24364

ครั้งที่ 18.2 ของต่างหน้า
ดวงจันทร์กลมโตได้เคลื่อนคล้อยไปเมื่อยามเย็นล่วงลับ เสียงลมทะเลดังแว่วคลอกับเสียงคลื่นน้ำกระทบฝั่งทราย
ร่างกายไร้อาภรณ์สั่นเทาเมื่อผ้าห่มผืนหนาถูกดึงออกจากกาย เรือนร่างขาวโพลนสะอาดตาปรากฏสู่สายตานิ่งเฉยของชายหนุ่ม
เขายกยิ้มและมองร่างกายที่แสนจะเย้ายวนตรงหน้าอย่างพึงใจ
หางที่ปรกคลุมด้วยเกร็ดสีสวยนั้นว่าสวยจนไม่อาจละสายตาแล้ว แต่เรียวขาเนียนนุ่มนี้กลับตรึงตาตรึงใจเขายิ่งกว่า
“อะ อย่าแตะข้านะ”เงือกหนุ่มชักขาหนีมือหนาที่กำลังจะแตะปลายเท้า
“ทำไมฉันถึงแตะนายไม่ได้ล่ะ”ศรีสุวรรณนั่งลงที่ปลายเตียง ทิ้งให้ร่างเปลือยของเงือกหนุ่มถอยกายไปชิดฝั่งหัวเตียงอย่างหวาดกลัวทั้งที่มือทั้งสองถูกมัดเอาไว้
“คืนนี้เป็นคืนเพ็ญ ข้าไม่อยากให้ใครแตะต้องกายข้า ได้โปรด ปล่อยข้าไปเถอะนะท่านศรีสุวรรณ”เงือกหนุ่มอ้อนวอน
“ฉันมีความคิดอะไรดีดีแล้วล่ะ”
“อย่าเข้ามานะ ข้าขอร้อง ได้โปรด”เงือกหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นลงมา
“เรียกฉันว่าพี่วรรณสิ”ชายหนุ่มบอกก่อนจะแตะมือเข้าที่ใบหน้าสวยได้รูป
“แต่ข้าอายุมากกว่าท่าน”
“จริงอยู่ที่นายอายุมากกว่าฉัน แต่เรื่องความไร้เดียงสานั้นนายอ่อนกว่าเห็นๆ เรียกสิ บางดีฉันอาจจะใจดีกับนาย”
“พะ พี่วรรณ”เสียงหวานเอ่ยเบาหูทำให้เขายิ้มอย่างพอใจ ดวงตาสีน้ำทะเลรื้นไปด้วยน้ำใสช้อนตามองมาที่เขาอย่าง
อ้อนวอน
แต่เขากลับคิดว่ามันเป็นการชักชวนซะมากกว่า
ร่างสูงใหญ่หยัดกายขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ระเบียงทิ้งให้เงือกหนุ่มมองตามอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านจะทำอะไรน่ะ”เงือกหนุ่มตาโตเมื่อม่านสีดำทึบนั้นถูกรูดเปิดออกเผยให้แสงจันทร์เหลืองนวลค่อยๆสาดเข้ามาในห้อง
“ฉันบอกให้นายเรียกฉันว่าอะไร หือ? หรือนายจำไม่ได้”เขาหันไปถามทั้งที่ยังไม่หยุดรูดม่านสีทึบปิดออกเรื่อยๆอย่างเบามือ
ร่างกายบางราวกับจะแตกหักเอาง่ายๆถดกายหนีแสงจันทร์จนชิดริมผนัง แสงจันทร์ค่อยๆสาดเข้ามาในห้องมากขึ้นจนเกือบจะแตกที่ปลายเท้าของเงือกหนุ่ม
“ได้โปรด อย่าเปิดมันเลย ข้าขอร้อง จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ ข้ายอมท่านทุกอย่าง”เงือกหนุ่มอ้อนวอน
“ทุกอย่างจริงหรือ?”ศรีสุวรรณหันไปถาม
“ข้ายอมทำให้ท่านทุกอย่าง พี่วรรณ ขอเพียงแต่ท่านจะช่วยปิดม่านนั่นลงก็พอ”
“แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”พูดจบ ม่านสำดำสนิทก็ถูกรูดเปิดจนสุดทำให้ทั่วห้องอบอวลไปด้วยแสงจันทร์เหลืองนวลที่สาดเข้ามา
ดวงตาคมกริบจ้องมองร่างผุดผ่องต้องกับแสงนวลของดวงจันทร์อย่างจดจ่อ
เรียวปากบากฉ่ำขมเม้มเข้าหากันแน่น เรือนผมสีดำค่อยๆกลายเป็นสีดอกเลาอ่อนลงจนเห็นได้ชัด ดวงตาสีน้ำทะเลทอประกายเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีฟ้าอมเขียวเข้ม
เรียวขายาวขดเข้าหาลำตัวแล้วจิกลงกับฟูกนอนแน่น ร่างกายเปลือยคู่เข้าหาแล้วกอดตัวเองอย่างหวาดกลัวทั้งใบหน้าแดงก่ำ
“ใจ ร้าย”น้ำเสียงต่อว่าเบาราวกับสายลมทั้งที่ดวงตาคู่นั้นกำลังสั่นระริก
แก่นกายสีหวานกำลังตั้งชันขึ้นมาเรียกให้สายตาคมจ้องมองมันอย่างไม่วางตาทั้งที่เงือกหนุ่มพยายามปิดบังมันเอาไว้
“พี่วรรณ ท่านช่างใจร้ายกับข้ายิ่งนัก”น้ำเสียงตัดพ้อยังคงดังแว่วทั้งที่มันแหบพร่า
กายเล็กกว่ากำลังสั่นระริกจ้องมองกายสูงใหญ่ย่างกายเข้าไปหา
ดวงตาสีสวยหรี่ปรือราวกับกำลังเชิญชวนโดยไม่รู้ตัว
“นายต่างหากที่ใจร้าย ปล่อยให้ฉันตามหาเงือกอย่างนายเหมือนกับคนเป็นบ้า”
“อย่าเข้ามาใกล้ข้า ข้าขอร้อง”เงือกหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ปลายเท้าถูกมือร้อนแตะอย่างเบามือ
ครั้นใจอยากจะชักเท้าหนี แต่ร่างกายนั้นกลับดื้อดึงไม่ฟังตามที่ใจสั่ง
“พี่วรรณ ออกห่างจากตัวข้าเถิด ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”
ร่างกายไร้อาภรณ์สั่นระริก ช้อนตามองชายหนุ่มอย่างเชื้อเชิญ
“ไม่นึกว่าแสงจันทร์จะทำให้เงือกเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”เขาพูดเสียงเบาพร้อมกับเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมยาวสีดอกเลา
อย่างมือ
มือใหญ่ลากมือผ่านมาที่ใบหน้าแดงเรื่องก่อนจะช้อนใบหน้านั้นให้เงยมองตอบ
“อย่าแตะตัวข้า”ถึงจะพูดอย่างนั้นดวงตาสีสวยนั้นก็ทอดมองตอบอีกทั้งยังไร้ท่าทีขัดขืนหรือผลักไสร่างที่กำลังโถมกาย
ทาบทับ
ความพิศวาสทางกายกำลังครอบงำจิตใต้สำนึกให้ไร้สติ มือเรียวขาวยกมือขึ้นทาบลงบนโครงหน้าหล่อเหลา
ดวงตาสีฟ้าเข้มมองใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อหลายร้อยปีก่อนอย่างพินิจ ใบหน้าที่เขาตกหลุมรักแต่แรกเห็น
ริมฝีปากหนาเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะทาบลงบนริมฝีปากฉ่ำ เรียวปากบางถูกคลึงเคล้าด้วยลิ้นร้อนราวกับเล็กนาบไฟแล้ว
ถูกบังคับให้กลืนมันเข้าไปหยอกเย้าอยู่ภายใน
“อื้อ”ร่างกายสั่นระริกเมื่อแผ่นอกเรียบตึงที่แสนจะเย็นชืดถูกคลึงเคล้าด้วยมือร้อนผ่าว
“ได้โปรด หยุดเถิด”ถึงจะร้องขอ อ้อนวอนให้หยุด แต่กายกับตอบรับแรงปรารถนาที่ถูกมอบให้
มือที่ถูกมัดรวบเอาไว้วางทาบลงบนอกแกร่ง ขาทั้งสองถูกจับให้อ้ารับร่างกายที่ใหญ่โตเคลื่อนเข้าไปสอดแทรก
รสจูบหวานล้ำถูกมอบให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตใจที่รุ่มร้อนพยายามหักห้ามสั่งให้กายนั้นขัดขืน
หากแต่กายนั้นไม่ยอมฟัง กลับตอบรับถูกสัมผัสที่ทาบทับผ่านผิวเนื้อร้อนผ่าว
“ได้โปรดเถิด หากทำเช่นนี้ชั่วชีวิตนี้ข้าคงจะขาดท่านไม่ได้แน่”เงือกหนุ่มเบือนหน้าหนีทั้งอ้อนวอนทั้งร้องขอ แต่มือร้อน
นั้นยังไม่หยุดลูบไล้ไปทั้งกายขาวมุก
“แน่นอน นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ การมีเซ็กในคืนพระจันทร์เต็มดวง สำหรับเงือกคงจะเป็นเหมือนกับการแต่งงานสินะ”ศรีสุวรรณยกยิ้มก่อนจะกดจูบลงบนขมับเนียน
“ในเมื่อท่านรู้แล้ว เหตุใดท่านจึงรังแกข้าเช่นนี้ ท่านต้องการจะกลั่นแกล้งข้าเช่นนั้นหรือ”
“ฉันไม่ต้องการจะแกล้งนาย หรือรังแกอะไรนายทั้งนั้น ที่ฉันต้องการคือตรงนี้ หัวใจของนาย”พูดจบ นิ้วเรียวยาวก็ชี้ลงบน
อกเรียบตึงข้างซ้ายเป็นการย้ำเตือนในสิ่งที่พูดออกไป
“เหตุใดกัน ข้าไม่เข้าใจ”เงือกหนุ่มส่ายหน้าทั้งน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นแล้วตกผลึกเป็นพลอยเม็ดงาม ล่วงหล่นลงลนผืนเตียง
“อีกหน่อย นายก็จะเข้าใจเอง”
จบคำพูดมือใหญ่ก็ผลักให้ร่างกายของเงือกหนุ่มนั้นนอนราบลงกับพื้นเตียง เรียวขายาวถูกจับอ้าออกจนกว้างเผยให้เห็น
แก่นกายสั่นระริกอีกทั้งยังช่องทางสีหวานสวยที่กำลังตอดรัดอย่างเชิญชวน
ศรีสุวรรณถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกโดยใช้เวลาอันน้อยนิดก่อนจะแทรกกายทาบทับลงบนลำตัวบอบบางของอีกฝ่าย
ผิวเนื้อร้อนทาบเอาลงบนผิวกายเย็นเฉียบผสานอุณหภูมิของกันและกัน
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว นายไม่จำเป็นต้องร้องไห้”มือร้อนเกลี่ยลงที่ดวงตากลมสีสวย
“ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดท่านถึงต้องทำเช่นนี้ ท่านรังแกข้า”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้รังแก”
“แล้วเช่นใดเล่า ท่านเองก็รู้ว่าการร่วมรักในคืนเพ็ญนั้นสำคัญกับข้ามาก ท่านยังจะ”ยังไม่จบคำพูดตัดพ้อ นิ้วเรียวยาวก็จรด
ลงที่ริมฝีปากเรียวบางเพื่อหยุดคำพูด
“หยุดพูดได้แล้ว นายเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วไม่ใช่รึยังไง”
เขาพูดพร้อมกับเลื่อนมือไปเคล้าคลึงร่างกายเล็กที่กำลังชูชันเรียกร้องความสนใจของเงือกหนุ่ม
“อา ได้โปรด หากท่านไม่คิดใยดีต่อข้าท่านก็หยุดเถิด ปล่อยให้ข้าอยู่ลำพัง”มือเล็กพยายามดันเอาเขาออกทั้งที่แก่นกาย
มันกำลังกระตุกรับกับมือของเขาที่กำลังหยอกล้อ
ร่างกายบอบบางบิดกายแอ่นเข้าหาร่างของเขาอย่างยั่วยวน เรียวฟันขบเม้มเข้าที่ริมฝีปากฉ่ำทั้งที่ใบหน้านั้นแดงเรื่ออย่างเขินอาย
“อย่าเอาแต่คิดไปเอง”เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูทั้งซุกไซร้ที่ลำคอขาว
มือหนาขยับรั้งรูดเอากายเล็กกระตุกครั้งแล้วครั้งเล่า เอวบางหยัดกายเข้าหาอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับเสียงร้องอ้อนวอน
หวานหูดังแผ่วเบา
“พี่วรรณ ข้าจะไม่ไหวแล้ว ได้โปรดช่วยข้าที”กลับกลายเป็นความต้องการที่ชนะหัวใจที่ต่อต้าน
น้ำอุ่นร้อนถูกปล่อยออกมาเต็มมือหนาทำให้ศรีสุวรรณยกยิ้มอย่างพึงใจ เงยหน้ามองใบหน้าแดงก่ำที่มองมาอย่างเขินอาย
“ท่านมันใจร้าย”เงือกหนุ่มตัดพ้อทั้งยังครางเสียงแผ่ว
“แต่นายก็ชอบไม่ใช่รึไง”เขายิ้มพร้อมกับเค้นคลึงน้ำอุ่นร้อนนั้นป้ายลงบนช่องทางสีหวาน
“พะ พี่วรรณ ข้า ไม่อยากทำเช่นนี้”ถึงจะร้องห้ามแต่เรียวขากลับอ้ารับให้มือใหญ่สัมผัสได้เต็มที่
“ฉันจะรับผิดชอบเอง”
“แต่ข้าเป็นเงือก ท่านเป็นมนุษย์”
“น้องชายฉันกับธารายังไม่เห็นมีปัญหาอะไร”นั่นคือความจริงที่เขาพึ่งจะรับรู้มาเมื่อไม่นานนี้
“ท่านมันเจ้าเล่ห์ ฮึก ข้า อือ”เสียงหวานครางเบาเมื่อนิ้วยาวสอดเข้าไปในร่างกายทำให้กายนั้นบิดเร่า
ความวาบหวามที่เกิดขึ้นทำให้ร่างกายมันแทบจะทนไม่ไหว
“อา พี่วรรณ ข้า ฮึก ได้โปรด ช่วยข้าที ข้ารู้สึกทรมานเหลือเกิน”มือทั้งสองที่ถูกรวบจิกเข้าที่แผงอกอย่างอดกลั้น
แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทำให้ความปรารถนาในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวจนไม่อาจต้านทาน
เรียวขายาวอ้าออกกว้างให้ปลายนิ้วร้อนสอดเข้ามาในช่องทางรักเยิ้มฉ่ำ จากหนึ่งกลายเป็นสอง และกลายเป็นสาม
ความแข็งขืนของถูกส่งเข้าออกเพื่อความคุ้นชิน จนภายในตอดรัดมันและคลายตัวออกเมื่อคุ้นเคยดี
“ฉันจะเข้าไปแล้วนะ”เสียงทุ้มกระซิบข้างหูอย่างปลอบโยนพร้อมกับนิ้วร้อนที่ถูกดึงออกมา
เขาโน้มเข้าไปหาก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากบางเรื่ออีกครั้งคล้ายกำลังปลอบโยน กายแข็งขืนและร้อนผ่าวถูกจดจ่อเข้าที่
ช่องทางร้อนอย่างเอาแต่ใจ
“ฮึก พี่วรรณ ข้าแทบทนไม่ไหวแล้ว ได้โปรดช่วยข้าที”
สิ้นคำอ้อนวอน กายแข็งแรงก็หยัดกายเข้าไปในช่องทางเย็นเฉียบ ความร้อนที่แทบจะเผาไหม้แผ่ซ่านอยู่ภายในช่องทาง
อ่อนนุ่ม
“ฮึก ได้โปรด รักข้าที มอบความรักของท่านเข้ามาในตัวข้า”
เงือกหนุ่มวอนขอ ร่างสูงใหญ่ขยับกายเข้าออกในช่องทางอ่อนนุ่มอย่างเบามือก่อนจะเร่งเร้าจนเสียงครางหวานหูดังก้อง
วันเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไวเสมอ ดวงจันทร์กลมโตลับขอบฟ้า ขนานกับดวงอาทิตย์แดงเพลิงที่กำลังโผล่พ้นในทิศ
ตรงข้าม
แสงสว่างยามเช้าส่องผ่านเข้ามาทางระเบียงปลุกให้ร่างที่พึ่งจะหลับไปลืมตาขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย อีกทั่งร่างกายยัง
ปวดร้าวราวกับร่างทั้งร่างแตกออกเป็นเสี่ยง
ดวงตาสีสวกระพริบปรือตามองไปยังรอบๆบ่งบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นไม่ใช่ความฝัน
“ช่างใจร้ายนัก”เงือกหนุ่มพึมพำอย่าปวดใจมือทั้งสองข้างถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ขาที่งอกออกมานั้นเริ่มมีเรี่ยวแรงพอที่จะ
ลุกเดินได้
เงือกหนุ่มคว้าเอาผ้าห่มผืนเล็กที่วางอยู่ปลายเตียงขึ้นคลุมกาย
แสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทาบทับร่างกายเมื่อราตรีที่ผ่านมานั้นทำเอาเขาแทบจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
เงือกหนุ่มมองใบหน้าของคนใจร้ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกมาอย่างเบาฝีเท้า
เขาคงจะอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้ไม่ได้ หากพ้นอีกคืนเพ็ญ หางก็จะไม่กลับคืนมา
ร่างโปร่งบางเดินออกมายังชายหาดด้วยเรี่ยวแรงที่อ่อนลงไปมาก
เรียวขายาวแตะลงบนผืนน้ำที่สาดเข้ากระทบฝั่ง
ไม่นานเรียวขานั้นก็กลับกลายเป็นหางสีสวยก่อนร่างกายของเงือกหนุ่มจะหายลับไปกับเกลียวคลื่นทิ้งเอาไว้เพียงเม็ด
พลอยสีฟ้าสวยเกยอยู่ริมหาดทราย
======================================================================ให้เดาว่าชลาสินธุท้องไม่ท้อง กลายเป็นเจ้าสาวคืนเดียวไปซะแล้ว
แล้วคราวนี้พี่วรรณจะเอาไงล่ะ เอ้อ ขอโทษที่หายไปยาววววนะจร้าาาาา
รีบมาลงให้จบตอนไป บัดเดี๋ยวคนอ่านสิลืมเอา ยอมรับว่าไม่ถนัดฉากแบบนี้เอาซะเลย
เลยเอามาแค่พอสุภาพ? ไม่หวือหวา เนอะ จะพยายามไม่หายไปนานเนอะ