~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD  (อ่าน 320713 ครั้ง)

hasuzz

  • บุคคลทั่วไป
คนลงหายไปไหนแย้วอ่า
เจ้าของเรื่องเค้าอัพแล้วน๊าา

kurugmin

  • บุคคลทั่วไป

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
ด้วยรักจากสวรรค์ 21 – คนโง่กับความรัก

ด้วยความอ่อนเพลีย จินดนัยคงจะไม่สามารถตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนปกติได้ หากเสียงคุ้นเคยที่ไม่ต้องรอให้ใครจุดธูปอัญเชิญกลับตามมาก่อกวนราวีไม่เลิกรา

“มีความสุขกันจริงนะ” แว่บแรกเสียงดังกล่าวทำเขาตกใจไม่น้อย รีบกระตุกผ้าห่มขึ้นคลุมพลางกระซิบ “คุณมองเห็นหรือเปล่า”

“เชอะ ทำอย่างกับฉันอยากดูนักล่ะ ผู้ชายสองคนนอนกอดกัน บรื๋อออ” แม้จะหงุดหงิดกับเสียงเสแสร้งสั่นสยดสยองแต่ความง่วงมีมากกว่า เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นจริงๆ เปลือกตาบางจึงหรี่ปรือและซุกหน้าเข้าหาไออุ่นข้างตัว ตั้งท่าจะหลับต่อ “คงเป็นแบบที่พวกมนุษย์ว่ากันว่าได้แฟนก็ทิ้งเพื่อน ได้ผัวก็ลืมแม่...”

ฟังแล้วแทบสำลัก จินดนัยยอมบิดตัวกลับหันหลังและงึมงำในลำคอเบาแทบไม่มีเสียงลอดออกจากปาก แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับคู่สนทนา “โอเค คุณมีธุระอะไร”

“เชอะ ไม่มีอะไรร้อก ฉันแค่แวะมาดูหน้าเด็กเนรคุณ คนเห็นแก่ตัวบางคนเท่านั้นเอ๊ง” ชักนอนตาไม่ค่อยหลับ เขาหรี่ตากระซิบถามเสียงเครียด “ผมเนี่ยนะเห็นแก่ตัว ครั้งก่อนคุณยังเรียกผมเป็นพ่อพระเอกอยู่เลย”

“คร้าบ คุณพระเอก มอบกายถวายชีวิตให้เขาแล้วเลยคิดขึ้นแท่นพระเอกมือทองสิท่า แต่ขอโทษนะ ฉันคิดๆ ดูแล้วเพิ่งสรุปได้ว่าทั้งหมดที่นายทำก็ล้วนแล้วแต่เพื่อตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ”

“ผมทำเพื่อตัวเองตรงไหนวะ!” เผลอหลุดปากขู่ฟ่อดังไปหน่อยจนคนข้างหลังขยับตัว พึมพำคำพูดในลำคอแบบฟังไม่ได้ศัพท์ก่อนจะควานมือเปะปะจนเจอเขาและออกแรงลากกลับไป จัดท่าให้เขาซุกถูกที่ดีแล้วแสงเหนือจึงถอนหายใจยาวแล้วหลับต่ออย่างสบายอารมณ์

“นายทำเพื่อตัวเองมาตลอดล่ะ ตั้งแต่ตอนเลือกจะกลับมาฆ่าไอ้หมอนี่เพื่อจะได้ฟื้นคืนชีพ ตั้งแต่ตอนเริ่มใจอ่อน นายก็หาเหตุผลล้านแปดมาเข้าข้างตัวเองบอกว่าหาวิธีอยู่บ้างล่ะ กลัวบาปบ้างล่ะ ขนาดมีโอกาสงามๆ หลายต่อหลายครั้งยังไม่ยอมคว้าไว้ มาตอนนี้นายรักหมอนี่แล้วเลยไม่อยากเห็นมันตาย ยอมตายแทนให้โดยไม่สนใจว่าแม่จะเป็นตายร้ายดียังไงหรือหมอนี่จะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นคนฆ่านายซ้ำรอบสอง...”

คำพูดบาดแก้วหูไหลอย่างกับเขื่อนแตกไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายกับเขา ยกเว้นประโยคเดียวที่ซ่อนอยู่ในนั้น “ผมไม่ได้รักแสงเหนือ”

“อ๋อ ใช่เซ่ ไม่ได้รัก นายก็แค่กลัวบาปกรรม แค่กลัวแม่คนอื่นจะเสียใจ แค่ยอมรับโชคชะตาว่านายมันก็แค่คนตายไปแล้ว นายมันถูกเสมอนี่เนอะ เป็นแบบที่นายมักจะทำอยู่เสมอล่ะ ไม่เคยทำผิดอะไรกับใครเขาหรอก ตัวเองถูกเสมอ” ทำไมไอ้เทวดาบ้าต้องพูดเหมือนประชดด้วย ก็เขาทำถูกจริงๆ นี่นา เขาทำถูกมาตลอด จะผิดก็อีตอนพลาดขี่จักรยานไปชนเข้ากับรถแสงเหนือ นั่นล่ะ ข้อผิดพลาดประการเดียวของเขา พลาดครั้งเดียวเล่นเอาซี้ม่องเท่งเลย

“ใช่ นายไม่ได้รัก นายแค่ยอมให้ผู้ชายกอด แค่ยอมให้ร่างกายที่คงใกล้หมดประโยชน์ทำบุญสร้างกุศล ช่วยปลดเปลื้องตัณหาราคะของคนที่ไม่ได้รักแล้วค่อยจากไปอย่างสงบและอิ่มบุญในตอนจบ แต่-ขอ-โทษ! ผลบุญมันช่วยส่งนายไปสวรรค์ไม่ได้หรอก ไม่มีทาง! นายต้องโกทูเฮลล์ไปนั่งระลึกถึงความหลังแสนหวานในก้นบึ้งนรกโน่น ในขณะที่เจ้าฆาตกรลอยนวลจะลืมเรื่องของนายจนหมดเกลี้ยง! เข้าใจคำว่าหมดเกลี้ยงไหม มันแปลว่าโบ๋เบ๋! เป็นศูนย์! กินไข่! ส่วนเจ้าฆาตกรจะไปรักษาตาจนหาย ได้แต่งงานผู้หญิงสวยๆ ชื่อประมาณวิกกี้ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง โอเค้...ฉันมันแค่เทวดากระจอกๆ ต๊อกต๋อยจะไปมีสิทธิ์ห้ามอะไร แต่หลังจากทั้งหมดนี้ นายยังต้องการให้ฉันพูดว่านายทำถูกแล้วอีกรอบไหม”

โดยไม่รอฟังคำตอบ จู่ๆ สัญญาณเสียงจากเทวดาเจ้าอารมณ์ ขี้ประชดและฉุนขาดก็เงียบหายไปกะทันหันเช่นเดียวกับตอนโทรมา ทิ้งให้เขานอนนิ่งสักพัก ก่อนจะขยับตัวออกจากอ้อมแขนอบอุ่นโดยระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่น จินดนัยพยุงร่างกายอันปวดระบมลงจากเตียงและเดินเข้าห้องน้ำเงียบๆ ชำระล้างคราบหลักฐานและคราบเลือดแห้งๆ จากเหตุการณ์เมื่อคืนจนสะอาดเอี่ยมและไม่ยอมมองหน้าคนเห็นแก่ตัวในกระจกแม้แต่แวบเดียว

ไต่บันไดคลานลงมาถึงข้างล่าง แวะเล่นกับริชชี่ที่ไม่มีเวลาเล่นด้วยเสียนาน เจ้าหมาอารมณ์ดีที่ตอนนี้ตัวเริ่มใหญ่ตามสายพันธุ์วิ่งวนรอบตัวเขาด้วยความตื่นเต้นและต้องการชวนเล่น เนื่องจากยังระบมตรงหว่างขาจนไม่อยากวิ่ง เขาจึงแค่เล่นเขวี้ยงลูกบอลให้เจ้าริชชี่วิ่งไปคาบกลับมา แม้มันจะเอามาคืนบ้างไม่คืนบ้างตามประสาหมามีปัญหากับคำสั่งพื้นฐาน หากเมื่อเห็นว่าเขาไม่วิ่งไล่ตามทวง ริชชี่ก็มักจะแกล้งทำลูกบอลหลุดจากปากหล่นให้ใกล้ๆ เท้าเพื่อที่เขาจะได้โยนให้มันวิ่งตามไปเก็บใหม่

กระทั่งถึงเวลาริชชี่วิ่งไปกินข้าว ปล่อยเขานั่งเหงาตามลำพัง เวลาผ่านไปสักครู่ จึงได้ยินเสียงทักจากด้านหลัง “อ้าว เจ้าจิน ทำไมวันนี้ตื่นแต่เช้า”

หันไปมองหน้าตาสดชื่นของคุณรตีแล้วนัยน์ตาแทบพร่าบอด ...อย่ามองผมแบบนั้นเลยครับ ผมเพิ่งล่อลวงลูกชายคุณมาหยกๆ เมื่อคืนนี้เอง “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ยิ้มกระตุกและลุกเก้กัง พยายามเดินแบบปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ตื่นแล้วนอนต่อไม่หลับเลยลุกมาเลยน่ะครับ”

“งั้นวันนี้เรามาช่วยฉันทำข้าวต้มทะเลของโปรดของตาเหนือดีกว่า” คุณรตีกระวีกระวาดลุกยืน “รีบทำหน่อยจะได้ทันแกตื่นพอดี”

สตรีแต่งตัวสวยเดินนำฉับๆ ไปยังห้องครัวและรับเอาเครื่องเคราของสดที่สาวใช้เตรียมไว้ให้พร้อมออกมา “จุดเตาเอาหม้อตั้งน้ำให้ฉันที” ระหว่างยืนรอน้ำเดือด ผู้พูดขยับจับโน่นจับนี่อย่างกระฉับกระเฉงเหมือนคนมีความสุขกับการได้ทำอาหารให้คนที่รักกิน และเมื่อข้าวต้มเดือดพล่านส่งกลิ่นหอมฉุย คุณรตียังมีน้ำใจบอกให้เขากินก่อนได้เลยโดยไม่ถือว่าเป็นแค่บ่าว ครั้นเห็นกิริยารีรอของเขา สตรีเจ้าของบ้านจึงคว้าชามมาตักข้าวต้มให้เขาเสียเอง

“ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่นี้เราก็ผอมจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว” ว่าพลางคีบปลาลวก กุ้งตัวใสและปลาหมึกผัดซอสที่แยกไว้ต่างหากโปะใส่ให้จนแทบมิดตัวข้าวแล้วคุณรตียังใส่ตังฉ่ายหั่นฝอย ใบผักชีและเหยาะพริกไทยให้จนเสร็จสรรพ “เรื่องแค่นี้ยังนับว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันเคยทำ กับการที่เธอยอมกลับมา” คุณรตียิ้มและหันไปตักข้าวต้มอีกชาม “ฉันว่าฉันกินเป็นเพื่อนเธอเลยดีกว่า”

ประโยคกินเป็นเพื่อนของคุณรตีหมายความตามนั้นจริงๆ เขาได้รับอนุญาตให้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะและคุยเรื่องสัพเพเหระจนจินดนัยค่อยหายเกร็ง คุยไป กินไปจนข้าวหมดชามไม่รู้ตัว

“อิ่มไหม ถ้ายังไม่อิ่มก็ไปตักเติมเสีย หรือจะรอกินพร้อมตาเหนืออีกรอบ...” คุณรตีกล่าวยิ้มๆ หากยังกล่าวไม่ทันจบดี เงาของชายหนุ่มที่เดินเกาะราวบันไดลงมาได้หยุดคำพูดที่เหลือไว้ “อ้าว ตาเหนือตื่นแล้วทำไมไม่เรียกใครล่ะ ดูสิ แม่ก็มัวแต่คุยกับเจ้าจินเสียเพลิน”

แสงเหนือเดินเกาะราวบันไดลงมาได้ครึ่งทางก็หยุดชะงัก ยืนรอ ถ้าเป็นเมื่อวาน จินดนัยคงวิ่งไปรับแล้ว แต่นี่เขากลับนั่งนิ่ง เสก้มลงตักน้ำข้าวต้มก้นชามกินเพื่อหลบสายตาคุณรตีซึ่งลอบชำเลืองมาอย่างสงสัย หากแทนที่จะดุเขาเช่นที่นายจ้างควรทำ คุณรตีกลับหันไปเอ่ยกระเซ้าบุตรชายแทน “เอ้า ลงมาสิจ๊ะ เหลืออีกไม่กี่ขั้นลงไม่ได้เหรอลูก หรือต้องรอแม่เดินไปรับ”

คุณแม่หมายเลขหนึ่งลุกไปรับลูกชายพร้อมกับที่เขาลุกพรวด คว้าชามตั้งท่าจะวิ่งหลบเข้าครัว หากยังไม่ทันพ้น เสียงของคนที่ตอนนี้ลงมาถึงชั้นล่างดีแล้วกลับร้องหา “จิน”

เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมากระชากขาทั้งสองข้างเอาไว้ จินดนัยยังกอดชามตัวเกร็งเมื่อแสงเหนือเรียกเสียงละห้อยหาเป็นครั้งที่สอง “...จิน”

หมดทางเลือก ต้องเดินอุ้มชามกลับไปหาชายหนุ่มซึ่งยังยึดหัวบันไดไว้แน่นจนกระทั่งเขาแตะแขน มือข้างนั้นจึงรีบย้ายมาจับมือเขาไว้แทน “พี่เรียกทำไมไม่ขานล่ะครับ หืม”

เสียงออดอ้อนราวกับอยู่กันตามลำพังของแสงเหนือภายใต้สายตาสงสัยของบุคคลที่สาม ทำเอาเขาอับอายจนแทบจะร้องไห้เพราะความกระอักกระอ่วนอยู่แล้ว โชคยังดีที่คุณรตีกลับกระแอมไอตอบแทน “เหนือนี่ล่ะก็ น้องนั่งกินข้าวอยู่ยังจะไปเซ้าซี้อยู่นั่น”

“อ้าว เหรอ ก็...ผมไม่รู้นี่” คนหน้าขาวยิ้มเก้อๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กุมกระชับไว้อยู่ดี กระทั่งทรุดตัวลงนั่ง มือข้างนั้นกลับกระตุกไว้แน่นยามเขายื้อออกเบาๆ

“ผมแค่จะไปตักข้าวต้มให้” อธิบายเรียบๆ หากโดนคนไม่คิดจะปล่อยมือเขาง่ายๆ ท้วงว่า “ให้เด็กมันไปตักสิ จินนั่งกินเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ”

สายตามองมาเป็นพักๆ ของคุณรตีกับกิริยาเลียบเคียงออดอ้อนตลอดของแสงเหนือเป็นเหตุให้เขากลืนข้าวต้มชามที่สองไม่ค่อยลงคอ ยิ่งเมื่อคุณรตีเอ่ยเรื่องที่เมื่อครู่เขาขออนุญาตไว้ขึ้นมากลางคันจนรู้สึกอิ่มตื้อจนแทบอ้วกเอาซะดื้อๆ “เจ้าจิน ถ้าเราจะกลับเมื่อไหร่ก็อย่าลืมให้ลุงโตไปส่งล่ะ”

“กลับ... จินจะกลับไปไหน” แสงเหนือวางช้อนทันที ไหล่กว้างๆ เกร็งขึ้นเช่นเดียวกับสีหน้าเครียด “ใครอนุญาต”

“แม่นี่ล่ะอนุญาต” แม้แต่คุณรตียังอดชักสีหน้าตึงไม่ได้ยามฟังเสียงห้วนห้าวหาเรื่องของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “จินเพิ่งขอกลับไปเยี่ยมแม่มันบ้าง เห็นว่าครั้งก่อนก็ยังไม่ได้พูดคุยกันมากเลยนึกห่วงขอกลับ...”

“จะกลับไปทำไม พี่จำได้ว่าจินเคยเล่าให้ฟังเองนี่ว่าแม่มีผู้ชายใหม่เลยไม่ค่อยดูดำดูดีเรา แล้วไอ้พ่อเลี้ยงเลวๆ นั่นอีก ถ้าเกิดเรื่องเหมือนคราวก่อน แม่จินจะช่วยอะไรได้”

ก่อนที่เขาจะโมโหจนน็อตหลุด กลับกลายเป็นคุณรตีที่ขัดเสียงดุ “หยุดนะตาเหนือ ไปพูดถึงแม่คนอื่นแบบนั้นได้ยังไง”

“ผมพูดความจริง” คนเถียงเถียงกลับ หน้านิ่ว “จินอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว จะกลับไปหาเรื่องรกสมองทำไม แม่พรรค์นั้นไม่เห็นจะต้อง...”

“เหนือ!” คุณรตีเรียกเสียงดังพร้อมกับที่จินดนัยลุกพรวด คว้าชามเดินเข้าครัวทั้งที่ใจจริงอยากยกแพ่นกบาลเจ้าคนข้างตัว แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเพราะแสงเหนือไม่รู้ถึงพูดแบบนั้นและเป็นเขาเองที่ไปปั้นแต่งเรื่องโกหกไว้ หากดูเหมือนความ ‘ไม่รู้’ ของแสงเหนือจะทำให้ตนหงุดหงิดมากกว่าปกติ

แสงเหนือไม่รู้ว่าที่จริงแม่ของเขาเป็นแม่ที่ดีแค่ไหน ไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ต้องทำงานหนักเพื่อเขาแค่ไหน เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ ได้กินขนมมีของเล่นเหมือนเด็กอื่น หมอนั่นคงไม่รู้หรอกในเมื่อร่ำรวยขนาดนี้

แสงเหนือไม่รู้ว่าเขาน่าจะยังมีชีวิต มีลมหายใจ มีอนาคตสดใสโดยไม่ต้องนับเวลาถอยหลังสู่จุดจบ เขาได้รับโอกาสอีกครั้งแล้วด้วยซ้ำเพียงเพื่อจะเสียสละให้คนที่ฆ่าเขามีชีวิตอยู่ต่อไปแทน

เขายอมเสียสละขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่แสงเหนือกลับไม่รู้อะไรสักอย่าง และยังจะจำกระทั่งเรื่องของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำเมื่อทุกอย่างจบลง

เขาสูญเสียทุกอย่าง ทำถูกถึงขนาดนี้ แต่แสงเหนือก็ยังไม่รู้...ไม่รู้อะไรสักอย่างจริงๆ

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
ด้วยรักจากสวรรค์ 21  คนโง่กับความรัก  (ต่อ)

“ผมคงไปไม่นานหรอกครับ แล้วจะรีบกลับมา” จินดนัยเข้าไปลาคุณรตีในตอนสาย ไม่พูดสักคำกับชายหนุ่มซึ่งกำลังขยับตัวอย่างกระสับกระส่ายอยู่ข้างมารดา

“ไม่ต้องรีบกลับนักก็ได้” คุณรตีไม่สนใจเสียงเรียกเบาๆ ทว่าร้อนรนของลูกชาย “ไหนๆ เราก็ทำงานแบบไม่มีวันหยุดมาตลอด ไปจัดการพูดคุยให้จบๆ เลยดีกว่า หรือจะค้างสักคืนก็ตามใจ เผื่อว่าแม่เราเขาจะอยากให้ค้างด้วย”

“ไม่ได้นะ!” แสงเหนือทะลุกลางปล้อง ทำท่าจะอาละวาดต่อ หากคราวนี้คุณรตีเองก็ไม่ยอมเช่นกัน “มีเหตุผลหน่อยตาเหนือ จินควรจะพูดกับแม่เขาให้รู้เรื่อง อธิบายเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ให้เรียบร้อย เพราะยังไงเสีย น้องก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เกิดแม่เขาไม่เห็นด้วยแล้วแจ้งความเราข้อหาพรากผู้เยาว์ขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าเหนือยังอยากให้น้องทำงานที่นี่ต่อไปโดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหาในภายหลังก็ควรจะเข้าใจตรงจุดนี้ด้วย”

แสงเหนือนั่งคอแข็งหลังโดนมารดาตอกกลับเป็นชุด หน้าขาวนั้นบึ้งตึง ดูท่าจะไม่สบอารมณ์ขนาดหนัก เคืองขนาดไหนไม่รู้ รู้แต่พอเขาเข้าไปลาตามประสาเด็กถูกสอนมาดียังโดนเงียบใส่ เจ้าของใบหน้างอๆ นั่นกล้ากระทั่งเบือนหนีเขาเหมือนโกรธกันมาร้อยชาติ เห็นแล้วหมั่นไส้น่าแจ้งความข้อหาพรากผู้เยาว์ดูสักที

ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ถ้าเงียบแล้วจะคิดอะไรๆ ได้ดีขึ้น เขาเองก็ต้องการเวลาคิดเงียบๆ คนเดียวเช่นกัน หลังจากเรื่องเมื่อคืน พวกเขาต่างมีปัญหาขบคิดกันให้วุ่นวาย “งั้นผมไปล่ะ”

++++++++++

ตะวันตกดินไปหลายชั่วโมงแล้ว หากจินดนัยยังหาคำตอบไม่ได้สักอย่าง พูดให้ถูกคือยังหาคำตอบที่ทำให้ตัวเองพอใจไม่ได้

“ขอเบียร์อีกแก้วครับ” เขาสั่งเบียร์เพิ่มและควักแบงค์สีแดงยู่ยี่ส่งให้ รู้ทั้งรู้ว่าคนอื่นในร้านไม่มีใครจะจ่ายค่าเบียร์แพงเท่าเขาหรอก แต่ทำไงได้ ในเมื่อเขาไม่สามารถเดินเทิ่งๆ เข้าไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จากที่อื่น มีแต่ร้านขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งเปิดเป็นลานเบียร์แบบนี้เท่านั้นล่ะที่จะยอมขายเบียร์ให้คนซึ่งไม่มีแม้แต่บัตรประชาชนอย่างเขา

โทรศัพท์มือถือที่ลุงโตยัดเยียดมาให้ในกระเป๋าสั่นกึกกักเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เขารอจนมันนิ่งสนิทแล้วจึงยกแก้วในมือขึ้น ใจกระหวัดนึกไปถึงลุงโตซึ่งคงโดนคุณรตีสั่งกำชับมา ดังนั้นเมื่อเช้าหลังจากส่งเขาลงตรงถนนแถวมหาวิทยาลัยเก่าตามที่เขาบอกที่อยู่ไปมั่วๆ ลุงโตจึงกำชับนักหนาว่าจะกลับไม่กลับก็ต้องโทรกลับไปบอก และถ้าจะให้มารับก็ให้โทรเรียก แกกำชับเขาซ้ำๆ จนตอนเขาลงจากรถแล้วก็ยังไม่วายเปิดกระจกตะโกนสั่งอีกรอบ แต่แล้วไงล่ะ...เขาไม่ได้กลับบ้านแม่ตามที่บอก นอกจากเดินโต๋เต๋ตามห้าง ดูหนัง กินข้าว คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลานี้เท่านั้นเอง

ของเหลวสีอำพันรสขื่นบาดคอทิ้งรสขมไว้ในปากขณะเขานั่งเท้าคางกับโต๊ะมองดูนักร้องสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยครวญเพลงผ่านคาราโอเกะด้วยน้ำเสียงบาดหู ฤทธิ์แอลกอฮอล์ผนวกกับท่าจิกตากระโดดโยกซ้ายทีขวาทีประหนึ่งไก่โชว์สเต็ปเทพทำเขาขำจนเผลอหัวเราะออกมา

มีเสียงหัวเราะพรืดดังขึ้นพร้อมเขาจากด้านหลัง เมื่อเหลือบมองจึงเห็นเป็นวัยรุ่นในชุดนักศึกษาสามสี่คนกำลังก้มหน้ากลั้นหัวเราะ ครั้นเห็นเขามอง หนึ่งในนั้นจึงยิ้มตอบ

ไม่ถึงนาทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มที่ยิ้มให้ก็ลุกแยกจากเพื่อนมา “ขอพี่นั่งด้วยคนได้ไหม”

พี่ก็พี่วะ ขี้เกียจเถียง เดี๋ยวโดนหาว่าบ้าอีก... เขาคะเนแล้วค่อยกล่าว “ถ้าพี่ไม่ได้เป็นตำรวจก็เชิญครับ”

“หึ หมายถึงเบียร์เนี่ยเหรอ ไม่ต้องห่วง เพราะพี่ตอนสมัยอายุขนาดน้องต้องสี่สิบดีกรีเป็นอย่างต่ำ” ผู้พูดกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้างซึ่งช่วยให้ใบหน้าที่ดูธรรมดาๆ ในตอนแรกกลับดูมีเสน่ห์ขึ้นมากโข “พี่ชื่อตฤณ แล้วน้องล่ะ”

“จินครับ” ตอบพลางชายตาระแวดระวังเล็กน้อย หากอีกฝ่ายกลับหัวเราะขำ “ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ไม่ได้คิดจะจีบเรา แต่เผอิญเหลือบเห็นไอ้โต๊ะโน้นมันชำเลืองน้องจินมานานแล้ว เลยขอลุกมาเป็นก้างขวางซะหน่อย”

ไอ้โต๊ะโน้นซึ่งเขาหันไปมองแบบตื่นๆ ไม่ได้ทำหลบหน้าหลบตายามโดนจ้อง หากเจ้าของโต๊ะกลับชูแก้วทักทายแล้วชี้นิ้วที่อกตัวเองพลางพยักเพยิดหน้าจนจินดนัยสะบัดหน้ากลับแทบไม่ทัน “ผม...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

“ขืนน้องจินลุกไปตอนนี้ก็เท่ากับให้ท่ากลายๆ ให้หมอนั่นลุกตามออกไป” ตฤณยิ้มยามเห็นคนลุกพรวดเมื่อครู่ทิ้งตัวกลับลงนั่งโดยแรงจนเก้าอี้แทบพัง “ไม่เป็นไรหรอก พี่กับพวกยังอยู่ มันคงไม่กล้า จินก็นั่งเล่นไปก่อนดีกว่า”

โชคดีที่ตฤณเป็นคนคุยสนุก ไม่นานชายหนุ่มก็ชวนคุยนั่นคุยนี่จนเขาคลายความระมัดระวังลง ยิ่งเมื่อเพื่อนๆ ของตฤณต่างผละจากโต๊ะเก่าตามมานั่งก๊งต่อที่โต๊ะเขาแทน บรรยากาศยิ่งสนุกสนาน จินดนัยเองตั้งแต่ได้กลับมามีชีวิตในร่างนี้อีกครั้งก็แทบจะไม่เคยได้พบเจอเด็กรุ่นเดียวกันอีกนอกจากแสงเหนือ จนเขาเกือบลืมไปแล้วว่าการได้พูดคุยล้อเล่นหยอกหัวกับเหล่าเพื่อนฝูงมันเป็นยังไง แถมคนพวกนี้ไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจหรือดูถูกสักนิดยามเขาบอกว่าไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว
พวกเขาทั้งหมดนั่งร่ำสุราเคล้ากับแกล้มกันจนลมหนาวของอากาศยามดึกเริ่มพัดแรง ลมพัดอู้มาวูบหนึ่ง จินดนัยก็สั่นกึกกักทีหนึ่งจนตฤณสังเกตเห็นอาการเขา “เฮ้ย โจ๋ง ถอดเสื้อเอ็งให้น้องเขาดิวะ มึงไม่หนาวไม่ต้องใส่หรอก”

เพื่อนนามโจ๋งรีบซุกมือลงในแจ็คเกตผ้าร่ม ส่ายหน้าดิก “มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่หนาว กูหนาวจนไข่จะแข็งแล้วโว้ย”

“หน้าไม่อายว่ะ ไอ้โจ๋ง เป็นถึงนักกีฬาบาส ดันทำตัวขาดความอบอุ่นเป็นไข่เป็ดยังไม่ฟักไปได้” เพื่อนข้างๆ ซ้ำต่ออีกระลอกจนทั้งโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วยกันเป็นแถว

“สาดดด นักบาสก็คนนะมึง” ปากบ่นหากยอมถอดเสื้อโปะบนหัวไอ้น้องใหม่ที่กำลังปฏิเสธเหย็ง “ใส่เถอะน้อง แต่ถ้ายังกลัวพี่หนาว พี่โจ๋งก็ไม่รังเกียจถ้าน้องจินจะมานั่งตักนะคร้าบ ถึงตักพี่จะไม่เคยผ่านก้นผู้ชายมาก่อน แต่ถ้าเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ น่ารักๆ อย่างน้องจิน พี่โจ๋งยอมมม~~~”

ทั้งโต๊ะก่นด่าทำเสียงอ้วกแตกอ้วกแตนกันให้ลั่น โดยมีตฤณตบหัวเพื่อนสั่งสอน “หม้อไม่เลือกนะมึง ขืนน้องนั่งตักมึงจริง ต่อให้เป็นผู้ชายก็มีหวังท้องแน่”

โดนมุขเสื่อมยิงเข้าใส่ จินดนัยจึงยิ้มกะเรี่ยกะราดรับแจ็คเกตมาแต่โดยดี พวกเขานั่งคุยกันจนดึกดื่น เมาพับหลับคาโต๊ะกันก็หลายคน ตัวเขาก็เริ่มมึนๆ และอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ หัวเราะเสียงดังลืมความกลัดกลุ้มไปจนเกือบหมด

“พี่ว่าจินคุยสนุกนะ หัวไวแล้วก็ฉลาดมากๆ” ตฤณพูดเสียงอ้อแอ้แถมปรบมือชมเปราะหลังยิงมุข ตัดมุข ตบมุขกันมาหลายชั่วโมง “พี่ว่าฉลาดกว่าไอ้เพื่อนๆ พี่เสียอีก ไอ้พวกนี้มันสมองเท่าเม็ดถั่ว ชีวิตมีแต่สอบกับซ่อม เด็กฉลาดๆ แบบนี้ รัฐบาลน่าจะออกกฏหมายบังคับให้เรียนหนังสือสูงๆ มากกว่าทำงานเป็นแค่เด็กรับใช้ ส่วนไอ้ตัวชั่วร้ายแบบไอ้พวกนี้! นี้! นี้!” จิ้มหัวดำๆ ของเพื่อนที่กองเกะกะอยู่รอบโต๊ะแล้วตฤณจึงพิพากษา “น่าจะจับส่งขายไปนอกประเทศเป็นแรงงานต่างด้าว นำเงินเข้าประเทศยังได้ประโยชน์กว่า”

จินดนัยก้มหน้าลง เขี่ยปลายแขนเสื้อเล่นก่อนพูดยิ้มๆ ว่า “โธ่ อย่างผมเนี่ยนะจะได้เรียนหนังสือ วันๆ มีแต่ต้องตามรับใช้เจ้านายต้อยๆ เป็นขี้ข้าให้เขาจิกหัวสั่งโน่นสั่งนี่ ก็อีกฝ่ายน่ะ...เป็นประเภทลูกคุณหนู เอาแต่ใจตัวเอง เด็กสปอยล์ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ” โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง หากครั้งนี้แทนที่เขาจะปล่อยให้มันหยุดไปเอง กลับหยิบออกมากดปิดเครื่องเสียเลยด้วยความรำคาญ “โทรจิกอยู่นั่นล่ะ นี่ขนาดให้ผมหยุดแล้วยังไม่วายโทรตามตั้งแต่หัวค่ำ ไม่รู้จะอะไรนักหนา น่าเบื่อ”

“เขาคงเป็นห่วงน่ะ ก็รับๆ แล้วบอกเขาไปเสียหน่อยสิ เขาจะได้เลิกโทร” ตฤณพึมพำแนะนำขณะง่วนกับการเรียงเมล็ดถั่วในจานที่เหลือให้กลายเป็นรูปหัวใจ

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก” เขาใช้ปลายนิ้วแตะหยดน้ำเขียนเป็นชื่อของแสงเหนือ เพ่งมองสักพักแล้วรีบเอาแก้วทับ “พี่ตฤณว่ารักต่างชนชั้นแบบในละครมันจะมีจริงๆ ในโลกไหม เอาแบบที่สมหวังเหมือนพระเอกกับนางเอกด้วยนะ”

“หืม แบบ...นางฟ้ากับยาจกน่ะเหรอ” คนฟังทำท่าสนอกสนใจ “มันก็พูดยากว่ะ ถ้าเอาจริงๆ ก็คงพอมีสมหวังกันบ้างล่ะมั้ง แต่พี่ว่าที่ยากคือเรื่องหลังจากละครจบลงแล้วต่างหาก อีตอนรักกันจี๋จ๋ามันก็ซาบซึ้งตรึงใจดีอยู่หรอก แต่เรื่องหลังจากนั้นต่างหากที่สำคัญ พี่ไม่เห็นมันจะมีละครตอนที่นางเอกท้องโย้ นั่งเลี้ยงลูกคนเดียวตอนพระเอกมันออกไปปร๋อกับกิ๊กเลย หรือแม่ยายที่นั่งด่าซ้ำเติมว่าแม่บอกแกแล้วว่าไอ้นี่มันเลว...”

หลังจากเขาจากไปน่ะเหรอ แสงเหนือก็แค่ลืมเขาอย่างที่เทวดาบอกไง แสงเหนือจะบินไปรักษาตาที่เมืองนอกจนหายดี จะแต่งงานมีลูกกับคุณวิกกี้ แสงเหนือจะก้าวไปข้างหน้าโดยจำเรื่องราวของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ “เขาจะลืมว่าเราเคยรักกันยังไงง่ายขนาดนั้นเลยเหรอพี่ เราจะลืมความรักได้ง่ายดายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จำไม่ได้ว่าเคยรักกัน...สักนิดเลยเหรอ”

“ไม่งั้นเขาจะบอกกันว่ากาลเวลาจะเยียวยาและกลืนกินทุกสิ่งหรอก” ตฤณหยอดคำคมแล้วเริ่มเลียบเคียงไต่ถามอยากรู้ “ว่าแต่น้องจินมีความรักต้องห้ามกับคุณหนูผู้สูงศักดิ์อยู่เหรอจ๊ะ ไหน ลองเล่าให้พี่คนนี้ฟังบ้างสิ เห็นแบบนี้แต่พี่ก็เป็นคนโรกะติกไม่หยอกน้า อาจจะมีคำแนะนำดีๆ ให้ไม่มากก็น้อย”

“มะ ไม่ใช่หรอกพี่” เขารีบระล่ำระลักแก้ตัวเสียงดัง โบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน “มันไม่ใช่เรื่องน้ำเน่าแบบนั้นหรอก...โอเค ถึงฝ่ายนั้นเขาจะบอกว่ารักผมก็เถอะ แต่ผมว่ามัน...” จินดนัยเม้มปากขณะนึกถึงเสียงกระซิบอ่อนโยนที่เอ่ยกับเขา แสงเหนือไม่ได้ทวงถามหาคำตอบนอกจากมอบคำพูดอันอ่อนโยนนั้นให้เขาโดยไม่มีข้อแม้ “มันไร้สาระ”

เขาหยุดพูดไม่ได้แม้ตฤณจะเป็นฝ่ายอ้าปากเหวอแบบงงๆ แทน “คิดดูสิพี่ มันเหลวไหล มันไร้สาระจริงๆ นะ อย่างผม...หรือต่อให้เป็นคนอื่นก็เถอะ ใครคิดจริงจังกับคนตาบอดก็โง่แล้ว...”

“ไอ้จิน!!” เสียงตวาดดังลั่นทำเอาเขาสะดุ้งสุดตัวแทบตกเก้าอี้ หันขวับมาเห็นร่างสูงคุ้นตา แต่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไร เงาของมือที่ฟาดลงมาทำให้ต้องก้มหน้าหลับตาหนีตามสัญชาตญาณ

ลุงโตหน้าแดงก่ำและเงื้อมือตีใส่เขาไม่นับด้วยแรงโมโห ตฤณยังตกใจขณะพยายามลุกมาห้ามชายวัยกลางคนแปลกหน้าซึ่งรี่มาฟาดเพื่อนใหม่ซึ่งยังยกแขนผ่ายผอมกันไว้แบบไม่ได้ผลนัก “ลุงครับ หยุดก่อน เดี๋ยว...”

“ปล่อยข้า! ข้าจะตีไอ้เด็กเลวให้ตาย!” ลุงโตด่าพลางกระหน่ำมือไม้ใส่ไอ้หนูของแกไม่ยั้ง “ทั้งที่คุณเหนือห่วงเอ็งยิ่งกว่าอะไร ยิ่งพอเอ็งเงียบหายไม่ยอมรับโทรศัพท์ก็ถึงกับนั่งไม่ติด กลัวว่าเอ็งจะไม่สบายเป็นลมอยู่ริมถนน กลัวเอ็งจะโดนจี้โดนปล้น สั่งให้ข้าขับรถพาท่านออกมาที่ส่งเอ็งเมื่อเช้า เดินถามหาเอ็งตั้งไม่รู้กี่ชั่วโมง แต่เอ็งกลับ...”

ร่างที่คู้ตัวหลบการทุบตีดูจะตกใจยิ่งกว่ายามได้ยินดังนั้น จินดนัยแทบจะลงคลานเพื่อหวังหลบให้พ้นจากโทสะของลุงโต และยิ่งใจหายหนักเมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างเดินอยู่ลิบๆ โน่น

“พี่...พี่เหนือ!” เขาตะโกนเรียกพลางรีบลุกจนขาเกี่ยวเก้าอี้หกล้มโครมคราม แขนและฝ่ามือทั้งสองข้างครูดกับพื้นสากจนแสบไปหมด ตฤณรีบลุกมาประคองเขาซึ่งยังหกล้มหกลุกก่อนรีบหันไปยึดตัวลุงโตซึ่งตั้งท่าจะปรี่มาหาเขาอีก หากจินดนัยไม่มีเวลาจะมานั่งอธิบาย นอกจากวิ่งตามร่างสูงไปโดยไม่สนใจจะดูแผลตัวเอง ถึงบริเวณฝ่ามือและหัวเข่าจะแสบแต่เทียบกันไม่ได้เลยกับหัวใจที่เต้นแรงระทึกในช่องอก หัวใจที่ปวดแปลบเมื่อรู้ว่าได้ทำร้ายคนที่แสนสำคัญด้วยถ้อยคำมักง่ายไม่กี่ประโยค

“พี่เหนือ!” เขาคว้าแขนชายหนุ่มไว้ได้ทันในที่สุด จ้องใบหน้าขาวซีดพลางละล่ำละลักขอโทษปากคอสั่น “ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ผมไม่รู้ว่า...”

“จะขอโทษพี่ทำไม” เสียงแข็งๆ ดังจากปากพร้อมกับที่ผู้พูดปัดมือเขาออก “จินจะคิดแบบนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ พี่มันโง่เองที่คิดจริงจังไปฝ่ายเดียว ไม่ยอมเจียมตัวว่าเป็นแค่คนตาบอด ...พี่มันไม่ดีที่คิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าจินอาจจะ...รักพี่อยู่บ้าง”

“ไม่ใช่นะ ผม...” เขาพูดต่อไม่ออก ย้อนคิดถึงคำพูดที่หลุดปากออกไป ...ใครคิดจริงจังกับคนตาบอดก็โง่แล้วงั้นเหรอ ถ้าเขาคิดแบบนั้น คนโง่ตัวจริงก็คงเป็นเขานี่ล่ะ “ไม่ใช่พี่เหนือที่ไม่ดี แต่เพราะคนอย่างผมไม่มีสิทธิ์รักพี่ต่างหาก”

ทำไมความรักของเขาถึงได้เริ่มต้นจากจุดจบนะ ทำไมเขากับแสงเหนือถึงไม่พูดคุยกันให้เร็วกว่านี้ในตอนที่ทั้งคู่ยังมีเวลา ยังมีชีวิตด้วยกันทั้งคู่

“อย่า...ทำเหมือนจินเป็นเด็กไม่ดี พี่รู้ พี่สำนึกแล้วว่าคนอย่างพี่ต่างหากที่ไม่ควรหวังอะไรลมๆ แล้งๆ ไม่ควรฝันถึงอะไรที่เป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงขื่นราวขบขันตัวเองเสียเต็มประดาของแสงเหนือทำคนฟังหน้าเสียใจสั่น “ถ้าจะมีเหตุผลที่จินรักพี่ไม่ได้ล่ะก็ คงเป็นเพราะพี่ตาบอดใช่ไหม เพราะพี่มันเป็นแค่คนพิการ เดินไปไหนมาไหนกับคนตาบอดมันก็น่าอายอยู่หรอก ไม่ต้องแก้ตัวแล้ว พี่เข้าใจทุกอย่างดีพอแล้ว”

แสงเหนือไม่รู้ ไม่มีวันรู้หรือเข้าใจสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ความลับที่เขาบอกใครไม่ได้ ความเสียสละที่จะไม่มีคนจดจำ จินดนัยเคยคิดว่าตนยอมได้ หากวินาทีนี้เขากลับต้องตกเป็นฝ่ายโดนต่อว่าต่อขานราวกับเป็นผู้ร้ายใจดำ มันไม่ยุติธรรมสักนิด ทำไมเขาถึงต้องมาโดนคนที่แย่งชิงทุกอย่างไปมาต่อว่าเช่นนี้ด้วย เขาให้ไปหมดแล้ว...ทั้งชีวิต ทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ แล้วทำไมแสงเหนือถึงยังไม่พอใจอีก

แสงเหนือยังต้องการอะไร ในเมื่อเขาไม่เหลืออะไรจะให้ได้อีกแล้ว

“ใช่ พี่เหนือน่ะทั้งโง่เง่า ทั้งตาบอด มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง” เขาพูดทั้งน้ำตาด้วยความโกรธ ความน้อยใจที่โดนกล่าวหาอยู่เพียงฝ่ายเดียว “พี่ไม่รู้หรอกว่ากว่าจะถึงวันนี้ ผมต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ เพื่อจะได้พบพี่ เพื่อให้ได้อยู่กับพี่ถึงแม้จะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ เพื่อที่จะให้พี่เหนือมีความสุข ผมจะบอกให้นะว่าไม่ใช่พี่หรอกที่ฝันถึงอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ ผมต่างหากที่ฝันมาตลอดทั้งที่รู้ว่าจะต้องผิดหวัง ผมให้มาตลอด ให้จนไม่เหลืออะไรจะให้...แต่พี่ก็ยังไม่พอใจ ฉะนั้นอย่ามาทำเป็นพูดเหมือนเข้าใจทุกอย่างหน่อยเลย พี่เหนือจะเข้าใจอะไร! พี่จะเข้าใจอะไร!!”

ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มที่ดูจะตกใจจนพูดไม่ออกแล้วจินดนัยก็รู้สึกหน้ามืด ร่างกายเหมือนจะหมดแรงกะทันหัน ได้แต่ยืนโงนเงนหอบหายใจอยู่ตรงนั้น เขาไม่เหลือแรงแม้แต่จะหันหน้าหนียามมือใหญ่ยกขึ้นมาสัมผัสและเลื่อนไปกุมกระชับบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้ น้ำเสียงที่พูดราวกับจะเค้นออกมาจากร่างสูงตรงหน้านั้นแฝงด้วยความร้อนรน อัดอั้นและอาจถึงขั้น...เจ็บปวด

“พี่รู้ว่าพี่มันโง่ ตาก็มองไม่เห็น เลยเข้าใจอะไรได้น้อยกว่าคนอื่น พี่ไม่สามารถสังเกตสีหน้าของจินได้ พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำ...ว่าทุกครั้งที่พี่แตะต้องตัวเราแบบนี้อยู่ จินจะพอใจหรือเปล่า จะโกรธหรือรังเกียจพี่ไหม มันคงทำให้จินรำคาญบ่อยๆ กับการที่พี่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ดังนั้นก็บอกพี่สิ บอกพี่ว่าควรจะทำอะไร ต้องทำตัวยังไง จินถึงจะรักพี่บ้าง”

แสงเหนือมักจะมีวิธีที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ร้ายได้เสมอ และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน หากสิ่งที่แตกต่างไปคือเขาก็หมดความอดทนแล้วเช่นกัน

“ทำยังไงให้ผมรักพี่น่ะเหรอ มันง่ายจะตาย” เขายิ้มเหยียดราวกับขบขันกับโชคชะตาเฮงซวยของทั้งคู่ “พี่เหนือรักผมใช่ไหม เชื่อใจผมหรือเปล่า” จินดนัยมองกิริยาพยักหน้าตอบง่ายๆ ของอีกฝ่ายแล้วลากแขนชายหนุ่มกระโดดลงไปบนถนน ตะโกนใส่หน้าทั้งน้ำตา “ถ้าเชื่อใจผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ ห้ามขยับไปไหน ไม่ว่าจะได้ยินอะไรหรือเกิดอะไร ถ้าพี่ยอมตายให้ผมดู ผมอาจจะยอมรักพี่เหนือบ้างก็ได้”

ถนนยามค่ำคืนแม้จะไม่มีรถยนต์วิ่งกันพลุกพล่านเหมือนตอนกลางวัน หากรถแต่ละคันล้วนแล่นกันด้วยความเร็วสูงเพราะถนนหนทางโล่งสบายเปิดโอกาสให้ซิ่งกันได้เต็มที่ แค่เขาก้าวถอยหลังสะเปะสะปะมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงปี๊นยาวก็ดัง หากรถคันนั้นก็หักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนหลบไปทัน

เขาเกือบจะคาดหวังให้แสงเหนือเดินดุ่มกลับเข้ามาและด่าเขาแทนที่จะยืนนิ่งอยู่จุดเดิม และแสงเหนือยังไม่ยอมขยับ แม้เสียงบีบแตรดังลั่นสนั่นจะใกล้เข้ามาแค่ไหนก็ตาม เช่นเดียวกับเสียงห้ามล้อบดกับพื้นถนนเอี๊ยดยาวบาดหูจนน่ากลัว มันดังใกล้เข้ามาขณะที่หัวใจของคนมองแทบจะหยุดเต้น แม้แต่การตั้งท่าจะกระโจนลงไปบนถนนยังดูเหมือนจะไม่ทันการณ์...

“ไอ้บ้า! อยากตายหรือไงวะ! ไอ้เวรตะไล...” เสียงผรุสวาทด่าทอยาวเหยียดดังจากปากเจ้าของรถเก๋งซึ่งหยุดรถได้ก่อนจะชนไอ้บ้าที่ดันทะลึ่งลงมายืนทื่อกลางถนน ฉิวเฉียดชนิดกันชนหน้าห่างจากคนบ้าไม่ถึงเมตรดี “ไอ้หอกหัก! มึงคิดจะกระโดดให้กูชนเพื่อจะได้เรียกค่าเสียหายล่ะสิ กูจะบอกให้นะว่าถ้ากูชน กูจะชนให้ตาย ไม่รอให้มึงมา...”

ชายที่ก้าวอาดๆ ลงจากรถมากระชากคอเสื้อแสงเหนือชะงักยามเห็นดวงตาคู่นั้นจากแสงไฟหน้ารถ “อ้าว... นี่มึง...”

“ขอโทษครับ นั่น...พี่ชายผมเอง เขาตาบอด ขอโทษครับ” จินดนัยซึ่งยังขาสั่นด้วยความกลัวภาพหวาดเสียวเมื่อครู่รีบวิ่งมาดึงแสงเหนือและเข้าขวางรับหน้าชายซึ่งกำลังโมโหไว้แทน “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณเกือบเจออุบัติเหตุ”

“...เออๆ ต่างคนต่างไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” รับคำงงๆ แล้วชายผู้นั้นก็ส่ายหน้าดิก เดินพึมพำขณะกลับไปขึ้นรถ “กูว่าแล้วว่าทำไมมันไม่หลบ จริงสิ คนตาบอดมักจะหูหนวกด้วยนี่นะ ลืมไปเลยว่ะ”

ขนาดเขายังร้องไห้ไม่หยุดยังอดหัวเราะพรืดกับความเข้าใจผิดดังกล่าวไม่ได้ เจ้าของรถที่ได้ยินเสียงหัวเราะยังเหลียวมองมาและด่าส่งท้าย “ดีว่ะ ให้คนบ้ามาดูแลคนตาบอด ตายห่ากันทั้งคู่พอดี”

รอจนพวกเขาจูงมือกันกลับมาบนริมถนนแล้วนั่นล่ะ เจ้าของมือใหญ่ที่บัดนี้กุมกระชับมือเขาไว้แน่นจึงค่อยกระซิบขำๆ “ดูเหมือนว่าเราจะบ้าพอกันทั้งคู่จริงๆ นะ”

“...ประสาท” จินดนัยด่างึมงำพร้อมยกมือข้างว่างป้ายเช็ดน้ำตาบนหน้าแรงๆ หากต้องเจ็บจนหน้านิ่วยามรู้สึกแสบที่ฝ่ามือ เมื่อยกขึ้นดูแล้วจึงพบว่าผิวเนื้อนุ่มตรงอุ้งมือถลอกเลือดออกซิบๆ “พี่เหนือ ปล่อยมือก่อน มือผมถลอกทั้งสองข้างเลย”

“หืม” แสงเหนือรีบยกมือเขาขึ้น หากจนปัญญาจะสำรวจบาดแผล จึงได้แต่เอ่ยถามแผ่วเบา “ถลอกมากหรือเปล่า”

“ไม่มาก นิดเดียว” เขาบิดมือยุกยิกแต่ไม่ถึงกับดึงออก

“โดนอะไรมา” เสียงนุ่มติดจะระอาคล้ายผู้ใหญ่ถามเด็ก

“หกล้ม...” เดี๋ยวจะหาว่าเขาซุ่มซ่าม จึงรีบเติมท้ายประโยค โยนความผิดให้คนตรงหน้าเต็มๆ “ตอนวิ่งตามพี่เหนือ”

“เจ็บมากไหม” น้ำเสียงห่วงใยทำให้ค่อยรู้สึกดีขึ้น

“ไม่มาก นิดเดียว” ตอบอมยิ้ม หากจินดนัยต้องหน้าร้อนซู่กับคำถามต่อมา

“แล้วรักพี่เหนือนิดเดียวหรือเปล่า” คนบ้าอะไรวะ หยอดได้แม้แต่ในเวลาแบบนี้ แต่...ก็เอาเถอะ

“ไม่รัก...” แกล้งทิ้งช่วงนานจนร่างสูงหน้าเจื่อนก่อนจะยอมพูดต่อว่า “ไม่รักนิดเดียว แต่รักมากๆ เลยต่างหาก”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
พี่โยยมาแล้ววววว  :a1:

 :กอด1:

kurugmin

  • บุคคลทั่วไป
มาลงต่อแล้ว :m4:
ขอบคุณคร๊าบ :m1:


anna1234

  • บุคคลทั่วไป
 :oni1:นึกว่าโยจะให้ค้างคาเป็นค้างคาวซะอีก

มาช้ายังดีกว่าไม่จริงจริ๊ง

+1 ให้โย  :m2:

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ขอบคุณนะคะ คุณ yayoy ขอบคุณนะคะ คุณ DD


Tsukasa999

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:มาต่อแล้ว ฮืออออ มาต่อแล้ว

ทำไมเศร้าใจเยี่ยงนี้ คราต่อไปโปรดมาต่อไว อยากรู้จะตายอยู่แ้ล้วว

 เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งค่า

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
โห............................... :sad2: น่าสงสารทั้งสองคนโคตรๆ ไม่ไหวแล้ว

อยากรู้แล้วว่าในที่สุดมันจะเป็นยังไง  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
โฮ เศร้าใจ  :sad2:

นึกว่าจะดองแข็งกับคนในบอร์ดซะแล้ว ... ไม่งั้นจะเศร้ายิ่งกว่านี้
แสงเหนือผู้แสนดี ไอ เลิฟ ยู~

ขอ +1 ให้วีรสตรีของเรา พี่โยย ~  :a2:

อยากอ่านตอนต่อไปจัง เห้อ~


ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
แล้วมันก็....สรุปไม่ได้สักทีว่าจะเอาไง 555 จินเอ๊ย!

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

Pztor

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4:
จุดประทัดฉลอง ได้อ่านแล้ววววววววววววววววววววววววววววววว

ออฟไลน์ ChiiCaLorz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ทั้งซึ้ง  :o8: ทั้งเศร้า  :sad2:
ตอนต่อไปมาเร็วๆน๊าคร้าบบบ  :oni1:


ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8


ดีใจ

ได้อ่านต่อแล้ว ^^



พี่เหนือ ><


แล้วจะทำไงล่ะทีนี้ ??

เทวดา  จะใจร้ายมากมั๊ย???

crazykung

  • บุคคลทั่วไป
โอ้โห พี่คนเขียนไม่มาแป๊บเดว<เอ๊ะหรือนาน>


พอมาแปบเดว สุดยอดดดดดดดดดดดด อ่านแบบอึ้งง ลุ้นทั้งเรื่องเลยแง่งๆ


หวานไปฉากเดว ทะเลาะกานอีกแว้ว แต่ก้อ น่ารักตอนหลัง :m13: :m13:


แหม เทวดาเรื่องอื่นดี๊ดี+++


พอมานเรื่องนี้ อย่าให้ท่านมาเลย


มาทีไรมีเรื่องทุกที :m31: :m31:


มาบ่อยๆนะฮะ คิคิ

ออฟไลน์ Ryze

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
สงสัย ตาเทวดา(?) คงจะโดนวีนมา ถึงมาถึงก็ ใส่จินเอา ใส่เอา ใ่ส่เอา

หวา อยากอ่านต่ออย่างงรุนแรง

ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
มันเศร้ามากมายเลยอะ

อยากรู้ว่าจะเป็นงัยต่อไปอะคับ

 :sad2:   :sad2:   :sad2:

VitamiN

  • บุคคลทั่วไป
 :m15: :o12: o7
ทำไมๆๆๆๆ
แล้วต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ย

อยากอ่านต่ออ่า :m17:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
รอตอนต่อไปเลยอะ

ออฟไลน์ cartoons

  • "ละอองกอ"
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
 :m4: เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ในที่สุดก็มาจนได้  อ่านแล้วอยากร้องไห้  :m15:  แต่ร้องไม่ออกไม่รู้ทำไม  สงสารทั้งคู่เลย มันรู้สึกว่ามันมีอะไรค้างๆอยู่  ได้แต่เภาวนาว่ามานจะจบแบบ :กอด1: happy ending  อ่ะนะ o7


+1  เปนกะลังใจในการต่อค่ะ สู้ๆ มาต่อไวๆนะ อิอิ  :กอด1:

three

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณฮะพี่ยาโย :กอด1:

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
สงสารจิน
สงสารพี่เหนือ

เกลียดไอ้คุณเทวดา บ้าๆๆๆๆๆๆ

ลุงโตอย่าโกรธจินเลยน๊า

ออฟไลน์ SweetSerenade

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทั้งเศร้า ทั้งซึ้ง

คุ้มค่ากับการรอคอย

 :กอด1:


yayoy

  • บุคคลทั่วไป
ด้วยรักจากสวรรค์ 22 – เวลาที่เหลืออยู่


จินดนัยเกือบยอมให้แสงเหนือจูบตรงริมถนนอยู่แล้วหากลุงโตและตฤณจะไม่วิ่งหน้าเริ่ดกระหืดกระหอบตามมา ผู้ชายต่างวัยสองคนเถียงกันฟังไม่ได้ศัพท์ เหมือนต่างคนต่างฟ้อง

“ลุงสติไม่ดี ใจร้อน มือหนักนี่เป็นญาติน้องจินจริงๆ น่ะ ถ้าไม่ใช่ญาติต้องแจ้งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกายเลยนะ”

“ไอ้หนุ่มเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างเอ็งหุบปากไปเลย ชะช้า เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าทางนี้ๆ เอ็งดันบอกทางนั้นๆ วิ่งตามไปจนเกือบถึงสี่แยกแล้วนั่นล่ะ เอ็งถึงยอมรับว่าสงสัยจะมาผิดทาง ไม่ยอมเชื่อคนแก่อย่างข้าแล้วเป็นไง เฮอะ นี่ล่ะที่โบราณเขาว่าเดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด...”

สองคนสองวัยตั้งท่าจะถกกันยาวหากแสงเหนือจะไม่ปราม “พอเถอะ ลุงโต”

เช่นเดียวกับที่จินดนัยขอร้องตฤณ “ผมต้องขอโทษพี่ตฤณด้วยครับที่ทำให้ลำบาก แต่ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ แล้วนี่พวกเพื่อนๆ ของพี่ตฤณ...”

“สลบพับคาขวดเหล้าไปไม่กระดิกสักคน แม่มเอ๊ย นี่ถ้าเขารบกันมันคงตื่นตอนอยู่ในโลงนั่นล่ะ ไร้ประโยชน์ชิบหาย มันน่าปล่อยให้เทศบาลมาเก็บไปจริงๆ” ฟังตฤณพูดถึงเพื่อนฝูงเหมือนหมาจรจัดและขยะสดแล้วอดหัวเราะไม่ได้ หากแรงยึดข้อมือแน่นทำให้ต้องรีบหยุดกระแอม เสมองหน้าบูดๆ คล้ายได้กลิ่นของเน่าของแสงเหนือแล้วรีบแนะนำ

“เอ่อ พี่เหนือ นี่พี่ตฤณครับ” ละว่ารู้จักกันได้อย่างไรในฐานที่เข้าใจ “พี่ตฤณครับ นี่พี่เหนือ แล้วนั่นลุงโต แต่พี่คงรู้จักกันแล้ว”

“นี่...” ตฤณมองแสงเหนือขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายรอบและโฟกัสเฉพาะจุดที่มือใหญ่กุมมือจินดนัยไว้แน่น เอ่ยคาดคะเน “คงจะเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่จินเล่าให้ฟังสิท่า อ่าฮะ~~~”

ใบหน้าเขาร้อนผ่าวยามฟังเสียงลากยาวรู้ทันนั้นขณะที่แสงเหนือขมวดคิ้ว ถามเสียงขุ่นอย่างไม่ค่อยพอใจ “พูดเรื่องอะไรกัน”

“เปล่า” ปฏิเสธเสียงสูงแล้วรีบดำเนินการสลายม็อบชุมนุมโดยด่วน “พี่ตฤณรีบกลับไปดูเพื่อนๆ เถอะ เดี๋ยวโดนลอกคราบหมดตัวหรอก”

หลังจากทำยิ้มรู้เท่าทันอีกหลายจึ้ก ตฤณจึงค่อยยอมถอยทัพแต่โดยดี หากยังอุตส่าห์หยอดทิ้งท้าย ชะโงกหน้ามาพูดให้คนที่จูงมือเขาไม่ยอมปล่อยได้ยินอีกด้วยว่า “หลังจากนี้พระเอกกับนางเอกจะเป็นไงพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับตอนนี้พี่คงต้องบอกว่ารักของนางฟ้ากับยาจกจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งว่ะ โชคดีนะน้องจิน ถ้ามีปัญหาหรืออยากเล่าตอนต่อของละครก็โทรหาพี่ได้ตลอดนะ” ยัดกระดาษแผ่นเล็กใส่กระเป๋ากางเกงเขาแล้วตบหัวปุๆ กล่าวลา “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเหนือ ถ้ามีวาสนาเราคงได้เจอกันอีก น้องจิน”

ร่ำลาอย่างกับจะไปรบ จากไปราวกับจอมยุทธพเนจร จินดนัยยืนมองเพื่อนใหม่อย่างลืมตัวจนกระทั่งเสียงเขียวๆ จะกระชากออกจากภวังค์ “รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ พูดถึงใครคุณหนูผู้สูงศักดิ์ แล้วอะไรไหนยังรักของนางฟ้ากับยาจกอีก เล่ามาให้หมดเลยนะ แล้วนี่ไปเอาเบอร์มันมาทำไม พี่สั่งห้ามเราโทรหามันเด็ดขาด เข้าใจไหม”

“เอ๊...” ยังไม่ทันจะลั่นกลองศึก ลุงโตก็รีบขัดตาทัพ “ผมจะไปเอารถมารับนะครับ คุณเหนือยืนรอตรงนี้ก่อน ส่วนเอ็งน่ะ...”

ลุงโตจ้องเขาตาเขียวปั๊ด ท่าทางจะยังไม่หายโกรธ แต่คงเกรงใจผู้เป็นนายอยู่ไม่น้อยจึงไม่ได้ด่าอย่างที่ใจอยาก “ดูคุณเหนือให้ดีๆ นะ อย่าพาเดินไปไหนล่ะ เดี๋ยวข้าจะรีบมา”

ไม่นานหลังจากนั้น ลุงโตก็ขับรถมารับทันใจ ดูแกจะยังปั้นปึ่งมองเมินคล้ายไม่อยากมองหน้าเขาให้เสียสายตาจนจินดนัยหน้าเสีย ไม่กล้าพูดตอบแสงเหนือมากนักซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์รำไร

“ลุงโตไม่ต้องบอกแม่เรื่องคืนนี้นะ” คำสั่งเรียบๆ ทำเอาเขากับลุงโตสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายผ่านกระจกมองหลัง ก่อนเขาจะรีบก้มหน้างุด ครั้นไม่ได้ยินคำตอบรับ แสงเหนือจึงคาดคั้น “ลุงโต”
แม้จะมีทีท่าไม่เต็มใจยิ่ง ลุงโตก็ยอมรับคำจนได้ “ครับ”

“แล้วเลิกโกรธจินได้แล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจ” อย่าว่าแต่ลุงโตทำหน้าแปลกๆ เลย ตัวคนโดนโกรธเองยังต้องรีบดึงคนที่ตั้งท่าจะแก้ตัวแทนไว้ให้วุ่น “ไม่ต้อง พี่เหนือ บ้าหรือเปล่าสั่งกระทั่งให้คนอื่นเลิกโกรธผม นี่เป็นปัญหาของผมกับลุงโต ผมทำผิด ผมก็ต้องขอโทษเอง พี่เหนือไม่ต้องมายุ่งเลย”

“แต่...” จินดนัยคาดคั้นด้วยน้ำเสียงโทนเดียวกับเมื่อครู่ แต่โหดกว่า “พี่เหนือ”

“พี่ไม่ยุ่งก็ได้” แสงเหนือตอบเสียงเบาลงพร้อมเมินหน้าหนีไปอีกทาง เขาจึงถอนหายใจกับกิริยาเด็กๆ ของหมอนี่ ขี้หงุดหงิด ใจน้อย งอนเก่ง... ยังนึกไล่เลียงข้อเสียไม่หมดดี คนขี้งอนก็เอนหัวลงซบกับบ่าเขา ซุกนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่กลัวคอเคล็ด จินดนัยจึงค่อยถอนหายใจอีกรอบ หากหนนี้บนใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

ขี้หงุดหงิด ใจน้อย งอนเก่ง อ้อนก็เก่งเป็นที่หนึ่ง และเขาดันรักมากๆ ไปแล้วเสียด้วย

ถึงเวลาจะเหลือน้อย แต่เขายังมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขนี่นา และที่สำคัญคือเขาอยากเห็นแสงเหนือมีความสุขด้วยเช่นกัน ถึงจะเป็นความสุขที่ไม่ยืนยาว อย่างน้อยเขาก็อยากรักผู้ชายคนนี้จนวันสุดท้ายในชีวิต ขอมองหน้าเพื่อจดจำจนลมหายใจสุดท้าย

ก่อนที่จะต้องแยกจากกันไปชั่วนิรันดร์

++++++++++

พวกเขาเดินย่องๆ กลับเข้าบ้านโดยระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงกระโตกกระตาก หากเมื่อจรดปลายเท้าผ่านห้องนั่งเล่นก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงเย็นๆ ดังมาจากเจ้าบ้านซึ่งนั่งอ่านหนังสือรออยู่เงียบๆ “กลับมาแล้วเหรอ”

“กลับมาแล้วครับ” สองคนตอบเป็นเสียงเดียว หากแสงเหนือยิงคำถามต่อด้วยท่าทางบ้องแบ๊ว “เอ๊ะ ทำไมแล้วแม่ยังไม่นอนอีกล่ะครับ ผมคิดว่าแม่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วซะอีก”

อย่ามาเล่นมุขเสื่อม ทำตัวปัญญาอ่อนเลี้ยงแมวเล่นแถวนี้หน่อยเลย ไอ้ลูกคุณหนู ทำไมไม่ขอโทษ ทำไม... จินดนัยยืนกระตุกมือร้อนรนและแทบไม่อยากเชื่อเมื่อคุณรตีตอบกลับง่ายดาย

“แม่รอเราสองคนน่ะสิ ยัยดวงมันวิ่งแจ้นไปบอกว่าเหนือสั่งโตให้ขับรถพาออกไปข้างนอก กลับมากันได้เสียที แม่ว่าจะไปนอนอยู่แล้วเชียว” คุณรตีหยุดแตะแขนลูกชายและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “พาน้องกลับมาได้ก็ดี ให้ค้างข้างนอก แม่ก็อดห่วงไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่าง เหนือจะได้ไม่ต้องลุกลี้ลุกลนนั่งไม่ติดที่แบบที่เป็นทั้งวันด้วย”

ระหว่างจัดที่นอนรอแสงเหนืออาบน้ำเสร็จ เขาอารมณ์ดีถึงขนาดฮัมเพลงไปด้วยในคอ และถึงกับหัวเราะด้วยซ้ำยามโดนคนทิ้งตัวลงบนที่นอนแรงๆ คว้าตัวไว้และกอดรัดคล้ายมันเขี้ยว

“อารมณ์ดีจัง มีอะไรดีๆ เหรอ” ถามพลาง มือไม้ก็เริ่มอยู่ไม่สุขไปพลาง หากแสงเหนือต้องครางอู้ยามโดนหยิกเข้าหลังมือข้างที่สอดเข้าใต้เสื้อนอนของเขา

“อย่ามาทำเนียน ต่อให้ผมอารมณ์ดีแต่ร่างกายยังไม่ดีพร้อมนะ” ไม่กล้าบอกว่ายังปวดระบมไม่หาย เขาเก๊กหน้าดุเสียงดุได้ไม่นานก็ต้องใจอ่อนกับสีหน้าเหมือนเจ้าริชชี่ถูกสั่งให้รอหน้าถาดข้าวของอีกฝ่าย

“เหรอครับ อืม จริงสินะ ยังเจ็บมากไหม มีไข้หรือเปล่า กินยากันไว้ก่อนดีไหม” แสงเหนือทำหน้าสำนึกผิดถามไถ่เสียงห่วงใย แต่กิริยาเลื่อนมือลงบีบเนินเนื้อตรงสะโพกตรงกันข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง “จิน...”

“ผมปวดหัว เหมือนจะมีไข้ด้วย” หลังจากขุดเอาพลังงานสำรองมาใช้จนเกลี้ยงฉาด เขาก็เลือกที่จะบอกตรงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อคืน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ลมหนาวและเหตุการณ์ตื่นเต้นตรงริมถนน ทั้งหมดสูบเรี่ยวแรงเขาไปจนไม่เหลือหลอ “ผมอยากนอน”

ทำหน้าอึ้งปนสับสนก่อนแสงเหนือจะยอมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ “ตกลงครับ นอนก็นอน ว่าแต่...” เลื่อนตัวมาดมฟุดฟิดและเอ่ยจับผิดด้วยท่าทีผู้ชนะ “แทบไม่เหลือกลิ่นแล้วก็จริง แต่เมื่อกี๊พี่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเราหึ่งเลย ไม่สบายงั้นเหรอ ทำไมคนไม่สบายถึงริอ่านไปนั่งกินเหล้าได้ครับ หืม”

“ชิชะ จมูกดีนักใช่ไหม” จินดนัยบีบปลายจมูกโด่งๆ ฟังเสียงร้องโอดโอยไปพลาง เอ่ยเข่นเขี้ยวไปพลาง “เฮอะ อย่าคิดจะมาโทษผมเลย ถ้าจะโทษต้องโทษคนทำช่วงล่างผมพังนี่ต่างหาก เจ็บจะตายชัก พี่เหนือพอจะรู้ไหมว่าใครเป็นต้นเหตุ”

มองชายหนุ่มคลำจมูกป้อย ถามย้ำคำเดิมและไม่รู้จะโกรธหรือหัวเราะดียามแสงเหนือตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียง “ไม่รู้สิ...”

“ไม่รู้! โอเค ไม่รู้ใช่ไหม ไม่รู้งั้นผมไป...” ลุกพรวด ตั้งท่าจะอพยพ หากวงแขนของอีกฝ่ายกลับคว้าไว้รวดเร็ว

“โอ๊ย อย่าเพิ่งงอนสิครับ พี่ผิดเองล่ะ พี่ขอโทษ” รีบร้อนแอ่นอกรับผิดแล้วจึงดึงเขาล้มลงนอนด้วยกัน “นอนกอดกันเฉยๆ ก็ดี พี่อยากคุยกับเราเยอะๆ อยากรู้เรื่องเราทั้งหมด...ทุกเรื่อง จินเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิว่าที่บ้านเป็นยังไง สมัยเด็กจินเคยทำอะไรไว้บ้าง เรียนที่ไหน มีเพื่อนเป็นใครบ้าง ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร เล่ามาให้หมดเลย พี่อยากฟัง”

“จะรู้ไปทำไม” ถึงรู้ว่าต้องโกทูเฮลล์แน่ๆ แต่จะให้ไปเพิ่มบาปมุสาวาทาอีกก็ใช่ที่ อีกอย่าง...ต่อให้เล่าไปวันนี้แต่ยังไงวันหน้า... “เล่าไปพี่เหนือก็จำไม่ได้หรอก”

“ทำไมจินถึงพูดแบบนี้” หน้าขาวๆ ดูเหมือนติดจะโกรธๆ ขณะอ้อมแขนแข็งๆ รัดเขาแน่นขึ้นอีก “พี่ถามเพราะอยากรู้เรื่องของคนที่รัก อยากรู้ว่าเขาโตมายังไง พ่อแม่เลี้ยงมาแบบไหน ถึงได้โตมาน่ารัก...ให้พี่รักได้มากมายขนาดนี้”

คนพูดจูบไล้ไปทั่วใบหน้าเขาก่อนริมฝีปากได้รูปจะทาบทับลงบนริมฝีปากเขาแผ่วเบา จุมพิตอ่อนโยนเหมือนถูกแตะแต้มด้วยกลีบดอกไม้ จุมพิตที่บ่งบอกให้เขารู้ว่าตนเป็นที่รักมากขนาดไหนทำให้ดวงตาร้อนผ่าว รอจนแสงเหนือผละออกไป จินดนัยจึงค่อยนึกทบทวนและเอ่ยปากเล่าเรื่องราวในสมัยเด็กโดยหลีกเลี่ยงส่วนที่แสงเหนือน่าจะรู้เกี่ยวกับ ‘ต้น’ ไปให้หมด

แต่เมื่อตัดไปแล้ว วัยเด็กของเขาจึงเหลือแค่เรื่องราวสั้นๆ คร่าวๆ เช่นเขาชอบหรือไม่ชอบวิชาใด แม่เลี้ยงเขามายังไง เขาห่างเหินกับพ่อแค่ไหน ความคิดเกี่ยวกับเรื่องโน้นเรื่องนี้และความฝันในอนาคต ความฝันที่ไม่เคยบอกใครหรือเขียนลงในเรียงความหัวข้อโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร “...ผมเคยคิดอยากเป็นอะไรก็ได้ที่จะหาเงินได้เยอะๆ ผมจะซื้อบ้านสวยๆ มีสนามหญ้ากว้างๆ ให้แม่อยู่ จะจ้างคนรับใช้ให้แม่สักคน จะพาแม่ไปเที่ยว...ซื้อของสวยๆ ให้เท่าที่แม่อยากได้ ผมอยากทำทุกอย่างให้ท่านมีความสุข”

เล่าไป จมูกก็เริ่มฟุดฟิด เสียงเริ่มเครือแบบห้ามไม่ได้ และถึงจะรู้ว่าเรื่องของมารดาที่เล่าออกจะหลุดคอนเซ็ปท์ที่ปูไว้ตั้งแต่แรก ทว่าเขาก็อยากให้แสงเหนือรู้ความจริงในส่วนนี้เช่นกัน

“ท่านเป็นแม่ที่ดีนะ พี่ก็อยากเจอแม่ของจินบ้างจัง” มือใหญ่ที่ลูบแขนเขาเล่นมาตลอดเลื่อนไปลูบหลังเบาๆ “ไว้พี่จะพาเราไปหาท่านนะ แล้วเราค่อยพาท่านไปกินข้าว พาไปเที่ยว...ที่ไหนดีล่ะ จินว่าทะเลดีไหม หรือจะเป็นภูเขา น้ำตก แต่พี่ว่าทะเลดีกว่า พี่จะพาเราไปเที่ยวทะเล ชวนคุณแม่พี่ คุณแม่จิน ลุงโต...”

“ริชชี่ด้วย” แทรกพลางสูดจมูก หัวเราะสั่นๆ ยามแสงเหนือยอมเออออตาม “อืม ริชชี่ก็ไปด้วย”

“ชวนคุณอั้มอีกคนได้ไหม” เขาแค่คิดว่าไปเยอะๆ น่าจะสนุกกว่าเท่านั้น เพราะยังไงเสีย มันก็แค่ทริปในฝัน ...ฝันดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้เลยทีเดียว “พี่เหนือ ชวนคุณอั้มอีกคนได้เปล่า”

“...” ทำหน้าไม่อยากตอบ หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมรับคำหลังเขาสูดน้ำมูกฟุดฟิด ...ท่าจะกลัวเขาทำน้ำมูกหยดใส่มากกว่าจะกลัวเขาร้องไห้ล่ะมัง “อืม ถ้าเจ้าอั้มอยากไปล่ะก็...” คิ้วเข้มขมวดมุ่นแทบจะผูกเป็นโบยามเจ้าตัวเอ่ยไตร่ตรอง “แต่จินต้องสัญญากับพี่ก่อนว่าเวลาจะลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อแขนยาว ขากางเกงต้องยาวเกินเข่า จะอาบน้ำอาบท่าต้องปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดหรือต้องเป็นเวลาที่พี่อยู่ด้วยเท่านั้น แล้วก็...”

จินดนัยอึ้งไปหลายวินาทีก่อนหลุดเสียงหัวเราะก๊าก “มุขเจ๋ง ตลกเป็นบ้าเลยพี่เหนือ กลัวผมเซ็กซี่เกินห้ามใจจนคุณอั้มทนไม่ไหวกระโดดปล้ำผมต่อหน้าทุกคนหรือไง” ขำต่ออีกชุดใหญ่แล้วเขาต้องยกมือกุมท้อง “อะ โอ๊ย หัวเราะจนปวดท้องเลย”

“ไม่เห็นจะขำ” แสงเหนือตีหน้าเครียด พูดเสียงสะบัด “พี่หวงของพี่ก็แล้วกัน”

เขามองหน้าขาวๆ บูดบู้บี้อย่างเอ็นดู กระแอมไอให้คอโล่งก่อนกล่าว “บอกให้รู้ไว้เลยว่าผมไม่ได้หล่อเหลาเร้าใจหรือหน้าตาดีหรอกนะ แค่พอดูได้ อาจจะค่อนไปทาง...จืดๆ เรียบๆ เสียมากกว่า หน้าตาแบบผมเนี่ย รับรองว่าถ้าพี่เหนือมองเห็นคงแค่เดินผ่าน ไม่มีวันชายตาแลแน่” ครั้นเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่แน่ใจปนไม่เชื่อถือ นัยน์ตาคนพูดจึงหมองลงพลางหัวเราะแห้งๆ “รับประกันล้านเปอร์เซ็นต์เลย เอ้า”

นอนนิ่งๆ ยอมให้นิ้วมือใหญ่ลากสำรวจทั่วใบหน้า จนกระทั่งท้ายสุด แสงเหนือกลับซบหน้าลงกับอกตรงตำแหน่งหัวใจเขาซึ่งกำลังเต้นตุบ “งั้นพี่คงต้องขอบคุณสวรรค์สิที่ทำให้พี่ตาบอด ทำให้พี่ได้พบ ได้รักจินที่หัวใจ...ด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่รูปกายภายนอก”

สูดหายใจลึกพลางลูบเส้นผมหนาแต่นิ่มของชายหนุ่มเล่น ก่อนจะกอดไว้แนบหัวใจ...ด้วยหัวใจ ตอบคำถามที่เคยถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมเขาจะต้องนึกกลัวอนาคตอันโดดเดี่ยวด้วย ในเมื่ออย่างน้อยแค่ตอนนี้ เวลานี้ พวกเขายังมีกันและกัน แล้วเขาจะยังต้องการอะไรไปมากกว่านี้ได้อีก

++++++++++

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
ด้วยรักจากสวรรค์ 22 – เวลาที่เหลืออยู่   (ต่อ)


ไม่กี่วันต่อมาก็มีแขกมาเยือนพวกเขาถึงที่บ้าน คนที่พอมาถึงก็พาเอาเสียงหัวเราะและรอยยิ้มมาด้วยยามโผล่หน้ามาหาแสงเหนือที่กำลังนั่งฟังเขาอ่านหนังสืออยู่ในสวน “เป็นไงบ้างเหนือ สบายดีไหมจ๊ะ น้องจิน ไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน คิดถึ้ง~~ คิดถึง”

ไม่พูดเปล่า นิ้วเรียวหยิกแก้มเขาแล้วบีบอย่างมันเขี้ยวและยิ่งเมื่อเห็นเขาหน้าแดงกับการโดนปฏิบัติเป็นเด็กๆ แบบนี้ คุณวิกกี้ยิ่งหัวเราะร่วน “อุ๊ย หน้าแดงอย่างกับมะเขือเทศเลย ต๊าย น่ารัก...!”

เขาเบี่ยงหน้าหลบไม่ทันเมื่อคุณวิกกี้จรดปลายจมูกหอมแก้มเขาแรงๆ ดังฟอด ในขณะที่เขาซึ่งยังประหม่า เขินอายจนพูดไม่ออกนั้นเอง แสงเหนือก็ลุกขึ้นทั้งตัว ตะโกนลั่น “วิกกี้! อย่ามาทำตัวฝรั่งจ๋าแถวนี้นะ กล้าดียังไง...”

“อย่ามาทำตัวหวงก้างไปหน่อยเลย เหนือ แค่หอมแก้มนิดๆ หน่อยๆ ไม่สึกหรอหรอก” ว่าแล้วก็แกล้งหอมแก้มของคนนั่งหน้าตาแตกตื่นอีกครั้งดังๆ ทำเอาแสงเหนือเต้นผางทันที

“หยุดนะ ยัยบ้า!” ชายหนุ่มคว้าหาตัวเขาอย่างแตกตื่นจนเจอ และรีบลากเข้าไปซุกไว้กับอก “อย่ามาแต๊ะอั๋งของของคนอื่นมั่วซั่ว มาทางไหนรีบกลับไปทางนั้นเลย ไป๊!”

“พี่เหนือ ห้ามพูดจาไม่ดีกับคุณวิกกี้นะ” เขาเอ็ดทั้งที่ยังดิ้นขลุกขลักยักแย่ยักยันอยู่ในอ้อมกอดแข็งๆ ของร่างสูง “มีอย่างที่ไหนถึงไปไล่คู่หมั้นอย่างกับหมูกับหมา ไล่ผู้หญิงไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด!”

“แต่... แต่ว่า...” ภาพผู้ชายตัวโตเบ้อเริ่มกำลังอึกอักพูดไม่ถูกเพราะโดนคนตัวเล็กกว่าไม่ถึงครึ่งเอ็ดเสียงเขียวทำเอาหญิงสาวที่มองอยู่หัวเราะท้องคัดท้องแข็ง เป็นเหตุให้แสงเหนือเงยหน้าตวาดซ้ำ “หัวเราะบ้าอะไร ยัยผู้หญิงหยาบกระด้าง...”

“พี่เหนือ!” สองคำสั้นๆ เล่นเอาเจ้าของชื่อเงียบลงทันควัน หน้าขาวงอบูดบึ้งแต่ท้ายที่สุดยังไม่วายแก้ตัวร้อนรน “พี่ไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อนนะครับ”

“กลับมาครั้งนี้คุ้มค่าจริงๆ” คุณวิกกี้ทรุดตัวลงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ที่แสงเหนือลุกไป “ได้เห็นกรรมตามสนองผู้ชายเจ้าชู้ที่เคยแต่ทิ้งขว้างผู้หญิงเป็นผักปลาโดนครอบเสียอยู่หมัด เฮ้อ แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าโดนขอดเกล็ดเสียเกลี้ยงเกลา...”

“หยุด...!” คล้ายกับจะมีสัญชาตญาณเตือนภัย เพราะแค่จินดนัยย่อเข่าเตรียมเทคตัวขึ้นโหม่ง กะสอยปลายคางโป้งเดียวแบบถ้าไม่ตื่นก็ร่วงกันไปข้าง แสงเหนือกลับชะงักคำพูดที่เหลือและกัดฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มใจเหลือหลาย “หยุดหาเรื่องฉันเสียที”

คราวนี้ หญิงสาวหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนจะยอมหยุดแหย่แสงเหนือและเริ่มพูดคุยไต่ถามอาการทั่วๆ ไปแทน ระหว่างนั้น จินดนัยซึ่งนั่งมองทั้งสองอยู่ก็รู้ได้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าแสงเหนือจะต้องแต่งงานกับใครสักคน คนที่จะทำให้ชายหนุ่มมีความสุขได้ไม่แพ้เขา คนที่จะสามารถสร้างครอบครัวอันอบอุ่นและอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่าได้ ใครคนนั้นก็ต้องเป็นคุณวิกกี้นี่ล่ะ

ใจหนึ่ง เขาเจ็บกับความคิดดังกล่าว กับความคิดที่ว่าจะมีคนมาแทนที่เขาอย่างง่ายดายหลังจากนี้ หากอีกใจหนึ่งกลับรู้สึกหายห่วงแบบแปลกๆ โชคดีที่ในเวลานี้ทั้งสองยังไม่แม้แต่จะเป็นคู่หมั้นกัน ไม่เช่นนั้นเขาคงวางตัวไม่ถูก

“จินสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า นี่ล่ะน้า เหนือเล่นเอาแต่ใจตัวเองจนน้องจินเหนื่อยแบบนี้ ดูแลเด็กเกเรก็ต้องทำใจหน่อยล่ะนะ” คุณวิกกี้ทักพร้อมเหน็บคู่สนทนา หากแสงเหนือไม่แม้แต่จะต่อล้อต่อเถียงกลับ นอกจากขมวดคิ้วมุ่น

“จินเหนื่อยเหรอ ร้อนหรือเปล่ามานั่งข้างนอกนี่”ทำหน้าไม่สบายใจแล้วแบมือใหญ่ออก “มาหาพี่มา ขอดูหน่อยซิว่าตัวร้อนหรือเปล่า”

ฝ่ามือหยาบที่แตะเบาๆ ลงตรงหน้าผากและซอกคอสร้างความตื้นตันจนเขาอยากร้องไห้ แต่ขณะเดียวกันก็อดฝืนตัวไม่ให้อีกฝ่ายแสดงอาการสนิทสนมเกินเลยไปมากกว่านี้เมื่อยังอยู่ต่อหน้าว่าที่คู่หมั้นคนสวย “ผมไม่เป็นไร อย่า...เดี๋ยวคุณวิกกี้...”

หลุดปากไปแล้วก็ต้องกลั้นหายใจเพราะแสงเหนือตีหน้าเคร่งทันควัน “เดี๋ยวยัยวิกกี้จะทำไม... ทำไมอยู่ต่อหน้าวิกกี้แล้วพี่จะแตะตัวเราไม่ได้หรือไง”

“เปล่า” ปฏิเสธค่อยๆ หากสีหน้าซึ่งยังขึงตึงของชายหนุ่มทำให้เขาเผลอพูดต่อคำที่ไม่น่าพูด “แต่...”

“จริงสิ พี่จำได้แล้วว่าแต่ก่อนจินก็เคยพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้” แสงเหนือพูดช้าๆ อย่างคนเพิ่งนึกออก และตั้งท่าจะทำให้เรื่องที่ว่าจบลง “วิกกี้”

“อย่านะ!” จินดนัยร้องห้ามตระหนก นึกกลัวว่าถ้าแสงเหนือตัดความสัมพันธ์เคลียร์เรื่องคู่หมั้นจบไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วหลังจากที่เขาไปแล้ว คนทั้งคู่จะเป็นยังไง “ไม่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้อยาก...”

“วิกกี้ เธอจะแต่งงานกับฉันไหม” นอกจากจะไม่สนใจคำร้องห้ามของเขา ชายหนุ่มยังเอ่ยถามหน้าตายโดยไม่ได้รับรู้เลยว่าประโยคสั้นๆ นั้นทำเขาชาหน่วงไปทั้งตัว จินดนัยอ้าปากค้าง เงยหน้าเบิ่งตามองร่างสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ


หากก่อนที่น้ำตาจะทันได้หลั่งไหลเป็นทำนบแตก เสียงแหลมสูงปรี๊ดกลับดังมาจากหญิงสาวที่เพิ่งถูกขอแต่งงานแทน “พูดบ้าอะไรน่ะ! ฉันคิดว่าเราเคยพูดเรื่องนี้และเข้าใจตรงกันแล้วเสียอีก หยุดเลยนะ เหนือ หยุดไอ้ความคิดเฮงซวยในหัวเดี๋ยวนี้ เหนือก็รู้ว่าฉันรักใคร และฉันก็รู้ด้วยว่าตอนนี้เหนือมีคนสำคัญอยู่แล้ว ดังนั้น หยุดพูดเรื่องบ้าบอคอแตกพรรค์นั้นไปได้เลย” คุณวิกกี้ลุกเดินกระฟัดกระเฟียด ตั้งท่าจะหมุนตัวจากไป แต่กลับหยุดกึก กล่าวทิ้งท้ายอาฆาต “ถ้านายกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเขา ฉัน-เอา-นาย-ตาย-แน่ จำไว้”

คุณวิกกี้จากไปแล้ว ทิ้งความเงียบให้อยู่กับคนสองคน คนหนึ่งทำหน้าสับสนงงและเอ๋อ ขณะที่อีกคนยิ้มกริ่ม ก่อนที่คนหลังจะลากคนแรกที่ยังยืนค้างลงนั่งบนตัก “เห็นหรือยังครับ อย่าว่าแต่แต่งงานเลย แค่หมั้นยังไม่มีโอกาส คนที่เห็นชอบกับเรื่องนี้ก็มีแต่พวกผู้ใหญ่เท่านั้น เต่สำหรับพี่กับวิกกี้ เราเคยลงนั่งจับเข่าคุยตั้งนานแล้วและได้ข้อสรุปตรงกันว่าขืนหมั้นจริง คงฆ่ากันตายก่อนแต่งแน่ ที่สำคัญ วิกกี้มีคนที่รักอยู่แล้ว เหมือนๆ กับที่พี่ก็มีคนรักที่น่ารักมากๆ อยู่แล้วทั้งคน น่ารักแบบนี้ขืนยอมปล่อยไปก็โง่เต็มทน”

จินดนัยยกมือยันหน้าขาวๆ ที่ตั้งท่าจะก้มลงใกล้เอาไว้ทันเฉียดฉิว “นี่มัน... ผม... พี่เหนือ... แล้วคุณวิกกี้รักใครกันล่ะ”

“จินก็รู้จัก” แสงเหนือกดจูบลงบนฝ่ามือที่ยกกันท่าไว้

“ผมรู้จักเหรอ” นึกไล่ย้อนหาคนรู้จัก อย่าว่าโง้นงี้เลย แต่สังคมของร่างใหม่เขานี่คับแคบเหลือประมาณ ผู้คน ที่เข้าข่ายพอจะกระชากหัวใจสาวสวยนักเรียนนอกได้ก็พอจะมีแต่... “คุณวิกกี้รักคุณอั้มงั้นเหรอ”

ต่อให้ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ผิดแน่ ยิ่งหลังจากที่พูดออกมาแล้ว ดูเหมือนอะไรๆ มันจะเข้าที่เข้าทางยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำ จินดนัยหวนคิดถึงท่าทีพิเศษที่คนทั้งคู่อาจเผลอแสดงออกต่อกัน แต่เท่าที่นึกดู มันไม่มีวี่แววสักนิด “แต่ดูเหมือนคุณอั้มจะไม่...เอ่อ สนใจคุณวิกกี้มากไปกว่าคนรู้จักธรรมดาๆ เลยนี่ ตาถั่วชะมัดยาด มัวแต่ไปไล่จีบเขาดะ ทีผู้หญิงดีๆ แบบคุณวิกกี้ คุณอั้มดันไม่สนใจ ทำตัวใกล้เกลือกินด่างแบบนี้ ไม่ได้ละ ไว้เจอหน้าต้องสั่งสอนเสียหน่อย”

“แล้วจินอยากรู้ไหมว่าทำไมเจ้าอั้มถึงไม่สนใจยัยวิกกี้” เสียงนุ่มๆ ติดจะขำๆ ทำเขาตาโตเท่าไข่ห่าน อยากรู้จนตัวสั่น “อื้อ อยากรู้ ทำไมล่ะ ทำไม บอกหน่อยๆ”

“ถ้าอยากรู้ คืนนี้ต้อง...” คนหน้าขาวเอนตัวมากระซิบเสียงแหบพร่า หลังฟังประโยคสั้นๆ นั้นจบ ดีกรีความอยากรู้ก็ลดฮวบฮาบ เหลือแค่รู้ไว้ใช่ว่าเท่านั้น

“ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” โวยวายพาโว ดิ้นจะลุกแต่กลับโดนยึดไว้แน่นพร้อมกับที่เจ้าของประโยคลามกเมื่อครู่ยื่นหน้ามากระซิบริมหู “อย่ามาเฉไฉกับพี่เลย นี่คงนึกว่าพี่ทำอะไรไม่รับผิดชอบมานานน่าดูแล้วสิท่า มิน่าล่ะ ตลอดมาจินถึงคอยเลี่ยงพี่อยู่ตลอด พี่จะไม่โทษเราหรอกเพราะพี่เองก็ผิดที่ไม่อธิบายให้ฟังตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้เข้าใจพี่แล้วใช่ไหม”

“อืม” ตอบพลางก้มลงดึงทึ้งแอบเลาะด้ายตรงชายเสื้อของอีกฝ่ายไปพลาง

“แล้วพอตกกลางคืนจะบอกกับพี่ว่าปวดหัว ปวดท้องอีกไหม” คำตอบที่ได้รับเบาเสียยิ่งกว่าเบา หากสำหรับคนที่จดจ่อรอฟังอยู่อย่างแสงเหนือ มันดังมากเกินพอ “พี่รักจินมากนะครับ จำไว้”

แน่นอนว่าเขาจะจำ ต่อให้แสงเหนือลืม แต่ความทรงจำแห่งรักนี้จะยังมีชีวิตอยู่ในตัวเขาตลอดไป

.................

.................

“แน่ใจนะ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ริมเตียงเอ่ยถามคำถามเดิม “พี่ไม่อยากบังคับจิน แค่ได้กอดเรา พี่ก็ดีใจมากแล้ว ไม่ต้องทำแบบนั้นก็...”

“อื้อ บอกว่าแน่ก็แน่สิ เลิกถามซ้ำๆ ได้แล้วน่า” ตัดบทด้วยความหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ กับอีแค่เขาอยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุขบ้าง จะว่าเพื่อเป็นการชดเชยที่บ่ายเบี่ยงมาตลอดก็คงไม่ผิดนัก “เงียบๆ ได้ไหม ผมเสียสมาธิหมด”

เสียงหัวเราะหึๆ ดังแผ่วๆ ก่อนที่จะค่อยเงียบลงกลายเป็นเสียงสูดหายใจลึกยามจินดนัยคุกเข่าลงตรงหน้าและวางมือลงบนท่อนขาแกร่ง ก่อนจะลูบเข้าไปใต้ชายเสื้อคลุมอย่างช้าๆ คล้ายกับเด็กที่ไม่แน่ใจแต่ก็อยากรู้อยากเห็นในเวลาเดียวกัน “แบบนี้ดีไหมครับ”

“ก็ดี” เสียงคนตอบกระตุกเพราะสัมผัสถึงเรียวปากอ่อนนุ่มแตะลงบนแผ่นอกตรงรอยแยกของสาบเสื้อคลุม ปลายลิ้นไล่แตะลงบนผิวกายตึงแน่นและขบด้วยแนวฟัน ขณะมือเริ่มไต่ระดับสูงขึ้นจนแตะโดนส่วนที่เริ่มตื่นตัว ความเย็นจากปลายนิ้วสร้างความแตกต่างจากส่วนร้อนผ่าวซึ่งกำลังร้อนรนขึ้นทุกขณะ

“ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะ” คนถามถามอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ยิ่งยามจับจ้องหน้าขาวเคร่งเครียดขมวดคิ้วมุ่น ยิ่งเพิ่มความกล้าให้เขากอบกุมไว้เต็มกำมือ “อืม ...ก็ดี”

บริการถึงขนาดนี้ดันตอบแค่ก็ดีเนี่ยนะ... คนนั่งคุกเข่าจึงชะโงกตัวขึ้นประกบริมฝีปากเข้ากับอีกฝ่าย ซึ่งได้รับการตอบสนองและร่วมมือเต็มที่ ปลายลิ้นของพวกเขาเกาะเกี่ยว ตักตวงรสชาติของกันและกัน ...ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป แผนมอบความสุขของเขาต้องล่มครืนปากอ่าวแน่ จินดนัยจึงตัดใจและรู้สึกเหมือนใกล้จะขาดใจยามผงะออก หากอุ้งมือใหญ่กลับคว้าเอวเขาไว้ก่อนกระชากกลับไป ปากร้อนผ่าวทาบประกบปากเขาอย่างหิวกระหายขณะมือหยาบเลื่อนลงเคล้นคลึงสะโพกแล้วดันเข้าหาตัว

“ดะ เดี๋ยว” เขาเอ่ยละล่ำละลัก พยายามเบือนหน้าหนีหากกลับเปิดทางให้ชายหนุ่มฝังใบหน้าลงไซ้กับผิวตรงซอกคอซึ่งไวต่อสัมผัสแทนจนเข่าอ่อนทรุดฮวบ ขืนตัวไว้ยามแสงเหนือคว้าต้นแขนเขาตั้งท่าจะดึงขึ้นไปใหม่ เพราะตอนนี้เขากำลังสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสนใจ ทั้งอยากจะสัมผัสจนแทบทนไม่ไหว

ร่างสูงกระตุกเยือกยามเขาก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับส่วนตื่นตัวเต็มที่ และถึงกับครางลึกเมื่อโพรงปากร้อนดูดกลืนความปรารถนาไว้โดยไม่นึกรังเกียจ

แม้จะอึดอัดคับปาก หากสีหน้าสุขสมของอีกฝ่ายเหมือนก็เป็นเหมือนยากระตุ้นชั้นดีให้เขาเดินหน้าต่อ พยายามเลียนแบบสิ่งที่ตนเคยถูกกระทำสุดความสามารถ แม้แต่ในยามที่ชายหนุ่มเป็นฝ่ายขยับเอวเข้าหา เขาก็ยังพยายามจะตอบสนองเท่าที่ทำได้

“จิน...” แสงเหนือเรียกและเชยคางเขาขึ้น จินดนัยอ้าปากรับนิ้วที่สอดเข้ามาในปากอย่างว่าง่าย ไล้เลียนิ้วเหล่านั้นจนเปียกชุ่มรวมถึงไม่ขัดขืนยามโดนกดศีรษะลงไปอีกรอบ หากขณะที่ยังมัวแต่ตอบรับการขยับเข้าออกของแก่นกายแข็งเกร็ง เขาก็ต้องร้องอู้อี้ยามปลายนิ้วเมื่อครู่สอดลึกเข้าทางด้านหลัง

ความเจ็บแปลบทำให้เผลอจิกปลายเล็บลงบนต้นขาแกร่ง ซึ่งเจ้าตัวดูเหมือนจะรับรู้ความทรมานของเขาจึงถอนกายออกและอุ้มเขาลงนอนบนเตียงแทน จุมพิตดูดดื่มเฝ้าปรนเปรอจนแทบลืมความเจ็บแสบอึดอัดเบื้องล่าง เนิ่นนานจนเกือบขาดใจกว่าที่ชายหนุ่มจะขยับนั่งและลากตัวเขาเข้าหาพร้อมกับแทรกกายเข้ามาเชื่องช้า

หยดน้ำตาไหลซึมจากปลายหางตาก่อนจะถูกซับหายไปด้วยจุมพิตประปราย จินดนัยไม่แน่ใจว่าที่กำลังเจ็บปวดอยู่ในขณะนี้คือร่างกายหรือหัวใจ ร่างกายเขากรีดร้องต้องการความแนบชิด หากหัวใจกำลังเต้นระรัวบ้าคลั่งจนแทบระเบิดหรือเป็นร่างกายที่ทนทรมานจากการถูกล่วงล้ำ ขณะหัวใจกลับตอบรับยินดี ทว่าไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ทางสายนี้ก็ไม่มีโอกาสให้ถอยหลัง เมื่อสิ่งที่บุกรุกเข้ามาเบื้องล่างกำลังขยับเข้าออก แรกเริ่มอย่างเนิบนาบก่อนจะเร่งเร้ารุนแรงขึ้นตามจังหวะอารมณ์และขีดสุดของความอดกลั้น

หยาดเหงื่อเย็นบนผิวกายร้อนแทบลุกเป็นไฟ เขากัดฟันสั่นกึกกักเมื่อการรุกรานถี่ยิบส่งเขาสู่ขีดสุด ใบหน้าแดงก่ำส่ายไปมาบนหมอนส่งร้องเสียงแหบพร่า หยาดน้ำขุ่นกระเด็นเปรอะเปื้อนบนหน้าท้องขณะร่างสูงกดแก่นกายกระแทกซ้ำๆ โดยมิได้ถอนออก ก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงกระแสอุ่นร้อนฉีดเข้าสู่ภายใน แค่ภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่แหงนเงยสะบัด เสียงทุ้มต่ำคำรามลึกในคอและผิวกายมันวาวเกร็งแน่นจนสั่นไปทั้งตัวก็แทบจะส่งเขาสู่สวรรค์ได้อีกรอบอย่างง่ายดาย

“รู้สึกดีไหม” จินดนัยยังเบลอจนไม่เข้าใจความหมายของเสียงกระซิบตรงข้างหู จึงได้แต่ถามงงๆ ออกไป “ไรนะ...”

“พี่ถามว่าจินรู้สึกดีไหม” คนถามยิ้มเอื่อย กัดริมฝีปากล่างเขาเบาๆ คล้ายมันเขี้ยว “ถ้าไม่ตอบ พี่จะถือว่าไม่ผ่าน ต้องทำใหม่อีกรอบ ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจินจะพอใจ”

“ฮื้อ ดีแล้ว ดีพอแล้ว” รีบตอบแต่แสงเหนือกลับทำหูทวนลม ก้มหน้าลงกัดเนื้ออ่อนตรงซอกคอแรงๆ และหัวเราะกระหึ่มยามรู้สึกว่าเขาสะดุ้งโหยง “แต่พี่ว่ายังไม่ดี ที่สำคัญคือยังไม่พอ ฉะนั้นจินไม่ต้องตอบก็ได้”

“ไม่ให้ตอบแล้วจะถามทำบ้าอะไร” เอ็ดอึงหัวเสียด้วยจังหวะหัวใจซึ่งยังไม่ทันจะเข้าที่ ก็ต้องเต้นแรงอีกรอบยามฝ่ามือสากเริ่มลูบโลมไปทั่วอย่างซุกซน เขาถลึงตามองไอ้คุณชายที่ดูจะสนุกสนานกับการปรามอาการขัดขืนของเขาไว้ด้วยการทาบทับร่างกายที่ใหญ่โตกว่าไว้แบบบังกันมิด และยิ่งโมโหหนักเมื่อแสงเหนือยักไหล่แบบช่วยไม่ได้ ตอบพลางเหยียดยิ้มเอื่อยยียวนกวนส้นตามสไตล์ “ก็ถามไปงั้นๆ”

แม่ม กวนตีน ผู้ชายบ้าอะไรจะตัดอารมณ์โรแมนติกได้ไวแบบไม่เหลือซาก กินอะไรเข้าไปบ้างถึงตัดเส้นตบะชาวบ้านได้รวดเร็วแบบนี้ จินดนัยถามอย่างใจคิดแล้วต้องอยากระเบิดตัวเองทิ้ง เพราะคำตอบที่ได้รับหลังแสงเหนือครุ่นคิดสักพักและตอบหน้าตาเฉยคือ “ก็ผู้ชายแบบที่กินเมียจ๋าเข้าไปไง แต่สงสัยคงยังกินไม่พอล่ะมั้ง คงต้องขอหม่ำอีกรอบจริงๆ ด้วย”

แสงเหนือคงคิดว่าเขาเป็นบุฟเฟ่ต์ ตักได้ไม่อั้นแต่ขี้โกงกว่าเพราะไม่ยอมจำกัดเวลา ผลลัพธ์จึงกลายเป็นกว่าค่ำคืนนั้นจะสิ้นสุด เขาก็จำไม่ได้ว่าสรุปตนโดนหม่ำไปกี่รอบ หากจะให้กะจากเวลาคร่าวๆ ชนิดแทบจะเห็นขอบฟ้าตะวันใหม่แบบเลือนๆ คงต้องบอกว่าเขาโดนสูบจนหมดตัว มากกว่าจะโดนหม่ำเสียด้วยซ้ำ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 :m23:  อาทิตย์ที่ผ่านมางานยุ่งคร้าบ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อยากกินบุฟเฟท์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อิอิ

three

  • บุคคลทั่วไป
บุฟเฟท์ท่าทางอร่อยไปกินบุฟเฟท์หหมูกระทะก่อนนะฮะ :oni2:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป
:laugh: มาแล้วมาแล้ว

เหอ เหอ อยากกินบุฟเฟท์ :m25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2008 16:55:22 โดย ไต๋ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด