✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59  (อ่าน 244699 ครั้ง)

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
10500


** ชดใช้หนี้ครั้งที่ 9 นางในฝัน **

   เสียงเทปเพลงเครื่องดนตรีไทยบรรเลงผสานกับเสียงขับกลอนของเนื้อเพลงฉุยฉายพราหมณ์ดังคลอไปพร้อมๆกับการขับร้องบทกลอนลิเกของนักแสดงคนอื่นๆในคณะลิเกปทุมทัศน์ที่เลื่องชื่อติดอันดับต้นๆในประเทศ

   ตอนนี้ผมกำลังซ้อมรำฉุยฉายอยู่กับคุณครูผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชานาฏศิลป์ให้ผมมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนั่นก็คือพ่อของผมนั่นเอง
   เพี๊ยะ!!

   “โอ้ย พ่อ เจ็บ” ผมร้องลั่นเมื่อพ่อหวดไม้เรียวลงมาที่น่องผมครั้งที่เท่าไรไม่รู้แล้ว

   “เจ็บอะไร เอ็งก็รำดีดีสิวะ มือไม้แข็งไปหมดแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จให้แม่เอ็งเก็บน้ำซาวข้าวไว้ให้เอ็งดัดมือด้วย พอไม่ได้ซ้อมไม่ได้ใช้ก็แข็งไปใหญ่”

   “อะไรล่ะพ่อ ผู้ชายก็อย่างนี่ล่ะน่า จะเอาอะไรกับผู้ชายรำฉุยฉาย ไม่เข้าใจเจ้าภาพของพ่อเลย ให้ผู้ชายมารำฉุยฉาย บ้ารึปล่าว”
   “น้อยน้อยหน่อยไอ้มณี เขาจ้างไปรำก็ดีเท่าไรแล้ว เอ็งนี่กระโดกกระเดกจริงจริง”

   “เอ้า ก็ผู้ชายนี่พ่อ”

   “ทีไอ้เพชรมันยังรำได้เลย”เพชรของพ่อนั่นมันพระเอกลิเก เขาทำเป็นอาชีพ เขาเป็นพระเอกตัวหลักของพ่อเลยน่ะนั่น เขาก็ต้องรำสวยเป็นธรรมดา

   จะเอานักศึกษาวัยรุ่นเท่ๆอย่างผมไปรำเปรียบเทียบกับพระเอกลิเกมันจะเทียบกันติดได้ยังไงเล่า

   “ใครมันจะไปสู้พระเอกของพ่อได้เล่า”

   ถึงแม้การรำการดนตรีมันจะเป็นศิลปะที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดก็เถอะ แต่จะให้มานั่งรำต่อหน้าคนตัวใหญ่ที่กำลังนั่งจ้องผมอยู่อย่างสนอกสนใจนี่มันก็ไม่ใช่เรื่อง

   ผมหยุดรำทันทีที่เห็นว่าพี่ธารากำลังนั่งมองผมรำอยู่อย่างสนอกสนใจ แถมยิ้มเยาะอีกเวลาที่ผมโดนไม้เรียวฟาดน่อง

   ใจคอพี่เขาจะแทรกซึมเข้ามาในครอบครัวผมให้ได้จริงจริงใช่ไหม เสนอหน้าเข้ามาแม้แต่ในห้องซ้อมรำของคณะที่อยู่ข้างบ้าน
   โทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษแม่ประทุมสุดสวยของผมที่ดันไปชวนไอ้พี่ธารามากินข้าวเย็นด้วย พี่เขาเลยมานั่งเสนอหน้าดูผมซ้อมรำอยู่ตอนนี้

   “มองอะไร”ผมเท้าเอวถามพลางจ้องหน้าพี่ธาราอย่างไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันที่พี่เขาจะตอบ

   “โอ้ย อะไรล่ะพ่อ”หัวผมคว่ำคะมำไปด้วยฝ่ามือของพ่อที่เข้าปะทะจนแทบจะตกเวที

   “เอ็งไปถามพ่อธาราอย่างนั้นได้ยังไง พ่อธาราเขาอุตส่าห์มาดูเอ็งซ้อม เอ็งนี่ มัวแต่รำกระโดกกระเดก จะพาลเสียชื่อพ่อแม่เอ็งเอา”

   เขาติดสินบนพ่อแล้วก็บอกมาเถอะ แอบเห็นว่ารับถุงกาแฟจากนอกพี่เขามาตอนที่ผมเผลอ พ่อนี่ก็พอพอกับแม่ไม่มีผิด

   ครอบครัวผมเป็นอะไรกันไปหมด คงจะพึ่งได้แค่พี่ศรีสุวรรณล่ะมั้งที่ยังพอไว้เนื้อเชื่อใจได้

   ไม่รู้ป่านนี้จะได้แฟนสาวผมแดงมานอนกกกี่คนแล้ว

   เหลือก็แต่ผมที่กำลังเผชิญชะตากรรมชีวิตวันรุ่นที่แสนเหี่ยวเฉาอยู่อย่างนี้

   “ทำไมต้องจ้องขนาดนั้นด้วย”ผมว่าพึมพำพลางมองค้อนพี่ธารา

   “เอ็งซ้อมไปก่อน เดี่ยวพ่อไปดูชุดว่านังแมวมันแก้เสร็จรึยัง จะได้มาลองกัน”

   พ่อพูดเสร็จก็เดินไปทางหลังเวทีที่สำหรับเอาไว้เก็บชุดเก็บอุปกรณ์การแสดง

   “ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าร่ายรำได้สวยราวกับสตรีเช่นนี้”พี่ธาราเดินมานั่งที่ขอบเวทีพลางพูดทำเอาผมหันไปมองค้อนหนักยิ่งกว่าเขา

   เขากำลังบอกว่าผมเหมือนผู้หญิงอยู่ใช่ไหม นี่ผมสูงร้อยเจ็ดสิบกว่า ถึงรูปร่างจะไม่ใหญ่โตเหมือนพี่เขา แต่ก็ไม่ได้หวานแหววอะไรจนเหมือนผู้หญิงปานนั้น

   ออกจะหล่อ ดูดีมีชาติตระกูล พอมีกล้ามเนื้อรูปร่างสูงโปร่ง พอให้สาวให้เหลียวมองอยู่บ้าง เล่นพูดซะผมห่อเหี่ยวหนักกว่าเก่าอีก

   “ใครถามความเห็นพี่ ไปเลย นู่น ไปช่วยแม่ทำกับข้าวไป ประจบประแจงกันดีนักนิ”ผมว่าประชดพลางโยนผ้าขนหนูผืนเล็กที่เอาไว้เช็ดเหงื่อใส่พี่ธารา

   “ข้ามิได้ประจบสักหน่อย ข้าเพียงแค่ทำความรู้จักแบบที่มนุษย์ชอบทำกัน”พี่ธารารับผ้าคนหนูที่ผมโยนใส่พลางลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม

   เอาอีกแล้ว พออยู่กันลำพังทีไรเป็นอันต้องเข้ามาใกล้ผมทุกที ถึงจะมีคนอื่นซ้อมบทกลอนอยู่ไม่ไกลก็เถอะ แต่เขาก็ก้มหน้าก้มตาท่องกันไม่เห็นมีใครสนใจ

   “อย่าเข้ามาใกล้นะ”ผมว่าพลางถอยหนี

   “เป็นอะไรเล่า เจ้ากลัวข้าเช่นนั้นรึ”

   “ปะ ปล่าว ไม่ได้กลัวสักหน่อย ถอยไปได้แล้ว”ผมว่าพลางผลักอกพี่ธาราที่เดินเข้ามาใกล้จนแทบชิดออก

   ผมมองดูคนอื่นที่กำลังท่องบทอยู่ ที่ตอนนี้พร้อมใจเงยหน้าขึ้นมามองทางผมกันใหญ่ แถมยังซุบซิบกันอีก อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันซี่

   “อยู่นิ่งนิ่งสิ”พี่ธารากระซิบ ตอนนี้พี่เขาอยู่ห่างจากผมไม่กี่คืบ แถมยังโน้มหน้าเข้ามาหาผมอีก

   “จะ จะทำอะไร”ผมถามพลางหลบสายตาสีดำสนิทที่มองมาแล้วเบือนหน้าหนี ยอมรับเลยว่าไม่กล้าสบตากับพี่ธารา เพราะมันกำลังเปล่งประกายวิบวับอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งบวกกับมุมปากที่ยกยิ้มแบบนั้นอีก ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละลายหายไปได้นะ

   พี่ธารายกมือข้างที่ถือผ้าขนหนูของผมขึ้นมาก่อนจะยกมันมาซับเหงื่อบนหน้าผากให้ผมเบาเบา

   “เจ้าเหงื่อออกอยู่”พี่ธารากระซิบข้างหู

   ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ ผลักออกไปสิ ผมพยายามสั่งร่างกายแต่ทำไมมือผมไม่ผลักเขาออกไปให้ออกห่าง นี่ผมกำลังเป็นอะไร คราวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาตรึงเอาไว้ แต่ทำไมผมถึงได้ไม่ผลักเขาออกนะ


***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***


   หลังจากที่จบสิ้นอาหารมือเย็นและการพูดคุยกันเล็กน้อยระหว่างครอบครัวและส่วนเกินอย่างพี่ธารา พี่ยักษ์ขี้ตู่เจ้าเดิมที่กว่าจะกลับบ้านกลับช่องของตัวเองไปอยู่คุยกับพ่อแม่ของผมอีกยาว

   พอผมต่อว่าไปว่าประจบอะไรพ่อแม่ผมนักหนาพี่เขาก็แก้ตัวว่าทำความรู้จัก นิสัยอะไรชักเหมือนมนุษย์ขึ้นมาทุกที

   ผมเปิดประตูห้องนอนตัวเองก็เจอเข้ากับการ์ดลายกุหลาบสีแดงที่ผมยังเก็บเอาไว้วางเด่นอยู่บนหัวเตียง

   ไม่รู้ว่าถ้าพี่ธารารู้ว่าผมทิ้งไปแค่ดอกไม้ แต่ยังคงเก็บกระดาษการ์ดนี้เอาไว้ พี่เขาจะว่าอะไรผมรึปล่าว หรือว่าจะจูบเหมือนเมื่อตอนเช้าก็ไม่รู้ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห

   คนอะไร ไม่สิ ยักษ์ต่างหาก ยักษ์อะไรพอนึกจะหงุดหงิดก็หงุดหงิดจนตามไม่ทัน แถมกระแทกปากลงมาบนปากคนอื่นได้ เล่นเอาซะปากผมเกือบแตก

   ผมหยิบการ์ดลายกุหลาบแดงขึ้นมาเปิดอีกครั้ง ชื่อละเวงมันยังคงติดอยู่ในใจผม

   สาเหตุที่ผมยังคงเก็บมันไว้ก็คือ ตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือ แล้วที่สำคัญ หมึกที่เขียนก็มีสีแดงเข้มคล้ายกับสีของเลือดนก
แถมยังมีกลิ่นคล้ายกับเครื่องหอมจำพวกธูปหรือเทียนหอมทำให้ผมทิ้งมันไม่ลง เพราะมันมีอะไรที่น่าสงสัยมากกว่าจะทิ้งไปง่ายๆ
   บางทีผมอาจจะเอาลายมือที่เขียนอยู่นี่ไปเทียบกับลายมือคนที่คิดว่าอาจจะใช่เจ้าของดอกไม้นี้ก็ได้ เผื่อว่าผมอาจจะได้รู้สักทีว่าเจ้าของกุหลาบแดงสีเลือดนั่นเป็นใคร

   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   “มณี เอ็งนอนรึยัง”เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงพ่อที่ดังลอดเข้ามาทำให้ผมละสายตาจากการ์ดลายกุหลาบ

   “ยังพ่อ เข้ามาเลยไม่ได้ล็อกประตู”ผมว่าพลางวางการ์ดลายกุหลาบไว้ที่หัวเตียงเหมือนเดิม

   “กลิ่นอะไร”ทันทีที่เข้ามาได้พ่อก็ถามถึงกลิ่นหอมที่ลอยคลุ้งอยู่ภายในห้องผมทันที

   “กลิ่นดอกมะลิน่ะพ่อ”ผมตอบพลางเหลือบมองชามเคลือบลายดอกไม้สีขาวที่วางอยู่หัวเตียง

   “เอ็งไปเอามาจากไหน”

   “พี่ธาราเขาให้มา”ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ นึก

   แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ทิ้งมันไปเหมือนดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่นั่น

   “แล้วทำอะไรอยู่ล่ะ ทำไมเอ็งถึงยังไม่นอน”

   “ก็รอพ่อมานี่ไง”ผมตอบกวนกวนไป

   “เอ็งอย่ามากวนตีน เอาดีดี ไอ้ลูกคนนี้”

   “ก็ว่าจะอ่านหนังสือแล้วก็ท่องบทพระเอกของพ่อไง เดี๋ยวถึงเวลาขึ้นเล่นจำบทไม่ได้ก็อายคนดูพอดี”ผมว่าไป แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับตรงข้ามเลยต่างหาก

   “แล้วเพลงที่พ่อให้ไปล่ะ เอ็งลองเล่นดูรึยัง”พ่อว่าพลางนั่งลงบนเตียงข้างๆผม

   “ยังเลย ถามทำไมอ่ะพ่อ”

   “เอ็งก็ลองเล่นดูได้แล้ว ชักช้าจะไม่ทันการ”ไม่ทันการอะไร?

   “ไม่ทันการอะไร พูดอย่างกับว่าจะมีเรื่องอะไร”ผมถาม

   “เออน่าเอ็งก็ถามมาก ก็ลองลองเล่นดูไป อีกไม่กี่อาทิตย์ก็วันเกิดเอ็งแล้วไม่ใช่รึไง พ่ออยากให้เอ็งเล่นเพลงนี้ให้ได้ก่อนจะถึงวันเกิดเอ็ง”

   ถึงอีกไม่กี่อาทิตย์จะถึงวันเกิดครบรอบสิบแปดปีของผมก็เถอะ

   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะต้องเล่นเพลงที่มีแต่กระดาษโน้ตใบเก่าด้วย ทำอย่างกับมีความลับอะไรอย่างนั้นล่ะ

   “โอเค ถ้าพ่ออยากให้มณีเล่นให้ได้ก่อนวันเกิดล่ะก็ มณีจะเล่นวันนี้เลย พอใจยัง ทำอย่างกับมีความลับกันตลอด”

   “พูดมากนะเอ็ง พ่อไปนอนแล้ว อย่าลืมลองเล่นเพลงที่พ่อให้ล่ะ”

   “รู้แล้วน่า ย้ำอยู่ได้ ไปนอนไป เดี๋ยวแม่ปทุมก็มาตามหรอก”ผมว่าไล่หลังหลังจากพ่อปิดประตูลง

   อะไรของพ่อกันนะ ชอบพูดเหมือนมีความลับตลอดเลย

   ผมเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วหยิบกระดาษโน้ตเพลงแผ่นเก่าสามแผ่นออกมาพลางจ้องมองตัวโน้ตแบบเก่า

   ผมลองฮัมเพลงในลำคอไล่โน้ตดู น่าแปลกที่ผมเว้นจังหวะได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองอ่าน ตัวโน้ตที่แต่งต่างกันไล่ระดับเสียงขึ้นลงสอดรับกันอย่างลงตัวกับจังหวะที่ผมเว้นวรรคเอาไว้

   ทำไมผมรู้สึกว่าบทเพลงที่ผมกำลังฮัมอยู่มันช่างลึกซึ้งจนผมหยุดที่จะไล่ระดับเสียงตามโน้ตเพลงต่อไปไม่ได้

   ทำไมมันเหมือนกับคุ้นเคยอย่างนี้ ผมฮัมมันไม่หยุด จากแผ่นแรกไปแผ่นที่สอง จากแผ่นที่สอง จนไปแผ่นที่สาม จนกระทั่งถึงตัวโน้ตตัวสุดท้าย

   อะไรกัน?ตัวโน้ตไล่ระดับขึ้นลงไปมาซับซ้อนขนาดนี้ แต่ทำไมผมกลับอ่านมันออกอย่างง่ายดายจนดูน่าประหลาดใจ

   ในใจผมมันรู้สึกทั้งอย่างรู้อยากเห็นและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน จนต้องเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบไวโอลินที่ซุกอยู่ข้างในเปิดกล่องออกมาแล้วทาบตัวไวโอลินลงบนลาดไหล่

   ผมเปิดกระดาษโน้ตกลับไปที่แผ่นแรกก่อนจะยกคันสีขึ้นจรดลงบนสายไวโอลิน ก่อนจะชักคันสีจนเกิดเสียงก้องกังวาล

   ครั้งนี้ผมแทบไม่ต้องดูกระดาษโน้ตเลยด้วยซ้ำ ท่วงทำนองที่เสียดสีมันช่างหวานจนทำให้ผมที่กำลังฟังอยู่โอนอ่อนไปตามท่วงทำนอง

   หัวใจราวกับว่ากำลังหลอมละลายคล้ายกำลังถูกโอบอุ้มเอาไว้ด้วยปุยเมฆที่บางเบา

   คราวนี้ผมเร่งความเร็วในการสีไวโอลินให้เร็วยิ่งขึ้นท่วงทำนองของบทเพลงเริ่มให้ความรู้สึกที่แตกต่างราวฟ้ากับเหวโถมเข้าในกัดกินข้างในจิตใจ

   ท่วงทำนองที่ราวกับบาดลึก สั่นคลอนให้หัวใจรู้สึกว่าถูกกัดกินจนเจ็บปวด มันบาดลึกราวกับพายุที่โหมกระหน่ำกำลังถาโถมเข้าใส่จิตใจ

   ยิ่งเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงกรีดร้องของบทเพลงก็ยิ่งรุนแรงราวกับจะฉุดลมหายใจให้หยุดนิ่ง คล้ายกับต้องการจะพรากชีวิตของผู้ที่ได้ฟัง จนกระทั่งถึงตัวโน้ตตัวสุดท้าย

   น้ำตาของผมไหลงลงมาจากดวงตาข้างขวาโดยที่ผมไม่ทันได้รู้สึกตัว

   น้ำตาของผมไหลลงมาจากตาข้างขวาเพียงข้างเดียว

   “เฮือก”ผมสุดหายใจเข้าปอดพลางรีบปิดกระดาษโน้ตเพลงแล้วยัดมันลงลิ้นชักหัวนอนตามเดิมทันที

   น่ากลัว!!

   บทเพลงอะไรกัน ทำไมตอนเล่นช้าๆถึงได้หวานจนแทบหลอมละลาย แต่พอเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นมันถึงได้ฟังดูบาดลึกกัดกินจิตใจอย่างนี้

   ผมยกมือขึ้นมากุมอกข้างซ้ายที่หัวใจกำลังเต้นกระหน่ำแล้ววางไวโอลินลงใส่กล่องแล้วเอามันไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม
   สงสัยวันนี้ผมคงจะเหนื่อยเกินไปจริงจริง

   ผมมองดูการ์ดลายกุหลาบแดงที่วางเด่นอยู่บนหัวเตียง ผมจ้องมองมันนิ่งราวกับว่ามันกำลังเรียกร้องให้ผมหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง
   ผมหยิบมันขึ้นมาพลางเปิดมันอีกครั้ง ลายหมึกสีแดงเข้มที่ถูกเขียนด้วยลายมือที่เป็นระเบียบปรากฏอยู่บนการ์ด

   คล้ายกับถูกชักจูงด้วยสิ่งที่ผมมองไม่เห็น ผมลูบมือลงบนเส้นหมึกที่เขียนอยู่บนกระดาษเรียงเป็นตัวหนังสือผมไล่นิ้วกรีดบนตัวหนังสือตั้งแต่ต้นจบจบประโยคราวกับว่ามันกำลังเรียกร้องให้ผมทำอย่างนั้น

   แล้วทำไมผมจะต้องทำล่ะ?

   สงสัยว่าวันนี้ผมอาจจะเหนื่อยมากเกินไปจริงๆ ถึงได้รู้สึกว่ามีแต่เรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นกับผมมากมายขนาดนี้


***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***

   ที่นี่ที่ไหน?

   ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ามันวาบหวามจนกำลังจะหลอมละลายอย่างนี้

   ทำไมรอบกายผมถึงมีแต่กลีบกุหลาบเต็มไปหมด กลีบกุหลาบสีแดงที่สีเหมือนกับสีของเลือด

   ทำไมผมถึงได้ฝันประหลาดแบบนี้

   กลีบกุหลาบที่อยู่รอบกายค่อยๆเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นจนแทบจะโถมเข้ามาทับผมทั้งตัว

   นี่ผมกำลังจมอยู่ในกลับกุหลาบที่เยอะมากมายนี่ใช่ไหม ทำไมมันถึงได้เยอะขนาดนี้

   กลีบกุหลาบแดงรอบกายผมยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนสูงท่วมเลยคอผมขึ้นมา

   อะไรกัน? นี่ผมกำลังจะจมกลีบกุหลาบตายอย่างนั้นเหรอ ทำไมถึงได้รู้สึกว่ากำลังถูกดึงให้จมลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีเลือด

   แต่วินาทีที่ผมกำลังจะจมลงไป มือผมถูกเกาะกุมเอาไว้ด้วยมือที่เย็นชืดไร้ชีวิตชีวา

   ผมเงยหน้ามองคนที่ช่วยดึงมือผมเอาไว้ไม่ให้จมลงไปในบ่อกุหลาบสีเลือด

   ใครกัน เจ้าของเรือนผมยาวสลวยที่ผมกำลังเห็น แสงที่ส่องผ่านตัวเธอทำให้ผมแสบตาจนแทบจะมองไม่เห็นหน้าของเธอ

   เธอเป็นใคร?

   ผมจ้องไปที่เธอก่อนที่จะกระพริบตา ภาพที่ผมเห็นคือผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยราวกับนางฟ้าลงมาจากสวรรค์

   เธอคนนี้เป็นใครกัน ใบหน้าที่สวยหวานจนผมแทบจะละสายตาไปจากเธอไม่ได้

   ดวงตากลมโตบวกกับริมฝีปากเล็กรูปกระจับ จมูกที่เชิดรั้งเล็กน้อย ผมสีดำสวยที่ยาวจนถึงสะโพก

   ผมถูกดึงขึ้นมาจากบ่อที่เต็มใบด้วยกลีบกุหลาบสีเลือด ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ความรู้สึกของผมตอนนี้คือผมกำลังหลงใหลผู้หญิงคนนี้จนไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้

   เธอเป็นใคร?ผมได้แต่ถามตัวเอง เธอยิ้มให้ผม ในวินาทีที่เธอยกมือขึ้นจับที่ใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา

   เบาพอที่จะทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบคลั่ง ทำไมผมถึงได้รู้สึกหลงใหลเธอมากมายขนาดนี้

   ผมมองใบหน้าที่สวยหวานของเธอ มองที่เรียวปากรูปกระจับของเธอที่กำลังขยับคล้ายกำลังจะพูดอะไร

   ‘อภัยมณี’

   เสียงนั้นหวานจนแทบจะละลายผมได้เลย สิ้นเสียงที่เธอเรียกผมริมฝีปากของเธอก็ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้


   ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

   ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก

   ผมฝันไปอย่างนั้นเหรอ

   ทำไมถึงได้ฝันน่ากลัวอย่างนี้ แต่ว่าในฝันช่วงหลังๆนี่ก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน ผู้หญิงในฝันที่ผมเห็นเป็นใครกัน

   แต่คงจะเป็นแค่ฝัน คนในฝันมันจะมีตัวตนอยู่จริงจริงได้ยังไง ผมนี่ก็บ้า

   แต่นาฬิกาปลุกก็ไม่น่ามาปลุกเอาตอนนี้เลย กำลังจะได้จูบผู้หญิงสวยสวยอยู่แล้วเชียว ดันมาตื่นเอาซะได้

   ผู้หญิงอะไร สวยจนผมลืมภาพไม่ลงเลยจริงๆ  ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกรัก และกำลังตกหลุมรักเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในใจจนผมรู้สึกว่ามีความสุขแต่เช้า

   ผมกำลังตกหลุมรักผู้หญิงในฝันอยู่ใช่ไหม ความรู้สึกของผมมันบอกอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าหลงใหลเธอ รู้สึกว่าอยากจะกอดเธอจนใจจะขาด

   ผมคงบ้าไปแล้ว แต่ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ผมหลงรักเธอ ผมรู้สึกหลงเธอเข้าแล้ว

   ผมอยากให้ผู้หญิงที่อยู่ในฝันของมีตัวตนจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะกอดเธอ ผมจะบอกรักเธอ และผมจะดูแลเธอตลอดไป ความรู้สึกของผมมันบอกอย่างนั้น



   เช้านี้ผมขับมอเตอร์ไซรถมาเรียนตามปกติโดยที่ไม่มีพี่ธารามาเป็นส่วนเกินในครอบครัว

   พอนึกถึงพี่ธาราทีไรผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ทราบสาเหตุ แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะตอนนี้ผมกำลังนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงในฝันของผมต่างหาก

   เธอสวยเหมือนกับนางฟ้าเลย ถ้ามีตัวตนอยู่จริงล่ะก็คงจะดี

   ผมเดินไปใต้ตึกคณะที่โต๊ะประจำก็เห็นโมกับนนท์นั่งอยู่ก่อน น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีเชียร

   “ว่าไงมณี วันนี้มาคนเดียวเหรอ”นนท์ทักพลางหันไปหยิกแก้มโมที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆ

   “โอ้ย เจ็บน่านนท์”โมว่าพลางปัดมือนนท์ออก

   “อืม มาคนเดียว ทำไมถามงั้นล่ะ”ผมถามกลับ

   “ก็เห็นว่ามากับพี่ธาราสองวันติดแล้วไม่ใช่รึไง”

   “ไม่เห็นต้องมาด้วยกันทุกวันนี่ ต่างคนต่างอยู่ต่างหาก”ผมพูดด้วยน้ำเสียงห้วนทันทีที่นึกถึงพี่ธารา

   “แล้ววันนี้จะไปทำงานห้องสมุดไหม”

   “ไม่ไปว่ะ รุ่นพี่อนุโลมให้ทำแค่วันพฤหัสศุกร์แค่สองวัน เพราะเราต้องไปช่วยงานที่บ้าน”ผมตอบ

   พลางมองไปที่กลุ่มรุ่นพี่ปีสอง น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีพี่ธารา แต่ก็ดี ผมก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าพี่เขาสักเท่าไร

   “ก็ดี จะได้มีเวลาไปหาอะไรกินตอนเย็นกัน”นนท์ว่าพลางหยิกแก้มโมที่ตอนนี้เป็นรอยหยิกจนแดงอีกครั้ง

   “นี่ อย่าหยิกสินนท์”โมโวยวายพลางปัดมือออก

   “ก็น่าแกล้งเองทำไมล่ะ สมน้ำหน้าวันนี้ไม่มีเชียรมันคอยอยู่ช่วย”

   “ไร้สาระน่า”โมว่าแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนต่อไม่สนใจนนท์ที่ยังไม่หยุดหยิกแก้มตัวเอง

   บางที ผมก็ว่าสามคนนี้ดูสนิทกันเกินไป ถึงแม้ว่าจะรู้จักกันมาตั้งแต่มัธยม แต่ว่าถึงขั้นหยอกล้อกันแบบนี้มันก็ดูเกินเพื่อนไปหน่อย หรือว่าผมจะคิดมากไปเอง

   “เอาแต่อ่านหนังสือการ์ตูน ใส่แว่นจนหนาเตอะแล้วโม”ผมว่าพลางหยิบบทของตัวพระอภัยมณีขึ้นมาท่อง

   โชคดีที่เพิ่งเริ่มเรียนเลยยังไม่มีอาจารย์ท่านไหนสั่งงาน ไม่งั้นผมคงไม่ได้มีเวลาเหลือพอมาท่องบทแน่

   “มณีเข้าข้างนนท์อีกแล้ว”โมว่าทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากหนังสือการ์ตูน

   ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้งเมื่อผมกำลังพยายามตั้งสมาธิท่องบท ส่วนนนท์ก็มองซ้ายมองขวาไปเรื่อยๆตามภาษาคนเจ้าชู้ไม่อยู่สุข

   ผมพยายามตั้งสมาธิท่องบทที่อยู่ในมือ แต่ทำไมผมถึงได้แต่นึกถึงแต่ภาพของผู้หญิงที่อยู่ในฝันของผมอย่างเดียวเลย


   “เฮ้ย มณี มณี ดูนั่นเว้ย กุหลาบแดงมาอีกแล้ว”นนท์สะกิดแขนพลางชี้ให้ผมมองไปยังทางเข้าตึกคณะ

   “อะไร ท่องบทอยู่”ผมว่าพลางเงยหน้าขึ้นมอง

   แต่พอผมมองผ่านนนท์ไปผมกลับเห็นใครคนที่ตอนนี้ผมไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดยืนอยู่ไม่ไกล

   พี่ธารากำลังจ้องมองมาที่ผม และตอนนี้เขากำลังมองผ่านผมไปที่ใครอีกคน

   ผมละสายตาออกจากเขาอย่างไม่ใส่ใจและหันไปในทิศทางที่นนท์สะกิดให้ดู

   ผมเห็นผู้หญิงที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังถือดอกไม้เดินตรงมายังกลุ่มที่ผมนั่งอยู่

   ช่อดอกกุหลาบแดงสีเลือดช่อใหญ่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอเป็นจุดเด่นจนหลายคนเริ่มมองไปที่เธอ

   แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับเธอคือคนที่อยู่ในฝันของผม

   ใบหน้าที่สวยหวานจนผมไม่อาจจะละสายตามองผ่านเธอไปได้

   ตอนนี้เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผมพร้อมดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ที่อยู่ในมือเธอ

   เธอเป็นใครกัน?



***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***----***


อ่านจบแล้วอย่าลืมกำลังใจคนเขียนนะคร้าาา
ว่าแต่....น้องมณีเป็นอะไรไปน้อ โฮะๆ โดนเข้าแล้ว







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2015 22:14:00 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โดนยาเสน่ห์ของนางละเวงเข้าให้แล้ว คราวนี้ยาเสน่ห์อยู่ที่การ์ดลายกุหลาบนั่น

อภัยมณีที่แสนจะซื่อ (บื้อ)  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
น้องมณีโดนมนต์นางละเวงเข้าแล้วสินะ
พี่ยักษ์จะช่วยยังไงล่ะเนี่ยยยยย
รอตอนต่อไปน้าาาา

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
น้องมณีโดนอะไร
 :mew2:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ บุหลันรัศมี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่ยักษ์อย่าช้า
น้องมณีโดนเสน่ห์เข้าแล้วเจ้าค่ะ
เร่งจีบให้โดยไว :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
11200

** ชดใช้หนี้ครั้งที่ 10 เสน่ห์นางลวง **


ผมยืนขึ้นโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวแล้วจ้องมองใบหน้าของผู้หญิงที่ปรากฏตัวในฝันของผม

   ใบหน้าของเธอสวยงามจนเหมือนผู้หญิงในฝันของผมไม่มีผิด ผิดที่ว่านี่คือเธอตัวเป็นๆ

   ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองมาที่ผมทำให้ผมรู้สึกว่าหัวใจของผมกำลังสั่นไหว ผมมองเธอด้วยสายตาที่เลื่อนลอยพลางยิ้มตอบกลับไป

   ผมยิ้มตอบเพราะคิดว่าตัวเองกำลังมีความสุข ผมยิ้มเพราะดีใจที่ได้เจอกับเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจนผมไม่อาจละสายตา

   “ดอกไม้นี่ พี่ให้ รับไปสิ”เธอพูดพลางยื่นดอกไม้มาให้ผม

   “ครับ”ผมรับช่อดอกไม้มา

   “นี่เบอร์พี่ ไว้พักเที่ยงโทรมานะ”เธอบอกพลางยื่นกระดาษใบเล็กให้ผมแล้วส่งยิ้มให้ผม จนผมแทบรู้สึกว่าจะละลายหายไปในเวลานี้เลย

   สวย...เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจนทำให้ผมหลง

   และผมก็ยืนมองตามเธอ จนกระทั่งเธอเดินห่างออกไปจนลับสายตา

   “ใครวะมณี”นนท์ถาม

   “ไม่รู้สิ”ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ...เพราะตอนนี้ใจผมกำลังจดจ้องอยู่ที่เจ้าของดอกไม้นี่ต่างหาก

   ผมไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร รู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงในฝันของผม
   

   ช่อกุหลาบสีเลือดกับการ์ดลายกุหลาบแดง เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด

   ‘สิ้นสุดการรอคอย....ในที่สุดก็ได้เจอ’

   ข้างในการ์ดเขียนเอาไว้อย่างนี้ด้วยลายมือและหมึกสีแดงเข้มเหมือนเดิม

   “นั่นกระดาษอะไรน่ะมณี”โมถาม

   “เบอร์โทรศัพท์น่ะ พี่เขาบอกว่าให้โทรไป”ผมตอบพลางยิ้มให้กับกระดาษใบเล็กที่มีเบอร์โทรศัพท์เขียนเอาไว้



***----***----***----***----***----***----***

   และแล้วผมก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าผมจะได้ทำในชีวิตนี้ นั่นก็คือโทรไปหาผู้หญิงในฝันของผม

   ผมยืนรอเธอที่หน้าโรงอาหารของคณะพลางตามเวลาที่นัดกันไว้ ผมชะเง้อมองอย่างรอคอยว่าเมื่อไรเธอจะมา ผมยังไม่รู้จักชื่อของเธอเลย

   จะว่าไปในการ์ดนั่นก็ลงท้ายชื่อว่า...ละเวง

   แต่ผมคิดว่าคงจะไม่ใช่ชื่อนั้น เพราะมันดูแปลกเกินไป

   “รอพี่นานไหม”

   “ไม่ครับ ไม่นานเลย”ผมยิ้ม

   “ไปกันเถอะ คงจะหิวแย่”

   สิ้นเสียงมือผมก็ถูกคว้าไปจับด้วยมือยาวเรียวของเธอ เธอกำลังจับมือผม เราเดินจับมือกันเข้าไปในโรงอาหารโดยที่มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เรา

   อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ใช่คนของคณะนี้ล่ะมั้ง ทุกคนถึงได้ให้ความสนใจแล้วก็เริ่มซุบซิบกัน

   “กินอะไรดีจ๊ะน้องมณี”เธอหันมาถามพลางยิ้มหวาน เธอเรียกผมว่าน้อง เธอคงจะแก่กว่าผม

   ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่แขนของผมถูกเธอกอดเอาไว้ มันเลยกลายเป็นว่าผมกำลังถูกควงอยู่แต่ผมก็รู้สึกว่าผมชอบที่พี่เขาทำ

   “แล้วแต่พี่จะ เอ่อ พี่...”ผมพูดค้างไว้เพราะไม่รู้ว่าพี่เขาชื่ออะไร

   “อ้อ พี่ยังไม่ได้บอกชื่อใช่ไหมล่ะ เรียกพี่ว่าอเลนก็ได้”

   “อเลน? แล้วละเวงล่ะครับ”ผมถามอย่างสงสัย

   “อันนั้นชื่อภาษาไทยที่พ่อตั้งให้น่ะ แต่พี่ไม่ค่อยชอบเท่าไร เรียกอเลนน่ะดีแล้ว ชื่อทางการของพี่”

   “อ่ะ ครับ”

   “น้องมณีรู้ตัวไหม ว่าน่ารักมากแค่ไหน”พี่อเลนพูดจบก็ยกมือขึ้นหยิกแก้มผมเบาๆ ถึงจะสงสัยว่าทำไมพี่เขาชมผมว่าน่ารัก แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุข

   “คะ ครับ พี่ก็ เอ่อ สวยมากเลย”

   “จริงเหรอ เอาเป็นว่ากินสปาร์เก็ตตี้ดีกว่าเนอะ”

   “ครับอะไรก็ได้”

   “เดี๋ยวน้องมณีนั่งรอพี่ตรงนี้นะ เดี่ยวพี่จะไปซื้อมาให้”พี่อเลนดันให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่าง

   “อ่า ให้ผมไปดีกว่านะครับ”ผมว่า มันออกจะแปลกไปหน่อยที่ให้ผู้หญิงเป็นคนไปซื้อ แทนที่จะเป็นผมที่เป็นผู้ชาย

   “ไม่เป็นไรจ๊ะ ให้พี่ไปเองดีกว่านะ รอพี่อยู่นี่แหละ”

   “งั้นก็ได้ครับ”ผมตอบ ยังไงซะผมก็ไม่คิดจะขัดอะไรพี่เขาอยู่แล้ว

   ผมมองตามพี่อเลนไป มองพี่เขาต่อแถวซื้ออาหาร แอบเห็นว่ามีหลายคนมองพี่เขาแต่พี่เขากลับไม่สนใจ แล้วหันมาโบกมือให้ผมพลางยิ้ม

   ผมโบกมือตอบแล้วยิ้มให้บ้าง โลกของผมกำลังกลายเป็นสีชมพู ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถที่จะหักห้ามใจไม่ให้รู้สึกดีกับพี่เขาไม่ได้เลย

   ผมกำลังหลง......



   ไม่นานทั้งอาหารทั้งน้ำก็มาอยู่ตรงหน้าผมด้วยบริการจากพี่อเลน ผู้หญิงในฝันที่มีตัวตนอยู่จริงของผม

   “กินกันเลยดีกว่า  ว่าแต่วันนี้ตอนเย็นน้องมณีว่างไหม พอดีพี่ว่าจะไปซื้อของน่ะ ไปกับพี่ได้ไหม”พี่อเลนเอียงคอถาม

   แล้วทำไมจะไปไม่ได้ล่ะ ผมบอกแล้วว่าผมปฏิเสธพี่เขาไม่ลง ถึงแม้ว่าจะมีซ้อมกับพ่อตอนเย็น แต่เรื่องนั้นคงเอาไว้ก่อนก็ได้ เรื่องผู้หญิงในฝันของผมสำคัญกว่า...ความรู้สึกผมมันบอกอย่างนั้น

   “ว่างครับ”

   “งั้นดีเลย มณีเนี่ย น่ารักจังเลยนะ สมกับที่พี่รอที่จะเจอจริงๆ”

   “อะไรนะครับ”ผมถามย้ำ รู้สึกว่าจะได้ยินว่าพี่เขาบอกว่ารอที่จะเจอผม

   “ปล่าวหรอก กินได้แล้วเดี๋ยวเย็นหมดนะ” พี่อเลนส่ายหน้าพลางส่งยิ้มละลายใจ

   ในใจลึกๆผมรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นเร็วไปหมด แต่หัวใจมันเหมือนกับถูกบีบบังคับให้ยอมรับและยินดีไปกับมัน...เหมือนกับว่าผมกำลังสูญเสียตนเอง แต่ผมคงจะแค่คิดไปเอง

   ในขณะที่ผมจะตักสปาร์เกตตี้เข้าปาก ตาของผมก็สบเข้ากับดวงตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองอยู่ภายใน

   ผมนิ่งค้างจ้องมองไปที่พี่ธาราอย่างไม่ลดละ สีหน้าผมเฉยชาไม่แสดงออกถึงท่าทีใดใดเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องมีความรู้สึกอะไรต่อเขา ต่างจากเขาที่มีสีหน้าราวกับกำลังโกรธผมอยู่

   แล้วภาพของพี่ธาราที่ผมจ้องมองอยู่ก็เปลี่ยนเป็นความมืดสนิทด้วยมือของพี่อเลนที่มาปิดเอาไว้ ผมถูกบังคับให้หันกลับมามองใบหน้าสวยหวานที่ยิ้มรอผมอยู่

   “มองอะไรน่ะ”พี่อเลนถามพลางหน้ามุ่ยเล็กน้อยเหมือนกับทำท่าว่ากำลังงอนผมอยู่

   “ปะ ปล่าวครับ”ผมรีบตอบพลางส่ายหน้า

   “งั้นก็กินได้แล้วจ้า ”

   “ครับ”ผมตอบรับพลางก้มหน้าก้มตากิน

   โดยที่ไม่รู้ว่าผู้หญิงในฝันของผมกำลังจ้องตอบเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตวาวโรจน์อย่างไม่ลดละ ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ส่งสายตาไปให้อีกฝ่ายราวกับต้องการจะเยาะเย้ยก่อนจะยกมือลูบหัวผมแผ่วคล้ายกับกำลังจะตอกย้ำว่าผมเป็นของเขา



***----***----***----***----***----***----***----***

   หลังเลิกเรียน ผมรีบเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋าแล้วออกจากห้องเรียนตรงไปที่โรงจอดรถทันที

   ไม่มีแม้แต่คำล่ำลาให้เพื่อนในกลุ่ม โดยที่ผมไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมกำลังละทิ้งความเอาใจใส่ต่อคนรอบข้างแล้วหันมาเอาใจใส่กับคนเพียงคนเดียว

   ซึ่งนั่นก็คือนางในฝันของผม...พี่อเลน

   เพียงวันเดียวที่เจอกัน แต่กลับทำให้ผมและพี่เขาสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว

   ผมเดินมาทางหลังตึกเรียนเพราะว่าต้องแวะไปเอาดอกไม้ที่ฝากเอาไว้ที่ห้องธุรการ

   “จะไปไหน”แขนของผมถูกรั้งเอาไว้พร้อมกับน้ำเสียงเรียบนิ่งที่เรียกเอาไว้

   “ปล่อย”ผมบอกพลางเบือนหน้าหนีพี่ธารา

   แค่เห็นเขาผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

   “เจ้าคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่”

   “ก็คิดว่าจะเลิกยุ่งกับพี่สักทียังไงล่ะ”

   “อย่ายุ่งกับเจ้านั่น”พี่ธาราพูดเสียงแข็งพลางบีบแขนผมแน่น...คงจะหมายถึงพี่อเลน

   “ทำไม ผมจะต้องเลิกยุ่งกับพี่อเลน แล้วทำไมผมจะต้องทำตามที่พี่สั่ง พี่ปล่อยผมดีกว่า ก่อนที่ผมจะบอกคนอื่นว่าพี่เป็นตัวอะไร”

   “เลิกยุ่งกับเจ้านั่นเถอะ เชื่อข้า เจ้านั่นมีหมอกดำไม่น่าไว้ใจคลุมอยู่ทั่วตัว”

   “อย่ามาพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ไปหน่อยเลยพี่อเลนไม่เหมือนกับพี่สักหน่อย พี่อิจฉาที่ผมสนิทกับพี่อเลนก็บอกมาเถอะ อย่ามาเหมารวมคนอื่นอย่างนี้ ปล่อยมือผมสักที ผมจะรีบไป”

   ผมพยายามแกะมือใหญ่ที่กำแขนผมเอาไว้แน่นออก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลยสักนิด

   “ต้องให้พูดอย่างไรเจ้าถึงจะเชื่อข้า”

   “ไม่ต้องพูด จบไหม”

   “ไม่ได้ ข้าปล่อยให้เจ้าไปกับเจ้านั่นไม่ได้”

   พี่ธาราพูดจบก็ดึงผมเข้าไปหาตัวจนปะทะเข้ากับแผ่นอกก่อนทันที

   “พี่ไม่มีสิทธิจะมาสั่งผม ปล่อยผมสิ”ผมพยายามยื้อเอาไว้ แต่ก็ออกแรงได้ไม่เต็มที่เพราะมืออีกข้างถือดอกไม้ช่อใหญ่เอาไว้อยู่

   “มีสิ ตัวเจ้าในชาตินี้เป็นของข้า ข้ามีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้เจ้าไปยุ่งกับเจ้านั้น”

   “ไม่ใช่ ปล่อย ปล่อย สักทีสิเว้ย!!”ผมตะคอกด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดเต็มทนทำให้พี่ธารานิ่งชะงัก

   ช่อดอกไม้ใหญ่ถูกผมปาใส่หน้าพี่เขาด้วยอารมณ์โกรธของผมที่เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น...ผมไม่เคยเป็นอย่างนี้...ไม่เคยก้าวร้าวอย่างนี้ แต่ผมก็ทำสิ่งที่ผมไม่เคยคิดว่าจะทำลงไป

   ผมก้มลงมองดอกกุหลาบแดงที่ตกลงกระจายอยู่เต็มพื้นด้วยความโกรธ ดอกไม้ที่คิดว่าเป็นของสำคัญที่พี่อเลนให้มาตกกระจายอยู่เต็มพื้น

   “เลิกมายุ่งกับผมสักที พี่ไม่ใช่เจ้าของชีวิตผมนะ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพลางจ้องมองพี่เขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง โชคดีที่ตอนนี้ไม่มีใครผ่านมาที่หลังตึกคณะ ไม่งั้นผมคงถูกตราหน้าว่าเป็นพวกปีนเกรียวข้ามรุ่นแน่

   “แต่เจ้าต้องชดใช้ในสิ่งที่เจ้า.....”

   “ไร้สาระ!! พี่มีหลักฐานไหมล่ะว่าสิ่งที่พูดมันเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าพี่จะเป็นสิ่งที่พี่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องที่พี่พูดจะเป็นเรื่องจริง มันไม่มีอะไรจะมาทำให้ผมเชื่อได้ เลิกยุ่งกับผมสักที”ผมถอยหนีพลางเตรียมที่จะเดินออกห่างจากพี่เขา

   แต่พี่ธาราตรงเข้ามาฉุดแขนผมอีกรอบ แต่ครั้งนี้ผมเบี่ยงตัวหลบ แต่ถึงยังไงก็ไม่พ้นอยู่ดี

   “ไปกับข้า”

   เอวผมถูกคว้ารวบเข้าไปกอด แขนทั้งสองข้างถูกจับรวบเอาไว้ก่อนที่ผมจะดิ้นให้หลุดได้

   “ปล่อย”ผมพยายามขืนตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนที่แข็งแกร่ง

   “เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เอง มณี”

   และแล้วความโกรธเกรี้ยวของผมก็มลายหายไป แทนที่ด้วยความว่างปล่าวเมื่อฝ่ามือร้อนได้ทาบทับลงบนหน้าผากผม

   พี่ธาราคลายอ้อมกอดจากผมก่อนจะจับมือของผมเอาไว้หลวมๆ โดยที่ผมไม่มีทีท่าว่าจะสะบัดหรือว่าขัดขืนใดใด

   “ไปกับข้า”พี่ธาราบอกย้ำด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม

   “ครับ”

   ผมเดินตามมือที่จับจูงอย่างว่าง่ายไปที่รถคันหรูของพี่ธารา ไม่นานผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่


   ทิ้งให้หญิงสาวอีกคนที่ผมไม่ได้ไปตามนัดเดินย้อนกลับมา ดวงตากลมโตจ้องมองดอกกุหลาบที่หล่นกระจายอยู่เต็มพื้นด้วยความแค้นเคือง

   มือเรียวกำมือเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บใจ

   อีกนิดเดียวเธอก็จะได้ตัวคนที่เธอรอคอยอยู่แล้วเชียว




***----***----***----***----***----***----***----***

   ขอบคุณทุกท่านที่คอยติดตามและทุกกำลังใจที่คอยส่งเสริมกันตลอดค่ะ :hao5:
ว่าแต่พี่ธาราจะพาน้องมณีไปไหนน๊า อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะคร้าาา
ใครทิ้งเค้าโป้งจิงจิงด้วย 55+

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-09-2015 04:25:49 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ฮา พระเอกกับนางร้ายจะทำศึกแย่งน้องมณีงั้นรึ

แอบสงสารน้องมณีนิด โดนมนตราเยอะเลยนะเนี่ย

มาต่อไวๆนะค้า กะลังสนุกเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
รู้สึกช่วงนี้น้องมณีดวงขาลงจริงๆ
โดนละเวงสะกดแล้ว โดนพี่ยักษ์สะกดอีก
อย่าเพิ่งพาไปกดนะคะะะะะ
รอตอนต่อไปเนาะ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อเลนบอกว่ามณีคือคนที่นางรอคอย แต่อาจไม่ได้หมายถึงรักชิมิ อาจจะรอคอยที่จะล้างแค้นก็ได้ :ruready

พี่ยักษ์ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จับมณีปล้ำเลย :katai3:

ออฟไลน์ บุหลันรัศมี

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พ่อธาราจับน้องมณีปล้ำเลยเจ้าค่ะ

ข้อหาเซ่อซ่าโดนนางทำเสน่ห์ใส่

จับกดซะให้เข็ด จะได้ท้องๆไปเลย

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่ธาราชิงลงมือก่อนได้เปรียบนะคะ ><

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
ธาราจะทำอะไรรรรรรร

เอาน้องมณีไปทำไม

 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
รออออออ ตินิดนึงค่ะนิดเดียวจริงๆแบบว่าเวลาอ่านผ่านแล้วขัดตา

'เปล่า' เขียนแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ ปล่าว

เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามค่ะ สู้ๆนะคะ จุ้บบบบ :impress2:

ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แย่งพ่อมณีกัน
อยากรู้ว่าพี่ธาราจะพามณีไปไหนนะ

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
อ้างจาก: supizpiz link=topic=48081.msg3183742#msg318374 :o12:2 date=1442901611
รออออออ ตินิดนึงค่ะนิดเดียวจริงๆแบบว่าเวลาอ่านผ่านแล้วขัดตา

'เปล่า' เขียนแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ ปล่าว

เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามค่ะ สู้ๆนะคะ จุ้บบบบ :impress2:
ขอบคุณมากเลยค่ะ
คือสงสัยมานานแล้วว่าเขียนยังไงถึงจะถูกเพราะเวิร์ดมัดขีดเส้นใต้สีแดงว่าผิด
เลยใช้แบบมั่วๆปนๆกันมาตลอด
จะเอาคำแนะนำไปใช้นะค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
12719

10.2 แสงจันทร์

ผมลืมตาขึ้นมาในความมืด มีเพียงแสงจากโคมไฟหัวเตียงเท่านั้นที่พอจะให้แสงสว่าง

   กลิ่นหอมของอาหารทำให้ผมหันไปมองบนโต๊ะตัวเตี้ยที่อยู่ข้างหัวเตียง มีถาดใส่ข้าวต้มร้อนๆกำลังส่งกลิ่นหอมคลุ้งกับแก้วน้ำที่บรรจุน้ำจนเกือบเต็ม

   ผมอยู่ที่ไหน... สถานที่ที่ไม่คุ้นตาอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายที่จำได้ก็ตอนที่อยู่กับพี่ธารา

   จริงสิ!ดอกไม้ของผม....ถูกทำลายด้วยความโมโหที่เกิดขึ้นจนเกลื่อนกระจายอยู่เต็มพื้น

   ดอกไม้ที่เป็นสิ่งสำคัญ...ดอกไม้ที่เป็นตัวเชื่อมสายสัมพันธ์กับผมและเธอ

   เพราะพี่ธาราคนเดียวที่ทำให้ทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด

   เพียงแค่คิดผมก็รู้สึกโกรธเคืองพี่ราขึ้นมาทันที ผมจะมัวอยู่ที่นี่ไม่ได้ ผมจะต้องไปเก็บดอกไม้ที่ถูกทิ้งเอาไว้
   ...เพราะว่ามันเป็นของสำคัญที่เธอคนนั้นให้ผมมา!!


   “เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!!”

   น้ำเสียงเยียบเย็นดังมาจากมุมมืดของห้องทำให้ผมมองไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจปนหวาดระแวง

   น้ำเสียงที่ผมจำมันได้เป็นอย่างดี!!

   พี่ธาราก็เดินลุกออกมาจากเก้าอี้ในมุมมืดแล้วหยุดยืนกอดอกอยู่เบื้องหน้าของผม สายตาที่ทอประกายสีมรกตของเขามองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

   ...ทำไมเขาถึงต้องมายุ่งกับผมด้วย...

   ...ผมไม่เคยรู้สึกรำคาญพี่ธารามากขนาดนี้มาก่อน...

   “พี่ไม่มีสิทธิมาทำอย่างนี้กับผม พี่จะมาขังผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

   ผมลุกขึ้นยืนแล้วจ้องตอบดวงตาดุดันอย่างไม่เกรงกลัว

   ....ผมกำลังรู้สึกว่าเกลียดพี่ธารา

   ความรู้สึกที่โกรธเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล….


   “ข้าโทรบอกพ่อแม่เจ้าแล้วว่าคืนนี้เจ้าจะค้างที่นี่”น้ำเสียงเรียบนิ่งบอกออกมา

   “พี่ทำอย่างนี้ได้ไง พี่จะมาทำตามใจตัวเองอย่างนี้ไม่ได้ พี่ไม่มีสิทธิมาตัดสินชีวิตผม”

   แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะเข้ามาก้าวก่ายชีวิตคนอื่นอย่างนี้.....

   ผมไม่ชอบเลยสักนิดที่พี่ธาราพยายามเข้ามาในชีวิตของผมจนผมรู้สึกอับจนหนทางที่จะหนีแบบนี้

   “กินข้าวซะแล้วก็พักผ่อน คืนนี้เจ้าจะอยู่ค้างที่นี่”

   “ไม่มีทาง!! ผมจะกลับ”

   พูดจบผมเดินตรงไปที่ประตูแล้วบิดลูกบิดออกทันที

    แต่ประตุกลับไม่เปิดออกทั้งที่ลูกบิดถูกบิดจนสุด

   อะไรกัน!!!มันเหมือนกับว่าประตูถูกดันเอาไว้โดยมือที่มองไม่เห็น

   อีกแล้วที่ผมต้องเจอกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึงกับสิ่งที่มองไม่เห็น!!

   แต่นั่นมันทำให้ผมยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเก่า

   ผมหันหลับไปมองพี่ธาราด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ริมฝีปากของผมขบเม้นเป็นเส้นตรงอย่างเจ็บใจ

   ท่ามกลางค่ำคืนที่ดึกสงัดอย่างนี้ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ที่คั่นอยู่ระหว่างความเงียบที่เกิดขึ้น               
                ผมพยายามกำมือแน่น บังคับไม่ให้มือ

   “เปิดประตู!!”ผมสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

   “ข้าจะไม่เปิดประตูให้เจ้า ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลารุ่งเช้า”พี่ธาราบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส

   “ก็ผมบอกให้เปิดประตูไง!!อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง”ผมตวาดเสียงดังเท่าที่จะทำได้ ริมฝีปากของผมกำลังสั่น

   ดวงตาของผมกำลังจ้องมองพี่ธาราด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แต่พี่ธาราก็ยังคงนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน

   ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนกอดอกนิ่งไม่ไหวตึง.....ทำเหมือนไม่ได้ยินที่ผมบอก

   “กินข้าวแล้วก็พักผ่อนซะ วันพรุ่งข้าจะไปส่ง”

   “พี่อย่ามาทำเป็นว่าไม่ได้ยินที่ผมพูด.....ก็ได้ ในเมื่อไม่ยอมเปิดประตูให้ผม ผมก็จะปีนลงไปทางระเบียงเนี่ยล่ะ”

   ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่โมโหจนแทบสั่น ผมเดินไปที่ประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นระหว่างระเบียงกับห้องนอนโดยที่มีม่านสีทึบปิดกั้นเอาไว้สนิทจนมองไม่เห็นภายนอก

   ....แล้วทำไมต้องปิดม่านทึบขนาดนี้ทั้งที่เป็นเวลากลางคืน?

   ผมไม่รู้ว่าทำไมห้องนี้ถึงได้มีม่านทึบขนาดนี้ปิดเอาไว้ และปิดไว้ทำไม รุ้แค่ว่าผมต้องการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

   ...ตอนนี้ในใจผมมีเพียงดอกกุหลายสีแดงเลือดเพียงเท่านั้น....

   ...นั่นคอสิ่งที่ผมต้องการ...
   
   “อย่าเปิดม่านนั่น!!”สิ้นเสียงเตือน

   พี่ธาราก็ดึงเอาแขนผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะไปถึงประตูระเบีงที่มีม่านปิดทึบ

   “ทำไมจะเปิดไม่ได้”

   “คืนนี้เป็นคืนเพ็ญ อำนาจมนต์ดำจะแข็งแกร่ง หากเจ้าไม่อยากเสียใจในวันข้างหน้า จงอย่าได้เปิดมันเป็นเด็กขาด”

   “ไร่สาระ!! ทำไมผมต้องเชื่อ”

   ผมสะบัดมือพี่ธาราออกอย่างแรงก่อนจะตรงไปเปิดม่านสีดำทึบออกโดยที่ไม่ฟังคำค้าน

   ทันทีที่ม่านถูกรูดเปิดออกจนสุด แสงจันท์สีเหลืองนวลก็สาดเข้ามาภายใน

   แสงที่ส่งผ่านจันท์เต็มดวงมีมากพอจะทำให้ผมมองเห็นภายนอกได้โดยไม่ต้องพึ่งแสงไฟ

   ความสูงจากระเบียงกับพื้นเบื้องล่างห่างกันไม่น้อยเมื่อผมชะโงกหน้ามองผ่านบานเลื่อนกระจก

   เสียงคำรามกึกก้องในลำคอทำให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูบานใส

   ร่างของผมถูกกระชากอย่างรุนแรงเข้าหาอ้อมกอด ก่อนจะถูกกดลงกับที่นอนอย่างแรงจนแทบจุก

   หัวสมองของผมเบลอไปชั่วขณะด้วยความตกใจ

   ...ผมกำลังพลาด...

   ริมฝีปากหนาบดขยี้ลงมาบนริมฝีปากของโดยไร้ความปราณี

   ผมรู้สึกเจ็บจนได้กลิ่นคาวของเลือกคละคลุ้งอยู่ในริมฝีปาก

   เกิดอะไรขึ้น!!! จู่ๆพี่ธาราก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน

   เสียงคำรามในลำคออย่างน่ากลัวบวกกับแรงบีบลงมาที่ต้นแขนทำให้ผมเจ็บจนนิ่วหน้า

   “เจ็บ....นะ”ผมร้องเสียงเบา พยายามที่จะดึงตัวเองให้หลุดจากการโถมทับของลำตัวที่สูงใหญ่กว่าผมเกือบเท่าตัว

   ตาของผมเบิกกว้างเมื่อจ้องมองเห็นดวงตาสีเขียวมรกตกำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด ราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้าย

   ...ต่างออกไปจากทุกที”

   สายตาของพี่ธาราแตกต่างออกไป

   ริมฝีปากของผมกำลังถูกกัดดึงอย่างโหดร้ายด้วยคมเขี้ยวที่แหลมคม

   ร่างกายสูงใหญ่กำลังโถมทับร่างกายของผมเป็นการตรึงเอาไว้ทำให้ผมไร้หนทางที่จะสู้

   วินาทีนั้นเรียวลิ้นร้อนราวกับเปลวเพลิงที่ลุกไหม้กำลังแทรกซึมเข้ามากวาดต้อนภายในโพลงปากของผมอย่างหยาบโลน
    มือใหญ่ที่หยาบกร้านกำลังฟอนเฟ้นร่างกายของผมอย่างบ้าคลั่ง


   
   เขาไม่ใช่พี่ธารา!!

   ความรู้สึกมันแตกต่างออกไป ไม่มีความปราณี ไม่มีแม้แต่ความอ่อนโยน มีเพียงความหิวกระหายที่กำลังถาโถมเข้าใส่ผมอย่างบ้าคลั่ง

   มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว ผมพยายามที่จะดันไหล่หนาที่แข็งแกร่งของพี่ธาราออก แต่มือที่กำลังโลมไล้อยู่บนกายผมมันบีบขย้ำไปตามร่างกายอย่างเน้นย้ำจนผมทนไม่ได้ที่จะจิกเล็บลงบนลาดไหล่หนาของพี่ธาราอย่างอดกลั้น

   ริมฝีปากผมถูกบดขยี้จนบวมช้ำ   

   เนิ่นนานซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ลิ้นร้อนนั่นตวัดรัดหยอกล้อกับลิ้นของผมที่จนมุมจนพอใจ

   กว่าพี่ธาราจะถอนริมฝีปากออก

   จมูกโด่งซุกไซร้ลงบนซอกคอของผมอย่างไม่เบาแรงนักลมหายใจอุ่นร้อนพร้อมกับเสียงครางในลำคออย่างหยาบคายทำให้ร่างกายของผมแทบหมดแรง

   “ปะ ปล่อยผม”ผมขอร้องด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

   .....แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะไม่ได้ส่งไปถึงพี่ธารา จมูกโด่งยังคงฟอนเฟ้นและสูดดมกลิ่นหอมจากตัวผมอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
   “กลิ่นเครื่องหอมที่ติดตัวเจ้ามันน่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก”พี่ธาราพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

   สิ้นเสียงขู่คำราม มือใหญ่กระชากเสื้อเชิ๊ตสีขาวของผมออกอย่างไม่ใยดี

   แรงดึงทิ้งกระชากมันจนขาดวิ่นติดมือแล้วถูกโยนทิ้งโดยที่เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่ามันจะไปตกตรงไหน

   สายตาที่ไร้ความรู้สึก.....มีแค่เพียงความกระกายที่อยู่ภายใจ จดจ้องมองบนร่างกายของผมอย่างพึงพอใจ

    คมเขี้ยวที่งอกออกมา ทำให้ผมรู้ได้ว่าพี่ธารากลายร่างเป็นยักษ์ไปแล้ว

   “ปะ ปล่อยผมนะ”ผมพยายามถอยหนีทั้งที่ร่างกายถูกตรึงเอาไว้

   กระบอกตาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

   ผมยกมือพลักร่างกายกำยำที่กำลังโถมเข้าอย่าอย่างไร้ทางสู้ แต่มือของผมก็ถูกปัดออก แทนที่ด้วยริมฝีปาดนั้น บดจูบขยี้ลงมาบนตัวของผมอย่างไร้ความเมตตา

   “อย่า ทะ ทำ ผมนะ”

   ผมทั้งผลักทั้งจิกพี่เขา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าพี่ธาราจะรู้สึก

   ....ทำไมกัน....

   ....อะไรทำให้พี่ธาราเปลี่ยนไป...

   แสงจันทร์นั้นเหรอ!!ปมมองไปยังระเบียงห้องที่มีแสงจันทร์สาดลอดเข้ามา


   เสียงคำรามดังในลำคอพร้อมแรงบีบเค้นทั่วลำตัวผม มันรุนแรงและหยาบกระด้างขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
   ....ผมขัดขืนจนเริ่มที่จะหมดหวัง

   เรี่ยวแรงที่มีเริ่มน้อยลง แรงผลักกลายเป็นแรงปัดอย่างไร้หนทาง   

   น้ำใสใสมันเอ่อคลอขอบตาผมโดยที่ผมห้ามมันไม่ได้

   เสียงสะอื้นเล็กๆดังลอดออกมาจากลำคอของผม

   ...ผมกำลังอ่อนแอ...

   ตอนนี้ผมทั้งกลัวทั้งเกลียดพี่ธาราจนไม่อยากที่จะมอง

   สิ้นหวังที่จะหลุดออกไปจากเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นตอนนี้

   ....นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ผมโหยหา...

   กางเกงของผมถูกปลดออกดึงลงไปผ่านข้อเท้า

   จนของผมกระตุกไปตามแรงดึง ผมได้แต่ดันอกพี่ธาราแรงที่มีเพียงน้อยนิด

   ผมเบือนหน้าหนีอย่างไร้ทางสู้ น้ำใสใสกำลังเอ่อล้นลงมาจากขอบตา

   ความสิ้นหวังที่กักเก็บเอาไว้พังทลายออกมา

   “ฮึก อึก ปล่อย”ผมสะอื้นเสียงเบา

   ทั้งที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์

   ความร้อนของมือใหญ่ไล้ผ่านไปบนผิวกายของผมทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวราวกับถูกเปลวไฟเผาไหม้ไปทั้งร่างกาย

   ร่างกายของผมกำลังถูกคุกคามด้วยมือของคนที่ผมไม่รู้จักนิสัยเลยสักนิด

   ผมนอนนิ่งเลิกที่จะตอบโต้ ร่างกายของผมมันไร้สิ้นเรี่ยวแรง หัวใจกำลังถูกบีบรักจนเจ็บจุก

   วินาทีนั้นดวงตาสีเขียวมรกตที่ไร้แววตาของความมีชีวิตกลับกลายเป็นสีดำสนิทเมื่อจ้องมองมาที่ผม

   ร่างกายสูงใหญ่ที่แปรสภาพเป็นยักกลับคืนสู่กายของมนุษย์เหมือนเก่า

   นิ้วมืออุ่นๆของพี่ธาราเกลี่ยลงบนขอบตาของผมอย่างเบามือแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

   ผมช้อนตาขึ้นมองพี่ธาราอย่างหวาดระแวง ตัวของผมกำลังสั่นเทาด้วยความกลัว

   “ข้าขอโทษ”น้ำเสียงกระซิบที่แผ่วเบาราวกับสายลมผ่านเข้ามาในหูของผม พร้อมกับรอยจูบที่อ่อนโยนกดซับลงบนขมับ

   “ปล่อยผม”ผมบอกด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น พลางกระถดตัวหนี
   “ข้าไม่สารถปล่อยเจ้าไปในคืนจันทร์เพ็ญได้ มนต์ดำจะแข็งแกร่งขึ้นมันอาจจะทำร้ายเจ้า เช่นเดียวกับความกระหายของเผ่าพันธุ์ยักษ์”
   พี่ธาราพูดจบก็ยันตัวขึ้นจับผ้าห่มคลุมร่างกายที่ไร้สิ่งปกปิดของผมให้อย่างเบามือ
   
   ตอนนี้พี่ธาราเหลือแค่กางเกงตัวเดียวเท่านั้นที่ติดร่างกาย ทำให้ผมมองเห็นร่างกำยำที่ผึ่งผายสมชายชาตรีของเขาภายใต้แสงจันทร์ที่สาดเข้ามา

   ผมมองจ้องมองพี่ธาราเดินไปปิดม่านด้วยความไม่ไว้วางใจ

   ตัวของผมยังคงไม่หยุดสั่น

   “นอนเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้าอีก ขอเพียงเจ้ายังอยู่ในห้องนี้”พี่ธารานั่งลงบนขอบเตียงพลางยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะมาแตะหัวผม

   หากแต่ผมกระถดตัวหนีด้วยความไม่ไว้

   ...ไม่มีทางที่ผมจะไว้ใจพี่ธาราอีกครั้ง...

   ผมพลิกตัวนอนหันหลังให้พี่ธาราด้วยทิฐิที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับความหวาดระแวง ผมแกล้งทำเป็นนิ่งสนิททำทีว่าหลับลงเมื่อผ่านไปได้สักพัก


   ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นแล้วก็ปิดลง ทำให้ผมลืมตาขึ้นในความมืด

   ...ไม่มีอีกแล้วความไว้วางใจที่ผมมีต่อพี่ธารา...

    ผมก้าวลงจากเตียงแล้วหยิบกางเกงที่กองอยู่ขึ้นมาใส่เพื่อที่จะลองเปิดประตูอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม...ประตูมันเปิดไม่ออก
   ทางเดียวที่จะไปจากที่นี่ได้คงจะเป็นระเบียง ผมเปิดผ้าม่านออกจนสุด

   เป็นอีกครั้งที่แสงจันทร์สาดเข้ามาภายในห้อง

   ผมดึงบานเลื่อนกระจกออกอย่างเบามือ แต่มันกลับไม่ขยับสักนิด

   ผมพยายามออกแรงเพิ่มอีก แต่ก็เหมือนเดิม ประตูบานเลื่อนเองก็เปิดไม่ออกเช่นเดียวกับประตูห้อง

   ผมกำลังถูกขัง!!

   ผมเดินกระวนกระวายด้วยความหงุดหงิด ผมหยิบเสื้อที่ขาดจนไม่เหลือชิ้นดีของตัวเองขึ้นขว้างใส่กระจกบานเลื่อนอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด

   ผมกำลังโมโห จานข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมอยู่บนโต๊ะเรียกสายตาให้ผมหันไปมองมันด้วยความเกะกะสายตา ผมกวาดมันลงจนมันหกอยู่เต็มพื้น

   ผมไม่เข้าใจว่าทำไมอารมณ์ของผมมันถึงได้พุ่งสูงขึ้นขนาดนี้ มันเหมือนกับผมไม่สามารถจะควบคุมมันได้

   ความรุนแรงที่ผมไม่เคยคิดที่จะใช้ ตอนนี้ผมกลับทำมันด้วยความชินชาราวกับต้องการที่จะระบายอารมณ์

   ผมพยายามที่จะยืนนิ่ง จ้องมองข้างของที่หล่นอยู่เต็มพื้น แต่นั่นผมก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่ที่หัวเตียง

   ผมรีบหยิบกระเป๋ามาค้นเพื่อที่จะหาโทรศัพท์ แต่ก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ พี่ธาราคงจะเก็บมันไปแล้ว

   ด้วยความหงุดหงิด ผมทุ่มกระเป๋าลงพื้นอย่างไม่ใยดี แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งสำคัญอยู่ในนั้น ผมจึงรีบทรุดลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาเปิดดูข้างใน

   การ์ดลายกุหลาบสีแดงถูกหยิบขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของผมต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ

   โชคดีที่ผมเก็บมันแยกเอาไว้กับช่อดอกไม้

   ผมเปิดดูข้อความข้างในราวกับว่าคิดถึงนักหนา

   ‘สิ้นสุดการรอคอย....ในที่สุดก็ได้เจอ’

   ผมไล่นิ้วลงไปบนตัวหนังสือด้วยความหลงใหลแล้วยกการ์ดขึ้นมาสูดดมกลิ่นหอมจางๆของเครื่องหอมที่ติดมากับหมึกสีเลือด

   ความเหงาที่รู้สึกได้เวลาที่ไม่มีพี่อเลนข้างหายทำให้ผมรู้สึกหนาวจนคิดว่าไม่อาจที่จะอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียวหากปราศจากเขา

   ผมคิดถึงพี่อเลน....อยากเจอ...อยากอยู่ใกล้ ความอ้างว้างที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกเดียวดายจนแทบบ้า

   ผมกอดการ์ดที่ถือไว้แนบกับอกอย่างคิดถึง น้ำตาของผมไหลลงมาอีกครั้งเพราะความเหงาที่ทิ่มแทงเข้าไปในจิตใจ

   ผมอยากจะเจอ......อยากเจอพี่อเลน






***----***----***----***----***----***----***----***
วันนี้ยอมรับเลยว่ามาสั้นมากจริงๆ ยังไงก็ขออภัยคนอ่านนะคร้า
เอ้ รู้สึกว่าวันนี้ธารารับบทตัวร้ายรึเปล่าน้อออออ
น้องมณีนี่ท่าจะโดนของหนัก คิดถึงแต่ละเวงวัลฬา
พี่ธาราเองก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ในคืนเพ็ญแบบนี้
ปอลิง.วันนี้หลงจูบครบ500รีพลาย ธารามณีก็ครบ200รีพลาย บังเอิญเนอะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2015 02:10:02 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ลำพังน้องมณีก็ต่อต้านพี่ธาราอยู่แล้วนะคะ พอโดนของเข้าไปเลยหนักกว่าเดิมอีก สงสารพี่ธาราเหลือเกิน.. :impress:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
สงสัยต้องหาวิธีคลายมนต์ดำก่อนแล้วล่ะพี่ยักษ์
ไม่งั้นคงไม่ได้แอ้มละ :katai1:
รอตอนต่อไปเน่อออ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :mew4:

เสกมนต์ใส่นี่ใช้ได้ผลทุกราย

ชาตินี้นางละเวงจะเอามณีไปทำผัวเหรอคะ?

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
พี่ธาราต้องแก้มนต์ของนางละเวงก่อน
ไม่งั้นน้องมณีจะไม่ยอมง่ายๆ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
13529

ชดใช้ครั้งที่ 11 พลาด



   หลายวันผ่านไปผมก็ไม่เจอหน้าพี่ธาราอีกเลยนับจากคืนนั้น

   งานที่ห้องสมุดของผมถูกยกเลิกไปโดยที่ผมไม่ทราบสาเหตุ แต่มันก็ดีสำหรับผมเพราะว่าผมจะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกับพี่ธาราอีก

   ความสัมพันธ์ของผมกับพี่อเลนไปกันได้ด้วยดีในขณะที่พี่ธาราหายเข้ากลีบเมฆไป ไม่มีแม้แต่เงามาให้ผมเห็น

   วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันสำหรับผม หลังจากที่ตกลงคบกับพี่อเลน

   หลังเรียนเสร็จในทุกๆวันผมจะออกจากห้องอย่างรีบร้อน ไม่มีแม้แต่จะบอกลาเพื่อนๆ

   ผมรีบเก็บของใส่กระเป๋าอย่างลวกๆแล้ววิ่งไปที่คณะบริหารอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

   ...ผมไม่อยากให้เขารอ...ความรู้สึกของผมมันบอกอย่างนั้น...

   หลายวันมานี้ผมไม่ได้ใส่ใจกับคนรอบข้างเลยสักนิด....มีเพียงคนเดียวที่ผมใส่ใจ นั่นก็คือผู้หญิงในฝันของผม

   ตลอดเวลา ความหลงใหลในตัวของพี่เขามันยิ่งก่อตัวเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นจนผมไม่มีเวลาที่จะนึกถึงเรื่องอื่นเลย แม้กระทั่งเรื่องเรียน
   “รอนานไหมครับ”ผมถามพลางยิ้มแล้วยื่นน้ำส้มคั้นที่ไปต่อคิวซื้อเพื่อเตรียมมาเอาใจให้กับเขา

   “ไม่นานจ๊ะ วันนี้ไปเดินเล่นกับพี่หน่อยได้ไหม พี่อยากได้เสื้อผ้าใหม่สักชุดน่ะ”

   “ดะ ได้ครับ”ผมรีบตอบทันทีเมื่อพี่อเลนหันมายิ้ม

   รอยยิ้มเล็กๆเพียงแค่ยกมุมปากขึ้นมา เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้ผมหลงจนแทบคลั่ง

   อาจจะฟังดูบ้าที่ผมกลับไปนอนกอดการ์ดที่พี่อเลนให้มาทุกๆคืน

   


   ผมขับมอเตอร์ไซคันเก่งมาที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองโดยที่มีพี่อเลนซ้อนท้าย

   ความพึงพอใจได้เกิดขึ้นเมื่อมือเล็กๆของพี่เขากอดเอวผมเอาไว้

   ....ตอนนี้ผมมีความสุข ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น...


   “ตัวนี้สวยไหม มณี ตัวนี้กับตัวนี้ชอบแบบไหน”พี่อเลนยิ้มพลางทาบชุดกระโปรงเข้ารูปสองชุดเทียบกันไปมา

   “สวยทั้งสองครับ”

   “งั้นเหรอ งั้นพี่ว่าเดี๋ยวพี่ไปลองดีกว่า มณีรอพี่ได้ไหม”

   “ได้สิครับ ผมรอได้”

   “แน่นะ เดี๋ยวพี่มา นั่งรอตรงนี้นะจ๊ะเด็กดี”

   ผมถูกดันให้นั่งลงหน้าห้องลองชุดของผู้หญิงก่อนที่พี่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องลองเสื้อผ้า

   ผมมองไปรอบรอบอย่างไม่คุ้นตา

   ไม่ค่อยมาในโซนเสื้อผ้าของผู้หญิงเท่าไร นอกจากจะมากับแม่...ความรู้สึกมันเลยแปลกๆเหมือนกับถูกจ้องมอง

   ไม่นานพี่อเลนก็ออกมาจากห้องลองพร้อมกับชุดกระโปรงเข้ารูปสีหวานดูแปลกตาทำให้ผมมองด้วยความตะลึง

   ....สวยจนผมไม่อาจละสายตา..

   “เป็นไง ชุดนี้สวยไหม”พี่อเลนถามพลางหมุนตัว

   “ครับ สวยมากเลย”ผมตอบ

   “งั้นเหรอ งั้นเอาชุดนี้เนอะ”

   “ครับ”ผมตอบรับพร้อมกับยิ้ม

   มองดูร่างบอบบางหายเข้าไปในห้องลองชุดอีกครั้ง

   และก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกราวกับถูกจับจ้องจนอดไม่ได้ที่จะลุกเพื่อเดินดูของรอบๆ

   ...บางทีผมอาจจะคิดไปเอง...

   ผมดูเสื้อผ้าอยู่ในโซนใกล้เคียงเรื่อยๆพลางมองทางประตูห้องลองชุดรอให้พี่อเลนออกมา

   ผมมองไปยังรอบๆเพื่อฆ่าเวลา

   แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก ดวงตาผมสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทคู่ที่ผมไม่ได้เจอมาหลายวัน

   พี่ธารากับผู้ชายวัยกลางคนกำลังจ้องมองมาทางผม ด้วยสายตาที่ผมเองก็อ่านไม่ออกว่ามันคืออะไร

   ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆพี่ธาราดูไม่คุ้นตาผมสักนิด แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะต้องใส่ใจ

   อุตส่าห์ไม่เจอหน้าเขามาเป็นอาทิตย์ แทนที่จะหายไปเลยกลับโผล่มาให้ผมเห็นหน้าอีกครั้งจนได้

   ความโกรธความเกลียดเล่นเข้าสู่จิตใจผมทันทีที่นึกถึงเรื่องที่พี่เขาทำกับผมเอาไว้

   ผมสะบัดหน้าหนีแล้วเดินกลับไปที่โซนเสื้อผ้าผู้หญิงทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่อเลนออกมา

   “ไปไหนมาเหรอ”พี่อเลนถามเมื่อเห็นผมเดินมาจากทางอื่น

   “ไปดูเสื้อผ้าด้านนู้นมาน่ะครับ ไม่มีอะไร เราไปจ่ายเงินกันดีกว่าครับ”ผมว่าพลางเดินนำไปที่เค้าเตอร์

   โดยที่ไม่รู้เลยว่าพี่อเลนหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วจ้องมองไปทางสายตาที่มองมาทางผมด้วยแววตาที่เย้ยหยัน กับรอยยิ้มชั่วร้ายที่แสยะขึ้น ก่อนจะเดินตามผมไป


***///***////***////***////***////***////***////***////***////***

   หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จพี่อเลนก็พาออกมาเดินเล่น มือเล็กของเอาเกาะเกี่ยวแขนผมไว้แน่นเหมือนกับที่คู่รักปกติทั่วไปทำกัน

   เราเดินดูของไปเรื่อยๆเพื่อถ่วงเวลาในการอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด ไอศกรีมคำแล้วคำเล่าถูกป้อนเข้าปากผมด้วยความเอาใจใส่จากพี่อเลน

   ผมไม่คิดว่าผมจะมีวันนี้...วันที่ผมมีความสุขมากๆกับการเดท

   “นี่ มณี เดี๋ยวพี่ไปห้องน้ำแปบหนึ่งนะ พี่ฝากถือก่อน”พี่อเลนพูดขึ้นระหว่างที่เราสองคนเดินผ่านห้องน้ำ

   “ได้ครับ ผมรอตรงนี้นะ”ผมบอกแล้วยิ้มให้บางๆ ทำให้พี่อเลนหันมาหยิกแก้มผม

   ถึงเขาจะชอบทำเหมือนกับว่าผมเป็นเด็ก ด้วยการหยิกแก้มหรือลูบหัว แต่ผมก็รู้สึกว่าผมชอบ และยิ้มรับตลอด...เพราะว่าผมรู้สึกว่าขัดอะไรพี่อเลนไม่ได้อยู่แล้ว

   
   “เช่นใดเจ้าจึงไม่ฟังคำเตือนจากข้า”

   ในระหว่างที่ผมรอพี่อเลนอยู่หน้าห้องน้ำหญิง เสียงแข็งห้วนก็ทักขึ้นมาทำให้ผมตัวแข็งทื่อหันไปมองด้วยความไม่พอใจ

   แขนของผมถูกถึงให้เข้าไปใกล้ ในขณะที่ผมพยายามถอยหนีทำเป็นไม่สนใจท่าทีที่คาดคั้นของพี่ธารา

   ตอนนี้ข้างกายพี่ธาราไม่มีชายวัยกลางคนที่ผมเจอเมื่อครู่แล้ว

   “ปล่อยผมน่า อย่ามายุ่งกับผมจะได้ไหม”ผมตอบพลางแกะมือพี่ธาราออก แต่พี่ธาราก็ยังคงบีบแขนผมเอาไว้แน่น

   ..ผมไม่เข้าใจ ทั้งที่อุตส่าห์เลิกยุ่งกับผมไปแล้ว ทำไมยังตามมาวุ่นวายกับผมอีก...

   “ทำไมเจ้าจึงต้องไปยุ่งกับเจ้านั่นอีก ข้าเตือนเจ้าแล้ว มณี”พี่ธาราพูดข่มเสียง

   “อะไรเล่า ปล่อยผมสิ อย่ามายุ่งกับผมจะได้ไหม”

   “ไม่ได้ เจ้าเป็นของข้า มณี เจ้าต้องเลิกยุ่งกับเจ้านั่น เจ้ากำลังถูกคิดไม่ดีอยู่”

   “พี่จะบ้ารึไง หายหัวไปตั้งกลายวัน จู่ๆก็โผล่มาบอกว่าพี่อเลนคิดไม่ดีกับผม จะให้ผมเชื่อได้ไง”ผมว่าอย่างค่อนขอด

   ส่วนลึกในใจมันสั่งให้ผมต่อว่าที่เขาหายไปโดยที่ไม่บอกผม แต่ความรู้สึกในอารมณ์มันกลับตรงกันข้ามที่จะแสดงออกว่าไม่ใส่ใจ

   “ข้าขอโทษ”พี่ธาราพูดเสียงแผ่วพลางหลุบตาลงเล็กน้อย “ข้าเพียงแต่ไปภาวนาศีล”

   “นั่นผมไม่สน พี่จะเป็นอะไร จะไปไหนก็เรื่องของพี่ ต่อไปนี้เลิกยุ่งกับผมสักทีจะได้ไหม ผมรำคาญพี่เต็มทน”

   ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น...แต่ทำไม หัวใจผมมันกลับกำลังสั่นไหวคล้ายกับถูกทำร้ายอย่างรุนแรงกันนะ

   “ข้าเลิกยุ่งกับเจ้าไม่ได้ มณี...ข้า”

   “มีอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ มณี”เสียงหวานคุ้นหูทักขึ้นทำให้ผมรีบสะบัดมือจากพี่ธาราออกทันทีแล้วไปยืนอยู่ข้างพี่อเลนที่แสร้งมองพี่ธาราด้วยแววตาสงสัย

   “อ่อ ไม่มีอะไรครับพอดีพี่เขาแค่มาทักทาย เดี๋ยวเขาก็จะไปแล้ว”ผมว่าพลางถือวิสาสะจับมือพี่เอลนเตรียมจะพาเดินหนีสายตาขุ่นเคืองปนตัดพ้อที่มองมา

   “เดี๋ยว จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น มณีต้องไปกับพี่”คำพูดของพี่ธาราเปลี่ยนทันทีเมื่อมีคนอื่นมาร่วมวงสนทนา

   พี่อเลนหันไปมองแขนของผมที่ถูกมือของพี่ธาราจับเอาไว้ วูบหนึ่งในดวงตากลมคู่สวยฉายแววอาฆาตแค้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววตาแสร้งตกใจ

   กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังคั่นกลางระหว่างพี่อเลนกับพี่ธารา ตอนนี้มือของผมกลับถูกพี่อเลนกุมไว้แน่นคล้ายกับกำลังขอความมั่นใจจากผม ในขณะที่พี่ธาราดึงรั้งผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

   “มณี”เสียงหวานแว่วเข้าหู พร้อมกับสายลมแผ่วเบาจากริมฝีปากแต้มลิปสติกปะทะเข้ามาโดยที่ผมไม่รู้ตัว

   ชั่วครู่ อารมณ์โกรธผมก็ทวีขึ้นมาทันที ตอนนี้ผมมีพี่อเลนอยู่ข้างๆ ผมจะต้องรักษาเวลาทุกวินาทีที่อยู่กับพี่เขา

   ไม่ใช่มาเสียเวลากับคนอย่างพี่ธาราแบบนี้

   ผมจ้องมองไปที่พี่ธาราเขม็ง ดวงตาของผมเปลี่ยนไปแทบจะทันที

   “ใครบอกว่าผมจะไปกับพี่  เลิกมายุ่งกับสักที ผมรำคาญ”

   “ไม่ได้ จะไปกับเขาไม่ได้” พี่ธารายืนยันคำพูดก่อนจะดึงผมเข้าหาตัว

   “มณี มะ มีอะไรรึเปล่า”พี่อเลนพูดพลางกระชับมือผมแน่นแล้วชิดตัวเข้ามากอดแขนเอาไว้จากทางด้านหลัง

   ผมไม่รู้เลยว่าพี่อเลนกำลังถลึงตามองพี่ธาราอยู่ด้วยความไม่พอใจ

   “เปล่าครับ พี่ไม่มีอะไรจะคุยกับพี่เขาแล้ว แต่ดูเหมือนพี่เขาจะไม่เข้าใจ”ผมบอกพร้อมๆกับพยายามดึงแขนของตัวเองกลับ

   ตอนนี้ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจเหตุการณ์ที่เหมือนกับการยื้อแย่งอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะอาย

   แต่ทำไมตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลย นอกเสียจากเป็นห่วงจิตใจของคนที่กอดแขนผมอยู่

   “กลับไปกับพี่ มณี”พี่ธาราพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นเหมือนกับคำสั่ง

   “ไม่ได้นะ มณี พี่ไม่ให้ไป”พี่อเลนพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางกอดแขนผมแน่น

   ผมกำลังถูกสั่งให้เลิกระหว่างคนสองคน ราวกับเวลาที่ผ่านไปเพียงไม่กี่วีเป็นเวลาที่นานชั่วกัปชั่วกัลป์

   คนทั้งสองคนมองหน้าผมราวกับต้องการที่จะได้คำตอบเพื่อยืนยัน


   ผมเลือกที่จะกุมมือพี่อเลนเอาไว้แล้วสะบัดมือพี่ธารารออก น่าแปลกใจที่ครั้งนี้มันถูกสะบัดออกโดยง่าย

   ริมฝีปากของพี่อเลนยกขึ้นอย่างยิ้มเยาะใส่พี่ธาราโดยที่ผมไม่รู้ตัวก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่างดีใจ


   
   พี่อเลนดึงแขนผมเดินออกมาจากที่ตรงนั่น ทิ้งให้พี่ธารามองตามมาด้วยแววตาที่ผิดหวัง แต่นั่นผมก็ไม่เห็นมันเพราะผมได้หันหลังให้เขาแล้วเดินจากมาแล้ว

   ...ผมเลือกพี่อเลน...และผมหวังว่าเรื่องระหว่างผมกับเขาจะจบลง

   ในขณะที่ใจผมมันกำลังเจ็บปวดอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเจ็บเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบเอาไว้

   ...ผมกำลังเป็นอะไร...



***///***////***////***////***////***////***////***////***////***


   “เข้ามาข้างในก่อนไหม...พ่อพี่ไม่อยู่ ท่านกลับไปหาแม่ที่นิวเจอซีแล้ว พี่เลยต้องอยู่คนเดียว มณีช่วยอยู่เป็นเพื่อนพี่สักพักได้ไหม”พี่อเลนเอ่อยช่วนหลังจากที่ผมจอดรถที่หน้าบ้านหลังใหญ่ของพี่เขาที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง

   “อะ เอ่อจะดีเหรอครับ ผมกลัวว่าจะไม่เหมาะ”ผมตอบไปอย่างที่ใจคิด

   เพราะว่ากลัวว่าคนอื่นจะมองพี่อเลนเป็นคนไม่ดี…ถึงแม้ว่าใจผมยังอยากจะอยู่ต่อกับพี่อเลนให้นานที่สุด

   “ไม่เป็นไรหรอก มณีมาบ่อยแล้ว อีกอย่าง บ้านพี่ก็ไม่มีใคร ไม่เห็นต้องกลัวเลย”

   “แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ถูกมองไม่ดี”ตอบตอบเสียงขัดๆเมื่อพี่อเลนเดินเข้ามาคล้องแจนผมอย่างออดอ้อน

   ..ถ้าเป็นอย่างนี้ผมก็คงจะขัดอะไรไม่ได้”

   “แต่เมื่อคืนพี่ก็อยู่คนเดียวนะ...ได้ยินเสียงกุกกักที่ประบ้าน น่ากลัวมากเลย น้องมณีช่วยอยู่กับพี่...จะได้ไหม สักพักก็ยังดี”

   ดวงตากลมโตช้อนมองผมอย่างเอาใจ

   ถ้าถึงขั้นนี้ต่อให้เป็นผมก็คงต้องยอม

   “ก็ได้ครับ”





   สุดท้ายผมก็เข้ามานั่งในห้องรับแขกของตัวบ้าน ถึงแม้จะบ่อยครั้งที่ผมมาส่งพี่อเลนแล้วถูกพ่อพี่เขาเชิญเข้ามาในบ้าน แต่นั่นมันตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย

   มองมองออกไปนอกประตูบ้าน บรรยากาศภายนอกเริ่มมืดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นฤดูหนาว เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้กลับไปซ้อมตามที่รับปากกับพ่อเอาไว้

   สงสัยกลับไปผมคงต้องโดนบ่นอีกยาว

   “นี่จ๊ะ น้ำส้ม”

   เสียงเรียกให้ผมหันไปมองพร้อมกับร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาพร้อมกับแก้มน้ำส้มคั้นสด

   “ขอบคุณครับ”ผมรับมาพลางวางลงกับโต๊ะกลาง

   “เป็นอะไร ทำหน้าเครียดเชียว”พี่อเลนนั่งลงข้างๆผมบนโซฟาตัวเดียวกัน

   “มะ ไม่เป็นไรครับ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ”

   “งั้นเหรอ ว่าแต่คนนั้นที่เรียนคณะเดียวกับมณี ใช่ปีสองรึเปล่า ทำไมเหมือนเขามีปัญหาอะไรกับมณี”

   พี่อเลนถามพลางขยับเข้ามาชิดทำให้ผมยืดตัวตรงอย่างประหม่า ยังไงซะ ผมก็ยังไม่เคยใกล้ชิดพี่เขาโดยที่อยู่ตามลำพังสองต่อสองเลยสักครั้ง

   ทั้งที่มันน่าจะเป็นโอกาสที่จะใกล้ชิด แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมกำลังขัดเขินจนทำตัวไม่ถูก

   “คะ คือ พี่ธาราเขาชอบพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ล่ะครับ เขาชอบพูดอะไรที่แปลกๆ”

   ผมตอบพลางกลืนน้ำลายเมื่อเรียวจับลงที่บันเอวแล้วบีบเบาเบา ขาเรียวยาวก่ายมาทับหน้าขาผมอย่างยั่วยวน โดยที่รอบแหวกของกระโปรงมันแหวกลึกจนเห็นไปถึงขาอ่อนที่เนียนจาผมตาแทบจะหลุดออกมาพลางกลืนน้ำลายลงไปอีกอึกใหญ่

   “เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม ว่าธาราเขาชอบพูดอะไรแปลกๆกับมณีของพี่ พี่จะได้ไปต่อว่าเขา”เสียงแผ่วเบากระซิบข้างหูของผมก่อนที่มือที่บีบอยู่ที่เอวจะขย้ำไปมาเบาเบา

   ..ให้ตายสิ!!ผมกำลังทำอะไรอยู่..ผมปรำหม่าถึงขั้นรุนแรง

   ผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยเดทกับผู้หญิง ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเวลาที่ผู้หญิงรุกแบบนี้

   หากตอบกลับผมก็จะถูกหาว่าเป็นพวกฉวยโอกาส แต่ถ้าหากผมนิ่งเฉย จะถูกหาว่าไร้น้ำยา หรือไม้ก็ไร้อารมณ์

   ...นี่ผมควรจะทำยังไงดี...

   “หืม...ให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม มณีคนดี”เสียงกระซิบพร้อมกับแรงกัดเบาเบาที่ติ่งหูทำเอาสติผมแทบหลุดกระเจิง

   “ขะ เขาชอบบอกว่าผมเอ่อ ผมเป็นพระอภัยมณีกลับชาติมาเกิด แล้วก็บอกว่าผมจะต้องชดใช้หนี้เขา”ผมบอกไปพลางเบี่ยงหน้าหนีออกจากริมฝีปากที่ขบติ่งหูอยู่อย่างขัดเขิน

   “ชดใช้เหรอ? ใช้ยังไงล่ะ”พี่อเลนถามด้วยเสียงอ่อนหวาน จมูกโด่งไล้ลงบนซอกคอผมไปมาคล้ายกำลังหยอกเย้า

   ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวทันที มือผมกำเข้าหากันแน่นไม่รุ้จะทำยังไงดี

   “ขะ เขา ให้ผม มีลูกด้วย”ผมตอบไป

   “เอ๋ มีลูกเหรอ? ฮ่าฮ่า มณีเป็นผู้ชายจะมีลูกได้ไง ธารานี่ท่าจะบ้าเนอะ”พี่อเลนพูดพลางหัวเราะ

   “นะ นั่นสินะครับ”ผมยิ้มแหยๆ

   ตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี...มือของพี่อเลนกำลังไล้วนอยู่บนหน้าท้องผมไปมา

   “กินน้ำส้มนี่สิ พี่ทำเองเลยนะ”พี่อเลนเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำส้มก่อนจะยื่นมาจนชิดปากผม

   ผมเหล่มองใบหน้าสวยหวานที่มองมาอย่างออดอ้อนก่อนจะดื่มน้ำส้มที่ถูกป้อนโดยพี่เขาจนหมด

   “อร่อยไหม”

   “ครับ อร่อยดี”ผมบอกพลางยิ้มอย่างโล่งอกเมื่อพี่อเลนปล่อยมือออกจากท้องน้อยของผมแล้ว

   “งั้นเหรอ ดีใจจังที่มณีชมว่าอร่อย มณีเนี่ย น่ารักจังเลยนะ”

   เสียงหวานกระซิบข้างหูก่อนที่มือของพี่เขาจะเกลี่ยผมของผมที่ปรกหน้าออกทัดหูให้

   ทำไมผมถึงรู้สึกว่าการกระทำของพี่อเลนมันดูแปลกๆตั้งแต่แรกที่รู้จักกัน

   ทั้งทำตัวเป็นที่พึ่งแทนที่จะพึ่งผม ทั้งบริการผม ทั้งเอาใจ แล้วก็ลูบหัวผม หยิกแก้มผมเหมือนผมเป็นเด็กตลอด

   แต่นั่นผมคงจะคิดมากไปเอง...รวมถึงเปลือกตาที่หนักอึ้งพร้อมกับความง่วงที่เข้ามาแทนที่

   ผมพยายามกระพริบตาถี่ๆไล่ความง่วงออกไป แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล ตาของผมกำลังจะปิดลง

   ผมมองไปทางพี่อเลน พร้อมกับดวงตาที่กำลังจะปิด ทำไรรอยยิ้มที่พี่เขามีมันถึงเปลี่ยนไป

   รอยยิ้มแสยะอย่างพึงพอใจ...ที่ผมไม่เคยเห็น





***///***////***////***////***////***////***////***////***////***

เหมือนเรื่องนี้กำลังจะถูกความมือเข้าครอบงำ เงียบเชียบเชียว
คล้ายกับว่าเป็นซอยเปลี่ยวที่นานนานทีมีคนเดินผ่าน 555+
สู้ๆค่ะ(ให้กำลังใจตัวเอง) ยังไงก็อย่าทิ้งกันเน้อ อยู่ด้วยกันจนจบเนอะ
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

มีแพลนเปลี่ยนชื่อรื่องอีกแล้ว555+ ทีแรกสุดเลยนะ จะตั้งชื่อว่า "มณีสมุทร" แต่กลัวไม่มีคนเข้ามาอ่าน
แต่อีกสักตอนสองตอนก็จะเปลี่ยนชื่ออีกแล้ว555+ จะเปลี่ยนชื่อว่า "มณีสมุทร" เครน้า 

   
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2015 17:01:27 โดย โซ อึน »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด