Chapter 15
บางทีนี่ก็สงสัยนะว่าตอนนั้นมันมีแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้ผมกับโปรได้กัน ไอ้ตอนอารมณ์มันมาเต็มก็ไม่อะไรหรอก แต่ไอ้ตอนจบแล้วนี่ดิ อิห่า สารร่างกูจะแตก
"ซีเป็นอะไรเปล่าครับ ทำไมหน้าซีดๆล่ะลูก"แม่ถามขึ้นในขณะที่เราสามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งจิบไวน์ชิวๆอยู่ในร้านอาหารสไตล์คันทรี
"คือซีเครียดเรื่องข้อสอบนิดหน่อยครับแม่"โกหกไปจนได้ แต่จะให้บอกความจริงแม่งก็จะกระไรอยู่ ถึงพ่อแม่รู้เรื่องว่าผมเป็นเมียมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะกล้าบอกว่าเจ็บตูดออกไปตรงๆนะโว้ย
"มันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมาก"แม่ลูบหัวผมเบาๆ "ถ้าสั่งไวน์แดงอีกขวด คุณจะไหวไหม"อันนี้หันไปถามพ่อ
"ผมน่ะไหว คุณอ้อมเถอะครับ คุณไหวหรือเปล่า"ลุงยักไหล่แล้วตอบด้วยน้ำเสียงยียวนทั้งที่หน้าแดงระเรื่อ
...พ่อกูไม่ไหวแล้วแหละ...
"สภาพนี้นะไหว"แม่หัวเราะเบาๆ
"นี่แหละไหว เห็นผมเหมือนเมา แต่จริงๆผมไม่ได้เมานะ ผมแกล้งเมา กะหลอกให้คุณตายใจ"เอากับพ่อกูเซ่
"หลอกซะซียังเชื่อเลยอ่ะ พ่อเก่งจัง"นี่ประชด
"ใช่มะ"พ่อหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมที่นั่งอยู่ข้างๆแม่
"กลับกันเลยดีไหมเนี่ย"แม่หันมาถามผมหลังจากที่วิเคราะห์สภาพลุงแล้ว
"ไม่เอา เดี๋ยวซีขับรถเองก็ได้ แม่สั่งอีกขวดเถอะ นานๆจะได้ดื่มที"ผมรีบโผเข้าออเซาะแม่ บอกเลยวันนี้พี่จิบไปแก้วเดียวเองนะ...วันนี้พี่ไม่ได้มาเมา พี่มาชนะ ถุย!
เสียงดนตรีโฟล์คซองกับบรรยากาศสไตล์คันทรีทำให้ผมกับแม่ส่ายหัวด๊อกแด๊กไปตามเพลง คุณนายแม่ฮึมฮัมร้องเพลงบางเพลงตาม ส่วนพ่อก็นั่งยิ้มจนตาสองชั้นนั้นหวานฉ่ำไปหมด
นาฬิกาตีบอกเวลาสามทุ่มกว่า เราก็ได้ฤกษ์กลับบ้าน ตอนแรกแม่จะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง เพราะไม่อยากให้ผมขับวนไปวนมา แต่ด้วยสกิลการออดอ้อนออเซาะบุพการีที่สะสมมาแต่เล็กแต่น้อย เลยทำใหวันนี้แม่ยอมที่จะไปนอนกับผมที่บ้าน
หลังจากปล่อยลุงไว้ที่ห้องแล้ว ผมกับแม่ก็เข้ามาในห้องน้อยแสนสุขของผม ในขณะที่แม่อาบน้ำอยู่ ผมก็ดอดกลับไปห้องพ่ออีกครั้ง ก่อนจะหยิบชุดนอนของแม่ที่ลุงยังแขวนไว้ในตู้ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ออกมา ไม่อยากจะบอกว่าพ่อผมนี่ ยังเก็บของของแม่ไว้ทุกอย่างอ่ะ ก็ดูยังรักกันเนอะ แต่ไม่เข้าใจทำไมถึงเลิกกัน
ผมวางชุดนอนผ้าลินินสีแดงเลือดหมูไว้บนเคาน์เตอร์หน้าห้องอาบน้ำเสร็จก็ออกมานั่งอ่านกำหนดการที่ทางประสานยูของมหา'ลัยเจ้าภาพส่งมาให้
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากะว่าจะโทรถามเรื่องที่นอนซึ่งยังสรุปไม่ได้เมื่อคราวก่อนให้รู้เรื่อง แต่เบอร์ล่าสุดที่ไม่ได้รับสายก็ทำให้ผมตากระตุกถี่ๆ กรอกตาไล่ดูอีกครั้งด้วยหัวใจเต้นระรัว ถึงจะไม่ได้เมมไว้ แต่ผมก็เสือกจำตัวเลขสิบหลักได้อยู่ดี... อิหมีขาว
ไล่ดูก่อนหน้านี้ มีเบอร์เพื่อนๆผมโทรมาปะปราย เอายังไงดี เพื่อนก็เหมือนจะมีธุระ เพราะโทรกันมาแม่งทั้งกลุ่ม แต่ก็อยากคุยกับผู้ชายไง... เอาไงดีวะ
คือบางทีก็อยากเล่นตัวบ้างเหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่พวกฟอร์มเยอะอะไร แถมก่อนหน้านี้ผมยังโคตรจะคลั่งมันด้วย บอกตรงๆเลยนะ ไอ้เรื่องที่เสียใจก่อนหน้านี้อ่ะ พอเจอมันผมก็ให้อภัยแม่งหมดแล้ว แถมพอเจอมันอ้อนเข้าไปอีก ผมยังคลั่งมันมากกว่าเดิมด้วยเนี่ย
...ขอโทษนะเพื่อนๆ...
...แต่ใจพี่มันเรียกร้องจริงๆ...
/"อืม"/รอไม่นานปลายสายก็กดรับ
"คือ โปรโทรมามีไรเปล่า"ไม่รู้ตื่นเต้นอะไร แต่คือโคตรตื่นเต้นเลยโว้ย
/"ลืมไปแล้วว่ะ"/จ้ะ เอดร็อกกกก
"อ๋อ... แล้วนี่ทำไรอ่ะ ว่างเปล่า"รู้สึกเสียงมันก้องๆเหมือนอยู่ในห้องน้ำ
/"กำลังชักว่าว แต่ตอนนี้หมดอารมณ์แล้ว"/โอเคซึ้ง /"แล้วมึงทำอะไร"/ได้ยินเหมือนเสียงเปิดประตู
"เรารอแม่อาบน้ำอ่ะ"
/"มึงนอนบ้านน้าอ้อมหรอวันนี้"/ได้ยินเสียงลม ผมว่าน่าจะออกมาคุยที่ระเบียงแล้ว
"เปล่า วันนี้แม่มานอนกับเราที่บ้านใหญ่"ผมไม่อยากเรียกว่าบ้านพ่อเท่าไหร่ เพราะผมรู้สึกว่าบ้านนี้คือบ้านของเราทั้งสามคนมากกว่า
/"แล้ววันนี้ไปกับพ่อแม่สนุกไหม"/ผมรู้สึกเหมือนเราไม่ได้คุยกันนานมาก ทั้งที่ความจริงเราเพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง
"สนุกสิ พ่อเรานี่เมาปลิ้นเลย"ผมหัวเราะออกมา เมื่อคิดถึงมนุษย์พ่อที่นั่งตาเยิ้มหลังจากไวน์หมดไปแค่ขวดเดียว
/"ตอนนี้มึงคิดถึงกูไหม"/เหมือนใจผมมันเต้นระส่ำไปหมด... ใช่ ผมคิดถึง
"คิดถึงทำไม เพิ่งเจอกันเอง"แต่กลัวจะแรดเกินไป ต้องวางฟอร์มบ้าง
/"แต่ทำไมกูคิดถึงมึงวะ"/แม่จ๋า!!! เขาอ่อยหนู /"ซี"/
"หืม..."ยังเบลออยู่ หน้าผมนี่ร้อนไปหมด
/"กูคิดถึงมึงนะ"/วินาทีนี้ผมนี่ถึงกับไถหัวลงไปกับโต๊ะทำงานเลยทีเดียว
"อื้ม"ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้วจ้ะ ทำไมกูใจง่ายแบบนี้
/"คิดถึงมึงมาสามปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังคิดถึง"/ไม่ไหวแล้วโว้ย หัวใจผมเต้นจนหายใจแทบไม่ทันแล้วตอนนี้
"เมาเปล่าเนี่ย"นั่นคือเหตุผลเดียวที่ผมคิดได้
/"ไม่ได้เมา"/เสียงนุ่มทุ้มของมันกำลังทำให้ผมกำลังเป็นบ้า /"จำที่กูเคยชวนมึงไปล่องแพได้ไหม"/
"จำได้"ที่ผมเคยแซวว่ามันคิดล่อลวงผมไปทำอะไรหรือเปล่าน่ะ
/"พรุ่งนี้ไปกันไหม"/คือมึงจะรีบอะไรขนาดนั้นล่ะ
"ไม่ได้หรอก เราติดงานเภสัช ขอโทษนะ"
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ คือยิ่งใกล้งานก็ยิ่งวุ่นวาย อย่างพรุ่งนี้ผมก็ต้องไปดูสถานที่กับพวกบิวและมังกร ถ้าปกติน่ะ พวกจีจี้แม่งไม่ให้ผมยุ่งกับบิวหรอก แต่นี่งานเร่งไงมันเลยหยวนๆกันไป ส่วนเรื่องมนุษย์แฟนเก่า คือต่อให้ไม่ติดงาน ผมคิดว่าผมคงไม่ไปอยู่ดี เรื่องหลายๆอย่างมันยังไม่สงบ
/"ไว้รอมึงว่างก็ได้"/พี่นี้คิ้วกระตุกเลยฮะ ไอ้เสียงเศร้าๆนี่คืออะไร ปกติมึงต้อง 'เรื่องของมึงไอ้สัตว์' ไม่ก็ 'กูต้องรู้ไหม'อะไรแบบนี้ดิ
"งั้นแค่นี้ก่อนนะ อย่าเมามากล่ะ เดี๋ยวโทรม"
/"ที่บอกว่าคิดถึงกูพูดจริงนะอิ๊ว"/ถ้าเป็นหนังจีนกำลังภายในกูคงต้องกระอักเลือดแล้วแหละฉากนี้ /"ที่บอกว่ารักกูก็พูดจริงเหมือนกัน"/และฉากนี้กูก็คงตายไปเลย /"ฝันดี"/
"ฝันดี"รู้เลยว่าเสียงกูแม่งเพ้อสัตว์
ปลายสายกดวางไปแล้ว แต่ใจผมยังคงเต้นระส่ำจนเสียวมันจะวายแล้วผมก็ตายอย่างไปอย่างสงบ แม่ออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เดินมึนๆเข้าไปอาบน้ำบ้าง พอแต่งตัวเสร็จผมก็รีบซุกตัวลงนอนหนุนตักแล้วกอดเอวแม่ที่นั่งพิงหัวเตียงจ้องไอแพดทันที
"อะไรเนี่ยเรา"ลูบหัวผมเบาๆ
"ทำไมแแม่ถึงเลิกกับพ่ออ่ะ"คือสงสัยมานานแล้วแต่ไม่เคยกล้าถาม
"ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน ซีก็รู้ใช่ไหมว่างานพ่อยุ่ง ทั้งที่แม่ยอมทิ้งงานตัวเองเพื่อครอบครัว แต่พ่อก็นะ แม่ก็เลยกลับไปทำงาน ทีนี้เลยทะเลาะกัน ทะเลาะกันเป็นปีจนแม่ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้น เลยขอหย่าดีกว่า"แม่ยังคงลูบหัวผมอยู่
"แม่ไม่คิดถึงพ่อบ้างหรอ"
"แรกๆก็คิดนะ แต่พอนานๆไปมันก็เฉยๆ บางทีแม่อาจจะทำใจมานานแล้วด้วยมั้ง"ผมยังซุกตัวบนตักแม่อยู่ "เราเถอะ กับโปรตอนนี่ยังไง"
"ไม่รู้สิแม่ แต่ซีชอบโปรนะ"ผมกลิ้งๆกลับมานอนบนหมอนฝั่งตัวเอง "ชอบมากๆเลย ชอบแบบขนาดที่บางทีโปรทำซีเสียใจ ซีก็ยังชอบอยู่"
"แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าซีรักโปรแล้วหรอครับ"แม่ขยับตัวลงนอนข้างๆผม
"ซีไม่รู้หรอก ซีไม่เข้าใจอ่ะว่ามันเป็นยังไง ต้องรู้สึกอย่างไง ต้องมากขนาดไหนมันถึงเรียกว่ารัก"ผมพูดออกไปอย่างอดกลั้น
"แม่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน"แม่หยิกแก้มผมเบาๆ "แต่พอมีซี แม่ก็เข้าใจ แม่ว่ารักสำหรับแม่มันคือการให้อภัย เพราะต่อให้วันหนึ่งซีทำผิดยังไง ทำให้แม่เสียใจยังไง แต่แม่ก็พร้อมให้อภัยซี แม่จะไม่มีวันทิ้งซีนะครับลูก"
"แม่ครับ..."กูนี่น้ำตาคลอเลยจ้า
"แล้วซีล่ะ ให้อภัยโปรไหม"ให้อภัยไหมไม่รู้ แต่แค่ตอนนี้ไม่ได้โกรธแล้ว "นอนกันเถอะ พรุ่งนี้ซีต้องตื่นเช้า"แม่ลูบหัวกล่อมผม มือใครก็ไม่อุ่นเท่ามือแม่เนอะ
.
.
.
หกโมงกว่าผมก็ลงมาด้านล่าง ยกมือไหว้ป้าศรีเสร็จก็ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปรับบิวกับมังกรที่มอ เช้าวันเสาร์ที่สงบเงียบทำให้ผมไปถึงที่นัดหมายอย่างรวดเร็ว
โบกมือให้มังกรกับบิวเล็กน้อย ทั้งสองคนที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้าม.ก็เดินเข้ามา ไอ้กรเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างๆผม ในขณะที่บิวขึ้นมานั่งด้านหลัง ผมยิ้มให้บิวเล็กน้อย บิวก็ยิ้มตอบ
คือผมก็ไม่รู้นะว่าแม่งทะเลาะกันเรื่องอะไร ที่ถึงขนาดจะตบกันแบบไม่แบมือได้ แต่ส่วนตัวที่ผมสัมผัสมา เพื่อนผมมันก็ร้ายกะโหลกกะลานะ คือดีแต่ตอแหลไปวันๆ แต่จริงๆไม่มีอะไร ส่วนบิวนี่ผมว่าเข้าข่ายตุ๊ดเรียบร้อยเลยก็ว่าได้
ขับรถออกมาร่วมชั่วโมงผมก็เข้าใกล้มหาลัยเป้าหมายเสียที โทรถามอีกครั้ง ใบตองที่ทำหน้าที่ประสานงานกับม.ผมตอนนี้ก็บอกทางไปคณะให้ ขับวนๆอยู่ไม่นานก็เจอจนได้
ภายในห้องประชุมมีตัวแทนมหาลัยอื่นประมาณ 3-4 มหาลัย จับจองที่นั่งเสร็จ ใบตองที่เคยเห็นแค่รูปโปรไฟล์หน้าไลน์ก็เดินเข้ามาหา สาวหมวยตาชั้นเดียวที่สวมแว่นกรอบสีชมพูยิ้มต้อนรับ ก่อนที่เราจะแนะนำตัวพอเป็นพิธีอีกครั้ง
“ใบตองครับ เราสงสัยเรื่องห้องนอนผู้ชายของม.เรานิดหน่อย”ผมหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อะไรหรอคะ”เธอหันมาด้วยรอยยิ้ม
“ที่คุยกันคราวก่อน ม.เราได้นอนที่ห้องประชุมตรงสนามกีฬาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”เธอรีบเปิดสมุดโน้ตตัวเอง “ใช่ค่ะ”
“เราไปกะขนาดคร่าวๆมา เราว่านอนไม่พอ”ผมบอกไปก่อนหันมาหาไอ้กรที่นั่งดูหนังในโทรศัพท์อยู่ข้างๆ “ไอ้กร ผู้ชายม.เรามาประมาณ40ถึงไหม”มันทำหน้างงๆก่อนจะหันไปมองบิวอีกที
“สี่สิบแปดคนค่ะซี”บิวบอกผมเสียงเรียบ
“ครับ แต่ห้องที่ใบตองถ่ายรูปส่งมาให้ผมว่ามันน่าจะนอนกันเกือบห้าสิบคนไม่พอหรอกนะครับ”สาวหมวยคิ้วขมวดหน้าเครียด
“งั้นรอสักครู่นะคะ”เธอขอตัวออกไปคุยกับกลุ่มคนที่นั่งสแตนบายอยู่ตรงหน้าห้องประชุม
นั่งง่วงๆไปราวสิบกว่านาทีก็มีคนมาทิ้งตัวลงด้านข้างผม หันไปมองแล้วผมก็ต้องงงกว่าเดิม เมื่อคนที่กลับมาดันไม่ใช่สาวหมวยหุ่นนางแบบคนเดิม แต่กลับเป็นไอ้แว่นถึกคนหนึ่งที่ปั้นหน้าแป้นแล้นใส่ผมอย่างต่อเนื่องแทน... มึงเป็นใคร
“หวัดดีครับ ผมชื่อไวท์ อยู่ปีสี่ จะเรียกว่าพี่ไวท์ก็ได้ครับ”ผมพยักงงๆ ก่อนที่เราสามคนจะกล่าวทักทายไปตามมารยาท “พี่จะมาเป็นประสานยูให้แทนช่วงที่ใบตองไปคุยกับฝ่ายสถานที่นะครับ”ฉีกยิ้มอีกแล้ว คือดูก็รู้ว่ามีเลศนัยบางอย่างเวลามองผม คือพี่เขาก็หล่อนะ แต่ผมรู้สึกเฉยว่ะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร
“อ๋อครับ”ผมพูดแค่นั้นแล้วก็หันมาสนใจตารางกิจกรรมต่างๆในวันงานแทน
“น้องๆขับรถมาเองนี่เหนื่อยไหมครับ เอาของว่างไหมเดี๋ยวพี่ไปเอาให้”ผมหันมามองเพื่อนอีกสองคน เผื่อที่ใบตองให้กินไปเมื่อกี้มันจะไม่คณาหนังท้องมัน
“เอามาก็ได้ เอาไว้แดกตอนเล่นเกมส์คืนนี้”ไอ้กรพูดขึ้นแล้วก็หันไปสนใจหน้าจอต่อ
“ขอบคุณนะครับ งั้นขอให้สองคนนั้นก็พอ”ผมหันมาบอก
“เฮ้ย เอามาสามดิ ยกของมึงให้กู”ไอ้กรรีบหันมาทำจิ๊จ๊ะใส่ผม
“สัด นี่มึงมาประชุมหรือมาปล้นของแดกเขาเนี่ย”ผมว่า แต่คิดว่ามันสนไหม
“แล้วไงใครแคร์”ยักไหล่ใส่ผม “เอาน้ำองุ่นนะพี่ อร่อยดี”สั่งเสร็จก็ดูหนังต่อ
ผมหันไปยิ้มแบบเกรงใจให้ไอ้พี่ที่ชื่อไวท์แต่เสือกตัวดำอีกครั้ง คือมันก็ไม่ได้ดำเป็นถ่านอะไรหรอก ก็เข้มๆคมๆ แต่พอมาเทียบกับคนตัวซีดอย่างกับผีตองเหลืองแบบผมแม่งก็ถือว่าดำแหละ
ไม่นานน้ำองุ่นสามกล่องกับขนมปังเนยสดก็วางไปบนโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ ไอ้กรกดสต๊อปหนังอย่างรู้งานก่อนจะกวาดขนมทั้งหมดลงกระเป๋าสะพายหลังแบรนด์หรูของมัน เห็นงกๆแบบนี้นะ แต่ผมว่าแม่งรวยสุดในคณะผมอ่ะ ปล่อยเงินกู้ด้วยสัด
“เรียนปีสามเหนื่อยหน่อยนะครับ พอปีสี่ก็สบายแล้ว เป็นวิชาเน้นปฏิบัติมากกว่า”นั่งลงแล้วชวนผมคุย
“อ๋อครับ”คือกูไม่สนิทไง ไม่รู้จะคุยอะไร
“แล้วอยากฝึกงานโรง’บาลหรือร้านก่อนหรอครับน้องซี”น้องเนิ้งเหี้ยอะไร ขนลุก
“อยากฝึกโรงงานครับ”ผมไม่ชอบอารมณ์โรง’บาลหรือร้านยาอ่ะ วันๆเจอแต่คนป่วย โคตรหดหู่อ่ะ
“อยากทำสายวิจัยหรือดีเทลยาหรอครับ”
“จริงๆอยากรู้พวกระบบตรวจคุณภาพหรือพวกควบคุมการผลิตมากกว่าครับ”คือดูเอาไว้ เผื่ออนาคตอยากเปิดโรงงานเล็กๆเป็น
ของตัวเอง คือผมเป็นพวกไม่อยากเป็นลูกจ้างใครว่ะ ชอบเป็นเจ้านายตัวเอง
“พี่ชอบเราอ่ะ ขอจีบได้ไหม”คือผมถอนหายใจเลยว่ะ คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบเนอะ แต่คนที่ชอบที่ให้ทำห่าอะไรก็ดีไปหมด
“ถ้าผมว่าไม่พี่จะฟังผมหรอครับ”ส่ายหน้าพร้อมฉีกยิ้ม
...นั่นไง...
...แล้วถามกูหาพ่อง!!...
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะตอนนี้ถึงเวลาประชุมกันแล้ว ผมกดอัดเสียงไว้ แล้วจดตามเป็นข้อคร่าวๆไว้ บิวยกมือถามขึ้นประปรายจนตอนนี้ทางม.เจ้าภาพเริ่มจะถอนหายใจกับความเรื่องเยอะของผมแล้ว
ยอมรับเว้ยว่าเรื่องเยอะ แต่พวกมึงไม่เป็นพวกกูสามคนอ่ะไม่รู้หรอก ว่าถ้ากลับไปประชุมที่คณะแล้วตอบที่เขาสงสัยไม่ได้ กูจะโดนอะไรบ้าง
ประชุมเสร็จ ฝ่ายสถานที่ก็พาผมดูสถานที่ที่ใช้ในกิจกรรม พอคุยกันเสร็จ ก็ส่งแขกกันอย่างไว ในขณะทีมออื่นได้กลับแล้ว ไอ้พี่ไวท์ที่ตัวดำก็พาพวกผมสามคนมายังห้องนอนที่เป็นประเด็นสงสัยกัน ซึ่งจากการคาดคะเนแล้ว พวกผมก็ลงมติว่ายังไงก็ไม่พอ
“เอาเป็นว่าเราจะขอเปิดห้องข้างๆให้อีกห้องนะคะ”ใบตองบอก
“ขอบคุณครับ”ผมบอก “แล้วกลับเลยไหม”ผมหันไปถามอีกสองคนที่ยืนกำลังสำรวจห้องกันอยู่
“มึงกลับก่อนเลยซี กูกับบิวตี้เดี๋ยวพี่หมูมารับ”ผมพยักหน้าแกนๆ แม้จะงงว่าอิพี่หมูแม่งเป็นใคร
“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกัน”ผมโบกมือหยอยๆอย่างเหงาๆ
“น้องซีจอดรถไว้ไหนครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”ผมเลิกคิ้ว
“แถวห้องประชุมตอนแรกอ่ะครับ”ผมบอก “แต่เดี๋ยวผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
ผมแยกตัวไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล แอบวังเวงเหมือนกันนะ อิห่า ทั้งห้องน้ำมีกูคนเดียวไม่พอ แสงธรรมชาติก็ไม่มีแถมไฟแม่งก็ไม่ติด นี่ถ้ามีใครห้อยหัวลงมาดูกูเยี่ยวด้วยกูคงไม่สงสัยหรอก
ฉี่ไปด้วยใจหวาดหวั่นจนหยดสุดท้าย ผมก็ล้างมือแล้วเดินออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปด้านนอก ไอ้ฉากคุ้นเคยในละครหลังข่าวก็บังเกิดกับกูซะงั้น
“ตกลงซีม.aนี่เป็นหรอวะ กูเสียดาย”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“คงเป็นแหละ พวกม.bบอกว่านางคั่วๆกับโปรตอน”เสียงที่สองดังขึ้น
“โปรตอนไหนวะ”นี่ไม่รู้เสียงใครบ้างแล้ว
“ที่ขาวๆ ที่กูเคยเอารูปให้ดูไง”
“อ๋อ ที่แฟนนางสวยๆปะ”ผมรู้สึกปวดหัวขึ้นมาแปลกๆ
“นั่นแหละ คนนี้แหละที่เป็นชู้”ปวดมากขึ้นจนรู้สึกเส้นเลือดเต้นตุบๆ
“โหย นางก็ดูแมนๆปกตินะ สุภาพด้วย”อันนี้เสียงใบตอง ผมจำได้
“แหม ชะนียังมีแรดเงียบ ผู้ชายจะมีบ้างก็ไม่แปลกหรอก”
“แล้วนี่ยังไง อ่อยพี่ไวท์อีกหรอวะ”เหมือนหัวผมมันตื๊อไปหมด
“เหยื่อเก่าคงกลับไปหาเมียมั้ง นางเลยต้องหาเหยื่อใหม่”ใจผมเต้นรัวเลย ผมโกรธจริงๆนะ แต่ผม... ไม่กล้าออกไป
“ใช่หรอวะ เพื่อนที่ม.aเคยบอกว่าซีนี่คาสโนว่าเลยนะ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยจะตาย กูว่าไม่ใช่หรอก”
“คงเบื่อผู้หญิงมั้ง กูก็ไม่รู้เว้ย อยากรู้นักไปถามเลยไหมอินี่”แล้วก็หัวเราะระริกระรี้กัน
ผมก็อยากไม่แคร์สังคมเหมือนกันนะ อยากไม่สนอะไรทั้งนั้นเหมือน แต่มันทำไม่ได้ ผมโกรธ ผมเศร้า ผมเสียใจ ผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เหมือนกัน สำหรับผมเรื่องนี้มันไม่สนุกเลยสักนิด แต่ทำไมเขายังคุยกันราวว่าความทุกข์ของคนอื่นมันเป็นแค่เพียงละครฉากหนึ่งได้ล่ะ
“จะพูดอะไรทีหลังช่วยมีมูลหน่อยได้ไหมคะสาวๆ”เสียงไอ้กร “อ้าว แหกตาดูกัน” ได้ยินเหมือนฝีเท้าหลายคู่กำลังเดินออกไป
“เดี๋ยว”เสียงบิว “จะไปไหน ขอโทษซีมันหรือยัง”
“มึงออกมาได้แล้ว”ไอ้กรโผล่หัวเข้ามา
“ยืนให้เขาด่าอยู่ได้”บิวบ่นๆ “ขอโทษสิคะ ยืนรอพ่อใครติดริบบิ้นคะ”ผมหันไปมองกลุ่มผู้หญิงที่แขวนบัตรสตาฟของม.เจ้าภาพ
...เรื่องกูนี่มาไกลนะ...
“ขอโทษค่ะ”พูดกันเสียงอ่อยๆ
“ดังๆค่ะ เอาให้ดังเท่ากับเวลาว่าคนอื่นสิคะ”บิวแม่งโคตรน่ากลัว
“ขอโทษค่ะ!!”
“ไม่เป็นไรครับ”ผมบอกก่อนจะก้มหน้ามองโทรศัพท์ คงต้องโทรไปฟ้องพวกเพื่อนผมแล้วล่ะ ซีเจ็บ ซีช้ำราวกับโดนมีดแทงซ้ำเข้าแผลเดิม แต่ก็ดีใจนะ ที่ก็ยังมีคนปกป้องผมบ้างเหมือนกัน
ตกลงผมไม่ให้อิพี่ไวท์ไปส่งที่รถ แต่กลับเดินกันไปเรื่อยพร้อมกรและบิวแทน ผมเปิดไลน์ขึ้นอ่านหลังจากที่กรกับบิวเข้าไปรอพี่หมูของพวกมันในห้องประชุมแล้ว
ไลน์กลุ่มไลน์แยกขึ้นเตือนมากมาย ผมเลยเข้าไปดูไลน์กลุ่มก่อน เหมือนประเด็นพวกมันจะมาจากหน้าจอโซเชียลต่างๆที่เพื่อนๆผมแคปมา
ผมกดดูเข้าอันแรก เป็นเฟสแฟนเก่าผมเอง แบมนั่นแหละที่หายเงียบไปจากสารระบบ ‘ไม่รู้อย่างไงกันนะคะ แต่เราว่าซีไม่ได้ทำหรอกค่ะ เขาไม่เคยคบซ้อน เอาจริงปะ ขนาดเราทำผิดเขายังไม่เคยเอาเรื่องเราไปพูดเสียๆหายๆเลย เราว่าแฟนเก่าเราไม่ผิด #ใครไม่จบตบกับกูไหม’ ... ฮือแบม
เลื่อนดูอีกรูป เป็นที่มาตอบคอมเม้นก็มีทั้งคนด่าทั้งคนสนับสนุนแบมนั่นแหละ และหลายๆในคนที่สนับสนุนแบมก็พวกแฟนเก่ากับเพื่อนๆผมทั้งทั้งนั้น นี่กูซึ้งน้ำตาจิไหลเลยนะ
เลื่อนดูอีกรูปอันนี้น่าจะของคู่กรณีผมเลย พี่พริ้ม ‘พริ่มเลิกกับโปรมาประมาณสี่เดือนแล้วค่ะ เรื่องซี เราว่าอย่าไปว่าอะไรน้องเลยค่ะ น้องไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ #หยุดเถอะยู เราสงสารน้องจริงๆ’ ทำไมพี่เขาดีจังล่ะ ฮือออ
อันสุดท้ายเป็นของคนคุ้นเคย อิหมีที่รัก ‘เรื่องสนุกปากของคนบางกลุ่ม บางทีก็กำลังทำลายความรักของใครบางคน #ที่คิดถึงนี่พูดจริง #ที่บอกว่ารักก็พูดจริง’ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอย่างไง แต่น้ำตาผมไหลเลยว่ะ
--------------
เราทนรอไม่ไหว เราแต่งเอง
ถถถถถถ
ล้อเล่น นี่ใช้เครื่องเพื่อนพิมพ์ อิเขียดคนเดิมนี่แหละ แต่ขโมยคนอื่นมาเล่น ขี้เกียจล็อคเอาท์
มาครึ่งตอนก่อนนะ
คือเพิ่งถึงห้อง 23.30 กว่าๆอ่ะ
นี่รัวนิ้วอย่างไวเลยนะ
ขอโทษจริงๆเน้อ