✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✿ Wonder Lover อลวลวุ่นรัก...กลับชาติมาเกิด ✿ [ภาค1+2] 14/09/59  (อ่าน 244646 ครั้ง)

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
35743

ครั้งที่ 24 ปิดฉากหัวขโมย


   “ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปจากฉันเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด”

   
   เพล้ง!!!!!


   เสียงกระจกด้านนอกแตกทำเอาผมสะดุ้งหันไปมองทางประตูห้องที่กำลังปิดสนิท

   “เสียงอะไรน่ะ ผมคิดว่าคุณน่าจะไปดูก่อนดีกว่าไหม”

   ผมพยายามพูดชักจูงเจ้าของใบหน้าที่กำลังโน้มลงมาใกล้

   ใบหน้าของเขาดูเคร่งเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นนิ่งเฉยเหมือนไม่ใส่ใจดังเดิม

   “สิ่งเดียวที่ฉันให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้ก็คือเธอ”



   “คุณบ้าไปแล้วรึไงครับ ลุกออกไปจากตัวผมดีกว่า ก่อนที่ผมจะเรียกให้คนอื่นช่วย”

   “เธอคิดว่าแถวนี้จะมีคนผ่านมารึไง”เขายิ้มมุมปาก

   จริงอย่างที่เขาพูด บ้านริมทะเลหลังนี้ของเขาค่อนข้างจะห่างไกลจากผู้คนจนแทบไม่ค่อยมีใครผ่านมาแถวนี้

   “แต่ว่า”

   ผมคิดคำพูดไม่ออกเมื่อถูกเขาปฏิเสธ มือข้างหนึ่งของผมถูกผ้าห่มทับเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ได้แต่ดันไหล่คุณวาลีเอาไว้ไม่
ให้เข้ามาใกล้ไปกว่านี้



   ปัง!!

   ในระหว่างที่ใบหน้าของคุณวาลีโน้มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ประตูห้องนอนถูกเปิดออกแล้วกระแทกกับผนังห้องอย่าง
รุนแรงเรียกให้ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองด้วยความตกใจ

   คุณวาลีเองก็เช่นกัน

   ร่างสูงที่คุ้นตาปรากฏอยู่ตรงหน้าของผม แต่ไม่ใช่เขาคนที่ผมหวังจะให้มาช่วยเหมือนในทุกๆครั้ง



   “ให้ตายเถอะ นายบังอาจมากนะที่มายุ่งกับคนไข้ของฉัน รู้ตัวบ้างไหม ไอ้งี่เง่าเอ้ย”คำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ

   พร้อมกับบุหรี่ที่ถูกสูบจนเกือบถูกโยนทิ้งลงบนพื้นแล้วขยี้ด้วยเท้า



   “นายเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง”คุณวาลีถามด้วยท่าทีตกใจก่อนที่จะพละออกจากตัวผม ทำให้ผมถอนหายออกมาด้วยความ


โล่งใจ

   อย่างน้อยคุณหมอทศกัณฐ์ก็มาช่วยผมเอาไว้ได้ทันเวลา ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไงก็เถอะ

   หรือว่าเขาสะกดรอยตามผมกันนะ?

   “เข้ามาได้ยังน่ะเหรอ พอดีประตูมันล็อก ฉันก็เลยพังกระจกเข้ามา ถ้าไม่มีเงินซ่อมก็ตามไปเก็บเอาทีหลังแล้วกัน”

   “นี่มันจะมากเกินไปแล้ว คุณจะเข้ามาในนี้ตามอำเภอใจไม่ได้ ผมมีสิทธิแจ้งตำรวจมาจับคุณข้อหาบุกรุกได้”คุณวาลีทำท่า

จะหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะมุมห้องมา

   “ก็ไม่ได้ห้ามนี่ แต่ก่อนอื่น คงจะต้องจัดการกับหัวขโมยอย่างนายก่อน ไหนจะกุหลาบสีน้ำเงิน ไหนจะคนไข้ของฉัน นายก
ล้ามากที่เข้ามายุ่งย่ามกับงานคนอื่นเขาแบบนี้”


   ร่างสูงใหญ่ที่พึ่งจะเข้ามาโดยได้รับเชิญย่างก้าวเข้าไปหาคุณวาลีด้วยท่าทีคุกคามทำให้คุณวาลีก้าวถอยหลังอย่างช่วยไม่
ได้เพราะดูจากรูปร่างแล้ว หมอทศกัณฐ์ชนะขาด


   “จะหนีไปไหนล่ะ มีเรื่องอยากจะถามหน่อย”ไม่ทันจบคำพูดร่างของคุณวาลีก็ถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังห้องจนผมสะดุ้ง
เป็นรอบที่เท่าไรก็จำไม่ได้แล้ว

   มันแรงจนคุณวาลีนั่งคุดคู้ลงกับพื้นแล้วกุมท้องด้วยความจุก

   “มันจะมากไปแล้วนะ”เขาบอกด้วยน้ำเสียงแหบที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ พยายามจะยันตัวเองลุกขึ้นมา

   


   “ดะ เดี๋ยวสิครับ”ผมร้องห้ามหมอกัณฐ์ที่ดูท่าทางจะเอาเรื่อง

   “เธอไม่ต้องยุ่ง นี่มันเป็นเรื่องของฉันกับไอ้หัวขโมยนี่”

   แล้วคุณวาลีไปขโมยอะไรมาตอนไหนกัน

   ผมหันไปมองที่คุณวาลีที่ยังนั่งอยู่ที่พื้นริมห้อง สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมตกใจมากกว่าเดิมเมื่อคุณวาลีมีเลือดออกมาจากริม
ฝีปาก

   มันไม่ใช่เลือดที่มาจากแผลกัดปากหรือปากแตก มันเป็นลักษณะที่ออกมาจากในร่างกาย

   เมื่อกี้ที่กระแทกไม่น่าจะทำให้เขาไอเป็นเลือดขนาดนั้นนี่

   “คุณหมอ แต่ผมว่า”ผมห้ามเมื่อคุณหมอยังมีท่าทีว่าจะทำร้ายคุณวาลีต่อ

   “บอกว่าอย่ามายุ่งยังไงล่ะ เจ้าหัวขโมยนี่มันสมควรจะโดนซะบ้าง บอกฉันมาว่าไปได้กุหลาบสีน้ำเงินพวกนี้มาจากไหน”

   คุณหมอถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแล้วย่อตัวเสมอกับคนที่นั่งฟุบอยู่กับพื้น

   “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย แค่กๆ”คุณวาลีพูดพร้อมกับไอออกมาเป็นเลือดอีกรอบ

   หรือว่าเขาจะป่วย งั้นแสดงว่าดอกกุหลาบสีน้ำเงินพวกนั้นเขาเก็บมันเอาไว้ใช้เองสินะ

   นิ้วมือของหมอยักษ์สิบหน้าปาดเข้าที่เลือดบนมุมปากของคุณวาลีแล้วยกขึ้นมาชิมหน้าตาเฉย

   “จะตายแล้วยังมาปากดีอีกนะ”

   “นั่นมันก็เรื่องของฉัน”

   “แต่ของที่นายมีอยู่มันไม่ใช่ของนาย ฉันจะถามอีกรอบว่านายได้มันมาจากไหน ตอบมาก่อนที่นายจะตายเร็วกว่าที่นายคิด”


   “จากไหนก็ชั่ง รู้แค่ว่าไม่ได้ขโมยมาก็น่าจะพอ”

   “พวกมนุษย์นี่มันพูดยากพูดเย็นจริงๆ จะบอกดีดีหรือว่าอยากกลายเป็นอาหารว่างกัน ห่ะ!!”

   เสียงตะหวาดดังก้องพร้อมกับมือใหญ่กระชากคอเสื้อของคุณวาลีลุกขึ้นเข้ามาหาตัว

   “แค่กๆ”คุณวาลีไอเป็นเลือดออกมาอีกรอบ มันทำให้ผมยิ่งตกใจเข้าไปอีก



   “เดี๋ยวสิ ผมว่าพอก่อนดีกว่า เขาเลือดออกตั้งเยอะ ผมว่าปล่อยเขาก่อนจะดีนะครับ”ผมผลุดลุกขึ้นไปทั้งที่ยังมีผ้าห่มพันกายเอาไว้

   ผมดึงรั้งมือใหญ่ที่กำคอเสื้อของคุณวาลีแน่นให้ไม่รุนแรงไปกว่านี้

   กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังคั่นกลางอยู่ระหว่างคุณวาลีกับคุณหมอ

   “ฉันบอกว่าอย่ามายุ่ง เธออยากให้ฉันบอกเรื่องนี้กับไอ้บ้าธารารึไง”

   “มะ ไม่ใช่สักหน่อย แต่ผมไม่อยากให้คุณรุนแรงกับเขา เขาเลือดออก อีกอย่าง คุณ เอ่อ คุณเองก็เป็นหมอ ต้องเป็นคน
รักษาสิ ไม่ใช่คนทำคนอื่นเจ็บ”

   ผมกล่าวเตือน พอหันไปมองหน้าคุณหมอก็ต้องขนลุกเกรียว ดวงตาสีดำสนิทของเขากำลังวาวโรจน์และที่สำคัญ มันกำลัง
เป็นสีเหลืองอำพันอย่างน่ากลัว




   “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าหัวขโมยนี่มันได้กุหลาบสีน้ำเงินนี่มาได้ยังไง กุหลาบพวกนั้น เป็นสมบัติของพ่อฉัน แต่เจ้าหัวขโมยก็
ไปขโมยเอามันมา ทำให้หลายตนต้องล้มตายโดยไม่มียารักษา”น้ำเสียงกราดเกรี้ยวดังก้องพร้อมกับมือที่ออกแรงกำคอเสื้อแน่น
ขึ้น



   “ฉันไม่ได้เป็นคนขโมยมัน”คุณวาลีแย้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางเบือนหน้าหนี ยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลย้อนลงมาที่มุม

ปาก

   “ถ้านายไม่ได้ขโมยแล้วใครขโมย อย่ามาโกหกไปหน่อยเลย ฉันไม่โง่เหมือนพวกมนุษย์งี่เง่าหรอกน่า”

   “มันเป็นของพ่อกับแม่ของฉัน เขาสองคนเจอมันเลยนำมันมาขยายพันธุ์เพื่อทำวิจัยยารักษาโรคเลือดที่ยังไม่ถูกค้น
พบ”คุณวาลีตอบด้วยสีหน้าดูจะเจ็บปวด

   จริงสิ หมอทศกัณฐ์ก็เคยบอกว่ามันหายไปหลายสิบปีที่แล้ว ซึ่งคุณวาลีก็คงยังอายุไม่กี่ขวบไม่ใช่รึไง เด็กที่ไหนจะไป
ขโมยไอ้อะไรพรรค์นี้ได้

   “งั้นพ่อกับแม่ของนายก็เป็นคนขโมยมันไปสินะ”คราวนี้หมอทศกัณฐ์พูดข่มเสียง เสียงขบฟันดังกรอดทำเอาผมขนลุก
เกรียว

   ตาของคุณหมอสีเหลืองชัดเจนยิ่งกว่าเก่า ทำให้ผมรู้ว่าเขาค่อนข้างที่จะโกรธมาก

   บรรยากาศอึมครึมเริ่มแผ่กระจาย หากว่ายักษ์ตนนี้จะอาละวาดหรือจะทำร้ายคุณวาลีขึ้นมา ผมคงจะช่วยอะไรไม่ได้

   ใจหนึ่งก็คิดว่าสมควรแล้วที่คนเจ้าเล่ห์อย่างคุณวาลีจะโดนสั่งสอน แต่อีกใจก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องทุกอย่าโดยที่ไม่มี
เหตุผล



   “ทำไมพ่อแม่ของคุณวาลีถึงได้ขโมยมันมาล่ะ”ผมถามแทนคุณหมอที่กำลังโกรธจัดและพยายามจะข่มอารมณ์ตัวเอง

   “เขาเอามันมาเพื่อที่จะทำยารักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือดที่ยังไม่มีใครรู้ว่ามันคือโรคอะไร”คุณวาลีบอกด้วยน้ำเสียงเบาก่อนจะ
เบือนหน้าหนี

   “อย่าบอกนะว่าโรคที่คุณกำลังเป็นอยู่”

   “ฉันเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา ไม่มีใครรู้ว่ามันคือโรคอะไร เป็นได้ยังไง พ่อกับแม่ของฉันพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะ
รักษาฉันให้ได้ ดอกกุหลาบสีน้ำเงินนั่นสามารถบรรเทาอาการได้ ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก่อนที่จะคิดค้นวิธีการ
รักษาแบบถาวร เขาสองคนก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ฉันจึงต้องพึ่งดอกไม้พวกนั้นมาตลอด”

   มิน่าถึงมีมันจนเต็มเรือนกระจก

   “พ่อกับแม่นายก็สมควรตายแล้วล่ะ มีพวกอื่นมากมายที่ต้องตายเพราะไม่มีกุหลาบนั่นไปทำยารักษา มันเทียบไม่ได้กับชีวิต
มนุษย์โง่เง่าอย่างนาย”

   คุณหมอทศกัณฐ์ตะคอก

   “นั่นสินะ ฉันควรจะตายไปตั้งนานแล้ว เพราะฉัน พ่อแม่ถึงต้องตายเพราะมั่วแต่หมกมุ่นอยู่กับวิจัย”

   “งั้นก็ตายไปซะเลย ดีไหมล่ะ”

   ยังไม่ทันที่ผมจะตั้งตัวกับประเด็นที่เกิดขึ้น เมือที่กำคอเสื้อก็เปลี่ยนเป็นกำรอบคอของคุณวาลีแล้วบีบแน่น

   ดวงตาสีเหลืองอำพันวาวโรจน์จนน่าตกใจ

   “ไม่ได้นะ จะมาฆ่าใครง่ายๆได้ยังไง”ผมพยายามดึงมือคุณหมอออก

   “แค่กๆ”

   “ผมของร้องคุณหมอ ตอนนี้คุณจะเอาดอกไม้นั่นไปก็ได้นี่ มันมีตั้งเยอะ ใช่ไหมล่ะ อย่าให้ใครต้องตายอีกเลย คุณเป็นหมอ
คงไม่อยากจะให้ใครตายด้วยมือตัวเองใช่ไหมล่ะ”

   ผมหาข้ออ้างเพื่อโน้มน้าว ก็เข้าใจอยู่ว่าคุณหมอทศกัณฐ์อาจจะโมโหเพราะมีหลายคน ไม่ใช่สิ หลายตน ต้องตายเพราะ
ไม่มีกุหลาบนั่น ด้วยความเป็นหมอจึงทำให้ความโกรธแค้นมันมากกว่าปกติ

   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของคนจะเป็นผักเป็นปลา อีกอย่าง คุณวาลีเองก็ไม่ไดเป็นคนขโมยมา แต่เป็นพ่อแม่ของเขา
ซึ่งมันไม่เกี่ยวกัน




   “นะครับ ปล่อยมือก่อนเถอะครับ ผมขอร้อง คุณวาลีเขาไม่ผิด”

   “ทำไมถึงได้ช่วยมันล่ะ เจ้านี่มันต้องการอะไร นายน่าจะรู้ดีไม่ใช่รึไง”

   “เอ่อ เรื่องนั้น”ผมอ้ำอึ้ง ยังไงก็ยังโกรธที่เขาทำไม่ดีเอาไว้จริงๆ ไหนจะเรื่องลูกของผม ไหนจะเรื่องวางยาและถ่ายรูปผม
ตอนหลับไป



   “ผมขอให้คุณลบรูปที่ถ่ายเอาไว้ทิ้งได้ไหม แล้วก็ยกเลิกสัญญาที่เซ็นไปด้วย แล้วผมจะถือว่าเรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”ผม
บอก

   “ต่อให้ทำยังไง ฉันคงจะไม่ได้นายมาอยู่แล้วนี่ ของพวกนั้นคงไม่มีประโยชน์อีกแล้วล่ะ”เขาว่า

   มือที่กำรอบคอค่อยๆคลายออกแล้วปล่อยลงจนคุณวาลีทรุดลงไปกับพื้นอีกครั้งแล้วเช็ดเลือดที่เลอะอยู่มุมปาก

   คราวนี้เรื่องทุกอย่างจะได้จบลงสักที ผมถอนหายใจอย่างโล่งใจ

   

   “ผมขอถามอย่างหนึ่งได้ไหม ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้กับผมด้วย เอ่อ ผมหมายถึง ทำไมจะต้องเจาะจงว่าเป็นผม”

   “นั่นสินะ เธอคงจะจำไม่ได้  ว่าเราเคยเจอกันมาก่อน”

   แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดออกจากปากของคุณวาลี มันทำให้ผมยิ่งงงเข้าผมเคยเจอเขาตอนเด็กๆตอนไหน ทำไม
ผมถึงจำอะไรไม่ได้เลย

   อาจเป็นเพราะผมเซ่อซ่าแบบนี้ตั้งแต่เด็กล่ะมั้ง เขาอาจจะต้องกรผมเพียงเพราะผมเป็นคนที่ทำดีกับเขาเมื่อตอนนั้น

   แต่มันเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ถึงเหตุผลของการกระทำของเขา แต่ผมเองไม่ชอบวิธีการที่เขาใช้บังคับผม

      ผมเริ่มปักใจเชื่อว่าคุณวาลีเองก็เป็นหนึ่งในเมียของผมในชาติที่แล้วเหมือนๆกับพี่อเลน ที่ชาตินี้ผมจะต้องชดใช้ให้
   “ในเมื่อเธอรู้ทั้งหมดแล้ว เธอรู้สึกโกรธกับสิ่งที่ฉันทำไหมล่ะ”คุณวาละแสยะยิ้ม

   “ครับผมโกรธ”ผมตอบ ไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมโกรธที่เขาใช้วิธีสกปรก ใช้เล่ห์เหลี่ยมกับผม  แต่

   “ก็สมควรแล้วล่ะ”

   “แต่ผมก็หายแล้วล่ะ ผมมันเป็นพวกขี้ลืม เดี๋ยวพอนอนหลับผมก็ลืมแล้ว ขอแค่คุณไม่ทำแบบนี้อีก แล้วก็ เอ่อ ไม่มายุ่งกับ
ลูกของผม”ผมว่าพร้อมกับลูกท้องตัวเองผ่านผ้าห่มที่พันตัวอยู่

   “นั่นสินะ ยังไงเธอก็ยังเป็นเธอ ไม่เคยจำอะไรได้”เหมือนจะโดนว่าเล็กๆยังไงก็ไม่รู้



   จนบัดนี้ผมก็ยังมองหาเสื้อผ้าตัวเองไม่เจอ และที่สำคัญ ผมไม่รู้จะบอกเรื่องพวกนี้กับพี่ธารายังไงดี

   ถึงแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันจะจบลงไปด้วยดีแล้วก็เถอะ



   ในระหว่างที่ผมกำลังมองหาเสื้อผ้าของตัวเอง คุณหมอที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ไม่ไกลก็เดินเข้าไปหาคุณวาลีแล้วย่อตัวลงไป
หาอีกครั้ง

   “จากนี้ไป ดอกไม้พวกนั้นจะเป็นของฉันทั้งหมด”

   “ตามสบาย ในเมื่อมันไม่ใช่ของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

   ถ้าหมอทศกัณฐ์เอาดอกไม้พวกนั้นไปหมด แล้วคุณวาลีจะเอาอะไรใช้ล่ะ ถ้าไม่มีดอกไม้พวกนี้ คุณวาลีจะแย่เอา



   “เดี๋ยวสิ มันจะดี อะ”ยังไม่ทันจะแย้งได้จบคำ

   มือของหมอทศกัณฐ์ก็ทาบลงบนหน้าผากของคุณวาลี

   “หลับไปซะ”เสียงกระซิบดังแผ่วเบา ไม่นานคุณวาลีก็ฟุบนอนลงไปบนพื้นห้องทันที

   “คุณทะ ทำอะไรน่ะ”ผมตาโต ร้องถามด้วยความไม่เข้าใจ เอาอีกแล้ว ไอ้พวกยักษ์ที่ชอบใช้เวทมนต์เป็นพ่อมดไปได้

   “เธออย่าพูดมากน่ารำคาญ ไปหาเสื้อผ้าใส่ได้แล้ว โรคแค่นี้ พวกมนุษย์นี่โง่จริงๆ”หมอทศกัณฐ์ส่ายหน้าอย่าเหนื่อยหน่าย

   แต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มออกมา เพราะมันหมายถึงเขาจะช่วยรักษาคุณวาลีให้หายจากโรคร้ายสักที

   “เมื่อกี้ยังใจร้ายเป็นยักษ์เป็นมารอยู่เลย”ผมพึมพำแต่ก็เดินไปหาเสื้อผ้าใส่



   “แต่อย่างน้อยเจ้านี่ก็ต้องโดนลงโทษข้อหาที่มายุ่งกับคนไข้ของฉันอยู่ดี ต้องดัดนิสัยขี้ขโมยที่ติดมาจากพ่อแม่ให้หายก่อน
ที่จะปล่อยไปซะก่อน”

   พูดอย่างกับคุณวาลีเป็นสัตว์ไปได้ แล้วอีกอย่าง ลงโทษนี่มันหมายความว่ายังไง แล้วใครเป็นคนไข้

   ยังไงเรื่องที่ผมไม่เข้าใจมันก็มีเยอะกว่าเรื่องที่ผมเข้าใจอยู่ดี



==================================================================


   “เอ่อ พี่ ธารา ผม คือผม มีเรื่องจะบอก”ผมกระแซะมานั่งเบียดพี่ธาราที่เพิ่งจะกลับมาระหว่างที่เรากำลังนั่งอยู่ในห้องนอน
ของพี่ธาราเพราะคุณหมอดันเอาผมมาทิ้งไว้ที่นี่ก่อนจะหายไปไหนพร้อมกับร่างของคุณวาลีที่หลับไม่รู้เรื่อง

   ถึงจะอยากแย้งแต่ก็คงแย้งไม่ได้เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ผมไม่เข้าใจของพวกเขา

   ส่วนพี่อเลนก็ไปหาเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันแก้เบื่อ เพราะว่าผมไม่ว่างพาไปข้างนอก แต่ผมคิดว่าพี่อเลนดูแปลกๆ เหมือน
ไม่อยากจะอยู่ที่นี่เวลาที่มีหมอทศกัณฐ์อยู่ด้วย แต่ผมก็ไม่กล้าถาม

   “มีอะไรจะบอกข้าก็ว่ามา”พี่ธาราถามเสียงแข็งพลางอ่านนิตยสารอะไรสักอย่าง

   “คือว่า”ผมอ้ำอึ้ง

   “มีอะไรก็ว่ามา อย่าชักช้า ก่อนที่ข้าจะอดทนไม่ไหว”

   ยังไม่ทันที่ผมจะคิดหาคำแก้ตัว ร่างก็ถูกกดลงบนเตียงนอนหลังใหญ่ให้นอนราบลงไปพร้อมกับพี่ธาราคร่อมตามลงมา

   ผมหน้าร้อนวูบ หลบตาหนีดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมาอย่างตกใจ เอาอีกแล้ว พี่ธาราในโหมดถึงเนื้อถึงตัวมาอีกแล้ว

   “ผมจะบอกว่า อื้อ”

   ในที่สุดผมก็แก้ตัวไม่ทันริมฝีปากที่ทาบลงมาอยู่ดี

   ไม่กี่คืนที่ผ่านมาผมยังจำติดตาไม่หาย ตอนที่พี่ธาราจับมือให้ผมไปจับเจ้าธารายักษ์แล้วทำให้ธารายักษ์พ่นลาวาออกมา

   ไหนจะยังโดนพี่ธาราแกล้งมณีน้อยอีก

   แล้วคราวนี้จะอะไรอีก ยังบ่ายๆอยู่เลย แล้วที่สำคัญ วันนี้ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวงสักหน่อย พวกยักษ์นี่ไม่ได้หื่นแค่วัน
เพ็ญรึไง

   ลิ้นร้อนๆดุนเข้ามาก่อนที่จะกวาดต้อนเอาลิ้นผมไปดูดดึงจนอ่อนแรง

   เสื้อเชิ้ตตัวบางถูกเลิกขึ้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่ร้อนลูบไปมาบนท้องน้อยทำเอาเสียววาบ

   เสียงจูบดังเข้ามาในโสตประสาทพร้อมกับความวาบหวามในท้องน้อยที่เกิดขึ้น

   ความแข็งขืนร้อนผ่าวเสียดสีเข้าที่ต้นขาของผมทำเอาใจเต้นแรงแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

   นี่ขนาดท้องพี่ธารายังหื่นขนาดนี้ แล้วถ้าผมไม่ได้ท้องป่านนี้คงโดนจับกลืนกินแบบวันนั้นไปอีกหลายรอบ ไม่อยากจะคิด
เลยว่าชีวิตผมจะรอดจากพี่ธารายักษ์หื่นไปอีกนานแค่ไหน

   “อะ อือ ดะ เดี๋ยวสิ”ผมเบือนหน้าหนีดึงมือที่เลื่อนต่ำมุดหายเข้าไปในกางเกงเอาไว้ไม่ให้ซนไปมากกว่านี้

   ร่างกายมันรู้สึกร้อนผ่าว วูบวาบไปหมดโดยเฉพาะมณีน้อยที่ถูกกุมเอาไว้ในมือยักษ์เจ้าเล่ห์

   “อย่าขัดใจข้า หากเจ้าไม่อยากถูกข้ากลั่นแกล้งไปมากกว่านี้”

   คำพูดของพี่ธาราทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แล้วปล่อยมือออกจากมือที่ธาราให้มันจับมณีน้อยได้คล่อง

   ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมือนั้นกำลังเค้นคลึงมณีน้อยใจมา จูบร้อนๆเฝ้าวนจูบซับบนหน้าผากและบนใบหน้าของผม

   แต่ดวงตาคมกริบนั้นก็ยังไม่คลายแววตาดุดันอยู่ดี ตั้งแต่วันนั้นแล้วที่ผมยังไม่รู้เลยว่าพี่ธาราโกรธอะไร

   จะถามก็กลัวโกรธหนักเข้าไปใหญ่ อีกทั้งเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอกอีก

   แต่ทว่า

   

   โครกกกกกกกกกกก

   เสียงร้องดังกังวานพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนทีท้องหลายริกเตอร์เรียกให้พี่ธาราเงยหน้าขึ้นมองผมอยากขัดใจ

   “หะ หิว”ผมยิ้มแห้งๆส่งไปที่พี่ธารา

   “รออีกเดี๋ยว”พี่ธาราตอบห้วน พยายามจะคลึงมณีน้อยมากกว่าเดิม

   “ตะ อะ แต่ลูกๆหิวแล้วนะครับ”ผมอ้าง แต่ก็จริง ผมไม่ได้โกหกเลย

   ลูกๆในท้องเนี่ยตัวดี กินเก่งจนผมเองยังตกใจ

   พออ้างถึงลูกพี่ธาราถึงกับชักสีหน้าแล้วยันตัวออก พอพี่ธาราลุกออกไปผมถึงกับโล่งใจ ที่มณีน้อยยังคงหลับสนิทอยู่ดี
ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ลูกๆจอมกินเก่งที่ช่วยเอาไว้

   “ลูกเจ้านี่ช่างดื้อเหมือนเจ้าไม่มีผิด”

   “เกี่ยวอะไรกับผม ถ้าดื้อเหมือนผมก็กินเก่งเหมือนพี่นั่นแหละ”ผมเถียงแล้วลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าเตรียมลงไปหาอะไรกิน



   ในระหว่างที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องเพื่อลงไปข้างล่าง ตัวผมก็ถูกพี่ธาราที่เดินตามมาดึงเข้าไปสวมกอดจากทางด้าน
หลัง

   “มีอะไรรึเปล่า จู่ๆมากอดผมทำไม”ผมถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะปกติแล้วพี่ธาราไม่เคยเป็นแบบนี้ แล้วนี่มันก็ผ่านมาหลาย
วันแล้ว

   “ข้ารักเจ้า”

   คำพูดที่แผ่วเบาหลุดออกมาจากปากยักษ์ตัวโตทำเอาผมใจสั่น น้อยครั้งที่พี่ธาราจะบอกรัก แต่ผมก็ยังต้องการที่จะฟังมัน
บ่อยๆอยู่ดี



   “บอกข้าสิว่าเจ้าก็รักข้า”

   อย่างที่ผมคิดจริงๆว่ามันแปลกๆ เพราะว่าพี่ธาราไม่เคยถามอะไรที่เหมือนไม่มั่นใจแบบนี้มาก่อนหลังจากที่เราคุยกันรู้เรื่อง
ในคืนทำลูก?

   “ผม เอ่อ ทำไมจู่ๆถึงถามล่ะ”

   “บอกข้ามาสิว่าเจ้ารักข้าหรือไม่”

   “ผม รักพี่”ผมตอบ

   ไอร้อนที่แผ่มาจากอ้อมกอดทางด้านหลังทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น แต่ในความอบอุ่นนั้นผมคงจะคิดไปเองว่ารู้สึกถึงความไม่ไว้
วางใจอยู่ข้างใน

   “ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าใครจะมาแย่งเอาเจ้าไปจากข้า….อีกครั้ง”

   หัวใจของผมกระตุกวูบ อีกครั้งที่เขาหมายถึงมันทำให้ผมคิดถึงเรื่องวันนี้ หากคุณหมอไม่เข้ามาช่วย ในระหว่างที่พี่ธาราไม่
อยู่ ผมคงจะถูกแย่งไปจริงๆถึงแม้ว่าผมจะไม่เต็มใจก็ตาม

   “ผมอยู่กับพี่ตลอด พี่อย่าคิดมากดิ ลูกไม่ชอบ”ถึงจะกระดากปาก แต่ผมก็เริ่มรู้สึกว่าการเอาลูกมาอ้างก็เห็นผลดีไม่น้อย

   “นั่นสินะ ลูกๆที่ดื้อเหมือนเจ้าคงจะไม่ชอบที่ข้ากอดเจ้า จูบเจ้าแบบนี้ เรื่องที่เจ้าปิดบังข้าครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้”

   ว่าแล้วพี่ธาราก็ระดมจูบระดมหอมอีกครั้ง ว่าแต่เรื่องทั้งหมดเขารู้อยู่แล้วสินะ แล้วรู้ได้ยังไง

   “ดะ เดี๋ยว เมื่อกี้ยัง อื้อ หิว”ผมพยายามปัดป้องมือและปากปลาหมึกที่ลวนลามไม่หยุดหย่อน

   เมื่อกี้ยังทำซึมทำโกรธอยู่เลย แล้วทำไมจู่ๆถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมล่ะ

   หรือเป็นเพราะว่าผมบอกรักกันนะ?

   จะยังไงก็แล้วแต่ หวังว่าคงจะไม่มีใครโผล่มาทำให้ผมวุ่นวายและทำให้ผมกับพี่ธาราและลูกๆเครียดอีก

   ตอนนี้ผมควรจะเอาความสนใจมาลงที่ลูกยักษ์ที่อยู่ในท้องผมมากกว่า ไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกพ่อกับแม่ยังไงดี



===================================================================



   เปลือกตาที่ปิดสนิทกระพริบตาถี่ๆด้วยความยากลำบาก ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้รู้สึกแปลกใจจนต้องมองไปรอบๆเมื่อลืมตา
ขึ้นมาได้

   สถานที่แปลกตาและไม่คุ้นเคยทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย

   เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน อาจจะไม่ได้หลับไปเองซะด้วยซ้ำ

   การที่เขาศึกษาหาข้อมูลมาโดยตลอดทำให้รู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สิ่งมีชีวิตธรรมดาตามที่มนุษย์เข้าใจเท่านั้น

   พวกยักษ์ พวกเงือกหรือสิ่งมีชีวิตในตำนาน วรรณคดี หรือพงศาวดารยังคงมีอยู่

   แสงที่ส่องเข้ามาผ่านทางระเบียงห้องทำให้ต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสายตารับกับแสง

   แต่แล้วดวงตาคมนิ่งก็เบิกกว้างเมื่อสีของน้ำทะเลที่เคยเห็นนั้นไม่เหมือนเก่า มันมีสีที่เข้มและใสกว่าเป็นหลายเท่า

   ไม่เหมือนกับอยู่บนฝั่งทะเลทั่วไป ความรอบรู้ทำให้รู้ได้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่แผ่นดิน หากแต่เป็นเกาะ

   แล้วเขาอยู่ที่ไหนกัน

   “ตื่นแล้วรึ เจ้าหลับไปนานมาก ทศกัณฐ์คงจะเคืองเจ้าอยู่ไม่น้อย”

   เสียงทักทายจากยักษ์สูงวัยแต่รูปกายยังคงเยาว์เรียกให้วาลีหันไปมองก่อนจะขมวดคิ้ว

   “ที่นี่ที่ไหน”

   “ข้าไม่จำเป็นต้องตอบเจ้า และข้าคงจะไม่ต้องบอกเจ้าว่าข้าคือใครสินะ”

   “ผมต้องการจะกลับบ้าน”เขาบอกพร้อมกับมองสำรวจคนที่ไม่น่าจะเป็นเหมือนคนทั่วไปเดินเข้ามาในตัวห้อง

   ใบหน้าคมคร้ามในแบบไทยสมัยก่อนกับดวงตาสีดำสนิทจ้องมองมาที่เขา คนตรงหน้าดูท่าทางอายุประมาณสามสิบปลายๆ
หรือไม่น่าจะเกินนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอายุที่แท้จริงแล้วของคนคนนี้จะอายุเท่าไร



   “เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจากที่นี่หากยังไม่ถึงเวลา  ตื่นขึ้นมาก็ดีแล้ว ที่นี่ไม่มีคนคอยดูแล ต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้อง
เป็นคนดูแลงานบ้านที่นี่ทั้งหมด”

   วสินกล่าวด้วยท่าทีไม่ได้ใส่ใจก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้วาลีขมวดคิ้วมุ่นกับคำสั่งที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจดีว่าคืออะไร

   ยังไงซะนิสัยของหัวขโมยจะต้องถูกสั่งสอนให้เข็ด จะได้ไม่ไปขโมยของรักของคนอื่นเหมือนที่พ่อแม่ที่เคยทำเอาไว้

   การมีตัวตนที่ฝืนโชคชะตาในครั้งนี้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดครึ่งยักษ์ครึ่งมนุษย์

   เขาจะปล่อยให้มันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นไม่ได้



===================================================================
===================================================================

   
รู้ตัวอีกทีก็เผลอปล่อยให้วาลีอยู่มาหลายตอนเกิน ยืดดดดด


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2015 00:35:17 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อ้าว วาลีโดนคุณอาวสินงาบเหรอคะเนี่ย

แต่พ่อแม่วาลีเป็นคนขโมยนา ทำไมถึงว่าลูกมีนิสัยขโมยด้วยล่ะ???

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
อ้าว วาลีโดนคุณอาวสินงาบเหรอคะเนี่ย

แต่พ่อแม่วาลีเป็นคนขโมยนา ทำไมถึงว่าลูกมีนิสัยขโมยด้วยล่ะ???

ขุ่นวาลีตั้งใจจะขโมยน้องมณีไปจากพี่ธาร แถมขโมยคนไข้ของคุณหมอทศด้วย ประมานนั้นค่า

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ปิดฉากหัวขโมย แล้วเริ่มบทบาทใหม่  "คนรับใช้" ใช่ไหมคะ  :laugh:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แอบสงสารวาลีเบาๆ แต่ก็อานะ  คนขี้ขโมยก็ย่อมต้องได้รับโทษเบาๆ :hao3:

ว่าแต่มีคำสะกดผิดหลายแห่ง ทำให้ติดๆขัดๆเวลาอ่าน พยายามเข้านะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
เอะ หรือท่านอาจะคู่กีบวลี

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
คู่นี้ก็น่าติดตาม... อุ๊ยยย หลายใจซะแล้วเราา >///<

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
คุณอาสุขุมมากๆ เลยนะคะ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อ้าววารีมีคู่ด้วย

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
เพิ่งได้อ่าน ขอบอกว่าสนุกมาก ชอบๆๆ
มันหลากหลายอารมณ์ดีเรื่องนี้ มีหลายคู่ให้ฟินด้วย :laugh:

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
มณีเอ้ยยยย รอดมาได้อีกแล้วสินะ  :mew1:


ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
ครั้งที่ 25 ได้ด้วยเล่ห์

   วันคืนผ่านไปคืนแล้วคืนเล่า ศรีสุวรรณก็ยังคงเฝ้าวนเวียนมารอคอยใครคนหนึ่ง ณ ที่เดิม

   เขามองผ่านห้วงน้ำในเวลาโพล้เพล้ แสงสีส้มสดพาดผ่านผืนทะเลและเกลียวคลื่นดูน่ามอง

   มือหนาช้อนเอาพลอยเม็ดสวยที่ถูกซัดเกยตื้นเอาไว้ในมือ

   ทุกวันในเวลาเย็น เม็ดพลอยสีสวยราวกับนัยน์ตาของเงือกหนุ่มจะถูกซัดมากับน้ำ ราวกับว่าเงือกหนุ่มนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
จากเขาทุกวัน

   มันเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขานัก แต่เขาจะต้องทำยังไง เพื่อที่จะพบเจอและได้อยู่ใกล้

   ในบางครั้งการรอคอยมันก็ทำให้เขาหมดความอดทนลง เขาหยัดกายขึ้นเตรียมกลับเข้าไปในบ้าน

   เขายืนหันหลังให้กับท้องทะเล แล้วเดินจากมา

   การรอคอยด้วยความใจเย็นนั้นไม่ได้ช่วยอะไร เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้ว สามเดือนที่เขาอยู่ที่นี่

   ในเมื่อใช้เวลาแล้วไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเมื่อสิ้นหนทาง

   ชายหนุ่มหลบกายอยู่ข้างโขดหินก้อนใหญ่ เสียงบางสิ่งกระทบกับผืนน้ำไม่ไกลนักทำให้เขาเหยียดยิ้มด้วยความพึงพอใจ

   เขานึกอยู่แล้วว่าเงือกหนุ่มจะต้องอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา

   ศรีสุวรรณเดินกลับเข้าไปที่โขดหินริมน้ำอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้ผู้เป็นน้องยิ้ม

   ก่อนที่ร่างกายจะทิ้งตัวลงสู่ผืนทะเลลึก เสียงร่างกายกระทบกับผืนน้ำดังก้องกังวานไปทั่ว

   ร่างกายค่อยๆจมดิ่งสู่ความมืดมิดที่ลึกลงไป เขาหลับตาลงด้วยความสบายใจ

   เขามั่นใจ ว่าชลาสินธุ์จะต้องมา

   เขาหลับตาลงและปล่อยกายให้แน่นิ่ง ผืนสมุทรโอบอุ้มนำพาเขาจมดิ่งลงไป

   ก่อนที่ดวงตาคมจะปิดลง เจ้าของดวงตาสีน้ำทะเลลึกก็ปรากฏ แต่เขานั้นแน่นิ่งไปแล้ว

   

   กายสูงใหญ่ถูกโอบอุ้มและรั้งเอาไว้ ริมฝีปากเย็นชื้นทาบทับลงบนริมฝีปากอุ่น

   ลมหายใจร้อนผ่าวถูกมอบผ่านจูบอันเย็นชืด แต่เนิ่นนานก็ไม่มีวี่แวว

   จนกระทั่งริมฝีปากหยักนั้นยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือหนารั้งเอาเอวบางเข้าไปกอดแน่นราวกับกลัวว่าจะหนีหายไปอีกครั้ง



   เจ้าของนัยน์ตาสีคราวเบิกโพล่งเมื่อมนุษย์นั้นเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ดวงตาสีดำสนิทลืมตาขึ้นในน้ำ มองมาอย่างเจ้าเล่ห์

   เลือกหนุ่มจะถอยหนี แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างกายถูกรั้งขึ้นสู่ผิวน้ำ

   เรียวหางฟ้าอมเขียงตวัดขืนเมื่อมือใหญ่ตรงเข้าลูบไล้เอาผืนเกร็ดจนแทบอ่อนแรง



   “พะ พี่วรรณ ท่านทำสิ่งใดของท่าน”เงือกหนุ่มพยายามยันกายออกจากอ้อมกอดแข็งแรง

   “ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้นายจะยอมออกมาไหมล่ะ”

   “ท่านมันบ้าไปแล้ว”เงือกหนุ่มหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งตกใจ

   แต่ความโกรธอาจจะมีมากกว่า เพราะหากศรีสุวรรณตายลง เงือกหนุ่มเองก็จะต้องตายเช่นกัน

   ชีวิตนั้นผูกพันกับชีวิต ลูกน้อยที่อยู่ในท้องก็จะไม่รอดตามไปด้วย

   “ปล่อยข้า”

   “ฉันจะไม่ปล่อยนายไปอีกแล้ว”

   คำพูดเป็นเหมือนกับคำสัญญาทำให้เงือกนิ่งชะงักมือที่ผลักไส

   ศรีสุวรรณก้มมองท้องที่นูนขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

   เขาจ้องมองมันนิ่ง ความสงสัยก่อเกิดเป็นคำถามว่าท้องที่นูนออกมานั้นใช้ท้องที่เป็นการตั้งท้องหรือไม่

   “นายท้องเหรอ”เขาถาม

   “ขะ ข้า”

   “ว่าไง นายท้องเหรอ”เขาก้มหน้าลงไปหาใบหน้าสวยจนเกือบชิดเพื่อรอฟังคำตอบ

   “ขะ ข้าท้อง”เงือกหนุ่มตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ

   “ทำไมนายไม่บอกฉัน”

   “ท่าน ใจร้ายกับข้า ข้ากลัวว่าท่านไม่รักข้า ข้ากลัว”

   เงือกหนุ่มหลบตา ตอบด้วยเสียงแผ่ว



   “แล้วนายเอาอะไรมาตัดสินล่ะ”เขาถาม มือก็พลางอยู่ไม่สุข จับเข้าที่สะโพกอวบอิ่มปรกคลุมด้วยเกล็ดลื่นมือ

   “ทะ ท่าน ทำอะไร ปล่อยข้านะ”

   “ทำไมล่ะ ตอบคำถามของฉันมาสิ”

   “ขะ ข้า ข้าแค่กลัวมนุษย์ มนุษย์นั้นใจร้ายนักอีกอย่าง ข้าก็เป็นเพศผู้ ทะท่านคงชอบเพศเมียมากกว่า”

   “หึหึ นายมันก็คิดไปเองอยู่เรื่อย”

   พูดจบเขาก็อุ้มร่างของเงือกหนุ่มขึ้นเหนือผืนน้ำแล้วย่ำเท้าขึ้นมาบนบก

   “ได้โปรด ท่านจะทำอันใด ไม่ได้นะ”

   ชลาสินธุ์พยายามดิ้น

   

   “ทำไมจะทำไม่ได้ นายเป็นภรรยาของฉัน และที่สำคัญลูกของฉันก็อยู่ในท้องนาย”

   “ตะ แต่พ่อแม่ข้า”

   “พ่อแม่ของนายอนุญาตฉันแล้ว”

   “ท่านหมายความเช่นไรกัน”

   “ฉันคุยกับพ่อแม่ของนายแล้ว พวกเขาอนุญาตให้ฉันพานายไปอยู่ด้วย”

   ศรีสุวรรณบอก เมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้พูดคุยกับเงือกที่เป็นพ่อแม่ของชลาสินธุ์

   เขาได้รับปากกับเงือกสองตนเป็นอย่างดีว่าจะดูแลชลาสินธุ์ให้ดีที่สุด จนเงือกพ่อแม่อนุญาตและแนะนำหนทางให้

   “เหตุใดข้าจึงไม่รู้อันใดเลย”

   

   “ไปกันเถอะ”ศรีสุวรรณตัดบท

   เขาอุ้มเงือกหนุ่มเดินเข้ามาในตัวบ้านหลังใหญ่

   “ท่านจะพาข้าไปไหนกัน”

   “กลับบ้านไง ฉันจะพานายกลับบ้าน”

   “แต่ ที่นี่ไม่ใช่บ้าของท่านรึ ข้าอยากอยู่กับพ่อแม่ข้า”

   เงือกหนุ่มมุ่ยหน้า ดวงตาสีสวยเริ่มมีน้ำคลอหน่วยตา

   “ไม่ต้องห่วง ฉันจะพานายมาหาพ่อแม่บ่อยๆ แต่ตอนนี้ฉันจะต้องกลับบ้านแล้ว มันนานเกินไปที่จะอยู่ที่นี่”

   “ละ แล้วท่านจะพาข้าไปที่ใดกัน ที่นั่นน่ากลัวหรือไม่”

   “อย่าห่วงเลยฉันไม่ปล่อยให้นายเป็นอะไรหรอก ฉันจะดูแลนายเอง”

   ริมฝีปากได้รูปจรดลงบนริมฝีปากบางสวยแล้วขบเม้มอย่างหยอกเย้า



   เพล้ง!!!

   เสียงแก้วแตกทำให้ทั้งสองผงะแล้วหันไปมอง

   แขกผู้มาใหม่ของบ้านได้แต่มองมาที่เขาและเงือกหนุ่มด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น

   ร่างกายครึ่งคนครึ่งปลาที่ไม่เคยได้เห็น แค่รับรู้กลายๆว่ามีจริง

   วาลีได้แต่มอง ทำอะไรไม่ถูก เงือกเพศผู้ที่สวยราวกับหลุดออกมาจากนิทานปรัมปราทำเอาแทบจะไปไม่ถูก แจกันที่พึ่งจะ
เช็ดเสร็จร่วงลงบนพื้นแตกกระจายจนไม่เหลือชิ้นดี

   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน แล้วที่นี่มันที่ไหน ทำไมถึงมีแต่สิ่งมีชีวิตแบบนี้เต็มไปหมด



   ศรีสุวรรณเหยียดยิ้มให้กับแขกใหม่ เขารู้มาว่าคนคนนี้ ต้องการที่จะทำอะไรกับน้องชาย เขาก็นึกดูแคลนและสะใจอยู่เล็กๆ

   เรื่องนี้เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง ถึงมันจะเกี่ยวกับน้องชายของเขา เพราะตอนนี้คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็คือเจ้าของบ้าน



   “ขะ เขาเป็นใครกัน”

   “อย่าไปสนใจ นายควรสนใจเรื่องของเรามากกว่า”เขาว่าแล้ววางร่างครึ่งปลาลงบนที่นอน

   ทนใดหางที่คลุมด้วยเกร็ดสีสวยก็เปลี่ยนสภาพเป็นเรียวขายาว เรียบเนียน

   ศรีสุวรรณยิ้มอย่างพึงใจที่ได้เห็น แต่ชลาสินธุ์นั้นกลับหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย

   “พะ พี่วรรณ ทะ ท่านอย่าจ้องข้าสิ”

   “เป็นอะไรไปล่ะ มากกว่านี้นายยังไม่เห็นว่าอะไรเลย”

   “ท่านช่างเจ้าเล่ห์นัก ท่านแกล้งจมน้ำให้ข้าเข้าไปช่วย”เงือกหนุ่มหน้ามุ่ย

   “ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้นนายจะยอมออกมาไหมล่ะ”

   “มะ ไม่”

   “นั่นล่ะคือคำตอบ”

   ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่วางลงบนข้อเท้าเล็กก่อนจะไล้มันขึ้นไปที่เรียวขายาวอย่างใจเย็นพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

   “พี่วรรณ ท่านช่างลามกยิ่งนัก ลูกข้าไม่ชอบใจแน่”

   ชลาสินธุ์เบือนหน้าหนี ใบหน้าหวานแดงเรื่อด้วยความอาย

   “ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่”

   เขากระซิบข้างหู ริมฝีปากหยอกเย้าขบเข้าที่ริมหูเบาเบา ทำเอาเงือกหนุ่มตัวสั่น

   มือร้อนผ่าวเลื่อนขึ้นมากุมท้องป่องนูนแล้วลูบไล้อย่างรักใคร่

   “นี่ลูกของฉัน”

   จมูกโด่งคลอเคลียแก้มนุ่ม

   “อะอือ”

   เงือกหนุ่มหยักหน้า เบือนหน้าหลบริมฝีปากซุกซน อีกทั้งมือใหญ่ที่อยู่ไม่สุข

   “ฉันรักนาย อย่าหนีไปไหนอีกนะ”

   เสียงกระซิบดังข้างหูทำเอาเงือกหนุ่มชะงัก

   เม็ดพลอยสีสดร่วงหล่นกระทบผืนผ้าปูไม่ขาดสาย

   “อะไรกัน นายร้องไห้ทำไม”

   มือใหญ่รีบเช็ดน้ำตาที่ขอบตาก่อนมันจะร่วงลงมาเป็นเม็ดพลอยสีฟ้าสด

   หากเอาไปขายเขาคงจะกลายเป็นเศรษฐีเลยละ

   “ขะ ข้าไม่รู้”

   “แล้วนายล่ะ คิดยังไงกับฉัน”พูบไปพลางเลื่อนมือไปหยุดบนสะโพกเนียนนุ่มแล้วคลึงเบาเบา

   “ขะ ข้า”ชลาสินธุ์เงยหน้าขึ้นมอง ลมหายใจร้อนกำลังเป่ารดใบหน้าขาวทำเอาหน้าร้อนวูบ

   “ว่ายังไงล่ะ”

   “คือว่า ขะ ข้า”

   “ถ้านายไม่รีบตอบ บางที ฉันอาจจะ”


   พูดค้างเอาไว้แล้วจงใจบีบเข้าที่ก้นกลมกลึงเต็มมือ

   “อะ ข้า ข้าก็ระ รักท่าน พะ พี่ วรรณ”

   เงือกหนุ่มรีบตอบแล้วโผเข้ากอดชายหนุ่มเพราะเกรงว่าถ้าช้ากว่านี้ อาจจะเกิดเรื่องเลยเถิดขึ้นเป็นแน่

   “ก็แค่นั้น”ชายหนุ่มยิ้มพอใจ ก่อนจะจูบลงบนขมับนุ่ม

   เขาดันร่างกายบางลงบนที่นอนก่อนจะคร่อมทับ

   “เดี๋ยวสิ พี่วรรณ ข้า ข้าไม่”

   “เงียบๆน่า”

   เขากระซิบพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์



===================================================================



   “ไง กลับดึกเลยนะ”

   เสียงทำทายมาจากมุมมือทำให้เจ้าของร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาในตัวบ้านสะดุ้งเฮือก

   ควันบุหรี่ลอยคลุ้งกระจายไปทั่วทำเอาย่นจมูก

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณล่ะ”ตอบกลับไปอย่าไม่อยากจะเสวนาด้วยแล้วเดินหนีเมื่อรู้ว่าคนที่พูดแขวะกันคือใคร

   

   “ที่นายไม่ค่อยอยู่และกลับมาตอนดึกๆ นายกำลังกลัวฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ”

   “ฮึก”อเลนสะดุ้งเมื่อร่างกายสูงใหญ่จู่ๆก็ปรากฏขวางทางขึ้นอยู่ด้านหน้า

   เมื่อกี้ยังนั่งอยู่ที่โซฟาอยู่เลย แล้วทำไมถึงมาดักอยู่ข้างหน้าได้ล่ะ

   เจ้าของใบหน้าหวานถอยหนี ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความระแวง

   อุตส่าห์กลับมาในเวลาดึกเพราะเลี่ยงที่จะเจออีกฝ่าย แต่กลับเจอเข้าจนได้

   “ใช่ไหมล่ะ นายกำลังกลัวฉัน”ยักษ์หนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนได้กลิ่นหอมจางๆจากเจ้าตัว

   เขาขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ กลิ่นหอมจางที่เหมือนเคยได้กลิ่นเมื่อนานมาแล้วทำเอาความคิดเหมือนถูกตีจนรวน

   “อะไร ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย แค่ไปทำธุระแล้วก็แค่นั้น อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยน่า”อเลนตอบแล้วถอยหนี

   ทางขึ้นบันไดก็ถูกขวางเอาไว้ ไม่รู้จะทำไงต่อไปดี

   “งั้นหรอกเหรอ นายไม่กลัวฉันก็ดี จะได้ไม่ต้องเกรงใจ”

   ยักษ์สิบหน้าแสยะยิ้ม

   “อะ อะไร ถอยไป ไม่งั้นจะเรียกคนอื่นจริงๆด้วย”

   “คิดว่าจะมีใครได้ยินก็เอาสิ”

   เมื่อถูกท้ามีเหรอที่จะไม่ทำ

   แต่พยายามจะเปล่งเสียงเท่าไรก็เปล่งไม่ออก เสียงที่มีถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ทำเอาดวงตาคมซึ้งเบิกกว้างด้วยความ
ตกใจ

   “ไงล่ะ ได้ผลไหม”ยักษ์หนุ่มไม่พูดเปล่า กลับเดินเข้าหาเจ้าของร่างบอบบางจนเกือบชิด

   “คะ คุณเป็นตัวอะไรกันแน่ อย่าเข้ามานะ”

   “กลัวรึไง”

   “ไม่ใช่ ไม่ได้กลัว แค่ เหนื่อย อยากพักผ่อน”พูดไปพลางถอยหนี ตาเริ่มหลุดหลิกมองหาทางรอด

   ไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เมื่อคืนนั้นก็มีตาสีเหลืองน่ากลัว แล้วยังทำให้สร้อยคอที่ใส่มีแสงออกมาอีก แล้ว

คราวนี้อะไร ทำให้เขาพูดอะไรไม่ได้

   นี่มันอะไรกันแน่

   “อย่าเข้ามานะ”

   พอนึกถึงสร้อยได้ก็รีบล้วงสร้อยในคอมาถือขู่เอาไว้ แล้วก็ได้ผล

   อีกฝ่ายชะงักนิ่ง ไม่ก้าวเข้ามาหามากกว่าเดิม


   “กลัวไอ้นี่ใช่ไหมล่ะ”อเลนยกยิ้ม เหมือนผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า



   “หึหึ ดูท่านายจะไม่รู้อะไรนะ”ทศกัณฐ์หัวเราะในลำคอ

   “รู้อะไร”

   “ก็นี่มันคืนเดือนมืด มนต์ดำน่ะ ใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ”

   “ดะ เดี๋ยวสิ มนต์ดำอะไร เฮ้ย ปล่อย”ยังไม่ทันจะตั้งตัวก็ถูกดึงมือให้เดินตามไป

   ร่างถูกกดลงบนโซฟาตัวยาวด้วยแรงที่ไม่ผ่อนนักจนแทบจะจมลงไป

   “จะทำอะไรน่ะ”

   ร้องถามอย่างตกใจเมื่อร่างถูกจับให้คว่ำหน้าลงกับโซฟาแล้วกดหัวลง

   “อื้อ ยะ หยุด”ทำได้แต่ร้องอู้อี้ เมื่อสู้แรงไม่ได้

   แผ่นหลังเย็นวาบเมื่อเสื้อเชิ้ตตัวบางถูกเลิกขึ้นทำให้สะดุ้ง แต่ก็ไม่เท่ากางเกงที่ใส่อยู่กำลังถูกดึงทึ้งให้รุ่นลง

   “อื้อ”นั่นยิ่งทำให้ต้องยิ่งขัดขืน พยายามดึงมือยื้อกางเกงที่ใส่เอาไว้

   “อย่าดิ้นนักสิ”

   ยักหนุ่มข่มเสีย พยายามดึงเอากางเกงของอีกฝ่ายให้ร่นลง แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร

   เขาต้องการจะดูให้ได้ว่ามันเป็นตามที่เขาคิดจริงรึเปล่า บางทีคนคนนี้อาจจะเป็นคนเดียวกับคนที่เขาคิด

   เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทราวกับสีขนของอีกา

   กางเกงถูกดึงจนร่นลงเผยให้เห็นแก้มก้นขาวสะอาด หากแต่มันไม่ได้ไร้ตำหนิอย่างที่ควรจะเป็น

   ปานแดงรูปกลีบกุหลาบปรากฏอยู่บนแก้มก้นด้านซ้ายทำให้ยักษ์หนุ่มเบิกตากว้าง



   “คิดจะทำอะไรกันแน่ ไอ้หมองี่เง่า”

   ยังไม่ทันจะคิดอะไรมากก็ถูกดึงด้วยแรงมหาศาลแบบไม่ทันตั้งตัวให้ถอยตัวออกมาจากร่างโปร่งที่กำลังเข่นเขี้ยวเขี้ยวฟัน
ด้วยความเจ็บใจ

   “ไอ้โรคจิต”

   พอตั้งตัวได้ก็รีบจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วเดินหนีขึ้นห้องไป



   “ไอ้ยักษ์โลภมาก แกจะมาขวางทำไมวะเนี่ย”สบถถามด้วยความหงุดหงิด

   อุตส่าห์ได้เห็นแล้วแท้ๆ

   “หากข้าไม่หยุดไว้เจ้าคงจะรังแกมนุษย์นั่น”ธาราตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ

   “แล้วทำไมนายถึงไม่บอกฉันว่ามนุษย์นั่นเป็นนางกลับชาติมาเกิด”

   “ข้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นเจ้าที่ต้องค้นหาเอง อีกอย่าง ชิตที่แล้วนางก็ไม่ได้มีใจต่อเจ้า ชาตินี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง
ผูกพันใดใด”

   “ยักษ์งี่เง่าหลอกเด็กอย่างแกจะไปรู้อะไร”

   “จริงอยู่ข้าไม่รู้อะไร แต่ข้าไม่ได้หรอกเด็กอย่างที่เจ้าบ้า เจ้าโง่ ขืนเจ้าทำแบบที่เจ้าทำอยู่ต่อไป อีกไม่นานมนุษย์นั่นจะหนี
เจ้าไปแน่”

   “ฉันไม่ปล่อยให้หนีไปง่ายๆหรอก”

   จะมาล่อหลอกให้ตายใจแล้วหนีไปเหมือนชาติที่แล้วไม่ได้เด็ดขาด

   รูปวาดที่ลงมนต์เสน่ห์ถูกส่งไปทั่วได้ตกมาถึงมือของเขา ให้ทำให้เขาหลงรักเจ้าของรูปวาดนั้นตั้งแต่แรกเห็น

   เรือนผมสีดำสนิทกับใบหน้าที่สวยราวนางสวรรค์นั้นทำให้อดใจไม่ไหวจึงได้ลักพาตัวไปเอามา

   แต่ก็ไม่สามารถแตะต้องได้เพราะสร้อยคอที่ใส่เพื่อป้องกันตัวจากพวกอมนุษย์

   พอเผลอละสายตาเข้า รู้ตัวอีกทีก็ดันหนีไปซะได้ ถึงได้ผูกใจเจ็บและฝังใจมาถึงทุกวันนี้

   


==================================================================

หายไปหลายวัน หุหุ คิดถึ๊ง คิดถึง คนอ่าน


ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
พี่วรรณแผนสูงมาก แล้วแบบนี้ชลาสินธุ์คนใจดีจะหนีไปไหนได้กันล่ะคะ :-[

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เงือกน้อยน่ารัก เดียวลูกของมณีก็จะได้มีเพื่อนเล่นแล้วซินะ :mew1:

อเลนหาที่พักใหม่เถอะนะ ไม่งั้นสักวันจะโดนหมอปล้ำแน่ๆ :hao6:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เรื่องนี้เด็กๆเต็มบ้านแน่นอนเลย

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ชอบคู่ของพ่อเงือกกับพี่วรรณอ่ะ หวานซึ้งดีคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
กำลังสงสัยว่านางคือใคร  :hao4:

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
ตื่นเต้นก้บทุกคู่เชียรสุดใจเลยยยย

ออฟไลน์ Paparazzi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1050
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-11
สนุกๆๆๆ รอตอนต่อไปน้าาาาา :impress2:

ออฟไลน์ ฤดูใบไม้หลากสี

  • ผู้เป็นอิสระเหนือทุกสิ่ง
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-2
    • อิสระ ไม่อาจพรากไปจากเรา, จินตนาการก็อยู่คู่เราจนสิ้นลมหายใจ
ชื่อเรื่องไม่เหมือนในเด็กดีเลยแต่ชอบชื่อเรื่องในเล้า โอเคต่อไปอ่านตามต่อในเล้า อิอิ

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
ทศกัณฑ์กับอเลนนี่มีอดีตอะไรกันเนี่ยย

พี่วรรณก็ช่างเจ้าเล่ห์จริง :hao3:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โถถถถถถ พ่อตาแม่ยายให้ความร่วมมือ น้องเงือกจะหนีไปไหนรอด (เสร็จพี่วรรณไปตามระเบียบ)

อุ๊ย อุ๊ย ตอนท้ายนี่มันอะไร ชวนจิ้นอีกแล้วเนี่ยะ  :hao6:

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
39176


ครั้งที่ 25.2  ท้อง

ทางด้านหนุ่มลูกครึ่งหน้าใส พอเข้าห้องมาได้ก็รีบล็อกประตูลงกลอนเสร็จสรรพ กลัวว่าไอ้หมอบ้านั่นจะเข้ามาทำไม่ดีไม่ร้ายตัวเองอีกรอบ
   
ไม่รู้มาก่อนว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร ก็พอรู้ว่าโลกนี้มันมีการทำไสยศาสตร์ที่รียกว่าทำเสน่ห์แบบที่เคยทำตามตำราของพ่อ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่มันมีเวทมนต์คาถา

   หรือว่ากลายร่างได้ เปลี่ยนสีตาได้แบบนั้น แค่นึกถึงก็ขนลุกไปทั้งตัว

   มือเล็กรีบค้นเอาสัมภาระในตู้เสื้อผ้าของตนออกมาแล้วจัดการพับอย่างชุ่ยๆ ยัดลงใส่กระเป๋า

   วันพรุ่งนี้ล่ะ จะต้องไปจากที่นี่ให้ได้ มีเวลาอีกไม่กี่เดือนที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระก่อนที่จะต้องรับช่วงต่อกิจการของที่บ้านที่
อยู่ต่างประเทศ

   ถ้าถึงเวลานั้นจะไม่มีเวลาว่างไปไหนมาไหนอีก ถึงได้ถ่อกลับมาที่นี่ แต่ใครจะคิดละว่าจะต้องเจอกับตัวประหลาดน่ากลัว
แบบนี้

   นึกแล้วก็รอให้ถึงเวลาเช้าแทบจะไม่ไหว





================================================================



   ในตอนเช้าของวันนี้ ผมตื่นมาพร้อมกับอาการปวดที่หลังกับบั้นเอวมากถึงขั้นต้องยกมือบีบนวดบั้นเอวของตัวเอง

   วันนี้พี่ธาราเองก็มาที่บ้านแต่เช้าเพื่อมาทานอาหารเช้าเหมือนกับทุกๆวันจนพ่อกับแม่ชินและคิดว่าพี่เขาเป็นครับครัวไปแล้ว

   แต่ผมนี่สิ สี่เดือนจนท้องนูนออกมาเหมือนคนลงพุง ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงดี

   เสื้อผ้าที่ใส่ก็เริ่มจะคับ จนต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ ได้สปอนเซอร์ดีดีจากว่าที่ลูกเขยอย่างพี่ธาราเป็นคนพาไปซื้อ

   เพราะพี่เขาเอาแต่ตามติดประคบประหงมจนแทบไม่ห่าง กุญแจรถมอเตอร์ไซก็ถูกยึดและถูกห้ามขับนับจากนี้เป็นต้นไป

   ทำเอาชีวิตที่คิดว่าอนาคตมันน่าจะมีรสชาติ แทบจะจืดจางลงทันที

   อาหารมื้อเช้าจบลง พี่ธาราก็พาผมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่มันไซต์ใหญ่กว่าเดิม

   คนอื่นๆมองไม่เห็นว่าท้องของผมมันใหญ่แค่ไหนเพราะคุณลุงวสินบอกว่าท้องของผมเป็นการใช้มนต์อุ้มเอาไว้

   ซึ่งคนเซ่อซ่าอย่างผมไม่ค่อยเข้าใจนัก รู้แค่ว่าถ้าไม่อยากให้ใครเห็นเขาก็จะไม่เห็น

   พอเสร็จแล้วเราก็มาที่บ้านขอพี่ธารา ตามปกติเพราะต้องมาหาหมอทศกัณฐ์ ที่ผมรู้แล้วว่าเขามาอยู่ที่นี่เพื่อที่จะดูแลเด็กที่
อยู่ในท้องอย่างใกล้ชิด

   

   “ม๊านี”เสียงเรียกยานคางพร้อมกับร่างของเจ้าของเสียงโถทเข้ามากอดจนแทบจะหายใจไม่ออก

   “มีอะไรเหรอครับ เรียกซะดังเชียว”ผมถามพลางยิ้มแหยๆให้กับพี่ธาราที่ทำหน้าไม่พอใจทันทีที่พี่อเลนโผเข้ามากอดผม

   จนถึงขนาดมีลูกด้วยกันแล้วยังคิดจะหึงกันอีก?

   “พี่ขอไปอยู่ที่บ้านมณีได้ไหม นะมณี คือว่าพี่”ยังไม่ทันที่พี่อเลนจะพูดจบประโยค ใบหน้าขาวในแบบลูกครึ่งก็ถูกมือใหญ่
ของพี่ธาราดันให้ออกห่างจากหน้าผม

   “ใกล้เกินไป”พี่ธาราบอกน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   

   “อะไรกัน จะหวงอะไรนักหนาธารา”พี่อเลนขมวดคิ้ว ยอมถอยหน้าออกไปแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่เกาะแขนผมไว้แน่น

   “ว่าแต่ทำไมถึงอยากไปอยู่บ้านผมล่ะ ที่นี่ไม่ดีเหรอครับ”ผมถามเพราะที่นี่ออกจะกว้างและสะดวกกว่าบ้านผมเยอะ

   พี่อเลนมีสีหน้าอึกอัก หลุบตาลงต่ำคล้ายกำลังคิดหาคำตอบ

   ผมมองไปข้างๆตัวก็เห็นว่ามีกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ตั้งไว้ไม่ไกล

   หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่ารู้แล้วว่าพี่ธารากับหมอทศเป็นยักษ์

   “คือว่า พี่”

   “ว่าไครับ”

   ผมมองไปทางพี่ธาราที่ส่ายหน้าเบาเบาคล้ายกับจะบอกว่าเขาไม่เกี่ยว แล้วถ้าไม่ใช่เขา จะเป็นใครล่ะ



   “ไหนบอกว่าไม่กลัวไงล่ะ ถึงขั้นเก็บกระเป๋าหนีกันเลยรึไง”เสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นบุหรี่จางๆลอยมาแต่ไกล

   พี่อเลนหันไปเบ้หน้าใส่แล้วหันกลับมาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าอ้อนวอน

   “นะ มณี ให้พี่ไปอยู่ด้วยนะ”

   “งั้นก็ได้ครับ แต่ต้องรอให้ผมทำธุระเสร็จก่อนนะครับ”ผมบอกก่อนจะหันไปมองหมอประจำตัวที่มีสีหน้าไม่พอใจ

   สองคนนี้ต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ไม่งั้นจู่ๆพี่อเลนไม่ลุกขึ้นมาเก็บกระเป๋ากะทันหันแบบนี้ แล้วที่ว่ากลัวนี่ คงไม่ใช่รู้อะไร
แปลกๆมาหรอกนะ

   “ไม่มีปัญหา พี่รอได้สบายมาก”พี่อเลนยิ้มดีใจ

   แล้วหันไปทำหน้าไม่พอใจใส่หมอทศกัณฐ์





   หลังจากที่ตรวจเสร็จพี่ธาราก็พามาส่งที่บ้านพร้อมกับพี่อเลนกับสัมภาระเตรียมมาอยู่กับผมด้วย

   ครั้งแรกพี่ธาราก็ไม่ค่อยอยากจะยอมให้พี่อเลนมาอยู่บ้านผมสักเท่าไร  จนผมต้องลงทุนเสียหายไปหลายจูบกว่าจะยอมให้
พี่อเลนมาอยู่ที่บ้านผมได้

   ยังไงซะห้องพี่วรรณก็ยังว่างอีกอย่างผมไม่อยากให้พี่อเลนไปอยู่ข้างนอก เพราะพี่เขาจะมาอยู่ระยะยาวมันจะเปลืองค่าใช่
จ่ายค่อนข้างสูงและค่อนข้างอันตราย ดูจากหน้าตาที่น่าล่อลวงแบบนั้น

   นึกไม่ถึงว่าพอเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแล้วจะตัวดูน่ารังแกแบบนี้ คงจะโดนหมอหน้าเถื่อนอย่าหมอทศกัณฐ์แกล้งมาไม่ผิดแน่



   “กลับมาแล้วเหรอตัวแสบ”

   เสียงที่ไม่ได้ยินมานานทักทายทำให้ผมเงยหน้ามอง แทบจะกระโดดไปขี่คอพี่วรรณถ้าไม่ติดว่าท้อง

   คิดว่าจะไม่กลับมาจากเกาะพิสดารนั่นแล้วเชียว

   แล้วนั่น!!

   “ชลาสินธุ์!!”

   ทำไมชลาสินธุ์ถึงมีขาล่ะ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ผมมองพี่วรรณกับชลาสินธุ์สลับกันไปมา

   ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับท้องของชลาสินธุ์ที่ป่องนูนออกมา

   อย่าบอกนะว่า ท้องน่ะ!!!

   “รู้จักกันด้วยเรอะ”พ่อถามขึ้นมา

   “ก็รู้จักอะพ่อ แล้วพ่ออะ รู้จักเหรอ”

   “จะไม่ให้รู้จักได้ไง เกือบจะช็อกตายไปเมื่อกี้ แม่เอ็งก็แทบเป็นลมเป็นแล้งใครจะไปคิดว่าพี่เอ็งจู่ๆจะพาลูกสะใภ้ที่เป็น
ผู้ชายเข้าบ้าน”

   “อะ อะไรนะพ่อ!”ผมถามย้ำอย่างไม่ค่อยเชื่อหู

   “ก็นั่นแหละ พ่อชลาสินธุ์นั่นเป็นพี่สะใภ้ของเอ็ง”

   “อะไร พี่วรรณ เมื่อไร ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง?”

   “นานแล้ว”พี่วรรณตบพลางลูบหัวผม



   “ละ แล้วนั่นทำไมท้องถึงได้ใหญ่แบบนั้นล่ะ ตัวก็เล็กนิดเดียวเอง”แม่ถามพลางดมยาดมอย่างข้อใจ หัวก็เอนซบไหล่พ่อที่
กำลังยกมือยกไม้โบกให้

   “นั่นล่ะที่ผมอยากจะบอก”พี่วรรณยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ผมกับชลาสินธุ์เรากำลังจะมีลูกด้วยกันครับ ในท้องนี่คือลูกของผม”

   “อะไรนะ!! ทะ ท้องเหรอ โอย แม่จะเป็นลม”แม่ถามย้ำเสียงดัง พลางสูดยาดมเฮือกใหญ่

   “ครับท้อง”

   “แต่เมียลูกเป็นผู้ชายไม่ใช่รึไง”

   “ครับเป็นผู้ชายครับ”

   “ละ แล้ว ท้องได้ยังไงวะ อย่ามาพูดให้แม่เอ็งเป็นลมเป็นแล้ง ไอ้มณีก็มีพ่อธาราไปแล้วคนนึง นี่ยังจะเอ็งอีก แล้วยังมาบ
อกว่าทำผู้ชายท้อง จะล้อเล่นอะไรก็ให้มันน่าเชื่อหน่อยไอ้วรรณ”คราวนี้พ่อบ่น

   แต่ผมนี่สิ ถึงกับหน้าซีด ลูกสะใภ้เป็นผู้ชายแม่ก็จะเป็นลมเป็นแล้ง ถ้าแม่รู้ว่าผมท้องนี่จะขนาดไหนกัน



   “ท้องจริงๆครับ จะสี่เดือนแล้ว”พี่วรรณพูดจบก็ดึงชายเสื้อของชลาสินธุ์ให้เปิดขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องสีขาวจัดป่องออกมา
จนเห็นได้ชัด

   ผมได้แต่มองตาค้าง ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น รวมถึงพ่อแม่และพี่อเลนที่ติดสอยห้อยตามาก็มองกันอย่าไม่เชื่อสายตา

   ท้องของชลาสินธุ์เล็กกว่าของผมเล็กน้อย แต่ก็ใหญ่พอพอกัน

   ผมมองแล้วเริ่มครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี ผมเอื้อมมือไปจับมือของพี่ธาราแล้วบีบแน่นคล้ายกับต้องการที่พึ่งทางใจ

   

   “พ่อ แม่ มณีมีอะไรจะบอก”ผมพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนนิ่งเงียบเพราะช็อกกับเรื่องที่ชลาสินธุ์ท้อง

   “อะไรของเอ็ง จะมาบอกอะไรตอนนี้ เห็นไหมว่าคนอื่นๆกำลังตกใจอยู่”

   พ่อหันมาบ่นเข้าให้ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ไหนไหนพ่อกับแม่ก็ช็อกไปแล้ว งั้นก็อาศัยจังหวะนี้ล่ะ



   “ผมท้อง”

   


===================================================================

จะบอกเลยว่า เรื่องเดิมเลยคือทศกัณฐ์หลงรักนางสีดาตั้งแต่แรกเห็น จึงได้ลักพาตัวนางสีดาไป แต่ไม่สามารถแตะต้องนางสีดาได้เพราะนางเป็นลูกแท้ๆของทศกัณฐ์
ส่วนดั้งเดิมของนางละเวลเลยคือนางส่งรูปของตัวเองที่ลงเสน่ห์ไปให้เจ้าเมืองอื่นๆทำให้หลงรัก

เลยเอามาฟีทกัน ว่าชาติที่แล้วขุ่นหมอทศหลงรักนางละเวงจากรูปภาพตั้งแต่แรกเห็นจึงลักพาตัว แต่เเตะต้องไม่ได้เพราะมีสร้อยคอทับทิมที่ใส่อยู่ แล้วนางละเวงก็หนีมา จึงได้ผูกใจเจ็บทั้งที่ยังรักอยู่

สำหรับคนที่งง เพราะมีหลายคู่จัด แถมยังอ้างอิงบ้างไ่อ้างอิงบ้าง555 ถ้าอันไหนอ้างจากของจริงเราจะบอกไว้เลย ไม่ต้องห่วงว่าจะสับสนเนอะ

หายไปนาน ปวดตาแรงมาก จ้องหน้าจอไม่ไหว ปวดสุดๆ แถมปวดข้างเดียว เง้อ ตอนนี้ก็ยังปวด แต่ไม่อยากหายไปนาน กลัวโดนลืม 555 มาต่อให้จบบท

ใกล้จบแล้วแหละ รอนางสุวรรณมาลีโผล่มา ตอนหน้านี้ละมั้ง

[/color]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2015 03:25:02 โดย โซ อึน »

ออฟไลน์ โซ อึน

  • อยากให้โลกนี้มีเท่ากัน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-4
    • แฟนเพจเจ้าค่ะ
39176


ครั้งที่ 26 สารภาพ

   “ผมท้อง”


   ผมบอกออกไปหลังที่นิ่งทำใจอยู่พักใหญ่ แต่ดูสีหนาของพ่อกับไม่ไม่ได้ตกใจไปมากกว่าเดิมเลยสักนิด

   นึกว่าจะตกใจกันมากกว่านี้ซะอีก

   “ไม่ตกใจกันเหรอ”ผมหน้าเหรอหลา มองพ่อกับแม่ พี่อเลนเองก็หน้าเหวอไม่แพ้กัน

   “ยังจะมาเล่นอีก ใช่เวลามาเล่นไหมไอ้ลูกคนนี้”พ่อบ่น

   “จะ จริงๆนะพ่อ ผมท้องจริงๆ”

   “เอ็งจะท้องได้ยังไง เอ็งเป็นผู้ชาย”

   “จริงๆนะพ่อ ผมท้อง ทีชลาสินธุ์ท้องทำไมพ่อเชื่อล่ะ”


   “ก็นั่นมันชลาสินธุ์ แล้วท้องเขาก็ป่องขนาดนั้น แต่เอ็งมันอ้วน เพราะช่วงกินเยอะไม่ใช่รึไง”

   “มณีไม่ได้อ้วนนะพ่อ พ่อฟังบ้างดิ  มณีท้องจริงจริง”

   “เอะ ไอ้ลูกคนนี้ ยังไม่หยุดอีก”

   พอบอกก็ไม่เชื่อกัน ให้ตายเถอะ แต่ละคน จะมีใครสนใจและเชื่อผมบ้างไหม

   ผมได้แต่กุมขมับ





   “น้องมณีท้องจริงๆครับ ท้องกับผม”พี่ธาราดึงผมเข้าไปโอบเอว “ให้พ่อกับแม่เจ้าดูสิ”พี่ธารากระซิบพร้อมกับดึงชายเสื้อ
ของผมเปิดขึ้น

   ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วคิดว่าอยากให้พ่อกับแม่เห็น

   พอเปิดเสื้อออกเท่านั้นพ่อกับแม่ถึงกับตาโต ไม่เว้นแม้แต่พี่วรรณ ชลาสินธุ์ หรือแม้กระทั่งพี่อเลนที่ตอนนี้ยืนเกาะกำแพง
คล้ายทำท่าจะเป็นลมไปตามๆกับแม่

   จากปกติที่ทุกคนเห็นแค่ว่าผมมีพุงนิดๆ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เห็นว่าท้องผมป่องออกมาเยอะเลย

   นี่แค่สี่เดือนมันยังใหญ่ขนาดนี้ แล้วถ้าเก้าเดือนจะใหญ่ขนาดไหน แถมยังเป็นลูกแฝดอีก



   “อะ อะไรกันเนี่ย โอ้ย แม่จะเป็นลมจริงๆแล้ว ไม่นึกมั่นว่าจะมีวันนี้”

   พอแม่พูดแบบนั้นพ่อก็รีบพัดรีบโบกให้แม่เป็นการใหญ่

   “นี่ เอ็งท้องได้ยังไง อย่าบอกนะว่าพ่อธาราไม่ใช่คนอย่างพวกเรา”พ่อหันไปมองพี่ธารา

   “ครับ ผมเป็นยักษ์ ไม่ใช่มนุษย์แบบพวกคุณพ่อ”พี่ธาราตอบ

   “ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุมันจะเป็นเรื่องจริง ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้”

   “เรื่องอะไรครับพ่อ”พี่วรรณถามพลางโอบกอดชลาสินธุ์ด้วยท่าทางรักใคร่

   แล้วไปรักกันตอนไหน อย่าบอกนะว่ารักกันตอนที่อยู่ที่เกาะ

   “มันมีคำทำนายตกทอดกันมาตั้งแต่รุนปู่รุ่นทวดว่าลูกหลานที่เกิดมาจะต้องชดใช้กรรมจะมีคู่ชีวิตเป็นอมนุษย์และมีลูกด้วยกัน
ตอนนั้นก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่คิดเลยว่ามันจะมาตกอยู่กับลูกของตัวเอง”



   พ่อเท้าความ ผมได้แต่มองตาปริบๆในขณะที่พี่ธารากำลังใช้ฝ่ามือลูกท้องผมอย่างแผ่วเบา


   “แล้วคราวนี้จะทำยังไงล่ะพ่อ”แม่ถาม

   “จะทำไงได้ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามชะตากำหนด”พ่อถอนหายใจ

   “ไม่ดีเหรอแม่ ได้หลานทีเดียวพร้อมกันสามคน”ผมพูดพร้อมฉีกยิ้มหวังให้แม่ใจเย็นลง

   “อะ อะไรนะ สามคน ได้ยังไงกัน”แทนที่แม่จะหายตกใจ กลับตกใจมากกว่าเก่าอีก

   พลาดแล้วมณี ผมได้แต่ยิ้มแห้ง

   “ลูกของเราเป็นแฝดครับคุณแม่”พี่ธาราบอกแทน

   “ห่ะ แฝดงั้นเหรอ โอย ใครก็ไดปลุกแม่ที แม่คงจะฝันไป ลูกชายท้อง ลูกเขยเป็นยักษ์ ลูกสะใภ้เป็นผู้ชายแถมท้องอีก
แล้วลูกสะใภ้คงไม่ใช่ยักษืไม่ใช่อะไรหรอกนะ”

   แม่ถามพร้อมกับสูดยาดมอีกเฮือก



   “ปะ เป็นเงือก”ชลาสินธุ์บอกเสียงเบาจนเกือยไม่ได้ยินพลางก้มหน้าคล้ายว่าตัวเองทำความผิด



   “อะไรนะ!! งะ เงือก อย่าบอกนะว่าเงือกที่อยู่ในน้ำน่ะ วรรณ ชลาสินธุ์ล้อแม่เล่นใช่ไหมลูก บอกแม่ที”

   “ไม่ได้ล้อเล่นครับ ชลาสินธุ์เป็นเงือก พอขึ้นมาบนพื้นดินจะมีขาเหมืนอคนทั่วไปน่ะครับ”พี่วรรณตอบ

   ส่วนแม่น่ะเหรอ ยาดมร่วงลงพื้นไปแล้ว ได้แต่อ้าปากพูดอะไรไม่ออก

   เป็นใครก็ต้องเป็นแบบนี้เมื่อรู้ว่ามีลูกเขยเละลูกสะใภ้เป็นยักษ์กับเงือก



   ตุบ!!



   เสียงคล้ายกับอะไรร่วงลงพื้นทำให้ผมหันไปมองเห็นพี่อเลนทรุดลงนั่งอยู่บนพื้นก็ถึงกับถอนหายใจ

   รู้แล้วสินะว่าพี่ธาราเป็นยักษ์แล้วไหนจะมีเงือกอีก คงจะช็อกจนเข่าอ่อน

   “เป็นอะไรไหมครับ”ผมฉุดให้พี่อเลนลุกขึ้น

   “มะ ไม่เป็นไร”

   พี่อเลนตอบพลางจ้องมองท้องของผม เขาเองก็เห็นว่าท้องของผมป่องออกมาเหมือนคนอื่นๆแล้ว

   “ไม่ตกใจนะครับ”

   “มะ ไม่ ไม่เป็นไร พี่ เอ่อ รับไหว”พี่อเลนยิ้มแห้ง

   “ว่าแต่ ผมว่าพี่คงจะต้องนอนห้องเดียวกับผมแล้ว พี่วรรณกลับมาแล้ว ห้องคงไม่ว่าง”

   “ไม่เป็นไร พี่นอนได้”เขายิ้มพลางยันตัวลุกขึ้นยืน

   ผมเหลือบมองพี่ธาราเดินไปคุยกับพี่วรรณ ไม่รู้ว่าสองคนไปสนิทกันตอนไหน ส่วนชลาสินธุ์ก็นั่งหน้าแดงเรื่อคุยกับพ่อแม่
ด้วยท่าทางเขินอาย

   คงจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันสักพัก กว่าต่างคนจะยอมรับซึ่งกันและกันได้เหมือนกับผมและพี่ธารา





   ในที่สุดเรื่องราวสุดวุ่นวายก็จบลง พี่วรรณและชลาสินธุ์ย้ายไปอยู่ที่บ้านขอพี่ธาราเพราะที่นั่นมีสระน้ำและมีหมอทศกัณฐ์
คอยดูแลชลาสินธุ์เผื่อมีอะไรผิดปกติ พี่อเลนจึงได้พักห้องพี่วรรณอย่างที่หวังเอาไว้

   ส่วนผมก็มีพี่วรรณคอยมารับมาส่งอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งพ่อแม่ที่คอยช่วยดูแลมากกว่าเดิมในเรื่องอาหารการกินและเรื่องอื่นๆ





===================================================================



   จนกระทั่งเจ็ดเดือนผ่านไป ท้องของผมมันใหญ่จนรู้สึกว่าหลังจะหักให้ได้ แต่คนอื่นๆจะมองไม่เห็นและไม่สังเกต

   หากไม่ใช่คนที่ผมอยากจะให้เห็น การที่มีคนคอยดูแลประคบประหงมตลอดเวลามันก็ดี รู้สึกว่าอบอุ่น

   แต่บางครั้งมันก็อุ่นจนเกือบจะร้อนเกินไปเมื่อโดนห้ามนั่นห้ามนี่ที่อาจจะเกิดอันตรายขึ้นมา

   “พี่ธารา”ผมเรียกพี่ธาราในขณะที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่มพร้อมกับพี่อเลนที่นั่งดูอยู่ตรงข้าม

   ปากก็คอยอ้ารับเค้กคำโตที่พี่ธาราคอยป้อนอยู่ตลอดเวลา


   “มีอะไรรึ?”

   “ที่พี่เคยบอกว่าผมขโมยลูกแก้วอะไรของพวกพี่ไป มันเกี่ยวอะไรกับผมต้องมีลูกให้พี่ด้วยล่ะ”ผมถามพลางงับช้อนที่ป้อนมา

   “ทำไมถึงอยากรู้”พี่ธาราเอียงคอถาม

   “ผมก็แค่อยากรู้ ว่ามันเกี่ยวกันยังไง”

   “ตอนที่เจ้าหนีไปกับสินสมุทร เจ้าขโมยเอาลูกแก้วไปเพื่อเป็นตัวประกัน”

   “แล้วไงต่อ”ผมอ้าปากรอ เหลือบไปมองอีกคนที่นั่งอยู่หน้าจอ พี่อเลนเองก็มองมาอย่างสนใจกับเรื่องที่พี่ธารากำลังเล่า

   คงจะทำใจยอมรับเรื่องหลุดโลกได้แล้วล่ะมั้ง

   “ตอนที่นางผีเสื้อสมุทรตามไป สินสมุทรได้กลืนกินเอาลูกแก้วนั้นเข้าไป การจะทำให้ลูกแก้วนั้นกลับคืนมาจะต้องให้สิน
สมุทรกลับมาเกิดอีกรอบ ในร่างของครึ่งคนครึ่ยักษ์เหมือนเก่า”

   “แล้วทำไมนายถึงได้ลูกแฝดล่ะ”พี่อเลนถามท่าทางสนใจ

   แต่ผมนี่สิหน้าร้อนขึ้นมาทันที จะให้บอกว่าไง บอกว่าโลภมากต่อรอบสอง ถึงได้มีสุดสาครตามมาอีกคนรึไง




   “ทำสองรอบ”

   พี่ธาราตอบหน้าตาย แล้วยิ่มมุมปากอย่างภูมิใจ


   “อะ จะไปบอกพี่เขาทำไม จะบ้ารึไง”

   “เจ้าอายรึ”พี่ธาราว่าแล้วดึงผมเข้าไปชิด

   ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้จนจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม แล้วลิ้นร้อนก็ตวัดลงที่มุมปากของผม

   ฉกเอาครีมที่ไม่รู้ว่าเลอะเมื่อไรเข้าปากไป ผมได้แต่มองค้อน หันไปมองพี่อเลนที่ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์

   “ผม ไม่อายสักหน่อย ใครอาย ไม่มี๊ ไม่มี”



   “ว่าแต่พี่อเลน พี่จะกลับเมื่อไรเหรอครับ พ่อกับเเม่พี่ไม่ว่าเหรอ มานานขนาดนี้”

   “ไม่หรอก พ่อกับแม่พี่อนุญาตแล้ว ว่าก่อนจะรับช่วงต่อกิจการของที่บ้านพี่สามารถไปไหนมาไหนก็ได้ แต่นี่ก็เหลือเวลาอีก
แค่สองเดือนพี่ก็ต้องงกลับแล้ว อีกนานเลยกว่าจะได้เจอกันอีก”

   พี่อเลนพูดพลางทำหน้าเสียดาย

   “มาไม่ได้ผมก็ไปหาพี่ได้นี่”ผมปลอบใจ

   “จะไปได้เร้อ”พี่อเลนยิ้มเจ้าห์พลางเลิกคิ้วมองพี่ธารา

   “ไปได้สิ ผมจะพาลูกๆไปด้วย ไม่เคยไปหรอกต่างประเทศ อยากลองไปสักครั้ง คงได้นะครับ”ผมถามพี่ธารา

   “ตามใจเจ้ากับลูกก็แล้วกัน”

   “เห็นไหม ถึงพี่ไม่มาหาผมผมก็ไปหาพี่ได้ ไม่ต้องห่วง”

   “นั่นสินะ มณีนี่น่ารักจริงๆ เสียดายที่เสร็จธาราไปซะก่อน แถมเสร็จไปสองรอบอีก”

   “เฮ้ย ไม่ใช่ สองรอบอะไรขอพี่ ดูหนังดีกว่า กำลังมันส์ อะ โอ๊ะ”’

   แล้วผมก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อเจ้าตัวแสบที่อยู่ในท้องสามัคคีกันดิ้นจนไอ้ที่เคี้ยวในปากแทบพุ่ง

   “เป็นอย่างไรเล่า ลูกเจ้าดื้อเหมือนเจ้าไม่มีผิด มัวแค่คุยนัก แม่เจ้ากินไม่ทันใจสินะลูกพ่อ”พี่ธาราโผเข้ามากอดเป็นห่วงผม
แต่ที่ไหนได้กลับซ้ำเติมและเข้าข้างลูกในท้องกันซะได้

      มีเค้าลางว่าผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าซะแล้ว



===================================================================



   ในคืนที่แสงจันทร์ดับสนิทไม่มีแม้แต่จะเล็ดลอดส่องลงมาให้เห็นกายสูงโปร่งซุกตัวเข้าหาผ้าห่มเมื่ออากาศภายนอกนั้น
กำลังแปรปรวน

   พายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นทำให้ฟ้าฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งคล้ายกับใครบางคนกำลังเล่นตลก

   แสงวูบวาบจากท้องฟ้าเป็นระยะเป็นประกายส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระจกใส

   เงาดำทะมึนก่อตัวเป็นรูปร่างพร้อมกับนัยน์ตาสีเหลืองอำพันดูน่าหวั่นเกรง

   ฝีเท้าจรดลงบนพื้นกระดานอย่างเงียบงันไร้เสียงราวกับว่ามันไม่ได้แตะไปบนพื้นไม้นั่น

   มันคืบคลานเข้าไปที่เตียง จ้องมองร่างที่หลับไหล่อย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

   มือใหญ่ในเงามือค่อยๆดึงรั้งผ้าห่มให้เปิดออกอย่างเบามือ คนที่ถูกรบกวนนามหลับพลิกกายอย่างรำคาญก่อนจะแน่นนิ่ง
เหมือนเก่า

   มือใหญ่ปัดเส้นผมสีดำสนิทราวกับจะกลืนไปกับรัตติกาลให้เผยออกเห็นต้นคอยาวระหง

   สร้อยคอประดับอัญมณีเม็ดสวยถูกปลดออกอย่างเบามือก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะแสยะขึ้นอย่างพึงใจ

   ในที่สุดสิ่งที่มันเป็นตัวเกะกะก็ถูกกำจัดไปเสียที



   

===================================================================





ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
อ้าวววว หมอทศแอบย่องมากลางดึกเชียวนะ แหม่

ชอบคู่ชลาสินธุ์มากๆเลยค่ะ ขอตอนพิเศษคู่นี้เยอะๆนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด