31213
ครั้งที่ 22 ปรับตัว หลังจากคืนพระจันทร์เต็มดวงที่แสนโหดร้ายของเงือกหนุ่ม เขากลับเข้ามาภายในถ้ำใต้ทะเลลึกที่อยู่ด้านล่างของตัวเกาะด้วยหัวใจที่แตกร้าว
ได้แต่ขังตัวเองเอาไว้ภายในนั้นจนไม่รู้คืนรู้วัน แม้ว่าหัวใจนั้นจะโหยหาให้กลับไปตามที่ส่วนลึกของหัวใจเรียกร้องเพียงใด แต่ความคิดนั้นกลับปฏิเสธมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
เขาหวาดกลัวความรักที่ฉาบฉวยของมนุษย์ ไม่สิ เขาไม่รู้ว่ามนุษย์หนุ่มผู้นั้นรักเขาบ้างหรือไม่
“ชลาสินธุ์ ใจคอเจ้าจะไม่ออกไปภายนอกถ้ำหน่อยรึ แม่เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้แม่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน”
“ข้าไม่เป็นไรหรอกท่านแม่ ขาเพียงแต่อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากออกกไปเที่ยวเล่นเหมือนแต่ก่อน”
เพราะว่าการเจอมนุษย์หนุ่มรูปงามคนนั้นล้วนแล้วแต่มาจากการเที่ยวเล่นของเขาทั้งนั้น
“แม่รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไร แต่การที่เจ้าจะมาอุดอู้อยู่เช่นนี้หาได้ดีแต่ตัวเจ้าไม่ และการที่เจ้าหนีมานั้นมันเป็นการผิดต่อคู่ของ
เจ้า”เงือกผู้แม่กล่าวเตือน
เมื่อรุ่งสางหลังจากคืนเพ็ญ ลูกชายได้กลับมาพร้อมกับสภาพที่โรยแรงและเกร็ดหางสีอ่อนที่เกิดใหม่นั้นก็รู้ได้ทันทีว่าลูกนั้นได้
ขึ้นไปบนผืนแผ่นดิน
การที่ไม่ได้กลับมาในคืนวันเพ็ญนั้นย่อมหมายความว่าได้มีการเลือกคู่แล้วเป็นแน่
หากแต่เมื่อไถ่ถามจึงได้รู้ว่าผู้ที่เป็นคู่ชีวิตของลูกชายนั้นเป็นมนุษย์ มิหนำซ้ำยังเป็นบุรุษ
“ท่านแม่…ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดเช่นไรกับข้า ข้ากลัวว่าเขาคิดกับข้าเพียงแค่เรื่องใคร่มิใช่เรื่องรัก”ชลาสินธุ์บอกด้วยน้ำเสียงที่
แผ่วเบาพลางซบหน้าลงกับโขนหิน
“เจ้ามิรู้ว่าเขาคิดเช่นไร แล้วเหตุใดเจ้าถึงรีบด่วนตัดสินใจในตัวเขา บางทีเจ้าควรจะไถ่ถามเขาให้ได้ความมิใช่หนีมาเช่นนี้”
“แต่ท่านแม่บอกว่ามนุษย์นั้นไม่น่าเชื่อถือน้ำใจ ข้ากลัวเหลือเกินท่านแม่”
“แม่รู้ว่าเขารักลูกของแม่ เขาต้องรักลูกของแม่แน่นอน”เงือกรุ่นแม่ว่ายน้ำเข้าไปใกล้แล้วลูบหัวลูกของตนอย่างแผ่วเบา
“ท่านแม่จะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อข้าเองยังไม่รู้”
“แม่รู้สิ แม่เห็นเขามานั่งรอเจ้าบนก้อนหินนั่นทุกวัน หากเจ้าไม่เชื่อแม่เจ้าก็ลองขึ้นไปดูสิ เขาคงยังนั่งรอเจ้าอยู่”
“นั่งรอข้ารึ? ทุกวันเลยรึท่านแม่”
“ใช่ แม่กับพ่อเจ้าเห็นเขามานั่งรอเจ้าทุกวันจนอาทิตย์อัสดง”
“เขามารอข้าทุกวันเช่นนั้นหรือ ขะ ข้า”เงือกหนุ่มเบือนหน้าหนี
หัวใจดวงเล็กเต้นระรัวคล้ายกับมีน้ำหล่อเลี้ยงถูกรดรินให้หัวใจนั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ไปเถิด อย่างน้อยก็เห็นแก่ลูกของเจ้าที่กำลังจะเกิดมา”
“แต่ว่า..ท่านแม่ไม่กลัวเขาหรือที่เขาเป็นมนุษย์”
“จะกลัวไปทำไมเล่าในเมื่อเขาเป็นคู่ของเจ้า ใครที่เจ้ารักแม่ก็รักไม่แตกต่าง"
“งั้น ข้าจะไปพบเขา”
==================================================================
ผ่านไปได้หลายวันหลังจากที่พี่ธารอาการดีขึ้น แต่ผมก็ยังคงช็อคกับเรื่องที่บอกว่าผมท้องไม่หาย
ที่สำคัญไม่ใช่ท้องแบบธรรมดา แต่ดันท้องลูกแฝดซะด้วย
ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมท้องได้ยังไง ทั้งที่มั่นใจอยู่เต็มอกว่าไม่ท้องแน่
อดคิดไม่ได้ว่าของพี่ธาราเขาดีจริงๆ ผู้ชายอย่างผมถึงได้ท้องได้อย่างนี้
อยากบ้าบ้าตายถ้าไม่ติดว่าจะพาลูกๆ?ไปตายด้วย
นี่ผมควรทำยังไงดีกับเจ้าเปี๊ยกครึ่งยักษ์ครึ่งมนุษย์ที่กำลังจะเกิดมา แล้วยังจะพ่อกับแม่อีก
ผมไม่รู้เลยว่าจะบอกพวกท่านว่ายังไง จะให้บอกว่าพ่อแม่ มณีท้อง นั่นมันก็ตรงเกินไป ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด
ผมเดินวนอยู่ภายในห้องนอนของตัวเอง พอยิ่งเดินก็ยิ่งหิว พอหิวแล้วก็ยิ่งกิน
ไม่รู้ว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี แล้วยังจะสัญญาที่ถูกมัดมือชกให้เซ็นอีกซึ่งผมยังไม่รู้จะหาโอกาสไหนไปบอกพี่ธาราดี
หากพี่ธารารู้คงจะโกระและรู้สึกผิดแน่ที่ผมตัดสินใจเซ็นสัญญานั่นไป
อีกอย่างหลายวันก่อนหน้าคุณวาลีได้ติดต่อมาทางพ่อว่าต้องการให้ผมถ่ายโฆษณาการชวนเชิญท่องเที่ยว
การถ่ายทำจะถ่ายในสตูดิโอที่อยู่ในตัวเมือง จะใช้เวลาถ่ายทำเป็นเวลาสองวันซึ่งเป็นวันเสาร์อาทิตย์ไม่กระทบเวลาเรียนของผม
ตามที่เขาตกลงไว้กับพ่อ
และก็เป็นโชคดีของผมที่สามารถยืดเวลาในการสารภาพบาปกับพี่ธาราออกไปอีกเมื่อพี่ธารามีรายงานกลุ่มที่จะต้องทำกับเพื่อนๆ
จึงไม่ได้มีเวลามาคอยเฝ้าผมเป็นยักษ์หวงไข่ในสองวันหยุดที่จะถึง
ผมเดินลงมาชั้นล่างของตัวบ้านที่ก็เจอเข้ากับพ่อและแม่กำลังดูละครหลังข่าว
“อ้าว ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอนอีกลูกคนนี้ วันพรุ่งนี้จะต้องไปแต่เช้าไม่ใช่รึไง”
“มณีหิว เลยกะว่าจะมาหาอะไรกินน่ะแม่”ผมตอบก่อนจะเดินเข้าครัวไป
เชื่อเลยว่าในท้องนี่ลูกยักษ์จริงๆ แถมยังมีถึงสอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงกัน กัน และก็กินเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้
กล่องปลาแซลมอนสดถูกดึงออกมาจากตู้เย็น เป็นของโปรดที่ไม่รู้ว่าโปรดผมหรือโปรดเจ้าตัวเล็กๆที่อยู่ในท้อง
ตู้เย็นที่ปกติเต็มอยู่แล้วยิ่งถูกอีกไปด้วยของหวานและของสดมากมายด้วยอภินันทนาการจากว่าที่คุณพ่อที่เอาใจใส่ผมจนผม
รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
“กินอีกแล้วเหรอ แม่จำได้ว่าก่อนหน้านี้ก็หยิบขึ้นไปบนห้องกล่องหนึ่งนี่ ทำไมช่วงนี้กินเยอะใหญ่ล่ะ เจ้าลูกคนนี้ เดี่ยวก็ได้อ้วน
เป็นหมูเค้าได้ยกเลิกสัญญาเอา”แม่บ่นเมื่อเห็นผมเดินถือกล่องไปทิ้งตัวลงนั่งตรงโซฟาข้างๆ
“ไม่อ้วนหรอกน่า มณีกินแค่นี้เอง”
“แค่นี้อะไรกัน เดี่ยวนี้ชักกินเยอะใหญ่ เดือดร้อนพี่ธาราเขาซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ จะมีใครดีเท่าพ่อธาราไม่มีอีกแล้ว แม่ล่ะเกรงใจพ่อ
ธาราเขาจริงๆ”
“เกรงใจอะไรกันล่ะแม่”ที่กินเยอะก็เพราะพี่รานั่นแหละที่เสกเด็กเข้าท้องผมถึงสองคน
ว่าแล้วก็จิ้มชิ้นแซลมอนสดชิ้นโตเข้าปาก
“ระวังเถอะอ้วนขึ้นมาแล้วโดนพี่เขาทิ้งแม่ไม่รู้ด้วยล่ะ”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อ้วน แม่ก็ขี้บ่น พ่อไม่รำคาญแม่บ้างรึไง”ชักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วสิ
สงสัยจะเป็นเพราะท้องแน่ๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตประจำวันของผมที่มันป่วนหนักอยู่แล้วมันจะป่วนมากไป
กว่านี้อีกแค่ไหน
“มันก็จริงอย่างที่แม่เอ็งพูด อ้วนขึ้นมาเขายกเลิกสัญญาพ่อไม่เข้าข้างเอ็งหรอกนะ”พ่อละสายตาจากทีวีมาช่วยแม่บ่นอีกแรง
เอาเข้าจริงก็อยากจะให้มันยกเลิกจะแย่อยู่แล้ว ก็ได้แต่ภาวนาว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างเขาจะเปลี่ยนใจ
“อยากให้ยกเลิกอยู่แหละ มันตั้งหนึ่งปี”ผมพึมพำพลางจิ้มชิ้นแซลมอนเข้าปากอีก
“เอาน่า มันก็ดีต่อเรา ดีต่อของที่คนรุ่นก่อนๆเขาทิ้งเอาไว้ให้ จะได้มีคนเห็นความสำคัญของมันมากขึ้นแค่นี้ก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว
เอ็งอย่าบ่นไปเลยน่า”
“ไม่บ่นก็ไม่บ่น มณีไปนอนแล้วพรุ่งนี้เจอกันนะพ่อ”ผมบอกเมื่อในกล่องนั้นมันว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่แล้ว
“รีบๆไปนอนแล้วกัน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า”
“รู้แล้วๆ อย่าสวีทกันจนดึกล่ะพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่ตื่นเอา”
แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นไล่หลังก่อนที่จะเดินเข้ามาในครัวเพื่อเอากล่องทิ้งลงถังขยะแล้วหยิบกล่องใหม่ติดมือขึ้นไปอีกกล่อง
ถ้าหากอ้วนแล้วจะทำให้สัญญาถูกยกเลิกก็อยากจะอ้วนอย่างที่พ่อกับแม่ว่าเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าคนอย่างคุณวาลีจะทำอะไรให้ผมปวดหัวอีก แค่นี้ก็มีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่วรรณจะนั่งรับลมทะเลสบายใจอยู่หรือว่าหลับไปแล้ว ทิ้งผมเอาไว้แล้วสบายอยู่คนเดียวตลอด
ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะเครียดขึ้นมาแล้วสิ หลายเรื่องหลายอย่างที่มันรุมเข้ามา อีกทั้งเรื่องอนาคตที่ยังไม่ได้วางแผน
อีก
ตอนนี้ชักรู้สึกว่าต้องการใครสักคนมาคอยฟังเรื่องทุกอย่างของผมโดยที่ผมไม่ต้องปกปิด
ผมหยิบเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ที่มีป้ายชื่อว่าอลันมากอด
ชื่อคุ้นหูนี่เดาเอาก็รู้เลยว่าเจ้าของตุ๊กตาหมีสีขาวตัวใหญ่นี่คือใคร
ของขวัญกล่องใหญ่ที่รับมาจากพี่อเลนก่อนที่เขาจะบินไปต่างประเทศภายในกล่องมีเจ้าหมีตัวใหญ่กับสร้อยพระใส่กรอบ
เรียบร้อยอยู่ด้านใน
เช้าวันรุ่งขึ้นผมมาถึงสตูดิโอในตัวเมืองด้วยสภาพที่ไม่ค่อยจะเต็มที่สักเท่าไร
การมีสิ่งชีวิตที่คอยหารพลังงานอยู่ภายในตัวมันทำให้ค่อนข้างที่จะเหนื่อยง่าย
นี่แค่เดือนเศษๆยังขนาดนี้ แล้วกว่าจะคลอดนี่จะขนาดไหนกัน
ผมกุมท้องตัวเองในขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังรุมทึ้งผมเผ้าและใบหน้าของผม
ตั้งแต่มาผมยังไม่เจอกับคุณวาลี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกเครียดอยู่ดี ผมจะทำยังไงกับสัญญางี่เง่านั้นดี
มันเหมือนเวลาของผมถูกเขาผูกมัดให้อยู่กับเขาไปแล้ว
พอเต่งหน้าเสร็จผมก็แต่งตัวและก็มานัดแนะกับตากล้องแล้วก็ทีมงานเกี่ยวกับมุมกล้อง
โชคดีที่โฆษณาค่อนข้างเน้นความเป็นธรรมชาติผมจึงไม่ต้องเกร็งและพยายามอะไรมาก
แต่รู้สึกว่ามันเหนื่อย แล้วก็เหนื่อยมากเลยทีเดียวชุดแรกจะเป็นชุดโขนพระรามได้จบไป ชุดที่สองจะเป็นชุดลิเก ทีมงานได้พาผม
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งหน้าอีกครั้ง
วันนี้การถ่ายทำจะมีเพียงผมถ่ายเพียงแค่คนเดียว แต่วันพรุ่งนี้จะมีนักแสดงอื่นมาร่วมด้วยอีกคนสองคนเพื่อให้เนื้อเรื่องนั้นดูมีมุม
มองมากขึ้น
ในระหว่างที่ผมกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นั้นเอง ร่างสูงโปร่งดูสุขุมของคนที่ผมไม่อยากเจอก็เดินเข้ามาภายใน
มันทำให้ห้องที่ดูไม่มีอะไรอึดอัดขึ้นภายในพริบตา
ผมมองเขาผ่านกระจกและเขาก็กำลังมองผมอยู่เช่นกัน ช่างแต่งหน้าและฝ่ายเสื้อผ้าต่างก็ทักทายเขาอย่างเอาอกเอาใจ ต่าง
จากผมซึ่งนิ่งเฉย มองดุเขาผ่านกระจกเพียงเท่านั้น
เขาพยักหน้าให้ทีมงานทั้งหมดที่อยู่ในห้องก่อนที่ทุกคนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ผมอยู่กับเขาตามลำพัง
“ผมนึกว่าคุณจะไม่มา”ในที่สุดผมก็เปิดปากทั้งที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจกมองดูเขาที่ยืนซ้อนผมอยู่ด้านหลังผ่านกระจกเงา
บานใหญ่
ใบหน้าของผมถูกลบจนหมดเพื่อที่จะแต่งหน้าใหม่กำลังสะท้อนอยู่ในกระจกอย่างเป็นกังวล
ผมไม่รู้ทำยังไงดี ผมไม่อยากอยู่ใกล้เขา
“ฉันต้องมาสิ ในเมื่อเธอเป็นคนที่อยู่ในการดูแลของฉัน”เขาขยับเขามาชิดพนักพิงของเก้าอี้และสบตาผมในกระจกเงา
“ครับ ผมเข้าใจ”ผมตอบเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องย้ำก็ได้
“นี่เป็นงานแรกของเธอ แต่งานต่อๆไปเธออาจจะต้องเดินทางไกล แต่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะอำนวยความสะดวกให้กับเธอเต็มที่
เท่าที่ฉันจะทำได้เลยล่ะ”
เขาพูด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจเท่ากับมือของเขาที่วางลงบนไหล่ของผม
ไหล่ที่เกือบเปลือยเพราะผมใส่เพียงเสื้อกล้ามปิดเอาไว้
“ผมว่า เรียกพี่พี่เขามาแต่งตัวดีกว่านะครับ ผมไม่อยากให้พี่พี่เขาเสร็จงานช้า”ผมว่าและเบี่ยงตัวหลบ
“นั่นสินะ เวลาของเรายังเหลืออีกเยอะ ฉันจะรอดูเธออย่างใกล้ชิดก็แล้วกัน”พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้ผมได้แต่มองตามด้วย
ความไม่ไว้วางใจกับสิ่งที่เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้
การถ่ายทำสองวันที่แสนจะน่าอึดอัดผ่านไปได้ด้วยดีผมรู้สึกโล่งใจและสบายใจมากขึ้นเมื่องานนี้จบลง อย่างน้อยงานต่อไปก็คง
ยังไม่มาในเร็ววันนี้
“เอ้ย จะกินอะไรเยอะแยะ”นนท์ทักแล้วเเย่งกล่องแซนวิสทูน่าไปจากมือผมระหว่างที่เราอ่านหนังสือเพื่อรอเข้าสองย่อยช่วงสาย
“เอามานี่น่า กินเยอะที่ไหนกัน ก็ปกติ”ผมแย่งกล่องแซนวิสคืนมาแล้วหยิบมันใส่ปากเคี้ยว
“จริงอย่างที่นนท์ว่านะมณี เราว่าแกกินเยอะไป”โมเสริม
จนผมชักเริ่มหงุดหงิดอีกแล้วจากที่อารมณ์ดีๆอยู่เมื่อครู่
“มันไม่เยอะหรอกน่าโม ทำเป็นบ่นกันไปได้”ผมบุ้ยปาก
“เอานี่ คิดว่าน่าจะชอบ”เสียงคุ้นเคยทักมาจากด้านหลังพร้อมกับยื่นถุใสที่เต็มไปด้วยขนมเค้กหลายรสชาติเกือบจะสิบชิ้นได้
เรียกให้บรรดาคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือร้องหืออย่างตกใจ
“พี่ธาราเลี้ยงดีอย่างนี้ พี่อยากมีเมียเป็นหมูเหรอไงครับ”เป็นนนท์ที่ถามไปตรงๆ
ทำให้พี่ธารายิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ใช่หมูหรอก แม่หมูต่างหาก”
แต่คำพูดของพี่ธาราทำเอาผมแทบสำลัก
ไอ้เห็นเค้กแล้วดีใจมันก็จริงอยู่ แต่ไอ้คำพูดนี่สิ ทำเอาหน้าแดงแล้วแดงอีก ถึงได้หยิกเอวหนาไปเต็มๆแรง เรื่องอะไรมาเรียกผมว่าแม่หมูกัน
“หรือไม่จริง”พี่ธาราว่าก่อนจะฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งนั้นเกือบจะแตะเอาแก้มของผมเล่นเอาเกือบหลบแทบไม่ทัน
ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้เรื่องฉวยโอกาสนี่หาใครสู้ไม่ได้เลยสักนิด
“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม”พี่ธาราถามยกมือยกไม้ขึ้นมาทาบหน้าผากผมต่อหน้าบรรดาเพื่อนๆและคนที่ผ่านไปผ่านมา
ได้หันมามองค้อนส่งสายตาประมานว่าอิจฉา
“อย่ามาทำต่อหน้าคนอื่นซี่”ผมปัดมือนั่นออกเบาเบาแล้วเบือนหน้าหนี
ต่อให้พยายามปรับตัวมากแค่ไหนแต่ใจมันก็ยังเต้นแรงอยู่ดี
ยิ่งช่วงนี้หลังจากรู้ว่าในตัวผมมีสิ่งมีชีวิตอยู่ พี่ธารายิ่งดูแลเอาใจใส่สรรหานั่นหานี่มาให้ตลอด มันทำให้ผมทั้งเขินทั้งอายไป
พร้อมๆกันที่พี่ธาราดีกับผมขนาดนี้
“อย่างกับข้าวใหม่ปลามัน”เชียรแขวะ
“อ่านหนังสือไปเถอะน่า”
“ทำเป็นหน้าแดงไปได้”
“ไม่ได้แดง แค่ร้อนต่างหาก”ผมแก้ตัว
“ร้อนรึ?”พี่ธาราขมวดคิ้วแล้วหยิบสมุดขึ้นมาพัดให้
“มะ ไม่ร้อนแล้ว”พอยิ่งถูกเอาใจใส่ก็ยิ่งอายเข้าไปอีก
ชีวิตที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปนี่เข้าใจยากจนปรับตัวไม่ทันเลยจริงๆ
แล้วผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเดือนกลายเป็นว่าตอนนี้ผมท้องได้เกือบจะสองเดือนแล้ว
คุณวาลีก็ได้ติดต่อมาทางพ่ออีกครั้งว่าให้ผมไปถ่ายโปรไฟล์เพื่อเอาไว้เสนองาน
ซึ่งมันทำให้ผมเริ่มกลับมาคิดมากอีกครั้ง ผมควรจะจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงดี ควรจะทำยังไงให้เขาถอยห่างจาดชีวิตของผม
โฆษณาเริ่มถูกปล่อยออกไปทางโลกโซเชียลทั้งมนและต่างประเทศและมันค่อนข้างจะเห็นหน้าผมชัดเจนทำให้คนอื่นๆเริ่มรู้จัก
ผมมากขึ้นและเริ่มมองมาที่ผมมากขึ้น
มันทำให้ชีวิตส่วนตัวของผมแคบลงและทำให้ผมรู้ว่านี่มันไม่ใช่ชีวิตในแบบที่ผมต้องการ
ข่าวลือและข่าวซุบซิบในวงการที่เล็กลอดออกมาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมเป็นที่รู้จักของคนในวงการมากขึ้นเพราะความใกล้ชิด
ของผมกับคุณวาลีที่เขาคิดไปเอง
มีเพียงคนรอบข้างผมเท่านั้นที่รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเพราะข้างกายผมมีพี่ธารา
ผมเดินเข้าบ้านพร้อมๆกับพี่ธาราที่เดินตามไม่ห่าง ไม่วายที่มือนั้นจะฉวยโอกาสโอบเอวผมเอาไว้ให้ผมได้มองค้อนแจกไปวงโต
“แต่เจ้าเป็นเมียข้านะ”ยักษ์ขี้ตู่หันมายิ้ม
“ปล่อย”ผมขมวดคิ้วมุ่น
“ข้าไม่ปล่อยหรอก แล้วอีกอย่างเจ้าจะให้ข้าบอกพ่อกับแม่เจ้าได้รึยัง”
“ไม่ได้นะ พี่จะบอกพ่อกับแม่ตอนนี้ไม่ได้ ผมยังไม่พร้อม”ผมรีบปฏิเสธ
“งั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน”
“อ้าวมากันแล้วเหรอ มาพอดีเลย”แม่ร้องทักมาแต่ไกล
“กลับมาแล้วเหรอ” เสียงใสไม่คุ้นหูร้องทักตามด้วยเจ้าตัวที่กระโดดมากอดคอผมแล้วชิดแก้มนั้นลงบนแก้มผมอย่างสนิทสนม
ใครกัน?
เด็กผู้ชายหน้าหวานคนนี้
ผมดันตัวเขาออกแล้วมองใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาเส้นผมสีดำสนิทยาวระต้นคอแต่อีกด้านหนึ่งถูกซอยสั้นจนเปิดให้เห็นหู จมูก
เล็กเชิดรั้นริมฝีปากบางเฉียบ
ดูจากผิวพรรณและรูปร่างหน้าตาดูยังไงก็เป็นลูกครึ่ง แล้วผมไปรู้จักเขาเอาตอนไหนล่ะเนี่ย
ผมได้แต่มองเขาตาปริบๆ
แต่เขากลับยิ้มให้ผมจนตาแทบหยี
“อะ เอ่อ”ผมได้แต่อ้ำอึ้งปรายตามองพี่ธาราที่เริ่มทำท่าทำทางหงุดหงิด
“ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงมณีจังเลย”เขาว่าแล้วทำท่าจะเข้ามากอดผมอีกรอบ
“ดะ เดี่ยวสิ”ผมดันเอาไว้ไม่ให้เขาเข้ามา
เป็นใครผมยังไม่เคยรู้จักเลย อีกทั้งการแต่งตัวแนวเกือบๆพั้งนี่อีก เท่าที่รู้มาผมไม่เคยรู้จักผู้ชายที่เป็นลูกครึ่งมาก่อนเลย
จนพี่ธาราดึงเอาตัวผมไปหลบอยู่ข้างหลังผมถึงได้หายใจหายคอได้สะดวก แล้วลอบมองคนที่จะเข้ามาจู่โจมกอดผมลูกเดียว
“ใครอะแม่”ผมหันไปถามแม่อย่างสงสัย เป็นใครก็ไม่รู้ จู่ๆก็เข้ามากอดแล้วบอกว่าไม่ได้เจอกันตั้งนาน แล้วบอกว่าคิดถึงอีก ผมได้แต่มองแขกที่ไม่ได้รับเชิญจากด้านหลังของพี่ธารา
เรื่องเก่ายังไม่จบเลย เรื่องใหม่ก็เข้ามาซะแล้ว ชีวิตผมนี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยย ยังไม่ทันจะปรับตัวได้ก็มีเรื่องเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
===================================================================
ให้ทายว่าใคร ?
แต่ไม่ใช่สุวรรณมาลีแน่นอน
แฟนเพจของโซอึนจ้า