ครั้งที่ 26.2 นางสุดท้าย
ช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายวิชาเริ่มจะสอบเก็บคะแนน จึงทำให้นักศึกษาหลายคนต่างคนก็ต่างยุ่งวุ่นวายกับการเรียน ไม่เว้นแม้แต่ยักษ์อย่างพี่ธาราที่มีโปรเจกอะไรหลายๆอย่างต้องทำ
แต่เมื่อมีเวลาว่างพี่เขาก็จะมาคอยดูแลลูกในท้องผมอย่าใกล้ชิดตลอดจนผมนึกอุ่นใจ
ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ต้องมีแฟนเป็นผู้ชาย แถมเป็นยักษ์ ยังไม่พอ ตัวเองก็ดันมาท้องซะอีก เรื่องราววุ่นวุ่นมันเยอะมากมายจนนับไม่ถ้วน
ชีวิตอันสุขสงบในแบบวัยรุ่นที่อยากได้ถูกก่อกวนจนรวนไปหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อ ไม่สิ คุณแม่ลูกสองอย่าง
ผมจะยอมเสียชีวิตวัยรุ่นเฟี้ยวๆง่ายๆ
วันนี้วิชาเรียนในภาคบ่ายถูกยกเลิก ประจวบเหมาะกับพี่ธารากว่าจะเลิกเรียนอีกทีก็สี่โมงกว่า
พอได้โอกาสที่จะออกไปสูดอากาศคนเดียวผมก็ไม่รีรอ ไว้ใกล้ถึงเวลาค่อยกลับมาอีกที
“มณี แกจะไปไหน ไม่รอพี่ธารารึไงวะ”นนท์ร้องทักเมื่อเห็นว่าผมเตรียมตัวเก็บของ
“นั่นสิ ไม่รอพี่ธารารึไงมณี”โมถามย้ำ
“เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง”เชียรเตือน
“ไม่เป็นไรหรอก กลับมาทันอยู่แล้ว แค่นี้เอง สบายมาก ขอแค่อย่าบอกพี่ธาราแล้วกัน”
“เออ แล้วแต่แล้วกัน จะหาว่าไม่เตือน แล้วจะไปไหนล่ะ”เชียรถาม
“ไปหาด จะไปตากลมสักหน่อย ไม่ได้ไปนาน แล้วพวกแกไปไหน”
“ก็คงไปเดินเล่นในเมือง แล้วก็กลับ”
“งั้นโชคดี ไปละ เดี๋ยวจะเสียเวลาไปเปล่าๆ”ผมโบกมือลา
นานๆทีจะได้เปิดหูเปิดตาไม่มีใครตามประกบซักที เจ็ดเดือนแล้วที่ไม่ได้ไปไหนมาไหนอย่างสบายใจขนาดนี้
ถึงจะหนักท้องแต่ก็สู้ตาย!!
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเพราะเป็นช่วงฤดูมรสุม ลมทะเลพัดเข้าฝั่งแรงจนผมที่ปรกหน้ามันยุ่งไปหมด
ผมทอดมองผืนน้ำเต็มไปด้วยคลื่นกำลังแปรปรวนจากสภาพอากาศ
อุตส่าห์ได้ออกมาคนเดียวทั้งที ดันเจอพายุเข้าซะได้ ผมได้แต่ถอนหายใจ แต่ยังพอมีเวลาอีกหน่อย
ร้านค้าที่ตั้งอยู่แนวหาดเริ่มเก็บร้านเพราะพายุกำลังจะเข้า ผู้คนเริ่มบางตาลงไปเยอะ
ครั้งแรกที่ผมเจอกับพี่ธาราก็ริมหาดเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเป็นตอนกลางคืน แถมตอนนั้นผมยังคิดว่าพี่ธาราเป็นพวกโจรมา
หลอกปล้นอีก
พอคิดย้อนไปแล้วก็เหมือนกับฝัน ไม่นึกว่าหลังจากวันนั้นจะต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายขนาดนี้
กลุ่มเมฆเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ สายลมพัดหอบเอากลิ่นอายฝนเข้ามาเต็มปอด
ผมเดินกลับมาที่ริมถนนเพื่อที่จะนั่งรถกลับไปยังมหาลัยก่อนที่พี่ธาราจะรู้ตัว
ในระหว่างที่รอข้ามถนนเพื่อขึ้นรถสองแถวที่ผ่านมหา’ลัย ตรงทางม้าลาย
ผมมองรถที่วิ่งผ่านไปมาหวังว่าจะมีรถหยุดให้ข้าม
ทันใดนั้นเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว
แต่ผู้หญิงคนที่อยู่ข้างๆผมได้เดินออกไปหลายก้าวแล้ว ผมมองรถด้วยความตกใจ ขืนปล่อยให้ไว้จะต้องโดนรถชนแน่
ปรี๊นนนนนน!!
เสียงแตรรถดังจนสบแก้วหู ผมรีบวิ่งเข้าไปดึงเธอเข้ามาที่ริมถนนดังเดิม มันเร็วมากจนเราสองคนล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นทั้งคู่
แต่ก็รอดมาได้อย่างหงุดหวิด ผมถอนหายใจแล้วกุมท้องทันทีที่นึกได้ว่าผมกำลังท้อง
“ไม่เป็นไรนะครับ”ผมถามเธอ
พอสำรวจใบเธอตามมารยาทเพื่อร่วมโลกที่เป็นห่วงกันกลัวจะมีบาดแล
ก็ไปสะดุดเอาหน้าตาที่น่ารักน่าชังเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของญี่ปุ่น
น่ารัก!!
ทั้งตัวเล็กแถมยังน่ารักอีก ผมนี่ช่วยไม่ผิดคนจริงๆ ว่าแล้วก็ยิ้มให้เพราะเธอดูตกใจไม่ใช่น้อย
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเอาไว้นะค่ะ แย่จริงๆเลย ที่มองไม่เห็นรถคันนั้น ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ต้องแย่แน่ๆ”
เธอพูดพร้อมกับจับมือของผมที่ยื่นออกไปแล้วยันตัวลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ รถว่างแล้ว ไปครับเดี๋ยวผมพาข้ามเอง”
ถึงในท้องจะมีลูกๆอยู่ แต่ผู้หญิงน่ารักๆแบบนี้ก็สเปกผมอยู่ดี
“รบกวนแย่เลยนะค่ะ โอ้ย!!”
พอก้าวขาไปได้ก้าวเดียวเธอก็ทำท่าจะล้มลงไปเล่นเอาผมรีบพยุงเอาไว้แทบไม่ทัน
“สงสัยข้อเท้าแผลง ไปหาหมอก่อนดีไหมครับ”
“แต่ว่า มาลีไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลอยู่ที่ไหน”เธอหลุบ
ผมก้มมองนาฬิกา อีกชั่วโมงครึ่งพี่ธาราจะเลิกเรียน ยังพอมีเวลาอยู่ ถือว่าช่วยคนน่ารักๆหน่อยแล้วกัน
“งั้นเดี๋ยวผมพาไปก็ได้ ไม่ไกลนี้เอง”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ถ้าไม่ได้ คุณ เอ่อ”
“มณีครับ ชื่อมณี”
“เอ๊ะ ชื่อคล้ายกันเลยนะครับ มณีกับมาลี”
คล้ายกันตรงไหน? แต่ก็ยอมให้ เห็นว่าน่ารัก
“แล้วจะกลับยังไงล่ะครับ
“คงโทรให้คนมารับน่ะค่ะ”
“งั้นยังไงก็กลับดีนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“แต่ว่า ฝนตกแล้วนะค่ะ จะกลับได้เหรอค่ะเนี่ย”
พอมองไปข้านอกก็ถึงกับเหงื่อตกทันที มองดูเวลาก็ใกล้จะสี่โมงเต็มที เหลืออีกแค่สิบนาที
เวลามันผ่านไปไวขนาดนั้นเลยเรอะ!!
“มาลีว่ารอให้ฝนหยุดตกก่อนดีไหมค่ะ”
“ก็คงต้องอย่างนั้นนะครับ”ยิ้มแห้งตอบกลับไปพลางซับเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผาก
ตายแน่งานนี้ ตายทั้งแม่ทั้งลูก ถ้าพี่ธาราจับได้ว่าแอบออกมา มีหวัง งานนี้ไมได้ไปไหนอีกแน่
“ถ้าไม่รังเกียจมาลีขอเลี้ยงข้าวมณีสักมื้อนะ เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเอาไว้”
“จะดีเหรอครับ เอ่อ ผม”ไม่ค่อยมีโอกาสไปไหนมาไหนซะด้วย
“มณีคงไม่อยากกินข้างกับคนซุ่มซ่ามอย่างวาลีใช่ไหม”
ว่าแล้วเธอก็ก้มหน้าทำหน้าเศร้าซะงั้น
แล้วสุภาพบุรุษอย่างผมจะปล่อยให้เธอเสียใจได้ยังไง
“ครับ ไม่มีปัญหา แต่ต้องนัดวันเวลาอีกทีนะครับ พอดีผมไม่ค่อยมี เวลาส่วนตัว เท่าไร แหะๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นแลกเบอร์กันไว้เลยนะค่ะ จะได้ติดต่อกันง่ายๆ”
ว่าแล้วก็แลกเบอร์กัน ได้ความว่าเธอเป็นลูกสาวของพวกที่มีเชื้อเจ้ามาจากทางเหนือ ถึงว่าทำไมผิวขาว หน้าตาเหมือน
ตุ๊กตาขนาดนี้
แต่ที่น่าแปลกประหลาดคือ เธอมาที่นี่ตามคำดูดวงของที่บ้านว่าจะมาเจอเนื้อคู่ที่เคยเจอกันชาติที่แล้วที่นี่
เล่นเอาผมเริ่มตะหงิดๆใจเหมือนแทงใจดำยังไงไม่รู้
ไม่นานโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เบอร์ที่โชว์ผ่านหน้าจอเล่นเอาใจหาย สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกกำลังใจก่อนจะ
หลบออกมาคุย
“สะ สวัสดีครับ”พยายามยิ้มสู้ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ปลายสายจะมองไม่เห็น
‘อยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่รอข้าเล่า’
“ตอนนี้ผมอยู่โรงพยาบาล”
‘เหตุใดถึงอยู่โรงพยาบาล เจ้าเป็นอะไร ลูกของข้าล่ะ’
“ใจเย็นๆครับ ผมไม่เป็นไร เอ่อ แค่มาหลบฝน”ถ้าบอกว่าพาผู้หญิงที่พึ่งจะเจอกันมาโรงพยาบาลเพราะขาแผลงพี่ธารา
คงจะหึงโหดแน่
‘งั้นรอข้าอยู่ที่นั้น อย่าไปไหนล่ะ หากข้าไม่เจอ เจ้าโดนลงโทษแน่’
“ครับๆ”ผมตอบรับ
ถามว่ากลัวโดนลงโทษไหม ก็กลัวอยู่หรอก แต่โดนลงโทษทีไรแล้วมันก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
====================================================================
มาแล้วค่ะนางสุดท้าย ของเดิมคือพระอภัยช่วยเอาไว้ตอนเรือจะล่ม เลยได้กัน
แต่อันนี้ช่วยไม่ให้รถชน จะเจออะไรน้อนางสุวรรณมาลีคนนี้
บอกเลยว่าร้ายหว่าวาลีเยอะ