20700
ครั้งที่ 17 คำสัญญา “อะ อือ”
ผมครางอือในลำคอเสียงเบา รู้สึกหนักหัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมามองดูเพดานห้อง
แต่กลับมองเห็นท้องฟ้าที่กำลังกลายเป็นสีแดงอมส้มของยามเย็นผ่านเพดานกระจกใสแทน
จริงสิ ตอนนี้ผมอยู่ในบ้านพี่ธารา ครั้งสุดท้ายที่ผมจำได้ ผมถูกพี่ธาราอุ้มมาจากชายหาดก่อนที่ผมจะหนีไปกับชลาสินธุ์ นายเงือกรูปงามแล้วถูกพามาโยนลงบนเตียงนี่
แล้วก็ถูกพี่ธาราจับกดเอาไว้ และคุณอาวสินก็ทำอะไรแปลกๆกับผม ทำให้ผมรู้สึกเจ็บท้องมาก เหมือนมีอะไรมันแทรกเข้าไปข้างใน
พอนึกได้ผมก็ยกมือคลำที่ท้องตัวเองทันที แต่แปลกที่มันไม่รู้สึกว่าเจ็บปวดหรืออะไรเลยสักนิด
หรือว่าผมจะฝัน ไม่สิ ไม่ใช่ฝันแน่นนอน
ผมก้มลงมองตัวเองที่อยู่ในสภาพชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดด้วยความตกใจ โดยที่ด้านในชุดคลุมอาบน้ำนั้น ผมไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยสักนิด
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ผมอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำนี่ได้ยังไง
ต้องเป็นพี่ธาราแน่ที่ฉวยโอกาสเปลี่ยนให้ผมตอนที่ผมหมดสติไป
ผมสำรวจตัวเองทันที ผมรีบเปิดเสื้อคลุมอาบน้ำออก แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แถมก้นก็ไม่เจ็บ
เลยได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาเบา ถึงจะงงว่าพวกขำอะไรกับผม แต่มันไม่ใช่เวลาจะมานั่งคิดแล้ว
ผมต้องหนี จะต้องหนีให้ได้ ไม่งั้นผมจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้
พอนึกถึงมันผมก็รู้สึกเคืองพี่ธาราขึ้นมาทันที ในเมื่อเขาไม่มีความรู้สึกอะไรต่อผมแล้วเขาไปพาผมกลับมาทำไมล่ะ
หรือเป็นเพราะแค่หน้าที่และสิ่งที่พวกเขาต้องการเท่านั้น เขาถึงได้ดูโกรธเคืองผมมาก
ผมยันตัวขึ้นลุกเตรียมจะหาเสื้อผ้าใส่ แต่คนที่ก้าวออกมจากห้องน้ำก็ทำเอาผมแทบจะหงายเงิบ
พี่ธาราออกมาจากห้องน้ำในสภาพชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตาเหมือนกันกับผม ต่างกันที่ขนาดเท่านั้น
หยดน้ำยังคงเกาะพราวอยู่บนตัวเขา บ่งบอกว่าเขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ เสื้อคลุมแหวกออกกว้างและลึกจนเห็นถึงแผงอกล่ำสี
เข้มกับหน้าท้องเป็นลอนที่ทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่
พี่ธารามองมาที่ผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่าแล้วค่อยๆเดินเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่ข้างเตียง
ดวงตาสีดำสนิทของเขาทอประกายสีเขียวอ่อน รับกับแสงของดวงอาทิตย์สีแดงอมส้มที่กำลังจะลับขอบฟ้า
ท้องฟ้าเบื้องบนกำลังจะเปลี่ยนสีกลายเป็นสีฟ้าเข้มและกำลังจะมืดลง ดาวมากมายเริ่มทอแสงออกมาให้เห็นอยู่ประปราย
อีกทั้งพระจันทร์ดวงกลมโตที่กำลังจะขึ้นอยู่อีกฟากตรงกันข้าวในทิศที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน
ผมถอยหลังหนีพี่ธาราอย่างหวาดระแวง โดยไม่ทันระวังว่าด้านหลังจะเป็นขอบเตียง ทำให้ผมล้มลงไปนั่งอยู่บนขอบเตียงพอดิบพอดี
ผมสุดทางหนีอยู่ที่เตียงโดยที่พี่ธาราก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาโน้มเข้ามาหาจนชิด จมูกโด่งคลอเคลียกับจมูกของผมโดยที่สายตาของเขายังคงว่างเปล่า ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดใด
ผมของเขาค่อยๆยาวลงมาเรื่อยๆจนถึงลาดไหล่ของเขา คิ้วหนาเข้มค่อยๆเปลี่ยนเป็นลวดลายอย่างที่ผมเคยเห็นตอนแรกเจอกับพี่ธารา ดวงตาที่ยังเป็นสีดำอยู่ก่อนหน้าตอนนี้กลายเป็นสีเขียวมรกตเต็มดวง ถึงแม้จะเป็นสีที่ยังไม่เข้มจัดเหมือนเวลาที่เขาโกรธ
แต่มันก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี
จมูกของเขาไล้ลงมาที่แก้มผมเบาเบา ผมได้ยืนเสียงสูดหายใจของพี่ธารา ทำให้ผมหลับตาลงด้วยความกลัว
เหลือแค่เขี้ยวเท่านั้นที่ยังไม่โผล่ออกมา รูปร่างของพี่ธาราเหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
รู้ตัวอีกทีจมูกที่คลอเคลียผมอยู่พักใหญ่ก็ถอนออกไป ทำให้ผมลืมตาขึ้นมอง แต่นั่นผมก็ต้องตกใจอีกรอบ
ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้าเข้มไปแล้ว พี่ธาราอุ้มช้อนขึ้นมาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ผมกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก
ในเวลานี้พี่ธาราตัวใหญ่กว่าเดิม ทำให้ขนาดของร่างกายผมกับเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง
“พี่จะทำอะไรน่ะ!!”ผมถามเมื่อเขาอุ้มผมขึ้นแล้วกำลังเดินไปที่นอกระเบียงห้องซึ่งเป็นส่วนของสระน้ำ
“ปล่อยผมนะ จะพาผมไปไหน”ผมเริ่มดิ้น และดันอกเขาออก
ถึงแม้ว่าจะกลัวตก แต่ผมก็กลัวว่าพี่ธาราจะทำอะไรผมมากกว่า
“ปล่อยผมสิ พี่ไม่มีสิทธิมาทำกับผมอย่างนี้นะ”ผมโวยวาย
แต่พี่ธาราก็ไม่สะดุ้งสะเทือนกับคำพูดของผมเลยสักนิด
ผมถูกอุ้มมาถึงสระน้ำ
ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมตาโตขึ้นมา น้ำในสระถูกลอยด้วยดอกมะลิสีขาวจนเต็ม ทำให้มันส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่ว เหมือนจะถูกเตรียมเอาไว้
ดอกมะลิสีบริสุทธิ์ขยับไปตามแรงเคลื่อนไหวของน้ำเมื่อพี่ธาราก้าวลงไปในสระส่วนที่ตื้นที่สุดที่มีไว้สำหรับนั่งแช่
ผมถูกวางนั่งลงพิงขอบสระ โดยที่พี่ธาราเองก็ตามลงมาไม่ไกล
เขากำลังจะทำอะไรกัน?
ครั้งสุดท้ายที่เขาทำสิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือ ความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาในท้อง
แสงของพระจันทร์ที่เต็มดวงกำลังสาดลงมาที่เราสองคน
พี่ธารามองมาที่ผมด้วยสายที่ที่เปลี่ยนไปจากเดิม….สายตาที่ผมไม่เข้าใจ
และไม่คิดว่าจะอยากเข้าใจมันด้วยในเมื่อผมไม่ได้ต้องการที่จะเข้าใจมันเองโดยที่เจ้าตัวไม่ได้บอกถึงความรู้สึกของเขาที่มี
ต่อผม
ผมลุกขึ้นถอยหนีมือที่กำลังเอื้อมเข้ามาหา ผมปัดมันออก
แต่พี่ธาราก็เร็วเกินกว่าที่ผมจะลุกหนีไปได้ มือของผมถูกคว้าเอาไว้ ทำให้ผมหันไปมองเขาด้วยสายตาที่โกรธเคือง
ในเมื่อเขาปฏิเสธในคำถามที่ผมต้องการคำตอบ
ผมเองก็จะปฏิเสธในสิ่งที่เขาต้องการเหมือนกัน
“อย่ามายุ่งกับผม ผมไม่อยากจะอยู่ใกล้กับพี่”จบคำพูดผมก็ดึงมือของตัวองออกจากมือใหญ่ที่กุมไว้
“อย่าคิดหนีไปจากข้า”พี่ธาราพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
แต่นั่นมันก็สายไปแล้วในเมื่อผมคิดหนีแล้วหนีเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่สำเร็จ
เขาลุกตามผมมาทำให้ผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะถอยไปในสระส่วนที่ลึกขึ้น
“ปล่อยผมสิ อย่ามายุ่งกับผม”ผมพยายามผลักเขาออกเมื่อมือใหญ่นั้นมาคว้าผมอีกครั้ง
คราวนี้มันแรงพอที่จะดึงรั้งผมเอาไว้ ผมถลาเข้าไปหาเขาตามแรงดึง
การเคลื่อนไหวในน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย
ดอกมะลิที่ลอยอยู่เหนือน้ำกระจายไปตามแรงผลักดันของผมที่พยายามจะหลุดออกจากอ้อมออดของพี่ธารา
“ปล่อยสิวะ พี่ไม่มีสิทธิจะมาจับผมด้วยซ้ำ อย่ามาทำเหมือนว่าตัวเองมีสิทธิที่จะทำอะไรกับผมก็ได้น่า”
ใช่ เขาทำเหมือนว่าผมไม่มีความรู้สึก ทั้งที่เขากอดผม จูบผม ทำให้ผมรักแบบนี้
แต่เขากลับไม่เคยแม้แต่จะบอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อผม
สำหรับเขาผมเป็นอะไรกัน
“อย่าให้ข้าต้องบังคับเจ้า ”เขากระชับอ้อมกอดแน่นจนผมรู้สึกอึดอัด
“พี่ก็ดีแต่บังคับ ดีแต่พูดเอาเองทั้งที่พี่ไม่เคยบอกอะไรผมเลย ปล่อยผมสิ”ผมทุบเข้าที่ไหล่พี่ธาราอย่างแรงเพื่อหวังให้เขา
ปล่อยผม
“สิ่งนั้นหาได้จำเป็นไม่”
“ใช่สิวะ ก็พี่เป็นยักษ์นี่ ถึงได้ไร้หัวใจแบบนี้ ไม่คิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ว่าเขาจะคิดยังไง ปล่อยสิเว้ย บอกให้ปล่อย”ผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเก่าแล้วเริ่มที่จะพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกไป
พอผมพูดจบพี่ธาราก็นิ่ง ปล่อยให้ผมทุบตีเขาอยู่อย่างนั้นเหมือนกับเขาไม่ได้สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด
“ข้าไม่ได้ไร้หัวใจ”เขาบอกเสียงเบา
แต่นั้นก็ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
เขากล้าพูดได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ไร้หัวใจ ในเมื่อเขาไม่เคยบอกเลยว่าเขาผม ไม่ว่าจะทั้งในชาติที่แล้วหรือชาตินี้
เขามันเป็นยักษ์ใจร้าย เป็นยักษ์ที่ไร้หัวใจมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา
“ถ้าพี่ไม่ได้ไร้หัวใจ พี่ก็ตอบผมมาสิ…ว่าพี่คิดยังไงกับผม”
น้ำอุ่นๆมันไหลออกมาจากดวงตาของผมโดยที่ผมไม่รู้ว่ามันออกมาได้ยังไง มาไหลลงมาผ่านแก้มของผม แล้วจรดลงที่คาง ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำที่โรยไปด้วยดอกไม้ขาวสะอาด
ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองคน อ้อมแขนของพี่ธาราค่อยๆคลายออก สายตาของพี่ธารามองมาที่ผมด้วยแววตาที่เหมือนกับตัดพ้อ
ตอนนี้แสงจันทร์ค่อยๆจัดเจนขึ้น ผมถือโอกาสที่อ้อมแขนนั้นคลายออกถอยห่างจากพี่ธารา
ระดับน้ำในสระที่แตกต่างกันทำให้ผมจมลงสู่ก้นสระที่ลึกกว่าเป็นเท่าตัว ผมมองไปเบื้องบน
จิตใจของผมตอนนี้มันรู้สึกตีรวนจนวุ่นวายไปหมด ในขณะที่ร่างกายของผมมันกลับตรงกันข้าว มันไร้เรี่ยวแรงจนไม่อยากที่จะขยับ และค่อยๆจมดิ่งสู่ก้นสระ
ร่างกายของผมถูกฉุดเข้าไปกอดอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งรุนแรงและแน่นหนากว่าเก่าจนผมรู้สึกเจ็บ
ริมฝีปากร้อนผ่าวเบียดจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม ทำให้ผมลืมตาขึ้นมองด้วยตาที่เบิกกว้าง
อ้อมแขนที่กอดรัดจนแน่นทำให้ผมหนีไปไหนไม่ได้ แรงบดเบียดที่บดขยี้ลงมาทำให้ผมรู้สึกว่าแทบไม่มีช่องว่างระหว่างปาก
ของเราหลงเหลืออยู่
ผมพยายามทั้งผลักทั้งดันพี่ธาราออกไป แต่มันไม่ขยับเลยสักนิด
ผมถูกดึงขึ้นมาในส่วนที่น้ำตื้นอยู่แค่ช่วงสะโพก แรงบีบที่แขนทำให้ผมรู้ทันทีว่าพี่ธาราเริ่มจะเปลี่ยนไปเพราะแสงของดวง
จันทร์ที่เริ่มจะส่องมามากขึ้น
“อื้อ ปะ ปล่อย”ผมพยายามดิ้นและห้ามเขา แรงจูบและลิ้นร้อนที่บดเบียดเข้ามามันไม่น้อยเลยจนทำให้ผมรู้สึกเจ็บ
“อย่าหนีข้าไปอีก”เสียงคำรามดังขึ้นในลำคอของเขา พร้อมกับแรงบีบและริมฝีปากขยี้ซุกไซร้ลงที่บนลำคอ
“อึก อย่า ปล่อยผม”ผมร้องขอ
แต่มันเหมือนกับไม่เป็นผล
สาบเสื้อคลุมอาบน้ำถูกแหวกออก ขาของผมถูกดันให้อ้ากว้างตามด้วยร่างกายที่สูงใหญ่แทรกเข้ามาระหว่างกลาง
ใบหน้าคมกร้านมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เหมือนกับโกรธเคือง
“อย่าบังอาจหนีข้าไปอีก”คำราม เสื้อคลุมของผมถูกดึงออกแล้วโยนทิ้งไว้ที่ขอบสระ มือของพี่ธาราลูบลงมาที่บั้นเอวของผมแล้วเคล้นคลึงมันอย่างหนักหน่วง
ความเย็นของน้ำเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อร่างกายของผมและพี่ธาราเริ่มที่จะร้อนจนเหมือนเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้
“อย่า อือ อย่าทำผม”ผมเบือนหน้าหนีริมฝีปากของพี่ธาราที่ฉกจูบลงมาอีกรอบ
“อื้อ”ผมร้องในลำคออย่างไม่พอใจ
เขากำลังใช้กำลัง โดยที่ผมไม่ยินยอม ทั้งที่เขายังไม่มีคำตอบให้กับผม
แผ่นอกของผมกำลังถูกเคล้นคลึงเช่นเดียวกับริมฝีปากที่กำลังถูกบดเบียด และเรียวลิ้นกำลังถูกกวาดต้อน
ปลายยอดทั้งสองข้างถูกบีบขยี้คล้ายกับกำลังจะหยอกล้อทำให้ผมขนลุกไปทั่วร่าง
เท้าของผมจิกเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อพี่ธาราผละริมฝีปากออก แล้วก้มลงบดเบียดลิ้นร้อนกับยอดอกอย่างหื่นกระหาย
“อือ ปล่อย ยะ อย่า อย่าทำอย่างนี้”ผมร้อง มือทั้งสองพยายามจะดึงทึ้งหัวเขาออกมาแผ่นอก
แต่มันดูเหมือนจะผมจะจิกทึ้งมันระบางอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้นมากกว่า
ความจุกเสียดเกิดขึ้นที่แก่นกายของผมจนมันตั้งชันท้าทายสายตาของพี่ธาราที่มองมันผ่านสายน้ำที่ใส่จนเห็นทะลุปรุโปร่ง
เสียงคำรามในลำคออย่างพึงพอใจแว่วมาตลอดเวลาที่ริมฝีปากนั้นลิ้มรสกับเม็ดสีอ่อนจนมันเริ่มบวมช้ำและขึ้นสีแดงก่ำ
“ปล่อย ผม อึก พอ แล้ว พี่จะทำ กับผมแบนี้ มะ ไม่ได้”ผมพยายามดันหัวพี่ธาราออก
ขาของผมถูกจับให้ยกขึ้นไปเกาะเกี่ยวเอาเอวหนาของพี่ธาราเอาไว้ ทำให้ร่างกายของเราแนบชิดกว่าเก่า
ความร้อนของพี่ธาราส่งผ่านมาทางผิวกายของเขา
มือหนาลูบไล้และบีบเค้นไปทั่วร่างกาย พร้อมกับเสียงครางอย่างพึงพอใจกับรสชาติที่เขาได้ลิ้มลอง
ผมขมวดคิ้วเมื่อถูกยกตัวขึ้นให้นั่งขนหน้าขาแข็งแรงนั่น ก่อนที่ริมฝีปากของพี่ธาราจะประกบจูบลงมาอีกรอบ
แต่รอบนี้มันดูจะร้อนแรงและกระหายมากกว่าเดิม
ทั้งเนื้อทั้งตัวผมถูกลูบไล้อย่างหื่นกระหาย ร่างกายสูงใหญ่บดเบียดเข้ามาหา โถมเข้ามาจนผมรู้สึกว่าผมหนีไปไหมไม่ได้อีกแล้ว
“อะ อื้อ”ผมยังคงพยายามดิ้น
เล็บของผมจิกลงบนลาดไหล่ของหนาของเขา และพยายามผลักมันออก สลับกับทุบลงไป
มือของเขาบีบขยี้ลงบนเผ่นอกของผม ไล่ลงไปที่บั้นเอว ก่อนจะหยุดแล้วบีบเคล้นที่แก้มก้นอันกลมกลึงของผม
มันถูกบีบเคล้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น และถูกแหวะออกด้วยเรียวนิ้วจนผมสะดุ้งผละตัวออก
“จะ ทำอะไรน่ะ มะ ไม่ได้นะ”ผมส่ายหน้า
หลบริมฝีปากที่พยายามฉกฉวยลงมา
“อย่าดื้อน่า ข้าไม่อยากขืนใจเจ้า”เขาเค้นเสียงทั้งที่ยังซุกหน้าลงบนซอกคอของผม
“ไม่ พี่กำลังทำอยู่ ปล่อยผมสิ อื้อ”ผมสะอื้นในลำคอ
“กายเจ้าช่างหวานนัก”เขาพูดขณะที่ลิ้นของเขากำลังไล้เลียอยู่ที่ต้นคอของม
เขาแตกต่างออกไปจากพี่ธาราคนเดิมที่อ่อนโยน เพราะแสงจันทร์ที่ส่องลงมา
“พี่ไม่มีสิทธิ จะ ทำแบบนี้ ในเมื่อพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย ปล่อยผมนะ พี่ไม่ได้รักผม ได้รู้สึกอะไรกับผม พี่ก็อย่าทำกับผมแบบนี้ ผมเป็นคน ที่มีหัวใจ ไม่ใช่ยักษ์ ในเมื่อพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อผมพี่ก็ไม่มีสิทธิที่จะทำกับผมอย่างที่พี่ทำอยู่ ผมเกลียดพี่ เกลียด
ที่พี่ไร้หัวใจแบบนี้”
ผมพูดพร้อมกับจ้องมองสายตาสีเขียวมรกตคู่นั้นที่มองมา แค่ฉับพลันมันก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่เกรี้ยวกราดเมื่อผมพูดจบ
“ข้าไม่ได้ไร้หัวใจ!!”
เขาประกาศกร้าวก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงมา
“อื้อ”คราวนี้มันทั้งหนักหน่วงและรุ่นแรงจนผมรู้สึกเจ็บ
เรียวขาของผมถูกดันให้ยกขึ้นอ้ากว้างก่อนที่นิ้วร้อนจะสอดแทรกเข้ามาแหวกเอาแก้มก้นออกจากกันเผยให้เห็นช่องทางของ
ผมต่อสายตาของเขา
“ข้าจำเป็นต้องทำ”สิ้นเสียง นิ้วร้อนแข็งกระด้างก็สอดแทรกเข้ามาในร่างกายของผมจนสุด
ความร้อนของนิ้วมือบวกความความจุกเสียดทำเอาผมหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด
เจ็บที่ร่างกายก็ไม่เท่ากับเจ็บที่หัวใจ
ผมไม่เข้าใจ และไม่เคยเข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำกับผมมาตลอดมันคืออะไร แม้กระทั่งตอนนี้
จากหนึ่งนิ้วกลายเป็นสองนิ้ว
“อึก จะ เจ็บ”ผมร้องเมื่อนิ้วเริ่มขยับไปมา
ความเสียดและความรู้สึกร้อนข้างในมันทำให้ผมรู้สึกแย่
ผมผวาคว้าเอาไหล่ของพี่ธาราเกาะเอาไว้เพื่อพยุงตัว นิ้วที่อยู่ข้างในตัวของผมเพิ่มเป็นสามโดยที่ผมเริ่มยังคงรู้สึกถึงความ
เจ็บจนต้องขบเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียง
เท้าของผมพยายามถีบไปมาเพื่อที่จะหลุดออกจากเรียวนิ้วของพี่ธาราที่สอดเข้ามา แต่มันก็ไร้ผล
“อึก พะ พอแล้ว ไม่เอา”ผมร้องขอออกไปทั้งที่รู้ว่าพี่ธาราคงจะไม่ฟัง
นิ้วทั้งสามขยับเข้าออกไปมา จากที่รู้สึกแสบก็เริ่มรู้สึกหน่วงๆอยู่ข้างไปจนต้องจิกเล็บเท้าลงกับพื้นสระ
กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิที่ลอยอยู่เต็มผืนน้ำช่วยบรรเทาให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
แต่มันก็ได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเมื่อนิ้วทั้งสามถูกถอดถอนออก
ผมเงยหน้ามองพี่ธาราด้วยความไม่เข้าใจ แล้วถอยหลังหนีเมื่อพี่ธาราถอดเสื้อคลุมตัวเองออกบ้างทั้งที่แผ่นหลังผมชิดริมสระ
อยู่แล้ว
ผมแทบจะอยากหายเข้าไปในผนังของสระน้ำเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าของพี่ธาราปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสมบุรุษ กับผิวสีแทนที่ถูกสาดด้วยแสงจันทร์เหลืองนวล
ผมไม่รู้ว่าเขี้ยวของพี่ธารางอกออกมาเมื่อไร รู้ว่าแค่สิ่งที่อยู่กึ่งกลางร่างกายของพี่ธารากำลังตั้งตระหง่านทักทายกับสายตา
ของผมอยู่
ความใหญ่โตของมันทำให้ความกลัวแล่นเข้าสู่ก้นบึ้งของจิตใจทันที
ขาของผมถูกจับแยกออก แทนที่ด้วยลำตัวของพี่ธาราที่กดลงมาระหว่างกลาง
“ยะ อย่า”ผมร้องเสียงเบา แล้วกลืนน้ำลายลงคอ
ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่ช่องทางเบื้องหลังเมื่อกายสูงใหญ่นั้นกดลงมาที่ปากทางเข้าของผม
มันดันลึกเข้าไปจนผมรู้สึกว่าด้านหลังแทบจะฉีกขาด
“จะ เจ็บ อึก ผมเจ็บ”ผมพยายามดันอกพี่ธาราไว้เพื่อให้เขาหยุด
หากแต่พี่ธาราไม่ฟังมัน
กลับกดแก่นกายลึกเข้าไปอีก ความรู้สึกเจ็บมันแล่นเข้าสู่ทุกอนุของร่างกายทำให้ผมจิกเล็บลงบนลาดไหล่ของเขาเพื่อ
ระบายมันออกมา
“อะ อึก ผมเจ็บ ฮึก”ผมสะอื้น
พี่ธาราขยับมันเข้าไปจนสุดแล้วเริ่มขยับมันเข้าออก บั้นเอวของเขาขยับมันจากช้าๆเริ่มกลายเป็นถี่ขึ้น
เหมือนกับความรู้สึกเจ็บของผมที่ค่อยๆกลับกลายเป็นรู้สึกแปลกใหม่
“ฮึ่ม”พี่ธาราครางในลำคออย่างพึงพอใจ ในขณะที่ผมเริ่มที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกแปลกกับสิ่งที่ได้รับ
“ปะ ปล่อย อ๊ะ พี่ ปล่อยผม”ทั้งที่ผมอยากจะให้เข้าหยุด แต่แขนของผมกำลังโอบรอบคอของเขา
แรงกระแทกเข้ามาในร่างกายของผมเริ่มหนักหน่วง ทั้งเร่าร้อนและรุนแรง จนน้ำในสระกระเพื่อมไปตามแรงกระแทก
ความกระสันมันก่อตัวขึ้นตรงจุดกึ่งกลางของร่างกายผม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกกระแทกกระทั้นเข้ามาในร่างกาย ความสุขมันก็ถูกเติมเต็มจนแทบจะล้น ส่วนลึกในใจที่รู้สึกดีกำลังต่อต้นอยู่กับจิตใต้สำนึกที่คัดค้าน
เรียวขาของผมกอดรัดบั้นเอวหนาที่กำลังกระแทกเร็วรัวเข้ามาอย่าบ้าคลั่ง
“อะ อ๊ะ ปล่อย อื้อ มะ ไม่ไหวแล้ว”ผมกรีดร้องสุดเสียง
ในที่สุดผมก็ยอมพ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่ถูกเติมเต็มจนล้นออกมา ผมสำลักความกระสันแล้วปลดปล่อยมันออกมาผ่านสายน้ำที่กำลังกระเพื่อมไปมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับคลื่นน้ำในทะเลที่กำลังเจอพายุ
ลำตัวของผมกระตุกเกร็งเบาเบาก่อนจะกอดรัดพี่ธาราแน่น ทั้งที่ร่างกายยังถูกสอดใส่เข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
แสงจันทร์เหลืองนวลยังคงสาดส่องมาที่เราสองคนแม้ว่ามันจะเคลื่อนที่จนเกือบจะตรงหัวของเรา
เสียงร้องครวญครางของผมก็ยังคงดังแว่วทั้งที่รู้สึกเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ดูเหมือนว่าพี่ธารายังคงไม่พอสำหรับมัน
กายที่แข็งขืนสอดเข้ามาภายใน ครั้งแล้วครั้งเล่า ใบหน้าของเขาซบลงที่ลำคอของผม พร้อมกับเสียงครางคำรามอย่างพึงใจ
ความบ้าคลั่งในอารมณ์ของพี่ธารายังไม่ยอมจบสิ้น ร่างกายของเขายังคงขยับเข้าออกอยู่ภายในร่างกายของผมเรื่อยๆ
จนผมถูกช่วยให้เติมเต็มจนล้นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะ พะ พี่ธารา ผะ ผมไม่ไหวแล้ว อึก ผะ ผม ฮึก พอแล้ว”
ผมทั้งร้องขอทั้งคราญครางไปพร้อมๆกัน
“อะ อือ อย่าหนีข้าไปอีก”พี่ธารากระซิบข้างหู
“อือ”ผมตอบรับ เพราะถึงยังไง ผมก็หนีเขาไปไม่พ้นอยู่ดี
“ข้า….”
พี่ธาราเหมือนจะพูดแต่ก็เงียบไป ร่างกายของเขาเริ่มเกร็งและขยับเร็วรัวกว่าเก่า เหมือนพายุที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง
ก่อนจะสิ้นสุด
“ข้า…รัก…”
ถึงคำพูดของเขามันจะแผ่วเบาคล้ายกับสายลมที่พัดผ่าน
“เจ้า…”
แต่ผมก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
“อย่าหนีข้า….ไปอีก”
พี่ธารากระแทกกายเข้ามาอย่างรุนแรง พร้อมกับความกระสันของผมที่กำลังจะล้นเอ่อออกมาอีกครั้ง
น้ำในสระขยับไปมาจนล้นขอบสระในขณะที่เราสองคนกำลังขยับกายสอดประสานเข้าหากัน
น่าแปลกที่รอบนี้ผมกลับเต็มใจที่จะโอบกอดพี่ธารา หัวใจของผมกลับสุขล้นราวกับถูกเติมเต็ม ในที่สุดมันก็ล้นเอ่อออกมาอีกครั้ง ตามด้วยเสียงหอบหายใจของผมที่ดังขึ้นตามมาติดๆ
แรงโหมกระหน่ำของพี่ธารายังคงส่งเข้ามาในร่างกายจนครั้งสุดท้ายที่พายุได้สิ้นสุดลง พร้อมกับน้ำอุ่นจนร้อนถูกสาดเข้ามาข้างในกายผมจนผมรู้สึกอุ่นวาบอยู่ข้างใน
ใบหน้าของผมแดงก่ำทันทีที่รับรู้ว่ามันคืออะไร พี่ธาราหยุดนิ่งแล้วกอดผมเอาไว้พร้อมกับลมหายใจถี่รัวเป่ารดใบหูผม
“ข้าขอร้อง อย่าหนีข้าไปอีก ได้หรือไม่”พี่ธารากระซิบพร้อมกับจูบซับลงที่ข้างหู
“อะ อือ”ผมก้มหน้าพยักหน้าเบาเบา
ใบหน้าของผมรู้สึกว่าร้อนวาบอย่างบอกไม่ถูกที่พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเราพึ่งจะทำอะไรกันในสระน้ำนี่
“สัญญากับข้าได้หรือไม่ มณีของข้า”พี่ธาราก้มหน้าลงมาแล้วมองผมด้วยดวงตาที่อ่อนลงจากเมื่อครู่
“อือ อะ ออกไป ได้แล้ว”ผมตอบไป ทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ
ร่างกายของพี่ธารา ร่างกายของพี่ธารายังคงค้างคาอยู่ภายในร่างกายของผม ความอุ่นร้อนมันไหล่เวียนอยู่ด้านในจนรู้สึกว่า
มันทั้งชื้นและแฉะ
“สัญญากับข้าได้หรือไม่ คู่ครองของข้า”
“อะ อะไรนะ คู่ครอง?”ผมเงยหน้าถามอย่างแปลกใจกับไอ้คำว่าคู่ครอง นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
“ใช่คู่ครอง เมื่อใดที่ร่วมรักในคืนจันทร์เพ็ญ จักถือว่าเป็นคู่ครองซึ่งกันกัน ชีวิตจะผูกติดกันตลอดไป”เขาตอบแล้วยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
หมายความว่าไง เมื่อกี้ยังไม่ใช่อย่างนี้เลย
ทำไมถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างนี้ล่ะ
“มะ หมายความว่าไง งั้น พี่ก็จะตายตามผมอะดิ เวลาที่ผมตายน่ะ ไม่ได้นะ พี่มีอายุยาวนานกว่าผม จะมาตายพร้อมผมได้ไง”ผมโวยวาย
“ข้าไม่อยากอยู่อย่างเดียวดายอีกคราหากไร้สิ้นเงาของเจ้า”
คำพูดของพี่ธาราทำเอาผมอายยิ่งกว่าเก่า นี่เขาเรียกว่าสารภาพรักใช่ไหม แล้วทำไมก่อนหน้าเขาถึงไม่ยอมบอกกับผมล่ะ
“ทำไมก่อนหน้าพี่ไม่ยอมบอกผม”
“ข้ารู้สึกละอายต่อเจ้า ที่ทำให้เจ้าผิดต่อจารีต ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้”
นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาไม่ยอมตอบรับพระอภัยมณีในชาติที่แล้วและผมในชาตินี้สินะ
“แล้วทำไมพี่ถึงยอมบอกผมล่ะ”ผมถามพลางเบือนหน้าหนีริมฝีปากของเขาที่ฉกจูบแก้มผมอีกรอบ
“ข้าทนต่อไปไม่ได้ ถ้าหากจะเสียเจ้าไปอีกครั้ง แล้วเจ้าเล่ามณี คิดอย่างไรกับข้า”เขาถามทั้งที่จมูกยังคลอเคลียอยู่บนพวง
แก้ม
“มะ ไม่ได้คิด สักหน่อย”ผมตอบไป เรื่องอะไรจะยอมบอกง่ายๆ
ทีเขากว่าจะบอกผมก็เล่นซะผมเสียหายไปหลายรอบ
“เจ้าอายข้าเช่นนั้นหรือ”พี่ธาราจ้องตาผมทำให้ผมหลบตาวูบหลุบตาลงมองผืนน้ำที่เต็มไปด้วยดอกมะลิ
“มะ ไม่ได้อาย”
“แล้วใยเจ้าจึงไม่บอกข้าเล่า ว่ารู้สึกเช่นไรกับข้า”
“ไม่บอก ไม่อยากบอก”ผมเบือนหน้าหนีแล้วยกมือขึ้นกอดอก
“ก็ได้ งั้นข้าจักทำให้เจ้าสารภาพเอง”สิ้นเสียงพี่ธาราก็ยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
พี่ธาราช้อนแขนเข้ากับข้อพับขาของผมแล้วยกมันขึ้น ทำเอาผมกอดคอเขาแทบไม่ทันเพราะกลัวตก
“ทะ ทำอะไรน่ะ”ผมถามทั้งหน้าแดงก่ำ
พี่ธาราลุกขึ้นยืนทั้งที่ส่วนนั้นของเรายังเชื่อมติดกันอยู่ กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังถูกอุ้มและกอดคอพี่ธาราอยู่ โดยที่กายของเขายังฝังอยู่ข้างในร่างกายของผม
และดูเหมือนว่ามันจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งจนผมรู้สึกแน่นข้างในไปหมด
“ซ้ำอีกครั้งเผื่อไม่ติด ข้าเกรงว่าสินธุ์สมุทรจักไม่ได้มาเกิดใหม่”
พูดจบ พี่ธาราก็อุ้มผมเข้าไปด้านในแล้ววางลงบนเตียง
“ดะ เดี๋ยว มะ ไม่เอาแล้ว พอแล้ว ตะติดแล้ว”ผมพูดไป ทั้งที่ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าจะท้องอย่างที่พี่ธาราบอกได้หรือไม่
แต่ตอนนี้ผมได้แต่ยอมให้พี่ธาราขยับกายเข้ามาในตัวอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อไรจะได้นอน ถึงแม้พระจันทร์เคลื่อนผ่านหัวเราไปไกลมากแล้วก็ตาม
==================================================================
ไม่รู้จะดีพอไหม ไม่ค่อยถนัดฉากมโนเลย
ขาดเหลือตรงไหนติชมเอาเน้อ เขิลๆยังไงไม่รุ พยายามใช้คำไม่ลามก ไม่รู้ว่าเปลี่ยนอารมณ์ไวไปไหม
กะจะให้ออกมาแบบ ง้อกันในมุ้ง ประมาณนั้น