เหนือเมฆ [บทที่ 55 : เหนือเมฆ (จบ)][p.80][260716]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เหนือเมฆ [บทที่ 55 : เหนือเมฆ (จบ)][p.80][260716]  (อ่าน 806018 ครั้ง)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ดีนะ ตั้งใจหัวไม่โกร๋น

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ขำตั้งใจหนักมากกกกก 5555555
แต่เราก้อวิ่งนะ ถ้าระยะประชิดขนาดนี้ ><

น้ำเมฆสวีทสุด ไม่เกรงใจตุ๊กแกกับตั้งใจที่เกือบหัวโกร๋นเลย >\\\\\<

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
5555 อินี่ขำตุ๊กแกแรง

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
หวานไม่แคร์สื่อจริงๆ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
พี่น้ำอ่อยชนะเลิศศศศศ :heaven :heaven :m20: :m20:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
พี่น้ำกับเมฆนี่ก็เนียนกันไปได้เรื่อยๆนะ น่ารัก

ออฟไลน์ Onsm

  • To be Continue
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 o18 พี่น้ำเนียนอ่ะ

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4

Chapter 43 : ความวุ่นวายของค่ายอาสา


เมื่อถึงเวลาเกือบๆ ตีห้า นักศึกษาทั้งสิบหกคนก็ออกมาพร้อมกันที่หน้าบ้านพัก น้ำหิ้วกล้องของตนออกมาด้วย เขาจัดการถ่ายรูปตามหน้าที่ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสของลมเย็นๆ และละอองฝนบางเบา

“หือ ฝนตกนี่ครับ”

“ใช่ เช้านี้ท่าทางจะตกหนักซะด้วยสิ” ครูยื่นมือออกไปรองรับเม็ดฝน “เห็นว่าในทะเลช่วงนี้จะมีคลื่นลมแรงมาก ครูเลยขอซื้อปลาจากชาวบ้านไว้เยอะหน่อย เพราะพวกเขาคงจะไม่ได้ออกเรือกันอีกหลายวัน เราคงต้องไปช่วยกันขนหน่อยนะ”

“แล้วเราจะไปขนกันยังไงอะครับ”

“เดี๋ยวขับกระบะของวัดไป” ครูคนหนึ่งตอบ “มีใครขับรถเป็นใช่มั้ยเนี่ย”

“ฮะ!? ครูไม่ขับเหรอครับ”

“ทุกทีครูสมคิดเป็นคนขับน่ะ แต่พอดีครูเขาหกล้ม แขนซ้ายเคล็ด เข้าเกียร์ไม่ได้ ส่วนครูกับครูฉลุยขับไม่เป็นหรอก”

เข้าเกียร์... ก็แปลว่าเป็นรถเกียร์ธรรมดางั้นสินะ

สายตาของรุ่นน้องเคลื่อนไปรวมกันตรงที่พี่ปีสี่ทั้งห้าคนยืนออกันอยู่ ด้วยความหวังที่ว่าในกลุ่มพี่ปีสี่ต้องมีใครสักคนขับเกียร์กระปุกได้สิน่า

“พวกมึงมองมาทางนี้ทำไมวะ มองไปทางนู้นนู่นเลย” รุ่นพี่ปีสี่ทั้งห้าคนพร้อมใจกันชี้ไปที่คนที่กำลังถือกล้องถ่ายรูปอยู่

“ฮะ” น้ำเลิกคิ้วขึ้น “เดี๋ยวก่อน พวกมึงก็มีใบขับขี่กันไม่ใช่เรอะ”

“ของกูซื้อมา ยังไม่เคยขับจริงเลย” ตั้งใจกับไข่ย้อยยอมรับแบบหน้าด้านๆ

“กูเคยขับแต่เกียร์ออโต้ของเฮียกับป๋า วนแค่ในบ้านด้วย” ป๊อกเด้งสารภาพมาอีกคน

เหลือเต้าหู้กับใบตอง ซึ่งพวกเขาก็ยิ้มแหยๆ “พวกกูเพิ่งเคยขับออกถนนใหญ่ครั้งเดียวเอง”

คราวนี้สายตาของรุ่นพี่รุ่นน้องวิศวะพุ่งตรงมาที่น้ำกันเป็นตาเดียว เขากลายเป็นความหวังของทุกคนไปแล้ว ทั้งที่จริงก็มีประสบการณ์การขับเกียร์กระปุกแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

“จะไหวมั้ยเนี่ย” ครูทั้งสามเริ่มหันหน้าปรึกษากัน “หรือจะโทรเรียกใครมาช่วยดี ดูท่าทีแล้วไม่น่าจะไหว”

“ขอผมลองดูก่อนละกันนะครับ”

“จะไหวหรือคุณ รถของวัดมันเก่ามากแล้วน่ะ เข้าเกียร์ยากน่าดู”

“แต่ถ้าจะรอให้ใครมาช่วย เดี๋ยวจะไม่ทันนะครับ นี่จะตีห้าแล้ว”

“นั่นสินะ ลองขับวนในวัดดูก่อนละกัน” ครูสมคิดเดินนำไปยังรถกระบะคันที่ว่าของวัด ซึ่งจอดอยู่ใต้เพิงไม้ข้างศาลาวัด รถกระบะคันสีฟ้าเก่ากึ้ก สีส่วนใหญ่ถลอกไปเยอะจนเห็นสนิมบนตัวถัง เขาส่งกุญแจรถให้กับน้ำ “เดี๋ยวครูเปิดไฟให้นะ”

น้ำพยักหน้าพลางยิ้มแหยๆ เขาเดินไปตรงประตูคนขับ เปิดออกอย่างระมัดระวังเพราะกลัวบานประตูจะหล่นลงมา พอมองเบาะแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น เพราะเบาะถูกปะแล้วปะอีกไม่รู้กี่รอบ เขานึกสงสัยว่ารถจะพังก่อนถึงท่าเรือหรือเปล่า

“ไอ้น้ำสู้ๆ” เสียงเชียร์จากเพื่อนพ้องดังแว่ว

ชายหนุ่มก้าวขึ้นไปนั่ง เสียบกุญแจเข้าไปเพื่อสตาร์ตรถ เข้าเกียร์ซึ่งแม้แต่คนที่แข็งแรงอย่างเขายังรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย จากนั้นจึงค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปจากเพิงช้าๆ ในช่วงแรกรถก็กระตุกนิดหน่อย หากเขาก็พยายามเลี้ยงคลัช เปลี่ยนเกียร์ เหยียบเบรกสลับกันหลายๆ ครั้งจนมั่นใจว่าจะไม่พาเพื่อนๆ และรุ่นน้องไปทิ้งทะเล แล้วจึงเคลื่อนรถไปจอดเบื้องหน้าทุกคน

เสียงปรบมือโห่ร้องดังก้อง “โหย พี่น้ำแม่งเท่ / ไอ้น้ำ มึงเก่งจริงๆ”

น้ำยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อ “ไปกันเลยมั้ยครับครู”

ครูสมคิดยิ้มกว้าง “โอ้โห เก่งไม่ใช่เล่นเลยนะ เดี๋ยวครูแห้วจะนั่งไปกับทุกคนด้วย ไปเลยๆ รีบไปก่อนฝนจะตกหนักกว่านี้น่ะ”

ครูแห้วนั่งหน้ากับเต้าหู้ ส่วนไข่ย้อยกับปีหนึ่งอีกสามคนนั่งบนกระบะข้างหลัง ก่อนรถจะออกครูฉลุยก็หยิบเสื้อกันฝนแบบพลาสติกมาส่งให้ทุกคน “รีบไปรีบมานะ”

รถกระบะเคลื่อนออกจากเขตวัดไปช้าๆ ระหว่างทางไปยังหมู่บ้านก็วิ่งผ่านพระสองรูปกำลังออกบิณฑบาตด้วยเท้าเปล่า มีเด็กชายเดินตามหลังช่วยถือของให้สี่ห้าคน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย พวกเขายกมือไหว้แล้วยิ้มบาง พลางนึกถึงว่าภาพเช่นนี้ช่างหาดูได้ยาก ทำให้รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจดีเหลือเกิน

ตัวหมู่บ้านครึกครื้นแม้ท้องฟ้าจะยังมืดสนิท ที่หน้าบ้านแต่ละหลังมีชาวบ้านยืนรอใส่บาตรกันตามวิถีชาวพุทธ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พอรถกระบะของวัดวิ่งผ่านพวกเขาก็โบกมือทักทายอย่างเป็นมิตร

เมื่อรถวิ่งออกจากตัวหมู่บ้านไปเล็กน้อยก็ถึงที่ตั้งของท่าเรือ มีรถกระบะจอดอยู่บริเวณนั้นสามสี่คันเพื่อรอรับปลาที่คัดสรรแล้วไปส่งตลาด

หลังจากที่น้ำดับเครื่องยนต์รถแล้ว ครูแห้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปบนสะพานซึ่งทอดยาวไปในทะล ตรงไปยังเรือประมงลำหนึ่ง โดยมีกลุ่มนักศึกษาเดินตามไปติดๆ ทว่าฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขามองทางแทบไม่เห็น แล้วยังมีลมกระโชกแรงเสียจนเดินเซ

“ของครูห้าตะกร้านะ” คนในเรือที่ตัวเปียกโชกพูดพลางส่งตะกร้าสีซีดๆ ออกมาจากลำเรือ พอครูเอื้อมมือไปรับแล้วก็ส่งต่อให้กับนักศึกษาที่ยืนรออยู่

“คุณรีบไปติดเครื่องรถรอเลย” ครูแห้วหันไปบอกกับน้ำ “แย่แล้ว ดูท่าจะมีพายุ”

“อ่า โอเคครับ” น้ำหันไปสบสายตากับเมฆ ทว่ายังไม่ทันได้พูดอะไรเด็กหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“เดี๋ยวพวกผมยกไปเอง พี่น้ำรีบไปเถอะ”

น้ำวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังรถที่จอดไว้ เม็ดฝนที่ตกกระทบตัวรถเสียงดังมากเสียจนกลบเสียงเครื่องยนต์เลยทีเดียว

ไม่นานนักทุกคนก็กลับมาที่รถพร้อมกับปลาห้าตะกร้า ครั้งนี้ครูแห้วกับเต้าหู้จะนั่งบนกระบะด้านหลังพร้อมกับทุกคนด้วยเพราะพวกเขาตัวเปียกโชก ปล่อยให้น้ำนั่งด้านหน้าเพียงคนเดียว ชายหนุ่มไม่สามารถขับรถเร็วได้เนื่องจากทัศนวิสัยย่ำแย่ แต่ใจก็เป็นห่วงทุกคนด้านหลัง เขาคอยชำเลืองมองในกระจกมองหลัง ซึ่งก็มองเห็นแค่ว่าทุกคนนั่งก้มหน้าอยู่ภายใต้เสื้อกันฝนเท่านั้น

ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงสำหรับระยะทางใกล้ๆ ในที่สุดรถก็เคลื่อนเข้าสู่เขตวัดจนได้ เมื่อจอดรถให้ทุกคนนำปลาลงไปแล้ว ครูสมคิดก็ขอร้องให้น้ำขับรถออกไปรับหลวงพ่อซึ่งไปหยุดหลบฝนอยู่ที่ใต้ถุนบ้านของผู้ใหญ่บ้านกลับมาที่วัดด้วย

“บ้านผู้ใหญ่บ้านน่ะ ทาสีเหลืองนวลๆ หลังใหญ่สุด เป็นหลังเดียวที่มีใต้ถุน”

“ใช่หลังที่อยู่ก่อนถึงท่าเรือนิดนึงมั้ยครับ”

“ใช่ๆ”

“โอเคครับ ” น้ำรับปากแล้วจึงวกรถออกไปอีกครั้ง

เมฆยืนมองตามรถกระบะเคลื่อนออกไปซึ่งไม่นานก็ถูกสายฝนบดบังจนมองไม่เห็น เขาเป็นห่วงรุ่นพี่เพราะต้องขับออกไปตามลำพัง

ตั้งใจตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไอ้น้ำมันขับรถเก่งจะตาย มึงก็เห็นนี่ ไปๆ ช่วยกันขนปลาเข้าไปในครัวเถอะ”


เหล่านักศึกษาปีหนึ่งกับปีสี่อยู่ด้วยกันในครัวข้างกุฏิ ส่วนปีสองกับปีสามทำข้าวต้มสำหรับมื้อเช้าไว้แล้วก็ไปจัดเตรียมข้าวของสำหรับแจกให้เด็กๆ หลังจากนั้นจึงจะสลับกันไปอาบน้ำก่อนเวลาเริ่มงานตอนแปดโมงตรง

ในตะกร้าที่นำมาจากเรือประมงนั้นมีปลาหลายชนิดปะปนกัน เป็นส่วนที่คัดออกจากที่จะนำไปขายในตลาด ทางโรงเรียนจึงรับซื้อต่อมาในราคาที่ถูกกว่าราคาทั่วไป พวกเขาจับแยกชนิดแล้วใส่ถุงไว้ ก่อนจะนำไปเก็บในตู้เย็น

“ฝนตกแบบนี้ แล้วตอนบ่ายจะทำสวนกันยังไงเนี่ย”

“ถ้าตกไม่แรงมากก็เดี๋ยวใส่เสื้อกันฝนเอา แต่ถ้าตกหนักเราคงต้องหากิจกรรมอย่างอื่นทำกับเด็กๆ ไปก่อน” รุ่นพี่รุ่นน้องปรึกษากันอย่างเป็นกังวล

“แต่มีลมแบบนี้เดี๋ยวฝนคงหยุดมั้งพี่”

“ฟ้าเริ่มสว่างแล้วด้วยนะ”

“ฮัดเช้ย!”

“เฮ้ย ไอ้เมฆ เดี๋ยวมึงกินยาด้วย พวกมึงด้วยนะ ตากฝนมาเดี๋ยวเป็นหวัด แยกปลาเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำกันเหอะ เดี๋ยวจะได้มากินข้าว”

เมฆเดินมารีรออยู่ที่ด้านหน้าศาลาวัด ในเวลานี้ฝนซาลงไปมากแล้ว ทั้งเมฆสีดำหนาก็บางตาลง ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างรำไร หากพี่น้ำของเขายังไม่กลับมาเสียที

“ไอ้เมฆ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”

“ครับพี่” เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง ใกล้เวลาเจ็ดโมงเช้ามากแล้ว ข้าวปลาก็ยังไม่ได้รับประทาน เขาจึงจำใจต้องไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยก่อน

เมื่อทุกคนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้วก็มานั่งล้อมวงรับประทานมื้อเช้ากัน ในระหว่างนั้นรถกระบะของวัดก็เคลื่อนเข้ามาจอด น้ำช่วยหลวงพ่อถือของที่ได้รับมาจากการบิณฑบาตไปเก็บ จากนั้นจึงวิ่งมายังศาลาวัดซึ่งทุกคนรอคอยกันอยู่

ชายหนุ่มมีแป้งสีขาวพร้อมรอยมือแปะตามเนื้อตัวและบนใบหน้า แถมยังมีผ้าขาวม้าผูกเอวมาด้วย เขาสบสายตากับเมฆแล้วเดินดุ่มๆ ไปนั่งลงกับเพื่อนพ้องของตน

“มึงไปตกกระป๋องแป้งที่ไหนมาวะ ออกไปอย่างหนุ่มเมืองกรุง กลับมาเป็นหนุ่มลูกทุ่งเลยนะมึง” ไข่ย้อยทัก

“แม่ง...” น้ำส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

“โดนสาวรุมมาอะดิ”

พอได้ยินเช่นนั้น เมฆก็หันขวับไปทางรุ่นพี่ทันที ส่วนแหนมกับตำลึงก็ใช้ข้อศอกถองสะกิดกันเป็นพัลวัน

ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก “ตอนที่ไปถึงฝนก็เกือบจะหยุดตกแล้ว พอจอดรถลงไปรับหลวงพ่อ จู่ๆ แม่งก็มีคนกรูกันมาจากไหนนักไม่รู้ แล้วก็รุมแปะแป้งเต็มตัวกูเลยเนี่ย เข้าตาเข้าปากไปอีก”

“แล้วรอดมาได้ไงวะ”

“หลวงพ่อท่านดุอะดิ กูเลยรอด แม่ง... น่ากลัวฉิบหาย”

กลุ่มเพื่อนของชายหนุ่มหัวเราะ “เสือกหล่อเองนี่หว่า แล้วนี่ ผ้าขาวม้าเอามาจากไหนวะ”

“พวกชาวบ้านเขาให้มาน่ะแหละ”

เต้าหู้รับชามข้าวต้มที่รุ่นน้องตักส่งต่อๆ กันมาให้แล้ววางลงตรงหน้าเพื่อนรัก “เอ้า กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวมึงจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง”

“อือ ขอบใจ”


หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว ฝนก็หยุดตกพอดี ท้องฟ้ายังคงมีเมฆสีเทาหม่นลอยบ้างประปราย แต่ดวงอาทิตย์ก็แผดแสงแรงกล้า ให้ความอบอุ่นไปทั่วผืนดินที่เปียกชื้น กลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะเคลื่อนย้ายกันไปเตรียมตัวที่เรือนไม้ซึ่งเป็นอาคารเรียน เรือนไม้หลังนี้มีสองห้องเรียน กับห้องว่างอีกห้องซึ่งจะใช้ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้านข้างอาคารเรียนเป็นที่โล่งว่าง มีหลังคาข้างบนเอาไว้ให้เด็กๆ ทำกิจกรรม และถัดออกไปเป็นแปลงผักขนาดกว้างขวางกับเล้าไก่

แม้จะยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน หากเด็กนักเรียนก็มาถึงโรงเรียนกันแล้ว พวกเขามีใบหน้ายิ้มแย้ม ต่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้พบกับครูน้อยซึ่งเดินทางมาจากสถานที่ห่างไกล ที่ซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ไปเยี่ยมเยียนมาก่อน

ก่อนถึงเวลาเข้าเรียน เด็กๆ กับเหล่าครูน้อยร่วมกันร้องเพลงเคารพธงชาติเสียงดังก้อง พวกเขาพูดคุยแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน

พอน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็คว้ากล้องวิ่งไปยังอาคารเรียนเพื่อทำหน้าที่ของตน เริ่มจากไปถ่ายรูปกิจกรรมแจกของให้กับเด็กๆ ก่อน

รุ่นน้องปีสองกับปีสามรับหน้าที่แจกของให้กับเด็กๆ ในห้องเรียน ซึ่งมีทั้งสมุด เครื่องเขียน ของเล่น เสื้อผ้าของใช้จำเป็นและขนม พวกเด็กๆ ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีโอกาสได้รับของขวัญมากมายถึงขนาดนี้

น้ำถ่ายรูปไปด้วยความรู้สึกผิดในใจ ตัวเขาเกิดมามีพร้อมทุกสิ่ง ของเล่นที่เคยมีล้วนคัดสรรมาเป็นอย่างดีและมีราคาแพง แต่เขากลับไม่เคยรู้สึกดีใจเลย หากวันนี้ได้มาเห็นรอยยิ้มสดใสของพวกเด็กๆ ซึ่งเพียงแค่ของเล่นธรรมดาๆ ก็ทำให้พวกเขามีความสุขได้ และยังทำให้คนรอบข้าง รวมทั้งผู้ให้ได้อิ่มเอมหัวใจไปพร้อมกันด้วย

แต่ขณะที่กำลังซึ้งอยู่นั้นก็มีเสียงโวยวายดังแทรกขึ้น แล้วก็ไม่ใช่เสียงคนอื่นคนไกล พวกเพื่อนๆ เขานั่นล่ะ สงสัยจะมีปัญหากับการติดตั้งคอมพิวเตอร์ล่ะมั้ง

ชายหนุ่มสาวเท้ายาวๆ ผ่านห้องเรียนสองห้อง ไปยังห้องที่ตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ พวกเพื่อนเขายังไม่ได้เริ่มแกะกล่องคอมพิวเตอร์เลย เพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับการต่อโต๊ะคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปอยู่

“กูว่าเขาให้น็อตมาไม่ครบ” ตั้งใจขมวดคิ้วพลางตบไหล่ป๊อกเด้งเพื่อเร่งให้รื้อดูภายในกล่อง

“ไอ้เหี้ย ตบกูอยู่ได้ ของกระเด็นกระดอนหมดแล้ว”

รุ่นน้องปีหนึ่งอีกสามคนทำหน้าเซ็งๆ “โต๊ะผมต่อเสร็จตั้งนานแล้วนะพี่ ไม่ต้องแข่งแล้วน่ะ ให้พวกผมต่อของพวกพี่ให้ก็ได้”

“เฮ้ย พวกมึงดูถูกพวกกูเหรอวะ”

น้ำถอนหายใจหนักๆ อย่างอ่อนใจ อะไรกันวะ แข่งกันต่อโต๊ะ ห้าคนยังเสือกแพ้รุ่นน้องสามคนไปได้ เวรกรรมแท้ๆ “ชาตินี้พวกมึงจะเสร็จป่ะวะ ก็ให้น้องต่อโต๊ะไป พวกมึงก็แกะกล่องเอาคอมพ์ กับ UPS ออกมาติดตั้งได้แล้ว”

“มาแล้วก็บ่นเป็นหมีเลยนะมึง ถ่ายรูปให้พวกกูหล่อๆ ด้วย” ใบตองเหน็บ

“คนไม่หล่อจะให้ถ่ายยังไงให้หล่อวะ” น้ำพึมพำ ก่อนจะโดนเพื่อนพ้องส่งนิ้วกลางให้ เขาหัวเราะเบาๆ ยกกล้องในมือขึ้นเล็งพร้อมกับหันไปทางกลุ่มปีหนึ่ง แต่เพราะเห็นว่าเมฆทำหน้าเครียดจึงพูดหยอกเย้า “น้องเมฆยิ้มหน่อยครับ”

เจ้าของชื่อซึ่งกำลังง่วนแกะกล่องคอมพิวเตอร์อยู่เงยหน้าขึ้นพรวด ก่อนจะยิ้มกว้าง “ยิ้มแล้วครับ”

ชายหนุ่มยิ้มตอบ พลางกดชัตเตอร์แล้วเปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆ

“พี่น้ำจะถ่ายแต่ผมเหรอ เมื่อยปากแล้วนะพี่”

“ก็เมฆยิ้มแล้วน่ารักดี”

ตำลึงกับแหนมหันมองหน้ากันแล้วเบ้ปาก ทั้งที่พวกเขาควรจะชาชินสักที แต่ก็เหมือนว่าเพื่อนรักกับรุ่นพี่สรรหาคำพูดน้ำเน่าใหม่ๆ มาสาดใส่กันได้อยู่เรื่อยๆ

“พวกกูก็ยิ้มอยู่ครับไอ้คุณน้ำ” เพื่อนพ้องเอ่ยอย่างหมั่นไส้

คนที่ถือกล้องอยู่หันไปตอบโดยไม่ได้เบนเลนส์ไปทางพวกเขาเลยแม้แต่น้อย “เรื่องของมึง”

“อ้าว ไอ้เหี้ยสองมาตรฐาน!”

“พวกมึงแม่งยิ้มเสแสร้ง เปลืองเมมในกล้อง”

“พวกกูต้องฝืนยิ้มก็เพราะความเลี่ยนของมึงนี่แหละไอ้สัตว์น้ำ รีบๆ ถ่ายแล้วรีบๆ ไปที่อื่นบ้างเลยมึง” พวกเขาต่อว่าพร้อมกับคว้าชิ้นส่วนกล่องปาใส่

น้ำหัวเราะเบาๆ เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้วจึงย้ายไปที่มุมอื่นต่อ

กว่าจะติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์และจัดเก็บทำความสะอาดเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว พวกเขานัดครูทั้งสามคนเพื่อสาธิตวิธีการใช้งานในวันรุ่งขึ้น แต่ตอนนี้เป็นคิวของพวกเขาที่จะต้องรีบไปเตรียมมื้อกลางวันให้กับนักเรียนและตัวเองก่อน

น้ำตามมาสมทบในครัว เขาถ่ายรูปเพื่อนๆ กับรุ่นน้องที่นั่งล้อมวงทำความสะอาดปลากันอย่างขะมักเขม้น ใจนึกสงสัยว่าในที่กันดารเช่นนี้ พวกเขาจะเลือกสรรเมนูอะไรมาทำอาหารกัน

แหนมกับตำลึงกำลังก่อเตาถ่านซึ่งจัดวางเรียงไว้ห้าเตาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด เมื่อไฟติดได้ที่แล้วก็จัดการหุงข้าว กับต้มน้ำไว้สำหรับลวกเนื้อปลา

น้ำเปลี่ยนโหมดในกล้องถ่ายรูปเป็นถ่ายวิดีโอ เพราะคิดว่าน่าสนใจดี “มื้อนี้จะทำอะไรให้น้องๆ กินครับ”

“แกงจืดสาหร่ายใส่ไข่เจียวกับปลา แล้วก็ปลาชุบแป้งทอดครับ” สองหนุ่มตอบอย่างรู้งาน “พวกเราซื้อไข่ สาหร่าย กับแป้งทอดกรอบมาจากตลาดด้วย คิดว่าเด็กๆ คงไม่ได้กินกันบ่อยๆ น่าจะชอบ”

ชายหนุ่มอมยิ้ม เขานึกชื่นชมเพื่อนๆ และรุ่นน้องอยู่ในใจ ขนาดมีเวลาแค่สามวันเท่านั้น ทว่าทุกคนก็พยายามจะมอบความสุขให้กับเด็กๆ กันอย่างเต็มที่ จากนั้นก็เดินไปถ่ายรอบวงที่กำลังควักไส้ล้างปลากันอยู่

“ไม่ทำปลาทอดบ้างเหรอ”

“มันง่ายไปน่ะ เด็กๆ คงกินบ่อยแล้ว”

กว่าจะทำอาหารเสร็จก็ปาไปเกือบชั่วโมง แต่ก็ทันมื้ออาหารเที่ยงพอดี พ่อครัวจำเป็นทั้งหลายแทบจะเป็นลมไปตามๆ กัน หากเมื่อได้ยินคำชมจากเด็กๆ กับได้เห็นรอยยิ้มในตอนที่รับประทานอาหารแล้ว พวกเขาก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

นักศึกษาแยกกันไปนั่งปะปนกับเด็กๆ คุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สีหน้าของทุกคนก็เปี่ยมไปด้วยความสุข

น้ำนั่งอยู่กับตั้งใจ ไข่ย้อย และเด็กอายุราวๆ 8-9 ขวบสามคน เด็กๆ บอกว่าพวกเขาเป็นคนถูพื้นห้องในเรือนพักให้ ตั้งใจนึกถึงเจ้าที่ขึ้นมาได้จึงพูดขึ้น

“ในบ้านมีตุ๊กแก ตัวเบ้อเริ่ม”

เด็กๆ พยักหน้า แล้วพูดติดสำเนียงทองแดง “ชื่อบุญชมกับอุไร”

“ฮะ!?”

“เขาเป็นเจ้าของบ้าน ชื่อบุญชมกับอุไร”

ตั้งใจยิ้มแหยๆ “เป็นเจ้าของบ้าน? ก็ไล่ไปไม่ได้น่ะสิ”

พวกเด็กส่ายหน้ารัว “ไม่ได้ บ้านเขา ก่อนครูจะมาต้องขอเขาให้ครูนอนด้วย”

ฉิบหายละ! ตั้งใจยกมือขึ้นปาดเหงื่อ

“แต่เขาใจดี เขาดูแลบ้านมาก่อนพวกหนูอีก”

แปลว่าพวกเขาต้องอยู่ร่วมกับตุ๊กแกไปอีกสามคืนงั้นสินะ ฮือ...

ฝ่ายเมฆ แหนมและตำลึงนั้น พวกเขานั่งอยู่กับเด็กสองคน ด้วยความที่ต่างฝ่ายต่างเป็นคนช่างคุย พวกเขาจึงจ้อกันไม่หยุดปาก แม้จะคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ใช้ภาษามือปนด้วยก็สนุกดี

“ครูรู้มั้ย บนเขาข้างหลังเนี่ย ปู่กับย่าบอกว่ามีถ้ำฝังสมบัติไว้ด้วย ข้างในมีเพชรทองมากมายเลย”

“โห แล้วไม่โดนขโมยเหรอ” ตำลึงนั่งฟังไปอย่างสนใจ

“ไม่มีใครกล้าน่ะสิครู”

“ทำไมอะ”

“ปู่บอกว่ามีผีเฝ้า ดุมาก มีคนเดินผ่านตอนกลางคืนเห็นอยู่บ่อยๆ วิ่งหนีกันหัวโกร๋น แล้วใครไปขุดหาก็จะโดนคำสาปให้โชคร้าย
บางคนก็ตาย”

“เหย... ถึงตายเลยเหรอ” แหนมยิ้มแหยๆ เพราะตัวเขานี่เซนส์สิถีพกับเรื่องลี้ลับเป็นที่สุด “บนเขาตรงไหนเหรอ ครูจะได้อยู่ห่างๆ”

“นั่นไง ครูมองขึ้นไปสูงๆ เห็นศาลาข้างบนเขามั้ย เดินเลยเข้าไปก็เจอปากถ้ำแล้ว”

“อือๆ” รู้แล้วเขาจะได้ไม่มองขึ้นไปบนนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวเจอใครนั่งอยู่ล่ะซวยเลย


(มีต่อค่า)


ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4


หลังเสร็จจากอาหารมื้อเที่ยง ท้องฟ้าเบื้องบนค่อยๆ มืดครึ้มลงอีกครั้ง ทว่าฝนยังไม่ตก ทุกคนจึงรีบออกไปเตรียมพื้นที่ในแปลงผักเอาไว้สำหรับลงต้นกล้ากันก่อน หากเพราะเมื่อตอนเช้าฝนตกหนัก ดินเปียกชื้น บางจุดก็เละเป็นโคลน ทำให้งานปรับหน้าดินลำบากกว่าเดิม

พวกนักศึกษาแบ่งกลุ่มกันไปทำงาน กลุ่มหนึ่งกับครูประจำโรงเรียนสองคนใช้มีดดายหญ้าที่ข้างแปลงโดยมีพวกเด็กๆ ช่วยโกยไปทิ้ง กลุ่มที่อยู่ในแปลงกับครูอีกคนใช้คราดตะกุยซากต้นไม้เดิม เศษใบไม้ วัชพืชและหินออก อีกกลุ่มคอยเก็บใส่ถังแล้วยกไปทิ้ง ที่เหลือใช้พลั่วพลิกหน้าดิน โดยมีเด็กๆ ที่โตหน่อยคอยใช้คราดเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ เพื่อให้พื้นดินพร้อมสำหรับการลงต้นกล้าที่ครูประจำโรงเรียนได้เพาะไว้ให้

งานของน้ำสบายที่สุดในกลุ่ม เพราะเขาทำหน้าที่ตากล้องคอยถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอไว้ให้เป็นโปรไฟล์กิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ทว่าขณะที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่นั้น...

จิ๊บ... จิ๊บๆ

“หือ” น้ำหันไปมองหาต้นเสียง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “ลูกเจี๊ยบหลุดมาจากกรงเรอะ” เขาก้มลงไล่จับอยู่สักพัก แล้วพอตะปบไว้ในมือได้ ก็มีเสียงร้องของลูกไก่ดังแว่วมาอีก... แต่คราวนี้ดังมาจากหลายทิศทาง

ชายหนุ่มหันมองไปรอบๆ จึงเห็นว่ามีลูกเจี๊ยบอีกห้าหรือหกตัววิ่งไปวิ่งมา “เฮ้ย!”

“มีอะไรเหรอพี่” แหนมอยู่แถวนั้นพอดี เห็นน้ำวิ่งไปวิ่งมาทำท่าเหมือนจะไล่จับกบจึงเอ่ยถาม

“ดูเหมือนว่าเล้าไก่จะมีรู ลูกเจี๊ยบหลุดออกมาเต็มเลย ช่วยจับหน่อยเร็ว!”

แหนมมองตามที่รุ่นพี่ชี้ไป แล้วกระโจนเข้าไปช่วยจับลูกไก่ด้วยอีกคน เขาก้มลงวิ่งไล่ต้อนเจ้าตัวเหลืองซุกซน พอตะปบไว้ในอุ้งมือได้ก็ได้ยินเสียงไก่ตัวโตที่แฝงไว้ด้วยรังสีอำมหิต เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง “เย้ย! แม่มันมาตาม!” เขาตกใจโยนลูกไก่ทิ้ง จากนั้นก็วิ่งหนีแม่ไก่ที่วิ่งไล่จิกตนเป็นพัลวัน “ช่วยผมด้วยยย~”

รุ่นพี่ปีสี่กำลังดายหญ้ากันอยู่ พอเห็นรุ่นน้องปีหนึ่งร้องเอะอะโวยวายขอความช่วยเหลือก็คว้ามีดดายหญ้าวิ่งเข้าไปช่วย “เฮ้ย! ไอ้แหนม ไม่ต้องกลัว กูมาช่วยแล้ว”

“เฮ้ย! เดี๋ยวก๊อนนน จะฆ่าไก่ครูหรื๊อ” ครูฉลุยกับครูสมคิดวิ่งตามไปห้าม

“ช่วยผมด้วย มันจะฆ่าผมแล้ว” แหนมร้องลั่น

เหล่านักศึกษาพร้อมใจกันคว้าอาวุธในมือ ทั้งจอบ พลั่ว เสียม คราดมาล้อมแม่ไก่ตัวใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียด้วย ใครยื่นอะไรเข้าไปมันก็กระโดดจิกตีอย่างรุนแรง

“ผัวมึงมีเมียน้อยเหรอวะอีเหี้ย~ ถึงได้โมโหขนาดนี้เนี่ย”   

“ล้อมไว้ก่อนๆ เดี๋ยวครูเอาสุ่มไปครอบ” ครูแห้วตะโกนบอกพลางวิ่งตรงไปเอาสุ่มที่เล้า

“เร็วๆ ครู แม่งจะกระโดดจระเข้ฟาดหางพวกผมแล้ว!”

ภายในเล้าว่างเปล่า กรงลวดมีรอยฉีกขาดกว้าง “ฉิบหายแล้ว!” ครูแห้วอุทาน เขาคว้าสุ่มแล้ววิ่งไปทางที่พวกนักศึกษายืนออกันอยู่ รีบเอาสุ่มไปครอบแม่แก่เอาไว้ก่อน “ดูเหมือนว่ามีตัวอะไรกัดกรงเข้าไปในเล้า ไก่หายหมดเล้าเลย! ครูก็ว่า ปกติสมศรีไม่ดุขนาดนี้ มันคงตกใจน่ะ”

“แล้วจะทำไงดีครับครู”

“จับลูกเจี๊ยบก่อน ระวังพ่อมันด้วยล่ะ”

แวบแรกทุกคนกำลังจะวิ่งออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก “พ่อมัน?”

“ไอ้โต้งไง ถ้าเห็นเรียกครูนะ เดี๋ยวครูจับเอง ไอ้นี่อดีตสิงห์นักเตะ ถ้าทะเล่อทะล่าไปจับมันเดี๋ยวมันตีตาเขียวหัวแตก”

“เย้ย! ดุสมกับเป็นพ่อเล้าจริงจริ๊ง”

ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง ทำให้การไล่จับลูกไก่หนักหนาสาหัสมากขึ้นไปอีก ทั้งเด็กๆ และพวกนักศึกษาเนื้อตัวเปียกปอน เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เมื่อจับลูกไก่ได้หมดแล้วก็นำมาใส่กล่องรวมกันไว้ แล้วนำกล่องไปวางไว้ในที่โล่งใต้หลังคาข้างตึกเรียนของเด็กๆ ข้างๆ แม่ไก่ในสุ่ม

“แล้วเด็กๆ จะกลับยังไงครับเนี่ย”

“เดี๋ยวถึงเวลาเลิกเรียนพ่อแม่เขาก็เอาร่มมารับน่ะ ส่วนเล้าไก่กับแปลงผักคงต้องทำต่อพรุ่งนี้ล่ะนะ” ครูฉลุยถอนหายใจยาว

“ว่าแต่ นอกจากไอ้โต้งที่ยังหาไม่เจอแล้ว มีไก่ที่หลุดไปอีกกี่ตัวอะครับ”

“มีแม่ไก่อีกสี่ตัว แต่ไม่เป็นไร พวกมันไปไหนได้ไม่ไกลหรอก” 

ครูแห้วพูดพลางยกชายเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้า “ดีไม่ดีบางตัวก็อาจจะโดนลากไปกินแล้วด้วยสิ”

ในระหว่างที่นั่งคุยกันนั้น หลวงพ่อประจำวัดก็เดินถือร่มเข้ามาสมทบด้วย “วันนี้เลิกเร็วหน่อยนะ ฟ้ามืดแบบนี้ดูท่าฝนจะตกแรง เดี๋ยวให้เด็กๆ ติดรถกลับหมู่บ้านเลย อ้าว แล้วทำไมเลอะเทอะกันแบบนี้ล่ะ”

“ไล่จับไก่กันน่ะครับ พอดีมีตัวอะไรไม่รู้ไปพังเล้าไก่ ไก่หลุดออกมาหมดเลย คงต้องพรุ่งนี้ถึงจะซ่อมเล้าได้” หนึ่งในครูอาสาตอบกับหลวงพ่อ “รถใครเหรอครับหลวงพ่อ”

หลวงพ่อพยักหน้าเข้าใจ “รถของคนมางานน่ะ เดี๋ยวทุกคนก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันซะก่อนนะ มื้อเย็นไม่ต้องทำหรอก เหนื่อยกันมากแล้ว ไปกินที่ในงานเถอะ”

“งานอะไรเหรอครับหลวงพ่อ” ใบตองถามอย่างสงสัย ก็แบบว่า จู่ๆ ใครจะมาจัดงานเลี้ยงในวัดกัน เขาชักนึกเสียวสันหลังชอบกล

“งานบุญน่ะ” หลวงพ่อยิ้ม พร้อมกับชี้ไปที่ศาลาซึ่งอยู่ห่างออกจากตัวโบสถ์และศาลาวัดไปทางท้ายวัด

เหล่านักศึกษาพร้อมใจกันหันมองไปตามที่หลวงพ่อชี้ ซึ่งไม่ไกลจากศาลานั้นมีเมรุด้วย พวกเขาอ้าปากค้าง “ชัดเลย! งานศพ!”

“เจ้าภาพเขาเลี้ยงข้าวต้มหลังสวด กลางคืนจะมีหนังตะลุงด้วยนะ ถ้าเบื่อกันก็ไปดู”

รุ่นพี่รุ่นน้องหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนตั้งใจจะเป็นตัวแทนตอบ “อย่าดีกว่าครับ พวกผมเกรงใจ อาหารสดก็ซื้อมามากมายน่ะครับ ถ้าไม่ทำกินเดี๋ยวจะเสียหมด”

หลวงพ่อยิ้ม “ไม่เป็นไร งั้นก็ตามสบายนะ ไปๆ พาเด็กๆ ไปส่งขึ้นรถก่อน”


ฝนเทลงมาหลังจากส่งเด็กนักเรียนกลับบ้านไปได้ไม่นาน ขณะที่เหล่านักศึกษาไปรวมตัวกันที่ครัวข้างกุฏิเพื่อทำอาหารมื้อเย็น พวกเขายังไม่อาบน้ำเพราะคิดว่าเดี๋ยวทำอาหารกันก็ตัวเลอะเทอะอยู่ดี

เมนูมื้อเย็นหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันนี่ ทุกคนตกลงกันว่าจะทำอะไรง่ายๆ พวกเขาอยากจะรีบๆ รับประทานให้อิ่มท้อง ไปอาบน้ำแล้วก็จะได้เข้านอนเสียที

รุ่นน้องปีสองรับหน้าที่ก่อเตาไฟเพื่อต้มน้ำร้อนไว้ลวกเนื้อหมูกับลูกชิ้นที่ซื้อติดมา พอเสร็จแล้วก็ยกหม้อใบใหญ่ที่ใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งขึ้นตั้งไฟ รอให้น้ำเดือด จากนั้นจึงแกะห่อบะหมี่สำเร็จรูปใส่ลงไป ไม่นานเส้นก็สุกพร้อมรับประทานได้

รุ่นพี่รุ่นน้องล้อมวงรับประทานมื้อเย็นกันที่ใต้ถุนกุฏิอย่างเงียบเชียบ ต่างคนต่างหิวเสียจนไม่ได้สนใจเสียงของเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคาดังลั่น

พอเริ่มจะรู้สึกอิ่ม ป๊อกเด้งเป็นคนแรกที่เงยหน้าขึ้นจากชามใส่อาหารของตน เขาหรี่ตามองเงาตะคุ่มพร้อมกับแสงไฟเคลื่อนที่อยู่ไกลๆ ทว่าเมื่อมองไปสักพักเงานั้นก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กหนุ่มจึงหันไปสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กัน “ไอ้ตอง มึงเห็นไฟแวบๆ นั่นมั้ยวะ”

ใบตองเงยหน้าขึ้นมองตามที่อีกฝ่ายชี้ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก “เฮ้ย! กระสือ!” เขาร้องเสียงดัง ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงนั้นเงยหน้าขึ้นพรวด

เต้าหู้รีบหันไปตบศีรษะเพื่อนเพื่อเรียกสติ “นี่ในวัดนะมึง กระสือเหี้ยอะไรจะลอยเข้ามาในวัดวะ”

“เออ จริง” ใบตองยกมือขึ้นลูบตรงที่ถูกตบไปหมาดๆ “แล้วไฟนั่นมันอะไร”

เงาตะคุ่มและแสงไฟเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกจนพอมองเห็นได้ว่าเป็นคนสองสามคนเดินถือร่ม ถาดและไฟฉายตรงเข้ามาหาพวกเขา

“สวัสดีครับครู”

ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ “สวัสดีครับ/ฮะ”

“เห็นหลวงพ่อบอกว่ามีครูมาช่วยดูแลเด็กๆ ลุงเลยแบ่งเอาขนมกับผลไม้มาให้นะ”

“โอ้โห ขอบคุณครับ อุตส่าห์เดินฝ่าฝนเอามาให้พวกผม” ตั้งใจก้าวเข้าไปช่วยรับถาดมาจากคุณลุงและคนที่เดินมาด้วย เขาส่งต่อให้รุ่นน้องที่ยืนเก้ๆ กังๆ รอกันอยู่

“ลุงมาจัดงานบุญที่ศาลา ถ้าเบื่อๆ ก็แวะไปหาได้นา”

ตั้งใจยิ้มแหยๆ “ครับ ขอบคุณครับ”

“ลุงไปละ ขาดเหลืออะไรก็บอกลุงไว้ได้นะ พรุ่งนี้ถ้าหาได้จะฝากคนเอามาให้” คนทั้งสามร่ำลาแล้วก็เดินกลับออกไป

พวกนักศึกษานั่งลงล้อมวงกันอีกครั้ง มองขนมในถาดขนาดใหญ่กันด้วยความตื่นเต้น น้ำเอ่ยปากเสียดายที่แสงไฟสลัวและสีออกนวลๆ จากเครื่องปั่นไฟในตอนค่ำไม่ค่อยเป็นใจต่อการถ่ายภาพนัก ทำให้เขาอดได้ภาพสวยๆ ของขนมพื้นเมืองที่นานๆ จะได้เห็นสักครั้ง

“แต่ว่าขนมอะไรบ้างวะเนี่ย”

“อันนี้กูเคยกิน เขาเรียกขนมหัวล้าน ขนมคอเป็ด ขนมเจาะหู ส่วนพวกนี้ไม่แน่ใจ”

“ขนมหม้อแกงเปล่าวะ”

หากไม่ว่าขนมในถาดจะเป็นอะไร พวกเขาก็หยิบรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยผลไม้ที่คุณลุงนำมาให้ ซึ่งมีส้ม ส้มโอที่แกะมาเรียบร้อย และกล้วยเล็บมือนาง ไม่นานก็เหลือเพียงแค่ถาดที่ว่างเปล่า

พอท้องอิ่มแล้วหนังตาก็เริ่มหย่อน หลายคนเอนหลังลงนอนไปบนแคร่ที่นั่งรับประทานอาหารกันอยู่นั่นล่ะ บางคนก็พิงกับเสากุฏิแล้วเรอเอิ๊กใหญ่ ตั้งใจลุกขึ้นแบบเนือยๆ หยิบถาดทั้งหมดซ้อนกันไว้แล้วยกขึ้นมาไว้ในมือ “เดี๋ยวเอาถาดไปคืนก่อน จะได้อาบน้ำนอนซะที”

น้ำคว้าแขนเพื่อนรักไว้ เขาทำงานจับกังน้อยกว่าใครทั้งหมดในที่นี้ เพราะงั้น... “กูเอาไปคืนให้เอง” ชายหนุ่มคว้าถาดจากเพื่อนมาแล้วหันไปมองหาร่ม โชคดีที่ใต้กุฏิมีร่มแขวนอยู่หลายคัน เขาจึงเลือกหยิบมาคันหนึ่ง “พวกมึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวกูตามไป”

“เอางั้นเหรอ”

“ไปเหอะน่ะ” น้ำผลักไหล่เพื่อนรักเบาๆ เขาหยิบร่มมากางออก เอาไหล่หนีบไว้กับศีรษะ มือหนึ่งถือถาด ส่วนอีกมือหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเปิดไฟฉายอย่างเก้ๆ กังๆ

“ผมจะไปกับพี่น้ำเองครับ” เสียงพูดจากคนที่ทุกคนคุ้นเคย เขาเดินตรงเข้าไปหาน้ำแล้วคว้าร่มกับถาดมาจากรุ่นพี่ “ผมถือของ พี่น้ำส่องไฟก็แล้วกันนะ”

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากตอบรับเด็กหนุ่ม “ขอบใจ”

“เฮ้ย! เดี๋ยว!” ใบตองกับป๊อกเด้งทำท่าจะห้าม แต่มาคิดดูอีกที พวกเขาจะปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวหรืออย่างไรกัน จะไปด้วยวันนี้ก็หมดโควตาออกแรงแล้ว อีกอย่างแค่เดินเอาถาดไปคืน มันจะสวีตกันบ้างระหว่างทางก็ช่างแม่ง “เออ รีบไปรีบมาแล้วกัน ระวังตัวด้วยล่ะ”


TBC~*


แฮร่ วุ่นจริงๆ เนอะค่ายนี้ ขนาดแค่วันแรกเท่านั้นเอง~

เดี๋ยวตอนหน้าจะให้พี่น้ำน้องเมฆสวีตกันสักหน่อย รออ่านกันนะคะ อิอิ /ทิ้งสปอยล์ไว้แล้ววิ่งหนีไปในกลีบ(น้อง)เมฆ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่า :กอด1:


ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
แค่วันแรกก็วุ่นวายทั้งวันเลย :hao4:

รอฉากสวีทน้าาาา :mew1: :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
กลัวว่าตอนหน้าจะเจอสิ่งลี้ลับรึเปล่า 555555555 แล้วเมื่อไหร่น้องเมฆจะได้ใช้สกิลที่ฝึกกับก้านมะยมซักที อุอิอุอิ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ใครกล้าดูถูกการสวีทของพี่น้ำกะน้องเมฆนี่คิดผิดคิดใหม่เร็ว 5555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่ารักค่ะพี่น้ำน้องเมฆ
รอความสวีทต่อไป

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อะไรกันอะพวกพี่ๆ คิดจะขัดไรกันหนักหนาอะ  :ling1:
เดะให้บุญชมกะอุไรมาจัดการเลยนิ ค่ายนี้แสนวุ่นวายจริงๆ แต่ละเรื่อง ฮาไปไหน  :m20:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
พี่น้ำเท่ทุกสถานการณ์

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ขนาดอยู่กันหลายคนพี่น้ำน้องเมฆเขายังสวีทกันได้
นับประสาอะไรกับการเดินไปคืนถาด  :m18: :m18:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
แค่วันแรกก็โหด มัน ฮา ขนาดนี้แล้ว วันต่อๆไปจะเป็นยังไง55

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โอ๊ยยยยย เป็นค่ายที่วุ่นวายจริงๆ เลยนะเนี่ย

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอสองหนุ่มเค้าสวีทกันค่ะ วรั้ยยยยยย  :hao6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วุ่นวายตลอด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
 :katai2-1:สวีทไม่เกรงใจใครเลย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
แหมๆๆ พี่น้ำ น้องเมฆ นี่มาบำเพ็ญประโยชน์ให้ชุมชนนะจ๊ะ ไม่ได้มาพรีฮันนีมูน ^^

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เป็นค่ายอาสาที่บันเทิงกันจริงๆ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :hao7: วุ่นวายกันจังเลยเนอะ

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
เอ๊ะๆ ส่งท้ายเหมือนจะมีอะไรๆ :katai5:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
เป็นค่ายที่น่าสนุกมาก 55555 วุ่นวายกันสุด 

มีความคิดระแวงลุงคนนั้นจัง เป็นลุงที่งานบุญนั่นรึป่าว 5555 แต่จะเจอแค่ 2 คนเองหรอ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
วุ่นวายไปอี้กก 5555

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นี่ระแวงว่าคนที่เอาขนมมาให้จะเป็นลุงเจ้าของงาน หรือคนในโลงนั่นเอง

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด