✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59  (อ่าน 244615 ครั้ง)

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
 :hao7:พ่อมาเห็นนนน
ทำไงล่ะทีนี้
แย่แล้วมณีเอ้ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
16842

ชดใช้ครั้งที่ 13.2 ชะตา

   “รู้จักมณีมันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”พ่อถามเสียงเข้มหลังจากที่พวกเราต่างก็พากันนั่งเงียบมานานจนมีแต่ความเงียบเข้าปรกคลุม
   พ่อนั่งตรงโซฟาเดี่ยวที่อยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับพี่ธาราโดยที่ผมกับแม่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวคั่นกลางท่ามกลางบรรยากาศที่น่าหดหู่เอามากมากสำหรับผม

   ผมปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตัวเอง นึกอยากจะหายตัวได้เหมือพ่อดในหนังก็วันนี้ล่ะ

   ผมจ้องมองพี่ธาราสลับกับมองพ่อ ต่างฝ่ายต่างก็จ้องกันไม่วางตา โดยที่แม่เองก็เอื้อมมือไปจับมือพ่อเป็นเชิงบอกให้ใจเย็น ทั้งที่ตัวเองก็อยากจะรู้เรื่องอยู่เต็มแก่

   “เอ่อ พ่อ คือแบบว่า”ผมพยายามแทรกกลางคำถาที่ทะลุกลางป้องของพ่อก่อนที่พี่ธาราจะตอบคำถามในตามแบบฉบับของตัวเอง

   ใครจะไปรู้ว่าพ่อจะดันมาเห็นช๊อตเด็ดระหว่างผมกับพี่ธาราเข้าให้

   อยากจะบ้าตายก็วันนี้ล่ะ เกิดมาจะสิบเก้าปี เพิ่งไม่เคยเจอเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้มาก่อน

   “เอ็งไม่ต้องพูดอะไร พ่อไม่ได้ถามอะไรเอ็ง เอ็งอย่าพูดแทรก”

   พ่อหันมาเอ็ดทำเอาผมหดคอกลับแทบไม่ทัน ได้แต่นั่งหน้าจ๋อยมองหน้าของพี่ธารากับพ่อสลับกันไปมา

   “รู้จักน้องตั้งแต่น้องเข้าเรียนวันแรกครับ”พี่ธาราตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

   นิ่งได้อีก นี่ตกลงยักษ์มีอารมณ์กับเขาบ้างไหมเนี่ย ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยสักนิดว่ากำลังอยู่ในสถานะการณ์ไหน

   “งั้นก็พึ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่เดือนน่ะสิ”พ่อย้ำ

   “ครับ”

   ผมอยากจะเข้าไปแทรกกลางแทบตาย ตอนนี้รู้ภายในห้องกำลังเข้าสู้สภาวะอึมครึมขั้นสมบูรณ์

   “แล้วไปคบกันตั้งแต่เมื่อไร คิดจะบอกผู้ใหญ่ให้รู้กันตอนไหน”

   “พ่อ!!มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะพ่อ ผมไม่ได้”ผมแย้งทันที

   ใครบอกว่าผมกับพี่ธารา เราไม่ได้คบกันสักหน่อย อะไรของพ่อเนี่ย

   “พ่อบอกให้เอ็งเงียบไง เอ็งไม่ต้องพูด พ่อจะคุยกับพ่อธาราคนเดียว ส่วนเอ็งเอาไว้ทีหลัง”พ่อหันมาปรามพร้อมกับมือแม่อีกข้างที่เอื้อมมือมาจับแขนผมให้อยู่นิ่ง

   ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้กว่าอึดอันจนไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เลยสักนิด

   อีกอย่าง พี่ธาราที่เป็นตัวตันเหตุ แต่ไหงไม่ช่วยกันบ้าง เอาแต่นั่งเฉยอยู่ได้

   “ตามจริงผมก็จะบอกกับคุณพ่อกับคุณแม่วันนี้ครับ ส่วนทางฝ่ายผมผมคิดว่าถ้ามีโอกาสจะพาน้องมณีไปรู้จัก”
   ห่ะ!! อะไรนะ

   แล้ว ทำไมไอ้พี่ยักษ์ธาราถึงได้พูดอย่างนั้น…อะไรของพี่เขา พูดอย่างกับว่าเราคบกันเป็นแฟนเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้วอย่างนั้น

   ผมก็เสียหายผมหมดสิ ไอ้ยักษ์บ้าเอ้ย

   อะไรของพี่เขาเนี่ย ผมอยากจะบ้าตาย ใครก็ได้เอาอะไรไปอุดปากพี่เขาที

   ถ้าจะพูดอย่างนี้ก็เงียบปากไปเถอะ ….อะไรดลใจให้เขาพูดแบบนี้เนี่ย

   ทำไมชีวิตวัยรุ่นมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้…ผมไม่ได้คบกับพี่ธาราสักหน่อย พ่อนี่ก็ทำหน้าตกใจซะพอพี่ธาราเขาพูดเป็นตุเป็นตะ
   ลูกพ่อไม่ได้นิยมขุดทองสักหน่อยพ่อ ฟังลูกพ่ออธิบายบ้างสิ

   “แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ พ่อแม่ทำอะไร บอกไว้ก่อนนะว่าพ่อไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อธารากับไอ้มณีมันทำอยู่น่ะ แต่จะให้กีดกันก็กระไรอยู่”

   “ครับผมเข้าใจส่วนเรื่องทางบ้าน พ่อแม่ของผมเสียแล้ว มีแค่คุณอาที่ดูแลผมมาตั้งแต่ยังเด็ก ที่บ้านผมเป็นเจ้าของสัมปทานรังนกนะครับแล้วก็มีหุ้นส่วนของรีสอร์ทที่ภูเก็ตกับที่อื่นอีกพอประมาณ”พี่ธาราตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่หยี่ระกับมาดเข้มเข้มของพ่อ

   แต่ถ้าพี่เขาจะช่วยเกรงกลัวและสลดสักนิดผมจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้เยอะ

   ประโยคของพี่ธาราบ่งบอกว่าโปรไฟล์ของเขาน่ะ โคตรดี..แต่วาจาของพี่เขาน่ะสิ พาลเอาคนที่บ้านผมเข้าใจกันผิดหมดแล้ว

   แล้วทำไมถึงได้ไปยอมรับกับพ่อแบบนั้นด้วย….. ผมไม่เข้าใจเลยจริงจริงว่า จะมีใครขี้ตู่เท่าพี่เขาบ้างไหม หรือว่าพวกยักษ์เนี่ยขี้ตู่เป็นชีวิตจิตใจกันอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ยอมรับอะไรกันมั่วๆ

   “ถือว่าทางบ้านมีปัญหาอะไร แต่พ่อธาราคิดดีแล้วเหรอที่มายุ่งกับมณีมัน”

   อ่าวไหงพูดงั้นล่ะพ่อ พูดอย่างกับเตือนเขาว่ามายุ่งกับผมแล้วมันไม่ดี นี่ตกลงใครลูกพ่อผมหรือว่าพี่ธารา

   “ครับ ผมคิดดีแล้ว ความจริงผมชอบน้องเขาตั้งแต่เจอกันที่ชายหาดแล้วล่ะครับ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้จักอะไรกัน พอมาเจอน้องที่มหา’ลัยผมก็เลยเข้ามาทำความรู้จักกับน้อง”พี่ธาราตอบหน้าตาย

   ได้ข่าวว่าไอ้ที่พี่พูดมามันไม่จริงเลยสักนิด โอย ผมอยากจะบ้าตาย ทั้งพ่อที่ทำอย่างกับผมเป็นลูกสาวโดนผู้ชายมาสู่ขอ กับพี่ธาราที่พูดเอาเองเป็นตุเป็นตะ

   แม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เอาแต่เงียบ

   นี่ตกลงผมเป็นส่วยเกินเป็นตัวแถม หรือเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงไม่มีใครถามไถ่หรือสนใจที่จะฟังผมบ้างเลย

   “งั้นรึ แล้วคิดว่าจะทำยังไงต่อไปล่ะ ถ้าพ่อจะขอให้พ่อธาราเลิกยุ่งกับลูกพ่อ”พ่อถามเสียงเข้มพลางตีหน้านิ่ง

   คำถามพ่อโดนใจผมก็คราวนี้ล่ะ ลูกพ่อน่ะอยากจะเลิกยุ่งกับเขาจะแย่อยู่แล้ว ไอ้ที่เขามาหาเนี่ย ไม่ได้เชิญมาเลย มาเองล้วนๆ
   ถ้าไล่ไปง่ายง่ายอย่างที่พ่อคิดก็ดีน่ะสิ ผมคนนี้จะรำแก้บนริมหาดเลยเอ้า

   “ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมรู้สึกชอบน้องมณีจริงๆ ผมจะอยู่ข้างน้องมณีจนกว่าคุณพ่อจะยอมรับ”พี่ธาราตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมกับจ้องตาพ่อ

   คำตอบนั่งก็ทำเอาใจผมสั่นไปวูบหนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะไม่รู้ว่าพี่เขาพูดจริงรึเปล่า เพราะรู้สึกว่าพี่ท่านชอบพูดเองเออเอง

   แต่ว่า…พ่อผมก็ถึงกับนิ่งเงียบไปเลยเชียว อีกทั้งแม่ที่ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจ

   อะไรล่ะแม่ นี่เขาจะมายิงประตูลูกแม่อยู่มะรืนมะเรื่อง ไหงไม่พูดอะไรสักคำ ให้พ่อทำเข้มอยู่คนเดียว

   “แต่พ่อคงจะยอมให้พ่อธาราคบกับมณีมันไม่ได้หรอกนะ”

   “ครับ ผมเองก็ไม่ยอมเลิกคบกับน้องมณีเหมือนกัน”พี่ธาราตอบแทบจะทันทีที่พ่อพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปพักใหญ่

   “เรื่องนี้มันได้อยู่กับการตัดสินใจของพ่อ พ่อรู้ว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องใหม่ที่ผู้ใหญ่อย่างพวกพ่อไม่เข้าใจ แต่เรื่องแบบมันก็ขึ้นอยู่กับตัวของมณีมันว่าจะเอายังไง ถ้าจะคบกันพ่อก็ไม่ห้าม แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขต”

   อ่าว แล้วไงพ่อถึงได้ยอมเขาง่ายๆล่ะ ขึ้นต้นมาซะดี อย่างกับหวงลูกนักหนา พอเขาบอกโปรไฟล์แบบพรีเมียมเข้าหน่อยล่ะยอมเขาเลย
   “พ่อ มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดน่า พ่อกำลังเข้าใจผิดอยู่”ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่จะฟังคนอื่นพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว

   “พ่อบอกแล้วไงว่าไม่ต้องพูด เอ็งพาผู้ชายเข้าบ้านมาตั้งหลายรอบโดยที่พ่อไม่รู้เลยว่าพี่เขาเป็นแฟนเอ็ง ใจคอต้องให้พ่อแม่มารู้กันเอง เอ็งนี่มันน่านัก”

   จะแก้ตัวก็ดันกลายเป็นคนผิดซะงั้น…นี่ตกลงผมผิดใช่ไหมเนี่ยที่พาผู้ชายเข้าบ้าน

   นี่ตกลงใครลูกพ่อเนี่ย..ผมไม่เข้าใจเลยจริงจริง ไอ้การที่พูดแล้วไม่มีใครฟังเนี่ย มันช่างน่าเศร้าใจยิ่งนัก

   ชิตที่แล้วไม่น่ามีเมียเยอะเลย ชาตินี้ถึงได้อาภัพ ประตูหลังก็ถูกจ่อเตรียมรอยิง ไหนจะยังไม่มีใครสนใจที่พูดอีก ชีวิตหนอชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นที่หดหู่เกินไปแล้ว


   หลังจากนั่นพ่อก็ตกลงอยู่กับพี่ธาราพักใหญ่เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องคบกันโดยที่ต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่บ้าที่สุดในสามโลก

   นี่ผมกำลังถูกมัดมือชกให้คบหาดูใจกับยักษ์เพศผู้โดยที่พ่อแม่รับรู้ และคอยดูอยู่อย่างใกล้ชิด

   เรื่องบ้าบ้านี่มันยิ่งหนักเข้าไปใหญ่เมื่อพ่อดันเออออตามพี่ธารา ที่พี่ท่านก็สรรหาคำพูดมาทำให้ตัวเองดูดีน่าเชื่อถือจนพ่อรู้สึกว่าจะหายข้องใจที่พี่ธาราย่องจะมาโจมตีประตูหลังผม

   รวมทั้งแม่ด้วยที่ดูจะชอบอกชอบใจว่าที่ลูกเขย?ที่ผมไม่ได้เต็มใจจะได้มาสักนิด

   อย่างผมต้องหาลูกสะใภ้สวยสวยให้แม่สิ แบบพี่อเลนก็ยังดี หากว่าพี่เขาไม่มีดุ้นล่ะนะ

   พอนึกถึงพี่อเลนแล้วก็ยังสยองไม่หาย หน้าตาสวยจนโลกตะลึง แต่ดันเป็นผู้ชายซะงั้น อยากจะบ้าตาย กับชีวิตของตัวเอง ที่ต้องเจอแต่เรื่องแปลกๆ



   แล้วมื้อเย็นจบลงด้วยดีโดยที่ทุกคนในบ้านต่างก็ทำความรู้จักด้วยการซักประวัติว่าที่ลูกเขยอย่างพี่ธาราจนละเอียดยิบ

   ถ้าจะถามละเอียดขนาดนั้น ไม่ถามพี่เขาไปล่ะว่าเป็นคนรึเปล่า พี่เขาจะได้ตอบว่าไม่ใช่ แต่เป็นยักษ์แทน

   ผมล่ะไม่เข้าใจพ่อแม่ ทำไมถึงยอมพี่เขาง่ายๆ ทั้งที่ผมก็เป็นผู้ชาย พี่เขาก็เป็นผู้ชาย

   ส่วนพี่ธาราช่างเป็นยักษ์ที่ร้ายกาจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เพราะเคยเจอแค่ตัวเดียวเท่านั้น

    แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ไอ้ที่ร้ายนั่นมันไอ้เรื่องที่มโนเอาเองของพี่เขามากกว่า นอกจากเรื่องกิจการของครบครัวแล้วญาติพี่น้อง นอกนั้นรู้สึกว่าพี่เขาจะมโนภาพเองล้วนๆ

   ยิ่งน่ากลุ้มเข้าไปอีกก็อีกไม่กี่วันผมจะต้องเป็นแม่พันธุ์ปั๊มลูกให้พี่ธารา ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะจริงอย่างที่พี่เขาบอกรึเปล่า

   ผมจะมีลูกให้พี่เขาได้ไหม ในเมื่อผมเป็นผู้ชาย ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไรว่าผมจะมีลูกให้พี่ธาราได้

   ผมไม่รู้ว่าชาติที่แล้วผมได้สร้างกรรมอะไรไว้กับพี่ธาราหรือเปล่า ชาตินี้เขาถึงตามเข้ามาก้าวก่ายชีวิตผมขนาดนี้

   มันมากกว่าพี่อเลนที่เป็นนางละเวงในชาติที่แล้วซะอีก นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ผมสงสัย

   “คุณพ่อครับ ผมว่าจะขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่พาน้องไปรู้จักกับคุณอาของผมน่ะครับ”พี่ธาราพูดขึ้นระหว่างที่มื้ออาหารจบลงตามด้วยของหวานอย่างบัวลอยน้ำขิงที่แม่ทำเตรียมเอาไว้

   “จะไปกันเมื่อไรล่ะ พ่อไม่ห้ามหรอกนะ แต่แค่บอกให้รับรู้ว่าไปไหนทำอะไรก็พอแล้วไม่ต้องขออนุญาตหรอก โตโตกันแล้ว”

   “ในวันหยุดยาวอีกสองอาทิตย์น่ะครับ ว่าจะค้างคืนด้วย เกรงว่าคุณพ่อจะห่วงน้องเลยมาขออนุญาตก่อน”พี่ธาราพูดด้วยถ้อยคำสุภาพ
   แต่ไอ้คำว่าสองอาทิตย์ที่ว่าทำเอาผมแทบตาถลนออกมา เม็ดบัวลอยแทบจะพุ่งออกทางรูจมูก

   ไอ้ช่วงเวลาที่พี่เขาว่านี่ใช่คืนเพ็ญเดือนยี่ที่พี่เขาบอกว่าจะปั๊มลูกกับผมใช่รึเปล่า
   พระเจ้าจ๊อด มันยอดมาก นี่ใจคอพี่เขาจะมัดมือชกผมไปถึงไหน แค่นี้ผมก็คิดเองเออเองไม่เป็นแล้ว ยังจะมาดึงเอาพ่อกับแม่เป็นผู้ร่วมอุดมการณ์อีก
   แล้วจะมีใครช่วยผมปกป้องประตูหลังของผมบ้างไหม



   แล้วมื้อเย็นก็จบลงด้วยความเจ็บแสบราวกับเยื่อพรหมจรรย์ประตูหลังของผมได้ฉีกขาดออกพร้อมกับสภาพจิตใจที่แสนจะห่อเหี่ยว
   ผมถูกบังคับให้ออกมาส่งพี่ธาราที่หน้ารั้วบ้าน

   “กลับดีดีล่ะ” ผมบอกเสียงเบาพอเป็นพิธีแล้วหันหลังกลับทันที

   ทั้งเคืองทั้งโกรธไอ้ยักษ์ขี้ตู่นี่ที่มันเอาแต่พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวไม่ถามความเห็นผมเลยสักนิด

   มันน่าตบหัวให้ทิ่มสักรอบสองรอบถ้าไม่กลัวว่าพี่เขาจะมาจับผมกินซะก่อน

   “เดี๋ยวก่อน”พี่ธาราเรียกพร้อมกับฉุดแขนของผมดึงให้เข้าไปยืนตรงหน้าของเขา

   แต่มันชักจะชิดกันมากเกินไปแล้ว

   ลมหายใจร้อนร้อนของพี่ธารากำลังเป่ารดจมูกผมอยู่

   รสจูบเมื่อตอนบ่ายของพี่ธารายังติดอยู่ในความทรงจำของผมไม่จางหาย

    มันเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสถานะที่ดิ้นไปไหนจากพี่เขาไม่ได้อีกแล้ว

   อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเป็นแผนการของเขา แต่ก็คงจะกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วเมื่อพ่อแม่ก็ดันพร้อมใจกันยกลูกให้เขาง่ายๆ

   “มี อะไร”ผมถามเสียงเบา ก้มหน้าหนีจมูกโด่งที่รู้สึกว่ามันโน้มลงมาใกล้ยังไงก็ไม่รู้

   “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าคิดมาก มันเป็นโชคชะตาที่เจ้าต้องเจอ”

   โชคชะตาเล่นตลกล่ะสิไม่ว่า ถึงได้ดลบันดาลให้ผมเป็นเมียยักษ์อย่างนี้

   “แล้วทำไมพี่ต้องมากอดผมด้วยเล่า ปล่อยผมน่า”ผมว่าเมื่อแขนพี่ธาราโอวเอวผมให้เข้าไปหา

   ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบจนผมนึกใจสั่นขึ้นมาหากว่าพี่เขาจะจูบผมอีกรอบล่ะก็

   อีกอย่าง นี่มันหน้าบ้าน โอกาสที่คนอื่นจะเห็นมันก็สูงทะลุเพดานซะด้วย เพราะช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้คนผ่านไปมาก็มีออกบ่อย

   “พ่อแม่เจ้าดูเราอยู่”พี่ธารากระซิบพร้อมกับเอาจมูกมาคลอเคลียกับหัวทุยทุยของผม

   ผมหันไปมองด้านหลังก็จริงอย่างที่พี่พูด พ่อกับแม่ยืนดูอยู่หน้าประตูบ้านไม่วางตาเลยทีเดียว

   กลัวว่าผมจะกระโดดกัดหูลูกเขยเขารึไงกันถึงได้ตามเฝ้ากันขนาดนี้

   “ก็แล้วจะกอดผมทำไมล่ะ อึดอึด”

   ผมก็ว่าไปนั่น แต่ใจมันก็สั่นๆเวลาที่มันอยู่ใกล้เกินไปก็เท่านั้น

   หลังจากที่พี่เขาไปช่วยผมจากการยิงสกอร์ของพี่อเลน ผมก็ถึงได้รู้ว่าเขาเฝ้าตามผมอยู่ตลอด

   สองรอบที่ถูกช่วยเอาไว้ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าการที่อยู่ใกล้พี่ธารามันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก เสียแค่ว่าพี่เขาจ้องจะเอาผมทำเมียแค่นั้นเอง

   “ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า ไม่อยากทิ้งให้เจ้าอยู่ตามลำพัง”

   น้ำเสียงเบากระซิบข้างหูแทบทำเอาผมระทวย

   น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วง สั่นคลอนเอาหัวใจของผมหล่นวูบราวกับถูกกระชากเบาเบาจากมือที่มองไม่เห็น

   สายลมยามเย็นพัดผ่านโดยที่ผมยืนเยหน้ามองพี่ธารานิ่ง

   สายตาคู่สีดำสนิทจ้องมอมาที่ผมราวกับยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง

   “อะ อะไรล่ะ พ่อแม่ก็อยู่ ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย อีกอย่า พี่อเลนเขาก็สัญญาแล้วว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับผมอีก ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงหรอกน่า ไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย”

   ผมดันอกพี่ธาราออก

   “ข้ามิได้ห่วงเรื่องนั้น การอโหสิทำให้กรรมของเจ้ากับเขาสิ้นสุดต่อกันแล้ว”

   “แล้วพี่จะห่วงอะไรผมอีก ดูแลตัวเองได้น่า”

   ผมว่าทำเก่งไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงแล้วก็นึกกลัวเหมือนกันว่าจะมีใครโผล่มาเล่นงานผมตอนเผลอเอาอีก

   “ข้าไม่รู้หรอกว่าเช่นใดข้าจึงห่วงใยเจ้า เพียงแต่ข้าไม่อยากจะเสียเจ้าไปอีกเป็นครา”พี่ธาราบอกเสียงเบาพร้อมกับมือหนาเอื้อมมาประคองศีรษะของผมจากทางด้านหลัง

   จุมพิตแผ่วเบากดลงบนหน้าผากผม ชั่วครู่เดียวแต่รู้สึกว่ากลับยาวนานจนนับเวลาไม่ได้

   ความอบอุ่นมันแผ่ซ่านเข้าไปในใจ รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าปลอดภัยเวลาที่อยู่ใกล้เขา




   ผมเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วทิ้งตัวลงกับเตียงนอนหลังเล็กของตัวเอง อุตส่าห์หลบเลี่ยงพ่อที่กำลังดูทีวีเดินขึ้นห้องมาก่อนจะถูกถามอะไรให้มากความเพราะยังไม่พร้อมที่จะตอบ

   กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิยังคงอบอวลอยู่ภายในห้อง ผมหยิบชามที่พิมพ์ลวดลายสวยงามมาจากหัวเตียง

   พวงมาลัยที่ก่อนหน้าเคยสีขาวสะอาดตอนนี้กลับกลายเป็นสีเหลืองนวลแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาแต่ยังคงกลิ่นคละคลุ้งเอาไว้

   ผมยกมันขึ้นมาดมอย่างชั่งใจในความหอมหวานของมันพาลหวนนึกถึงเจ้าของพวงมาลัยพวงหอมนี้

   ใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรแต่กลับเป็นยักษ์ที่ผู้คนต่างคิดว่าเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย

   แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่าง ทั้งความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวและความอ่อนโยนและอ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้งยังสุภาพ ถ้าไม่นับว่าเป็นพวกที่เผด็จการมัดมือชกและชอบสร้างเรื่อง พี่เขาก็นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร

   หากแต่ความเป็นเพศเดียวกันเท่านั้นที่ทำให้ผมกระดากอายที่จะยอมรับในตัวเขา หากว่าเขาเป็นผู้หญิง ผมคงจะยินยอมพร้อมใจสานต่อความสัมพันธ์ที่ถูกหยิบยื่นมาตั้งนานแล้ว

   
   นานพอดูที่ผมสูดเอากลิ่นหอมของของดูต่างหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่ธาราก่อนจะเก็บวางมันไว้ในชามแก้วบนหัวเตียง

   สายตาสะดุดเอาหนังสือเล่มเก่าที่ยืมมาจากห้องสมุดนานร่วมเดือนยังไม่ได้ไปคืนเขาสักที

   ดูท่าผมจะยืมมันมานานเกินไปแล้ว คงต้องเอาไปคืนสักที

   แต่ก่อนคืนความสงสัยอีกอย่างที่ผมสงสัยอยู่ตลอดทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมหยิบหนังสือเล่นหนานั่นมา

   พระอภัยมณี

   เรื่องราวที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมมันวุ่นวาย

   ผลกรรมแต่ชาติปางก่อนที่ได้สร้างเอาไว้

   แต่สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้คือ เรื่องราวเกี่ยวกับพี่ธารา อยากจะรู้ว่าพี่ธารามีตัวตนอย่างไรในครั้งอดีต ทำไมผมถึงต้องมาเจอกับเขาในชาตินี้
   และทำไมผมถึงต้องมีลูกกับเขา สิ่งที่ได้ฟังมาคือพี่ธาราต้องการจะให้ผมมีลูกให้เขา เพื่อที่จะเอาลูกแก้วอะไรสักอย่าง

   เกี่ยวกับชีวิตที่เป็นอมตะของยักษ์ทุกตัว ซึ่งนั่นผมเองก็ไม่เข้าใจ ถึงจะไม่เห็นด้วยในสิ่งที่พี่ธาราบอกว่าผมจะต้องมีลูกกับเขา

   ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ผู้ชายอย่าผมจะท้องหรือว่ามีลูกก็ตาม

   แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะสิ่งที่ผมทำในชาติที่แล้วชิตนี้ผมถึงต้องมาแก้ไขมันเพื่อให้มันได้จบสิ้นลง

   นานจนค่อนคืนที่ผมเปิดหนังสือดูคร่าวๆมองแต่ละหน้าไปแบบผ่านๆ

   แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีหน้าไปที่มีชื่อของพี่ธาราหรือว่าระบุว่าเขามีตัวตนอยู่ในเรื่องนี้เลย

   ความสงสัยยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อจบเล่มแล้วก็ยังไม่ปรากฏสิ่งที่บอกถึงตัวตนของเขา

   แล้วตกลงเขาคือใคร?

   ในเมื่อในเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกเลยว่าพี่เขาเกี่ยวข้องอะไรกับผมในชาติที่แล้ว

   หรือว่าผมจะถูกหลอก เขาเป็นยักษ์ก็จริง แต่ไม่มีอะไรมาบ่งบอกว่าผมกับพี่ธาราเคยรู้จักกันหรือว่ามีกรรมต่อกันเมื่อชาติที่แล้ว

   แล้วพี่เขาคือใคร จุดประสงค์ที่พี่เขาเข้ามาในชีวิตของผมเพียงเพื่อให้ผมมีลูกให้กับเขาแค่นั้นเหรอ

   
   “พี่ธารา ท่านไปแห่งหนใดมาในคืนเพ็ญ ท่านรู้ไหมว่าเกิดสิ่งใดขึ้น”อภัยมณีค่อนขอดทันทีที่ชายหนุ่มร่างกำยำเจ้าของนามที่คิดถึงตลอดคืนที่ผ่านมาเดินเข้ามาภายในถ้ำ

   “เจ้าคิดถึงข้าเช่นนั้นหรือ”ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มอย่างหยอกล้อ

   “ข้ามิได้คิดถึงท่านสักหน่อย เพียงแต่เมื่อคืนเพ็ญนางผีเสื้อน้องท่านเกือบจะข่มเหงจิตใจข้าแทบจนสิ้นไร้ไม้ตอก”อภัยมณีบอกด้วยสีหน้าโกรธเคืองที่อีกฝ่ายที่คอยอยู่เคียงข้างได้หนีหายไปในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง ทิ้งให้เขาต้องอยู่กับนางยักษ์ที่คอยแต่จะเข้าใกล้เขาจนน่ารำคาญ

   “ข้าขอโทษที่ทำให้เจ่าต้องถูกข่มเหงน้ำใจเช่นนี้ เพียงแต่มันจะดีกว่าหากว่าข้าอยู่ห่างจากเจ้าในคืนเพ็ญ”

   “แล้วเช่นใดพี่ต้องหายไปในทุกคืนเพ็ญด้วยเล่า ข้าไม่เข้าใจเลยพี่ธารา”อภัยมณีกอดอกขยับตัวหนีร่างสูงใหญ่ที่นั่งลงบนริมขอบเตียงข้างๆ

   “ข้ามีเหตุผลที่สามารถบอกเจ้าใด ไม่ใช่ข้าไม่ห่วงเจ้า เพียงแต่ข้าอยากให้เจ้าปลอดภัย”ธาราสมุทรกระซิบเสียงเบาก่อนจะเคลื่อนตัวไปเคียงข้างร่างสูงโปร่งของอีกคนที่กำลังเคืองโกรธเขาไม่หาย

    มือใหญ่เกลี่ยเอาปอยผมที่ยาวละบ่าทัดกับหูแดงเรื่อเผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดเชื้อสายผู้สูงศักดิ์

   “ข้าเหงาเหลือเกินพี่ธารา ยามไม่มีท่านอยู่ข้างกายข้าก็อยากจะกลับบ้านเมืองข้าอยู่ทุกครา”

   อภัยมณีหันมาบอกด้วยสายตาเว้าวอน หลายครั้งหลายเวลาที่ร้องขอให้อีกฝ่ายพาหนี หากแต่ถูกปฏิเสธอยู่ทุกครั้งไป

   “ข้าก้าวก่ายเรื่องชีวิตของใครไม่ได้ มันเป็นกฎเกณฑ์ที่ถูกตั้งขึ้นมาแต่กาลก่อน”รวมถึงการแย่งคู่ครองหรือการเป็นชู้ก็เช่นกัน

   สิ่งนั้นเขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ หากแต่ก็ไม่สามารถหักห้าใจให้ละสายตาไปจากไปหน้างดงามนี้ได้ยากนัก

   เสียงเพลงบรรเลงยามเหงาที่มักจะแอบฟังอยู่ด้านนอกทำให้เขาหลงใหลมันราวกับต้องมนต์

   ทำได้แต่เพียงแอบลอบเเวะเวียนเข้ามาหายมที่นางผีเสื้อสมุทรนั้นออกไปข้างนอก

   ส้มสูกลูกไม้ถูกหยิบติดมือมา หรือแม้กระทั่งอาหารคาวหวานที่ได้แปลงเป็นร่างมนุษย์เสาะหามาให้ไม่ขาด

   ความเสน่ห์หาแปรเปลี่ยนเป็นรักใคร่ภายในเวลาไม่นาน

   ครั้งแรกที่รู้ว่านางผีเสื้อสมุทรผู้เป็นน้องตั้งท้องกับอภัยมณีที่แอบรักหัวใจก็ราวกับสลายหายในในอากาศ

   หากแต่อีกฝ่ายนั้นยังไม่รู้ว่านางผีเสื้อสมุทรได้ตั้งท้องแล้ว มิเช่นนั้น จิตใจก็คงจะเปลี่ยนไปโดยง่าย


   “แล้ววันนี้ท่านมีสิ่งใดมาให้ข้าบ้าง”อภัยมณีหันมาถามอย่างใคร่รู้ รอยยิ้มบางถูกคลี่ออกในเวลาไม่นานจากที่บึ้งตึงก่อนหน้า

   “ข้ามีเขียวหวานกับมัสมั่นไก่ที่เจ้าชอบ คิดว่าเจ้าน่าจะอยากมัน”ธารายิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าของร่างสูงโปร่งนั้นหายโกรธเขาได้ไวกว่าที่เขาคิด
   คงจะเป็นเพราะกลิ่นเครื่องแกงหอมหวานที่ตลบอบอวลเป็นแน่


   ตาคู่ดำสนิทจ้องมองคนรักของผู้เป็นน้องกินอาหารที่สรรหามาให้อย่างเอร็ดอร่อย รอยยิ้มถูกแต่งแต้มบนใบหน้ารูปงามราวกับเทวดาที่ลงมาจุติ

   หากแต่เจอกันเร็วกว่านี้ คนคนนี้คงจะต้องตกเป็นของเขาจงได้ ผิดกับเวลานี้ ราวหับพลอยชั้นเลิศที่ไม่สามารถเอื้อมมือไปแตะต้องได้ทั้งที่มันอยู่ตรงหน้า

   กฎเกณฑ์ถูกตั้งมาเพื่อเป็นสิ่งต้องห้ามในการลักลอบหรือแย่งคู่กัน นั่นคือหนาวที่คอยทิ่มแทงใจ


   “พี่ธารา ท่านว่าจะมีวันไหมที่ข้าจะเป็นอิสระ”อภัยมณีถามพลางนั่งอิงแอบกับร่างสูงใหญ่ของธาราสมุทรอย่างสนิทชิดเชื้อ

   “ข้าตอบเจ้าไม่ได้”ธาราสมุทรตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด

   หากว่าอภัยมณีได้อิสระจริง นางผีเสื้อสมุทรก็คงจะสิ้นอายุ แต่เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะมีสิทธิที่จะเข้ามาเคียงคู่

   หากแต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้เมื่ออภัยมณีนั้นเป็นมนุษย์

   มนุษย์นั้นการมีสัมพันธ์กับเพศเดียวกันถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามพอกับการห้ามคบชู้กันของยักษ์ หากแต่มนุษย์ สามารถมีคู่ครองได้เยอะตามที่ต้อการผิดกับยักษ์โดยสิ้นเชิง

   ธาราสมุทรคิดอย่างเจ็บปวดพลางจ้องมองเสี้ยวหน้าของผู้ที่กำลังอิงแอบกับร่างกายของตน

   หากว่าอภัยมณีรู้ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นนั้นมีสิ่งอื่นเคลือบแคลงอยู่ คงจะเคืองโกรธกันไม่น้อย


   “หากไม่มีพี่ธารา ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอก กล้าทั้งกลัว ทั้งหวาดระแวงกลัวว่าวันใดวันหนึ่งนางจะจับข้ากิน”อภัยมณีพูดพลางเอนหัวลงบนไหล่ของยักษ์หนุ่ม

   “ข้ามั่นใจว่านางจะไม่มีวันกินเจ้า”

   “ทำไมท่านถึงได้มั่นใจนักว่านางจะไม่กินข้า ในเมื่อน้องท่านนางชอบกินเนื้อยิ่งนัก”

   “ยักษ์อย่างพวกเราไม่สามารถกลืนกินคู่ครองได้หรอกถึงแม้ว่าคู่ครองนั้นจะเป็นมนุษย์”

   “ทำไมถึงกินไม่ได้เล่า ในเมื่อข้าก็เคยได้ยินว่ายักษ์นั้นชอบเนื้อมนุษย์ยิ่งว่าเนื้ออะไร”

   “จริงอยู่ที่ยักษ์กินเนื้อมนุษย์ หากแต่ไม่สามารถกลืนกินคู่ครอง เพราะเมื่อใดที่คู่ครองสิ้นใจ ยักษ์ตนนั้นก็จักสิ้นใจตามในไม่ช้า”

   “ทำไมข้าไม่เคยได้รู้เรื่องราวนี้”อภัยมณีเงยหน้าถามด้วยใบหน้าใคร่ที่จะรับรู้

   “เป็นสิ่งที่ยักษ์อย่างพวกเราไม่อยากให้มนุษย์ที่คิดว่าเรามายุยืนยาวรู้กันสักเท่าไร”

   “แต่ข้าเคยได้ยินว่ายักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตี่เป็นอมตะ”อภัยมณีแย้ง

   “ก่อนนั้นเผ่าพันธุ์ยักเป็นอมตะก็จริง หากแต่เวลานี้ ลูกแก้วที่เกิดจากการบำเพ็ญเพียรเป็นสิ่งกำหนดชะตากรรมของยักษ์ให้มีช่วงอายุขัย”

   “ลูกแก้วอะไรกัน ทำไมถึงดูน่าอัศจรรย์นัก”

   “เป็นลูกแก้วอายุราแห่งชีวิต ทำให้ชีวิตยักษ์จะยาวนานเพียงแค่สามร้อยปี ต่างจากนานนับอสงไขย”

   ธาราตอบพลางจ้องมองสิ่งที่อยู่ในมือนิ่ง พวงมาลัยสีขาวสะอาดตาที่ถูกถักร้อยด้วยมือของเจ้าของใบหน้าที่งดงาม

   กลิ่นหอมฟุ้งของดอกไม้ทำให้นึกถึงกลิ่นตัวที่ติดอยู่บนกายของอีกฝ่าย

   “เช่นนั้นถ้าลูกแก้วนั่นหายหรือถูกทำลายเล่า พวกท่านจะเป็นเช่นไร”

   “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร เผ่าพันธุ์ยักษ์อาจจะสูญสิ้น หรือไม่ก็ไม่มีวันดับสูญ”

   ร่างสูงใหญ่ที่เป็นที่พิงกายของอภัยมณีในเวลานี้ถอนหายใจออกมา การมีชีวิตยาวนานเพื่อดูสัจธรรมที่ไม่มีที่สิ้นสุดไม่ใช่เรื่องดี

   ยิ่งต้องตกอยู่ในห้วงรักที่เต็มไปด้วยขวากหนามก็ยิ่งทรมานยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น

   “แล้วลูกแก้วนั่นอยู่ที่ใดกันพี่ธารา ข้าชักอยากเห็นแล้วสิ”เสียงเจื้อยแจ้วถามขึ้นอย่างสนใจพร้อมกับคลึงเอาดอกมะลิที่บานแล้วไปมา

   “มันอยู่ในโพรงต้นไม้ใหญ่กลางเกาะแห่งนี้ ที่นั่นจะมีเขตอาคมทำให้ไม่มียักษ์หรือว่าเงือกตนใดเข้าไปใกล้ได้”

   “งั้นข้าก็เข้าไปได้น่ะสิ”

   “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกนว่าเจ้าจะเข้าใกล้มันได้หรือไม่ เพราะไม่เคยมีเรื่องราวที่บอกว่ามนุษย์นั่นเข้าไปในโพรงไม้นั่นไม่ได้”

   “งั้นหรอกรึ ข้าชักอยากจะเห็นมนแล้วสิพี่ธารา มันจะน่าอัศจรรย์สักแค่ไหนเชียว”อภัยมณีพูดก่อนจะหันมายิ้มให้คนฟัง

    หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในความนึกขึ้นนั้นคือสิ่งที่จะกำหนดชะตากรรมของชีวิตหลายชีวิตที่กำลังจะเปลี่ยนไป   





=================================================================


ตอนหน้าไปบ้านพี่ธารากัน  ขอบคุณทุกคนที่ยังติตตามค่า

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
อย่าสงสัยในตัวของพี่ธาราเลยนะคะน้องมณี เพราะไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอดีตพี่ธาราก็มีแต่ความหวังดีให้กับหนูจริงๆ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
อยากให้ถึงวันเพ็ญเร็วๆ  :call:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
พระอภัยไปขโมยลูกแก้ว
แน่เลย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านรวดเดียว 5 ตอนสุขใจ ข้ามดราม่าที่ชื่อละเวงไปเลย

อาจจะดูเหมือนหายตัว แต่ความจริงแค่รอให้พ้นดราม่าเท่านั้นเอง  :bye2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
มณีไปทำอะไรกะพี่ธาราไว้
แร้วพ่อแม่ก็ยกให้ง่ายๆเลย

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
17338

ครั้งที่ 14 ความจริง


   
   เช้านี้ผมมาเรียนโดยสารถีชั้นเลิศ จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ว่าที่ลูกเขยผู้แสนดีของพ่อกับแม่
   ผมยังเคืองไม่หายที่พ่อกับแม่ดันยอมให้พี่ธาราเอาง่ายๆ แถมไม่ฟังความจากผมอีก ไหนครั้งแรกพ่อบอกว่าแล้วแต่ผมจะตัดสินใจไง
   สุดทเยผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลยอยู่ดี
   “มณี”เสียงเรียกทางกด้านหลังในระหว่างที่ผมจะเดินไปยังห้องสมุดเพราะวิชาแรกงดสอนผมเลยกะว่าจะเอาหนังสือที่ยืมมาร่วมเดือนแต่ใช้เวลาอ่านไม่กี่นาทีไปคืน
   ผมหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นหู แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นใคร ก็เจอเข้ากับร่างสูงโปร่งในชุดหนังศึกษาเขารูปพร้อมกับใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มมาอย่างอ่อนโยน
   พี่อเลนคนงามคนเดิม ไม่เหมือนเดิมคือผมถอยห่างออกมาจากเขาก้าวหนึ่งโดยอัตโนมัติแล้วก้มลงไปมองตรงเป้าของพี่เขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
   ดูยังไงมันก็เหมือนผู้หญิงจนแยกไม่ออกอยู่ดี
   ว่าแต่ พี่เขาต้องการอะไรจากผมอีก  บอกไว้ก่อนว่าหน้าสวยสวยนั่นใช้ไม่ได้กับผมอีกแล้วนะเออ
   “พี่…มีอะไรกับผมรึเปล่า”ผมถามพลางมองพี่อเลนด้วยท่าทีที่หวาดหวาดระแวง
   “วางใจได้ พี่ไม่ทำอะไรมณีหรอก พี่แค่จะเอานี่มาคืน”
   พี่อเลนยื่นพวกกุญแจที่ห้อยกับตุ๊กตาหมียื่นมาให้….ผมลืมไปสนิทเลย
   รถมอเตอร์ไซจอดมันทิ้งไว้ที่บ้านพี่เขานี่หว่า ดีที่พ่อแม่ไม่เอะใจเพราะช่วงนี้พี่ธาราเสนอหน้า เอ้ย เสนอตัวมารับมาส่งผมโดยที่ผมไม่ได้ต้องการเลยสักนิด
   “ขอบคุณพี่มากครับ ผมนึกว่าทำหายไปแล้ว เอ่อ แล้วตอนนี้…รถผม”ผมกะจะถามถึงรถว่าอยู่ที่ไหนแต่มันก็กระดากใจ เหมือนกับไม่ค่อยจะกล้าคุยกับพี่เขาเท่าไร
   “อยู่ที่โรงรถคณะพี่น่ะ จะเอาเลยไหมล่ะ ได้เดินไปคุยไปด้วย พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับมณี”
   “ก็ได้ครับ”ผมตอบรับไป ความจริงผมเองก็มีเรื่องอยากจะถามพี่เขาเหมือนกัน
   เกี่ยวกับเรื่องเสน่ห์ที่พี่ธารากับพี่อเลนพูดถึงในคืนนั้น ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับผม เพียงแต่เหมือนถูกปิดบังไม่ให้รับรู้
   ผมกับพี่อเลนเดินออกมาจากทางเดินคณะผมไปยังคณะบริหาร สายตาหลายคู่ก็ยังคงจับจ้องมองมาที่ผมกับพี่อเลนมากมายเหมือนเดิม
   แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรเพราะว่าพี่อเลยเป็นคนที่จัดว่าสวยจนน่ามอง ถ้าไม่ติดว่าพี่เขาเป็นผู้ชายยล่ะก็
   ไม่รู้ว่าคนอื่นๆจะรู้กันบ้างไหมว่าผู้หญิงที่พวกเขามองอย่างหมายปองนั้นแท้จริงแล้วเป็นสาวดุ้น ที่ดุ้นใหญ่เอามาก  ใหญ่จนน่าขนลุกเลยเชียว
      “พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำไม่ดีกับมณี เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี มันเหมือนกับมีอะไรบอกว่าการที่พี่เจอกับมณีมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”พี่อเลนพูดเสียงแผ่วแล้วหันมายิ้มบางให้ผม
   “ครับ สงสัยคงเป็นชะตาล่ะมั้ง”ผมยิ้มแหยๆ หยิบเอาคำที่พี่ธาราชอบใช้ขึ้นมาแอบอ้าง
   อาจจะเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ความเหินห่างมันถูกตั้งขึ้นมาโดยที่ผมเองก็อดรู้สึกไม่ได้
   “โกรธพี่ไหม”เขาถามเสียงเบา ทำให้ผมหันไปมอง สีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกผิดที่แท้จริงทำเอาผมนึกโกรธไม่ลง
   “ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก อีกอย่าง อย่างที่บอก มันคงเป็นโชคชะตาของผมกับพี่”
   ผมพูดออกไปอย่างที่ใจคิด
   มันคงเป็นโชคชะตาจริงๆ การที่พี่อเลนฝันถึงผมในทุกๆคืน และการที่ผมฝันถึงพี่อเลน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆสำหรับผม แต่บางครั้งผมก็สัมผัสได้ถึงความผูกพันที่เกิดขึ้น
   “น้องมณี..จะให้อภัยในสิ่งที่พี่ทำได้ไหม อย่าน้อยก็อย่าโกรธเกลียดพี่เลยนะ”พี่อเลนหยุดเดินแล้วันมาจ้องหน้าผม
   ดวงตาคมกริบสีอ่อนจ้องมองผมมาด้วยแววตาที่จริงจัง แต่ลึกๆแล้วผมก็เห็นความรู้สึกผิดที่ฉายอยู่ในแววตาคู่นั้น
   “ไม่ครับ ผมไม่คิดจะให้อภัยพี่”ผมตอบเสียงห้วน
   “งั้นหรอกเหรอ พี่คงจะทำเกินไปจริงๆ ทั้งเสน่ห์ทั้งเรื่องคืนนั้น”
   “ครับ ผมไม่ให้อภัยพี่ เพราะว่าผมไม่ได้โกรธเคืองอะไร อีกอย่างที่พี่ทำไปก็เพราะว่าพี่มีเหตุผลของพี่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ติดใจอะไรหรอก มันสำคัญที่วันข้างหน้าเราจะทำอะไรหั้นดีขึ้นต่างหาก”ผมตอบทำให้พี่อเลนยิ้มออกมา
   “นั่นสินะ พี่คิดไม่ผิดเลยจริงๆว่ามณีต้องเป็นคนแบบนี้”คนแบบนี้มันคนแบบไหน
   เหมือนจะว่าผมเลยแฮะ
   “แล้วเสน่ห์ที่พี่บอกมันคืออะไร ผมเห็นพี่กับพี่ธาราพูดกัน แล้วเมื่อกี้พี่ก็พูดขึ้นมาอีก พี่พอจะบอกมได้ไหม ทำไมไม่มีใครบอกอะไรผมเลย”
   “หึหึ น้องมณีไม่รู้นั่นแหะดีแล้ว รู้แค่ว่าพี่รู้สึกผิดมากที่ทำมันลงไปก็พอ”
   “ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันคืออะไร แล้วพี่ทำมันได้ยังไง ทำแบบให้ผมเอ่อ สนใจพี่”เรื่องนี้ผมก็นึกสงสัยเหมือนกัน
   มันรู้สึกว่าความสนใจที่ผมมีต่อพี่อเลนมันมากผิดปกติ มากจนไม่สนใจอะไรเลย
   พอนึกถึงดอกกุหลาบกับการ์ดพวกนั้นผมก็นึกแหยงๆยังไงไม่รู้ที่คิดว่าของพวกนั้นมันสำคัญมาก
   “พี่ทำตามที่ในหนังสือบอกน่ะ พี่ไปเจอหนังสือของพ่อที่พ่อได้รับตกทอดมาอีกที ในนั้นมันมีบอกว่าต้องทำยังไงให้คนที่เราหมายปองหันมาสนใจ แบบที่พี่ทำกับน้องมณีไง”พี่อเลนบอกพลางเดินต่อ
   “แล้ว ตอนนี้ผมยัง”
   “ไม่หรอก ธาราเขาทำลายไปหมดแล้ว คืนนั้นที่ธารามาช่วยมณีเอาไว้น่ะ เขาทำลายสิ่งที่พี่ทำไว้หมดแล้ว มณีถึงได้ไม่รู้สึกอะไรกับพี่อีก”พี่อเลนยิ้มบางๆคล้ายกับจะหัวเราะเยาะตัวเอง
   “แล้วเรื่องเรียนของพี่”
   “พี่ทำเรื่องจบไว้แล้ว พอดีแม่พี่เขาเร่งให้พี่รีบกลับ เลยขอยื่นเรื่องจบไวกว่าเดิม”
   “งั้นเหรอครับ”ผมตอบรับ รู้สึกว่าเรื่องที่สงสัยได้ถามไปหมดแล้ว ความรู้สึกอึดอัดที่ถึงแม้จะคลายลงแต่ก็ยังคงเอาไว้ซึ่งความห่างเหินอยู่ดี
   ความเงียบเข้าปรกคลุมระหว่างเราสองคนอีกครั้ง เราเดินมาเรื่อยๆระหว่างทางเดินที่เชื่อมกันของแต่ละคณะ
   “มณี…ก่อนที่พี่จะไป พี่ขออะไรเราอย่างหนึ่งได้ไหม”พี่อเลนพูดขึ้นเมื่อเราเดินมาถึงโรงจอดรถของคณะพี่เขา
   “อะ อะไรเหรอครับ”ผมเงยหน้าถามพลางมองมือที่เอื้อมมือมาจับมือผมแล้วดึงเข้าไปกุมไว้
   จนทำให้คนที่อยู่แถวนั้นเริ่มมอง
   “พี่อยากให้มณีคิดกับพี่เป็นพี่น้อง มณีจะให้พี่เป็นพี่สาวมณีได้ไหม”
   “เอ่อผมว่า…พี่ชายดีกว่ามั้งครับ”ผมแก้
   “ฮะฮะ จริงด้วย พี่ลืมไป”พี่อเลนบอกแก้เก้อ ยกมือขึ้นจับเส้นผมยาวสลวยทัดหูแก้เขิน
   “ถ้าพูดถึงเรื่องนั้น ผมเองก็…ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าเราจะคุยกันเหมือนพี่น้องทั่วไป แต่พี่ก็จะบินไปต่างประเทศแล้ว”
   “ไม่เป็นไรหรอก พี่มีเบอร์กับไลน์มณีอยู่แล้ว ว่างๆพี่ค่อยโทรหาก็ได้ หรือไม่ก็เฟสทามคุยกัน”
   “นั่นสินะ ผมก็ลืมไป แล้วกับพี่ธารา พี่โกรธเขาที่เขาทำแบบนั้น กับพี่รึเปล่า”ผมถามเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ไปทำร้ายอะไรพี่ธาราเพราะพี่เขาโดนพี่ธาราเหวี่ยงใส่ผนังซะขนาดนั้น เป็นผมผมคงลุกไม่ขึ้นแล้ว
   “ไม่หรอก พี่ก็สมควรโดนอยู่แล้ว กับธาราน่ะ พี่เชื่อว่าความผูกพันของมณีกับเขามีมากกว่ากับพี่เยอะ พี่ถึงได้ต้องเป็นฝ่ายที่ไปซะเอง”
   “งั้นเหรอครับ ยังไงผมก็ขอให้พี่โชคดีนะครับ”ผมบอกสิ่งที่ผมคิดออกไป
   สิ่งที่ค้างคามันได้ถูกลบออกไปเรียบร้อยสักที ติดก็ตรงพี่ธารา ที่ตอนนี้ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเขาคือใคร มีส่วนอะไรที่เกี่ยวข้องกับผมในชาติที่แล้วกันแน่


   สุดท้ายแล้วผมกับพี่อเลนก็จากกันด้วยดี อย่างกับในหนังน้ำเน่าไม่มีผิด หากแต่นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้มันเป็นอยู่แล้ว
   เพราะกรรมที่มีต่อกันทำให้เกิดการจองเวรมาจนถึงชาตินี้ หากไม่มีใครเป็นคนหยุด สิ่งนี้มันก็จะวนเวียนไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุดลง
   ผมเดินมาถึงห้องสมุดจนได้ หนังสือที่ถูกยืมไปร่วมเดือนวางลงบนเคาท์เตอร์
   มันเหมือนจะบังเอิญรึเปล่านะที่มีหนังสืออีกเล่มวางลงพร้อมกันและเป็นหนังสือที่เหมือนกันอย่างแกะ ทำให้ผมหันไปมองหน้าอีกคนที่ยืมหนังสือเหมือนผมไป
   คนที่ยืมหนังสือเหมือนกับผมคืออาจารย์สอนวรรณคดีในเอกที่ผมเรียนอยู่
   แล้วทำไมถึงได้ยืมหนังสือเหมือนผมเปะเลย มันจะบังเอิญเกินไปแล้วมั้ง
   “อาจารย์ก็อ่านด้วยเหรอครับ”ผมถามขึ้นแก้เก้อเพราะไม่รู้จะพูดอะไร
   “เอ้า ถามแปลกๆ อาจารย์สอนวรรณคดี อาจารย์ก็ต้องอ่านเป็นปกติ ว่าแต่เธอสนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ”อาจารย์ที่อายุอานามน่าจะห้าสิบแล้วได้ขยับแว่นตาที่ใส่แล้วมองหน้าผม
   “อ่า ครับ พอดีผมมีเรื่องที่สงสัยนิดหน่อยก็เลยลองค้นหาดู”ผมตอบ
   “แล้วเจอไหมล่ะ”อาจารย์ถาม
   “ไม่เจอครับ”ผมส่ายหน้า
   “แล้วอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ เผื่ออาจารย์จะตอบได้”
   “อาจารย์จะรู้เหรอครับ”ผมถามด้วยสีหน้ามีความหวัง
   แต่นั่นก็ทำเอาอาจารย์หน้ามุ่ยขึ้นมาทันที นี่ผมพูดอะไรผิด?
   “แล้วทำไมจะไม่รู้ล่ะ อาจารย์เป็นอาจารย์สอนวรรณคดีนะ ลืมไปแล้วรึไง”
   “อ่า จริงด้วย ผมก็ลืมไป”ผมยิ้มแห้งๆ
   “ว่าแต่เธอสงสัยอะไรล่ะ”
   “คือ..”ผมอ้ำอึ้ง ไม่รู้จะถามดีหรือเปล่า
   “เอา ว่ามาสิ อาจารย์มีสอนช่วงสาย ไม่ใช่ว่าง”
   “ครับครับ คือผมอยากรู้ว่าพระอภัยมณีมีคนรักคนอื่นรึเปล่าที่นอกจากเมียทั้งห้าคน”ผมถาม
   “เท่าที่รู้ก็ไม่มีนะ แต่ก็ไม่แน่ใจ เพราะเรื่องที่ถูกพิมพ์เผยแพร่ทั่วไปเป็นฉบับตัดต่อให้เหมาะสมกับสังคมทั่วไป อาจารย์ก็ไม่แน่ใจเท่าไร ว่าแต่ทำไมถึงได้ถามแบบนั้นล่ะ”
   “คือพอดีผมเห็นว่าพระอภัยมณีเป็นคนเจ้าชู้ ผมก็เลยสงสัยว่าอาจจะมีเมียคนอื่น หรือไม่ก็คนรักที่เป็นแบบ ผู้ชายหรืออะไรประมาณนั้น”
   “ก็แล้วอะไรทำให้เธอสงสัยเรื่องพรรค์นี้ได้ เรื่องเมียทั้งห้านะ อาจารย์ก็ว่าน่าจะมีแค่นั้นแหละส่วนเรื่องคนรักที่เป็นผู้ชาย หรือพวกประมาณว่าตัวละครที่ไม่ได้ระบุอะไรในเนื้อเรื่องที่เผยแพร่นั้นอาจารย์ก็ไม่รู้หรอก”อาจารย์ตอบ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยสักนิด
   “นึกว่าจะรู้ซะอีก”ผมว่าพลางบุ้ยปาก
   “ก็ถ้าอยากรู้ก็ลองไปหอสมุดในตัวเมืองดูสิ ที่นั่นน่าจะมีฉบับที่ไม่ได้คัดกรองบางทีอาจจะมีข้อมูลที่เธออยากรู้ก็ได้ แต่ไอ้เรื่องที่พระอภัยมณีมีเมียเป็นผู้ชายหรือว่าอะไร อาจารย์คิดว่ามันไม่น่าจะมีนะ คิดว่ามันน่าจะแปลกเกินไป”
   “งั้นเหรอครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ”ผมว่าพลางเดินออกมาจากห้องสมุดหลังจากคืนหนังสือเรียบร้อยแล้ว
   หอสมุดของจังหวัดงั้นเหรอ แล้วมันมีฉบับคัดกรองไม่คัดกรองอะไรอีก
   ยิ่งค้นหาผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ
   ตกลง พี่ธารามีตัวตนอยู่จริงๆในชีวิตของผมในชาติที่แล้วจรึงรึเปล่า

   ผมเดินกลับมาที่ใต้ตึกคณะเพราะนัดกับเพื่อนๆในกลุ่มเอาไว้ให้มาเจอที่เดิม ก่อนหน้านั้นผมได้บอกขอโทษเพื่อนๆที่ไม่ได้สนใจในตอนที่ผมคบกับพี่อเลนแล้ว ซึ่งทุกคนต่างก็เข้าใจ ทำเอาผมรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมอีก
   พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็ถึงได้รู้ว่ามีสมาชิกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มเข้ามาในกลุ่มอีกตั้งสามคน
   ผมเดินเข้าไปพลางมองหน้ารุ่นพี่ปีสองที่โผล่เพิ่มเข้าไปเลิกลัก หนึ่งในนั้นมีพี่ธารารวมอยู่ด้วย
   “ไปไหนมา”พอมาถึงพี่ธาราก็ถามขึ้นทันที พร้อมสายตาทั้งหกคู่ที่มองมา
   รวมถึงเพื่อนของพี่ธาราด้วย
   แล้วเรื่องอะไรเขาต้องพาเพื่อนพี่มายุ่งกับเพื่อนผมด้วยล่ะเนี่ย
   “ไปคณะบริหารมา”ผมว่าพลางนั่งลงข้างๆพี่ธารา เพราะมันเหลือที่ว่างแค่ที่เดียว
   “ไปทำไม”พี่ธาราถามอีก
   ตกลงผมเป็นนักโทษของพี่เขาใช่ไหมเนี่ย เขาถึงคอยตามคุมตลอด
   “ไปเอามอไซ แล้วก็ไปคุยกับพี่อเลน”ผมตอบ
   ชื่อพี่อเลนทำให้คนอื่นๆหันมามองกันด้วยความสงสัย แต่พี่ธารากลับเงียบนิ่ง
   ข่าวลือที่ว่าผมคบอยู่กับพี่อเลนมันแพร่กระจายไปไวพอพอกับข่าวที่ว่าผมเลิกยุ่งกับพี่เขาเหมือนกัน
   “มณียังคับกับพี่อเลนอยู่เหรอ ไม่ใช่ว่าคบกับธารามันแล้วรึไง”พี่นัทเพื่อนพี่ธาราถามทะลุกลางปล้องขึ้นมาทันที
   อะไรของพี่เขา อย่าบอกนะว่าพี่เขาไปป่าวประกาศกับเพื่อนตัวเองเรียบร้อยแล้วว่าผมคับกับเขา
   ตาย ตาย แล้วคราวนี้ผมจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหนถ้าคนทั้งมหา’ลัยรู้คิดว่าผมชอบผู้ชาย
   คราวนี้ผู้หญิงเขาก็จะมองผมเป็นเก้งเป็นกวางกันหมด
   “มะ ไม่ใช่ คือผมแค่ไปเอากุญแจรถคืนแล้วก็คุยกันเฉยๆ”ผมว่า
   อยากจะมุดหน้าหนีไปจากตรงนี้จริงจริง ทำไมคนอื่นถึงได้มองว่าผมเป็นแฟนพี่ธาราไปกันหมด
   ผมไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย ผมถูกบังคับบบบบบ
   “แล้วมณี กับพี่ธาราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”โมหันมาถามพลางดันแว่น
   แล้วผมจะตอบว่ายังไงล่ะเนี่ย เพื่อนๆก็ดันเออออตามกันไปหมดแล้ว นี่ตกลงผมจะไม่มีพวกบ้างเลยใช่ไหม
   “วันก่อนควงกับสาวสวยคณะบริหาร วันนี้ควงกับหนุ่มคณะมนุษย์ เปรี้ยวมากนะเว้ยมณี”นนท์เสริมเรียกเสียงหัวเราะจากคนในกลุ่ม
   แต่ผมไม่ได้หัวเราะด้วยเลย ใครบอกว่าผมคบกับพี่ธารากัน
   ผมไม่ได้คบสักหน่อย ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ธาราที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่ก็เงียบยอมให้เขาแซวกันไปกันมา
   “พี่ก็พูดอะไรบ้างสิ”ผมว่าพลางสะกิดพี่ธารา
   ทำให้พี่เขาหันไปมองเพื่อนเขาและเพื่อนผม
   แล้วคำตอบที่เขาตอบาทำให้ผมแทบจะทึ้งหัวตัวเอง
   “พี่กับน้องมณีเราคบกัน ที่บ้ายมณีเองก็อนุญาติพี่แล้ว”พี่ธาราตอบแล้วยกยิ้มมุมปาก
   ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาได้รู้กันไปทั่วว่าผมกับพี่ธาราเป็นซัมติงต่อกัน
   โดยที่ข่าวลือได้แพร่กระจายไปเร็วเสมือนสี่จี



   จนหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก พี่อเลนกลับไปยังบ้านของแม่ที่อยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
   แต่ก่อนไปไม่วายทิ้งของขวัญกล่องใหญ่ให้ผมเอาไว้ บอกว่าห้ามเปิดจนกว่าเขาจะติดต่อกลับมาอีกที นั่นทำให้ผมแบกมันมาไว้ในห้องวางทิ้งเติ่งเอาไว้โดยที่ยังไม่ได้เปิดมัน
   ใจก็นึกกลัวว่าจะเป็นอะไรแปลกๆอีกรึเปล่า
   ผมพาตัวเองมาจนถึงหอสมุดในตัวเมืองจนได้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ความสงสัยของผมมันไม่จบไม่สิ้นสักที
   อีกแค่หนึ่งอาทิตย์ที่ผมจะต้องอุ้มท้องให้พี่ธารา
   ความรู้สึกของผมมันคงยังก้ำกึ่ง ถามว่าผมรักเขาไหม ตามประสาของคนที่กำลังจะมีความสัมพันธ์ทางกายกัน
   ผมตอบได้ทันทีว่าไม่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบที่พี่เขาอยู่ใกล้ มันทำให้รู้สึกได้ว่าปลอดภัยแล้วก็อบอุ่น
   ยิ่งใกล้ชิดกับพี่เขาผมก็รู้สึกว่ายิ่งคุ้นเคยจนน่าประหลาดใจ
   ผมเดินเข้าไปตรงเคาท์เตอร์เพื่อที่จะติดต่อสอบถามถึงโซนหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดี
   เจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องสมุดยิ้มให้ผมเป็นการทักทาย
   ดูท่าอายุน่าจะมากกว่าผมไม่เท่าไร ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่เลย
   “ติอต่ออะไรครับ”เขาถามอย่างเป็นมิตร
   “คือผมอยากจะค้นหาหนังสือที่เกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี”ผมตอบไป
   “งั้นเดี๋ยวพี่พาไปดูนะครับ”เขาว่า
   ว่าแต่ทำไมต้องพาไปดูด้วย แค่บอกผมก็พอแล้ว ผมเกรงใจ แต่ไม่ทันจะพูดพี่เขาก็เดินนำผมไปซะแล้ว
   “ตรงนี้เลยครับ ชั้นนี้จะเป็นวรรณคดีของสุนทรภู่ทั้งหมด”เรามาหยุดอยู่ในชั้นหนังสือเกือบในสุดของหอสมุด
   “ขอบคุณมากครับ”
   “ไม่เป็นไรครับ พอดีพี่ว่างๆ ถ้ามีอะไรไม่เจอหรือสงสัยอะไรเรียกพี่ได้ พวกนี้พี่อ่านหมดแล้ว”เขาว่าพลางยิ้มแล้วยักคิ้วให้
   “ขอบคุณครับ”
   ผมยิ้มแล้วหันไปสนใจกับหนังสือเล่มเก่ามากมายบนชั้นแล้วเลือกหยิบเล่มริมสุดออกมา
   “หายากนะครับที่วัยรุ่นอย่างน้องจะเข้าห้องสมุด”
   “อ่าครับ พอดีมีเรื่องที่สงสัยนิดหน่อยเลยลองมาหาดู”
   ผมตอบไป แต่ใจลึกๆก็คิดว่าทำไมพี่เขาต้องมายืนเฝ้าผมด้วยเนี่ย ผมไม่ได้จะมาขโมยรึอะไรสักหน่อยทำไมต้องมายืนเฝ้าด้วย
   รู้สึกได้เลยว่าถูกสายตาของเขาจ้องอยู่
   “ให้พี่ช่วยหาไหม”
   “เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมหาเองได้ พี่ไปทำงานของพี่ต่อเลยก็ได้ครับ”
   “งั้นพี่นั่งอยู่หน้าเค้าเตอร์นะครับถ้ามีอะไรก็เรียกได้”
   “ครับ”
   แล้วพี่เขาก็ไปจนได้ ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มถัดไปและก็ถัดไปเปิดออกมาอ่านคร่าวๆ
   แต่ก็ไม่มีเล่มไหนเลยที่จะมีข้อมูลที่ผมต้องการ
   นานจนเริ่มเมื่อยเหลืออีกแค่ไม่กี่เล่มทำให้ผมเริ่มท้อแล้วถอนหายใจ
   “ยังหาไม่เจอเหรอครับ”เสียทักจากด้นหลังทำเอาผมแทบสะดุ้ง
   “ยังเลยครับ”ผมตอบไป
   “ถามพี่ได้นะครับ พี่อ่านพวกนี้หมดแล้ว”
   “จะดีเหรอครับ”ในที่สุดผมก็เริ่มสนใจความช่วยเหลือของพี่เขาขึ้นมาเพราะเมื่อยขาแล้วก็เริ่มปวดตาขึ้นมาแล้ว
   “แล้วอยากรู้เรื่องอะไรล่ะครับ”เขายิ้ม
   “คือผมอยากรู้เรื่องคนรักของพระอภัยมณีน่ะ ว่ามีคนอื่นนอกจากที่ปรากฏในหนังสือทั่วไปไหม”
   “อืม เมียคนอื่นของพระอภัยมณีเหรอ”พี่เขาว่าพลางทำท่าคิด
   “ใช่ครับ แล้วมันมีตัวละครอื่นที่ถูกตัดออกหรือถูกลบออกไปหรือเปล่า”
   “อ่อ ถ้าเรื่องตัวละครหรือส่วนที่ถูกลบพี่ก็พอจะช่วยค้นได้ เพราะว่าช่วงนั้นเรื่องศีลธรรมเป็นสิ่งที่ต้องคิดถึงมากที่สุด เนื้อหาบางส่วนที่ไม่เหมาะจึงถูกตัดออก แต่ว่าที่หอสมุดแห่งชาติพอจะมีข้อมูลของต้นฉบับอยู่บ้าง”เขาตอบทำให้ผมมุ่ยหน้าอย่างใช้ความคิด
   หอสมุดแห่งชาติผมคงไม่มีปัญญาไปไกลขนาดนั้นแน่
   ผมทำหน้าผิดหวัง
   “ไม่ต้องผิดหวังหรอกครับ สมัยนี้ข้อมูลมันเชื่อมต่อถึงกันหมด แค่เปิดคอมก็ใช้ได้แล้ว”
   “จริงเหรอครับ งั้นผมต้องไปดูที่ไหน พี่เปิดให้ผมดูหน่อยได้ไหม”
   “ได้สิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
   “อะไรล่ะครับที่ว่าแลกเปลี่ยน”ผมถาม
   นี่ตกลงเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยบริการประชาชนหรือว่าพวกรีดไถกันล่ะเนี่ย
   “งั้นก็บอกหน่อยว่าน้องชื่ออะไร”
   “ห่ะ แค่นี้อ่านะ”
   “อืม แค่อยากรู้ชื่อน้องว่าน้องชื่ออะไร”
   “ผมชื่อมณี”ผมตอบไป แล้วทำไมถึงได้อยากรู้จักชื่อผมล่ะเนี่ย
   “อืม ชื่อคล้ายพระอภัยมณีเลยนะครับ”เขายิ้ม
   ไม่ใช่แค่คล้ายนะ ผมนี่พระอภัยมณีตัวจริงเลยขอบอก
   “นั่นชื่อจริงผม”
   “จริงเหรอครับ ชื่ออภัยมณีจริงๆเหรอ”เขาหัวเราะเบาเบา
   โชคดีที่ในห้องสมุดไม่ค่อยมีคน ไม่งั้นเราคงจะโดนว่าแน่ว่าคุยกันเสียงดัง
   “ไม่เห็นน่าขำ”ผมบ่นอุบ บ่อยครั้งที่มักจะโดนล้อเรื่องชื่อ จนป่านนี้ก็ไม่ชินสักที
   “ครับครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจหัวเราะ แค่คิดว่ามันบังเอิญ”เขายอกพลางปาดน้ำตา
   นี่เขาหัวเราะจนน้ำตาไหลเลยเรอะ มันจะมากไปแล้ว

   ในที่สุดผมก็มายืนอยู่เบื้องหลังพี่เขาที่กำลังนั่งกดเข้าเมนูในโปรแกรมอะไรสักอย่างเกี่ยวกับข้อมูลของห้องสมุด
   ไม่นานรูปถ่ายของหนังสือที่ดูเก่ามากๆก็ปรากฏ ดูท่าน่านะเป็นต้นฉบับ ดูจากลายมือที่แปลกๆกับตัวหนังสือสมัยนี้
   “อันนี้เป็นต้นฉบับที่เขาค้นพบเลยนะครับ”พี่เขาพูดก่อนจะเปิดเลื่อนแต่ละรูปไปช้าๆ
   “ครับ”ผมตอบรับ
   “มีแค่ไม่กี่รูปหรอกเพราะหนังสือมันเก่าและเสียหายมากน่ะ แต่ก็อาจจะมีข้อมูลที่อยากรู้ก็ได้ ว่าแต่พอจะบอกได้ไหมว่าตัวละครแบบไหนที่สนใจ หรือไม่ก็เจาะจงข้อมูลให้แคบขึ้น เผื่อจะเจอข้อมูลที่หาไวขึ้น”
   “ก็ ตัวละครที่สนใจก็คงเป็นพี่ชายของนางผีเสื้อสมุทรนะครับ”ผมตอบไป
   ไม่รู้ว่าพี่เขาจะว่าผมบ้ารึเปล่า
   “อืม น่าสนใจดี แล้วทำไมถึงได้คิดว่าผีเสื้อสมุทรมีพี่ชายล่ะ แล้วเกี่ยวอะไรกับคนรักของพระอภัยมณี”
   “เอ่อ พี่จะว่าผมตลกไหม ถ้าผมอยากรู้ว่าพระอภัยมีคนรักเป็นผู้ชายรึเปล่า แล้วก็ แล้วผู้ชายคนนั้นใช่พี่ชายของผีเสื้อสมุทรไหม”
   “อืม ก็น่าสนใจดี ไม่เคยมีใครสงสัยแบบน้องมณีเลยนะครับเนี่ย มีคนแรกเลยที่สงสัยแบบนี้”   
   “ครับ ผมก็ว่างั้น”
   จนแล้วจนรอดจนเหลืออีกแค่สองรูปเท่านั้นที่เหลืออยู่ มีรูปที่กำลังดูอยู่กับกับอีกแค่รูเดียว
   “ดูท่าน้องมณีจะไม่ได้ข้อมูลที่ต้องการนะครับเนี่ย เหลืออีกแค่รูปเดียวเอง”เขาว่า
   “ไม่เป็นไรครับ ลองดูรูปสุดท้ายเผื่อจะพอมีอะไรบ้าง”ผมพูดเสียงเบา เริ่มจะหมดหวังที่จะรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ธาราในอดีตซะแล้ว
   รูปสุดท้ายถูกเปิดออก มีเพียงข้อความสองบรรทัดสั้นๆเท่านั้นที่ปรากฏ
   ข้อความที่ทำเอาผมแทบน้ำตาไหลกับสิ่งที่บ่งบอกถึงอดีตที่ผ่านมา
   มันไม่เหมือนกับรูปอื่นๆที่บ่งบอกถึงเนื้อหา แต่มันเป็นคล้ายกับจดหมายหรืออะไรสักอย่างที่เขียนทิ้งข้อความเอาไว้
   ‘หญิงใดก็ไม่อาจเทียบเทียมท่าน…พี่ธารา’
                                                     ‘อภัยมณี’
   “ดูท่าพระอภัยมณีจะมีคนรักเป็นผู้ชายจริงๆอย่างที่น้องมณีว่านะครับเนี่ย แปลกใจนะครับที่รู้ว่าเสือผู้หญิงในวรรณคดีจะมีคนรักเป็นผู้ชายด้วย เรื่องนี้คงจะถูกตัดออกเพราะสมัยนั้นเรื่องที่เพศเดียวกันรักกันคงจะเป็นเรื่องผิดศีลธรรมน่ะ”
   “นั่นสินะครับครับ”ผมตอบรับ
   ข้อความสั้นๆแต่กลับทำให้ผมรับรู้ได้เลยว่าพระอภัยมณีในตอนนั้นไม่สามารถลืมพี่ธาราได้เลย
   หมายความว่าพระอภัยมณีเห็นพี่ธาราดีกว่าผู้หญิงคนอื่นๆงั้นเหรอ แล้วความรักที่พระอภัยมณีมีต่อพี่ธาราจะมากกว่าคนอื่นๆไหม
   
   
   
   ผมเปิดประตูรั้วบ้านแล้วจูงรถมอเตอร์ไซเข้าบ้านโดยที่ไม่ทันสังเกตหรือว่าเซ่อซ่าก็ไม่รู้ว่าหน้าบ้านมีรถของยนต์จอดอยู่สองคัน
   ผมเดินเข้าบ้านในสภาพที่ใจลอย แต่แผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคยก็ทำเอาผมสะดุดตาแล้วยิ้มกว้างออกมาโดยที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่
   พี่ศรีสุวรรณ
   ผมทิ้งกระเป๋าหนังสือแล้วกระโดดขี่หลังอีกฝ่ายทันทีโดยที่ไม่ทันให้เขาตั้งตัว
   “เฮ้ยอะไรเนี่ย มณี เดี๋ยวก็ล้มไปทั้งคู่”พี่วรรณหันมาดุทั้งที่กระเตงผมอยู่ข้างหลัง
   “แล้วกลับมาเมื่อไรทำไมไม่เห็นบอกผมเลย”ผมถามอย่างตื่นเต้นพลางกอดคอไม่ยอมปล่อย ตอนนี้กลายเป็นลูกลิงที่กำลังขี่หลังพี่ชายไปเรียบร้อยแล้ว
   “มณีลงมาเลย ลูกคนนี้ พี่เขามาเหนื่อยๆ ไปขี่เขาแบบนั้นเดี๋ยวพี่วรรณก็หลังหักเอา ตัวไม่ใช่เล็กๆแล้วนะ”
   “โห แม่ ก็มณีคิดถึงพี่วรรณ อยู่กับพ่อแม่จนเบื่อ อยากออยู่กับพี่วรรณบ้าง ไหนมีของฝากมาให้กันไหม”
   “พอมาถึงก็ทวงของฝากเลยเรา รู้ไหมว่าที่พี่มาเพราะอะไร”พี่วรรณพูดเสียงเข้มทำเอาผมลงจากหลังมายืนมองหน้าพี่เขาแทน
   “ว่าแต่ทำไมพี่กลับมาไม่บอกใครก่อน”
   “บอกพ่อกับแม่แล้วไง แต่บอกแล้วว่าไม่ให้บอกเรา”
   “อ่าว ทำไมล่ะ แล้วของฝากล่ะว่าไง”ผมยิ้มเผล่ ให้พี่วรรณพี่ชายที่แสนดีที่หนีไปทำงานที่ต่างประเทศทิ้งให้ผมอยู่กับพ่อแม่คนเดียว
   “ของฝากอะไร ที่พี่กลับมาไม่ใช่อะไรเห็นพ่อโทรไปบอกว่ามีแฟนพี่ก็เลยมาดูหน้า แต่ไม่คิดว่าแฟนเราจะเป็นผู้ชาย”
   อะไรกัน นี่พ่อถึงกับโทรทางไกลไปหาพี่วรรณเลยเหรอว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ใจคอจะไม่มีใครถามความเห็นผมกันบ้างเลย
   “แล้วทำไมพ่อต้องไปบอกพี่วรรณด้วยล่ะพ่อ”ผมหันไปบ่นพ่อ
   “ไม่ต้องไปว่าพ่อเลย นี่ใจคอจะไม่บอกให้พี่รู้เลยใช่ไหมว่ามีแฟน แล้วแฟนก็เป็นผู้ชายอีก คราวนี้จะให้พี่คิดยังไง”
   พี่วรรณว่าพร้อมกับทำหน้าขรึม
   ใบหน้าที่ไม่ต่างอะไรจากผมมากนัก หากแต่จะดูคมเข้มมากกว่า อีกทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่จากการออกกำลังกายเพราะพี่วรรณเป็นพวกชอบใช้กำลังมากกว่าผมที่มักจะอยู่กับพ่อแม่สนใจแต่เรื่องศิลปะที่สืบทอดกันมาทำให้รูปร่างภายนอกของเราต่างกันโดยสิ้นเชิง
   “คือ…ก็กะว่าจะบอกอยู่”
   ผมได้แต่ตอบไปเสียงอ่อย ความรู้สึกตอนนี้ยังไงก็เหมือนไม่ได้คบกันอยู่ดี ถึงจะโดนเหมือนว่าโดนมัดมือชกก็เถอะ แล้วไงพี่วรรณถึงได้มองหน้าผมแล้วทำหน้าโหดแบบนั้น
   แล้วคนที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกมันอะไร แล้วมาตั้งแต่ตอนไหน
   ผมได้แต่มองพี่วรรณสลับกับมองหน้าพี่ธารา
   ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็มองหน้ากันไปมา ดูท่าทั้งสองคนน่าจะรู้จักกันแล้ว แต่ว่าไม่รู้ว่ามาเจอกันตอนไหน
   ผมคงไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ
   แล้วทำไมเหมือนกับว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยล่ะเนี่ย

   
   







   



   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2015 02:46:58 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
เอาไปรวมกันหมดแล้วจ้า แก้ไขคำิดรอบที่ร้อยด้วย ห้าห้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-10-2015 02:47:48 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ £.Ma|e¥

  • ชั้นคือผู้หญิงโรคจิต!! โฮะๆๆ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
สนุกค่าา มาต่ออีกนะ  :mew1:
อยากรู้ชาติที่แล้วมณีเอาลูกแก้วไปทำไม  :hao3:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
แค่ประโยคเดียวของพระอภัยมณีก็ทำเอาน้ำตาซึมเลยค่ะ :monkeysad:

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนนี้ยาวสะใจมาก ขอบคุณน้าคนเขียน :mew1:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
สุวรรณมาลีหรือป่าว :m28:

ออฟไลน์ white_destiny

  • รักไม่เคยมีจริง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 873
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +378/-199
พระรองน่าจะเป็นพี่ชายของมณี
ส่วนนายรองนี่เดาว่าเปนนางเงือกแล้วกัน
 :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
18371


เอาไปรวมกับครึ่งหลังรีพลายที่267แล้วจ้า มีแก้ไขแล้วก็เพิ่มเติมด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2015 03:42:07 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พระอภัยมณีเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับพี่ธาราเลยนะคะ :mew2:

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
18876

เกร็ดความรู้:: ศรีสุวรรณ เป็นน้องชายของพระอภัยมณี เชี่ยวชาญวิชากระบี่กระบองการต่อสู้ แต่ทว่าถูกขับไล่ออกจากเมืองพร้อมกับพระอภัยมณี เพราะวิชาที่เรียนนั้นไม่ถูกใจผู้เป็นบิดา ต่อมาได้พลัดหลงกับพระอภัยมณีเพราะนางผีเสื้อมาลักพาตัวพระอภัยมณีไป ศรีสุวรรณพลัดหลงไปเจอกับนางเกษรา ลูกสาวเจ้าเมือง ต่อมาได้แต่งงานกันและครองเมืองนั้นไป ผ่านมาอีกหลายปีกว่าที่ศรีสุวรรณจะมาเจอกับพระอภัยมณีอีกครั้ง คนนี้ก็ใช่ย่อย มีเมียสามคน น้อยกว่าพี่ชายสองคน

มีเเก้ไข บวกเพิ่มเติมคำแปลบทกลอนจ้า ส่วนใครไม่อยากอ่านซ้ำก็ผ่านไปรีพลายต่อไปเลย
ครั้งที่ 15 ชลาสินธุ์(แปลว่าทะเล)


   “พี่ธารา ดูนี่สิ ลูกชายข้ารูปงามเหมือนข้าหรือไม่”อภัยมณีอุ้มเด็กผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วนแทบอกแล้วยื่นให้ร่างสูงใหญ่ที่พึ่งจะก้าวเข้าภายในห้องได้ดู

   “เป็นผู้ชายหรอกรึ”ธาราสมุทรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บราวกับถูกกรีดแทงลงที่ใจก็ตาม

   เด็กน้อยรูปร่างสมบูรณ์ลูกครึ่งคนยักษ์ส่งเสียงอ้อแอ้

   “ผู้ชายเหมือนกับข้าและพี่ธารา ข้าตั้งชื่อเขาว่าสินธุ์สมุทร”อภัยมณียิ้มให้กับชื่อที่ภูมิใจนักหนา

   “เป็นชื่อของนางผีเสื้อสมุทรครึ่งหนึ่งสินะ”ธารากล่าวอย่างอิจฉาอยู่ในใจ

   “เปล่าเลย ครึ่งหนึ่งของชื่อลูกข้ามาจากชื่อพี่ธาราต่างหาก ครั้งแรกข้าจะตั้งชื่อลูกว่ามณีสมุทร หากแต่มันดูจะไม่เข้ากัน
ระหว่างของมีค่าที่มีขนาดเล็กกับทะเลที่กว้างใหญ่ ข้าจึงตั้งชื่อว่าสินธุ์สมุทรจะได้เข้ากันระหว่างทะเลกันทะเล”อภัยมณีตอบด้วยท่าทีดีอกดีใจ

   หากแต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่ได้เอื้อนเอ่ยออกมานั้นทำให้อีกฝ่านั้นปลื้มจิตปลื้มใจนักหนา

   จิตใจที่เจ็บช้ำรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้างเหมือนกับได้ยาดีรักษา

   ครึ่งหนึ่งของชื่อนั้นมาจากเขาเองอย่างนั้นหรือ

   ธารายิ้มออกมาเล็กน้อย

   “แล้วเจ้าเลี้ยงดูเด็กเป็นรึยังไงเล่ามณี”ธาราถามแล้วรับลูกครึ่งสายเลือดคนยักษ์มาอุ้ม

   “ข้าไม่เคยเลี้ยงเด็กหรือว่าใครหรอก แต่นางผีเสื้อน้องท่านไม่ยอมให้น้ำนมสินธุ์สมุทร หากแต่คลอดเสร็จแล้วก็ทิ้งเอาลูกไว้แล้วออกหากินโดยมิสนใจใยดีลูกบ้างเลย”อภัยมณีตัดพ้อ

   “แล้วเจ้าจะทำเช่นไร”ธาราสมุทรถาม

   “น้ำนมจากสัตว์เลี้ยงลูกอ่อนใช้แทนกันได้ พี่จักหาให้ข้าได้หรือไม่”อภัยมณีมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเว้าวอนแล้วคว้าเอาลูกมาอุ้มอีกครา

   “แค่น้ำนมเพียงหยิบมือ ข้าหามาให้ได้แน่นอน แล้วเจ้าเล่า ต้องการสิ่งใดหรือไม่ ดูเจ้าอิดโรยยิ่งนัก”

   “ข้าเพียงแต่ไม่ได้หลับนอนเพราะเอาแต่กล่อมสินธุ์สมุทรอยู่ตลอดเวลา”

   “เช่นใดเจ้าจึงไม่ห่วงใยตัวเองเช่นนี้ แล้วอย่างนี้เจ้าจักมีแรงพอเลี้ยงดูบุตรได้อย่างไรเล่า”ธาราสมุทรพูดเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ

   “งั้นท่านก็มาช่วยข้าเลี้ยงลูกสิพี่ธารา ถือเสียว่าสินธุ์สมุทรคือลูกของเรา”อภัยมณียิ้มคล้ายกับจะออดอ้อนให้อีกฝ่าหลงคารม

   “หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าก็จะไม่ปฏิเสธ”ธาราสมุทรตอบ

   “ข้าว่าแล้วพี่ธาราต้องตามใจข้าเสมอ”

   “อย่าพูดดีไป ข้าจักออกไปหานมสัตว์เลี้ยงลูกอ่อนมาให้ หลังจากที่ข้ากลับมา เจ้าต้องพักผ่อนเอาแรง ตกลงหรือไม่”ธาราสมุทรยื่นคำขาด มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยผมเส้นเล็กที่เจ้าของไม่มีเวลาดูแลมันทัดกับใบหูเล็กอย่างเบามือ

   “ได้อยู่แล้วหากพี่ธาราจะคอยเฝ้าข้ากับลูกอยู่ข้างๆ”อภัยมณียิ้ม พวงแก้มเล็กแดงปลั่งอย่างดีใจ


===============================================================


   “แม่ มณีไม่ไปไม่ได้เหรอ”ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่อย่างเว้าวอน

   “เอะนี่อะไร จะไม่ไปได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องไปรู้จักวงศาคณาญาติเขาบ้าง ไม่ใช่จะคบกันเฉยไม่บอกผู้หลักผู้ใหญ่ อย่า
มาทำตัวเป็นเด็กทั้งที่ริอาจแอบไปมีแฟนไม่บอกให้พ่อกับแม่รู้ไปหน่อยเลย ลูกคนนี้”แม่บ่นพลางพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ช่วยผมอีกแรง

   ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าพ่อกับแม่ดูจะไม่ว่าอะไรเลยที่ผมกับพี่ธาราคบกัน

   ซ้ำยังทำท่าทางราวกับว่าจับผมใส่พานถวายให้พี่ธาราง่ายๆอย่างนั้น

   พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะต้องไปบ้านพี่ธารา

   จะต้องเจอกับยักษ์ตนอื่นที่ผมไม่รู้ว่าจะใจดีเหมือนกับพี่ธาราไหม

   เพราะว่าสิ่งที่ผมทำเอาไว้เมื่อชาติที่แล้วดูเหมือนจะสร้างเรื่องยุ่งๆเอาไว้ให้พวกเขามากพอดู

   “ดูสิโตป่านนี้ยังเตรียมเสื้อผ้าเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าพ่อธาราเขามาชอบพอเอาได้ยังไงกัน”แม่ยังบ่นไม่เลิก

   จะมีประโยคไหนหรือคำไหนบ้างไหมเนี่ยที่แม่จะเข้าข้างลูกตัวเองบ้าง

   หดหู่ใจดีจริงๆ

   “ไม่ได้บอกให้แม่มาช่วยเก็บสักหน่อย”ผมบ่นเสียงเบาแล้วบุ้ยปาก

   “น้อยๆหน่อย ก็แล้วใครที่มันเอาแต่ถามว่านั่นอยู่ไหนนี่อยู่ไหนน่ะ ทำตัวให้เหมือนพี่วรรณเขาบ้าง ป่านนี้เก็บของเสร็จจนนอนตีพุงสบายไปแล้วมั้ง”

   “แม่ก็ อย่าเอามณีไปเทียบกับพี่วรรณดิ ขานั้นเขาเก่งไปซะทุกเรื่อง”ผมเหน็บแนม

   อย่างที่ได้ยินแม่บอกนั่นแหละว่าพี่วรรณเองก็เก็บกระเป๋าหมือนกัน

   แต่ไม่ได้จะกลับต่างประเทศหรือไปไหนไกลเลย

   นอกจากจะติดสอยห้อยตามผมไปบ้านพี่ธาราด้วย

   พึ่งจะรู้ว่าพี่วรรณเป็นห่วงผมก็คราวนี้ล่ะ ค่อยชื้นใจขึ้นมาหน่อยที่ในบ้านยังพอมีคนที่ห่วงใยผมหลงเหลืออยู่บ้าง

   แต่กว่าจะลงตัวก็โดนพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่วรรณสอบสวนอยู่นานพร้อมกับใบหน้าที่โหดเหี้ยมจนผมนึกขยาด

   ดูท่าพี่วรรณจะโกรธมากที่ผมมีแฟนโดยที่ไม่บอกแล้วยิ่งโกรธหนักไปใหญ่ที่ผมดันมีแฟนเป็นผู้ชาย

   ถึงจะดีใจที่พี่วรรณจะไปด้วย ทำให้อุ่นใจขึ้นมาบ้าง แต่อีกใจก็เป็นห่วงพี่วรรณ เพราะรู้ดีว่าคืนที่พระจันทร์เต็มดวงยักษ์จะมีอาการไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เคยเจอมากับตัว

   มันไม่ปลอดภัยที่จะให้พี่วรรณไปด้วย แต่ต่อให้ห้ามยังไงพี่วรรณเองก็ยืนยันที่จะไปอยู่ดี จนผมเหนื่อยที่จะห้าม

   “พ่อเขาบอกว่าเอานี่ไปด้วยนะลูก อย่าให้ห่างตัว”แม่หยิบโน้ตเพลงที่พ่อเคยให้ไว้กับไวโอลินตัวโปรดมาให้ผม

   “อีกแล้วเหรอ”ผมว่าแล้วหยิบกระเป๋าไวโอลินกับกระดาษโน้ตมาไว้ในมือ

   ยังจำตอนที่หัดเล่นเพลงนี้ได้ครั้งแรก และครั้งเดียวเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกว่าผมจำตัวโน้ตของเพลงนี้ได้ทุกตัว

   “เอาน่า พ่อเขาบอกก็ฟังเขาไปเถอะ เดี๋ยวแม่ไปนอนแล้วนะ ที่เหลือก็เก็บใส่กระเป๋าเอาเองแล้วกัน”

   “จ๊ะ คุณนาย”ผมแกล้งตอบ

   “อย่านอนดึกล่ะ พรุ่งนี้พี่เขามารับตอนเก้าโมงเช้าใช่ไหมล่ะ รีบเข้านอนได้แล้ว”

   “รู้แล้วครับ”




   หลังจากแม่เดินออกจากประตูไปผมก็กลับมานั่งครุ่นคิดว่าทำไมผมถึงยอมไปกับพี่ธารา

   มันอาจจะเป็นเพราะผมเชื่อในสิ่งที่เขาพูดและสิ่งที่ได้เห็นมากับตัว ทำให้ผมยอมรับและยอมชดใช้ในสิ่งที่เคยทำเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

   แต่ส่วนลึกแล้ว ผมคิดว่าที่ผมยอมส่วนหนึ่งอาจจะมาจากข้อความสั้นๆที่ถูกทิ้งเอาไว้

   พระอภัยมณีในชาติที่แล้วคงจะรักพี่ธารามาก และคงยังคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ถึงต้องทิ้งข้อความนั้นเอาไว้

   แล้วพี่ธาราล่ะ….รักพระอภัยมณีบ้างไหม รักผมบ้างหรือเปล่า ตัวผมในชาติที่แล้ว

   สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจได้เด็ดขาดก็คือข้อความที่ชวนหดหู่นั่น ยิ่งนึกถึงมันผมก็ยิ่งเสียใจขึ้นมา

   มันเหมือนกับว่าส่วนลึกของผมยังคงร้องไห้อยู่ที่ก้นบึ้งของจิตใจ



   ก๊อก ก๊อก


   “หลับรึยัง พี่เข้าไปนะ”เสียงพี่วรรณเรียกจากด้านนอก

   “เข้ามาเลย ผมไม่ได้ล็อกประตู”ผมตอบ

   “นึกว่าจะนอนไปแล้ว”พี่วรรณบอกแล้วนั่งลงบนพื้นข้างผม

   “เดี๋ยวก็นอนแล้ว ว่าแต่พี่ ทิ้งงานมาแบบนี้เพื่อนพี่ไม่ว่ารึไง”

   ผมถาม เพราะว่าพี่วรรณหยุดงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว ถึงงานที่พี่เขาทำจะเป็นงานกึ่งอิสระ และเจ้านายจะเป็นเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ที่ร่วมหุ้นกัน

   “ใครจะกล้าว่าหุ้นส่วน ถามอะไรเซ่อซ่าอีกแล้ว แล้วนี่เก็บของยังไม่เสร็จอีกรึไง”พี่วรรณพูดเสียงเข้มคล้ายจะดุ

   “ใครบอก แค่กลัวจะว่างต่างหากเลยค่อยเก็บ”ผมบุ้ยปากใส่พี่วรรณ

   “ว่าไปนั่น ไม่รู้จักโตสักที แต่ริอาจจะมีแฟน”พี่วรรณพูดแล้วเอื้อมมือมาดันหัวผมจนเกือบทิ่ม

   “มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดกันหรอกน่า แล้วพี่วรรณเหอะ จะไปให้เกะกะทำไม เอาเวลาไปหาฟงหาแฟนได้แล้ว”ผมพูดเหน็บ

   “ใครจะไปรีบเหมือนเรา แล้วที่ไปไม่ใช่อะไร ขืนปล่อยให้ไปกันเองได้ทงได้ท้องกลับมาจะยุ่งไปกันใหญ่”

   พี่วรรณพูดทำเอาผมสะอึก เหมือนจะถูกแทงใจดำอยู่กลายๆ

   “ทงท้องที่ไหนกันเล่า พี่ก็พูดไปนั่น ผู้ชายที่ไหนจะท้องได้”

   ผมโบกมือแย้ง ถึงแม้จะกลัวๆอยู่ในใจก็ตาม

   แม้ผมจะคิดว่าท้องไม่ได้ แต่ก็อดระแวงไม่ได้เลยว่าจะท้องขึ้นมาจริงๆ

   “นั่นสินะ นึกว่าจะเซ่อซ่าเออออกับคำพูดคนอื่นเขาไปทั่ว”นี่ก็อีก

   แทงใจดำอยู่เรื่อย

   “ไปนอนได้แล้วน่า อยู่ก็เกะกะ ชิ่วๆ”ผมไล่

   “พรุ่งนี้ก็อย่าตื่นสายล่ะ เดี๋ยวธารามารับแล้วเห็นว่าไม่ตื่นเขาไม่รอรู้ด้วย”

   “ดีเลย ไม่รอยิ่งดี”ผมตอบกลับไปทันที

   ให้มันรู้ไปว่าจะไม่รอ จะได้ไม่ต้องไปน่ะ ภาวนาให้มันเป็นอย่างที่พี่วรรณพูดทีเถอะ ผมจะได้ไม่ต้องตกเป็นเมียของพี่ธาราโดยที่ไม่รู้ว่าพี่เขาคิดยังไงกับผม





   เวลาเช้ามักจะมาเยือนไวเสมอ นาฬิกาบอกเวลาแปดโมงทำเอาผมรีบผลุดลุกขึ้นมาอายน้ำแต่งตัวทันที

   ผ่านไปยี่สิบนาทีกว่าจะเสร็จแล้วหอบสัมภาระลงมาได้ พร้อมกับครอบครัวที่ทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วมานั่งดูข่าวยามเช้ากันพร้อมหน้า

   คงมีแต่ผมเท่านั้นละมังที่ตื่นสาย

   “ดูสิวรรณ แม่ว่าแล้วว่าน้องชายลูกต้องตื่นสายเอาจนได้ กว่าจะลงมาก็แปดโมงครึ่งเข้าแล้ว”พอแม่หันมาเห็นก็บ่นทันที

   ใครเขาจะตั้งใจตื่นสายล่ะแม่ อุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่เจ็ดโมงเช้า แต่ดันไม่ตื่น ตื่นอีกทีก็เลทไปเป็นชั่วโมง

   แล้วดูเขาทำกัน พอพี่วรรณมาก็ไม่มีใครสนใจผมเลย

   “รีบไปกินข้าวกินปลาได้แล้ว เดี๋ยวพี่เขามาจะกินไม่ทันเอา”พ่อหันมาบอก

   “จ๊ะจ๊ะ”ผมตอบรับ วงกระเป๋าไว้บนพื้นแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบขนมปังที่ปิ้งทิ้งเอาไว้ยัดใส่ปากอย่างเซ็งๆ

   ทำไมถึงไม่รู้สึกกระปี้ประเป่าเลยนะ



   ครืด ครืด ครืด

   โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเรียกให้ผมหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา

   “มณีครับ”ผมกรอกเสียงลงไป

   ‘น้องมณี นี่พี่วิทย์นะครับ ที่เป็นบรรณารักษ์ห้องสมุด ยังจำได้รึเปล่าครับ’

   “อ่า จำได้ครับ พี่มีอะไรรึเปล่า”ผมถามด้วยความสงสัย

   ถ้าไม่ติดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลที่ผมอยากรู้ผมคงไม่ให้เบอร์เขาเพื่อให้เขาเปิดต้นฉบับเรื่องพระอภัยมณีให้ดูหรอก

   ‘พี่จะโทรมาบอกน้องมณีว่าพอดีมีอัพเดทจากห้องสมุดส่วนกลางเข้ามาในระบบน่ะ’เขาบอกทำให้ผมเลิกคิ้วแล้วกัดขนมปังอย่างตั้งใจฟัง

   “แล้ว ยังไงครับ”ผมถามทั้งที่ยังคงเคี้ยวขนมปังต่อ

   แต่หัวใจผมกำลังเต้นรัวกับสิ่งที่พึ่งจะได้รับรู้

   อาจจะเป็นข้อความอะไรเพิ่มเติม

   “แล้วข้อมูลเพิ่มเติมว่าไงครับ พอจะบอกผมเลยได้ไหม”ผมว่า เพราะอีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พี่ธาราก็จะมารับแล้ว

   ‘จะว่ายังไงดีล่ะครับ มันเป็นบทกลอน พี่ก็ไม่สันทัดเท่าไร น้องมณีน่าจะมาดูเอาเองนะครับ’

   เขาบอก

   ผมจะเอายังไงดี อยากจะไปเห็นเองกับตาว่ามันคือกลอนอะไร อยากรู้จนรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาซะแล้ว

   “ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”ผมบอกก่อนจะวางสาย


   

   “ผมไปข้างนอกนะ”ผมว่าพลางคว้ากุญแจรถที่แขวนไว้ข้างประตูบ้าน

   “เดี่ยวสิ จะไปไหนล่ะมณี เดี่ยวพี่เขาก็จะมารับแล้ว”

   “ไปไม่นานหรอกแม่ เดี่ยวมา”ผมบอกก่อนจะออกจากบ้านไปโดยไม่ฟังใคร

   ถ้ามัวแต่ยืดเยื้อเวลาที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าส่วนที่เหลือคืออะไร

   


   ผมจอดรถขวาหน้าหอสมุดขวางทางเข้าโดยที่ไม่สนใจจะดึงกุญแจรถออก โชคดีที่คนยังไม่ค่อยมีเพราะยังเช้าอยู่ อีกอย่างก็มียามคอยเฝ้าอยู่ตรงประตูทางเข้าด้วย

   “มาไวจังเลยนะครับ”พี่วิทย์ บรรณารักษ์ คนเดิมที่ช่วยผมหาข้อมูลทักทายด้วยความแปลกใจ แต่ผมไม่มีเวลาที่จะทักตอบแล้ว

   เพราะตอนนี้ผมกำลังรีบและกระวนกระวายใจที่จะอยากรู้เป็นอย่างมาก

   “ช่วยเปิดให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ ตอนนี้เลย”ผมเร่ง

   “ครับๆ ทำไมดูรีบจัง”เขาถาม

   ก็เพราะว่าคืนนี้จะเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง คืนที่ผมกับพี่ธาราจะทำในสิ่งที่คิดว่ามันเป็นชะตากรรมยังไงล่ะ

   แต่ก่อนหน้านั้นผมจะต้องการรู้อะไรมากกว่าข้อความสั้นๆนั่นให้ได้

   ผมรอคอมพิวเตอร์โหลดเครื่องอยู่ร่วมนาที แต่สำหรับผมมันรู้สึกว่านานนับสิบนาทีได้

   เม้าท์ชี้ไปที่โปรแกรมแล้วเปิดมันออก พี่วิทย์กรอกรหัสลงไปทีละตัว ตามปกติ แต่ผมรู้สึกว่ามันช้า ช้ามาก อาจจะเป็นเพราะผมอยากรู้เรื่องมากกว่านี้ก็ได้

   “นี่ครับ ได้แล้ว ถึงจะมีเพิ่มแค่รูปเดียว แต่ข้อมูลก็เยอะอยู่สำหรับกลอนสองบท”พี่วิทย์บอกทำให้ผมไล่อ่านบทกลอนนั้นด้วยจิตใจที่ไม่สงบ


   อุปสรรค ขวากหนาม ช่างกลั่นแกล้ง      

   เหมือนน้ำแล้ง ยามเหล่าไม้ ต้องการฝน      

   ความรักน้อง แสนอาภัพ สุดอับจน      

   ตรอมทุกข์ทน หักห้าม ในอุรา      



   ผิดจารีต ประเพณี ผิดผีไข้   

   ต้องตัดใจ จากลา พี่ยักษา      

   แสนทุกข์ตรม ชอกช้ำ ในอุรา      

   ชั่วชีวา ปักจิตรัก สิ้นวายปราน      



(อุปสรรคที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนขวากหนามที่คอยกั้นความรักระหว่างเรา)

(เหมือนยามหน้าแล้งที่ขาดน้ำในเวลาที่ต้นไม้ต้องการน้ำเพื่อผลิดอกเบ่งบาน)

(ความรักของน้องก็เช่นกัน แสนจะอาภัพอับจนหนทางที่จะไปต่อ)

(ต้องอยู่กับความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะต้องหักห้ามความรักที่เกิดขึ้นภายในใจ)

(ผิดกฎเกณฑ์ประเพณีแบบแผนที่ถูกวางไว้มาแต่ช้านาน เป็นข้อห้ามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้)

(ต้องตัดใจในความรักที่เกิดขึ้นแล้วหนีจากไป)

(แต่ความทุกข์ก็ยังคงอยู่ หลีกหนีไม่ได้ มันยังคงติดอยู่ข้างในจิตใจ)

(ชั่วชีวิตสัญญาว่าจะเก็บรักษาความรักนี้เอาไว้จนวันสิ้นลมหายใจ)


   

   สิ้นสุดบทกลอนวรรคสุดท้ายผมไม่รู้ว่าทำไมร่างกายราวกับไร้เรี่ยวแรงเอาซะดื้อๆ

   น้ำตาผมไหลลงมามาอาบแก้มโดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่ผมรู้สึกเจ็บ ผมเจ็บมากๆ

   เจ็บข้างในใจที่ไม่อาจจะทำได้ตามที่คิด

   “เป็นอะไรไหมครับน้องมณี”พี่วิทย์หันมาแตะไหล่ผมด้วยความเป็นห่วง

   “ไม่ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณพี่มากนะครับ”ผมบอกแล้วเดินออกมาด้วยสภาพที่เหมือนไร้จิตวิญญาณ

============================================================
มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2015 03:22:38 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ต่อกันเลย ยาวหน่อยนะ



“ลูกไปไหนมา พ่อเขาจะออกไปตามหาแล้วรู้ไหม จู่ๆก็ผลุนผันออกไป คนอื่นเขาตกใจกันหมด”ทันทีที่จอดรถหน้าบ้านแม่ก็ข้ามาแตะไหล่ด้วยความเป็นห่วง

   “ขอโทษครับ พอดีว่าไปธุระนิดหน่อย”ผมตอบเสียงแผ่ว มองเห็นพี่ธารายืนรออยู่หน้าบ้านกับคนอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว

   “แล้วธุระอะไรกันตอนนี้ สำคัญนักรึไงต้องไปเอาเวลานี้”พ่อพูดขึ้นมาบ้าง

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ กลับมาแล้ว ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย”ผมบอก

   “ในเมื่อมาแล้วก็แล้วไป ออกเดินทางกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไปถึงช้า ฝั่งนู้นเขาจะเป็นห่วงเอา”พ่อพูดแล้วเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสัมภาระของผมในบ้านพร้อมกับแม่ที่เดินตามไปด้วย



   “เจ้าร้องไห้อย่างนั้นรึ”พี่ธาราเดินเขามาใกล้

   ใบหน้าคมคายก้มลงมองผมในระยะประชิด แล้วยกมือขึ้นมาเกลี่ยน้ำคราบน้ำตาที่ยังคงติดอยู่

   “เปล่า”ผมโกหก

   “เจ้าจะโกหกข้ากี่ร้อยครั้งกี่พันครั้งก็ย่อมได้ แต่ใจของเจ้า เจ้าไม่สามารถโกหกมันได้หรอกมณี”พี่ธาราพูดเสียงเบา

   “ขอโทษ”ผมขอโทษออกไป

   ไม่รู้ว่าทำไมต้องขอโทษทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

   รู้เพียงแต่ว่าอยากจะขอโทษ อยากจะให้เขาให้อภัยผม

   “เจ้าไม่จำเป็นจะต้องขอโทษข้า ในเมื่อข้าไม่เคยคิดที่จะโกรธเคืองเจ้า”





   เรานั่งรถกันมาชั่วโมงกว่าโดยที่พี่ธาราเป็นคนขับโดยมีผมนั่งข้างคนขับและพี่ศรีสุวรรณนั่งอยู่เบาะด้านหลัง

   “ถึงแล้วเหรอครับ”ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเราขับรถเข้ามาจอดในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง

   จะว่าบ้านเป็นรีสอร์ทก็ไม่น่าจะใช่

   “ยังหรอก ยังต้องไปอีกไกล”พี่ธาราพูดพร้อมกับลงจากรถและเตรียมขนของลงมา ทำให้ผมกับพี่ศรีสุวรรณต้องลงมาช่วย

   ทั้งที่ผมยังคงสงสัยว่าพี่ธารามาที่รีสอร์ททำไม

   ไม่นานก็มีเพนักงานของรีสอร์ทอีกสองคนมาช่วยขนกระเป๋าของพวกเราแล้วเดินนำไปที่ท่าเรือของรีสอร์ท


   “ทำไมมาที่นี่ล่ะ”ผมถามอีกครั้ง

   ไหนพี่เขาบอกว่าจะพาไปบ้าน แล้วบ้านอยู่อีกไกล แล้วทำไมถึงพาพวกเรามาที่ท่าเรือ

   ผมมองดูพนักงานพากันขนของลงไปในเรือสปีทโบ๊ทลำขนาดพอดี

   “เรายังต้องเดินทางอีกไกล”พี่ธาราตอบ นั่นก็ทำให้ผมไม่เข้าใจอยู่ดี

   ในเมื่อพี่เขากระโดดลงเรือไปแล้ว ตามด้วยพี่ศรีสุวรรณที่ตามลงไปเงียบๆ

   “ทำไมต้องด้วยเรือด้วยล่ะ ขับรถไม่ได้เหรอ”ผมถาม เพราะไม่ค่อยถูกกับพวกน้ำเท่าไร เพราะว่ายน้ำไม่ค่อยแข็ง แล้วยิ่ง
ลึกๆแบบนี้ มีแต่จมกับจมอย่างเดียวแน่

   “มาเถอะ อย่าห่วงเลย”พี่ธารายื่นมือมาให้ผมจับ

   ผมยื่นมือให้พี่ธาราจับเอาไว้แล้วก้าวขึ้นเรือ
   

   ไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ธาราจะขับเรือเป็นด้วย เรานั่งเรือออกมาจากฝั่งจนริมฝั่งไกลลิ่วออกไปทุกที

   “ทำไมต้องไปด้วยเรือล่ะ”ผมตะโกนถามแข่งกับเสียงลม มือสองข้างพยายามจับเส้นผมที่ปลิวไปตามลมจนยุ่งเหยิงอาไว้

   “เดี๋ยวก็รู้เอง”ธารายิ้มมุมปากแล้วดันให้ผมนั่งลง

   “ชักรู้สึกว่าไม่ธรรมดาแล้วสิ”พี่ศรีสุวรรณยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อขับเรือออกมาจากฝั่งได้ครึ่งชั่วโมงก็เจอเข้ากับเกาะขนาดใหญ่ ด้านหน้าเป็นเกาะมีท่าเรือเป็นลักษณะสะพานสีขาวทอดยาว และมีชายหาดทรายขาวสะอาดตายาวทอดไป

   ด้านหน้าเกาะถัดไปจากชายหาดเป็นบ้านขนาดใหญ่ ไม่ใช่บ้านสิ คฤหาสน์ตากอากาศมากกว่า ใหญ่มาก

   นี่ใช่ไหมบ้านที่ไม่ใช่บ้านชั่วคราวที่พี่ธาราเคยบอก ใหญ่ซะยิ่งกว่าใหญ่อีก

   ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้เห็น มันไม่ธรรมดาจริงๆ นี่ตกลงพี่เขาไม่ใช่ยักษ์ธรรมดาใช่ไหม แต่เป็นยักษ์มหาเศรษฐี อภิอลังการรวย

   “เข้าใจเลือกแฟนนี่”พี่ศรีสุวรรณกะซิบข้างหูหลังจากที่เรือผ่อนแรงลงแล้วเทียบท่า

   “อะไรเล่า ผมจะไปรู้ไหม”ผมตอบทั้งที่ใบหน้ารู้สึกว่าร้อนผ่าว


   “มาถึงกันแล้วเรอะ เดินทางสะดวกไหม”ทันทีที่เราพากันขึ้นฝั่งชายวัยกลางคนที่ยืนรออยู่ที่ท่าเรือหน้าเกาะก็ถามพร้อมกับส่งมือมาที่ผมแล้วยิ้มให้

   ผมชะงักเมื่อใบหน้าของเขาช่างคุ้นเคยเหมือนกับว่าผมเคยเห็นเขามาก่อน

   ใบหน้าที่จะบ่งบอกถึงวัยแต่ก็มีความน่านับถือน่าเกรงขามในแบบผู้ใหญ่

   “นี่อาของพี่เอง ท่านอาวสิน”พี่ธาราเข้ามาใกล้แล้วแตะไหล่เป็นเชิงบอกให้ผมไว้ใจเข้าได้

   ผมยื่นมือไปจับมือของอาวสินซึ่งเป็นคุณอาของพี่ธาราแล้วมองหน้าเขา

   ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าผมคิดอะไรทำให้เขายิ้มออกมา

   “ข้าไม่นิยมกินเนื้อ”เขาพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าแดงที่เขาเดาความคิดผมออก

   ก็เป็นใครใครจะไม่กลัว มาถึงถิ่นของยักษ์ถึงที่แบบนี้ จะโดนจับกินทั้งพี่ทั้งน้องเมื่อไรไม่รู้

   พอคุณอาของพี่ธาราบอกว่าเขาไม่กินเนื้อผมก็วางใจขึ้นมา

      “สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้

   “รูปงามสมคำล่ำลือเสียจริง”เขาว่าก่อนจะแตะไหล่ผมให้เดินตามไปยังสะพานสีขาวที่ทอดยาวออกมาจากฝั่ง

   ทิ้งให้พี่ธารากับพี่ศรีสุวรรณเป็นเด็กแบกกระเป๋าไปโดยปริยาย
   
   

   “กินน้ำกินท่าก่อนสิ เกี่ยวให้ธาราเขาพาไปดูห้อง ส่วนวรรณเดี๋ยวอาพาไปเอง”อาวสินบอกหลังจากที่เราเข้ามาในห้องรับแขก

   ขอกตกแต่งทั้งเก่าและใหม่มากมายถูกรวบรวมมาไว้ในห้องนี้ บ่งบอกถึงมูลค่าที่สูงมากทำเอาผมมองไปยังรอบๆอย่างอดทึ่งไม่ได้

   เป็นอะไรที่เวอร์มาก กับคฤหาสน์สไตล์ตากอากาศที่เน้นรอบๆเป็นกระจก แต่ก็มีผ้าม่านสีดำทึบติดอยู่ทั่ว เพียงแต่ตอนนี้มันไม่ได้ถูกปิดลงแต่อย่างใด

   “เอ่อ ไม่ได้พัก ด้วยกันเหรอครับ”ผมถาม ตามจริงก็รู้อยู่หรอกว่าคืนนี้จะเจอกับอะไร แต่ก็รู้สึกว่ายังไม่พร้อมอยู่ดี ถึงจะ
ตัดใจได้แล้วก็ตาม

   “อาอยากให้วรรณเขาพักห้องใหญ่ฝั่งทิศตะวันตกน่ะ ตอนพระอาทิตย์ตกวิวจะสวยเชียว อยากให้เห็นวิวสวยๆ”เขาบอก

   “ไม่มีปัญหาครับ แต่จะดีเหรอครับ เรานอนห้องเดียวกันก็ได้ จะได้ไม่รบกวน”พี่วรรณแก้ต่าง

   “ไม่เป็นไร ห้องหับเยอะแยะ มาสิ เดี่ยวจะพาไป”พูดจบอาวสินก็เดินนำไปไม่รอให้พี่วรรณแย้ง

   เหมือนว่ากำลังวางแผนอะไรกันอยู่เลย

   พี่วรรณเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองตามไปเงียบๆเหลือแค่ผมกับพี่ธาราที่เงียบมาสักพักแล้ว


   “มาสิข้าจะพาไปห้องเรา”

   ห้องเรา? ช่างพูดได้เต็มปากดีจริง นี่ผมกับพี่เป็นเรากันตั้งแต่เอไร ขี้ตู่อีกแล้ว

   แต่ผมก็ดันเดินตามเขาไปซะงั้น



   “ไม่ได้อยู่ชั้นสองเหรอ”ผมถามเมื่อเราเดินขึ้นบันไดผ่านชั้นสองมา

   “ดาดฟ้าน่ะ”พี่ธารายิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์

   “ทะ ทำไมห้องผมถึงอยู่ดาดฟ้าล่ะ อยู่ห้องข้างๆห้องพี่วรรณไม่ได้รึไง”

   “เจ้าจะพักที่ห้องข้า”พี่ธาราพูดจบก็เดินนำขึ้นไป

   ทิ้งให้ผมแทบจะดิ้นกระแด่วอยู่บนขั้นบันได

   จะเอายังไงดี เอายังไงกับคืนนี้ดี ผมพร้อมรึยัง ผมยังไม่รู้ใจตัวเองเลย

   เรามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องบ้านใหญ่สีขาวทึบ

   พี่ธาราเปิดประตูออกให้มองเห็นด้านในของห้องที่เป็นกระจกใสล้อรอบ มีเตียงไม้สี่เสาอยู่กลางห้อง ด้านนอกกระจกเป็นดาดฟ้ามีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถมองออกไปเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา

   แต่ที่สำคัญ เพดานห้องนั้นเป็นกระจกใสสามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจน

   ผมอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น กระเป๋าที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้นเพราะความทึ่งในสิ่งที่เห็น

   สวยจนบรรยายไม่ถูกเลยทีเดียว

   ด้านนอกที่เป็นสระว่ายน้ำมีต้นมะลิปลูกเต็มไปหมด ดอกสีขาวที่กำลังออกดอกบานจนเต็มต้นส่งกลิ่นหอมผ่านประตูกระจก
ที่เปิดทิ้งเอาไว้ ทำให้ทั้งกลิ่นอายทะเลและกลิ่นอายของดอกมะลิถูกลมพัดหอบเอาเข้ามา

   “เจ้าชอบหรือไม่”พี่ธาราจับเอวทั้งสองข้างของผมดันให้ผมเข้าไปในห้อง

   “ชะ ชอบ”ผมตอบเสียงขาดหาย

   นะ นี่น่ะเหรอห้องเชือดผม

   ผมคิดพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ



   เราทั้งสอคนเงียบกันอยู่พักใหญ่หลังจากที่มเดินเข้ามาในห้อง

   พี่ธารานั่งลงบนเตียงสี่เสาสีดำสนิทข้างๆผมที่กำลังรื้อของออกมาจากกระเป๋าเพื่อจัดให้เข้าที่เข้าทาง
   

   มีเพียงเสียงคลื่นทะเลด้านนอกและกลิ่นหอมหวานของดอกมะลิเท่านั้นที่กั้นอยู่ระหว่างเรา

   หัวใจของผมกำลังเต้นโครมครามเมื่อรู้สึกว่าสายตาคู่สีดำสนิทกำลังจ้องมองมาที่ผม

   บทกลอนที่ยังคงติดอยู่ในใจทำให้ผมไม่สามารถคลายความสงสัยไปได้เลย

   ทั้งที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพระอภัยมณีนั้นรักพี่ธาราจนสุดหัวใจ แต่ไม่สามารถยอมรักความรักที่เกิดขึ้นในใจของตัวเองได้

   แล้วพี่ธาราล่ะ….รักพระอภัยมณีบ้างหรือเปล่า


   ผมได้แต่คิดถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา

   “เจ้าจะนอนพักก่อนก็ก็ได้หากเจ้าง่วง”พี่ธาราบอกเสียงเบาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้

   ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรผู้เข้มแข็งกำลังโน้มลงมาจนจมูกโด่งนั้นคลอเคลียกับปลายจมูกของผม

   คำถามที่เฝ้าถามวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในห้วงแห่งสำนึกทำให้ผมหลับตาลงตอบรับกับริมฝีปากอุ่นร้อนที่ทาบลงมา

   ฝ่ามือใหญ่ประคองหน้าผมเอาไว้ ก่อนที่มันจะลูบไปมาเบาๆเพื่อให้ผมผ่อนคลายแล้วเปิดปากออกตอบรับปลายลิ้นที่แทรกเข้ามา

   ลิ้นร้อนกวาดต้องอยู่ภายในโพลงปากของผมให้ผมได้คล้อยตามและตอบรับการชักจูงที่อ่อนโยนนั้น

   ความอบอุ่นแผ่เข้ามาข้างในจิตใจทำให้ผมรู้สึกมั่นใจในสิ่งที่ก่อเกิดในจิตใต้สำนึก

   ความรักที่หลงเหลืออยู่ในบทกลอนทำให้ผมคล้อยตามและรู้สึกถึงมัน ความรักที่ผมหลีกเลี้ยงไม่ได้

   ผมกำลังรักพี่ธารา….รักแบบที่พระอภัยมณีรัก

   แล้วพี่ธาราล่ะ รู้สึกยังไงกับพระอภัยมณีคนก่อน และรู้สึกยังไงกับผม

   สิ่งที่เขากำลังทำอยู่เป็นเพราะโชคชะตาหรือว่าความรักกัน

   ผมช้อนตาขึ้นมองหลังพี่ธาราถอนจูบออกไป นึกอยากจะถามออกไปอย่างที่ใจคิด

   หากแต่ผมไม่กล้า…ผมกลัวคำตอบของเขา

   “เจ้าควรพักผ่อน”พี่ธาราบอกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
   


   “เดี๋ยวก่อน”ผมรั้งมือพี่ธาราเอาไว้

   แต่ความอดทนของผมได้จบสิ้นลงเพราะความอยากรู้

   คืนนี้แล้วที่เราจะทำในสิ่งที่คิดว่ามันถูก หากแต่หัวใจของเราสองคนล่ะ รู้สึกอย่างไร ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน

   และมั่นใจว่าพระอภัยมณีในชาติที่แล้วก็อยากรู้ไม่ต่างจากผม

   พี่ธาราจ้องหน้าผมแล้วเลิกคิ้วเป็นการตั้งคำถาม

   “พี่….ช่วยตอบคำถามผมสักข้อได้ไหม ก่อนที่เราจะทำในสิ่งที่พี่ต้องการ”ผมถามเสียงเบา

   “เจ้าลองว่ามาสิ”เขาเหลือบมองมือผมที่รั้งเขาเอาไว้

   “พี่….รักพระอภัยมณีบ้างไหม”ผมเงยหน้ามองเขา

   พี่ธาราเงียบไปสักพัก แต่ใบหน้านั้นยังคงนิ่งเฉย ถึงแม้ว่าในดวงตานั้นจะแสดงออกถึงความเจ็บปวดก็ตาม

   แต่ผมก็โง่จนไม่สามารถที่จะอ่านได้ว่าพี่ธารารู้สึกอย่างไร หากว่าเขาไม่บอก

   “ความรู้สึกของข้าต่อเจ้าในชาติที่แล้วข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ หากเจ้าในชาตินี้เป็นตัวตนของเจ้า มิใช่เป็นตัวตนของชาติที่แล้ว”

   คำตอบที่เป็นราวกับคำปฏิเสธทให้จิตใจของผมสั่นคลอน

   “งั้น จะเป็นอะไรไหม ถ้าผม…จะถามพี่อีกข้อ”ผมถามอีกครั้ง

   ความเงียบของพี่ธาราผมจะทึกทักเอาเองแล้วกันว่าเขาอนุญาต
   

   “พี่…รู้สึกยังไงกับผม”

   หลังจากคำถามสุดท้ายถามออกไป ความเงียบก็ก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง

   เราทั้งสองจ้องตากัน

   ผมจ้องมองเขาเพื่อต้องการที่จะได้คำตอบที่ผมสงสัย

   แล้วพี่ธาราล่ะ จ้องมองผมด้วยสายตาที่เจ็บปวดแบบนั้นเพราะอะไร
   

   เป็นพี่ธาราที่หลบสายตา

   นั่นทำให้ผมรู้สึกเจ็บจนร่างกายรู้สึกอ่อนแรงขึ้นมาทันที ผมปล่อยมือร่วงลงข้างตัว

   ทิ้งให้พี่ธาราเดินออกไปจากห้องโดยไร้คำตอบ

   ทำไมล่ะ?

   ทำไมเขาถึงไม่มีคำตอบให้ผม หรือเป็นเพราะที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อหน้าที่ เพื่อสิ่งที่เขาต้องการ



   จิตใจของผมปั่นป่วนจนไม่สามารถจะอยู่นิ่งเพื่อรองรับอารมณ์ของตัวเองได้

   ผมเหลือบมองไวโอลินตัวโปรดที่แม่ส่งให้ก่อนที่จะออกเดินทาง

   บทเพลงที่ผมเคยเล่นเพียงแค่ครั้งเดียวมันกำลังเรียกร้องผม

   เสียงคลื่นด้านนอกที่ปั่นป่วนพอๆกับจิตใจผมก็เช่นกัน

   ผมต้องการที่จะอยู่เงียบๆในที่ที่ไม่มีใคร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันทำให้ผมว้าวุ่น



   ผมหยิบเครื่องดนตรีตัวโปรดขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้อง

   ความเงียบภายในบ้านหลังใหญ่ทำให้ผมรู้ได้ว่าที่นี่ไม่มีใครเลยนอกจากพี่ธารากับคุณอาของเขา

   ผมเดินเลาะมาที่ชายหาดตรงที่เป็นแนวโขดหิน

   ภาพของพี่ธาราที่เดินหันหลังให้ผมในเวลาที่ผมต้องการคำตอบยังคงติดค้างอยู่ในใจ

   ผมยืนบนโขดหินก้อนใหญ่หลายก้อนที่ขึ้นเรียงตัวกันตรงท้ายหาดไกลออกมาจากตัวบ้านพอสมควร

   คันสีถูกยกขึ้นจรดกับสายเครื่องดนตรีแล้วขยับไปมาทำให้เกิดห้วงทำนองที่ผมจดจำมันได้อย่างขึ้นใจ

   เสียงเพลงหวานหูสอดแทรกไปด้วยความรู้สึกที่เศร้าโศกดังสอดประสานกับเสียงขึ้นที่กระทบกับโขดหิน

   ยิ่งบรรเลงเพลงไปนานเท่าไร หัวใจของผมมันก็ยิ่งปวดร้าว

   นานจนผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว

   จ๋อม!!

   เสียงเหมือนอะไรไรตกน้ำทำให้ผมสะดุ้งหันไปมองยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้น

   ผมเดินหากแต่ผมไม่เจออะไร

   แต่ความสงสัยยังไม่คลายออกทำให้ผมก้าวไปข้างหน้าริมโขดหิดที่ยื่นไปในทะเล

   กลุ่มผมสีดำที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังโขดหินทำให้ผมเบิกตากว้างแล้วร้องออกมาอย่างตกใจ

   “ใครน่ะ”ผมถามออกไป

   เรือนผมยาวสลวยที่ไม่รู้ว่ายาวไปถึงไหนเพราะผมเห็นไม่ค่อยชัด ใบหน้าที่ขาวจัดชะโงกหน้าออกมาจากโขดหินอย่างหวาดกลัว

   ใครที่ไหนมาเล่นน้ำแถวนี้กัน นึกว่าไม่มีใครอื่นแล้วนอกจากพี่ธารากับคุณอาของเขา หรือว่าเขาจะเป็นยักษ์

   แต่พี่ธาราเคยบอกเอาไว้ว่ายักษ์ที่นี่มีแค่เขากับอาวสินแค่นั้น

   แล้วคนคนนี้เป็นใครกัน มันจะอันตรายไหมหากว่าคนอื่นรู้ว่าคนคนนี้อยู่ที่นี่

   ผมเดินก้าวเข้าไปอีกก้าวเพื่อที่จะบอกว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย

   “ทะท่านอย่าเข้ามานะ”เขาพูดพร้อมทำสีหน้าตกใจ ผละออกห่างจากผมทันที

   นั่นทำให้ผมเห็นใบหน้าของเขาชัดเต็มตา

   ใบหน้าที่งดงามเหมือนกับนางในวรรณคดี ดวงตาเรียวคมกับคิ้วที่เหยียดรับกับดวงตา จมูกโด่งเชิดรั้น เรียวปากบางสีชมพูหวาน และที่สำคัญ นัยน์ตาของคนคนนี้สีฟ้า สีฟ้าเหมือนกับสีของน้ำทะเล

   “ฉันไม่ทำร้ายนายหรอกน่า แค่จะบอกว่าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย”ผมบอกไป

   “ไม่ปลอดภัยอย่างไรกันในเมื่อข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด”เขาตอบทำให้ผมเลิกคิ้วสงสัยในคำตอบ และสำนวนการพูดแบบโบราณเหมือนพี่ธารา

   แต่คำถามที่ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ก็ถูกตอบโดยภาพที่เห็นเองกับตา

   ไม่อยากจะเชื่อ!!

   น้ำทะเลที่ใสจนสามารมองเห็นทุกอย่างได้ทำให้ผมมองเห็นหางที่ปกคลุมด้วยเกร็ดสีฟ้าเข้มเหลือบเขียวเหมือสีน้ำทะเลลึก

   มันกำลังสะบัดไปมาอยู่ในน้ำทะเลที่ใสแจ๋วนั่น

   ผมอ้าปากจนกรามแทบค้าง

   “นะ นาย เป็นนางเงือกเหรอ”ผมถามออกไป เพราะหน้าอกของเขาแบราบ ผมจึงเรียกว่านาย ถึงแม้ว่าหน้าตาและผมที่ยาว
นั่นจะทำให้เขาเหมือนผู้หญิง

   “นายเงือกต่างหาก แล้วท่านเป็นใคร เช่นใดจึงดูคุ้นหน้าข้านัก”

   “ฉัน ชื่อมณี”ผมบอกไป

   “มณี? พระอภัยมณีหรือไม่ ท่านช่างเหมือนเขายิ่งนัก”นายเงือกตอบแล้วมองผมคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่กำลังเห็น

   “ไม่ใช่ พระอภัยมณีเป็นแค่ตัวตนของฉันในชาติที่แล้ว”

   ใช่ตัวตนของชาติที่แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับชาตินี้ เพราะอย่างนั้นพี่ธาราถึงไม่ตอบคำถามของผม

   “ท่านกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นรึ น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก หากนางเงือกพี่ข้ายังคงอยู่ นางคงจะดีใจที่ได้รู้”

   นายเงือกตอบด้วยเสียงตื่นเต้นแล้วเข้ามาเกาะริมโขดหินที่ผมยืนอยู่พร้อมกับสะบัดหางไปมาในน้ำ

   “ยังมือเงือกตัวอื่นด้วยเหรอ”

   “มีพ่อกับแม่ข้าที่อาศัยอยู่ในถ้ำใต้น้ำที่อยู่เบื้องล่างเกาะนี้ แล้วก็ข้า”

   “แล้ว เอ่อ นางเงือกล่ะ”ผมถามเพราะอยากรู้ว่านางเงือกที่เป็นคู่รักของพระอภัยมณีในชาติก่อนนั้นยังอยู่รึเปล่า

   “นางสิ้นใจตามท่านไปนานแล้วล่ะ”

   “แล้วทำไมนายถึงยังอยู่ล่ะ แล้วนายเป็นน้องชายของนางเงือกเหรอ”

   “ใช่ ข้าเป็นน้องชายฝาแฝดของนางเงือก ข้าชื่อชลาสินธุ์ ข้าไม่มีคู่ครอง เลยยังอยู่มาได้จนถึงวันนี้”เขาตอบทำให้ผมคิดถึงคำของพี่ธารา

   พวกเงือกอาจจะเป็นเหมือนยักษ์ก็ได้ ที่ผูกชีวิตไว้กับคู่ครอง พอคู่ครองตายไปก็จะตายตาม

   “ชลาสินธุ์? แล้ว นายไม่กลัว เอ่อ พวกยักษ์เหรอ”ผมถามออกไป

   “ไม่หรอก ท่านวสินท่านเป็นยักษ์ถือศีล ส่วนท่านธาราสมุทรท่านไม่ทำร้ายพวกเราหรอก”

   “งั้นเหรอ”

   ผมตอบรับ นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อ รู้สึกว่าเรื่องราวในชีวิตผมมันแปลกซะจนผมไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับมันไปมากกว่านี้แล้ว

   “แล้วเมื่อครู่บทเพลงอะไรกัน ช่างไพเราะยิ่งนัก”ชลาสินธุ์ถาม

   “เมื่อกี้น่ะเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันนึกขึ้นได้ก็เลยเล่นดู”ผมตอบแล้วย่อตัวลงนั่งลงบนโขดหิน

   “ท่าพอจะเล่นให้ข้าฟังอีกได้หรือไม่ ข้าไม่แปลกใจเลยที่นางเงือกพี่ข้ายอมครองคู่กับมนุษย์แล้วหนีไปด้วยกัน เป็นเพราะบทเพลงเช่นนี้นี่เอง”

   ชลาสินธุ์บอกพลางเท้าแขนลงกับโขดหินแล้วเกยคางไว้กับมือ

   หางสีฟ้าเขียวสะบัดไปมาใต้น้ำ รูปร่างเปลือยท่อนบทดูบอบบางจนผมนึกว่ามันดูน่ามองจนละสายตาออกไปจากร่างที่ผมกำลังมองอย่างสำรวจไม่ได้

   สิ่งที่มีอยู่ในวรรณคดีมันช่างสวยงามจริงๆ

   ผมเล่นไวโอลินในเพลงเดิมอีกครั้ง นึกถึงเรื่องราวในชาติที่แล้วที่นางเงือกพาพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทรไป

   หากชลาสินธุ์พาผมหนีไปบ้างอย่างที่นางเงือกพาพระอภัยมณีหนีไปก็คงจะดี

=================================================================
จุใจกันไปเลยจ้า ยาวๆ ว่าแต่จะเป็นยังไงต่อน้อ
อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้อ อยู่ข้างๆเขาก่อนนะ
รักทุกคนเหมือนเดิมจ้า ขอบคุณทึกคนที่คอยติดตาม อาจจะวังเวงสักนิด แต่ก็ไม่หายนะจ๊ะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ฝากเพจจ้าแฟนเพจของโซอึนจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2015 03:37:02 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ว้าย นายเงือกโผล่มาอีกหนึ่ง :ling3:

แล้วพี่ธาราจะได้สมหวังกับณีไหมเนี่ย :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด