเป็นปกติที่สุด ทั้งที่รู้แก่ใจว่าเดินขาถ่างเป็นฐานเสาไฟฟ้าไฟแรงสูงขนาดนี้ ใครๆแม่งก็ดูรู้วะ!
เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้ผมหันไปมอง โปรตอนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวพันท่อนปกปิดส่วนล่างเอาไว้ หลังจากที่คุณชายท่านหยิบเสื้อผ้าชุดเดิมที่พาดไว้บนโซฟามาใส่เรีบร้อยแล้ว ก็เดินตรงมาประชิดตัวผม ก่อนจะทำสิ่งที่ผมอยากจะเอาตีนไปแปะหน้ามันเพื่อระบายอารมณ์สักที
เพี๊ยะ!
ฟาดมือลงมาจนตูดผมสะเทือนไปหมด...คือตับไตไส้พุงกูสั่นไหวมากวินาทีนี้
"โอ๊ย!!"ผมร้องลั่น น้ำตาปริ่ม
"เฮ้ย! ขอโทษ"ไอ้โปรมันดูตกใจเหมือนกันที่ผมร้องดังขนาดนั้น "เจ็บมากเลยหรอ"มันหน้าเสีย เป็นไงล่ะมึง แกล้งกูมากน่ะ
"เจ็บดิ"ผมว่าพลางลูบตูดตรงที่โดนตบป่อยๆ
"เอาแขนคล้องคอกูดิ"ผมทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนที่ไอ้โปรจะย่อเข้าลงแล้วช้อนแขนซ้ายลงใต้ขาพับผม แล้วใช้แขนขวาประคองหลัง
ผมถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ในขณะที่อีกคนก็หย่อนตูดนั่งไขว่ขาอยู่ใกล้ๆ จริงๆเลือดมันก็ไม่ได้ออกเยอะเลยนะ ตอนก่อนอาบน้ำก็เอาทิชชู่แตะๆดู มันก็เหมือนจะแค่ซิบๆ แต่ทำไมผมเพลียจังวะ แถมปวดตุบๆด้วย แถมยังเจ็บๆตึงๆอีก หรือว่าสังขารผมจะแก่เกินที่จนรับเรื่องแบบนี้ไหวแล้ววะ
"นอนคว่ำดิ"ผมพลิกตัวนอนคว่ำตามที่อีกคนบอก
กางเกงผ้าเนื้อนุ่มและกางเกงในของผมโดนถอดออกไปจากตัว ก่อนที่ขาจะโดนถ่างออกเล็กน้อย เพื่อให้คุณหมอจำเป็น ทำการสำรวจซากอารยะธรรมของสารร่างผมที่เกิดจากสงครามอารมณ์เมื่อคืน นิ้วเรียวแตะลงมาที่ปากทางเบาๆ แต่นั่นมันก็ยังแรงพอที่จะทำให้ผมสะดุ้งแล้วออกมาเบาๆ
"มันบวมเยอะอยู่ มึงไปหาหมอไหม"คือมึงจะลูบตูดกูหาสวรรค์วิมานอะไรในวินาทีนี้
"ไม่เอา"ไม่รู้จะบอกยังไง จะให้บอก 'อ๋อ เมื่อคืนล่อกันหมดกล่องเลยครับหมอ ตูดแทบพัง จัดยาให้หน่อยได้ไหมครับ' กูก็เกรงใจหมอนะ
"ถ้าไข้ขึ้นแล้วงอแง กูถีบซ้ำนะ"กูระบมขนาดนี้ มึงยังคิดเพิ่มแผลให้กูอีกหรอ จิตใจมึงมันทำด้วยอะไร กระซิก
"ไม่หรอก กินยาแก้อักเสบก็หายแล้ว"ผมบอก "แต่ตอนนี้โคตรหิวเลย"
"งั้นเดี๋ยวลงไปยกขึ้นมาให้"หยิบกางกางเกงมาให้ผมตามเดิม
"ไม่เอา!"ผมรีบพลิกตัว "โอ๊ย ซี้ดด"น้ำตาปริ่มอีกรอบ "ไม่ลงไป เดี๋ยวคนในบ้านรู้ว่าเราน่ะแหละกับโปรแล้ว"คืออายสายตาล้อเลียนอ่ะ
"แล้วมึงเดินขาถ่างทำมุมสี่สิบห้าองศาเดินลงไปนี่ คือเขาไม่รู้เลย"เกิดเป็นกูนี่ช่างลำบากจริงๆ ฮือ
"ไม่แดกแม่งแล้ว"เบ้ปากแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมายันคอ
"งี่เง่าแบบนี้ ไข้แดกแล้วชัวร์"ไอ้โปรส่งมือมาวางบนหน้าผากผม ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้อง
ในขณะที่นอนเหี่ยวเป็นผักอยู่บนเตียง ผมก็พยายามคิดย้อนไปถึงเรื่องสมัยก่อน ผมจำวันแรกที่ได้เจอกันได้ จำสิ่งที่ชอบไม่ชอบได้ จำเดทของเราได้ จำรอยยิ้มของมันได้ จำเสียงหัวเราะของมันได้ จำได้เกือบทุกอย่าง แต่ทำไมผมเสือกจำสาเหตุจริงๆที่ผมขอเลิกกับมันไม่ได้วะ จำได้แค่บอกผมชอบผู้หญิง จำได้แค่นี้เองอ่ะ
มนุษย์แฟนเก่าที่ยังเอากันอยู่เมื่อคืนเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถาดที่มีข้าวต้มหมูของโปรดผมวางอยู่สองถ้วย ทาสหนุ่มที่มโนขึ้นมาเองว่ามันเป็นทาสจะเดินมาที่เตียง แต่ผมก็รีบบอกให้มันวางไว้ตรงโซฟา เพราะว่าผมไม่ชอบเอาของกินขึ้นมากินบนเตียง
หลังจากที่สาวเท้าย่างขาอย่างนุ่มนวลมาจนถึงโซฟา ทั้งผมและมันก็ต่างนั่งกินมื้อแรกของวันอย่างเงียบ เมื่อกินหมดผมก็จัดยาแก้อักเสปไปสองเม็ด ก่อนจะมูฟไปแปรงฟันแล้วกลับมาทิ้งตัวนอนอย่างสิ้นท่า
"แล้วมึงไม่ทายาหรือไง"เสียงทุ้มดังขึ้นในขณะที่มันกำลังยกถาดออกไป
"ไม่อ่ะ ขี้เกียจ"ผมพลิกตัวหนีแสง
ปิดเปลือกตาลงด้วยความเพลีย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะด่ำดิ่งสู่ความสงบในห้วงนิทรา เสียงกรอกแกรกที่ดังมาจากทางโต๊ะหนังสือก็ทำให้ผมต้องปรือตาขึ้นมอง
มนุษย์หมีขาวที่ได้กันเมื่อคืน(คือกูจะอวดทั้งตอน จบนะ บรัยส์) ยกกล่องยาของผมขึ้นมา ก่อนจะคุ้ยๆแล้วหยิบขึ้นมาอ่าน แล้วก็คุ้ยใหม่ ก่อนจะหันไปพิมพ์ในโทรศัพท์แล้วก็หาต่อ
"โปรหาอะไร"ผมถามด้วยเสียงที่เริ่มงัวเงียเพราะความเพลีย
"หายาทาให้มึง"หันมามองผมนิดนึง
"อยู่ในซิปล็อกที่เขียนว่าไนโตรกลีเซอลีนอ่ะโปร"ผมหลับตาบอกด้วยเสียงยานนิดๆ
เสียงผมยวบลงก่อนที่ตัวผมจะโดนพลิกให้นอนคว่ำอย่างง่ายดาย กางเกงถูกรูดลงเล็กน้อย สัมผัสเย็นๆที่ปากทางทำให้กัดริมฝีปากแน่น ผมเผลอครางออกมาเมื่อนิ้วเรียวที่มีเนื้อยาสอดควานเข้าไปภายใน แต่ผมจะไม่อะไรเลยนะ ถ้าไอเชี่ยโปรมันไม่แทงเข้าแทงออกอย่างสนุกสนานน่ะ
...กูเจ็บ...
...เอ ดร็อกกก...
"อื้อ"ผมคราง "เจ็บ..."น้ำตาคลอแล้วนะเนี่ย ง่วงก็ง่วง เจ็บก็เจ็บ จนนี่งงไปหมดแล้วนะสัตว์
"นอนไปๆ"ดึงนิ้วออก ก่อนจะดึงกางเกงผมขึ้นมาเหมือนเดิม
เตียงยุบยวบลงอีกครั้ง วงแขนแข็งแรงดึงผมเข้าไปกอดภายใต้ผ้าห่มเดียวกัน ผมพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาอีกคน มือเรียวยาวลูบที่หลังของผมเบาๆอย่างปลอบประโลม ผมยิ้มออกมาจนหน้าตึงเมื่อริมฝีปากบางเฉียบกดลงที่กลางหน้าผาก
"I just wanna love you... give me that chance wanna hold you... Baby you know that I need you, I need you... and I'm wondering all the time... if you love me, come on over get to know me..."เสียงทุ้มดังขึ้นแผ่วเบานุ่มละมุน
ผมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆเช่นเดียวกับจังหวะเพลงช้าๆ ที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างละมุนละไมในอารมณ์ ซุกตัวเข้าหาอีกคนอย่างหาไออุ่น ก่อนที่สติทั้งหมดของผมจะจมสู่ห้วงนิทรา
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสี่โมงเย็น แสงอ่อนๆที่ลอดผ่านม่านเข้ามา ทำให้ผมต้องขยี้ตาปรับทัศนียภาพการมองเล็กน้อย พยายามมองหาใครอีกคนแต่ก็ดูเหมือนจะว่างเปล่า ความเจ็บนั้นทุเลาลงไปมากแล้ว ผมยันตัวลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอีกครั้ง
จัดแต่งสารร่างให้เรียบร้อยเสร็จ ผมก็เดินลงมาชั้นล่างเพื่อจะหาอะไรกิน แต่ยังไม่ทันจะได้หาอะไรหย่อนลงท้องให้สะใจเล่น เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะก็ดังมาจากสวนข้างบ้านก็ทำให้ผมรีบมูฟตัวไปแอบฟังอย่างสอดรู้ทันที เหมือนไอ้โปรไอ้โปรกับเสี่ยเก็บค่าแผงจะคุยกันเรื่องหนังสือนะ
"จะสิงเสาอีกนานไหม"เสียงพ่อที่ดังขึ้น ทำให้สะดุ้ง
"หนังสือสนุกไหมพ่อ"ผมโผล่หัวผ่านหน้าต่าง
"ก็ดี แล้วเรื่องฝึกงานตอนซัมเมอร์เอาไง ตกลงจะฝึกที่ไหน"เออ นี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย ว่ายังไม่ได้ส่งเอกสารฝึกงานรอบแรกเลย
"ไว้ค่อยคุยตอนเย็นนะพ่อ ซีหิว"คือหน่องซีขอไปยืนคิดก่อน ขืนบอกไปว่ายังไม่ได้คิดมีหวังโดนด่าแต่หัววันให้อายไอ้โปรมันอีก
ผมเดินเข้ามาในครัวที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน เปิดตู้เย็นหยิบชามะลิและกล่องขนมลูกชุบออกมา สาวเท้าอย่างสบายอารมณ์ออกไปที่สวน ที่ตอนนี้มีเพียงพ่อผมที่นั่งจิบชาดอกส้มอ่านหนังสืออยู่เพียงผู้เดียว
ผมสอดส่ายสายตาหาอีกคน จนเห็นหัวผุบๆโผล่ๆอยู่หลังดงชาดัดผมจึงเดินเข้าไปหา คนที่นั่งยองๆอยู่กับพื้นหันมามองผม ก่อนจะเมินแล้วหันไปหยอดปุุ๋ยต้นแอฟริกันไวโอเลตที่ออกดอกสีม่วงสะพรั่งเป็นทิวแถว ผมย่อตัวนั่งลงข้างๆ ตั้งขวดขามะลิไว้บนพื้น แล้วเปิดกล่องขนม ก่อนใช้จะส้อมพลาสติกเล็กๆจิ้มที่ลูกชุบแล้วส่งเข้าปากตัวเอง
"กินไหมโปร"คนที่ยังคงสาละวนกับการถอนวัชพืชกับใส่ปุ๋ยทำเพียงแค่ส่ายหน้า "อร่อยนะ ชิมแล้ว"
"มือเปื้อนอยู่"โถ่ะ เรื่องแค่นี้เอง
"อ่ะ"ผมยื่นลูกชุบที่ถูกปั้นเป็นรูปทรงมะม่วงจ่อไปที่ปากบางเฉียบที่แนบสนิท "ขอบคุณด้วย"ผมบอกหลังจากที่อีกคนงาบขนมไปแดกเรียบร้อยแล้ว
"ขอบคุณ"พูดส่งๆแล้วก็ถอนหญ้าต่อ
"ไม่ใช่ขอบคุณแบบนั้นดิ เนี่ย"ผมยื่นแก้มเข้าไปหามันอย่างแรดที่สุดในโลกล้า จริงๆก็แค่อยากแกล้งมันเท่าแหละ ทำเข้มนักนะ
"เฮ้ย!"ผมตกใจเมื่ออยู่ดีๆแม่ก็หันหน้ามาในระยะประชิด จมูกโด่งสวยเลื่อนเข้ามาใกล้จนเราแทบหายใจรดกัน แต่ยังไม่ทันที่จะมีอะไรเกิดขึ้น ใจผมที่เต้นไม่เป็นส่ำก็สั่งให้ร่างกายผละหนีอย่างอัตโนมัติ "ดะ เดี๋ยวพ่อเห็น"ไม่รู้กูจะต้องพูดตะกุกตะกักทำไม
"พ่อไม่เห็น!!!"เสียงตะโกนที่ดังมาทำให้ไอ้โปรหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะที่ผมนั้นอยากจะทึ้งหัวตัวเองแล้วโขกกับหินปูพื้นสักทีสองที
ใบหน้าขาวใสสุขภาพดีเลื่อนเข้ามาใกล้ ผมตาค้างกลั้นหายใจอย่างลืมตัวเมื่อปลายจมูกแหลมคลอเคลียปัดป่ายไปตามนวลแก้ม ก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาแนบแล้วผละออกโดยที่ไม่สอดลิ้น
ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายและตายอีกในไม่ช้า ทุกอย่างตรงหน้ามันดูชัดเจนเกินเป็นภาพเงาในความฝัน ผมปล่อยกล่องขนมร่วงลงสู่พื้นอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะเอามือวางแทนน่าอกที่เต้นเร็วแรงจนผมแทบหายใจไม่ออก... นี่กูเป็นเห้อะไรอีกเนี่ย!
ผมรีบเก็บขนมที่ร่วงแล้วไปทิ้งในถังขยะครัว นั่งสงบสติอารมณ์ที่อยากจะกรีดร้องของตัวอยู่กับพ่อที่ศาลาสีขาวกลางสวนสักพัก อาการผมก็เริ่มจะดีขึ้น แต่ทำไมผมถึงร้อนๆหน้าวะ แถมภาพริมฝีปากบางเฉียบนั้นก็ยังติดอยู่ในหัวอีก
"ลูกมีความสุขนะ"พ่อผมถามขึ้นทั้งที่ตายังคงจ้องไปที่หน้าหนังสือ
"อื้อ ซีมีความสุข... มากๆเลย"ผมยิ้มกว้างจนรู้สึกว่าหน้าแม่งตึงไปหมด
"ดีแล้ว"พ่อส่งมือมาลูบหัวผมเบาๆ "พ่อรักซีนะ"
"ซีก็รักพ่อ"ผมโปเข้ากอดหุ่นเสี่ยของพ่อ "ซีรักแม่ด้วย อยากให้แม่กลับบ้าน พ่อพาแม่กลับมาได้ไหม"อยู่กับพ่อผมจะเอาแต่ใจอย่างไงก็ได้
"พ่อจะพยายามนะ"
นั่งคุยกับพอไปสักพัก คนสวนกิตติมศักดิ์ที่นั่งถอนหญ้าใสปุ๋ยจนเกือบหมดสวนก็กลับมานั่งพักที่ศาลา พ่อชวนไอ้โปรคุยเรื่องเครื่องยนต์เรื่องรถที่ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เห็นพ่อผมเป็นแบบนี้แต่ตอนแรกๆที่ผมบอกว่าชอบผู้ชาย พ่อผมก็ไม่โอเคนะ
ผมยังจำวันที่ไป้โปรไปคุยกับพ่อผมได้ คุยกันแทบทุกวันจนเป็นเดือนเลยครับคุณ เหมือนตอนนั้นมันเพิ่งจะอยู่ม.สาม แต่ก็นะ ตอนนั้นแม่งตัวอย่างควาย ตัดสกินเฮด หน้านิ่ง แถมปากคอมันยังแสบสันสุดๆ ก็คิดดูเถอะแล้วพ่อแม่ที่ไหนแม่งจะไปไว้ใจกัน
"เธอยังเด็ก บางทีอะไรที่เธอทำผิดพลาดในวันนี้ เธออาจต้องมานึกเสียใจในวันหน้าก็ได้"มนุษย์พ่อที่ผมเริ่มบางลงทุกวันเปรยเสียงเรียบ
"ถ้าคุณไม่อนุญาตผมก็จะไม่คบกัน"ลุงนี่แสยะยิ้มเลย เมื่ออีกคนพูดออกมาอย่างนี้ "ให้คุณพร้อมก่อนดีกว่า ผมคิดว่าผมรอได้"
"..."
"ให้ดึงดันคบไปตอนนี้ ซีคงรู้สึกไม่ดีที่ต้องเป็นคนกลาง ไหนจะผม ไหนจะครอบครัว เครียดตายห่ากันพอดี"มนุษย์พ่อได้แต่ขมวดคิ้วให้กับความถ่อยของไอ้เด็กเปรตตรงหน้า
"พ่อแม่เธอรู้เรื่องนี้ยัง"
"ยังครับ แต่ผมคิดว่าเขารับได้อยู่แล้ว ม๊าผมสอนเสมอว่าชีวิตมันสั้น อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป"ถ้อยคำสบายๆนั่นยิ่งทำให้มนุษย์สภาพคล้ายเสี่ยเงินกู้ที่ตอนนั้นยังไม่ค่อยอ้วนต้องขมวดคิ้วเครียด "คุณย่าผมเคยบอกว่า ให้ป๊าผมแต่งงานกับผู้ชายแล้วมีชีวิตคู่ที่มีความสุข ยังดีกว่าแต่งงานตามธรรมนองครองธรรมของจารีตแต่ต้องนั่งหน้าดำคร่ำเครียดล้มเหลวในการมีชีวิตคู่"เสี่ยในตอนนั้นได้แต่เบิกตากว้างอย่างเก็บอาการไม่อยู่
"ผู้ชาย..."
"ครับ ป๊าม๊าผมเป็นผู้ชาย"พ่อผมหน้าเครียดยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่ตอนนั้นผลิตผลที่เรียบร้อบสุดๆอย่างซีอิ๊ว ได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบ "ที่จริงผมจะไม่บอกคุณก็ได้ แต่ผมคือคนที่ขอจะคบกับลูกชายคุณ ดังนั้นผมว่าผมควรบอกคุณ ส่วนคุณจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่ครับ ผมเฉยๆ"น้องซีในตอนนั้นได้แต่นั่งสั่นงกอย่างโง่ๆ "เพราะถึงคุณไม่โอเคตอนนี้ ผมก็ยังอยู่รอคุณโอเคอยู่ดี"หยักไหล่กวนตีนเสียด้วย
"เธอจะรอไปแบบไม่มีจุดหมายอย่างนี้น่ะหรอ"คนเป็นพ่อพูดอย่างใจเย็น
"มีจุดหมายครับ คือผมไม่ได้แช่งนะ แต่ยังไงดูจากอายุแล้ว คุณต้องไปก่อนผมกับซีอยู่แล้ว ผมรออย่างมากก็ห้าสิบปี สบายๆ"ทำหน้ากวนส้นตีนได้อีก
"วันหนึ่งพอเธอโตขึ้น มีคนเข้ามาในชีวิตมากขึ้น สิ่งที่สังคมมอง สิ่งที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ เธอพร้อมจะรับมันหรอ ฉันไม่ได้เหยียดเพศนะ แต่มันเป็นความจริงของสังคม"มนุษย์พ่อได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
"ถ้าเรื่องนั้น ผมรับมันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ"
"แล้วเธอยังจะเอาซีเข้าไปเกี่ยวอีกหรอ"ซีอิ๊วในวัยสิบห้าย่างสิบหกได้แต่มือสั่น ไม่กล้าพูดอะไรออกไป ทั้งที่ความจริงแล้วเขาตางหากที่ดึงอีกคนเข้ามา
"ผมรู้ว่าผมไม่มีอะไรมารับประกันให้คุณ ผมมีแต่ความรู้สึกที่อยากปกป้องคนๆหนึ่ง แล้วไอ้คนๆนั้นมันดันมาเป็นลูกชายคุณก็เท่านั้น"
"เธอยังเด็กกันมากนะ"วนกลับมาประเด็นเดิม
"ถ้าอายุผมมันคือปัญหา ผมก็จะรอให้อายุผมมากว่านี้ครับ"น้องซีวัยใสเหลือบมองคนที่นั่งข้างตัวเอง
"ที่จริง เธอจะแอบคบกันโดยไม่บอกฉันก็ได้นะ"มนุษย์พ่อถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่ของวันน้องซีก็ไม่อาจนับได้ "ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันด้วยซ้ำ"
"เพราะผมจริงจังไงครับ"หากครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมรับ ความสัมพันธ์ย่อมไม่มั่นคง ซึ่งโปรไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น
"โอเค"ลุกขึ้นเดินไปตบบ่าเจ้าเด็กที่คำพูดคำจาดูแก่แดกแก่ลมเกินวัยสองสามทีพอเป็นพิธี "ฉันไม่ต้องการให้เธอดูแลซีไปจนตายหรืออะไร ฉันขอแค่อย่าทำร้ายเขา จะทำอะไรก็ขอให้เธอคิดถึงความรู้สึกและความพยายามของเธอในตอนนี้ ฉันขอแค่นี้ได้ไหม"เอาเข้าจริงคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงปากจะบอกรับได้ แต่ในใจก็ยังตะขิดตะขวงอยู่ดี
"ได้ครับ"เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
"แล้ววันหนึ่งถ้าพวกเธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เธอจะทำยังไง"
"ผมสัญญากับคุณ ผมจะไม่ปล่อยมือซีไปก่อน แต่ถ้าวันหนึ่งซีรู้สึกว่ามันไม่ใช่จริงๆ ผมก็จะไม่รั้งเขาไว้ แบบนี้คุณโอเคไหมครับ" คิดเรื่องนี้ขึ้นมามันก็ซึ้งจนน้ำลายมันพาลจะไหล แม่งประเสริฐศรีขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงเลิกกับมันวะ คือจำไม่ได้หรอกว่าเพราะอะไร แต่รู้สึกเหมือนโมโหมากๆ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก... นี่สมงสมองกูโดนปลวกแดกหมดแล้วหรือไงกัน
เมื่อแดดร่มลมตกจนเข้าช่วงเวลายุงออกหากิน ผมกับมนุษย์ลุงผมบางก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน ในขณะที่คนตัวขาวสว่างราวหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์เดินไปที่รถ เพื่อหอบหิ้วกระเป๋าสะพายที่กระประกอบไปด้วยเครื่องประทินผิวชุดเล็กกับเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุด
...โถ่ะ รู้สึกเหมือนมึงเตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรกเลยนะ...
มื้อเย็นผ่านพ้นอย่างสุขสันต์ เมื่อพ่อเข้าห้องไปแล้ว ผมกับไอ้โปรที่ตอนแรกนั่งดูละครอยู่กับพวกคุณแม่บ้าน ในจังหวะทุกคนกำลังเผลอเราก็เฟดตัวออกมาอย่างเงียบงันเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ใครเห็นท่าเดินที่ไม่ปกติของผม ... ไม่น่าลืมแดกยาเลยกู
ผมจัดการกรอกยาแก้อักเสปไปอีกสองเม็ด ก่อนจะมานั่งทำรีพอร์ตให้เสร็จ เกิดเป็นกูนี่ยากจังล่ะ เพลียจะตายห่าอยู่รอมร่อ ยังต้องมานั่งพิมพ์งานอีกเนี่ย
เสียงการ์ตูนดิสนีย์สุดแบ๊วดังมาจากอีกฟากห้อง นาฬิกาตีบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง ผมหยิบยาแก้ไข้มากินตามไปอีกเม็ดเมื่อรู้ครั่นเนื้อครั่นตัว คือก็รู้นะว่ากินยากันมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ถ้าปล่อยให้ป่วยแล้วชีวิตบรรลัย พี่ซีก็ไม่ไหวมากกว่านะ ฤทธิ์ยาและความเหนื่อยล้าเริ่มแผลฤทธิ์เมื่อผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมมง
ผมตัดสินใจเก็บข้าวของเข้าที่ สะบัดหัวไล่ความง่วง แต่ตอลุกขึ้นยืนก็รู้สึกมึนๆเอียงๆ ก็เลยตัดสินใจคลานด้วยท่าอิซาดาโกะเพื่อความปลอดภัยของสังขาร โดยมีไอ้โปรมองมาด้วยสีหน้าประมาณว่า 'มึงทำเหี้ยอะไร'
แต่หน่องซีได้หาแคร์ไม่ คลานขึ้นเตียงไปนอนแผ่อย่างหมดสภาพ ไอ้โปรที่ล่อนจ้อนแล้ว ทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆ แขนแกร่งรวบตัวผมไปกอดภายใต้ผ้าห่ม ก่อนจะลูบหลังเบาๆจนผมผ่อนคลายแล้วหลับไป
.
.
.
ผมตื่นอีกทีตอนไหนไม่รู้ รู้แค่ตื่นเพราะเสียงกรอกแกรกน่ารำคาญที่ดังรบกวนการนอน มนุษย์แฟนเก่านั้นไม่อยู่บนเตียง แต่ดันไปนั่งอยู่ท่ามกลางไฟสลัวที่โซฟาหน้าทีวีแทน เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์ แต่คุยอะไรกันนั้น ผมก็ไม่รู้ เพราะไอ้โปรนั้นแทบไม่พูดอะไรเลย
จนมันวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าโมโหสุดๆแล้วเดินไปแต่งตัว ก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์และกุญแจรถ ผมก็ยังนอนนิ่งๆงงๆอยู่ที่เดิม เสียงฝีเท้าที่ดังเข้ามาใกล้ทำให้ผมกลับไปแกล้งหลับ เอาจริงๆเลยนะ กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันจะแกล้งหลับทำไม
สัมผัสเบาๆที่ข้างแก้มทำให้ผมเหมือนจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ ผมยังคงหลับตาต่อไป จนเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและปิดนั่นแหละ ผมจึงลืมตาขึ้นแล้วสอดส่องไปทั่วห้อง เสียงเครื่องยนต์จากด้านล่างที่ดังมานั้น ผมเดาไม่ยากเลยว่าเป็นใคร
เอือมมือเปิดโคมไฟ รีโมทย์เปิดรั้วนั้นหายไป แต่ผมก็ไม่อยากติดใจอะไรกับเรื่องนี้ แต่ทำไมผมถึงร้อนใจแบบนี้กันวะ ไม่ได้ๆน้องซีต้องสตรองเหมือนทีมลูกเกด น้องซีต้องไม่หวั่นไหว
ลุกจากเตียงไปหมายจะจิบน้ำเพื่อดับความร้อนรุ่มในอก แต่แรงสั่นและหน้าจอที่สว่างขึ้นของเครื่องมือสื่อสารที่ถูกวางทิ้งไว้ก็ดึงความสนใจของผมไปจนหมด ไม่ทันที่จะคิดอะไร เท้าของผมก็สาวเข้าไปหยุดที่โซฟาเสียแล้ว
ชื่อล่าสุดที่ส่งข้อความมาทำให้ผมใจสั่นระรัว 'Prim' แต่จะให้กดเข้าไปอ่าน ผมก็ไม่รู้รหัส ลองกดวันเกิดไอ้โปร แต่ก็ไม่ใช่ แต่ในขณะที่ผมถอดใจอยู่นั้น อะไรก็ดลใจให้ผมกดวันเกิดตัวเองไปก็ไม่รู้ ซึ่งผมก็ต้องแปลกใจ... เข้าไปได้เหมือนเดิม
...กุจะตกใจทำเห้อะไร...
ผมกำลังจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แต่สายที่โทรมาก็ทำผมใจสั่นระรัว 'Prim' รูปที่หราอยู่หน้าจอ ทำให้ผมรู้ว่าต้องเป็นรุ่นพี่คนนั้นแน่ กดรับสายอย่างไร้มารยาทจบ ก็รีบเอาโทรศัพท์แนบหู
/"จะเอาแบบนี้ใช่ไหม"/เสียงใสติดห้าวนิดๆดังขึ้นจากปลายสาย กับเสียงรอบข้างที่จอแจทำให้ผมคาดว่า เธอน่าอยู่ในที่ผู้คนพลุกพล่าน
"..."
/"โปร!!! ทำไมไม่พูด!!"/เสียงตะคอกนั่นทำผมสะดุ้ง /"มึงมันเหี้ย!!"/ด่าจบ ก็ตัดสายไป
...กูนี่เบลอเลยจ๊ะ...
...เหี้ยเต็มรูหูเลย...
ไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ใจผมเต้นระส่ำจนเหมือนจะขาดใจ โปรออกไปไหนตอนเกือบตีสอง ไปหาพี่พริ้มอะไรของมันใช่ไหม ไปหาเขาใช่ไหม ผมวางมือกดที่หน้าอกที่ดูเหมือนช่วงนี้มันจะอ่อนแอขึ้นทุกที ผมเป็นบ้าอะไรวะ ทั้งๆที่พร่ำบอกตัวเองว่าเรื่องก็ไม่มีอะไร แต่ทำไมสมองผมเสือกประมวลผลความรู้สึกออกมาว่า
...เสียใจ...
----
ตอนต่อไป มาครึ่งหนึ่งก่อนนะคะ ครึ่งหลังคือในวันสองวันนี่แหละ
คือจริงๆเสร็จแล้ว แต่มันแปลกๆ เลยขอแก้ไขก่อนนะคะ
คือหมันไส้อิน้องซีทีมลูกเกดนะ(มึงนี่คนอวดผัวจริงๆ
) แต่ก็สงสารหน่อยๆ
จริงๆมันไม่ม่าเลยนะ ใสๆแบ๊วเลยนะตอนนี้อ่ะ
ปล.จากคอมเม้นตอนก่อนนี้เสียวคนตบอิโปรมาก
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ เยิ้บมาก
----
พี่พริ้มไม่ใช่ตัวร้ายนะคะ
เรื่องนี้มีตัวโกงตัวเดียวคืออิโปร