“ใจเย็น อิพวกนั้นมันชอบตอดเล็กตอดน้อยแบบนี้แหละ แต่ไม่มีอะไรหรอก”ไอ้ธันคงเห็นผมขมวดคิ้ว
“อือ”
“ถ้าเห็นแล้วไม่สบายใจ ลงไปเซเว่นกันไหมล่ะ”
“ไม่เป็นไร อยู่นี่แหละ”อยู่ดูนี่แหละ เผื่อเกินไป กูจะได้หาอะไรปาทัน
“ขี้หึงนะมึง ไหนไอ้โปรบอกมึงไม่ค่อยหึงวะ”ไอ้ธันแซว
“ไม่ได้หึง กูแค่ไม่ชอบ”
“ไอ้ฟาย นั่นแหละหึง”ไอ้ธันว่า แต่ผมไม่ต่อปากต่อคำ “อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อยมึง”
“งั้นลองให้มีคนมาลูบนมเมียมึงบางดิ มึงจะใจเย็นไหม มันไม่เสียหายนี่”พี่โมโหเมื่อไหร่ ปากพี่ไวแบบนี้แหละ
“เออว่ะ ต่อยเลยไหมล่ะ ตุ๊ดกับผู้หญิงทั้งนั้นเลยมึง”ไอ้ธันวางแก้วก่อนจะยันตัวลุกขึ้นแล้วทำท่าจะลากผมไปข้างหน้า
“ไอ้เหี้ย ไม่ไป กูไม่สู้คน”ต่อให้เป็นตุ๊ดกับผู้หญิง กูก็มั่นใจ ว่าถ้าสู้กันจริงๆ กูก็แพ้ “งั้นไปเซเว่นก็ได้”
“เออ เดี๋ยวกูหยิบกระเป๋าก่อน”
ในขณะที่ไอ้ธันเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ ผมก็มอไปที่มนุษย์แฟนตัวขาว ที่กำลังโดนรุมทึ้งอยู่หน้าห้อง บอกตรงๆว่าไม่ชอบ แต่นอกจากทำใจแล้วกูทำอะไรได้วะ
“ไปเถอะ”ไอ้ธันเดินลิ่วๆนำไป ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามไปนิ่งๆ
จากตอนแรกที่กะว่าจะแค่ซื้อขนมในเซเว่น แต่ไปๆมาๆผมกลับมานั่งแดกหวานเย็นในโรงอาหารคนเดียวแทน อย่าเพิ่งถามว่าไอ้ธันไปไหน มันกลับไปทำภารกิจมันต่อแล้วครับ
แต่ช่างเถอะ นั่งแดกอยู่ตรงนี้ก็สบายดี ไปอยู่ตรงนั้นเหมือนเป็นส่วนเกินว่ะ เพราะนอกจากไอ้ธันกับแฟนผม ผมก็ไม่รู้จักใครแล้ว อยู่ไปก็อึดอัดเปล่าๆ
กินเสร็จผมก็ไปเดินเล่นในศูนย์หนังสือต่อ ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก จนต่อให้เป็นหนังสือเรียนผมก็อ่านได้ ผมเลยสามารถสิงอยู่ที่นี่จนปิดอย่างไม่เบื่อ
แต่เดี๋ยวนะ นี่มึงยังไม่เสร็จอีกหรอ ผมมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบห้าโมงเย็นอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์โปรขึ้นมาดูเบอร์ไอ้ธัน ก่อนจะกดหมายเลขลงในเครื่องตัวเอง ก่อนจะโทรออก
/”ครับ”/สุภาพเชียวนะมึง
“ธัน นี่กูซีนะ คือยังไม่เสร็จอีกหรอวะ”ผมถามตรงๆไปเลย
/”กำลังจะเสร็จแล้ว”/แล้วก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊ก /”ไอ้โปรมันกำลังเดินกลับตึกคณะ”/
“โอเค งั้นเดี๋ยวเรารอใตตึกที่ขึ้นไปตอนแรกนะ”
/”เออ ไอ้โปร คุยกับเมียมึงไหม”/แต่ผมไม่อยากคุยว่ะ วางสายแม่งเลย
ยอมรับเลยนะว่างี่เง่า แต่ผมไม่ค่อยโอเคว่ะ ถ้าพามาแล้วเป็นแบบนี้ ผมว่าทีหลังผมรอมันอยู่ที่บ้านดีกว่า ไม่หงุดหงิด แถมไม่เสียเวลาไปโดยใช่เหตุด้วย
เมื่อหาที่นั่งได้ ผมก็แกะหนังสือการ์ตูนที่เพิ่งถอยออกมาเมื่อกี้ นั่งอ่านไปไม่ถึงสิบหน้าด้วยซ้ำ ผมก็รู้สึกถึงแขนหนักๆทีพาดลงมาบนบ่า พร้อมกับเจ้าของมันที่นั่งลงข้างผม
“หิวยัง”ผมส่ายหน้า กูเพิ่งกินบิ๊กเปาเซเว่นไปครับ “แต่กูหิวว่ะ ไปหาไรกินกันเหอะ”มันเก็บข้าวของผมลงกระเป๋า ก่อนจะดึงแขนผมให้ลุกขึ้น
“อือ”ผมยันตัวลุกขึ้น แล้วเอากระเป๋าสะพานมาถือเอง
“พี่ๆหวัดดีครับ พวกมึง กูกลับก่อนนะ”โปรหันไปล่ำลา
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้ไปทั่ว ไม่ใช่ว่ามารยาทงามนะ กูหลอนอยู่
“ออกทางหน้าม.เปล่ามึง”โปรพยักหน้า “ฝากน้องหมิวไปด้วยดิ”ไอ้โปรหันมามองผม ผมเลยพยักหน้าไป
“ได้ๆ หมิวลงตรงไหน”
“ลงหน้าม.ค่ะ เดี๋ยวแม่หมิวมารับ”
หลังจากน้องหมิวผู้สวยหยาดราวกับนางฟ้าลงมาจุติตอบ พวกเราก็เดินมาที่ลานจอดรถ แต่ด้วยความที่มันมีสองประตูไง จะให้น้องปีนไปเบาะหลังก็ทุลักทุเลเกินไปว่ะ
“เดี๋ยวพี่เข้าไปเองครับ น้องนั่งหน้าเถอะ ได้ลงง่ายๆ”ผมบอกจบผมก็พับเบาะแล้วปีนขึ้นไปนั่ง
“ขอบคุณค่ะ”น้องเขาฉีกยิ้มหวาน... ทำไมน้องเขาสวยจังวะ เหมือนมีออร่าอะไรเรืองรองอยู่เลย
“ตามึงวิบวับอีกแล้วนะ”ไอ้โปรพูดขึ้นเมื่อผมผมปีนเข้ามานั่งด้านหลัง
“เราง่วง”ตอแหลแม่ง
หลังจากส่งน้องหมิวที่หน้าม. ผมก็นั่งเป็นคุณชายอยู่ด้านหลังเหมือนเดิน โปรพาผมมานั่งกินข้าวที่ร้านชาบูซึ่งอยู่ในซอยแถวๆม.มันนั่นแหละ
แต่นั่งกันไปไม่นาน ยังไม่ทันที่จะลุกไปตักของกินเลยด้วยซ้ำ แก็งค์เพื่อนแฟนผม อันมีไอ้หนวดที่สารร่างคล้ายโจรเป็นแกนนำ ก็เดินเข้ามาในร้านอย่างอุกอาจ
“อ้าว วันนี้หล่อนะครับพี่ครับ”ไอ้หน้าโจรที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงกีฬาเอ่ยปากทักแฟนผมก่อน “เพื่อนสะใภ้สวัสดีครับ”ก้มตัวไหว้อย่างรวดเร็ว จนผมนี่ไหว้คืนแทบไม่ทัน
“ไปนั่งไกลๆตีน”ไอ้โปรโบกมือไล่เพื่อนมัน
“เธอใจร้ายกับฉันที่รักเธอหมด หัวจายยย”ร้องเพลงขึ้นมา ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างอิตัวขาวแล้วเอาหัวซบบ่า
“เดี๋ยวกูถีบ”โปรมันผลักหัวเพื่อนมันออก
“งั้นเราไปตักก่อนนะ”ผมบอก่อนจะลุกออกไปเพื่อให้มันคุยกันสะดวก
ผมตักนู้นตักนี่ไปสักพักก็กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมันไปนั่งโต๊ะใหญ่อีกมุมแล้ว ผมเอาของกินที่ตักมาลงหม้อ ก่อนจะนั่งกินไป คุยไปอย่างเพลินๆ
“กูไปหาเพื่อนเดี๋ยวนะ”ผมยิ้มแล้วก็พยักหน้า
นั่งจ้วงของหวานในถ้วยจนหมดเป็นรอบที่สาม ไอ้คนที่ไปหาเพื่อนก็ยังไม่กลับมา ที่จริงผมเป็นคนเอาแต่ใจนะ ผมไม่ชอบรอ ผมนิสัยไม่ค่อยดีหรอก แต่ผมก็พยายามทำตัวดีๆกับมันนะ ดูอย่างตอนนี้สิ ผมรอเก่งขึ้นเยอะเลยว่ะ
“โทษทีว่ะ รอนานเลยดิ”โปรขอโทษ ผมก็แค่ยิ้ม
หลังจากจ่ายเงินกันแล้วก็เดินไปลาพวกเพื่อนมันที่โต๊ะ และก็นั่นแหละ พวกเพื่อนมันก็ชวนไปร้านเหล้า ก็ชวนผมด้วยนั่นแหละ ผมไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มๆไป
ถึงแม้ว่าผมจะคุยกับเพื่อนมันได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะสนิทใจนะ มันเหมือนมีกำแพงบางๆกั้นอยู่
“เอาไง จะไปไหม”โปรถามเมื่อเรานั่งรอสัญาณไฟเขียวอยู่ในรถ
“ไม่อ่ะ เราอ่านหนังสืออยู่บ้านดีกว่า”
“รอที่บ้านกูคนเดียวได้หรอวะ วันนี้ป๊าม๊าไม่อยู่นะ”โปรบอก สีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวเรารอที่บ้านรานี่แหละ จะกลับก็โทรมา เดี๋ยวเราให้ที่บ้านไปส่งหน้าซอย”
“ไม่เอา เผื่อดึก เกรงใจบ้านมึง”โปรเม้มปากอย่างครุ่นคิด “งั้นเดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดที่บ้านมึงก่อน แล้วสักสองทุ่มค่อยออกไปด้วยกัน”
“โปรไปคนเดียวไม่ดีกว่าหรอ เราไปด้วยเกรงใจเพื่อนโปรว่ะ เผื่อมีความลับอะไรจะคุยกัน”
“ไปด้วยกันนี่แหละ ได้หาเรื่องกลับเร็วๆ”
“เอางั้นก็ได้”ผมยิ้ม แม้ในใจผมจะรู้สึกว่าว่าผมฝืนอยู่ก็ตาม
นอนพักที่บ้านผมสักพัก เราก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปเริงร่ากันตอนสองทุ่มนิดๆ ร้านเหล้าที่แฟนผมนัดกับเพื่อนไว้ เป็นร้านเหล้าสไตล์คันทรีที่มีเบียร์สดกับเพลงอเมริกันคันทรีเป็นกิมมิกประจำร้าน
โต๊ะที่ถูกจองไว้เป็นโต๊ะใหญ่ที่ถูกต่อกันสามโต๊ะ ที่โต๊ะมีคนที่ผมไม่รู้จักเต็มไปหมด ความประหม่าเริ่มกลับมาอีกครั้ง ผมยิ้มและกล่าวทักทายราวกับมันเป็นหน้าที่ ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆแฟนตัวเอง
โปรตอนลูบผมที่เพิ่งสระของผมเบาๆสองสามที เสียงโห่แซวดังระงม ผมหลุบตาลงไม่สนใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไลน์กับเพื่อน การเป็นจุดเด่นแบบนี้ มันเริ่มทำให้ผมริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้วว่ะ
ผ่านไปร่วมชั่วโมง ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้ อิตัวขาวมันเริ่มเมาหนัก ตานี่หวานฉ่ำ พูดหยอกล้อกับคนนู้นคนนี้ไม่ขาดปาก แถมมีผูหญิงจากโต๊ะอื่นให้เด็กเสิร์ฟมาขอเบอร์อีกด้วย
“ให้ดีไหมน๊า”รู้ว่ามันกำลังเย้าผมเล่น “ว่าไงครับเบบ”เท้าแขนกับโต๊ะแล้วหันมองผมด้วยสายตาหวานฉ่ำ
“เบบนี่แปลว่าที่รักปะวะ”ไอ้โจเพื่อนมันสงสัย
“ม่ายช่าย เบบที่มันเป็นหมูอ่ะ”ไอ้โปรตอบ ส่วนผมก็ได้แต่พรึมพรำว่า
“ไอ้สัด..”ท่ามกลางเสียงหัวเราะระงม
“โปร”ผมสะกิด
“ครับผม”
“สามทุ่มแล้ว จะกลับยัง”
“อือ กลับเลยก็ได้”ยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะโบกมือลา “ออกไปก่อน เดี๋ยววันจันทร์ค่อยเอาเอาเงินนะ”ตบหลังเพื่อนมันสองสามที ก่อนจะเดินเอียงนำไป
ผมยัดคนเมาเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะเป็นรับหน้าที่ขับเองในวันนี้ บอกตามตรงเลยนะ โคตรจะไม่ชิน เนื่องจากเครื่องมันใหญ่กว่ารถผมพอสมควร เลยกะแรงตีนไม่ค่อยถูก ไหนจะปุ่มหยุบหยับมากมายก่ายกองนี่อีก
กลับถึงบ้านโปรก็ราวๆสี่ทุ่ม ผมลากคนเมาไปอาบน้ำเสร็จ ก็มาทิ้งตัวลงนอนกอดกันตามปกติ แต่ไม่ทันที่จะได้นอน ไอ้คนที่สมควรจะหลับๆไปสักทีก็ใช้มือทัดผมให้ผม
“เข้าใจอารมณ์พ่อแม่ที่มีคนมาชมลูกให้ฟังแล้วว่ะ”ผมเงียบรอฟัง “วันนี้มีแต่คนชมว่ามึน่ารัก มีแต่คนบอกว่ากูแม่งโคตรโชคดีที่มีแฟนไม่งี่เง่า มีแฟนที่เข้าใจ ขอบคุณนะซี”แล้วก็จุ๊บลงบนขมับผมเบาๆ
“อื้อ”ผมก็รู้สึกดีนะตอนคนอื่นชม แล้วแฟนก็ภูมิใจในตัวผม แต่ลึกมันก็หน่วงๆว่ะ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ว่าตรงลงผมกำลังสุขหรือเศร้ากันแน่
เหมือนกับคนที่ยิ้มทั้งที่น้ำตาไหลนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเขาร้องไห้เพราะมีความสุข หรือฝืนยิ้มทั้งที่เศร้ากันแน่ แต่ช่างมันเถอะ เพราะตอนนี้ที่ผมได้อยู่กับโปร ได้กอดโปรแบบนี้ ผมก็มีความสุขมากๆแล้ว
วันเสาร์เหมือนเป็นวันแฮงค์แห่งชาติของมนุษย์แฟน จากที่ตั้งใจจะออกไปเดทกัน เลยต้องเปลี่ยนเป็นนอนง่อยอยู่บ้านมันแทน แต่ผมชอบนะ นอนกอดกันแล้วดูซีรีย์ก็สบายดี
เช้าวันอาทิตย์เป็นวันที่โปรต้องไปส่งผมที่บ้าน แต่จากเดิมที่แค่ไปส่งผมแค่คนเดียว ก็มีแฝดร่วมคณะที่มันแว๊นวินมาลงที่หน้าหมู่บ้านเพื่อติดสอยห้อยตามไปอีกตัว
ส่งผมกับไอ้กรที่หน้าบ้านเรียบร้อย โปรก็ไปที่คณะต่อ ผมกับไอ้แฝดที่หอบผ้าหอบผ่อนมานอนบ้านผมหนึ่งคืนพากันเดินเข้าบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อเข้ามาในบ้าน พี่พลอยที่กำลังเช็ดเคาน์เตอร์บาร์อยู่ ก็อีกยกน้ำเย็นมาให้ผมกับไอ้กรที่ห้องนั่งเล่น
“ตกลงมีเรื่องอะไรจะปรึกษากู”ผมเปิดประเด็น ในขณะที่คนฟังสูดหายใจเข้าออกอย่างทำสติ
“คือกูอยากให้ของขวัญวันเกิดคนรู้จัก คือมันช่วยกูหลายอย่าง กูก็อยากจะให้อะไรมันบ้าง กูเลยเปิดรูปนาฬิกาให้มันดูว่าชอบอันไหน คือกูไม่ได้อวดรวยนะเว้ย แต่มึงก็รู้ใช่ปะว่าบ้านกูก็พอมี”พอมีเหี้ยอะไร ตามึงเป็นเจ้าสัว มีบริษัทลูกไม่ต่ำกว่ายี่สิบบริษัท
“แล้ว...”
“คือมันไม่เอา มันบอกว่าถ้าอยากให้ มันขอเป็นอะไรที่มีคุณค่าทางความรู้สึกมากกว่า ทีนี้มันวันเกิดไง กูเลยอยากทำเค้ก”อ๋อ แล้วทำเค้กนี่มึงไม่ใช้เงินเลยเนอะ แป้งนี่มึงโม่เองงั้นสินะไอ้สัตว์
“ซื้อไหมมึง แล้วบอกว่ามึงทำเอง”
“แล้วให้โป๊ะแบบจอยเพื่อนรักมึงอ่ะนะ”พูดถึงตรงนี้ ผมก็หัวเราะลั่นเลยครับ
คือเรื่องจอยเนี่ย เกิดตอนปีหนึ่ง เหมือนเขาจะชอบผมนั่นแหละ แล้วเหมือนเอาไปมโนเล่าให้คนอื่นฟังว่าผมก็มีใจให้เขา คือผมก็ไม่ได้อะไรหรอก ไม่อยากพูดอะไร สงสารเขาอ่ะ แต่เพื่อนผมที่รู้เรื่องจริงๆก็ไม่ค่อยชอบจอยกันเท่าไหร่หรอก
แล้วทีนี้ตอนวันเกิดผม เขาก็เอาเค้กมาให้ แล้วบอกว่าทำเอง ผมก็ขอบคุณไปตาประสา แต่ไม่ได้กินหรอก จีจี้มันไม่ให้กิน บอกว่าเผื่อเขาทำของใส่ ผมก็แบบ ไม่แดกก็ได้วะ เพราะยังไงวันนี้เพื่อนผมก็ซื้อเค้กมาเซอร์ไพรส์ผมอยู่แล้ว
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น วันต่อมาแก็งค์สามสาวของผมก็ลงรูปถ่ายคู่กับเค้กแล้วเช็คอินที่ฟู้ดแลนด์ พร้อมแคปชั่นว่า ทำเองค่ะ #เหมือนเป๊ะไหมล่ะสัตว์ ซึ่งเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมครับ แต่เรื่องมันไปพีคตรงเค้กที่เพื่อนผมถือมันหน้าตาเหมือนเค้กที่จอยให้ผมเป๊ะนี่สิ
ผมน่ะไม่อะไร แต่เพื่อนที่คณะผมนี่ดิ บอกตรงๆว่าผมสงสารจอยนะเว้ย แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ว่ะ ผมไม่อยากไปยุ่ง ไม่อยากให้ความหวังเขา แต่ผมก็พยายามบอกเพื่อนนะ ว่ามันอาจแค่เหมือนกันก็ได้ แต่จากนั้นไม่นานเรื่องมันก็ซาลง ก็นะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่หว่า
“แล้วเขาชอบกินอะไร”ได้ให้พี่พลอยกับป้าศรีเตรียมของให้
“คิดว่าแกงเขียวหวานนะ”
“เค้กแกงเขียวหวานไหมล่ะไอ้เชี่ย เอาอะไรที่มันเข้ากันสิโว้ย กาแฟ วานิลา มะพร้าว ส้ม อะไรแบบนี้สิโว้ย”ไอ้กรหัวเราะลั่นเมื่อผมโวยวาย
“กูไม่ตอบพะแนงก็บุญละ มึงถามกูไม่เคลียร์เองนี่หว่า”
“แล้วตกลงมึงจะทำเค้กอะไร”ถามมันอีกรอบ
“มันชอบกินหนมปังกับออเรนจ์มาร์มาเลดนะ”ไอ้กรพูดด้วยเอ็กเซ้นที่ฟังดูดัดจิตชิบหาย
“แยมส้มไหมล่ะมึง”
“เออน่ะ แต่ที่บ้านมึงมีคนทำได้ใช่ไหมวะ”
“หึๆ บอกเลยว่าป้าศรีของกูนี่ระดับกอดองเบลอ”เห็นแบบนี้สมันป้าสาวๆ ป้าเรียนทำเบเกอร์รี่มานะครับ ส่วนพี่พลอยที่เป็นแม่ครัวให้ที่บ้านผม ก็จบคหกรรมมาเหมือนกัน ตอนนี้พี่เขาก็เก็บเงินเตรียมทำร้านของตัวเองอยู่ครับ คิดแล้วก็ใจหาย ผมชอบกับข้าวฝีมือพี่พลอยอ่ะ
“แล้วต้องใช้อะไรบ้างอ่ะ กูได้ให้พี่หงส์ซื้อเข้ามาให้”พี่หงส์นี่พี่สาวคนโตของมันครับ อายุห่างจาลูกหลงอย่างไอ้กรเกือบยี่สิบปีแน่ะ แต่ถึงจะใกล้เลขสี่แล้ว แต่หน้ายังตึงหุ่นยังเป๊ะอยู่นะเว้ย
“พี่มึงว่างหรอวะ”เหมือนไอ้กรมันจะเคยเล่าว่าพี่มันขึ้นเป็นผู้บริหารแล้ว ถึงจะวันอาทิตย์ก็เถอะ โอกาสที่ว่างนี่น้อยมาก
“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวก็ให้แม่บ้านไม่ก็เลขาซื้อมาให้นั่นแหละ”นี่สินะ วิสัยลูกคนเล็ก
“ไปซื้อเองไหมล่ะ มึงได้เอาไปคุยว่ามึงไปซื้อของมาทำเอง”กูเล็งเห็นความลำบากของหลายคนเลยถ้ามึงโทรไปหาพี่หงส์
“เออว่ะ งั้นไปเองเถอะ”
“เดี๋ยวให้ป้าศรีลิสต์รายการของก่อน”มังกรพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่เพื่อนมึงรู้ปะเนี่ยว่ามานอนบ้านกู”
“กูบอกมันแล้ว”
“โอเค เอาของไปเก็บกันเหอะ”ผมยันตัวลุกขึ้น “พี่พลอย จะทำเค้กส้มนี่ต้องใช้อะไรบ้างอ่ะ พี่พลอยจดให้ซีทีดิครับ”
“ค่ะ”
“ปะมึง”ผมเดินนำอิคนตัวผอมกว่าขึ้นมาบนห้อง
เมื่อทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่โซฟาเป็นที่เรียบร้อย เราก็พากันลงมาชั้นล่าง พี่พลอยบอกว่าของขาดแค่น้ำส้มกับผลส้มเท่านั้น ตอนแรกก็กะแวะแค่มาร์ทหน้าซอยแค่นั้นแหละ แต่พอดีเขาไม่มีส้มไง เราก็เลยต้องถ่อสังขารไปห่างใกล้ๆม.แฟนผมแทน
กิจกรรมการซื้อของไม่ใช่เรื่องที่สนุกสนานสำหรับผู้ชายสองคนที่ทำกับข้าวไม่เป็น เราเดินวนเวียนแผนกของสดอยู่นานก็ได้ส้มมากิโลกว่าๆ
แต่ไหนๆก็ออกมาแล้ว จะซื้อแค่นี้ก็รู้สึกไม่คุ้ม ผมกับมังกรเลยเข็นรถเข็นไปฟากขนมต่อ เฮ้อ แค่เห็นก็มีความสุขล่ะ สวรรค์ของสายแดกจริงๆ
“แล้วมึงทำไปให้ใครวะ พี่ทันตะฯที่มึงชอบหรอวะ ชื่ออะไรนะ คิงคองเปล่าวะ”อะไรกองๆคองๆนี่แหละ จำไม่ได้
“เปตองก็ได้มั้ง”
“เออนั่นแหละ ตกลงมึงจีบเขาแล้วหรอวะ ไหนว่ากลัวเมียเขาตบ”เรื่องไอ้เชี่ยกรนี่รู้กันทั้งชั้นปีครับ เจอหน้าพี่เขาทีไร ไอ้คนพูดมาก็ก้มหน้าก้มตาเงียบเป็นเป่าสากเลย
“ไม่ใช่เว้ย คนที่ให้นี่ชื่อหมู”อ่อ กูคิดออกแล้ว
“คนที่ไปรับมึงกับบิวตอนไปประชุม”
“ไม่ใช่ คนละคนกัน นั่นญาติบิว ส่วนคนที่กูจะให้เค้กนี่ชื่อหมูแดง อีกอย่างเรื่องพี่เปตองอ่ะ ความสัมพันธ์ของกูกับเขา เหมือนติ่งกับไอดอลเว้ย กูไม่ได้ชอบเขาแบบนั้น”หรอ แล้วหมาตัวไหนแม่งซึมไปครึ่งค่อนวันพอรู้ว่าเขามีแฟนน่ะ
เดินเลือกขนมไปสักพัก ไอ้คนหูนรกตานรกอย่างไอ้เชี่ยกรก็สะกิดผมจากด้านหลัง ปอลอหูนรกตานรกในที่นี้ หมายถึงการที่หูดีหรือตาดีจนเกินเหตุนะครับ
“มีไร”ผมหันไปมองมัน”
“นั่นแฟนมึงปะ”ผมมองไปตามนิ้วมือเรียวเล็กอย่างกับผู้หญิงของไอ้กร
“...”
ภาพที่เห็นคือแฟนผมกับกลุ่มเพื่อนที่กำลังเลือกซื้อขนมกันอยู่ ก็รู้นะว่าไม่มีอะไร ก็รู้นะว่าเพื่อนกันทั้งนั้น แต่ผมก็ยังไม่พอใจอยู่ดีเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเอามือเกาะไหล่แล้วโหนแฟนผมจากด้านหลัง
อยากรู้เหมือนกันว่าแฟนเพื่อนไอ้โปรรู้สึกยังไงกันบ้าง เขาคิดเล็กคิดน้อย ไม่พอใจแบบผมเปล่าวะ หรือว่าผมแม่งงี่เง่าเกินไป ถ้าเป็นที่ผ่านมา ผมคงเดินไปบอกว่าไม่ชอบ แต่กับโปร ผมไม่รู้จะทำยังไงว่ะ
ไม่รู้ว่าสามารถแสดงออกได้แค่ไหน ไม่รู้แม้กระทั่งว่าขอบเขตของตัวเองอยู่ตรงไหน แต่ช่างเถอะ ผมไม่อยากทะเลาะ ผมไม่อยากเลิกกับมัน
“อือ”
“ไม่ทักหรอ”
“ไม่อ่ะ”ผมไม่รู้ว่าผมจะทำหน้ายังไง จะปั้นหน้ายังไง
“ไม่ชอบมึงก็เดินไปบอกมันเลย”
“ไม่อยากงี่เง่าว่ะ ไม่เป็นไรหรอก”ผมฉีกยิ้มให้มังกร ก่อนจะหยิบขนมมามั่วๆสามสี่ห่อ แล้วเข็นรถออกไปอีกทางเพื่อไม่ให้กลุ่มนั้นเห็น
...ไม่เป็นไรนะซี...
...แค่นี้เอง...
...มึงทนเก่งอยู่แล้ว...
----------- TBC.
เด่ะปั๊ดหาปั๋วใหม่ให้น้องซีแม่งเลย ไม่รู้ว่าใครผิด อีกคนไม่รู้ อีกคนก็ไม่พูด
อาจขัดใจกับน้องซี แต่ต้องเข้าใจก่อนนะ น้องไม่ใช่สายบู๊ น้องไม่สู้คน แถมเก็บความรู้สึกเก่งด้วย ถ้าไม่รู้จักน้องดีจริงๆ มองไม่ออกหรอกค่ะ
ส่วนมังกรนางเป็นสายลุย เป็นคนตรงๆ น่ารักดีค่ะ เขียดค่อนข้างชอบนางเป็นพิเศษ อิอิอิอิอิ
ปล. ไม่ค่อยมีสติ นอนวันละ2-3ชั่วโมงมาหลายวันละ
ขอบคุณทุกคนนะคะ
รักเสอ แม้จะลงไม่เคยสม่ำเสมอก็ตาม