~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~ ด้วยรักจากสวรรค์ ~ by DD  (อ่าน 320242 ครั้ง)

ออฟไลน์ Daow

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แอบมาเซฟไปก่อน เดี๋ยวมาดิท อิอิอิ :m23:

--------------------

มาดิทเพิ่ม

จะบอกว่า อ่านไปแล้วร้องไห้อ่ะค่ะ สงสารแสงเหนือมากๆ เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2008 17:22:44 โดย Daow »

mhewkowron

  • บุคคลทั่วไป
อา จะเศร้าเกินไปแล้ว  :o12:

strmint

  • บุคคลทั่วไป
 :sad2: อ่านแล้วอดสะเทือนอารมณ์ไปด้วย ขอเคารพในฝีมือคุณDD o13

tansecret

  • บุคคลทั่วไป
จินจะตายมั้ย  กลัววววว

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แสงเหนือแอบชอบจินมาตั้งแต่เด็กจิงๆด้วยยยยยยยยยยยยยยยย

โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตอนต่อไปจะเป็นไงละเนี่ย

sarin

  • บุคคลทั่วไป
 o7..เฮ้อ..อ่านแล้ว....ปวดจัยแทนจินอ่ะค้าบ...
ม่ายรุ...จินจะเลือกทางไหน... o2
 :bye2: :bye2:

Taurus

  • บุคคลทั่วไป
 :oni2: :oni2: :oni2: ติดตามต่อไปคร้าบบบบบบบ

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
อยากให้เรื่องนี้แฮปปี้จัง

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
 :angellaugh2:อยากอ่านๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ขำจินอ่ะ

ตอนแสงเหนือเล่าเรื่องสมัยเด็ก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayoy

  • บุคคลทั่วไป
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 12 - เมืองเอก ~

เพราะมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดเรื่องไร้สาระอยู่หลายวัน ทำให้เขาลืมดับเรื่องที่เมืองเอกเคยขอให้เขาไปเกริ่นเลียบๆ เคียงๆ เรื่องคุณชัชให้แสงเหนือฟังเสียสนิท ดังนั้นพอได้เจอหน้ากันอีกครั้ง เขาจึงทำหน้างงตอบเมื่อโดนกระซิบกระซาบถามซุ้มเสียงลึกลับ “สรุปเจ้าเหนือว่ายังไงบ้าง”

“ว่ายังไง...เรื่องอะไร” คาดว่าสีหน้าคงว่างเปล่ากลวงโบ๋ เมืองเอกจึงจ้องหน้าเขาซ้ำสองรอบสามรอบก่อนทำท่าเซ็งสุดขีด “ลืมสนิทเลยสิท่า โธ่ถัง ยังเด็กยังเล็กทำไมขี้ลืมแบบนี้ว้า”

“ผมลืมอะไร ทำยึกยักท่ามากอมพะนำอยู่ได้ คิดว่าเท่นักหรือไง” ตั้งท่าจะเดินหนีด้วยความหงุดหงิด แต่โดนคว้าต้นคอไว้หมับแล้วลากกลับไปโดยที่เจ้าคนลากไม่สนใจท่าดิ้นกระแด่วๆ ของเขาเลยสักนิด
“หยุดดิ้นก่อนเซ่ เดี๋ยวใครเห็นเข้าจะคิดว่าฉันลากเธอไปทำมิดีมิร้าย เสียชื่อฉันหมด” โดนลากมาหลบมุมมืดเสียลึกลับแบบนี้มีใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว หากก่อนจะทันตั้งท่าสู้ตาย เมืองเอกก็เอ่ยว่า “เรื่องคุณชัชไง ไหนตอนนั้นทำตัวเป็นโต้โผใหญ่ ทำไมตอนนี้ดันลืมเสียเอง”

“อะ เปล่า ไม่ได้ลืมแต่...” จินดนัยคิดหาคำแก้ตัวเร็วจี๋แต่นึกไม่ออก ขอมันดื้อๆ เลยละกัน “แต่ตอนนี้ฤกษ์ไม่เหมาะ พี่...เอ๊ย คุณเหนืออารมณ์ไม่ดี ขืนพูดไป ผมมีสิทธิ์หัวแตกก่อนคุณอั้มได้”

“จะจับคอร์รัปชั่นนี่เขาต้องรอฤกษ์ด้วยเหรอ” สีหน้าแววตาดูถูกคำโกหกหน้าด้านๆ แถแบบสีข้างถลอกจนเห็นกระดูกทำให้จินดนัยรีบโวย “หลังจากผมคิดแล้วผมว่าที่คุณอั้มพูดก็มีเหตุผล เราน่าจะหาหลักฐานให้ได้ก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นพยานวัตถุสักอย่าง อะไรที่แสดงให้เห็นว่าคุณชัชเขาอะจึ๊กๆ เงินในบัญชี...”

เสียงหัวเราะพรืดของเมืองเอกขัดคอเขาที่กำลังตีหน้าเคร่งให้กลายเป็นสับสนแทน “ขำไรอ่ะ คุณอั้ม”

“เอ้อ ไม่มีอะไร” ขำน้ำตาเล็ดแล้วยังว่าไม่มีอะไร จินดนัยเริ่มฉุนจึงตั้งท่าหาเรื่องทันควัน “มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะคุณอั้ม แทนที่จะช่วยกันคิดหาทาง ดันมาหัวเราะบ้าอะไรก็ไม่รู้ นี่คุณคิดจะเอาจริงบ้างหรือเปล่าเนี่ย ผมล่ะข้องใจจริงๆ ว่าแล้วว่าคุณนี่ล่ะที่เรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะปล่อยให้เขาโกงอยู่ได้ตั้งนาน แต่ไม่คิดจะทำอะไรสักกะอย่าง ต้องรอให้ผม... เว้ย!!”

คำสุดท้ายนั่นหลุดร้องลั่นออกมาเพราะตกใจที่จู่ๆ เมืองเอกก็ตบฝ่ามือเท่าใบลานทั้งสองข้างดังป้าบเข้าให้ตรงหน้า ยกมือเช็คหัวใจเต้นตุ้บตั้บที่เมื่อครู่เกือบหลุดออกมาทางปากว่ามันยังอยู่ดีแล้วเขาค่อยตะโกนลั่น ตาเหลือก “คุณอั้มทำอะไร!! ตกใจหมดเลย”

“ตบแมงโม้” ฟังคำพูดจากคนหน้ากวนๆ จบ เขาก็หุบปากฉับ หรี่ตาจ้องอีกฝ่ายอย่างแค้นๆ “จะจ้องไปหาอะไร รู้แล้วน่าว่าคนมันหล่อ ขืนจ้องมากๆ ฉันคิดตังค์นะ”

ป้าด เหมือนกันจริงๆ ทั้งญาติผู้พี่และศิษย์ผู้น้องต่างเป็นโรคหลงเงาขั้นรุนแรงด้วยกันทั้งคู่ “สรุปว่าคุณอั้มช่วยไปหาหลักฐานให้ผมสักชิ้นสองชิ้นก่อนก็แล้วกัน จะเป็นบัญชียักยอกหรือเทปลับอะไรก็ได้แล้วเราค่อยกลับมาวางแผนดักจับคนร้ายทีหลัง”

“ดูหนังมากไปหรือเปล่า ฮะ ไอ้หนู ฉันจะไปหาเทปล้งเทปลับจากไหน แล้วไอ้บัญชียักยอก นายชัชเขาคงเก็บไว้ที่นี่รอประจานตัวเองหรอกนะ” เมืองเอกสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกง ยืนมองเหม่อข้ามหัวเขาไป “หลักฐาน... หลักฐาน... ถ้าเป็นคนสมรู้ร่วมคิดล่ะ”

“จริงสิ ผมเห็นคุณชัชเขาคุยเรื่องนี้กับคุณน้องๆ ที่ไหนก็ไม่รู้ เขาเรียกกันคุณพี่คุณน้อง แต่ผมว่าไม่น่าใช่พี่น้องจริงหรอก” นึกย้อนถึงหญิงสาวเสียงแหลมอีกคนที่ร่วมในเหตุการณ์วันนั้นแล้วพยายามอธิบายรูปร่างลักษณะตามที่แอบเห็นแว้บๆ “ตัวอวบๆ ผิวสองสี ผมเห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่เห็นทำผมทรงหมวกกันน็อค...”

เมืองเอกหันมามองหน้าเขาแล้วถามย้ำ “ทรงหมวกกันน็อค เสียงแหลมๆ เธอแน่ใจนะ” ครั้นเขาพยักหน้าแรงๆ ตอบ คนที่ทำหน้ากลุ้มถึงเมื่อครู่จึงเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ วางมือลงบนหัวเขาก่อนจะหลบทัน “ฉันมีแผนแล้ว”

++++++++++

เมืองเอกต้องประสาทกลับตามแสงเหนือไปแล้วเป็นแน่ ข้อนี้เขาไม่สงสัย แต่ที่ยังข้องใจอยู่อีกอย่างคือเขาเริ่มบ้าตามพวกนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงเผลอตกปากรับคำ ยอมทำตามแผนงี่เง่าของหมอนั่นจนได้ “มันจะเวิร์คเหรอ ผมว่าแผนมันดูหลวมๆ ไงไม่รู้”

“จะหลวมได้ไง แน่นหนารัดกุมขนาดนี้ เค้นจากรอยหยักในสมองชั้นนี้แล้วรับรองไม่พลาด” เมืองเอกชี้หัวตัวเองให้ดูพลางทำหน้ามั่นใจเหลือเกิน ผิดกับเขาที่เผลอเบ้หน้าออกไป “เอาน่า อย่าทำเรื่องมาก นายเล่นละครให้ดีๆ ก็แล้วกัน รอรับจังหวะตอนฉันให้สัญญาณแล้วรับรองได้ว่าแผนหญิงงามล่มเมืองของฉันต้องสำเร็จแน่ ชัวร์! ล้านเปอร์เซ็นต์”

หญิงงามล่มเมืองเนี่ยนะ เขาว่าน่าจะเป็นชายทรามถล่มเมืองมากกว่า “เฮ้ย มานั่นแล้ว เริ่มๆ เลย แกะกระดุมเร็ว ...”

.................

.................

หญิงร่างอวบอัดจนเกือบอ้วนยกมือขึ้นจัดผมทรงบ๊อบที่เพิ่งไปตัดมาเมื่อเดือนก่อน ระหว่างแอบส่องดูเงาตัวเองซึ่งช่างผมชมว่าหน้าเธอเด็กลงราวกับสาววัยรุ่นในกระจกหน้าต่างก็ต้องสะดุ้งยกมือทาบอกเมื่อได้ยินเสียงโครมครามจากหนึ่งในห้องจัดเลี้ยงขนาดเล็กซึ่งปิดซ่อมแซมอยู่ ขณะที่ยังทำอะไรไม่ถูกนั้นเอง เสียงฝ่ามือดังเพี๊ยะก็ดังตามติดจนอดใจไม่ไหว ต้องวิ่งไปแอบส่องตรงบานประตูที่แง้มไว้

“อย่าปริปากบอกใครล่ะ! อยู่เงียบๆ ทำตัวดีๆ แล้วฉันจะเลี้ยงนายไว้ดูเล่นสักคน จำไว้นะว่าฉันเอาแกตายแน่ถ้าแกกล้าคาบข่าวไปบอกไอ้เจ้านายตาบอดอวดดีนั่น” คนพูดกระตุกผมเด็กหนุ่มเต็มกำมือแล้วก้มลงพูดชิดใบหน้า “แค่ไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกคิดจะมาแบล็คเมล์ฉันงั้นเหรอ หึ วอนหาที่ตายไม่รู้ตัว ไสหัวไป!”

หญิงสาววิ่งถอยหลังหลบเข้าหลังประตูแทบไม่ทันเมื่อเด็กชายที่หล่อนจำได้ว่าเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของแสงเหนือวิ่งกระเซาะกระเซิงออกมาในสภาพเผ้าผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย สภาพน่าสงสัยจนเธอต้องยกมือทาบอก เตรียมย่องหนี หากชายหนุ่มอีกคนในห้องกลับเดินเร็วๆ ตามออกมาปัดเสื้อเสยผมให้เข้าที่ก่อนจะหันมาเห็นเธอยืนตัวแข็งทื่อ “คุณขวัญใจ...!”

“คะ คุณเมืองเอก... อะ อะ สบายดีไหมคะ” ทักไป เธอก็เหลือกตามองอีกฝ่ายไปและยิ่งได้เห็นแววตาคล้ายกำลังคิดเรื่องร้ายๆ อย่างที่แอบฝังศพแล้วต้องรีบร้องละล่ำละลัก “ดิฉันไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเลยด้วย แค่บังเอิญเห็นเด็กผู้ชายนั่นวิ่งออกไปเลยแวะมาดู ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ดิฉันขอตัว...”

เธอเกือบจะกรีดร้องยามโดนลากต้นแขนเข้าไปในห้อง ปากคอสั่นพั่บเตรียมกรีดร้องเต็มที่หากจะไม่มีเสียงทุ้มลึกกระซิบที่ข้างหูจนขนลุก “ไม่ต้องกลัวผมหรอกครับ กับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณขวัญใจ ผมเหรอจะกล้า”

ตาที่หลับปี๋ลืมพรึ่บทันควัน ใบหน้าหล่อเหลาในระยะใกล้ชิดทำให้หัวใจเธอเต้นเร็วแรงและยิ่งยามมองดวงตาหรี่ปรือกับริมฝีปากได้รูปคู่นั้นยิ้มเอื่อย แข้งขาก็เริ่มอ่อนเปลี้ยจนแทบยืนไม่อยู่ “จะว่าเป็นโชคของผมได้ไหมครับที่ในที่สุดเราก็ได้คุยกันเป็นการส่วนตัวแบบนี้”

ชายหนุ่มไล้นิ้วลงกับแก้มก่อนลากลงไปที่ลำคอและหยุดตรงเส้นชีพจรที่เต้นตุบๆ “รู้ไหมว่าผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้มานานแค่ไหน ติดตรงที่ได้ยินข่าวลือแย่ๆ ของคุณกับคุณชัช... แต่ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะ คิดดูสิ ผู้หญิงสวยมีเสน่ห์อย่างคุณกับผู้ชายอ้วนลงพุง วันๆ ดีแต่ก้มหัวปะหลกๆ ให้คนอื่นแบบคุณชัช ถ้าจะให้พูด ก็เหมือนพระจันทร์กับหมาวัดล่ะครับ”

เข่าที่อ่อนยวบทำท่าจะทรุดลงหากท่อนแขนแข็งแรงกลับโอบรัดเธอไว้ได้ทัน แนบชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมจางกับกลิ่นกายบุรุษเพศซึ่งต่างกับกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมฉุนจัดของชายอีกคนที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยอย่างสิ้นเชิง “คุณเมืองเอกคะ มันไม่ดีนะคะ นี่มันที่ทำงาน...”

“นั่นสิ คุณทำเอาผมลืมตัวไปเลย แต่แสดงว่าถ้าไม่ใช่ที่ทำงาน คุณคงไม่ปฏิเสธผมใช่ไหม” และก่อนเธอจะทันหวนคิดซ้ำสอง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดก็เผยอตอบไปเสียแล้วว่า “ค่ะ”

++++++++++

ไม่ถึงอาทิตย์หลังจากนั้น เมื่อมาโรงแรมอีกครั้ง แทบจะทันทีที่คุณรตีกับแสงเหนือเดินลับเข้าห้องประชุมไป เมืองเอกซึ่งโผล่มาจากไหนไม่รู้ก็คว้าแขนเขาลากหลุนๆ ไป กว่าจะตั้งหลักได้ เขาก็มาหยุดยืนงงๆ ตรงทางเดินหลังออฟฟิศ มองสีหน้าแววตายืดๆ แบบไก่แจ้พองขนสะบัดปีกอวดสาวของอีกฝ่ายแล้วหัวเราะขำ “จะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า คุณอั้ม แผนชายทราม...เอ๊ย หญิงงามคงใกล้สำเร็จแล้วสิ คุณขวัญใจโดนคุณตะล่อมเสียอยู่หมัดเลยสิท่า”

“แหงอยู่แล้ว เอามาเทียบกันได้ไงระหว่างผู้ชายหน้าตาดี ฐานะดี มีเสน่ห์แบบฉันกับผู้ชายอ้วนลงพุง ท่าทางไม่สู้คนแบบนั้น ไม่ว่าจะคิดยังไง ฉันก็ชนะเห็นๆ” ยกนิ้วโป้งจิ้มอกตัวเองแล้วพยักหน้าหงึกหงักจนจินดนัยขำพรืด “คร้าบ เชื่อแล้วครับว่าเสน่ห์แรง ว่าแต่เขาจะยอมเชื่อคุณจริงๆ น่ะเหรอ ทางนั้นเขาสมคบคิดกันมาตั้งนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่กับคุณเพิ่งได้คุยกันแค่ไม่กี่วัน...”

“ก็เพราะแบบนี้ล่ะ ฉันถึงต้องแสดงละครให้เขาเห็นว่าฉันน่ะเลวกว่าเจ้าชัชเสียอีก ไหนจะทรยศคุณรตีที่ชุบเลี้ยง ไหนจะหักหลังเจ้าเหนือที่เป็นญาติกันอีก โชคดีที่ใครๆ ก็รู้ว่าฉันกับเจ้าเหนือไม่ถูกกัน คุณขวัญใจเลยเชื่อสนิทใจว่าฉันเกลียดหมอนั่นจริง เกลียดถึงขั้นกล้าปล้ำเธอนี่ล่ะ ฮ่าฮ่า” ฟังถึงตรงนี้ รอยยิ้มคนฟังก็หายวับ หน้าเริ่มบูดและเริ่มบ่นเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีกครั้ง

“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี วิธีอื่นมีตั้งเยอะแยะที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณเกลียดพี่เหนือ แล้วทำไมต้องแกล้งทำเป็นว่าปล้ำผมด้วยล่ะ ปัญญาอ่อนชะมัด ผมก็บ้าพอกันที่หลงเชื่อยอมเล่นตามไปกับคุณอั้ม”

“ใครว่า เพราะเรื่องนี้ล่ะที่ทำให้คุณขวัญใจเชื่อสนิทว่าฉันเลวเข้าไส้ของจริง เขาเห็นด้วยจะตายกับการที่ฉันมีคนสนิทของเจ้าเหนือคอยเป็นสปายให้ ดังนั้นนอกจากฉันจะหน้าตาดีกว่าแล้ว ภาษีก็ยังดีกว่าอีกด้วย อีกอย่าง คุณชัชเป็นถึงรองผู้จัดการแผนกบัญชี คุณขวัญใจอยู่แผนกจัดซื้อ เข้ากันอย่างกับผีเน่าโลงผุแบบนี้ ฉันกับเธอก็ต้องลงทุนสูงหน่อยล่ะน่า เมื่อวานเขาเพิ่งเริ่มแย๊บๆ เรื่องงบบัญชีจัดซื้อประจำปีขึ้นมา แต่ฉันก็ยังสงวนท่าที ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ แค่ปรายตามองทำนองแล้วยังไง โอ๊ย ท่าฉันตอนนั้น รางวัลออสการ์นอนมาเลยล่ะ พูดแล้วจะหาว่าคุย”

“แบบนี้เขาไมได้เรียกคุยหรอก คุณอั้ม เขาเรียกขี้โม้ โม้น้ำลายฝอยแตกฟองไปหมดแล้ว” คนโดนหาว่าน้ำลายแตกฟองคว้าหัวเขาล็อคไว้แล้วลากให้ออกเดิน “โอ๊ย เจ็บนะ ปล่อยเด้ ผมเดินเองได้ไม่ต้องลาก!”

“ไม่ได้ ฉันต้องเล่นบทชายโฉดชอบใช้กำลัง และไอ้หนูอย่างเธอก็ต้องกลายเป็นทาสฉัน” เขายังดิ้นฮึดฮัดอยู่ใต้รักแร้ตอนได้ยินเสียงเมืองเอกถามต่อ “ว่าแต่เธอเป็นไงบ้าง กินข้าวครบมื้อหรือเปล่า แล้วเจ้าเหนือล่ะเป็นไง ฉันได้ข่าวว่าวิกกี้จะกลับมา หมอนั่นโอเคไหม”

โอเคไหม ถ้าจะนับอาการย่องเบาลงจากเตียงนุ่มๆ กว้างๆ เพื่อมานอนซุกเบียดกับเขาบนฟูกแคบๆ แอบกอด แอบหอมแก้มทุกคืนว่าสบายดีล่ะก็ แสงเหนือก็คงสบายดีล่ะมั้ง ว่าแต่วิกกี้ไหนวะ... จินดนัยคุ้นๆ หูแต่นึกไม่ออก ครั้นถามออกไป เมืองเอกจึงก้มลงมองเขาที่ยังบังเอิญติดอยู่ใต้รักแร้ “เจ้าเหนือไม่ได้บอกเธอเรื่องวิกกี้เหรอ อืม...ยุ่งล่ะสิ”

ไม่ว่าวิกกี้คนนี้จะเป็นญาติกับอาหารหมาสลิกกี้หรือไม่ แต่เขาไม่ชอบใจเลยที่ใครต่อใครดูจะรู้ว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไง ทุกๆ คนเลย ยกเว้นเขา “วิกกี้... ชื่อเหมือนเด็กไทยหนีไปเรียนเมืองนอกเลย ทำไม เขามีอะไร เป็นว่าที่คู่หมั้นพี่เหนือเหรอ”

พูดส่งๆ ไปงั้นหากเมืองเอกกลับกระพริบตาปริบ “อ้าว ก็รู้แล้วนี่หว่า เห็นทีแรกทำเหมือนไม่รู้จัก ไอ้เราก็คิดว่าเจ้าเหนือไม่อยากให้เธอรู้เสียอีก รู้แล้วก็ดี ฉันอยากจัดการเรื่องคุณชัชให้เสร็จก่อนยัยนี่จะกลับมา ไม่งั้นยุ่งตายชัก”

คิดว่าโดนใครทุบหัว จินดนัยปล่อยให้ร่างสูงลากเขาไปโดยไม่ขัดขืน หากเกือบหกล้มหัวทิ่มเมื่อจู่ๆ ก็โดนปล่อยให้เป็นอิสระกะทันหันแบบที่เกือบเรียกได้ว่าขว้างทิ้ง “โอ๊ย แกล้งอะไรผมอีก คุณอั้ม มันเจ็บ..”

“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงเย็นเจี๊ยบเหมือนเพิ่งออกจากช่องฟรีซแช่แข็งเท้ากับปากเขาไว้ พอเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นคุณขั้วโลกเหนือนั่งนิ่งๆ อยู่หน้าห้องประชุม โดยมีตัวประกอบฉากอย่างเมืองเอกยืนกลอกตาอยู่ห่างๆ “ฟังดูมีความสุขกันดีนี่ จริงสินะ ต้องคอยมาดูแลคนตาบอดอย่างฉันมันคงน่าเบื่อ น่ารำคาญ...”

“พี่เหนือ” กลืนน้ำลายเอื้อก ไม่เข้าใจว่าทำไมปากไม่ยอมเถียงลั่นๆ อย่างเคย หรือจะเป็นเพราะไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่เอชไฟว์วิกกี้วันเสียล่ะมัง “วันนี้ไม่...ไม่ได้เข้าประชุมเหรอครับ หรือว่าเสร็จแล้ว ทำไมเลิกเร็วจัง”

“ฉันออกมาเข้าห้องน้ำ แต่พอถามถึงเธอ ก็มีคนบอกว่าโดนคุณเมืองเอกลากไปตั้งแต่ฉันกับคุณแม่เข้าห้องประชุม” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนแล้วพรวดพราดออกเดิน ร้อนถึงเขาที่ตกใจจนเผลอกระโจนเข้าไปดึงแขนหวังให้ฝ่ายนั้นเดินช้าลง ทว่าทันทีที่แตะแขน เขากลับเป็นฝ่ายโดนแสงเหนือคว้าข้อมือไว้และบีบแน่นจนหน้าเหยเก

“พี่เหนือ เจ็บ...” อุทรณ์ไปหากคล้ายกับแรงบีบจะยิ่งหนักขึ้น จินดนัยจึงรีบหุบปากก่อนกระดูกข้อมือจะแตก จากหางตา เขามองเห็นเมืองเอกยืนหมุนเหมือนหาอะไรไม่เจอหรือทำอะไรไม่ถูก ก่อนจบลงด้วยการยักไหล่ โบกมือลาเขาง่ายๆ ครั้นเหลือพวกเขาอยู่ตามลำพัง จินดนัยค่อยกระตุกมือนิดๆ พูดอ่อยๆ “พี่เหนือ กลับเข้าห้องประชุมไปเถอะ เดี๋ยวผมจะนั่งรออยู่ตรงนี้”

หลังจากสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้งคล้ายเจ้าตัวกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ แสงเหนือจึงคลายแรงที่กำมือเขาและเอ่ยเรียบ “จินเข้าไปส่งพี่ข้างในหน่อยสิ”

เขาไม่รอช้า กุลีกุจอเคาะประตูขออนุญาตก่อนนำแสงเหนือเข้าไปส่งถึงที่ หากยังไม่ทันจะก้มงุดๆ กลับรูเดิม กลับโดนคนหน้านิ่งสั่งหน้าตาย “นั่งรอพี่ในห้องด้วยกันนี่ล่ะ ไม่ต้องออกไปแล้ว”

มีคนเข้าร่วมประชุมบางคนเหลือบมองเขาซึ่งยืนเก้ๆ กังๆ คล้ายกับจะสงสัยว่าทำไมเขายังยืนหัวโด่อยู่อีก กำลังสับสนว่าจะทรุดตัวลงนั่งแทบเท้าเป็นเมียบ่าวหรือลงไปนั่งยองๆ รอด้านข้างแบบทาสในเรือนเบี้ยดี เขาก็ได้แม่พระคนเดิมมาช่วย คุณรตีพยักเพยิดให้เขาไปนั่งลงด้านหลังกับพวกเลขาที่หันมายิ้มให้เขาแว่บหนึ่งแล้วรีบหันกลับไปสนใจการประชุมต่อ

ชะตากรรมหลังจากนั้นสรุปว่าเขาต้องทนนั่งฟังคนใส่สูทพูดนั่นพูดนี่เกี่ยวกับปัญหาและนโยบายใหม่ๆ แรกๆ ก็ฟังดูน่าสนใจดีอยู่หรอก แต่ผ่านไปสักพัก ตาเขาก็เริ่มหรี่ปรือ หนังตาเริ่มถ่วงหนักตามแรงโน้มถ่วงโลกจนในที่สุดเขาก็หมดพลังจะต้านทานความเย้ายวนนั้นและโงกหลับนั่งทำความเคารพประธานในที่ประชุมตลอดทั้งคาบ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพี่สาวคนสวยข้างๆ สะกิดบอกยิ้มๆ

“ตื่นได้แล้วจ๊ะ หนู” ผงกหัวขึ้นมามองคนลุกพึ่บพั่บงงๆ แล้วรีบหันไปดูบริเวณหัวโต๊ะ พอเห็นว่าแสงเหนือกับคุณรตียังอยู่จึงค่อยโล่งอก หันมายิ้มขอบคุณคนปลุกซึ่งทิ้งท้ายก่อนผละไปว่า “ก่อนออกไปอย่าลืมเช็ดน้ำลายด้วยนะจ๊ะ”

จากงงๆ กลายเป็นอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ดันนอนน้ำลายยืดอวดสาว ฮือ ชาตินี้จะกล้ามองหน้าคุณพี่สุดสวยคนนั้นอีกไหม ตวัดตาร้อนผ่าวกลับไปจ้องเจ้าตัวต้นเหตุ สาเหตุแห่งบาปเจ็ดประการแล้วตัดสินในทันใดว่าไอ้หมอนี่ล่ะที่ผิดเต็มประตู! หากยังไม่ทันจะหาทางแก้แค้นคืนได้ยังไง เสียงเย็นๆ ของคุณรตีก็เอ่ยขึ้นว่า

“ทำไมต้องลากจินเข้ามานั่งในห้องด้วยล่ะ ตาเหนือ นี่ที่ทำงานนะ ทำเป็นเล่นไปได้” จินดนัยอยากปรบมือให้สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่เริ่มเรื่องได้โดนใจ เอาเลยครับ ด่ามันให้ลืมชื่อตัวเองไปเลยครับ... สีหน้าสีตาเขาคงยังยืนลุ้นตัวโก่งยามเสียงตำหนิยังดังต่อเนื่อง “คนอื่นเห็นเข้าเขาจะคิดยังไง อยู่ๆ ก็ไปลากคนนอกเข้าฟังการประชุมภายใน ไหนจะตอนแรกที่หายไปตั้งนานสองนานนั่นอีก แม่ยังเป็นห่วงกลัวเหนือจะเป็นอะไรไปแล้วด้วยซ้ำ”

“ผมไม่กล้าเดินไปห้องน้ำคนเดียวเลยนั่งรอจินอยู่ครับ ไม่คิดว่าเขาจะโดนพาหายไปตั้งแต่ตอนลับหลังพวกเราเสียอย่างนั้น” เบิ่งตาโตเท่าไข่ห่านไปยังเจ้าคนนั่งหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวพร้อมตีหน้าอึกอักยามเขาต้องเปลี่ยนเป็นฝ่ายโดนจ้องแทน

“อะไร ใครกันที่มาพาเราไป แล้วไปเที่ยวหรือไง มีเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ เจ้าจิน” ยังอ้ำอึ้งเลือกตอบไม่ถูก แสงเหนือจึงชักเสียงและสีหน้าดูถูกตอบกลั้วหัวเราะ ฟังดูเย้ยๆ ให้แทนแบบไม่มีใครขอร้อง “จะมีใครถ้าไม่ใช่คุณเมืองเอกแสนดี ได้ยินเสียงหัวเราะเล่นหัวกันเสียสนุก ผมยังพูดหยอกไปเลยว่าจินคงไม่เบื่อเหมือนตอนต้องมานั่งดูแลคนตาบอด...”

ขอถีบมันสักพลั่กได้ไหม แล้วจะยอมให้หักเงินเดือนทั้งเดือนเลยก็ได้เอ้า “ผมไม่ได้พูดหรือหัวเราะแบบนั้นนะ พี่เหนือ อย่ามาหาเรื่องกันได้ไหม”

เขาเกลียด...เกลียดเวลาทะเลาะกันแล้วแสงเหนือทำคอแข็งสะบัดหน้าหนี ถ้าไม่เกรงใจคุณรตีแล้วล่ะก็ รับประกันเลยว่าเขาจะกระชากหน้าขาวๆ นั่นมาแล้วเทคตัวขึ้นโหม่งให้ตื่น ตะคอกใส่หน้าว่าพี่เป็นบ้าไปแล้วหรือโว้ย

“แม่ล่ะหน่ายเวลาเราสองคนตีกันอย่างกับเด็ก” คนเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริงเพียงคนเดียวในห้องคว้าเอกสารและลุกขึ้นยืนทีท่าไม่เดือดร้อน ก่อนยื่นคำขาด “เลิกงอนกันได้แล้ว แม่หิวข้าว”

สรุปว่าสงครามกวนประสาทของพวกเขาจึงต้องยุติลงง่ายๆ แบบนั้นเอง

+++++++++++++++++++

TBC

 :m32: :m32:

anna1234

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
จินเอ้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอดทนอีกนิดน่ะ เราตั้งใจทำดีนี้เนอะ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ไปกินข้าวได้แล้ว

อย่าทะเลาะกันเลย

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป

sarin

  • บุคคลทั่วไป
นอยอ่ะ...นอยแทนจิน.อิ.อิ. :m7:

three

  • บุคคลทั่วไป
จินกับอาการทิงนองนอย :oni1:

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :m13:

ถ้าชมว่าแสงเหนือน่ารัก นี่จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย

55+

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
:m13:

ถ้าชมว่าแสงเหนือน่ารัก นี่จะโดนอะไรมั้ยเนี่ย

55+


ไม่มีหรอกค่ะ เพราะคนโพสก็รักพี่เหนือเหมือนกัน.... :o8:
+1 สำหรับเมนท์นะคะ

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
สองคนนี่ทำอะไร ประเจิดประเจ้อ คนเค้ารู้กันหมดทั้งโรงแรมแล้วม๊างนั่น
ว่าแต่ วิกกี้อะไรนั่นจะมา เรื่องคงเจ้มจ้นขึ้นอีกโข

จะเป็นยังงัยต่อไปน๊า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






mhewkowron

  • บุคคลทั่วไป
 :m29: วิกกี้มาบ้านแตกแน่

JoJo

  • บุคคลทั่วไป
นายมะเหงกนี่เป็นคนดีกว่าที่คิดแฮะ

ฮาแผนชายทรามถล่มเมือง :m20:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้ครับ

three

  • บุคคลทั่วไป
มาจิ้มรอครับผม :L2:

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
~ ด้วยรักจากสวรรค์ 13 – ท้องฟ้าก่อนพายุ ~

แม้จะคิดว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว หากในเมื่อเด็กโข่งจอมหาเรื่องยังมีชีวิตอยู่ จินดนัยจึงทำใจว่ามันจบลงไปแล้วไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่ทะเลาะเรื่องของเมืองเอกวันนั้น มาถึงวันนี้ เขายังไม่วายโดนแสงเหนือประชดประชันงี่เง่า ประเภทพี่มันไม่ดี พี่มันน่าเบื่อ พี่มันคุยไม่สนุก พี่มันไม่เหมือนคุณอั้ม...

เช่นในเวลานี้ ขณะพากันมาเดินออกกำลังกายในบริเวณสวนกว้าง มีแต่ริชชี่ที่วิ่งดมต้นไม้ใบหญ้า ไล่จับแมลงเล็กแมลงน้อยตามประสาลูกหมาร่าเริง ส่วนอีกสองคนที่เหลือแค่หน้ายังไม่อยากจะมองเลย

“ริชชี่ อย่าเก็บอะไรแปลกๆ กินนะ เดี๋ยวท้องเสีย” พาลเอาอารมณ์เสียไปลงกับหมา เขาตะโกนเรียกเมื่อเจ้าลูกหมาที่ไซส์ชักห่างไกลกับคำว่าลูกหมาดมอะไรฟุดฟิดแถวพุ่มไม้นานผิดปกติ “มานี่ เลิกเล่นได้แล้ว”

หากเจ้าตัวดีดันทำหูทวนลม เขาจึงตะโกนดังขึ้นอย่างหงุดหงิด “อย่าดื้อสิ บอกให้มาก็มา คนยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย” หากเสียงเย็นๆ ผิดกับอากาศกลับเอ่ยขัดนุ่มนวล “ถ้าร้อน...หรือรำคาญนักก็เข้าไปในบ้านไป พี่อยู่กับมันเอง”

เขาเลือกที่จะเงียบและรอจนเจ้าริชชี่ซึ่งเพิ่งนึกชื่อตัวเองออกวิ่งกลับมาหาแสงเหนือ จินดนัยเห็นแล้วก็อยากตบอกผาง ...ตูต่างหากที่เรียกคอแทบแตก “ริชชี่!”

แสงเหนือถอนหายใจ ละมือที่ลูบหัวทุยของลูกหมาและออกกิริยาผลักเบาๆ ให้มาทางเขา เจ้าริชชี่จึงจำต้องเดินมาหาเขาแบบเสียไม่ได้ ภาพดังกล่าวทำเอาปรอทวัดอุณหภูมิแทบแตก “กลับไปเลย ไอ้หมาไม่รักดี ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ไปอยู่กับเจ้านายแกเลยสิ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

นั่งกอดเข่า น้อยใจจนพูดไม่ถูก อากาศวันนี้ร้อนจนปวดหัว ไอแดดเหมือนจะสูบเรี่ยวแรงและความอดทน ซ้ำยังทำให้ตาเขาแสบพร่าจนน้ำตาอุ่นๆ คลอ ปวดหัวจนอยากยกมือขึ้นอุดหูกั้นเสียงนุ่มๆ ที่ดังเรียบเรื่อยนั่นด้วย “พี่ไม่เข้าใจ พี่ต่างหากที่น่าจะเป็นฝ่ายไม่พอใจ ไม่ใช่เรา เรื่องเจ้าอั้ม...”

“เลิกพูดถึงชื่อนั้นนะ! ผมเบื่อ ไม่อยากได้ยินแล้ว ผมบอกพี่เหนือไปกี่ครั้ง พี่จะเคยฟังผมสักครั้งหรือก็เปล่า ดังนั้นเลิกพูด ผมเบื่อ!” ตวาดใส่คนทำหน้าอึ้งๆ อย่างเหลืออด แสงเหนือเงียบสักพักก่อนเริ่มยกสองทันทีที่ตั้งตัวติด

“แตะไม่ได้... จินหาว่าพี่ไม่ฟังจิน แล้วจินล่ะเคยฟังพี่บ้างหรือเปล่า เคยห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับมันก็ยังจะ...” ถ้าความอดทนคนเรามีวันหมดอายุ ความอดทนของจินดนัยคงหมดอายุวันนี้ วินาทีนี้ล่ะ

“ที่ผมบอกให้เลิกพูดถึงคุณอั้ม ถึงคนอื่น เพราะมันเป็นเรื่องของเราสองคนต่างหาก ในเมื่อพี่ไม่ยอมเลิก ผมก็จะลากคนอื่นมาบ้าง อย่าง...” กลืนน้ำลายนิดหนึ่งก่อนกลั้นหายใจเอ่ยชื่อที่คั่งค้างติดคาในหัวสมองมานานออกไป “คุณวิกกี้อะไรนั่นไง! พี่จะว่ายังไง”

หากเขากำลังรอดูอาการเดือดเนื้อร้อนตัวของอีกฝ่ายหลังจากเขาปล่อยหมัดเด็ดคงต้องผิดหวังอย่างรุนแรง เพราะแสงเหนือแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใดกับชื่อดังกล่าวเลย “...วิกกี้ แล้วยัยวิกกี้มาเกี่ยวอะไรด้วย จินรู้จักยัยนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เปล่า ไม่รู้จัก แต่...” เจอความสงบนิ่งเข้าไป กระแสอารมณ์ภายในตัวเขาเลยต้องพลอยหยุดหมุนควงสว่านตามไปด้วย จินดนัยเสคว้าริชชี่ที่นอนแทะรองเท้าแตะของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ขึ้นมากอดรัดจนมันร้องงี้ดง้าดประท้วงประมาณ...โอ๊ะ รองเท้ามาอยู่ในปากหนูได้ไง “คุณอั้มเล่าให้ฟังเฉยๆ ว่าคุณวิกกี้กำลังจะกลับมา คุณวิกกี้เชียวนะ ชื่อแบบนักเรียนนอกแท้ๆ คนที่ว่ากันว่า...เอ่อ น่าจะเป็นคู่หมั้นพี่เหนือไง หรือเป็นไปแล้วก็ไม่รู้ คุณวิกกี้คนนั้น...”

อารามมัวแต่กดริชชี่ไว้กับอกและปล่อยหัวใจเต้นแรงยามเอ่ยเรื่องค้างคาหัวใจ เขาเลยไม่ทันสังเกตว่าแสงเหนือมาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้ำร้ายท่อนแขนที่ยกคล้ายจะควานหาตัวเขานั้นพอเจอเป้าหมายปุ๊บ ก็กอดเข้าให้ปั๊บ “พะ พี่...พี่เหนือ ทะ ทำอะไร เดี๋ยวใครเห็น ปล่อย...”

“หืมมม...” เจ้าของอ้อมกอดกอดแน่นแบบไม่กลัวอากาศร้อน ซุกจมูกลงบริเวณขมับที่เส้นเลือดเขากำลังเต้นตุบๆ “ใครจะเห็น ต่อให้ใครมาเห็น พี่ก็บอกว่ากอดเจ้าริชชี่อยู่ หวงเหรอ ขอกอดบ้างทำเป็นหวง”

“อย่า! ปล่อย! ไม่เอา!” ทั้งดีดทั้งสะบัดแต่กลับโดนล็อคแน่น ร้อนถึงริชชี่ที่โดนลากเขย่าขึ้นลงหัวสั่นหัวคลอนจนเข้ากันดี เหยียดสี่ขายันใส่อกเขาแล้วม้วนตัวกลิ้งหนีเป็นลูกบอลจนเป็นอิสระออกไปตัวเดียวโน่น “ไอ้ริชชี่มันไปแล้ว เลิกกอดได้แล้ว อย่ามามั่ว”

“จินเรื่องมากจัง” บ๊ะ สรุปเขาผิดเองใช่ไหมที่โดนลวนลาม พยายามจะเอี้ยวแทงศอกเข้าใส่เจ้าคนทำเสียงจิ๊จ๊ะ แต่แค่ผินหน้ามาก็เจอคนกดจูบมั่วซั่วลงทั่วเลยต้องรีบสะบัดหน้ากลับ ดีดดิ้นร้องเจี๊ยกจ๊ากไปตามเรื่อง หากลงท้ายก็ไม่พ้น ได้แต่หอบฮั่ก หน้าตาร้อนผ่าวจวนเจียนระเบิด “จะริชชี่ จะวิกกี้ พี่ก็ไม่เอาหรอกคร้าบ พี่เหนืออยากได้จินนี่มากกว่า”

อี๋ อ๊ากกก ขนแขนลุกเป็นทิวแถว แสงเหนือเรียกใครวะ จินนี่! พระเจ้าช่วยด้วย จินนี่แบบยักษ์ในตะเกียงอลาดินเนี่ยนะ! “ถ้าพี่ไม่ปล่อย ผมโกรธจริงๆ นะ! นับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่ปล่อยก็เลิกพูดกันเลย หนึ่ง สอง สา...”

“โอ๊ย นับเร็วจัง จะรีบไปไหนเนี่ย” แสงเหนือผละออกรวดเร็วก่อนเขาจะพ่นเลขสุดท้ายออกมาทัน และไอ้อาการผละออกอย่างรวดเร็วนั้นมันก็ใกล้เคียงกับอาการถีบเขาออกมาเสียด้วย ตอนนี้จินดนัยจึงกำลังพยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อจะไม่หันไปแพ่นกบาลเจ้าคุณชายด้วยเก้าอี้เหล็กดัดอยู่ “แหม หึงพี่ก็ไม่บอก วันหลังสงสัยอยากรู้ถามพี่ตรงๆ เลยก็ได้ ทำเป็นงุบงิบน้อยอกน้อยใจ พี่หลงคิดว่าเผลอไปทำอะไรจินโกรธอีก หึ ครั้งนี้ไอ้คุณอั้มทำดีแฮะ สงสัยต้องให้รางวัลกันสักหน่อยแล้ว”

อะ พูดแล้วนึกขึ้นได้ ในที่สุดเขาก็จะได้ทำหน้าที่เป็นทูตสันติภาพของยูเอ็นสักที “อืม ที่จริงผมมีอีกเรื่อง แต่ไม่แน่ใจว่าจะบอกพี่เหนือดีไหม แต่รับปากคุณอั้มไว้แล้วด้วยสิ เอ...”

“ไปรับปากอะไรไอ้อั้ม” หายไปแล้ว คุณแสงเหนือแสนดี เหลือไว้แต่ไอ้หน้าตาดีปากหาเรื่อง “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปยุ่งกับมัน นี่ไปแอบเจอแอบตกลงอะไรกันเอาไว้ เล่ามาให้หมดนะ อย่าให้พี่รู้เชียวนะว่ายังไปแอบเจอกันอีก ไม่อย่างนั้นโดนแน่ เข้าใจหรือเปล่าที่พูดเนี่ย ถ้าเข้าใจก็รับคำด้วย”

ปากอย่างนี้ เดี๋ยวจะโดนทูตสันติภาพกระโดดเตะเลือดกบปาก อย่าคิดว่าไม่กล้าเตะคนตาบอดนะเว้ย ขอเตือน “เข้าใจครับ”

“เอ้า มีอะไรก็ว่ามา” งานต้องเป็นงานครับ ว่าแล้วทูตสันติภาพจึงเริ่มต้นเล่าอย่างแทบจะไม่หายใจหายคอ เรียกว่ากว่าจะเล่าจบ เล่นเอาคอแห้ง กลืนน้ำลายแทบไม่ลงกันเลยทีเดียว

“นี่ล่ะ ตอนนี้คุณอั้มคงกำลังพยายามเข้าทางคุณขวัญใจอยู่ แต่ต่อให้ได้หลักฐานจากทางนั้น คุณอั้มก็ยังเกรงใจคุณรตี ผมเห็นด้วยนะ เพราะเคยเห็นมานักต่อนักแล้วประเภทเห็นเป็นญาติเป็นเชื้อกันเลยหยวนๆ ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่...”

“คุณแม่ท่านแยกออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว” แสงเหนือนิ่วหน้าคิดและเม้มปากเหมือนไม่สบายใจ “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก แต่ว่าจินแน่ใจนะเรื่องอาชัช ถ้าโกงจริงก็แล้วไปแต่ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมา เขาคงไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ แน่ เห็นอาชัชท่าทางหงอๆ แบบนั้นแต่เวลาโมโหขึ้นมา เขาก็ร้ายกาจพอตัว ด่ากราด เจ้าคิดเจ้าแค้นจนพวกลูกน้องในแผนกไม่มีใครชอบแต่ไม่กล้าพูดออกมา”

“พี่เหนือรู้ได้ไง” เขายกมือลูบรอยยับบนกางเกงของแสงเหนือเล่นหากถูกกุมมือบีบเบาๆ “พี่รู้เรื่องพวกนี้มาตั้งนานแล้ว มีสาวๆ... เอ่อ ไม่ใช่สิ พวกพนักงานเล่าให้ฟังเรื่อยล่ะ เห็นภายนอกดูสวยหรูแบบนั้นแต่ถ้าจะเล่าเรื่องนินทาลับหลังกันในสังคมโรงแรมน่ะ ฟังสามวันสามคืนยังไม่จบ ง่ายๆ นะ แค่เรื่องเจ้าอั้มก็กินเวลาหลายวันแล้ว พี่เองไม่อยากจะเล่าแต่จินรู้ไหมว่าหมอนั่นเคย...”

“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องฝืนใจเล่าหรอก โธ่ ว่าแต่คนอื่น ผมก็เคยได้ยินเรื่องพี่เหนือเหมือนกันล่ะ ทำเป็นมาฟอร์ม” เบ้ปากชำเลืองมองดูหน้าขาวเลิ่กลั่กของคนร้อนตัวแล้วนึกอยากลองเอาไฟส่องหน้าไต่สวน เขาคงได้คำสารภาพมาเป็นกระบุงโกยแน่

“จินพูดเรื่องอะไร ไปฟังใครพูดเหลวไหลจากที่ไหน พี่ไม่เคย...” หยุดคิดลังเลก่อนแสงเหนือจะอ้อมแอ้มแบ่งรับแบ่งสู้ “ก็...อาจเคยมีบ้าง นิดๆ หน่อยๆ ตามประสาผู้ชาย แต่นั่นมันตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เจอเรา พี่ก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยนะ เอ้า ไม่เชื่อ สาบานเลยก็ได้”

แล้วเรื่องอะไรต้องมานั่งสาบงสาบานเจ็ดวัดแปดวัดกับเขาด้วย พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย แต่แค่คิดถึงตรงนี้ หัวใจก็เหมือนจะเต้นช้าลงจนน่าใจหาย ...วันนี้ยังเต้นช้าขนาดนี้ แล้วพรุ่งนี้มันจะหยุดเต้นเลยไหม แสงเหนือจะรู้ไหมว่าที่หมู่นี้เขานอนกระสับกระส่าย เป็นเพราะกลัวการนอนหลับในตอนกลางคืน กลัวว่าจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก กลัวไปสารพัดแม้จะมีใครบางคนนอนแนบชิดอยู่ก็ตาม

“ไม่ต้องสาบานหรอกครับ” จินดนัยก้มหน้ากระพริบตาเพื่อขับไล่จุดดำมืดในสายตาและรอให้อาการวิงเวียนทุเลาลง “กลับเข้าบ้านกันเถอะ ผมหิวน้ำแล้ว ริชชี่ก็คงเหมือนกัน”

เขาดึงมือแสงเหนือขึ้น ยิ้มนิดๆ ยามฝ่ายนั้นบ่น “จินมือเย็นอีกแล้ว เป็นคนบ่นว่าอากาศร้อนแท้ๆ” และไม่ได้ขัดขืนยามโดนกุมมือไว้กระชับราวต้องการแบ่งปันไออุ่น หากรอยยิ้มค่อยๆ จืดจางยามเงยหน้ามองคนตั้งหน้าตั้งบ่นเรื่องสารอาหารและการออกกำลังกาย เท่าที่อยู่ด้วยกันมา เขาเพิ่งรู้ว่าแสงเหนือเป็นผู้ชายขี้บ่นชนิดหาตัวจับยาก เป็นผู้ชาย...ที่มีข้อดีอยู่น้อยนิดและมีข้อเสียสารพัด ทั้งขี้บ่น ขี้ห่วง ขี้งอนและอีกสารพัด โดยมีสามประการที่ว่ามานำโด่งไม่เห็นฝุ่น แต่หนึ่งในข้อดีอันกะร่อยกะหริบคือมือแข็งอบอุ่นที่ช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัย อุณหภูมิที่ส่งผ่านบ่งบอกถึงสัญญาณแห่งชีวิต ช่วยให้เขารู้สึกว่าตนยังมีลมหายใจอยู่เช่นกัน

บางที สิ่งที่ทำให้เขากลัวมากที่สุดอาจจะเป็นความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียความอบอุ่นนี้ไปก็ได้

++++++++++

ยังไม่ทันที่แสงเหนือจะรับปากเรื่องอาชัช โทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในเย็นวันเดียวกันนั้นก็ทำเอาทุกอย่างปั่นป่วน ทันทีที่คุณรตีฟังเสียงจากปลายสายจบก็ทำเหมือนจะหงายหลังล้ม โชคดีที่จินดนัยซึ่งคอยมองอยู่แล้วผวาเข้าไปประคองไว้ได้ทัน หลังจากได้ยาหอมยาดมยาลมยาหม่องขนานใหญ่แล้วคุณรตีจึงควานจับมือลูกชายไว้

“เหนือ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน ตาอั้มเพิ่งโทรมาบอกว่า...” กลืนน้ำลายเอื้อกแล้วคุณรตีพยายามเรียกสติสตังในการกล่าวคำพูดที่เหลือ “ชัชแทงคุณขวัญใจแล้วหนีไป คุณขวัญใจตอนนี้อยู่ในไอซียู ยังไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า”

เมื่อพวกเขายกโขยงมาถึงโรงพยาบาล เมืองเอกซึ่งรีบลุกมาหาในสภาพเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดสีคล้ำเป็นด่างดวงทำเอาเขาเผลอตัวสั่นเพราะดันนึกไปถึงภาพเลือดของตัวเองที่สาดกระจายเต็มพื้นถนน เขายืนเกาะแขนแสงเหนือแน่นขณะฟังคำบอกเล่าไปด้วยใจเต้นตึกตัก

“ผมก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องเป็นไงมาไงเท่าไหร่ แต่มีพนักงานวิ่งมาบอกผมว่าเห็นคุณชัชขับรถบึ่งออกจากโรงแรมรีบร้อนจนเกือบชนยาม ชนขอบทางแต่กลับไม่ยอมหยุดรถ เลยนึกเอะใจรีบไปดูที่ห้องทำงานถึงได้เจอคุณขวัญใจนอนจมกองเลือดอยู่ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ” เมืองเอกเสยผมยุ่งหยิงและชะงักยามคุณรตีที่ตอนนี้ดูเหมือนจะคุมสติได้มากแล้วเอ่ยถามว่า “แล้วอั้มพอจะรู้ไหมว่าทำไมชัชเขาถึงทำแบบนี้ ปกติน้าก็เห็นเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ติดจะ...อ่อนน้อมมากไปด้วยซ้ำ แล้วกับคุณขวัญใจก็เห็นว่าสนิทสนมกันดี ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งเรื่องงานสักครั้ง”

เมืองเอกแลเลยมาสบตากับเขาที่ยืนจ้องเป๋งอยู่ ลดสายตาลงมองอาการเกาะหนึบร่างสูงข้างตัวชั่วอึดใจ ก่อนหันกลับไปตอบคำถามอย่างระมัดระวัง “ผม...ไม่ค่อยแน่ใจ แต่เคยได้ยินมาบ้างว่าพวกเขาสนิทสนมกัน ถ้าให้ผมเดา เรื่องครั้งนี้อาจมีสาเหตุจากการหึงหวงล่ะมังครับ”

“ตายจริง” คุณรตียกมือทาบอกแล้วยกยาดมที่ติดมือมาจ่อจมูก “ทำไมต้องหึงต้องหวงถึงขนาดคิดจะลงมือฆ่าแกงกันด้วยก็ไม่รู้”

หลังจากเมืองเอกพาคุณรตีไปหาที่นั่งพักเรียบร้อยทางด้านหนึ่ง ชายหนุ่มจึงค่อยเดินย้อนกลับมาหาเขาที่ยังเบือนหน้าหลบ เกี่ยวแขนแสงเหนือไว้เหมือนลูกลิงติดแม่ไม่เลิก “ไง กลัวเลือดมากขนาดนี้เลยหรือเรา โทษทีนะเจ้าเหนือที่ทำให้ต้องลำบาก ดูท่า...เด็กนายจะรังเกียจเสื้อเปื้อนเลือดฉันว่ะ ทำไงได้ คนมันไม่มีเวลามาเปลี่ยนเสื้อแต่งองค์ทรงเครื่องต้องโดนรังเกียจก็สมควรแล้ว”

“ผมเปล่า...” อุปทานเหมือนจะได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาจางๆ ท่ามกลางกลิ่นยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาล เมืองเอกจ้องหน้าซีดๆ โดยไร้รอยยิ้มต่างจากที่เคย หากแสงเหนือกลับเอ่ยขัดจังหวะได้ทันก่อนเขาจะโดนชำแหละแยกขายเป็นส่วนๆ ด้วยสายตา

“จินเล่าเรื่องอาชัชให้ฉันฟังแล้ว รวมถึงเรื่องที่นายหวังล้วงข้อมูลจากคุณขวัญใจด้วย ขอบใจนะ” ใช่มีแต่เขาที่คิดว่าหูฝาด เมืองเอกก็เลิกคิ้วสูงลิบเพราะแปลกใจพอกัน หากความแปลกใจนั้นอยู่ไม่นานเมื่อแสงเหนือเอ่ยต่อพร้อมจับมือเขาที่แอบดึงชายเสื้อไว้มาบีบบนหน้าตัก “แต่วันหลังมาบอกกันตรงๆ ดีกว่า ไม่ต้องหลบไม่ต้องซ่อนทำอะไรลับหลังเหมือนแอบตีท้ายครัวคนอื่น ถ้าคุณอั้มบริสุทธิ์ใจจะช่วยก็ไม่ควรปิดบัง จริงไหม”

อุณหภูมิในโรงพยาบาลขณะนี้ ติดลบสิบองศา พายุหิมะตั้งเค้ามาแต่ไกล

เมืองเอกหน้านิ่ง มองเขาพยายามดึงมือออกงุดๆ แล้วหัวเราะแบบไม่นึกขำ “ถ้าจะมีใครสักคนบริสุทธิ์ใจในที่นี้...มากที่สุด คนคนนั้นก็น่าจะเป็นฉันนี่ล่ะ ออกจะทำอะไรตรงไปตรงมาขนาดนี้ ข้าวก็พาไปกิน ว่างก็วิ่งมาหา มีปัญหาก็ปรึกษาด้วย คนเขาเห็นกันทั้งโรงแรมแบบนี้แล้วนายจะว่าฉันแอบทำอะไรลับหลังได้ยังไง”

จินดนัยพยายามคิดตามแต่นึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนทั้งโรงแรมไปเห็นเมืองเอกกินข้าวกับคุณขวัญใจตอนไหน ไหนเคยตกลงกันว่าจะทำแบบลับๆ ไง สงสัยว่าเพราะทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้สิท่า ข่าวถึงได้รั่วไปถึงหูคุณชัชจนต้องเล่นบทหึงโหด แทงผู้หญิงเสียปางตาย แบบนี้มันใช้ไม่ได้

“นั่นสิ คุณอั้มนั่นล่ะที่ไม่ดี ทำไมไม่ทำให้มันลับๆ หน่อย เฮ้อ เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก” สอนมั่งๆ ชอบสอน “โดยเฉพาะคนที่เขามีเจ้าของอยู่แล้วเนี่ยยิ่งต้องระวัง ดูต้นทางให้ดี ทำไมไม่รอให้เจ้าของเผลอแล้วค่อยรุกเข้าประชิด พรวดพราดแสดงตัวชักธงรบแบบนี้ ไก่ตื่นหมด...แอ๊กกก!”

เขายังร่ายไม่เสร็จดีแต่ดันต้องร้องไม่เป็นภาษายังกับไก่ถูกถอนขนสดๆ ยามโดนแสงเหนือบีบกระดูกมือแทบแตก

“จิน!” เจ้าของมือใหญ่เท่าใบตาลตวาดดังพร้อมกับที่เมืองเอกก้มหน้ากลั้นเสียงหัวเราะจนบ่าหนาๆ สั่นกึกๆ ...ขำไรวะ ไม่เห็นมีอะไรตลก นี่ก็อีกคน บีบมือคนอื่นกระดูกแทบหักเป็นท่อนๆ แล้วยังมาทำเสียงเขียวตวาดใส่อีก สับสนมาจากไหนกันเนี่ย ไม่สบายก็กลับบ้านไปกินยาเลยไป๊ “อะไรเล่า ผมพูดผิดตรงไหน”

“เรานี่มัน...!” ก่อนจะโดนจับเขย่าๆๆ ขึ้นบนลงล่างห้อยหัวอย่างที่สีหน้าของแสงเหนือแสดงออกว่าอยากทำเต็มแก่ คุณหมอที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินและเรียกหาญาติของคุณขวัญใจก็เบนความสนใจของพวกเขาไปได้ เมืองเอกรีบปาดน้ำตาที่เอ่อคลอจากการหัวเราะและปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมลุกไปหาคุณรตี ขณะที่เขาโดนไอ้คุณชายกระชากให้ลุกยืนแล้วลากส่งๆ ทั้งที่ตามองไม่เห็นไปตามต้นเสียงจนไม่รู้ใครดูแลใครกันแน่

“คนเจ็บพ้นขีดอันตรายแล้วครับ เพียงแต่ยังไม่ได้สติ ตอนนี้อาการทั่วๆ ไปถือว่าปลอดภัยแล้วในระดับหนึ่ง ที่เหลือคือต้องรอดูอีกทีตอนคนเจ็บฟื้นเพื่อเช็คอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น อย่างเช่นอาการช็อคจากการเสียเลือด แล้วก็สภาพจิตใจ...”

คุณหมออธิบายยืดยาวซึ่งเขาฟังรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างและยังกล่าวถึงเรื่องแจ้งความคดีทำร้ายร่างกาย นับจากตรงนี้ไป เมืองเอกที่เอ่ยแทรกขึ้นได้ขอรับผิดชอบในส่วนดังกล่าวเองเมื่อเห็นคุณรตีตอบไม่ถูก พวกเขาจึงค่อยทยอยแยกย้ายกลับบ้านยามเรื่องทุกอย่างดูจะคลี่คลายขึ้นในระดับหนึ่ง...ถึงจะเป็นแค่ชั่วคราวก็ตามที

++++++++++

TBC

<< เด๋วต่อตอน 14 เลยนะคร๊าบบบ

yayoy

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Novel] ~ ด้วยรักจากสว&#
«ตอบ #115 เมื่อ20-06-2008 17:11:11 »

~ ด้วยรักจากสวรรค์ 14 - ในกำมือ ~

หลังจากปรึกษากันแล้ว องค์ประชุมอันได้แก่จินดนัย แสงเหนือและเมืองเอกได้ข้อสรุปร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่ายังไงก็ต้องบอกคุณรตี

นั่นล่ะ ประชุมลับร่วมสองชั่วโมง กลับได้แค่ข้อสรุปง่ายๆ กับเรื่องที่รู้กันอยู่แล้ว หากที่ต้องเสียเวลาไปมากมายขนาดนั้นก็ไม่พ้นสาเหตุเดิมๆ ว่าสองในสามองค์ประชุมตั้งท่าจะลุกมาต่อยปากกันท่าเดียว จนลงท้ายเขาขี้เกียจจะห้ามจะยื้อยุด เลยนั่งหาวยามแสงเหนือขยับฮึดฮัดและเมืองเอกร้องท่าเหย็งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม น่าแปลกที่พอบรรดามนุษย์เจ้าปัญหาเห็นเขาหันไปสั่งบลูเบอร์รี่ชีสเค้กเพิ่มอีกชิ้นแทนที่จะสนใจหย่าศึก พวกนั้นก็คล้ายกับจะเบื่อหาเรื่องทะเลาะกันบ้าง นั่งคุยจนได้บทสรุปและขั้นตอนว่าจะเริ่มต้น ลงท้ายยังไงแทน

เขาจ้วงส้อมเงาวับลงกลางชิ้นเค้กและส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยยามตะแคงหูฟังแสงเหนือพูดไปด้วย “ฉันกะจะโทรศัพท์ไปเล่าให้พ่อฟังก่อนอยู่แล้วล่ะ เพราะที่แม่ยังห่วงอยู่ก็ตรงนี้ พ่อฝากอาชัชเข้าทำงานด้วยตัวเองทั้งที่ท่านไม่เคยฝากฝังใครเป็นการส่วนตัว อย่างว่าล่ะนะ ถ้าขืนไม่ฝากคงทำได้แค่เป็นพนักงานเสิร์ฟ”

“ได้ข่าวว่าที่ไต่เต้าเป็นถึงรองผู้จัดการได้ก็เพราะทำงานมานานและเป็นญาติคุณเตโชเท่านั้นเอง ความจริงเจ้าตัวฝันถึงตำแหน่งผู้จัดการจนตัวซี้ตัวสั่นแต่ดันโดนดองอยู่แค่ตำแหน่งรองฯ มาหลายปี แหงล่ะ ขืนหมอนี่เป็นผู้จัดการ คงต้องประกาศรับพนักงานในแผนกใหม่หมดเพราะลูกน้องเก่าไม่เอา แค่นี้เขาก็ยี้กันจะแย่ ไม่รู้คุณขวัญใจไปหลงอะไรในตัวหมอนี่ถึงได้ยอมสมคบคิดร่วมมือกันเข้าไปได้ เพราะอย่าว่าแต่ร่วมหัวเลย คบกับหมอนี่มีแต่จมท้ายสถานเดียว” เมืองเอกพูดจบก็ขยับสั่งเค้กผิวส้มสอดไส้วิสกี้กับพนักงานเสิร์ฟสาวหน้าแฉล้มที่โฉบเข้ามารินกาแฟเติมให้

“จะหลงอะไร นอกจากหลงทาง หลงทิศจนคบหาอาชัชได้โดยไม่ประสาทไปเสียก่อน แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง แผนอ่อยคุณขวัญใจของนายคงไม่ได้ผลหรอกถ้าเขาชอบผู้ชายปกติ” หนึ่งดอก จินดนัยจดแต้มเพิ่มให้แสงเหนือและเลิกคิดมานานแล้วว่าชายหนุ่มคู่นี้เขาไม่ถูกกัน แค่เหมือนกันมากไปเท่านั้นเอง โดยเฉพาะปากคอจัดจ้าน ทั้งจิกทั้งกัดทั้งสะบัดอย่างไม่มีใครยอมน้อยหน้าใคร

ยังไม่ทันตักเค้กคำสุดท้ายที่เอ่อล้นไปด้วยบลูเบอร์รี่ที่แอบเก็บสะสมไว้เป็นพีคตอนจบเข้าปาก แสงเหนือก็เอ่ยเสียงหวาน ทำปากยื่นแบบที่เจ้าตัวคงคิดว่าน่ารักนักหนา “จินแอบกินอะไรคนเดียวตั้งนาน พี่เหนือก็หิวนะครับ ไม่เห็นป้อนกันบ้างเลย”

ส้อมกับเค้กคำโตและเป็นคำสุดท้ายหยุดชะงักหลังผ่านเข้าปากอ้ากว้างไปได้ครึ่งหนึ่ง ขณะยังลังเลว่าจะงับผับลงไปเลยดีหรือคายออกมาดี หากเมื่อคิดว่าถ้าไม่ให้คำนี้ เดี๋ยวแสงเหนือก็จะบ่นงอแงงี่เง่าอีก และรู้ด้วยว่าต่อให้สั่งใหม่มาทั้งก้อน เจ้าคุณชายคงเม้มปากแน่นไม่ยอมกินแล้วบอกว่าที่พี่อยากกินไม่ใช่เค้กพวกนี้ แต่ต้องเป็นชิ้นที่เขากินไปแล้วต่างหาก ต่อจากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มตีกัน ครั้นเขานิ่งเงียบไม่ยอมเถียงต่อ แสงเหนือก็จะถึงขั้นหงุดหงิดอาละวาดและอาจพาลไปฟ้องคุณรตีได้ว่าเขาเขมือบเค้กไปคนเดียวเกือบหมดตู้ ซึ่งคุณรตีอาจนำค่าเค้กทั้งหมดที่ว่ามาหักเงินเดือนเขาในที่สุด หากเงินเดือนไม่พอให้หักก็อาจไล่เขาออกเพื่อจบปัญหาแทน

เค้กคำเดียวกับโดนไล่ออก... คิดสะระตะแล้วจำต้องยอมดึงส้อม ตัดใจคายกลับออกมาเหมือนดึงอ้อยออกจากปากช้าง กลืนน้ำลาย มองส่งภูเขาบลูเบอร์รี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเอ่ยว่า “อ้าปากสิครับ คำใหญ่หน่อยนะ ระวังหก”

เมืองเอกอึ้งไปสักพักก่อนถอนหายใจและเอ่ยเตือนลูกพี่ลูกน้อง “ระวังน้ำลายล่ะ”

ฝ่ายแสงเหนือที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าความหมายที่แท้จริงของคำเตือนคือเค้กที่ผลุบหายไปในปากเขาตั้งนานสองนานและตีความไปเองว่าคงหมายถึงส้อมที่เขาใช้มาแล้ว ดังนั้นเมื่อกลืนเค้กนุ่มลงคอเสร็จจึงยักไหล่ ตอบด้วยท่าทางสบายๆ “แค่นี้เรื่องเล็ก...ถ้าเทียบกับที่เคย...”

แกล้งทิ้งท้ายไว้เป็นปริศนาคาใจแล้วแสงเหนือก็อมยิ้ม ไม่ได้รับรู้เลยว่าเขาแทบกระอักเลือด ส่วนเมืองเอกแทบสำลักกาแฟและมัวแต่อึ้งจนลืมขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานให้พนักงานเสิร์ฟที่เข้ามาวางจานเค้กให้ ชายหนุ่มส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ตักเค้กขึ้นมาหนึ่งคำแล้วเรียกเขา “กินไหม อร่อยนะ”

พยักหน้าแรงหัวแทบหลุด กำลังจะกระโจนเข้างับแต่กลับโดนเบรกด้วยเสียงเขียว “กินอะไรกัน!”

หากเมืองเอกเหมือนจะรู้ทันว่าแสงเหนือต้องห้ามเหมือนเขาห้ามริชชี่เก็บของตกพื้นกินเป็นแน่จึงรีบยัดใส่ปากให้ทันทีก่อนเขาจะทันเล่นตัว “อิน...เอ้ก...”

กวนประสาทควบเอาคืนเสร็จแล้วค่อยสบายใจ นั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวจนได้เวลากลับบ้าน โทรศัพท์หาลุงโตให้เอารถมารับพวกเขาหน้าโรงแรม ระหว่างที่นั่งรออยู่นั่นเอง จินดนัยเริ่มปวดมวนท้องจนหน้านิ่ว จากที่คิดว่าไม่น่าเป็นอะไรมากกลับยิ่งพะอืดพะอมจนต้องบอกแสงเหนือ “ผมไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ เดี๋ยวจะรีบมา”

เขาเกือบจะออกวิ่งเพื่อไปให้ถึงห้องน้ำและกระโจนไปที่ชักโครกทันพอกับที่ของในท้องตีย้อนกลับออกมาทางปาก หลังจากอาเจียนจนหมดแรงนอกจากนึกเสียดายเค้กดีๆ แล้วเขาก็ยังอดนึกกลัวไม่ได้ จริงอยู่ว่าหลังๆ มานี่เขาไม่อยากอาหารเท่าใด พอมาเจอของกินถูกปากเข้าก็ซัดไม่ยั้งแต่ไม่น่าจะถึงขั้นอ้วกสักนิด ต่อให้แสงเหนือจะไม่บ่นกรอกหูทุกวันว่านับวันยิ่งกอดยิ่งเจอแต่กระดูก เขาก็รู้ว่าน้ำหนักตนกำลังลดลง อย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ

อืม ต้องเป็นเพราะอาการนอนไม่หลับแน่ๆ เขาว่ากันว่าเมื่อคนเราพักผ่อนไม่พอ จะเกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา หนึ่งในนั้นต้องมีอาการเบื่ออาหาร หน้ามืด มือชาอยู่ด้วยเป็นแน่

เขารีบบ้วนปาก ล้างหน้าให้สดชื่น ลูบหยดน้ำบนปลายขนตาออกแล้วมองสบดวงตาคู่ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลในกระจก ก่อนจะพยายามยิ้มปลอบใจให้และรีบวิ่งกลับออกมาเพราะกลัวลุงโตรอนาน คว้ามือคนที่นั่งรออย่างกระวนกระวายและเอ็ดเสียงเบายามเขาจูงไปยังรถติดฟิล์มดำปื๋อคุ้นตาซึ่งเพิ่งวนมาถึงพอดี “ทำไมหายไปตั้งนาน พี่คิดว่าจินเป็นลมคาส้วมไปแล้วเสียอีก”

“ผมยังไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า ไม่ต้องห่วง” หัวเราะแห้งๆ เสริมเพื่อให้ทั้งตัวคนพูดเองและคนฟังสบายใจ จินดนัยขอบคุณคุณดอร์แมนใจดีที่ช่วยเปิดประตูรถให้และรีบดันให้แสงเหนือขึ้นไปนั่งก่อนชายหนุ่มจะทันบ่นอะไรให้เขาขายหน้าอีก

ถ้าเขาไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น ถ้าไม่มัวแต่กังวลหมกมุ่นเรื่องสภาพร่างกายตัวเอง ถ้าไม่มัวแต่ห่วงเรื่องของตัวเองล่ะก็... เขาคงรู้ถึงความผิดปกติไปแล้ว เพราะกว่าเขาจะเห็นสิ่งแปลกปลอมก็เป็นตอนที่รถกระชากพรวดออกมานั่นล่ะ

จินดนัยไม่แน่ใจว่าร้องอะไรออกมาตอนเงยหน้าเห็นปากกระบอกปืนสีดำเป็นมันยกมาทางเขาจากคนที่น่าจะเป็นลุงโต

เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ และดันกลายเป็นคนที่รู้จักดีเกินพอเสียด้วย ชนิดที่ว่าต่อให้ไม่มีปืน แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วว่าพวกเขามีปัญหาหนักแน่นอน

“คุณชัช” เสียงที่เปล่งออกมาแหบแห้งราวกบ อาจจะเป็นเพราะนิ้วเย็นเฉียบของเขาที่ยังไม่ปล่อยจากคนข้างตัว ผนวกกับความผิดปกติของการออกรถ แสงเหนือจึงสามารถเข้าใจคำง่ายๆ แค่สองคำของเขาได้ทันที

“อาชัช อาคิดจะทำอะไร” เสียงของแสงเหนือสงบนิ่งมากๆ มากจนเกินไปเมื่อดูจากสถานการณ์ล่อแหลมของพวกเขาในตอนนี้ คาดว่าเพราะแสงเหนือมองไม่เห็นปากกระบอกปืนที่ยังส่ายไปมาระหว่างพวกเขาด้วยล่ะ “อาชัชทำอะไรลุงโต”

“ไอ้เวร! ป่านนี้แล้วยังห่วงไอ้คนขับรถกระจอกๆ อีก! แกน่ะมันห่วงแต่พวกขี้ข้า แต่เวลากับฉัน ดันดูถูกกันสารพัดทั้งที่ฉันเป็นอาแกแท้ๆ!!” ชายอ้วนในเสื้อคลุมขะมุกขะมอมตะคอกตอบหลานชาย “แต่ถ้าแกอยากรู้นักล่ะก็ ฉันตีมันหัวแตกเลือดอาบนอนกลิ้งอยู่บนโน้นแน่ะ ไม่รู้หรอกว่าตายห่-หรือเปล่า”

ความคิดแว่บแรกของจินดนัยคือแย่งปืน แต่เหมือนฝ่ายนั้นจะเดาความคิดดังกล่าวออก จึงสำรากทั้งคำสบถทั้งน้ำลายออกมา “มึงอย่าคิดตุกติกดีกว่า กูยิงพวกมึงทิ้งได้เร็วกว่ายิงหมาข้างถนนอีก”

“ยิงพวกผมแล้วอาจะทำอะไรต่อได้ อาก็ต้องโดนตำรวจจับอยู่ดี” ชายหนุ่มกุมมือสั่นเทาไว้พลางบีบอย่างต้องการให้กำลังใจและบอกให้เขาสงบสติ “มอบตัวเถอะครับ จนถึงตอนนี้อายังไม่มีความผิดมากเท่าไหร่ คุณขวัญใจยังไม่ตาย อายังไม่ได้ฆ่าใคร ดังนั้นอย่าทำให้เรื่องบานปลายเลยครับ”

ชายอ้วนที่ต้องแบ่งสมาธิระหว่างขับรถกับเล็งปืนมายังหัวตัวประกัน...ซึ่งเห็นชัดว่าค่อนมาทางข้อหลัง...ชะงักชั่วครู่แต่ก็เป็นแค่แว่บเดียว “พวกมึงคิดว่ากูโง่นักหรือไง กูแทงอีนั่นไปตั้งหลายครั้งจนเลือดท่วมแล้วจะบอกว่ามันไม่ตายเนี่ยนะ!”

“แต่...” เขาร้องออกไปได้แค่คำเดียว ปากกระบอกปืนก็ชี้ตรงมาจนต้องเงียบ

“ต่อให้มันไม่ตาย กูก็ไม่เหลืออะไรอยู่ดี พวกมึงแม่งเลวทั้งพี่ทั้งน้อง คนนึงชอบดูถูกกู อีกคนก็แย่งเมียกู... อีเมียหน้าโง่ที่ไม่ยอมเชื่อว่าโดนหลอก มันมาขอเลิกกับกูแล้วขู่กูว่าถ้าไม่ยอมเลิก มันจะแฉเรื่องโกงบัญชีให้หมด ด่ากูว่าเป็นไอ้อ้วนจอมแหย ไอ้คางคกริจะกินเนื้อหงส์ ทั้งที่ตัวมันก็แค่หมาตัวเมียโง่ๆ” คนพูดพูดด้วยท่าทางแค้นหนักจนแทบกระอักเลือดและบ้าเลือดจนไม่ต้องนึกสงสัยเลยว่าหมอนี่จะกล้าเหนี่ยวไกจริงหรือเปล่า “ที่กูกล้าเสี่ยงฉกรถมาเอาตัวพวกมึงหน้าด้านๆ เพราะกูเตรียมใจมาแล้ว อย่างดี ถ้าแผนสำเร็จ กูจะได้หลบไปตั้งตัวใหม่ที่เมืองนอก อย่างร้ายก็กอดคอพวกมึงลากลงนรกไปด้วยกันให้หมด ไม่ต้องมาทำพูดจาหว่านล้อมหรอกไอ้เด็กเวร!”

“อาชัชต้องการอะไร” เมื่อหมดประโยชน์จะเกลี้ยกล่อม แสงเหนือจึงหันมาใช้วิธีต่อรองแทน “อาจะขับรถวนหนีไปได้ถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อต้องมีคนพบลุงโตเร็วๆ นี้แน่”

“กูจะอยากได้อะไรนอกจากเงิน เงินที่พวกมึงเหลือกินเหลือใช้เจียดมาให้กูก็หายวับไปหมดแล้ว ทั้งที่กูทำงานอย่างซื่อสัตย์มาตั้งกี่สิบปี ดูสิว่าพวกมึงตอบแทนกูยังไง ไอ้สัด!!” ดูท่าคุณชัชจะลืมไปเสียสนิทว่าต้นเหตุทั้งหมดมาจากการยักยอกของตนเอง ทว่าจินดนัยไม่อยากชี้แจงเรื่องนั้นในตอนนี้หรอก ไม่ใช่ตราบเท่าที่หมอนั่นยังควงปืนหราอยู่ในมือ

“ถ้าอาชัชต้องการจับผมเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ก็ปล่อยจิน... ปล่อยเด็กนี่ไปเถอะครับ เอาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์” จินดนัยอ้าปากค้างขณะแสงเหนือเอ่ยต่อ “เอาไปแต่คนตาบอดอย่างผม อาชัชจะได้ไม่ต้องระวังอะไรมาก ยังไงผมคนเดียวก็หนีไม่พ้น”

“พี่เหนือ!!” เขาเขย่าตัวชายหนุ่มแรงๆ พลางเหลียวเลิ่กลั่กมองสีหน้าครุ่นคิดของคนร้าย “พูดบ้าๆ! ผมไม่ยอมทิ้งพี่ไว้คนเดียวแน่ เลิกพูด...”

“ที่นายพูดก็ถูก...” ครั้นได้ยินเสียงพึมพำนั้น จินดนัยจึงเลิกเขย่าตัวคนข้างกายแล้วหันไปหาคุณชัชแทน “นายเอาพี่เหนือไปคนเดียวแล้วดูแลเขาได้เหรอ ต้องมานั่งป้อนข้าวป้อนน้ำ พาเข้าห้องน้ำไหวเหรอ พี่เหนือทั้งกินยาก เรื่องมาก นายจะทนไหวเหรอ แล้วถ้าเกิดนายทนไม่ได้ เผลอยิงโป้งเข้าให้ ทีนี้เงินนายก็ปิ๋ว คุณรตีกับคุณเตโชต้องไม่ปล่อยนายแน่ถ้าพี่เหนือเป็นอะไรไป”

“จินเงียบได้แล้...” เขาหันไปว้ากใส่แสงเหนือดังลั่น “พี่เหนือนั่นล่ะเงียบไปเลย! คุณชัช ผมมีข้อเสนอดีกว่านั้นอีก ทำไมไม่จับผมไปคนเดียวล่ะ ผมตัวนิดเดียว หน้าตาธรรมดา ตาก็ไม่บอด ไม่ค่อยเป็นที่สังเกตเหมือนพี่เหนือ เอาผมไปคนเดียวเลี้ยงง่ายกว่าเยอะ...”

“จิน!” หน้าขาวๆ ของชายหนุ่มแดงก่ำ ไม่มีท่าทีใจเย็นก่อนหน้าหลงเหลือ “อาชัชอย่าไปฟัง ต่อให้อาจับจินไปแล้วคิดหรือว่าแม่ผมจะยอมจ่ายค่าไถ่ให้เด็กรับใช้...กระจอกๆ แบบนี้! เอาไป อย่างดีก็เอาไปขาย แล้วคิดหรือว่าเด็กผอมๆ หน้าตาธรรมดาจะขายได้สักเท่าไหร่ หรือต่อให้อายิงมันตาย ผมก็หาเด็กใหม่มาแทนได้เป็นร้อยเป็นพันโดยไม่ต้องนึกเสียดายด้วยซ้ำ”

ถึงจะรู้ว่าแสงเหนือแกล้งพูดตัดราคาเขาสะบั้นหั่นแหลกชนิดไล่แจกฟรียังไม่มีใครเอา แต่เขากลับอดน้อยใจไม่ได้ ...มันงี่เง่าแต่ก็เจ็บจริงๆ นะ

“คุณรตีไม่จ่าย...” น่าแปลก เขากลับเป็นฝ่ายสงบใจลงได้ในที่สุดยามเอ่ยทุกคำพูดช้าๆ ชัดๆ “แต่พี่เหนือยอมจ่ายแน่ เพราะคุณชัชพูดถูกอยู่อย่างรู้ไหม...ที่ว่าพี่เหนือเป็นห่วงแต่พวกขี้ข้าน่ะ”

เขาเน้นคำว่าขี้ข้าให้คนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะโกรธจนแทบบ้าฟัง ถ้าเขาไม่โดนคุณชัชยิงทิ้ง รับรองได้ว่าก็หนีไม่พ้นโดนแสงเหนือฆ่าอยู่ดี แต่ก่อนที่เขาจะโดนคนตรงหน้าฆ่าตายอีกครั้ง กลับเป็นเสียงตะโกนอย่างเหลืออดต่างหากที่หยุดไว้ทัน “พวกมึงเลิกเถียงแล้วก็หุบปากได้แล้ว! ทั้งคู่นั่นล่ะ! ไอ้แสงเหนือต้องเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ ส่วนไอ้เปี๊ยกก็คอยดูแลนายมึงไว้ กูไม่ปล่อยพวกมึงคนใดคนหนึ่งไปแน่ อ้อ แล้วจำไว้ว่าต่อให้พวกมึงตัวไหนคิดเล่นตุกติกกับกู กูจะยิงไอ้อีกตัวทิ้งทันที จำใส่กะโหลกพวกมึงไว้ให้ดี”

ระยะเวลาร่วมชั่วโมงหลังจากนั้น ปรากฏว่าไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากพวกเขาคนใดคนหนึ่งแม้แต่คำเดียว อดีตรองผู้จัดการแผนกบัญชีที่บัดนี้ผันตัวเองมาเป็นผู้ร้ายเรียกค่าไถ่จอดรถพรืดลงหน้าบ้านหลังเก่าซอมซ่อในซอยลึกบนถนนเส้นแถบชานเมืองแล้วลงมาเปิดประตูไล่ให้เดินเข้าไปในบ้าน

“ที่นี่ล่ะ บ้านใหม่กู กูคงหาบ้านสวยๆ กว่านี้ได้เยอะถ้าพวกมึงจะไม่ขโมยเงินกูไปจนหมด” พวกเขาโดนต้อนเข้ามาในห้องซึ่งทั้งสกปรก เหม็นอับและมืดทึบเนื่องจากหน้าต่างเพียงบานเดียวในห้องโดนไม้แผ่นใหญ่ตอกปิดตายไว้ “ทีนี้ก็โทร...”

ชายร่างอ้วนยังพูดไม่จบ แสงเหนือกลับเอ่ยสวนทันควัน “ฉันไม่โทร”

นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนร่างอ้วนจะระเบิดเสียงหัวเราะจนกระเพื่อมไปทั้งตัว “มึงนี่อวดดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เคยหยิ่งผยองยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น จนพิการตาบอดแล้วยังไม่สังวร” นิ้วป้อมเช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะแล้วส่งโทรศัพท์ให้จินดนัยแทน “งั้นมึงโทรแทนแล้วกัน โทรบอกคุณรตีว่าถ้าอยากได้ตัวลูกชายพิการคืนก็เตรียมหาเงินไว้สักสิบล้านยี่สิบล้านที”

โทรศัพท์ถูกยัดใส่มือเขาแล้วตอนแสงเหนือคำราม “จินอย่าโทร”

ชัชมีปฏิกิริยาตอบสนองคำพูดดังกล่าวโดยการเดินดุ่มเข้าหาร่างสูงและยกปืนตบใส่หน้าเต็มแรงจนชายหนุ่มทรุดลงกับพื้น “มึงจะโทรไม่โทร กูนับหนึ่งถึงสามแล้วถ้ามึงยังไม่โทร กูจะยิงขาให้แม่งกลายเป็นไอ้ง่อยตาบอดครบสูตร หนึ่ง...”

“ผมโทรแล้ว” เขาจิ้มนิ้วสั่นเทาลงกับปุ่มตัวเลข เหลือบมองชายร่างอ้วนที่จ้องเขม็งมาแล้วลดสายตามองอีกคนที่ทรุดอยู่ “ฮะ...ฮัลโหล คุณรตีอยู่ไหมครับ นี่ผมจิน ช่วยไปเรียกคุณรตีมารับสายที... อะ จริงเหรอ ครับ ไม่เป็นไรครับ”

เขารีบอธิบายเมื่อปากกระบอกปืนถูกยกร่อนร่าตรงมา “คนที่บ้านบอกว่าคุณอั้มโทรมาเรียกคุณรตีให้ไปที่โรงแรมได้สักพักแล้ว”

“แสดงว่าคงเจอไอ้แก่นั่นแล้วสินะ” พูดเสร็จ ชัชก็เงื้อปืนตวาดลั่น “แล้วมึงจะยืนโง่อยู่ทำไม รีบโทรไปที่โรงแรมสิวะ จะรีรอหาพระแสงเหรอ!”

“ครับ ผมโทรครับ” กดเบอร์ซึ่งจำได้ง่ายๆ ด้วยเลขซ้ำๆ แล้วเขาก็กรอกเสียงสั่นเทาลงไปตั้งแต่ตอนที่โอเปอร์เรเตอร์ยังเอ่ยชื่อโรงแรมไม่จบดี “ขอสายคุณรตีครับ บอกว่าจินขอพูดด้วย คุณรตีที่เป็นเจ้าของไงครับ คุณลองถามท่านดูก่อนก็ได้ว่าอยากคุยกับผมหรือเปล่า ...ครับ ผมจะรอ” ดูจากความเชื่องช้าในการโอนสายและความลังเลของโอเปอเรเตอร์แล้ว สงสัยว่าคุณอั้มจะยังสามารถเก็บการหายตัวไปของพวกเขาเป็นความลับได้

“ฮัลโหล เจ้าจินเหรอ! ตอนนี้อยู่ที่ไหน แล้วตาเหนือล่ะ! ตาเหนือยังอยู่กับเราใช่ไหม!” คุณรตีกรีดเสียงละล่ำละลักจนแทบฟังไม่ออกมาตามสาย “คุณนายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ พี่เหนืออยู่กับผมครับ แต่...”

เห็นอาการอ้ำอึ้งเรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ถูกของเขาแล้วชายร่างอ้วนจึงฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเขา “สวัสดีครับ คุณรตี ไม่ทราบว่ายังจำไอ้ขี้ข้าอย่างไอ้ชัชได้ไหมครับ ตอนนี้ผมจับตัวลูกชายคุณมาและจะฆ่ามันถ้าคุณไม่ยอมหาเงินสดยี่สิบล้านมาให้ผมภายในวันพรุ่งนี้ ยี่สิบล้านแลกกับชีวิตลูกชายคนเดียวคงไม่ต้องคิดมากนะครับ รีบหาเงินเตรียมไว้แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหาอีกครั้ง”

หลังจากวางสายไปแล้ว เชือกเส้นโตจึงถูกนำมามัดมือพวกเขาไว้ทางด้านหน้าแทนการมัดไพล่หลังเนื่องจากคนมัดทนฟังคำบรรยายถึงสภาพขี้เยี่ยวเรี่ยราดจากปากตัวประกันไม่ได้ รอจนชัชลากเขากับแสงเหนือมาโยนใส่ห้องทึบๆ ไม่มีอากาศถ่ายเทแล้วนั่นล่ะ จินดนัยจึงเพิ่งมีโอกาสดูบาดแผลแตกตรงหางคิ้วชายหนุ่มได้

“เจ็บหรือเปล่าครับ ทนหน่อยนะ คุณรตีต้องหาเงินมาไถ่ตัวพี่ได้แน่ ไม่งั้นคุณอั้มก็ต้องพาตำรวจมาจับไอ้บ้านี่ได้แน่” เขาเอ่ยพลาง ดึงชายเสื้อขึ้นมาซับเลือดให้อย่างงกๆ เงิ่นๆ ไปพลาง คราบเลือดเป็นวงกว้างบนผ้าสีขาวไม่ได้ทำให้เขาสะอิดสะเอียนเช่นเคย หากมันกลับทำให้เขากลัวจนเสียงสั่นไปหมด “พี่เหนือจะต้องไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวนะ...”
“...มานี่มา” ชายหนุ่มกลับปัดมือเขาออกและยกแขนที่ถูกมัดขึ้นเพื่อโอบรอบตัวเขาไว้ กึ่งบังคับให้นั่งลงบนตักกว้างแทน ก่อนเสียงอ่อนโยนจะก้มลงกระซิบติดริมหู “ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่สัญญาว่าจินจะต้องปลอดภัย ถ้ามันคิดจะทำอะไรเราล่ะก็ต้องข้ามศพพี่ไปก่อน ดังนั้นจินไม่ต้องกลัวแล้ว พี่ยังอยู่ทั้งคน ไม่ต้องร้องแล้วนะ... ไม่ต้องร้อง”

เขาแทบไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้จนได้ยินแสงเหนือปลอบ ถึงจะนึกอายที่ดันร้องไห้แงอย่างกับเด็กๆ แต่กลับหยุดไม่ได้ ...กลัวตาย ใช่ เขากลัวความตายมากจนหายใจแทบไม่ออก ตัวสั่นงันงกยามแค่นึกถึงความโดดเดี่ยวในโลกมืดดำ ความตายที่เย็นเยียบ ความตายที่เป็นจุดจบ กลัวจะไม่ได้สูดหายใจอีกครั้ง ไม่สามารถลืมตาเห็นแสงตะวันได้อีก กลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรก็ตามที่รออยู่เมื่อต้องจบชีวิตลง เขายังไม่อยากตาย...

ที่สำคัญคือเขาไม่อยากเห็นแสงเหนือตายด้วยเช่นกัน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอับจนหนทางและสัมผัสถึงลางแห่งความพ่ายแพ้ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่รู้ว่าเขาจะเป็นได้แค่ผู้แพ้ในเกมที่มีชีวิตเป็นเดิมพันอย่างแน่นอน

++++++++++


TBC

ตอนล่าสุดแล้วนะคร๊าบบบบบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-06-2008 18:02:24 โดย yayoy »

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
ได้อ่านต่อแล้ว ดีใจ :oni2:
ขอบคุณมาก คุณโยยยยยยยยยยยย :กอด1:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด


เฮ้ออออ


ร่างกายจินเริ่มอ่อนแอแล้วอ่า

sarin

  • บุคคลทั่วไป
โห...สองตอนรวด..แจ่ม..ค้าบ o13
อ่านไป....ลุ้นสุด.สุดค้าบ
ห่วงจินกะพี่เหนืออ่ะ
ไอ้คุณชัช :เตะ1:..เลวอ่ะ...

Taurus

  • บุคคลทั่วไป
 :o :o :o  อารายยยยยยยยยยยยย
ไอคุณชัช โผล่มาจากไหนเนี่ย...... :o12: :o12: :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด