อันสุดท้ายเป็นของคนคุ้นเคย อิหมีที่รัก ‘เรื่องสนุกปากของคนบางกลุ่ม บางทีก็กำลังทำลายความรักของใครบางคน #ที่คิดถึงนี่พูดจริง #ที่บอกว่ารักก็พูดจริง’ ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอย่างไง แต่น้ำตาผมไหลเลยว่ะ .
.
.
ผมยังไม่อยากกลับบ้านเลยขับมาเรื่อยๆจนถึงชะอำ เวลาสี่โมงครึ่งผมในชุดนักศึกษากับกางเกงยีนส์เดินเท้าเปล่าเหยียบย่ำไปตามหาดทรายที่ผู้คนยังพลุกพล่าน ผมไม่ได้เศร้านะ แต่แค่ก็อยากหลบไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราสักพักก็เท่านั้น
ผมเดินสงบสติจนแดดคล้อยจนแทบหายไปหมด หน้าปัดนาฬิกาข้อมือตีบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ผู้คนยังมีอยู่บ้างประปราย ลมทะเลเริ่มหนาวจนเนื้อตัวผมที่เหนียวหนึบไปด้วยเหงื่อและไอเกลือนั้นสั่นงกๆ
ผมรีบหยิบโทรศัพท์มาส่งไลน์หาพ่อกับแม่ว่าจะกลับดึกเสร็จ ก็เดินหาร้านอาหารเพื่อนั่งกินประทังความหิว เมื่อได้ร้าน ผมก็สั่งข้าวผัดสัปปะรด หมึกผัดไข่เค็ม หอยเชลล์ย่างเนย ปูผัดผงกะหรี่ และกุ้งเผามากินเคล้ากับบรรยากาศเรียบหาดตอนเย็น
ในขณะที่นั่งรออาหาร ผมก็เปิดไลน์ดู เพื่อนๆผมส่งมาถามสารทุกข์สุกดิบผมกันใหญ่ ผมก็เล่าเรื่องวันนี้ให้ฟังจนหมด พวกมันดูจะโมโหกลุ่มที่นินทาผมมาก แต่เรื่องบิวกับมังกร เห็นฟอยด์มันไลน์แยกมาว่าจีจี้มันโทรไปขอบคุณมังกรด้วย ซึ่งผมว่าดีแล้วแหละ อย่าทะเลาะกันเลย... ผมกับไอ้กรโคตรวางตัวลำบาก
ไลน์ของมนุษย์แฟนเก่านั้นเงียบสงบ ผมช่างใจอยู่นาน ก่อนจะกดส่งสติ๊กเกอร์หมีตีเข่าไปให้มัน พร้อมกับข้อความว่า ‘โทดๆ มือลั่น’ ทั้งที่ความจริงกูจงใจชัดๆ
Proton : ตอแหล
Proton : อีอ้วน
ตอบไวแท้ล่ะไอ้สัตว์ แล้วนี่หรอคือข้อความของคนที่เมื่อวานเพิ่งบอกรักบอกคิดถึงกูน่ะ... เอดร็อก
Proton : แล้วนี่อยู่ไหน
ผมส่งสติ๊กเกอร์บาร์วกับโคนี่ต่อยกันไปให้มัน
‘ชะอำ’แล้วถ่ายรูปชายหาดมืดๆไปให้
Proton : ควาญช้างเขาพามึงไปเดินขายกล้วยขายอ้อย?
‘olo’
‘ค วย’กลัวไม่เข้าใจ กูแปลให้ด้วย
Proton : 555
Proton : แล้วจะกลับตอนไหน
‘น่าจะสองทุ่มครึ่งนะ’กะเวลาการกินแล้วก็คงราวๆนั้น
Proton : ดึกไปไหม
Proton : หาโรงแรมนอนสักคืนเหอะ
'ไม่เอาอ่ะ นอนนอกบ้านคนเดียวมันไม่ชิน'ไปเจอผงเจอผีนี่บรรลัยเลยนะ
Proton : มึงเข้าใจไหม
Proton : กูเป็นห่วง
หน่องซีนี่ฉีกยิ้มจนหน้าตึงเลยฮะ... ฟินตัวจะแตก
'แปบเดียวเอง สี่ชั่วโมงก็ถึง'ถึงจะฟินแต่พี่นี่กลัวผีมากกว่า
Proton : มึงมันดื้อ
ว่าจบก็มีสายเข้ามาจากไอ้คนที่ค้างหน้าสนทนาไว้พอดี ไอ้ตอนแรกก็เฉยๆนะ แต่พอมองไปมองมาก็รู้สึกว่ามือไม้มันดูรกไปหมด ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน หรือทำอะไรดี... นี่กูจะตื่นเต้นอะไร
"ว่าไง"กรอกเสียงลงไปหลังจากกดรับแล้ว
/"ให้กูไปหาไหม"/
"เฮ้ย จะมาทำไม"พี่งี้เผลอเสียงดังเลย
คือมันก็ดูทุ่มเทให้ผมดีนะ ถ้าเป็นตอนอายุน้อยกว่านี้ผมคงบอกให้มันมาแหละ แต่พอเป็นตอนนี้ ผมไม่อยากให้มันมาว่ะ ไม่ใช่ว่าจะเล่นตัว ไม่อยากเจอหรืออะไรนะ แต่มันเป็นเพราะ ผมก็เป็นห่วงมันเหมือนกัน ยิ่งรู้ว่ามันสายตาสั้นผมยิ่งเป็นห่วง
/"อยากเจอ จบไหม"/อยากจะเอาหน้าไปถูไถกับพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอด
"ปูผัดผงกระหรี่ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ข้าวผัดสัปปะรดค่ะ"เสียงพนักงานดังเรียกกให้ผมหันไปมอง
"ขอบคุณครับ"ยิ้มให้เธอเล็กน้อย
/"แดกของทะเลมันไม่ดีกับคนเป็นภูมิแพ้ไม่ใช่หรอวะ"/
"นานๆทีไม่เป็นไรหรอก"
/"เอาที่มึงสบายใจเลย"/เดี๋ยวนี้หัดประชดประชัน /"แล้วคิดไงถึงไปชะอำ"/ได้ยินเสียงที่เหมือนเสียงเกมส์ดังมาเป็นระยะ
"จริงๆอยากไปอ่าวมะนาว แต่มันเย็นแล้วไง เลยมาแค่ชะอำพอ"มันเป็นความทรงจำของผมตอนเด็กน่ะ ไม่รู้ว่าติดใจอะไรอ่าวมะนาวนักหนา แต่เวลาผมไม่สบายใจมันก็จะโผล่มาในหัวทุกที
"กุ้งเผากับหอยเชลล์ย่างเนยค่ะ"ผมหันไปยิ้มให้พนักงาน แต่ก็ต้องแทบหุบยิ้มทันทีเพราะเสียงไอ้คนที่อยู่ปรายสายนี่แหละ
/"นี่แดกคนเดียวหรือเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน"/
"แฮ่..."ไม่รู้จะสู้อะไร กูขู่แม่งเลย
/"กินข้าวไป จะกลับก็ไลน์บอกกูด้วย"/
"จ้า"ผมกดวางสาย
นั่งกินไปสักพักเสียงเปียโนก็ดังขึ้นกังวาลไปทั่วทั้งร้าน เสียงหวานใสกับเนื้อเพลงที่ผมไม่เคยฟังมาก่อน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศกับก้อนเมฆฟุ้งๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนนะ ว่าเพลงไทยเก่าๆจะเพราะขนาดนี้
'ดอกเอ๋ย... เจ้าดอกจำปาลาว ตัวพี่รักเจ้า เท่าท้องนภาเอย...'
นั่งฟังเพลงเคล้าบรรยากาศพลิ้วๆของผ้าม่านที่ถูกพัดด้วยลมทะเลกับไฟสีส้มที่คลอไปด้วยเพลงหวานๆไปสักพักอาหารบนโต๊ะก็หมดลงโดยที่ผมไม่ได้รู้สึกอิ่มจนจะอ้วกแต่อย่างใด... นี่กูเริ่มหวั่นใจกับกระเพาะตัวเองแล้วนะ
เรียกเช็คบิลก็ปาไปเกือบสามทุ่มแล้ว ผมไลน์ไปบอกไอ้คนที่เพิ่งไลน์มาล่าสุดเมื่อสองทุ่มครึ่งก่อนจะขึ้นมาบนรถ เสียงเรียกเข้าทำให้ผมกดรับสาย ก่อนจะกดเปิดสปีกเกอร์แล้วเสียบไว้ในที่วางโทรศัพท์ที่ผมล็อกไว้กับพวงมาลัย
/"ไม่ต้องกดวางล่ะ"/
"โอเค"บอกแค่นั้น ผมก็กดเปิดเพลงเบาๆเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกิน
ผมขับรถมาเรื่อยๆแบบไม่รีบร้อย หมีขาวมีชวนคุยบ้างนานๆทีเพื่อเช็คว่าผมยังสติดีอยู่ แต่พอเริ่มเข้านครปฐมผมก็รู้สึกเหมือนหัวผมมันโล่งแปลกๆ สติคืออะไรเหมือนไม่เคยรู้จัก แถมตาแม่งก็เริ่มหนักขึ้นด้วย
ผมเผลอหลับในไปชั่ววินาที แรงรถที่ส่ายไปส่ายมาทำให้ผมตื่นขึ้นแล้วรีบเรียกสติเพื่อประคองพวงมาลัยอีกครั้ง โชคดีที่ถนนมันโล่งแบบที่นานๆจะมีรถสวนมาสักที ไม่งั้นกูแม่งได้โดนด่าบุพการีต้อนรับวันใหม่แน่
...จะเที่ยงคืนแล้วกูยังไม่ถึงบ้านเลย...
...ไม่น่ากระแดะมาไกลเลย...
...แม่ง...
ตึง!!!
เหมือนเหยียบอะไรสักอย่างจนรถกระโดด
ตูม!!
เสียงระเบิดด้านนอกทำให้ผมสะดุ้งจนตาสว่าง รีบดึงพวงมาลัยกลับมาทางขวาทันทีเมื่อเห็นรถพุ่งไปทางซ้าย แล้วผมต้องทำไงดีวะ
/"ซี!!!"/เสียงปลายสายดังขึ้น /"เสียงอะไร"/
"รถยางแตกอ่ะโปร น่าจะยางหน้าฝั่งขวา ทำไงดี"ผมถามเสียงสั่น มือขาผมก็สั่น ผมตกใจอ่ะ แถมทางก็มืด เปลี่ยวก็เปลี่ยว ตกข้างทางไป ไม่มีใครเห็นแน่
/"ตั้งสติ อย่าเหยียบเบรก ปล่อยคันเร่ง ประคองรถไว้ เปิดไฟฉุกเฉินด้วย"/ดีนะมันบอกก่อน ไม่งั้นผมเหยียบไปแล้ว
"โอเคๆ"ผมกลัวจริงๆนะ ตั้งแต่ขับรถมาไม่เคยยางแตก
/"ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆแตะเบรกให้รถมันลดความเร็วนะซี"/ผมพยายามไม่กลัวแล้วทำตามที่บอก แม้ว่าตอนนี้ผมจะน้ำตาคลอแล้วก็ตาม /"เลี้ยวจอดไว้ข้างทางนะ เดี๋ยวกูรีบออกไป"/
"ไม่ต้องรีบนะ เรารอได้"ผมรีบบอก ขืนมันเป็นอะไรขึ้นมา ผมคงไม่โอเคแน่ๆ
/"ล็อครถแล้วไม่ต้องออกไปข้างนอกล่ะ"/ไม่บอกกูก็ไม่ออกอยู่แล้วจ้า แค่นี้ก็กลัวจนเยี่ยวเหนียวแล้วเนี่ย ขืนลงไปเจอคุณยายกำลังกัดล้อรถอยู่กูได้บ้าแน่ /"ไอ้แคปออกไปเป็นเพื่อนกูหน่อย"/จากนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกัก
ผมบอกพิกัด นั่งตั้งสติสักพักผมก็หยิบไอแพดมานั่งดูการ์ตูนรอ นั่งดูไปถึงแค่ฉากที่สโนว์ไวท์แดกแอ๊บเปิ้ลติดคอเท่านั้น เสียงเครื่องยนต์ที่ดังมาไกลๆก็ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองที่ถนน
ผมมองไอ้รถสีเหลืองที่วนรถกลางถนนแล้วมาจอดต่อท้ายผม มนุษย์ตัวขาวผมดำปากแดงเหมือนนังสโนว์ไวท์ที่ผมดูอยู่ ก้าวลงมาจากฝั่งคนขับ พร้อมกับกล่องเครื่องมือช่างสีแดงแสบไส้
ผมรีบกดวางสายแล้วเปิดประตูรถลงไปเมื่อแน่ใจว่าเป็นใคร แต่เดี๋ยวนะ พวกมึงขับรถกันไวไปไหม แต่ช่างมันเถอะ ผมแม่งโคตรดีใจเลยที่เจอมัน
"โปร.."ผมรีบเดินเร็วๆไปหาไอ้ตัวขาว
"..."แต่มันเสือกเดินเลยผมไป แล้วเปิดประตูรถผม เพื่อเปิดกระโปรงรถด้านหลัง
เดี๋ยวก่อนนะ ฉากนี้มึงควรโผเข้ามากอดกูด้วยรักหรือเปล่า แล้วไอ้การเมินกูนี่มันคืออะไร กูหวาดผวา กูตกใจ กูกลัวนะเว้ย... หน่องซีต้องการไออุ่นและคำปลอบโยนเข้าใจไหม
"หายซ่าเลยดิมึง"ไอ้แคปยิ้มขำๆก่อนจะเดินไปดูที่ล้อรถผมด้านหน้าแทน "กูว่ายางน่าจะบวมอยู่แล้ว"ไอ้แคปมันบ่นๆในคณะที่โปรตอนยกล้ออะไหล่ออกมาจากท้ายรถผม แล้วกลิ้งๆไปด้านหน้ารถ
"น่าจะเหยียบหิน กูก็ตกใจ นึกว่าโดนโจรแม่งดักด้วยตะปูเรือใบ"ผมที่กำลังส่งไลน์ไปบอกพ่อกับแม่ว่าใกล้ถึงแล้วไม่ต้องห่วงถึงกับต้องเหลือบมองคนพูด
ไอ้ตัวขาวที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงบ็อกเซอร์เปิดกล่องสีแดงออกมาก่อนจะสอดแม่แรงยกรถที่ประกอบร่างสมบูรณ์แล้วเข้าไปใต้ท้องรถผม มันเหยียบที่เหยียบสีดำหนึ่งที ก่อนจะใช้แขนกดขึ้นลงไอ้ด้ามสีแดงอยู่ไม่กี่ทีรถผมก็ลอยขึ้น
แคปซูลใช้ประแจถอดล้อที่ติดมากับรถผมอยู่แล้วขันน๊อตออกจนหมด ก่อนจะช่วยกันก่อนที่หมีขาวจะยกล้อออก ส่วนไอ้แคปก็ยกล้อใหม่ใส่เข้าไปแล้วประคองล้อไว้ โปรตอนขันน๊อตล็อคล้ออย่างว่องไว ก่อนจะใช้เท้าเหยียบเพื่อไขให้มันแน่นที่สุด
คือในขณะที่หน่องซียืนดู ก็ได้แต่สงสัยว่า ผู้ชายนี่มันเปลี่ยนล้อรถเป็นหมดโลกเลยไหม แล้วไอ้คนที่เปลี่ยนไม่เป็นแบบกูนี่จัดว่าโง่ไหม
"เดี๋ยวมึงขับรถกูกลับนะ"โปรหันไปบอกไอ้ตี๋ตาสองชั้นที่สภาพคล้ายคลึงกัน ก่อนจะกดให้แม่แรงคลายตัวแล้วเก็บลงกล่อง
"เออ มึงก็ขับตามมาดีๆ"รับกล่องสีแดงไป แล้วก็เดินกลับไปที่รถ "ส่วนมึงก็นอนดูสโนว์ไวท์ไป เปิดเสียงโคตรดัง พวกกูเรียกอะไรก็ไม่ตอบ มันโคตรโมโห"พยักเพยิดไปที่ไอ้โปร แล้วตบบ่าผมแปะๆแบบให้กำลังใจ
แคปซูลขึ้นไปบนรถสีเหลืองด้านหลัง ผมก็เดินมานั่งด้านข้างคนขับในขณะที่โปรตอนยกล้อที่ถูกเปลี่ยนออกไปไปเก็บท้ายรถ
นั่งทำใจไม่ถึงนาที มนุษย์ตัวขาวในกางเกงบ็อกเซอร์โดนัลดั๊กสีเหลืองก็เข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับ โปรขับรถมาเงียบๆ จนผมเริ่มใจไม่ดี คือผมไม่ชอบให้ใครมาโกรธอ่ะ ผมรู้สึกไม่ดี
"ขอโทษ"ผมบอก แต่มันก็ยังเงียบอยู่ "เราขอบคุณนะ ที่โปรมาอ่ะ เรากลัวมากเลย"พอคิดถึงวินาทีที่รถส่าย อิน้ำตาแห่งความสำออยก็ไหลออกมา
ไอ้โปรตีไฟเลี้ยวแล้วหักรถจอดเข้าข้างทาง ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด พอมีคนมาโอ๋ ผมก็ปล่อยโฮเลยดิ รอสำออยมานาน มือใหญ่ของอีกคนกดหัวผมให้แนบกับบ่า ในขณะที่อีกมือก็รัดผมแน่น
"ตกลงมึงเป็นอะไร ถึงได้ขับรถไปยันชะอำ"ถามไปก็ลูบหัวผมไป
ผมกำเสื้อยืดของอีกคนแน่นก่อนจะส่ายหน้าไปมาบนบ่ากว้าง ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรเหมือนกัน มันเหมือนกับว่าเรื่องหลายๆอย่างมันสะสมจนผมอึดอัด จนต้องร้องไห้ออกมา
"ใครทำอะไร"ผมไม่ตอบ
นั่งให้มันปลอบอยู่สักพัก ผมก็ร้องจนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงมันด้วยเสื้อกล้ามที่คว้านแขนลึกแค่ตัวเดียว ส่วนอีท่อนล่างที่เคว้งคว้างเลยจ้า
"ปวดหัวไหม"ไอ้คนที่นอนดูหนังอยู่บนเตียงถามผมเสียงเบา
"ไม่อ่ะ"ส่ายหัวตอบแล้วลุกขึ้นนั่งแบบเบลอๆ "กี่โมงแล้วอ่ะ"
"ตีสอง"ผมนี่ตาสว่างเลย
"พ่อด่าแน่เลย โทรศัพท์อยู่ไหนอ่ะ"ผมลลุกลี้ลุกลนอยู่คนเดียว
"กูโทรบอกให้แล้ว"ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
"พ่อด่าไหม"
"ไม่นะ"หยิบรีโมทมากดปิดทีวี "อยากกอดกูไหม"คนที่นั่งพิงหัวเตียงอ้าแขนออกกว้าง... คือถามได้มั่นหน้ามาก
"อื้อ"ผมโผเข้าไปกอด "อยู่กับโปรนี่เราเหมือนคนแคระเลยเนอะ"ผมพูดออกมาอู้อี้เมื่อฝังหน้ากับอกเปลือยเปล่า
"คนแคระอะไร อย่างมึงมันชบาแก้ว"หัวเราะคิกคักคนเดียว... แต่ ไอ้สัตว์ ชบาแก้วมันหนักกว่าคนแคระอีกนะนั่น
"คารารวย"ผมพยายามดิ้นออกจากวงแขน แต่ก็นะ ไม่สำเร็จหรอก เพราะกูดิ้นเล่นตัวไปงั้น
"เดี๋ยวกูเป็นก้านกล้วยให้"จูบลงมาบนกบาลผมหนึ่งที... กูนี่เหมือนไฟช๊อตทั้งร่างเลยจ้า "ว่าไงชบาแก้ว พรุ่งนี้แดกข้าวขาหมูกันไหม"ผมนิ่งไปสักพัก คิดว่าจะล่อกูด้วยของกินได้หรอ
"อื้อ"ครางออกมาเบาๆ "ข้าวหมูแดงด้วยได้ไหม"
ผมหรอเห็นแก่กิน... ไม่มี๊
-------
คือลงรอบแรกเนื้อหาหายไปสิบบันทัดได้
หลังจากที่เอาไอดีเพื่อนมาเปิดซิงเมื่อตอนก่อน
ก็กลับมาใช้ของตัวเองได้สักที
ขับรถไม่กี่ชั่วโมง
นางก็สามารถอัพเวลการอ้อนผัวขึ้นไปจม
รักนะ
ขอบคุณที่รอกันนะคะ
ตอนหน้าจะพยายามมาต่อให้เร็วกว่านี้เนอะ
ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด เหมือนสมงสมองมันแล่นด้วยอ่ะ
คงได้อ่านเร็วกว่าเดิม