Chapter 28 : เดตแรก (ภาคบ่าย)รถยนต์คันหรูแล่นไปอีกสักพัก ไต่ไปตามถนนลาดชันและโค้งหักศอก ซึ่งคงจะไม่ง่ายสำหรับมือใหม่หัดขับรถสักเท่าไหร่ หากสำหรับน้ำแล้ว เขาเคยมาที่นี่หลายครั้งจึงขับไปแบบสบายๆ
เมฆหันมองทิวทัศน์สองข้างทาง สลับกับรุ่นพี่ที่เขาคิดว่าโคตรเท่ โดยเฉพาะเวลาขับรถแบบนี้ ทำให้ประทับใจมากขึ้นอีกเป็นกอง
เมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ที่จอด น้ำหันไปบอกกับเด็กหนุ่มก่อนจะก้าวลงจากรถ “ข้างบนนี้ดูวิวพัทยาสวยดี”
สองหนุ่มเดินจากจุดที่จอดรถไปยังจุดชมวิว อากาศในยามบ่ายร้อนระอุ ท้องฟ้าสดใสมีปุยเมฆสีขาวลอยประปราย ท้องทะเลเบื้องล่างเป็นสีน้ำเงิน ระลอกคลื่นต้องกับแสงอาทิตย์เป็นประกายระยิบระยับ ชายหาดสีขาวโค้งยาวไปไกล
น้ำเอนตัวพิงกับราว สายตาทอดมองท้องน้ำเบื้องล่าง ปล่อยให้สายลมที่พัดผ่านโลมไล้ใบหน้า “ร้อนไปหน่อย แต่สวยดีใช่มั้ย”
ดวงตาสีนิลจับจ้องรุ่นพี่เขม็ง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพไปเรื่อยๆ อย่างลืมตัว จนกระทั่งคนที่ถูกถ่ายหันมามอง
ชายหนุ่มยิ้มบาง “ไม่ถ่ายคู่กับผมบ้างเหรอ”
“อะ... เอ่อ... ถ่าย ถ่ายสิครับ!” เมฆรีบวิ่งเข้าไปยืนข้างรุ่นพี่ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายอีกหลายต่อหลายรูป ซึ่งอีกฝ่ายก็ยืนยิ้มให้ถ่ายจนพอใจ “ขอบคุณนะครับ” หากเมื่อเด็กหนุ่มขยับออก น้ำก็โอบไหล่เขาแล้วดึงเข้าหาตัว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายภาพตนเองกับเมฆบ้าง
“เอ้า ยิ้มสิ” ไม่เพียงแค่พูด หากยังโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้จนแก้มของพวกเขาเกือบจะสัมผัสกัน
ใบหน้าของเด็กหนุ่มร้อนผ่าว มือไม้สั่นจนไม่อาจใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองถ่ายรูปต่อได้ หัวใจเต้นระรัว
“เป็นอะไรไป ปวดฉี่รึไง”
“เปล่า... เปล่าครับ” เมฆเหงื่อตก พอรุ่นพี่ผละออกไปเล็กน้อยเขาจึงทำเป็นหันไปมองทิวทัศน์แก้เขิน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ “เอ้อ... พี่น้ำชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่เห็นเอากล้องมาถ่าย”
“คงเพราะไม่อยากมองเมฆผ่านเลนส์ล่ะมั้ง” รุ่นพี่เบี่ยงใบหน้าเล็กน้อย ปลายจมูกของเขาไล้ผ่านแก้มของเด็กหนุ่มไปช้าๆ “อยากอยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้มากกว่า”
นัยน์ตาสีเข้มเบิกโพลง คารมคมหอกที่เขาพยายามหยอดใส่อีกฝ่ายตั้งแต่เช้าเทียบไม่ติดกับคำพูดสั้นๆ จากรุ่นพี่เลย ถ้าเปรียบเทียบเป็นมวยเขาก็คงจะแพ้น็อก ถ้าเป็นฟุตบอลคงต้องเรียกว่าถูกทำแฮตทริก!
“ล้อเล่นน่ะ” น้ำหัวเราะเสียงดัง จากนั้นจึงขยี้เส้นผมบนศีรษะของรุ่นน้องเบาๆ “เดินดูอะไรอีกสักหน่อยแล้วไปตลาดกันดีกว่า” แล้วเดินนำออกไป
เมฆยกมือขึ้นแตะตรงที่รุ่นพี่สัมผัสเมื่อครู่ เขาชอบให้พี่น้ำลูบศีรษะนะ แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นเด็กยังไงชอบกล ขายาวพาเจ้าของก้าวตามรุ่นพี่ไป “ไปตลาดก็ดีครับ ผมจะได้ซื้อข้าวหลามกับขนมจากไปฝากไอ้พวกที่หอ”
“โอเค เดี๋ยวพาไปร้านประจำ เพื่อนผมก็สั่งมาเหมือนกัน”
หลังลงจากเขาและซื้อของที่ร้านประจำเสร็จแล้ว ทั้งสองหนุ่มยังคงเดินเล่นในตลาดกันต่อ พวกเขาตกลงกันว่าจะซื้ออาหารกับขนมไปรับประทานเป็นมื้อเย็นกันที่คอนโดมิเนียมริมชายหาดของน้ำ
พอกลับไปถึงคอนโดมิเนียมก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีหม่น ดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ จวนเจียนจะมุดลงไปภายใต้เส้นขอบฟ้า น้ำชวนเด็กหนุ่มให้ออกมานั่งเล่นที่บนระเบียง ทั้งสองคนนั่งนิ่ง ปล่อยเส้นผมให้พลิ้วไปตามแรงลม สายตาทอดมองออกไปยังผืนน้ำสีน้ำเงินเบื้องหน้า
“วันนี้ผ่านไปเร็วจังเลยนะครับ แต่ผมสนุกมากเลยน้า พี่น้ำสนุกมั้ยครับ”
“อืม ก็ดี”
“แค่นั้นเองเหรอพี่”
“แล้วจะเอาแค่ไหนล่ะ”
“โธ่ บรรยากาศออกจะโรแมนติก ทำไมพี่น้ำไม่โรแมนติกเลยอะ” เมฆบ่นพึมพำพลางทำหน้ามุ่ย จากนั้นจึงเอื้อมมือไปแกะถุงข้าวเหนียวหมูปิ้ง เนื้อทอดกับลูกชิ้นปิ้งที่ซื้อมา “พี่น้ำกินมื้อเย็นกันเถอะ เดี๋ยวผมแกะใส่จานให้นะ”
“อือ”
เจ้าของห้องมองตามเด็กหนุ่มที่เดินฉับๆ ออกจากระเบียงเพื่อไปหยิบจานชามจากในครัว จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
จะว่าไปการเดตกันในวันนี้ผ่านไปอย่างกระท่อนกระแท่นเสียเหลือเกิน ราวกับว่าตัวเขาเพิ่งเคยจะเคยเดตเป็นครั้งแรกอย่างนั้นล่ะ ตลอดวันเมฆดูเหมือนเมฆจะพยายามเข้ามาหา มาใกล้ชิดกับเขา แต่พอเขาเป็นฝ่ายขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายบ้าง เด็กหนุ่มกลับทำท่าเหมือนโดนไฟช็อต ทำให้เขาทำตัวไม่ค่อยจะถูกนัก
สักพักเมฆก็กลับมาพร้อมกับจานชามหลายใบ “มาแล้วคร้าบ” เขาจัดการเทอาหารใส่ภาชนะให้เรียบร้อย แล้วชักชวนให้รุ่นพี่รับประทานอาหารด้วยกัน
หากเวลาผ่านไปได้สักครู่เด็กหนุ่มก็นึกขึ้นได้ “เดี๋ยวผมไปเทน้ำให้ พี่น้ำเอาน้ำอะไรดี”
“โค้กแล้วกัน”
เมฆรีบเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ เขาวางแก้วลงตรงหน้าชายหนุ่ม “นี่คร้าบ”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มมักจะแสดงอารมณ์ตามที่ใจคิดเสมอ น้ำเงยหน้าขึ้นมอง พลางเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มไว้ “.....”
“พี่น้ำมีอะไรเหรอครับ”
ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นไปสัมผัสแก้มอีกฝ่าย ใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา
เมฆชะงัก สายตามองตามมืออีกฝ่ายไปอย่างงุนงง เขาเริ่มทำตัวเกร็งเมื่อฝ่ามืออุ่นๆ ลากไล้ผ่านสันกรามลงไปตามลำคอ “เอ่อ... พี่น้ำ มีอะไรรึเปล่า”
น้ำอ้าปากคล้ายจะพูดอะไร แต่ก็ปิดปากลงอีกครั้งพร้อมกับดึงมือกลับ จากนั้นจึงหันหน้าไปทางทะเล เขาเท้าแขนลงบนพนักเก้าอี้ “...เปล่า ไม่มีอะไร”
“พี่น้ำอิ่มมั้ย อยากให้ผมทำมื้อเย็นรึเปล่าล่ะ” เมฆโน้มใบหน้าเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
“อิ่มแล้ว แต่ถ้าคุณไม่อิ่มก็ยังมีพวกขนมที่ซื้อมาอีกนะ”
เด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าด้านข้างของรุ่นพี่ ซึ่งขนาดด้านข้างก็ยังดูดีมากๆ แสงจากดวงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนกับเส้นผมและขนตายาวให้เป็นประกายสีส้มปนทอง ริมฝีปากบางเจ่อบวมเล็กน้อยคงเพราะความเผ็ดของน้ำจิ้ม จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่า รุ่นพี่ตกลงเป็นแฟนกับเขาจริงๆ
...จริงเหรอวะ บางทีกูอาจจะฝันไป
“พี่น้ำ”
“หืม”
“ผมกับพี่... เป็นแฟนกันอยู่รึเปล่า”
“ลืมที่คุยกันแล้วรึไง” น้ำค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม ทว่าสีหน้าของอีกฝ่ายบ่งบอกชัดเจนถึงความไม่มั่นใจ “ผมจะชวนคุณไปเดตงั้นเหรอ ถ้าเราไม่ได้คบกันอยู่”
ได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยยิ้มออกมาได้อย่างโล่งใจ “ผมกลัวว่าผมจะคิดไปเองคนเดียว”
น้ำดึงแขนให้เด็กหนุ่มโน้มศีรษะเข้ามาใกล้พอที่เขาจะเอื้อมถึง จากนั้นจึงลูบเบาๆ “คิดมากอะไรน่ะ”
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพี่น้ำจะตกลงคบกับผมจริงๆ มาถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่าอย่างกับฝัน”
ชายหนุ่มดีดหน้าผากของคนตรงหน้าอย่างไม่เบาแรงนัก “ถ้างั้นก็ตื่นซะ”
“โอ๊ย! งื่อ! พี่น้ำอะ”
“เจ็บใช่มั้ย เจ็บก็แปลว่าไม่ได้ฝัน” น้ำยิ้มบางพร้อมกับหันหน้าไปทางทะเลอีกครั้ง “กินต่อเถอะ เดี๋ยวอิ่มแล้วเราจะได้ลงไปเดินเล่นชายหาดกัน”
หลังจากรับประทานมื้อเย็นกันเสร็จก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์มุดลงใต้ผืนน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้าแห่งยามราตรีกาลประดับประดาไปด้วยจันทร์เสี้ยวและดวงดาวมากมาย เมฆจัดการล้างจานคว่ำไว้เรียบร้อย จากนั้นพวกเขาจึงลงไปเดินเล่นริมชายหาดด้วยกัน
เสียงคลื่นสาดเซาะหาดทรายดังแว่วมาเป็นระยะ สายลมอบอุ่นพัดมาแผ่วๆ ส่งผลให้ใบมะพร้าวพลิ้วไหวและเสียดสีกัน สองหนุ่มเดินเคียงคู่กันไปอย่างเชื่องช้าบนผืนทรายละเอียด หลังมือของพวกเขาสัมผัสโดนกันบ้างโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมฆชำเลืองมองใบหน้านิ่งเฉยของรุ่นพี่บ้างเมื่อพวกเขาเดินผ่านบริเวณที่มีแสงไฟจากเสาไฟหรือตัวตึกส่องมาถึง ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ตอนที่อยู่บนห้องแล้ว ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“พี่น้ำ... มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า”
“ทำไมพี่น้ำเงียบจัง”
คนถูกถามหันไปทางเจ้าของคำถามนั้น “คุณก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบท้ายทอย “ถ้าผมพูดมากไป ก็กลัวพี่น้ำจะเบื่อน่ะสิ”
“ไม่หรอก” น้ำยิ้มบาง “ผมชอบฟัง”
“แต่ผมก็อยากฟังเรื่องของพี่น้ำบ้างเหมือนกันนะ” เมฆยิ้มตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน “พี่น้ำรู้มั้ย ตอนแรกผมเคยเคยคิดว่าพี่น้ำกับพี่ตั้งใจน่ะคบกันอยู่ด้วย”
“หืม? อันนี้เข้าใจผิดได้รุนแรงมาก”
“ก็พี่ตั้งใจคอยเป็นห่วงเป็นใยพี่น้ำ แถมใกล้ชิดกันสุดๆ”
“...ในกลุ่มก็ถือว่าผมสนิทกับตั้งใจมากที่สุด เพราะตั้งใจมันมีนิสัยชอบเทคแคร์ด้วย แต่ที่จริงก็สนิทกันทุกคนนั่นล่ะ เรียนด้วยกัน อยู่กลุ่มเดียวกันมาเป็นสิบปีขนาดนั้น”
“จะว่าไป ผมกับไอ้แหนม ไอ้ตำลึงก็รู้จักกันมานานมากแล้วเหมือนกัน สมัยอยู่โรงเรียนกลุ่มเราใหญ่กว่านี้ แต่แยกย้ายกันไปเรียนคนละที่” เมฆหันไปทางคนที่เดินอยู่ข้างๆ กัน เขาเม้มปากเล็กน้อย อ้ำอึ้งอีกนิดหน่อย จากนั้นจึงตัดสินใจถาม “พี่น้ำเคยมีแฟนมาก่อนใช่มั้ย”
น้ำชะงัก แล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ “อืม เคยมีหลายคน”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ไม่นึกว่าจะได้รับคำตอบตรงๆ เช่นนี้ เขาถึงกับไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว “.....”
“ผมไม่อยากให้คุณไปได้ยินจากคนอื่นหรอกนะ เพราะงั้นก็จะบอกกันตรงๆ แต่เรื่องพวกนั้นมันตั้งแต่ตอนอยู่ปีหนึ่งน่ะ ในสองปีมานี่... ก็เพิ่งมีคุณนี่แหละ”
เมฆยิ้มกว้างอย่างลืมตัว เขาขยับเข้าไปกระแซะอีกฝ่าย “แต่ผมน่ะ ทั้งชีวิตมา ก็เพิ่งมีพี่น้ำนี่แหละ... ผมโชคดีนะที่มีทุกคนช่วย แล้วก็โชคดีที่ผมกล้าพอที่จะบอกรักพี่”
“อืม... ดีที่ไม่กลัวอกหัก กล้ากว่าผมซะอีก” ชายหนุ่มพูดกึ่งจริงกึ่งเล่น “ถ้าผมปฏิเสธจะทำไง”
เด็กหนุ่มหันไปประสานสายตากับดวงตาเรียว พลางโน้มใบหน้าเข้าไปร้องเพลงเบาๆ ใกล้ๆ กับใบหูของรุ่นพี่ “ก็... จะให้เธอจนกว่าเธอจะรับ บอกรักเธอจนกว่าเธอนั้นจะยอม”
น้ำหัวเราะ คิดว่าเด็กหนุ่มนี่ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง เขายกแขนขึ้น ตั้งใจจะโอบไหล่ของเมฆไว้ หากเปลี่ยนใจเป็นลูบศีรษะแทน
“พี่น้ำอะ ทำไมชอบลูบหัวผมจัง” เมฆเบ้ปาก
“ไม่ชอบเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่รู้สึกเหมือนพี่น้ำมองผมเป็นเด็ก”
“ก็คุณเด็กกว่าผมนี่”
“....” เมฆหยุดกึก แล้วก้าวไปประจันหน้ากับรุ่นพี่ “พี่น้ำ ผมขอได้มั้ย ไอ้คุณผมเนี่ย”
“จะขอไปทำอะไร”
“ขอไปทิ้งทะเลมั้ง โธ่! พี่น้ำอ่า... ไอ้คุณๆ ผมๆ เนี่ย มันฟังดูห่างเหินมากเลยนะ เราเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ผมใช้แบบนี้มาตลอด”
“แต่ผมไม่อยากให้พี่พูดกับผมเหมือนเป็นคนอื่นนี่ ไม่อยากให้เหมือนเพื่อน ไม่อยากเหมือนน้องด้วย”
น้ำอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มชักจะงอแง แต่ว่าเขาเองก็สงสัยนะ เมฆจะรู้มั้ยนะว่าคนเป็นแฟนเขาทำอะไรกันบ้าง ตัวเขาน่ะ... ที่ผ่านมาก็เรียกว่าโชกโชนพอตัว หากกับเมฆนั้น เขาไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี จะเข้าใกล้มากเกินไปก็กลัวว่าเด็กหนุ่มจะตื่นตกใจจนซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีไปแบบคราวที่แล้วอีก
“โอเคๆ เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจว่ายังไงอะครับ”
“ต่อไปนี้พี่จะคุยกับเมฆให้สมกับที่เป็นแฟนกัน แบบนี้โอเคมั้ย”
เมฆหัวเราะบ้าง “พี่น้ำนี่น่ารักชะมัดเลย” พลางเอื้อมมือไปช่วยจัดเส้นผมให้กับชายหนุ่ม เขาใช้ปลายนิ้วไล้ตามกรอบหน้า พออีกฝ่ายเคลื่อนสายตามาประสานกัน หัวใจเขาก็เต้นรัว
เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ราวกับต้องมนต์สะกด จากนั้นจึงค่อยๆ ลดสายตาลงมาจับจ้องที่เรียวปากหยักบาง เขาเคยสัมผัสมันมาแล้วครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นมัวแต่ตื่นตกใจ หากในตอนนี้ ในสมองกลับมีแต่คำถาม
...เขาอยากจูบพี่น้ำ จะจูบได้หรือเปล่า... แล้วควรจะจูบแบบไหนดี แค่แตะริมฝีปาก... แต่ว่าแตะริมฝีปากดูเหมือนพี่น้ำจะไม่ชอบ ถ้าจะจูบแบบที่พี่น้ำสอน ก็กลัวจะทำได้ไม่ดี แถมเมื่อกี้กินทั้งหมูปิ้ง ทั้งลูกชิ้นมาเสียอีก ปากจะมีรสแปลกๆ หรือเปล่า เนื้อทอดก็เหมือนจะมีกลิ่นกระเทียมนิดหน่อยด้วยนะ
โอย... กูจะเอายังไงดีวะ!
ขณะที่เมฆกำลังระดมความคิด น้ำกลับผละออก “ดึกมากแล้ว กลับกันดีกว่า เดี๋ยวจะไม่ทันหอปิดนะ” เขาหันหลังขวับแล้วเดินนำออกไป
“อ่า... ครับ” เด็กหนุ่มวิ่งตามหลังไปติดๆ นึกโกรธตัวเองที่มัวแต่คิดมากจนพลาดโอกาสดีๆ ไป แล้วนี่ ไม่รู้ว่าเขาทำให้พี่น้ำไม่พอใจหรือเปล่าเลย
ถ้ามัวแต่ลังเลที่จะจูบ เขาก็อาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีได้ คราวหน้าเขาจะต้องลุยให้เด็ดขาดกว่านี้ เมฆบอกกับตัวเอง
รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้าไปในมหาวิทยาลัย ตรงไปจอดในที่จอดรถซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับหอสิบของเมฆ บริเวณนั้นเงียบเชียบไม่ค่อยมีรถจอดมากนัก เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่กลับบ้านกัน แล้วในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่บนห้องกันหมดแล้ว
เมื่อเด็กหนุ่มจัดการขนขนมลงไปกองข้างรถเรียบร้อย เขายืนมองถุงใส่ตุ๊กตาปลาฉลามอย่างชั่งใจ แต่ก็คิดว่าไหนๆ ก็ตั้งใจจะซื้อมาให้รุ่นพี่แล้ว เขาหยิบถุงขึ้นมาไว้ในมือ เปิดประตูรถฝั่งที่ตนเองนั่งมาออกพร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปหาเจ้าของรถ
“ขอบคุณพี่น้ำมากนะครับ”
“เอ้อ... กลับเข้ามานั่งก่อน” น้ำถอนหายใจ เขารอจนอีกฝ่ายเข้ามานั่งและปิดประตูลง “ขอมือหน่อย”
“หือ ครับ”
ชายหนุ่มวางพวงกุญแจสีเงิน ห้อยปลาฉลามตัวขาวน่ารักลงบนฝ่ามือคนที่นั่งอยู่ข้างกัน “เอ้า ของที่ระลึก”
ดวงตาสีรัตติกาลเบิกกว้าง “พี่น้ำ...” เขาจำพวงกุญแจนี่ได้ มันอยู่ในตู้เดียวกันกับสร้อยคอที่เขาอยากจะซื้อให้พี่น้ำ
“พี่เห็นว่าเมฆยืนมองตู้โชว์ตรงนั้นอยู่นาน แต่ก็เดาไม่ถูกว่าเมฆอยากได้อะไร”
“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มก้มลงมองพวงกุญแจในมือ ก่อนจะส่งถุงใส่ตุ๊กตาปลาฉลามให้อีกฝ่าย “ที่จริง ผมเองก็ตั้งใจจะซื้อให้พี่น้ำไว้เป็นที่ระลึก แต่เพราะพี่น้ำเห็นแล้วหัวเราะ ผมเลยเสียเซลฟ์”
น้ำหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง หากรีบกล่าวขอโทษขอโพย “ขอโทษๆ แล้วก็... ขอบใจ” เขารับตุ๊กตามาแล้วยกขึ้นมาตรงหน้า “น่ารักเหมือนเมฆเลยนะ”
เมฆเอื้อมมือไปตบลงบนหัวปลาฉลามเบาๆ “ก็มันเป็นตัวแทนผมนี่... ครับ” ดวงตาสีดำขลับเบิกโพลง เมื่อรุ่นพี่ก้มหน้าลงไปจูบบนหลังมือของตนเบาๆ แล้วใช้แก้มไล้ไปมาบนนั้น เขารู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นๆ ได้อย่างชัดเจน “พี่น้ำ” เด็กหนุ่มพูดเสียงแผ่ว หัวใจเต้นระรัวกับภาพตรงหน้า เขาขยับตัวเข้าไปหาเจ้าของรถอย่างลืมตัว พออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น เขาก็รุกเข้าไปประกบจูบเรียวปากหยักบางทันที
ริมฝีปากของทั้งสองค่อยๆ บดเบียดกันอย่างเชื่องช้า แล้วขยับออกจากกันเล็กน้อยพอให้เจ้าของริมฝีปากได้สบประสานสายตากัน จากนั้นจึงเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง เมฆปิดตาลง ขณะที่ชายหนุ่มเบี่ยงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อให้จูบได้ถนัดขึ้น ก่อนเด็กหนุ่มจะสอดลิ้นเข้าไปสัมผัสลิ้นอุ่นอย่างเก้ๆ กังๆ
น้ำยิ้มกริ่มอยู่ในใจ เขาตวัดลิ้นตอบรับอย่างนุ่มนวลที่สุด ค่อยๆ ตะล่อมสอนเด็กหนุ่มและทำให้คล้อยตามตนเองไปด้วยในคราวเดียวกัน ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายครางในลำคอเบาๆ ก็ยิ่งพอใจ
เพิ่งรู้ว่าการจูบทำให้รู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้... เมฆเผลอไผลไปกับความรู้สึกที่ตนเองไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขารุกจูบรุ่นพี่จนตัวเองหายใจติดขัดจึงจำใจต้องถอนริมฝีปากออก เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นประสานสายตากับนัยน์ตาเรียวซึ่งในเวลานี้ดูราวกับมีเปลวไฟบางเบาอยู่ภายใน
“อีกนิดได้มั้ย” คนพูดกระซิบชิดบนริมฝีปากที่กำลังเผยอหายใจ จากนั้นจึงกดไหล่ของเมฆให้พิงกับเบาะแล้วแนบจูบอย่างเชื่องช้า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตื่นตระหนกจนเกินไป เขาค่อยๆ เพิ่มแรงกระชับริมฝีปาก ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มในโพรงปากของเด็กหนุ่มบ้าง
น้ำบดเบียดเรียวปากเข้าหาเด็กหนุ่มหนักหน่วงขึ้น สองมือคลึงเคล้นหัวไหล่แล้วเคลื่อนลงไปจับต้นแขนทั้งสองข้างไว้ เขาบอกตนเองให้หยุดไว้ที่ตรงนี้ก่อนที่จะทำอะไรให้อีกฝ่ายต้องตกใจอีก
มันช่างยากที่จะละริมฝีปากออกจากความหวานหอมนี้
แต่อดทนอีกหน่อยเถอะไอ้น้ำเอ๊ย... ชายหนุ่มปล่อยมือจากต้นแขนพร้อมกับผละออก
หากเมฆคว้าแขนของรุ่นพี่ไว้ สายตามองตามริมฝีปากไปอย่างเสียดาย “พี่...”
น้ำใช้ปลายนิ้วเช็ดกลีบปากบนล่างให้กับเมฆอย่างเบามือ เขายิ้มอย่างอ่อนโยน “ไปได้แล้ว เดินกลับดีๆ ล่ะ ราตรีสวัสดิ์”
“แต่ผมยังไม่อยากไปเลย”
“.....” ชายหนุ่มเม้มปาก ประสานสายตากับรุ่นน้องอยู่สักพักจึงหลุบตาลงต่ำ ใจนึกอยากจะพาอีกฝ่ายกลับไปด้วยทั้งแบบนี้ หากเขาคงไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแน่ๆ
ฝ่ายเด็กหนุ่มแม้อยากจะอ้อน หากพอเห็นรุ่นพี่อ้ำอึ้งก็ไม่อยากทำให้ลำบากใจ อีกอย่างวันนี้ก็อยู่ด้วยกันมาทั้งวันแล้ว “แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหานะ ราตรีสวัสดิ์ครับ” เมฆปล่อยมือคืนให้ แล้วก้าวลงจากรถไป เขายืนโบกมือลา รอให้รุ่นพี่เคลื่อนรถออกไปจากลานจอดรถก่อนจึงหันไปหยิบถุงใส่ขนมแล้วเดินตรงไปยังหอพักของตน
TBC~*
เดตแรกเบาๆ ก็พอน่า ครั้งนี้น้องเมฆก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างแล้ว กลับไปเตรียมตัวมาให้ดีๆ นะคะหนู กรั่กกกก
หวานเนอะ 55555 สรุปว่าจบวันแล้ว วันนี้ดูเหมือนว่าพี่น้ำจะวิน แต่อะไรๆ ก็ไม่แน่ พี่น้ำอย่าชะล่าใจไป 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า 