.
.
.
ตื่นมาอีกทีนาฬิกาตีบอกเวลาทุ่มครึ่ง ยันตัวที่ร้าวไปทั้งสะโพกและแผ่นหลังลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองห้องมืดๆอีกครั้ง เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ กวาดตามองอีกครั้งก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใด ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค
อ่า ทั้งไลน์ทั้งโทรมาเต็ม ผมเลือกโทรกลับไปหาไอ้เอ็ม รอเพียงไม่นานมันก็กดรับ เสียงที่รอดมาจากปลายสายนั้นจ๊อกแจ๊กจอแจจนแอบน่ารำคาญ
"โย่ว"ทักง่ายๆ และเป็นวินาทีเดียวกับพี่มนุษย์แฟนเก่าเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
/"ปี้กันหยอ พวกกูโทรกันยี่สิบสามสิบสาย ไม่มีหมามารับสักตัว"/ทำเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างน่าหมันไส้
"ไอ้สิ่งมีชีวิตยูคาริโอตที่อยู่ในอาณาจักรแอนนิมาเลีย"พี่นี่ด่าว่าไอ้สัตว์ อยากจะด่าแบบปกตินะ แต่อิตัวขาวมันอยู่ไง ไม่ค่อยอยากหยาบ
/"ค-วย กูตกไบโอ นี่มึงจะตรอกย้ำว่ากูโง่ใช่ไหม คุณมันใจร้าย คุณมันคนไม่มีหัวใจ คนเลว"/ตัดพ้ออย่างสะดีดสะดิ้ง จนผมนี่อยากจะแยงตีนไปถีบหน้ามันผ่านโทรศัพท์
"ไอ้หัวอวัยวะเพศชาย"ผมหันไปมองไอ้มนุษย์บ๊อกเซอร์สปอนจ์บ๊อบสีเหลืองด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ เราจ้องกันราวสิบวิ ก่อนที่อีกคนจะเริ่มหน้าดำหน้าแดก แล้วก็...
“แค่กๆๆๆๆ”ถึงกับสำลักเลยไอ้สัตว์
“เออมึง มึงอยู่ไหน เดี๋ยวกูออกไปเอากระเป๋าเลย”
/”ฝากไว้ที่ยามประตูสาม แค่นี้นะมึง”/ไม่ทันที่ผมจะตอบรับอะไร มันก็วางสายไปเลย
ผมกดเข้าไปตอบไลน์พ่อกับแม่ว่ายังไม่แน่ใจจะกลับบ้านกี่โมง ก่อนจะปิดเครื่องแล้ววางไปบนโต๊ะข้างเตียง โปรตอนเดินไปแต่งตัว ผมก็เดินไปเอาเสื้อผ้าชุดเดิมที่พับวางไว้บนเคาน์เตอร์ในห้องน้ำมาใส่
หลังจากออกไปเอากระเป๋าที่ป้อมยามแล้ว เราสองคนก็มากินข้าวขาหมูเจ้าเก่าเจ้าประจำของหมีขาว ร้านตอนนี้คนกำลังแน่น ยืนรอตั้งนานกว่าจะได้โต๊ะ ดีนะได้โต๊ะเล็กที่นั่งได้สองคน ถ้าได้ไปนั่งรวมกับคนอื่น คงไม่ค่อยเจริญอาหารอ่ะ แบบมันอึดอัดๆ เกรงใจแปลกๆอ่ะ
"ที่ล่องแพ ที่ชวยเราเป็นไงอ่ะ สวยปะ" ชวนคุยขณะรอข้าวขาหมู
"ดูรูปไหมล่ะ"ผมรีบพยักหน้า ก่อนอีกคนจะปลดล็อคโทรศัพท์แล้วยื่นมาให้ผม
"ถ่ายรูปสวยจัง ใช้โทรศัพท์หรอ"ผมถามเมื่อเห็นรูปที่เห็นหยดน้ำเป็นเม็ดๆเลย
"ใช้กล้อง DSLR แล้วส่งเข้าโทรศัพท์"ไม่รู้คือห่าอะไร แต่กูพยักหน้าไปมั่วๆ "อันนี้ตอนกูไปตกปลากับพวกไอ้ธัน"ผมมองรูปที่เห็นหัวเรือแคนนูสีเหลืองสด ท้องฟ้ากับผืนน้ำสีสดใสมาก ดูสงบจัง
"แล้วตกได้เยอะปะ"
"ไม่ได้แดกสักตัว พวกแม่งเสียงดังฉิบหาย"ผมหัวเราะ เมื่อคิดถึงไอ้ธัน ไอ้หนวด และไอ้แว่นเพื่อนของโปร "แต่ตอนว่ายน้ำสนุกดี"
"ดีเนอะ เสียดายเราว่ายน้ำไม่เป็น"เคยเรียนว่ายน้ำตอนอนุบาลนะ แต่ไม่รู้โตมาอิท่าไหน อยู่ดีๆเสือกว่ายไม่เป็นซะงั้น
"ใส่เสื้อชูชีพไง เดี๋ยวกูลากไปกลางน้ำให้"พูดถึงตรงนี้แล้วฉากในอดีตแม่งไหลมาเลย
"แล้วก็ปล่อยกูทิ้งไว้ แล้วว่ายหนีใช่ไหมห๊ะ"พี่นี่ขึ้นเลย
"ตอนนั้นมึงแม่งร้องไห้ด้วย หน้าแม่งโคตรตลก"แล้วก็หัวเราะอย่างอารณ์ดี
เท่าที่จำได้ เหมือนตอนนั้นผมจะไปเที่ยวทะเลกับพวกเพื่อนมันนี่แหละ ตอนแรกมันก็ทำหน้าที่แฟนที่ดี ให้ผมอยู่ในห่วงยาง แล้วว่ายน้ำลากผมออกไปเกือบถึงทุ่นกลางทะเล ไอ้ผมก็กำลังดื่มด่ำกับภาพก้อนเมฆสีขาวที่ลอยคว้างอยู่บนท้องฟ้ายามบ่ายอยู่ดีๆ หันมาอีกที แฟนกูว่ายหนีไปแล้วจ้า... เอดร็อก
แล้วที่ช้ำที่สุด คือยิ่งตีมือตีขาเท่าไหร่ แทนที่มันจะไปใกล้ฝั่ง คลื่นเสือกซัดกูออกจากฝั่งไปซะงั้น ตะโกนเรียก ตะโกนด่าเท่าไหร่มันก็ไม่มาช่วย ผมก็เลยโมโหจนร้องไห้นั่นแหละ กลัวก็กลัว ช่วงนั้นกูดูหนังฉลามเยอะด้วย
"หลังจากนั้นมึงก็เอาแต่เอาอีแตะไปรอยน้ำเล่นตลอด ไม่เล่นกับกูเลย"ทำเสียงเศร้าได้ตอแหลมาก
"แน่ดิ โดนปล่อยทิ้งไว้ไม่สนุกหรอกนะ"
"แต่กูก็กลับไปช่วยมึงปะวะ"
"ช่วยหลังจากที่ปล่อยให้ร้องไห้ครึ่งค่อนชั่วโมงอ่ะนะ"แต่คิดถึงตอนนั้นก็ตลกตัวเองเหมือนกัน กูจะแหกปากร้องไห้อะไรขนาดนั้น"โปรแม่งชอบแกล้งวะ"วีรกรรมที่มันก่อกับผมนี่เยอะฉิบหายอ่ะ เล่าไปสามวันก็ไม่หมด
"ก็มึงมันขี้กลัว เห็นแล้วหมันไส้"แล้วใช่เรื่องที่ต้องแกล้งกูไหมล่ะ
"อิพวกกล้าๆนี่ตายไวตลอดนะ"
"อิพวกอ้วนๆก็ตายไวเหมือนกัน"ไอ้สึด "วันอาทิตย์ไปว่ายน้ำกันไหมล่ะ"พูดกลั้วหัวเราะ
"ไม่.."มองค้อนไปที
"สระไม่ลึกหรอก แต่ถ้าโง่จมขึ้นมาจริง เดี๋ยวกูช่วยผายปอดให้"หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ทำไม
"ผายปอดให้เฉพาะตอนจมน้ำหรอ"ไม่ได้อ่อยนะเว้ย "ตอนนี้ไม่ได้หรอ"แค่สงสัย
"ยั่วมากๆระวังจะเดินไม่เป็น"เพราะโต๊ะมันเล็ก ไอ้โปรมันเลยเอื้อมมือมาถูๆหน้าขาผมได้อย่างไม่ลำบาก
"อย่าเลย ยังไม่อยากเห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลืองรำไร"
"ตกลงวันอาทิตย์หน้าว่าไง"ยังคงลูบขาผมไม่จบไม่สิ้น
"ก็ได้ ถ้าโปรสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเราไว้อีก"
"การที่กูไม่ได้จับมือมึงไว้ ไม่ได้หมายความว่ากูทิ้งมึงหรอกนะ"มันจ้องหน้าผมนิ่ง แต่เป็นผมเองที่เลือกจะหลบสายตก่อน... ใจเต้นตึกตักอีกแล้ว
"อือ นั่นแหละ ห้ามทิ้งอีกนะ"
"มึงนั่นแหละ ห้ามทิ้งกูอีก"มาถึงตอนนี้ ผมยังนึกสาเหตุที่เลิกไม่ออก แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเกลียดตัวเองอยู่นิดๆ ที่ทิ้งมันไป ทั้งที่เราก็มีความสุขตลอด แต่ทำไมผมถึงทำร้ายมันลง
"อื้อ"ถึงจะครางตอบเบาๆแทนที่จะเป็นคำสัญญาที่หนักแน่น "จะทิ้งได้ไงเล่า ยังไม่ได้คบเลย"
ยังไม่ทันได้คุยอะไรต่อ ข้าวขาหมูพร้อมกับคะน้าและผักกาดดองก็มาเสิร์พถึงโต๊ะ นั่งกินกันไปเงียบๆ บรรยากาศรอบข้างยังคงจ๊อกแจ๊กจอแจ รู้สึกเหมือนต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อดึงบรรยากาศ แต่เอาเข้าจริง แม่งก็คิดเรื่องจะคุยไม่ออก
“ซีอิ๊ว”
“ห๊า..”มาเต็มยศเลยจ้า ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มแก้ประหม่า
“เป็นแฟนกับกูเหอะ”ยิ้มร่า ส่วนกูนี่หรอ
พรวดด
น้ำนี่พุ่งเป็นฝอยเลย ดีนะหันไปทางกำแพงทัน ไม่งั้นหน้ามึงได้ฉ่ำวาวราวสาวเกาหลีแน่อิหมี!!
“แค่กๆๆๆ”รีบดึงทิชชู่มาปิดปาก
“เรากลับมาคบกันเถอะ”ผมหลุบตาลง พยายามสงบสติอารมณ์และความตื่นเต้นที่มี แต่ทำไมใจมันเต้นแรงแบบนี้วะ “นะ”อย่ามาทำเสียงอ้อนได้ไหม “คบกับโปรนะ”
“...”เงยหน้ามองเล็กน้อย ในหัวผมมันเหมือนเบลอๆ ไอ้อาการแสบจมูกจากการสำลักน้ำเย็นก็หายไปเร็วอย่างเฉีบพลัน
“น๊าอิ๊วนะ”คิดว่าผมจะทำอะไรได้
“อื๊อ...”ทำไงได้วะ
ก็ผมแพ้ทางมันตลอดนั่นแหละ
------
อย่างที่บอกนะคะ เขียดจะแก้ตอนล่าสุดเนอะ
ตอนนั้นเขียดเครียดๆ เลยรวนไปหมด
เรื่องมันเคยแลหวานเกินทั้งที่มันไม่ใช่อ่ะแกรรรรรร
ขอบคุณที่ทุกคนที่ติดตาม และรอเขียดเสมอค่ะ
กลับมาแล้วค่ะ กลับมาพร้อมกับไข้หวัด (แม่ง
)
เข้าใจจิตใจยุ่นในฟรีแลนซ์ล่ะ
ไอ้สัด ยาสลบช้าง