"แล้วมันแฟร์กับเราหรอแคป"รู้สึกเหมือนขอบตามันร้อนๆอีกแล้ว
"แล้วที่มึงทิ้งเพื่อนกูซ้ำซากแบบนี้...คือแฟร์หรอ"จากที่จะดราม่า กูนี่สะอึกเลย "มึงฟังไอ้โปรมันหน่อยได้ไหมวะ ไม่ต้องฟังมากกว่าที่มึงฟังคนอื่นก็ได้ แต่มึงฟังมันบ้างได้ไหม"แคปซูลมันคงเหนื่อยแล้วเหมือนกัน
"..."
"ตอนที่กูโยนมันลงไปในน้ำ มึงรู้สึกยังไง"เหมือนจะขาดใจตาย พูดตรงๆเลยว่าไอ้ความดราม่าเสียใจในหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกเพียงเสี้ยววินาทีในตอนนั้นด้วยซ้ำ
"..."
"กูว่ามันไม่ต่างจากที่ไอ้โปรมันรู้สึกตอนที่มึงทิ้งมันหรอก"คนพูดถอนหายใจ"กูจะออกไปข้างนอก ถ้าจะกลับก็ล็อกรั้วให้ด้วย"
แคปซูลเดินออกไปแล้ว ภายในห้องตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่นเตียงเท่านั้น ผมลงไปซุกตัวนอนด้วยอีกคน ก่อนจะดึงตัวโปรเข้ามากอดไว้
มันเหมือนความกังวล ความสับสน มันจะมลายหายไปจนหมดสิ้น ผมอบอุ่น แม้ลึกๆผมจะยังกลัวก็ตาม แต่ผมชอบเวลานี้ เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ถึงมันจะมีทั้งทุกข์ทั้งสุขปนๆกันไป แต่ผมว่ามันก็ดีกว่าทุกข์อย่างเดียวนะ
"นะ หนาว"ผมคว้ารีโมทย์มากดปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะกอดคนที่ตัวรุมๆนั่นอีกครั้ง "อิ๊ว..."
ใจผมเต้นระรัว มันเป็นชื่อที่ผมเคยบังคับให้มันเรียกผมเมื่อสมัยก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาทำปากจู๋มันน่ารักดี แต่มันก็เรียกไม่บ่อยหรอก นอกจากเวลาจะอ้อนจริงๆ
"ปวด หัว"ปรือตาฉ่ำๆขึ้น
"งั้นกินยานะ"ผมยันตัวลุกขึ้น กะว่าจะไปเอายาที่หน้ารถผมมาให้
แต่ยังไม่ทันจะหย่อนตีนลงพื้นด้วยซ้ำ ไอ้คนที่ควรจะนอนแปล้เป็นปลาหมึกตากแห้งอยู่นิ่งๆ ก็เสือกลุกขึ้นมาสวมกอดเอาหน้าผากซบบ่าผมจากด้านหลัง
"ไม่ไปได้ไหม"เสียงแผ่วเบา แต่ผมกลับได้ยินชัดเต็มสองรูหู
"เราแค่ไปเอายา"ผมบีบแขนขาวๆที่กอดผมอยู่เบาๆ
"อย่าทิ้ง ได้ไหม อย่าทิ้ง..."ผมรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ซึมเข้ามาตรงบ่า "จะทน ไม่ไหว แล้ว"
"..."
รู้ว่าอีกคนร้องไห้และเสียใจไม่แพ้กัน แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะปลอบยังไง ในเมื่อทุกวันนี้ผมยังปลอบตัวเองไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง
นั่งซบบ่าผมปล่อยน้ำตาไหลไปเงียบๆไปสักพัก ไอ้คนที่อุณหภูมิร่างกายร้อนกว่าปกติก็เหมือนจะเหนื่อยอ่อน จนต้องทิ้งตัวลงไปนอนอีกรอบ ผมเอาผ้าชุบน้ำที่ถูกบิดจนหมาดมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้คนที่นอนเปลี้ยไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกรอบ
ออกมาเอากล่องยาที่รถและถุงกระดาษที่วางลืมไว้ข้างสระเสร็จ ผมก็ถือวิสาสะเอาโจ๊กสำเร็จรูปมาต้ม ใส่หมูสักผักเพิ่มพอประมาณ รินน้ำอุ่นใส่แก้วแล้วยกทุกอย่างกลับมาในห้อง
"โปร"เขย่าแขนคนที่หลับอยู่ให้ลุกขึ้นมา
"อือ..."ลืมตาอย่างงัวเงีย
"กินโจ๊กหน่อยนะ จะได้กินยา"คนที่ยังทำหน้าลอยๆเหมือนคนที่แดกยากันยุงไปสามขดลุกขึ้นนั่งแล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมก็ด้วยสายตาที่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันมีสติดีอยู่หรือเปล่า
ผมป้อนโจ๊กไปได้สามสีคำ ไอ้คนที่นั่งตาลอยก็เกิดอาการพะอืดพะอม ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วกอดชักโครกโก่งคอขย้อนของเก่าออกมาซะเต็มที่... เมื่อคืนนี้หมูกระทะสินะ
...ผักบุ้งมึงยังไม่ย่อยเลย...
"ไหวไหมโปร"ผมลูบหลังย้อนขึ้นให้หมีขาวมันอ้วกออกมาให้หมด
"แหวะ.."ผมส่งแก้วน้ำให้ไอ้คนที่ตอนนี้สภาพเละเทะเต็มทนได้บ้วนปาก
"ดีขึ้นไหม"คนโดนถามนั้นเหมือนไม่มีสติ เพราะยังนั่งแน่นิ่งเอาหัวซบกับชักโครกอย่างหมดสภาพ "ตัวเลอะอ้วกหมดเลย"ผมยิ้มขำ ตั้งแต่รู้จักกันมา เพิ่งเคยเห็นมันเมาเป็นหมาก็คราวนี้แหละ
ผมเอาแขนช้อนใต้ปีกคนเมาแล้วลากมาใต้ฝักบัวในตู้อาบน้ำ ก่อนจะเปิดน้ำล้างซากออกจากเสื้อกล้ามแขนเว้าลึกที่โชว์ไปยันเอวของคนเมา เมื่อเปลื้องผ้าไอ้คนที่นอนแผ่ตาลอยเสร็จ ผมก็อาบน้ำสระผมแปรงฟันให้อย่างรวดเร็ว
ถอดเสื้อนักศึกษาที่เปียกซกของตัวเองออก แล้วลากคนเมาออกมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวไดร์ผม ก่อนจะออกไปเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ของเพื่อนมันนั่นแหละมาเปลี่ยนให้
เมื่อคนที่เมาแบบสิ้นสภาพเหมือนจะมีสติขึ้นมาบ้าง ผมก็จัดการพยุงมันกลับไปที่เตียง แล้วกลับมาเคลียร์ห้องน้ำอีกครั้ง ดีนะที่ไม่อ้วกลงพื้น ไม่งั้นกูนี่ขัดพื้นซักพรมกระจายจ้า
ผมถอดเสื้อผ้าล้างตัวเสร็จก็เดินโทงเทงเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำเพราะผ้าเช็ดตัวแม่งหมด แต่ไม่ทันที่ผมจะเอาผ้าเช็ดตีนเช็ดตามรอยน้ำที่หยดจากตัว หรือได้ขโมยเสื้อผ้าเจ้าบ้านมาใส่ให้สาแก่ใจ ไอ้คนที่น่าจะนอนง่อยเป็นปลาเค็มก็เสือกเข้ามากอดผมจากด้านหลัง
คือก็รู้นะว่าชอบด้านหลัง แต่นานๆทีมึงเข้าด้านหน้าบ้างได้ไหม... กูตกใจ
"โปรอย่า.."ผมบอกเมื่อจมูกโด่งนั้นคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอ "ไม่เอานะ"แต่ถามว่าว่าขัดขืนไหม... ก็ไม่
"อิ๊ว..."กดจูบลงที่บ่าผม
คนที่เหมือนมีสติขึ้นมานิดหน่อยพลิกตัวผมให้หันไปเผชิญหน้าแล้วกดจูบลงมาอย่างหนังหน่วง เหมือนผมเองก็เมาจูบตามไปเหมือนกัน เพรารู้ตัวอีกทีก็นู้น นอนถ่างขาเกี่ยวเอวหมีขาวอยู่บนเตียงแล้ว
ผมรู้ว่าลึกๆในใจผมก็โหยหา แต่ว่าผมก็ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งของใครมาเหมือนกัน แม้ว่าคนคนนั้นจะเคยเป็นของผมมาก่อนก็ตาม
นิ้วเรียวสอดเข้ามาเพื่อขยายช่องทาง ในขณะที่ปากของเราก็ยังคงดูดกลืนกันและกันอย่างโหยหา จำนวนนิ้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนผมนั้นแน่นไปหมด ก่อนที่ทั้งหมดจะโดนถอนออกไปจนช่องทางนั้นรู้สึกโล่งจนน่าอาย กลางกายของอีกคนถูไถตรงปากทางจนผมรู้สึกหนาวๆร้อนๆ
"ไม่เอาสดนะ"ผมรับบอกเมื่อเห็นอีกคนกำลังจะสอดเข้ามาในตัว
กระเป๋าสตางค์ที่อยู่ใต้หมอนถูกเปิดออก ซองฟอยด์สีเหลืองที่มีรูปรีลัคคุมะหน้าตาบ๊องแบ๊วถูกหยิบออกมาฉีก ถุงยางสีเหลืองอ่อนที่กลิ่นหวานๆเหมือนขนมถูกสวมเข้าที่ดาบเลเซอร์ของคนตรงหน้า ก่อนจะแทงพรวดเข้ามา จนผมนั้นสะดุ้งแล้วร้องออกมาอย่างลืมตัว
ช่องว่างในใจที่สับสนของผมนั้นเหมือนถูกเติมเต็มด้วยจังหวะกายที่ถูกสอดประสาน มันมีทั้งความสุข ทั้งความทุกข์ ทั้งยังรู้สึกผิดแปลกๆ เข้าใจอารมณ์พวกที่รู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำก็วันนี้แหละ
จริงๆโปรอยากจะต่อยกสอง แต่ผมไม่ยอม เพราะว่าไม่มีถุงยางแล้ว ไอ้เรื่องสดนี่ตัดไปเลย ผมไม่ชอบให้มันแตกใน ผมว่ามันล้างออกยาก ล้างไม่สะอาดผมก็ไม่สบายตัว แถมบางที่เข้าไปลึกเกินผมก็หน่วงท้องแปลกๆอีก
อีกอย่างหนึ่ง เรายังไม่ได้ตรวจเลือดว่ะ คุณต้องเข้าใจนะ ชีวิตผมมันยังมีครอบครัวมีอะไรอีกหลายอย่าง ผมไม่ได้หมายความว่าอีกคนไม่สะอาด แต่ผมแค่ไม่ประมาทเท่านั้นเอง
นอนพักไปราวๆชั่วโมงกว่าๆ ผมก็ต้องตื่นขึ้นเพราะเสียงจ้อกแจ้กจอแจจากด้านนอก ขยับตัวหยิบกางเกงแสลคที่พาดตากไว้บนเก้าอี้มาใส่
"จะกลับแล้วหรอ"เสียงทุ้มๆดังขึ้น แต่ผมไม่ได้หันไปมองหรอก
"อือ วันนี้มีนัดทานข้าวกับพ่อแม่น่ะ"หยิบเสื้อนักศึกษาที่ยังชื้นนิดๆมาใส่ตาม
"กูกับพี่พริ้มไม่ได้คบกันนะ คือกูยอมรับว่าตอนคุยกับมึง กูก็ยังนอนกับเขาอยู่ แต่..."
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ"ผมหันมายิ้ม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยิ้มแบบไหนเหมือนกัน "เราเอาของมาคืน"ผมก้มลงไปหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้ แล้วส่งให้คนที่นั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียง
"อย่าทิ้งกันได้ไหม"เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลลงมาของอีกคน ใจผมมันก็เหมือนจะอ่อนยวบทันที
"เราไม่ได้ทิ้งโปรไปไหนนะ แต่เราก็ยอมรับว่าเราแคร์สังคม เราค่อนข้างไม่โอเค ถ้ามีใครไปพูดว่าเราแย่งอะไรใครมา ตัวเราน่ะเฉยๆ แต่เราไม่อยากให้พ่อแม่เรารู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้ใครว่าถึงพ่อแม่ด้วย โปรเข้าใจเราใช่ไหม"
"..."
"ถ้าวันหนึ่งเรื่องมันซาลง แล้วเรากับโปรยังรู้สึกเหมือนเดิม...เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"ผมคลี่ยิ้มออกมาบางๆ แต่ตาผมมันกลับร้อนผ่าว บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรลงไป
"..."
"เราไม่จีบโปรต่อแล้วนะ"
-----
เรื่องของมึงเลยจ้า
อารมณ์เหมือนอิหมีมันโดนฟันแล้วทิ้งเลยเนอะ
สับสนหนักกว่าอิน้องซีก็อิเขียดนี่แหละ
ไม่ได้สับสนทางความรู้สึกนะ
สับสนทางสติ
ขอบคุณทุกคนนะคะที่ติดตาม นี่ปลื้มปริ่มดีใจมากนะ
ตอนหน้าพาร์ทน้องโปรล๊าวนะ
เอาอิคนไม่ชัดเจนออกมาแล้ว
ตอนหน้าเดี๋ยวรอเคลียร์กับอิคนชัดเจนนะคะ
มาอีดิทเพิ่มหลังจากกินข้าวแล้ว
ทุกคนยังคงเห็นแก่ตัวอย่างต่อเนื่อง
แคปก็เห็นแก่ตัวค่ะ คืออิสองตัวนี้เป็นพวกสปอยด์เพื่อนสุดฤทธิ์ค่ะ
มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
ส่อนอิโปรไมไม่กลับบ้านกลับช่อง
มันหักดิบอยู่ค่ะ ไม่อยากให้พ่อแม่เห็นแล้วไม่สบายใจ
ส่วนเรื่องพี่พริ้มนี่กะใจให้โปรเล่า แต่เขียดบอกเลยดีกว่า
พี่พริ้มนางกลับไทยเดือนล่ะครั้งค่ะ
นางก็เยิบกันตอนนั้นแหละเนอะ