รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero- 21 -
(ครึ่งหลัง)
วันแรกหลังจากการหยุดยาวไปหลายวัน บรรยากาศที่หน้าคณะผมไม่ได้คึกคักเหมือนคณะอื่นกันหรอก มันดูเนือยๆอึนๆ เพราะแต่ละคนยังไม่สามารถทำใจให้กลับสู่สภาวะการเรียนตามปกติได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็นั่งอึนกันได้ไม่นานเพราะงานที่อาจารย์สั่งให้ทำแทนความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นหน้ากันหลายวันก็ท่วมท้น แถมยังให้เวลาทำแค่สัปดาห์เดียวอีก งานนี้ไม่รีบทำก็คงเสร็จไม่ทัน แล้วก็ต้องทำให้ดีกว่างานที่เพิ่งส่งกันไปเมื่อเช้าด้วย เพราะถูกสับเละคาห้องกันไปหลายคน
“เย็นนี้พวกมึงเข้าประชุมกันด้วยนะเว้ย”เอเชียกระโจนเข้ามาตรงโต๊ะที่พวกผมนั่งเนือย นอนเลื้อยกันอยู่ พูดเสียงดังทำเอาไอ้หมวยที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาด่า
“เพลียอะไรนักหนา เพิ่งเปิดเรียนวันแรก เมื่อคืนผัวกวนหรือไง”
“ผัวหน้ามึงสิ! ถ้าไม่เห็นเป็นผู้หญิงกูเตะปากแตก”ไอ้หมวยด่าทันควัน พวกผมหัวเราะก๊ากอย่างหยุดไม่อยู่ มันทำหน้าหงิกหน้างอแต่ขึ้นสีแปลกๆ หน้าแดงทำไมวะ
“แหม่ แหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้เลย”
“กูเพื่อนเล่นมึงรึไง”ไอ้นี่ก็ไม่ยอมเลย
“พอเลยพวกมึง กูรำคาญ มึงจะให้พวกกูเข้าประชุมอะไร”ไอ้โอ๊คตัดบท ต้องต้องรำคาญมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ก็ไอ้สองคนนี้มันเถียงกันข้ามหัวไอ้โอ๊คจนหัวเปียกน้ำลายไปหมดแล้ว
“งานสามสัมพันธ์ไง เดือนหน้าจะมีงานแล้ว พี่เอ้ฝากมาบอกว่าให้มึงเข้าประชุมด้วยเพราะจะให้เป็นเฮดช่วยงาน”งานสามสัมพันธ์เป็นงานระหว่างสามคณะคือคณะผม สถาปัตย์ แล้วก็ศิลปกรรม จับพวกน้องๆปีหนึ่งมาทำกิจกรรมเพื่อจะได้สนิทและรู้จักกัน เราต้องเรียนวิชาบางวิชาด้วยกันครับ สายงานมันเอื้อกันอยู่ ถือเป็นการขยายเครือข่ายการทำงานในอนาคตด้วย
“ไรว้า เห็นพวกกูเป็นคนมีความรับผิดชอบขนาดนั้นเลยหรือไง”ไอ้เต้โอดครวญ คือให้ไปช่วยงานพวกผมก็โอเคครับ แต่ถ้ามอบหมายให้ทำหน้าที่หลักเลยนี่ ไม่ไหวครับ ขี้เกียจคือคำตอบของทุกสิ่ง
“เออ พวกมึงต้องไป พี่เอ้ฝากมาบอกอีกว่าถ้าพวกมึงไม่ไปจะให้พี่กั๊กมาตามด้วยตัวเอง”
“โอ๊ย เหี้ยอย่าเอาพี่กั๊กมาขู่”พวกมันทำหน้าสยองกันสุดๆ ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ตอนรับน้องผมไม่ได้เข้ากิจกรรม แต่ได้ยินว่าโหดสุด โหดจนไอ้หมวยเกลียดจนแทบจะลาออกเมื่อรู้ว่าเป็นน้องรหัส แต่ตอนนี้เขาดีกันแล้วครับ เพราะพี่กั๊กแม่มโอ๋ไอ้หมวย เหตุผลก็รู้ๆกันอยู่
“อย่าลืมนะพวกมึง ประชุมที่ห้องกิจกรรมสี่โมงเย็น”
“เออ”ไอ้เต้รับคำ “แต่กูสงสัยอยู่อย่าง มึงไปสนิทกับพี่เอ้ตอนไหนวะ ทำไมพี่เขาฝากบอกมึงมา จริงๆถ้าอยากให้พวกกูไปให้พี่กั๊กโทรบอกไอ้หมวยก็ได้”
“สนิทตอนไหนก็เรื่องของกู สู่รู้”มันว่าแล้วก็สะบัดกระโปรงพลีทพลิ้วๆหนีไป อะไรวะ ทำไมมีแต่คนหน้าแดง
“กูว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่น”ไอ้โอ๊คมองตามเอเชียไปเอานิ้วถูคางเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่
“หมวย มึงไปสืบกับพี่กั๊กสิ”
“เรื่อง อยากรู้พวกมึงก็ไปสืบกันเอง กูไม่ใช่คนชอบเสือก”
“เหรออออ”พวกผมประสานเสียงขึ้นมาทันที ผลักหัวมันคนละที
พวกผมแยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเองก่อนจะมารวมตัวตอนสี่โมงเย็นเพื่อประชุมงาน ผมได้รับมอบหมายให้เป็นคนประสานงานเรื่องสถานที่กับพี่หลง ส่วนคนอื่นๆก็ถูกกระจายไปทำหน้าที่อื่น ไอ้หมวยไปช่วยพี่วาวประสานงานกับคณะสถาปัตย์ ไอ้เต้ช่วยพี่ชิคประสานงานกับคณะศิลปกรรม ไอ้โอ๊คช่วยพี่กั๊กดูแลเรื่องสวัสดิการ เป็นพวกใช้แรงงานแบกหาม ประชุมวันนี้เป็นการแบ่งฝ่ายกันทำงานคร่าวๆ ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะมีการนัดประชุมของแต่ละฝ่ายอีกครั้ง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง การประชุมวันนี้ก็เสร็จสิ้น อันที่จริงเรื่องคุยงานแค่ชั่วโมงเดียวก็เรียบร้อยแล้วแต่มัวแต่คุยเล่น นอกเรื่องกันเสียมากกว่าเลยช้า ก็นานๆทีจะได้มาเจอกัน ปกติก็มุดหัวมุดหางจมกองงานกันทั้งพี่ทั้งน้อง
“หาไรแดกกัน กูหิวมาก”ไอ้เต้พูดขึ้นระหว่างเดินไปที่ลานจอดรถ
“เออกูก็หิว กินไรวะ”
“กูอยากกินข้าวต้มหลังมออ่ะ พวกมึงต้องไป”ไอ้หมวยพูดขึ้นอย่างเผด็จการ
“เออ ไอ้สัด ไปก็ไป ไม่ต้องมาทำตาโตขู่”ไอ้โอ๊คว่า ผมเห็นด้วยกับมันนะ แล้วการที่มันทำตาอย่างนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวเลย มันกลับดูน่ารักมากขึ้นไปอีก ปกติมันก็ดูน่ารักถูกสเป็คพวกสายรุกอยู่แล้ว แต่ผมว่าช่วงนี้มันดูน่ารักมากกว่าเก่านะเนี่ย
ร้านข้าวต้มหลังมอเป็นตึกแถวสองคูหาที่ไม่กว้างมากนัก ที่นี่แหล่งรวมเด็กมหาลัยทุกคณะ แต่ที่มากหน่อยก็คณะแพทย์เพราะอยู่ใกล้ที่สุด เปิดตั้งแต่สี่โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน ร้านแน่นทุกวัน มาหลังหกโมงเย็นไปแล้วต้องรอคิวนานมาก แต่วันนี้โชคดีที่มาถึงแล้วยังมีที่ว่างอยู่โต๊ะหนึ่งต้องนั่งเบียดๆกัน ไอ้หมวยเป็นคนสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว มากินด้วยกันบ่อยจนรู้ว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร พวกผมมีหน้าที่รอ ไอ้เต้ไปตักน้ำที่มีตั้งไว้บริการตัวเองด้านในของร้าน เป็นน้ำใบเตยหอมๆ ตั้งแต่เข้าร้านมาก็มีแต่คนมองพวกผม ส่วนมากก็เป็นสาวๆ แต่พวกผมหิวจนเกินกว่าจะสนใจ
“โต๊ะเล็กจะวางกับข้าวพอมั้ยเนี่ย”ไอ้หมวยมานั่งที่โต๊ะแล้วบ่นเบาๆ
“มึงสั่งไปกี่อย่างเนี่ย”
“เยอะอ่ะ แต่เชื่อเถอะไม่พอยาไส้พวกมึงหรอก”
“ไส้พวกกูหรือมึงคนเดียวกันแน่”ไอ้โอ๊คกัดซี้มัน
“งั้นมึงไม่ต้องแดก”
“โอ๋ๆ พี่โอ๊คแหย่นิดเดียวเอง น้องหมวยอย่างอนนะ”
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยนี่!”ไอ้หมวยพยายามดิ้นรนออกจากการล็อคคอขยี้หัวของไอ้โอ๊ค มันไม่ดูน่ารักชวนจิ้นนะครับ มันตลกมากๆ เพราะไอ้หมวยมันสู้แรงควายๆของไอ้เชี่ยโอ๊คไม่ได้ ดิ้นแด่วๆเหมือนแมวถูกมัด แต่จู่ๆก็มีคนเดินมาชนไอ้โอ๊คอย่างแรงจนหน้าแทบทิ่ม ไอ้หมวยเลยดีดตัวออกมาได้ พวกผมตกใจหันไปมองคนที่เดินมาชน เขาสบตากับผมพอดี ก่อนที่จะเบือนสายตาไปยังไอ้หมวยที่ยังจับผมตัวเองให้เข้าที่ มันคงรับรู้ได้ว่ามีคนจ้องเลยเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ชะงักเบิกตากว้าง ผมจำได้ดี ผู้ชายคนนี้คือคนที่ผมเจอเขาอยู่กับไอ้หมวยสองครั้งแล้ว เขามองไอ้หมวยนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขอโทษไอ้โอ๊คแล้วบอกว่าพื้นมันลื่นเลยเสียหลัก จากนั้นก็เดินไปนั่งโต๊ะด้านหลังพวกผมที่เพิ่งมีคนลุกออกไป แต่ผมว่าพื้นมันไม่ได้ลื่นหรอก เขาจงใจจะชนไอ้โอ๊คแน่ๆ สาเหตุก็เพราไอ้ตัวขาวๆ ที่นั่งสงบเสงี่ยมขึ้นมาทันใดแต่สายตาล่อกแล่กคอยจะมองไปโต๊ะด้านหลังผม แต่พอสบตาผมเข้ามันก็หลบวูบ
“หึหึ”
“หัวเราะอะไรของมึงวะ”ไอ้เต้ที่นั่งข้างผมถามขึ้น
“ไม่มีไรมาก จู่ๆกูก็นึกเรื่องตลกขึ้นมาได้”ผมพูดแล้วมองหน้าไอ้หมวยยิ้มๆ มันถลึงตาใส่ผม ซึ่งก็ไม่ได้น่ากลัวเลย
พวกผมซัดกันจนอิ่มแปล้แล้วก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้โอ๊คจะไปส่งไอ้หมวย แต่มันกลับปฏิเสธอย่างผิดวิสัย แล้วบอกว่าจะแวะไปทำธุระก่อนแล้วก็ชิ่งไปทันทีปล่อยซี้มันยืนงงกับพฤติกรรม แต่ผมว่าผมรู้นะว่าธุระของมันคืออะไร พวกรุ่นพี่กลุ่มนั้นเพิ่งออกจากร้านก่อนพวกผมไปยังไม่ถึงสิบนาทีเลย ที่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ก็เพราะได้ยินเขาคุยกัน บ่นเรื่องงานของปีสี่อะไรทำนองนั้น
x
“เฮ้อออออออออออ”ผมถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะไถลตัวลงไปนอนแผ่กับพื้นด้วยความเบื่อหน่าย โยนไอแพดที่เล่นเกมจนแบตจะหมดลงบนพรมหนานุ่มสีเทาเข้ม ซึ่งก็ไม่ใช่ไอแพดของผมหรอก
“ถอนหายใจมากๆจะแก่เร็ว”ผมถีบขาคนพูดที่นั่งเอนตัว ใช้ศอกเท้ากับที่วางแขนโซฟา ในมือถือแฟ้มอย่างหนาสีดำ สวมแว่นสายตาเหมือนพวกเนิร์ด ที่ผมต้องมาถอนหายใจเซ็งชีวิตในคอนโดหรูหรานี่ก็เพราะมันนั่นแหละ หลังจากที่เดินออกจากร้านข้าวต้มจนมาถึงรถที่จอดอยู่อีกซอย ก็มีโทรศัพท์เจ้ากรรมนายเวรเข้ามาทั้งที่ไม่ได้ธูปเรียก ผมเลยต้องเอาส่วนบุญร้อนๆมาส่งให้ถึงคอนโด แต่พอมาถึงแล้วเจ้าของห้องกลับวุ่นวายอยู่กับการคุยโทรศัพท์ภาษาต่างด้าว ผมกะจะวางไว้ให้แล้วก็กลับแต่ก็ถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ให้อยู่ ด้วยการทำท่าทางชี้นิ้วสั่งว่าให้ไปเทข้าวต้มกับกับข้าวที่ซื้อมาใส่จานให้เรียบร้อยพร้อมทาน พ่อง! ซื้อมาให้ถึงที่ยังต้องมาบริการอีก พอผมทำท่าจะไม่ยอมมันก็กระทำการปล้นซึ่งๆหน้าแบบไม่ทันตั้งตัวด้วยการยึดโทรศัพท์ กุญแจรถของผมไปใส่ลิ้นชักล็อคแล้วเอาลูกกุญแจใส่กระเป๋ากางเกง การกระทำทั้งหมดทั้งมวลนั้นเกิดขึ้นทั้งที่มันยังคุยโทรศัพท์อยู่ คือไอ้พี่เดียวมึงจะสามารถเกินไปละ
หลังจากที่คุยเสร็จแทนที่มันจะกินข้าวต้มที่ผมซื้อมา แล้วคืนทรัพย์สินที่ยึดไป มันกลับนั่งทำงานต่อแล้วโยนไอแพดเมียรักของมันมาให้ บอกให้ผมเล่นเกมรอ รอ รอและรอจนเบื่อมันก็ไม่ยอมไปกินสักที
“ไปกินข้าวดิ”กินให้จบๆผมจะได้กลับสักที
“อีกแป๊บเดียว”
“หลายแป๊บแล้วนะแม่ม!”
“พูดไม่เพราะ”
“เรื่องของกูครับพี่! อื้อๆๆ เอ็บอ๊ะ!”ไอ้ผีบ้ามันยื่นมือบีบปากผมอย่างแรง ดึงด้วยนะนั่นแทบจะยืดติดมือมันออกมาเลยเนี่ย
“ปากดี”
“แม่ม! เอาโทรศัพท์กับกุญแจรถมาดิ จะกลับบ้านแล้ว”
“รีบกลับไปไหน”
“คนก็มีงานมีการทำ ไม่ได้ว่างนะ!”ผมเตะขามันไปอีกที หงุดหงิดแล้วนะ! ทำไมต้องเสียเวลาไปกับมันด้วยเนี่ย ไม่น่าแวะมาเลยจริงๆ
“อีกแป๊บๆ”
“ไม่แป๊บแล้ว กุญแจลิ้นชักอยู่ไหน ในนี้ใช่มั้ย”ผมพุ่งตัวเข้าใส่มันที่นั่งอยู่บนโซฟาจนมันล้มลงนอน ส่วนแฟ้มตกไปอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว มันก็ได้แต่ปัดป้องผมที่พยายามปล้ำเอากุญในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของมัน แต่ตัวหนาๆของมันแทบไม่สะเทือน ทำไมผมรู้สึกว่ามันตัวใหญ่ขึ้น อย่าให้กูมีกล้ามมั่งนะเว้ย! แต่ทำไมไปๆมาๆเหมือนโดนกอดเลยวะ
ตุบ!
“โอ๊ะ!”
รู้สึกเหมือนเห็นดาวลอยวิบๆ ทันทีที่หลังกับหัวกระทบพื้นห้อง ถึงจะมีพรมแต่การมีคนตัวหนาๆหล่นลงมาทับด้วยนี่ก็จุกก็มึนได้เหมือนกัน
“อื้อ ปล่อยนะเว้ย!”ผมผลักอกและเบือนหน้าหนีมันที่พยายามโน้มหน้าลงมาใกล้เรื่อยๆ
ฟอด!
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย ไม่พ้น! เต็มซอกคอเลย ขนลุกเกรียวตั้งแต่หัวจรดหัวแม่เท้า แล้วตอหนวดของมันก็ถูไปมาให้รู้สึกจั๊กจี้หัวใจ
“หอมว่ะ ใช้อะไรเนี่ย”
“ปล่อยเว้ย”รู้สึกตัวเองเป็นสาวน้อยเข้าไปทุกที
“หึหึ”เสียงหัวเราะของมันดังชิดหู ระยะแบบที่งับหูได้แบบหลับตาก็ยังโดน มันพยายามคลอเคลียนัวเนียคลุกวงในโดยที่ผมไม่สามารถปัดป้องหรือดิ้นรนหนีได้เลย ตัวมันหนักเหมือนหินทับผมจนกระดิกไม่ได้ มือที่คอยผลักมันก็ถูกรวบไปทั้งสองข้าง และกระทำการอุกอาจด้วยการจูบลงบนหลังมือ เออดี จูบไปมือจับอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ยังไม่ได้ล้างเลย แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะปล่อยให้มันทำอะไรน่าสยดสยองแบบนี้ต่อไป และก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมนี้ ความนุ่มหนุ่นอุ่นๆก็แต้มลงบนหน้าผากอยากรวดเร็ว ทำให้ผมถึงกับนิ่งเหมือนถูกสาป ส่วนไอ้คนทำมันลุกขึ้น เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าไปในครัว
สิ่งเดียวในร่างกายของผมเคลื่อนไหวได้ก็คงเป็นหัวใจที่เต้นรัวในอก...
X
ไอ้เต้คงเห็นผมทำหน้าเหม็นเบื่อใส่โทรศัพท์ตัวเองมันเลยชะโงกหน้าเข้ามาร่วมใส่ใจอย่างใกล้ชิดหรือเรียกง่ายๆคือสอใส่เกือก แต่ผมก็กดปิดหน้าจอแล้วเก็บลงกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว ก้มลงดูดแดงมะนาวโซดาเปรี้ยวปรี๊ดไม่สนใจหน้าหมาสงสัยของมัน
ช่วงนี้ชีวิตผมวนเวียนอยู่ไม่กี่ที่ บ้าน มหาวิทยาลัยแล้วก็คอนโดไอ้เหี้ยพี่เดียว มีวันก่อนที่แวะไปหาที่ยศที่บริษัทคุยเรื่องงานของพี่แชมป์กับพี่นลินนิดหน่อยพร้อมกับแจ้งข่าวพี่ยศว่าเรียนหนักขึ้นไม่ค่อยมีเวลา จะไม่ขอรับงานสักพักซึ่งพี่ยศก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนงานถ่ายเครื่องเพชรของบริษัทไอ้พี่เดียวพี่ยศก็เป็นช่างภาพหลักอยู่แล้ว หลังๆแกไม่ค่อยเคี่ยวเข็ญให้ผมไปเพราะเห็นว่าเรียนหนัก แล้วช่วงที่ผ่านมาผมก็ติดสอบด้วย
“คืนนี้ไปไหนกันดีวะ”ไอ้โอ๊คถาม หลังสอบกลางภาคที่ผ่านมาพวกผมก็ยังไม่ได้ออกร่อนกันเลย เหมือนชีวิตมันขาดอะไรไปสักอย่าง แต่ถ้าเที่ยวหนักมาก ชีวิตผมก็อาจจะหาไม่ได้เพราะทำงานส่งอาจารย์ไม่ทัน ไหนจะงานกิจกรรมที่พี่ๆมอบหมายหน้าที่ให้อีก งานราษฎร์งานหลวงวิ่งเข้าชนไม่ขาด
“ร้านเฮียเสก”
“แล้วมึงว่าไง”ไอ้โอ๊คหันมาถามผม
“ตามใจพวกมึง”ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว แต่ก่อนไปผมต้องแวะไปปฏิบัติภารกิจระดับชาติก่อน แค่นึกก็เซ็งแล้วเนี่ย
พอแยกกันผมก็ขับรถตรงไปยังคอนโดเจ้ากรรมนายเวร แวะซื้ออาหารเย็นเข้าไปด้วย ช่วงนี้ไอ้พี่เดียวมันเก็บเนื้อเก็บตัว เลิกงานแล้วก็กลับห้องทันทีไม่ได้ไปสังสรรค์ที่ไหน ไม่แวะไปหาผมที่บ้านแต่เรียกผมมาที่คอนโดแทนทุกวัน มันบอกว่ามีงานด่วนงานลับต้องทำ ซึ่งก็ลำบากผมที่ต้องหาเหยื่อมาหย่อนให้ถึงปาก เป็นภาระชิ้นโตที่อยากเขี่ยทิ้งแต่ก็เขี่ยไม่ได้
ไอเย็นฉ่ำปะทะหน้าทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เจ้าของห้องมันคงเลี้ยงเพนกวินไว้ถึงได้เปิดแอร์แรงขนาดนี้ แต่ไม่ยักเห็นมันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานประจำของมันเลย ผมเอาอาหารที่ซื้อมาวางไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนจะเดินหาเจ้าของห้อง แล้วก็พบว่าไอ้พี่เดียวนอนหมดสภาพอยู่บนเตียง ลมหายใจสม่ำเสมอ นอนนิ่งไม่กระดุกกระดิกทั้งที่ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆจนที่นอนยวบแล้วก็ยังไม่รู้ตัวแสดงว่าหลับลึกมากๆ ผมเพิ่งสังเกตว่าใต้ตามันคล้ำมากแต่ไอ้ความหล่อจนน่าหมั่นไส้ก็ไม่ลดลง เหอะ เอาหมอนกดหน้ามันให้ขาดใจตายไปเลยซะดีมั้ยจะได้เลิกแล้วต่อกัน
“พี่เดียว”ผมลองเรียกแต่ไร้สัญญาณตอบรับ เลยเพิ่มออฟชั่นเขย่าเบาๆไปอีกที แต่สงสัยจะเบาไป เปลือกตาเลยยังคงปิดสนิท พอเพิ่มแรงไปอีกเท่าตัวอีกฝ่ายก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว ส่งเสียงอืออาในลำคอ
“ตื่นๆ มากินข้าวแล้วค่อยนอนต่อ”ผมพูดเมื่อเห็นว่าคนที่นอนค่อยลืมตาขึ้นมา
“ง่วง”
“งั้นก็นอนไป นอนให้ไหลตายไปเลย ไม่ต้องกินมันแล้วข้าวเนี่ย”
“อื้อ โกรธไรพี่เนี่ย มาแช่งให้ตายเดี๋ยวเหอะ”
ตั้บ!
“ก็ลุกขึ้นมากินข้าวดิ แล้วค่อยนอน”ผมฟาดมือลงบนอกแน่นๆของมัน แน่นมากจนผมเจ็บมือเสียเอง ส่วนมันได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นมองผมตาขวางเล็กๆ ก่อนจะขยับลุกขึ้นนั่งลูบหน้าลูบตาแบบมึนๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง
“ไปล้างหน้าดิ จะได้ดีขึ้น”
ไอ้พี่เดียวพยักหน้าหงึกๆแล้วเดินเซๆเข้าห้องน้ำไป ว่าง่ายๆแบบนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย แต่ท่าทางแบบนี้จะไหวป่ะวะ โหมทำงานจนไม่ดูสภาพตัวเองเลย ผมส่ายหน้าระอาก่อนจะเดินไปเทกับข้าวที่ซื้อมาใส่จาน วันนี้ซื้อมาเผื่อตัวเองด้วยกินให้เสร็จค่อยกลับไปอาบน้ำแต่งตัวก็พอดีเวลาออกลาเหยื่อ ปกติผมก็กินกับมันบ้างไม่กินบ้างแล้วแต่อารมณ์และเวลาจะอำนวย สามสี่วันนี้ไอ้พี่เดียวมันไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวผมไว้เหมือนวันนั้นแล้ว เพราะยุ่งอยู่กับงาน พอกินข้าวเสร็จก็พุ่งตรงไปทำงาน นั่งหน้าดำคร่ำเครียดจนผมบอกว่าจะกลับมันก็ทำแค่พยักหน้าไม่เหลือบแลสายตามามองกันสักนิด
“นึกไงวันนี้กินด้วยกัน”เจ้าของห้องเดินออกมาด้วยหน้าตาสดชื่นกว่าเมื่อกี้แต่ใต้ตาก็คล้ำอยู่ดี
“วันไหนไม่กินก็บังคับป่ะวะ”
“ก็อยากมีเพื่อนกินข้าวด้วย”
“แล้วนี่เพื่อนหรือไง เพื่อนตัวเองมีเยอะแยะไม่ไปกินอ่ะ”
“เอาใหม่ อยากกินข้าวกับน้ำน่านอ่ะ”มันยิ้มตาใสแล้วนั่งลงประจำที่
“ทำไม มันเจริญอาหารขึ้นหรือไง”
“ใช่ เจริญตาเจริญใจด้วย”มันยิ้มอีก ตอนนี้ผมมีภูมิคุ้มกันแล้ว มันอยากจะหยอดอะไรก็หยอดมาเลย น้ำน่านแข็งแกร่งแล้วเว้ย!
“กำลังอยากกินพอดีเลยอ่ะ รู้ใจว่ะ”มันพูดถึงไก่ผัดขิงในจาน ผมเห็นว่าน่ากินดีก็เลยเอามา
“เพ้อเจ้อ”ผมว่ามันยิ้มรับ ตักข้าวกินคำโตเหมือนคนหิวโหย
“ค่อยๆก็ได้มั้ง อดอยากมาจากไหนเนี่ย”
“ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่กลางวันแล้ว”
“แล้วทำไมไม่กิน"
“ประชุมท้างวันเลย”มันลากเสียงยาว ตักผัดเผ็ดขาหมูกิน ตามด้วยซดน้ำแกงจืดเต้าหู พอเห็นแล้วก็นึกสงสารแล้วก็ดีใจแปลกๆที่กับข้าวถูกปากแล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ผมไม่รู้ว่ามันชอบหรือไม่ชอบอะไรแต่ซื้ออะไรมามันก็กินหมดทุกที อ้อ ยกเว้นคื่นช่ายที่ไม่กิน
“ล้างจานเองนะ”ผมบอกตอนที่กินอิ่มแล้ว
“ได้”
“กลับแล้วนะ”
“ทำไมรีบ มีงาน?”
ผมไม่ตอบแค่ยิ้มเบาๆที่มุมปาก ไอ้พี่เดียวทำหน้าโหดขึ้นมาทันทีเหมือนนึกรู้ว่าผมจะไปไหนต่อ แต่รู้ก็ช่างมันสิ ผมมีสิทธิ์จะไปไหนมาไหนก็ได้
“ไปไหน?”มันถามย้ำ
“จะไปไหนล่ะ ก็กลับบ้านไง”
“ให้มันจริง ถ้าจะไปเที่ยวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่หวังว่าจะไม่ลืมที่เคยบอกไปนะ”
ก็ไม่มีสิทธิ์ว่าอยู่แล้วป่ะ แต่ผมก็ไม่ได้พูดออกไปพูดทีไรก็ทะเลาะให้อารมณ์เสียทุกที แต่เรื่องที่บอกนี่เรื่องอะไรวะ ก็เรื่องที่ไอ้พี่เดียวมันบังคับให้ผมทำนั่นนี่ตามใจมันนั้นเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำตามหรอก ผมยักไหล่คว้ากุญแจรถแล้วผิวปากเดินออกจากห้องมัน ไอ้โอ๊คไลน์มาย้ำอีกรอบว่าให้รีบมา มันกระหายแอลกอฮอล์จะแย่ แต่เอาจริงๆถึงไม่ได้ออกมาเที่ยว ห้องมันก็มีเหล้าเบียร์ติดไว้ตลอด ผมว่ามันกระสันอยากจะไปส่องของสวยๆงามๆมากกว่า
X
ผมมาถึงไอ้พวกนั้นก็มาพร้อมกันแล้วที่โต๊ะประจำ ไอ้โอ๊คมันโทรมาจองกับเฮียไว้ เหล้าตรงหน้าพร่องเกือบครึ่งขวดแล้ว ไวกันมาก บ่งบอกให้รู้ว่าเปรี้ยวปากกันแค่ไหน วันนี้ไอ้หมวยอารมณ์ดีนั่งจิบชิวๆสบายอารมณ์ ส่วนไอ้เต้นั่งป้อเด็กที่เพิ่งได้มา หลังๆมานี่ผมเห็นมันกินแต่ผู้ชายที่ดูใสๆตัวเล็กน่ารัก ไม่เห็นควงผู้หญิงเลยหรือมันจะแน่วแน่เอาทางนี้อย่างเดียวแล้ว
“มึงจะไปไหน”นั่งมาได้พักใหญ่ไอ้หมวยก็ลุกขึ้น หน้ามันเริ่มแดงแล้ว ยิ่งดูน่าหิ้วเข้าไปใหญ่ ขืนเดินไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้าคืนนี้ได้มีผัวไม่รู้ตัว ไอ้โอ๊คซี้มันก็ออกไปสีกับหญิงแล้ว
“เยี่ยว”
“กูไปด้วย”
ผมเข้าไปทำธุระเสร็จแล้วไอ้หมวยยังไม่เสร็จเพราะมันเข้าไปฉี่ในห้องน้ำไม่ใช่ตรงโถ ผมว่ามันก็ดีแล้วปลอดภัยสำหรับมันเอง ผมออกมารอที่ทางเดิน หยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นไปเรื่อย ไม่ได้คุยกับใคร ผมเลิกคุยเด็ดขาดไปแล้วเพราะมันไม่ใช่แนวจริงๆ กำลังกดเพลินๆโทรศัพท์ก็ถูกดึงออกไปจากมือ กำลังจะด่าเลยแต่พอเห็นคนที่แย่งไปก็ด่าไม่ลง สาวสวยตรงหน้ายิ้มเชิญชวนมาเต็มที่
“ขอโทรศัพท์ผมคืนด้วยครับ”ผมขอคืนอย่างสุภาพ แต่สิ่งที่ได้มาคือเรือนร่างสมส่วนที่เบียดชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมจากตัวเธอผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ นัยตาหวานเยิ้มคงจะเริ่มกึ่มๆแล้ว
“ถ้าคืนให้แล้วจะได้อะไร”
“แล้ว...อยากได้อะไรล่ะครับ”ผมเลื่อนมือไปประคองเอวเธอกันล้มเพราะคุณเธอเล่นเอนตัวลงมาจทิ้งน้ำหนักใส่ผมแทบจะทั้งตัว ไอ้อะไรที่นูนๆนิ่มๆก็บดเบียดจนขนลุก ‘สู้’
“ก็อยากได้...ทั้งตัวเลย ให้ได้มั้ย?”คำตอบนั้นทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มในใจ กำลังจะเอ่บปากตอบสนอง หางตาก็เห็นไอ้หมวยเดินออกมา มันเห็นผมก็จะอ้าปากพูดแต่พอเห็นว่ากำลังอยู่กับใครท่าล่อแหลมขนาดไหนมันก็ยิ้มแบบรู้กันแล้วเดินกลับโต๊ะไป
“หืม...ว่าไง?”เธอถามย้ำอีกรอบ ใจร้อนเสียจริงแม่คุณ ไม่รู้จะรีบไปทำไม คืนนี้มันยังอีกยาวไกล แต่เธอก็ไม่ได้รอคำตอบจู่โจมผมอยู่ตรงหน้าห้องน้ำทันที แหม สถานที่มันไม่ค่อยอำนวยแหะ จูบกันอยู่ครู่หนึ่งผมก็เลยลากเธอมาที่รถผลักให้เข้าไปทางด้านหลังคนขับแล้วปิดประตูลง แขนเรียวโน้มคอผมลงไปทันที เอาวะเร่งด่วนขนาดนี้ ในรถก็ไม่เลวแค่พรุ่งนี้ต้องเอารถไปล้างใหม่ โรมรันพันตูกันเหมือนตายอดตายอยาก ริมฝีปากไม่ละออกจากกัน แต่จะว่าไปก็นานเลยทีเดียวที่ไม่ได้มีตัวช่วยแบบนี้ ผมเลยมีอารมณ์มากเป็นพิเศษ ระหว่างที่ผมละมือจากเนินเนื้อนิ่มมาลูบไล้ต้นขาแล้วสอดมือเข้าไปในเดรสตัวสั้น เธอก็รีบมาจัดการกปลดกระดุมรูดซิปกางเกงผมทันควัน อีกนิดมือนิ่มๆของธอก็จะสัมผัสกับน้ำน่านจูเนียร์ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมก็แผดร้องเสียงดัง จนเราสะดุ้งทั้งคู่
ฟัค! ไอ้อีตัวไหนมันมาขัดจังหวะวะ ผมกดตัดสายโดยไม่ได้ดูแล้วจับมันโยนไปเบาะด้านหน้า แล้วก้มลงฟัดเนื้อขาวๆล่อตาล่อใจ ทว่าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกแล้วก็เงียบ แล้วก็ดังอีก แล้วก็เงียบ แล้วก็ดังอีก
“โว้ย! ใครวะ”เหมือนจะแกล้งกันมันโทรแล้วกดวางแล้วโทรแล้ววางอยู่อย่างนั้น ผมผละออกจากร่างขาวๆที่นอนหอบอยู่บนเบาะ เสื้อผ้าถูกร่นขึ้นมาจนแทบไม่ได้ปิดร่างกายแล้ว เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอีกครั้งมาดู
ไอ้เหี้ยพี่เดียว!
“เป็นบ้าอะไรเนี่ย โทรมาทำไม”
“ลงมาจากรถ!”
“หะ?!”ผมหันขวับไปมองนอกรถทันที ปัดมือที่กำลังไขว่คว้าผมลงไปแนบชิดออก
“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้”น้ำเสียงมันคุกคามมาก ทำเอาผมยิ่งหงุดหงิด
“อยู่ไหน?”
“ออกมาจากรถก่อนแล้วจะบอก”
“แม่ง!”ผมกระแทกเสียงใส่ปลายสาย ไม่มีอารมณ์ทำต่อแล้ว ติดกระดุมรูดซิปผมก็ลงมาจากรถ
“อยู่ไหนออกมาเลยมา มาก่อกวนคนอื่นเขาบ้าป่ะเนี่ย”
“ผู้หญิงกลับไปหรือยัง”
“อะไร”
“ผู้หญิงที่อยู่ในรถอ่ะ กลับไปหรือยัง ถ้ายังก็บอกให้เขากลับไป”ผมหันไปมองคุณเธอหน้าหงิกหน้างอลงมาจากรถผม ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแต่ผมเผ้ากระจุยกระจายเพราะการฟัดกันเมื่อครู่ เธอหันมามองจิกใส่แล้วก็กระแทกเท้าเดินหนีไป
“ทำไมต้องทำอย่างนั้น แล้วรู้ได้ไงเนี่ย ตกลงอยู่ไหนวะพี่”เสยผมอย่างหงุดหงิด กวาดตามองไปทั่วลานจอดรถก็ไม่เจอใครนอกจากคนดูแล ซึ่งเดินสำรวจตรวจตราอยู่อีกโซน
“อยู่คอนโดดิ”
“หะ!?”
“ให้รู้ซะบ้างว่านั่นถิ่นใคร แล้วเมื่อค่ำก็เตือนแล้วนะทำไมยังทำ”
“เตือนอะไร?”
“จำไม่ได้เหรอ พี่เคยพูดว่าไง”
แล้วคำพูดบางอย่างที่เคยได้ยินก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ
ถ้าเจอว่าออกไปนอนกับผู้หญิงเมื่อไหร่จะตามไปลากกลับทันที “ไม่ดื่มต่อก็กลับบ้านไป แต่ถ้าอยากจนทนไม่ไหวก็ขับรถมาหาพี่จะจัดให้ถึงใจเลย”มันส่งเสียงน่าขนลุกมาตามสาย
“ใครจะไปไอ้บ้าเอ๊ย!”ผมกดตัดสายอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งถ้าไม่ติดว่าเสียดาย
นอนกับผู้หญิงไม่ได้ แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงไม่มีปัญหาสินะ!
---------------
