ทวงครั้งที่ 10 กุหลาบแห่งท้องทะเล
“ฉันไม่อยากให้นายไปเลย ชลาสินธุ์”เจ้าของกายสูงใหญ่ดึงรั้งเอาร่างบอบบางของเงือกหนุ่มเข้ามากกกอด จมูกโด่ง
จรดลงบนพวงแก้มสีระเรื่อจ้องมองนัยน์ตาสีฟ้าครามของผู้เป็นที่รักด้วยความห่วงใย
“ปล่อยข้าเถิดพี่วรรณ ข้าไปไม่นานนักหรอก ท่านอย่าได้ห่วงข้าไปเลย”ชลาสินธุ์ตอบเสียงก้องไปทั่งบริเวณถ้ำใต้น้ำด้าน
ล่างของเกาะกลางทะเล ดึงรั้งแขนแข็งแรงที่กำลังโอบกอดออก ทว่าแขนนั้นยังคงโอบรัดเอวแน่น
“แต่ฉันเป็นห่วงนาย ไม่อย่างให้นายไปไกลจากสายตาของฉัน”
“ได้โปรดเถิดพี่วรรณ ท่านธารากับท่านวสินมีบุญคุณต่อครอบครัวของข้า ข้าคงจะเมินเฉยยามที่เขาเดือดร้อนไม่ได้”
ชลาสินธุ์พูดเสียงอ่อนซบหน้าลงบนอกเปลือยของศรีสุวรรณอย่างเอาใจ มือใหญ่ตะโบมลูบไล้แนวเกร็ดสีฟ้าครามเป็นการ
หยอกล้อเรียกให้เงือกหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ
“ก็ได้ แต่นายต้องกลับมาก่อนมื้อเย็น แล้วก็”พูดทิ้งท้ายเป็นปริศนาก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากนุ่ม
“อื้อ พี่วรรณ”
ถูกจู่โจมเข้าจนได้ สะโพกกลมปกคลุมเกร็ดสวยกำลังถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือร้อนจนร่างกายบางสั่นเทาเล็กๆช้อนตาขึ้นมอง
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
ศรีสุวรรณพรมจูบไปทั่วดวงหน้าหวานล้ำตักตวงเอาความหอมหวานจนหนำใจแต่มือปลาหมึกก็ยังคงไม่หยุด ดึงรั้งเอวบาง
เข้ามาหาจับให้ชลาสินธุ์นั่งบนตักของตน
“พี่วรรณ”
หางสวยสะบัดไปมาในน้ำมีเพียงช่วงสะโพกที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา เสียงหอบหายใจของชายหนุ่มหอบกระเส่าดังก้องทั่วโถง
ถ้ำใต้น้ำยิ่งปลุกความกำหนัดได้เป็นอย่างดี
“บอกฉันหน่อยสิชลาสินธุ์…ถ้าฉันอยากจะทำรักกับนายในร่างนี้ฉันจะต้องเข้าไปทางไหน”ศรีสุวรรณยิ้มกริ่มเรียกให้ชลา
สินธุ์สะดุ้งช้อนตามองหน้าแดงก่ำ
“พะ พี่วรรณ”
“ว่าไง ตรงนี้ หรือตรงนี้”มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วอ้อมไปยังด้านหน้าจับเอาเครื่องเพศที่โผล่ออกมาหยอกล้อจนมันตั้งรับ
“อะ อา ตะ ตรงนี้”ชลาสินธุ์เอื้อมมือแหวกเกร็ดสีคราวยังเบื้อหลังเผยให้เห็นช่องทางสีอ่อนด้วยท่าทางเขินอาย “อะ อื้อ”
กายเล็กกว่าผวาเกาะลาดไหล่ของชายหนุ่มเมื่อนิ้วแข็งสอดลุกล้ำเขามาขยับวนราวกับกำลังสำรวจภายใน
“รู้สึกมากกว่าเดิมใช่ไหม”
“อื้อ พี่วรรณ ท่านช่าง อะ เจ้าเล่ห์นัก”ต่อว่าแต่ก็เอื้อมแขนกอดก่ายคนรักแน่น ซุกใบหน้าลงบนอกกว้างเบียดเข้าหาไออุ่น
“ถ้ารู้ว่าทำแบบนี้ได้ ฉันน่าจะทำตั้งนานแล้ว”ยังคงพูดหยอกให้ชลาสินธุ์ได้เขินอาย จ้องมองท่าทีอ่อนเดียงสาจนไม่อยาก
จะปล่อยให้ร่างนี้ห่างกายไปไหน
“หื้อ ข้าไม่อยากให้ท่านโลภมาก อะ อา พี่วรรณ เรามีสุวรรณสินธุ์แล้ว ขะ ข้า อา หยุดหยอกล้อข้าสักทีเถิด ข้าแทบทนไม่
ไหว”
ชลาสินธุ์จิกนิ้วลงบนลาดไหล่แน่นเมื่อนิ้วที่ขยับอยู่ภายในกำลังคว้าลึกจนเมือกของเหลวที่ถูกขับออกมาไหลย้อนออกมา
จากช่องทาง
“ฉันคงจะคิดถึงนายมาก”ถอนนิ้วชุ่มเมือกเหลวใสออกก่อนจะกดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อ มือใหญ่รวบเอาผมสีดำขลับให้พาด
ลงที่ลาดไหล่ของเจ้าของ
“ขะ ข้าไปไม่นาน อะ อื้อ พี่วรรณ”เงือกหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างกายถูกจัดให้อยู่ในท่าทางตั้งรับกายแข็งขืนของชายหนุ่ม
สอดเข้ามาผ่านช่องทางสีหวานง่ายดาย
ร่างกายบอบบางถูกอุ้มให้นั่งทับอยู่บนตัก สะโพกสอบขยับดันเอาท่อนเนื้อร้อนดุจเหล็กนาบไฟกระทั้นเข้ามา
“ฉันแทบไม่อยากจะปล่อยให้นายไป”ศรีสุวรรณกระซิบข้างหูเสียงหอบ มือใหญ่กอดรัดเอวบางจับให้ขยับรับกายของเขาที่
แทรกอยู่ข้างใน
“ขะ ข้าต้องไป”
ชลาสินธุ์หันไปโอบคอของคนรัก หางสวยตวัดไปมารู้สึกแทบขาดใจยามที่ศรีสุวรรณกดกายเข้ามาลึก
“ฉันรักนาย”
“อะ อา พี่วรรณ ข้า อื้อ รัก ท่าน เหลือเกิน ข้า แทบขาดใจ อา”ชลาสินธุ์กรีดร้องกับรสรักอันเร่าร้อนที่คนรักมอบให้ ราวกับ
เรือสำเภาที่กำลังแล่นอยู่บนท้องทะเลในช่วงมรสุม
ในที่สุดมันก็ถูกคลื่นลงพัดพามันมาจนถึงฝั่ง เสียงหอบหายใจของสองร่างต่างเผ่าพันธุ์ดังกระเส่าก้องไปทั่ว
“คนเจ้าเล่ห์”ต่อว่าอย่างเหนื่อยใจกับความโลภมากที่มีแทบทุกวันของชายหนุ่ม
หากคืนเพ็ญเขาไม่ห้ามเอาไว้ป่านนี้คงมีลูกดกเป็นลูกหมาลูกแมวเป็นแน่
“นายเป็นฝ่ายยั่วฉันก่อน”
“ข้าเปล่า”ชลาสินธุ์เบ้หน้า
“นี่ไง นายกำลังยั่วฉัน ไม่ว่านายจะทำหน้าแบบไหน มันก็ยั่วฉันหมดนั่นแหละ”ดึงรั้งเอาร่างของเงือกหนุ่มเข้ามากอด
“ข้าถึงบอกไง ว่าท่านเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก พี่วรรณ”
ชลาสินธุ์แยกจากคนรักได้ไม่นาน กายบางราวกับรูปปั้นของเทพยาดาท่อนร่างเป็นปลาแหวกว่ายไปตามสายน้ำ
แสงอาทิตย์ร้อนแรงในยามบ่ายส่องลงมากระทบพื้นน้ำเป็นประกายระยับ แต่ก็ไม่เป็นผลให้กับร่างที่แหวกว่ายผ่านสายน้ำที่
เย็นเฉียบ ท่วงท่าสง่างามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย
ดวงตาสีน้ำทะเลลึกหวานล้ำทอดมองเกาะเบื้องหน้าที่เห็นอยู่ลิบตาเหนือแนวเส้นขอบฟ้า
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มออกมาด้วยความดีใจหลังจากที่ว่ายน้ำออกจากเกาะมานานนับชั่วโมง
ชลาสินธุ์ดำดิ่งสู่เบื้องล่างของเกาะใหญ่ หากจำไม่ผิดถ้ำที่เคยบังเอิญพบเจอครั้งแอบมาเที่ยวอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าสัก
เท่าไร
ไม่นานก็เห็นปากทางเข้า ของถ้ำเห็นแสงสว่างของสีฟ้าอ่อนส่องออกมา
พื้นเบื้องล่างของตัวถ้ำเต็มไปด้วยดอกไม้สีฟ้าครามละลานตา กลีบของมันบางจนเกือบใสคล้ายกับผลึกแก้วส่องแสงสว่าง
ให้มองเห็นจนทั่วตัวถ้ำ
ชลาสินธุ์โน้มกายเพื่อจะเด็ดเจ้าดอกไม้สีฟ้าสว่างด้วยท่าทางดีใจ หากแต่ข้อมือก็ถูกฉุดรั้งจากมือที่แข็งกร้าวราวกับก้อน
หิน
“ไม่นึกว่าเจ้าจะมาหาข้าถึงที่”กระแสจิตถูกส่งผ่านทำเอาดวงตาสีฟ้าครามของเงือกหนุ่มเบิกกว้าง หันมาตามแรงดึงให้มอง
เห็นร่างของผู้มาเยือนได้ถนัดถนี่ ร่างสูงโปร่งของเงือกอีกตัวทำให้ชลาสินธุ์ชะงัก เกร็ดสีน้ำเงินเข้มดูคุ้นตาปลุกความทรงจำให้
นึกออกว่าเงือกตรงหน้าคือใคร
“มาทำอันใดที่นี่กัน น่านนที”ส่งกระแสจิตถามพยายามดึงมือที่ถูกจับเอาไว้แน่นออก
“ที่นี่เป็นที่ของข้า”
“อย่าปดข้าน่านนที ที่นี่มิมีผู้ใดครอบครอง”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่เวลานี้ไม่”คำตอบทำให้ชลาสินธุ์เริ่มไม่พอใจ น่านนทียังคงไม่ปล่อยมือออกอีกทั้งบีบจนแน่น แม้ว่าจะ
พยายามออกแรงจนร่างคลอนผมสยายไปตามสายน้ำแต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้เลย
“ปล่อยข้า”
“เหตุใดข้าต้องปล่อยผู้บุกรุก”
“เจ้าต้องการอันใด”
“เจ้าถามหาสิ่งที่ข้าต้องการเช่นนั้นหรือ”เงือกหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มไถ่ถาม อวดยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
“ใช่”
“หากเจ้าทวงถามสิ่งที่ข้าต้องการ สิ่งเดียวที่ข้าจักตอบก็คือ…ตัวเจ้า”นิ้วยาวกรีดลงบนลาดไหล่ของชลาสินธุ์แผ่วเบาเรียก
ให้ชลาสินธุ์ถอยกายหนีอย่างรังเกียจโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ข้ามีคู่ชีวิตแล้วน่านนที”
“เรื่องนั้นข้ารู้แก่ใจดีชลาสินธุ์”
“หากเจ้ารู้แก่ใจเจ้าจงปล่อยมือข้าเสีย”
“ข้าไม่ถือความมากมายเจ้าน่าจะรู้”
“เจ้ากำลังผิดประเวณี”ชลาสินธุ์ถอยกายออกห่างร่างของเงือกอีกตนที่เคลื่อนเข้ามาใกล้
“ข้าไม่ใส่ใจประเวณี หากว่าเจ้าเลือกคู่เป็นมนุษย์ชั้นต่ำ”
“จะ เจ้ารู้”
“ข้ารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้า ชลาสินธุ์ เจ้าก็รู้แก่ใจว่าข้านี้หลงรักเจ้ามาแสนนาน แต่เหตุใดเจ้าจึงเลือกคู่เป็นมนุษย์ชั้นต่ำนั่น
กัน”
“มนุยย์มิใด้ต่ำต้อยอย่างที่เจ้าคิด น่านนที”
“ช่างเถิด ข้าไม่นึกจะใส่ใจ”ราวกับสิ้นบทสนทนา บ่วงเชือกควันสีดำทะมึนก็เข้ามารุมล้อมฉุดให้ร่างของชลาสินธุ์ถูก
พันธนาการไว้ให้ไร้ทางสู้ ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้าง พยายามดิ้นรนหากแต่บ่วงเชือกเงาทะมึนยิ่งรัดแน่น กายถูกดึงให้โผล่พ้น
เหนือผืนน้ำภายใต้ถ้ำ
“เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไร”ชลาสินธุ์ถามออกมาทันทีที่โผล่พ้นเหนือน้ำ บ่วงเชือกเงาดำเป็นมนต์ดำของเดรัจฉานที่มีผลต่อผู้ใช้
มันจะกัดกินวิญญาณไปเรื่อยๆจนกว่าผู้นั้นจะสิ้นใจ
“ข้ายอมแลกหากได้เจ้ามาเป็นคู่ครอง รอให้ถึงคืนเพ็ญชีวิตของเจ้ากับข้าจะเป็นของกันและกัน ข้าแทบอดทนรอคอยมัน
แทบไม่ไหว”
“เจ้าบ้าไปแล้วรึไงน่านที หากเจ้าปล่อยข้าไปเสียตอนนี้ข้าจะไม่เคืองใจอันใดต่อเจ้า”
ชลาสินธุ์ร้องเรียก ทว่าเงือกหนุ่มอีกตนกลับว่ายน้ำดำดิ่งหายลับไปกับท้องทะเลทิ้งให้เขานอนคู้กายอยู่บนผืนถ้ำใต้น้ำตื้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชายหนุ่มผู้ได้รับลมหายใจของเงือกดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึก ดวงตาคมกริบจ้องมองแสงสีฟ้าสว่างส่องผ่านออกมาจากปาก
ทางเข้าถ้ำ เมื่อเห็นดังนั้นศรีสุวรรณก็ว่ายเข้าไปด้านในทันที
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างเมื่อเข้าไปด้านในของถ้ำใต้น้ำ ร่างของชลาสินธุ์นอนคู้กายอยู่บนพื้นเหนือน้ำไม่ได้สติ เขา
แทบจะเป็นบ้าเพราะความเป็นห่วงที่กำลังเอ่อล้นจิตใจ
ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะเคลื่อนกายเข้าหาคนรัก ขาก็ถูกมือที่มองไม่เห็นดึงกระชากให้จมดิ่งลงไปในน้ำอีกครั้ง
คราวนี้ศรีสุวรรณมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนเงือกหนุ่มอีกตนจ้องมองมาที่เขาด้วยท่าทางมุ่งร้าย ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
มองมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด
“อย่าได้บังอาจมาแตะต้องชลาสินธุ์ของข้าอีก”เสียงหนึ่งก้องเข้ามาในหัว
หากแต่ลมหายใจของเขากำลังจะขาดห้วงลงเพราะมือที่ฉุดดึงเอาไว้ไม่ให้โผล่พ้นขึ้นเหนือน้ำ
“ข้าจะทำให้เจ้าหายไปจากโลกนี้ เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ ข้าจะแย่งชลาสินธุ์ของข้าคืนมาจากเจ้า”
เสียงนั้นตวาดก้องแต่ศรีสุวรรณพอได้รับฟังกลับรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ชื่อนั้นที่ถูกเอ่ยเป็นคนรักของเขาไม่ใช่ของใคร เขา
จะไม่ยอมให้ใครแย่งชลาสินธุ์ไปอย่างเด็ดขาด
พอคิดได้ดังนั้นโทสะก็บัลดาลดึงกระชากเส้นผมยาวสยายของเงือกหนุ่มผู้ปองร้ายเข้ามาใกล้ดวงตาดุดันจ้องมองลึก
เข้าไปในดวงตาคู่สีน้ำเงิน
“เจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้เจ้ามนุษย์อ่อนแอ”
เสียงดูถูกของเงือกยังคงดังก้อง แต่ศรีสุวรรณกลับไม่ใส่ใจ สร้อยประดับอัญมณีสีอำพันบนคอส่องแสงเหลืองทอง
สว่างไสวแสบตาจนเงือกหนุ่มตนนั้นปล่อยมือออกจากเขา ยกมือขึ้นปัดป้องแสงนั้นๆทันที
“นี่เจ้า”
หมดสิ้นคำที่จะเอื้อนเอ่ยเมื่อเห็นสร้อยอัญมณีบนคอของอีกฝ่าย สร้อยที่สามารถป้องกันภัยจากอมนุษย์ได้หากผู้สวมใส่นั้น
กำลังมีภัย ศรีสุวรรณได้รับมันมาจากทศกัณฐ์ก่อนที่จะลงมาใต้ท้องทะเลแห่งนี้
“เจ้าจะเอาชลาสินธุ์ไปจากข้าไม่ได้”เงือกหนุ่มผู้นั้นยังคงดื้อรั้นคว้าแขนของศรีสุวรรณเอาไว้ในตอนที่เขาโผล่พ้นขึ้นมายัง
ผืนน้ำอีกเพียงเอื้อมมือที่คนรักอยู่ห่างออกไป เงือกหนุ่มก็คว้าแขนของชายหนุ่มให้ดำดิ่งลงไปอีกครั้ง ถึงแม้จะเจ็บแสบผิวกาย
จากฤทธิ์ของสร้อยบุษราคัมแต่น่านนทีก็กัดฟันทนจำยอมปล่อยชลาสินธุ์ไปไม่ได้เด็ดขาด
จิตใจที่ฝังรักอันโลภมากและเห็นแก่ตนเอาไว้ผลักดันให้น่านนทียังคงยื้อยุดกับชายหนุ่ม
แต่ในที่สุดความเจ็บปวดทั้งกายและใจก็ไม่อาจจะทำให้ฝืนต่อไปได้ไข่มุกสีน้ำเงินมันวาวร่วงหล่นออกจากดวงตาสีเข้มดุจ
ท้องทะเลยามรัตกาลก่อนร่างนั้นจะจมดิ่งสู่อ้อมกอดความมืดมิดของมหาสมุทร
===============================================
“โอ๊ะ!! มากันแล้ว”ผมอุทานออกมาเมื่อเห็นเรือสปีดโบทแล่นเข้ามาเทียบท่าเรือหน้าเกาะ
ตอนนี้ผมปล่อยให้คุณวาลีกับพี่อเลนรับหน้าที่ดูแลเด็กๆส่วนพ่อๆทั้งหลายกับคุณอาวสินออกไปตามชลาสินธุ์กลับมา
ร่างไร้สติมีเงาดำทะมึนรัดรอบตัวของชลาสินธุ์ทำให้ผมเริ่มเป็นกังวล พี่วรรณอุ้มชลาสินธุ์เข้ามาในบ้านวางร่างไร้สติลงบน
โซฟาอย่างเบามือถึงแม้ว่ากำลังกระวนกระวายอยู่ก็ตาม
“ไอ้นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงได้ติดมาด้วยล่ะ”ผมถาม แต่พอแตะมือเข้ากับเงาหมอกดำทะมึนนั่นมันก็เหมือนถูกฟ้าช็อตจน
เจ็บแปลบ
“นี่เป็นบ่วงมนต์ดำอย่าแตะต้องมันสุ่มสี่สุ่มห้าเชียว”อาวสินบอก
“จะทำยังไงให้มันหลุดออกครับ ช่วยชลาสินธุ์ได้ไหม”พี่วรรณถามกระวนกระวาย
“ส่งสร้อยที่เจ้าใส่มาสิ”
“นี่ครับ”
พี่วรรณส่งสร้อยให้คุณอาวสิน สร้อยถูกสวมลงบนคอของชลาสินธุ์อย่างเบามือ ฉับพลันมันก็ส่องแสงสีเหลืองทองสว่าง
ก่อนที่เงาดำรอบกายชองชลาสินธุ์จะหายไป
“ตอนนี้ก็ให้ชลาสินธุ์ไปพักผ่อนเสียก่อนตะวันตกดินแล้วก็จะฟื้นเอง”
“ขอบคุณมากครับ”พี่วรรณตอบรับก่อนจะอุ้มชลาสินธุ์ไป
“เอ่อ ว่าแต่ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงอีกแล้ว”ผมบอกเสียงแห้งๆ อดยอมรับไม่ได้ว่าคาดหวังถึงแม้ว่าชลาสินธุ์จะกลับมาด้วย
สภาพนั้นก็ตาม
“ฉันได้มาแล้ว”คุณหมอทศยกดอกไม้สีฟ้าสว่างกับขวดแก้วใสบรรจุน้ำเมือกสีฟ้าเข้มเอาไว้ เดาว่าน่าจะเป็นเลือดของชลา
สินธุ์
===========================================
“เอานี่ให้ธารากินซะแล้วก็จูบเจ้านั่น”คุณหมอทศส่งแก้วยาสีฟ้าสว่างมาให้อันนี้ผมเข้าใจ แต่ว่าทำไมต้องให้จูบด้วย อันนี้
ผมไม่เข้าใจ
“ทำไมต้องจูบล่ะครับ”
“ลมหายใจผู้แลกเปลี่ยน เจ้านั่นจะต้องใช้มัน”
ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าเออออประคองแก้วยาเอาไว้ ทว่าก่อนจะเดินจากไปแขนก็ถูกดึงเอาไว้ให้หันไปมอง
“ครับ?”
“เจ้านั่นหลงลืมเรื่องในอดีต ตอนนี้มีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นที่ชีวิตของนายผูกติดกับอยู่ เพราะฉะนั้นเจ้านั้นอาจจะคลั่ง
แล้วทำร้ายนายตอนที่พระจันทร์เต็มดวง”
“ทะ ทำร้ายเลยเหรอ ทำร้ายนี่ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่ากันหรืออะไรหรอกนะครับ”
“ฆ่าไม่ได้หรอกเจ้าบ้านั่นย่อมรู้ดี แต่ว่าอาจจะมีบางช่วงที่เจ้านั่นจะจำนายไม่ได้ แต่นั่นมันก็เป็นแค่การคาดเดาของฉัน
เพราะฉันไม่รู้ว่าความทรงจำที่หายไปจะส่งผลกระทบต่อภาวะอารมณ์ในคืนเพ็ญรึเปล่า”
“แต่ยังไงผมก็ต้องทำให้พี่ธาราความจำกลับมาให้ได้อยู่ดี”ผมส่งยิ้มให้คุณหมอก่อนจะหันหลังกลับ
ถึงแม้ว่าเวลานี้อาจจะไม่มั่นใจว่าความทรงจำของพี่ธาราจะกลับมาหรือไม่ แต่ผมก็จะพยายามให้ถึงที่สุด ต่อให้พี่ธาราจะ
ทำร้ายผมยังไง แต่สิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงก็คือความรักของผมที่มีต่อพี่ธารา
บรรยากาศด้านนอกเริ่มมืดสนิทผมเดินขึ้นมายังชื้นดาดฟ้าของตัวบ้านซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของพี่ธารา
บรรยากาศข้างในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนผ่านหลังคากระจกใส
ผมวางแก้วยาเอาไว้บนโต๊ะด้านข้างควานหาสวิตซ์ไฟแล้วเปิดมัน แวบแรกที่เปิดก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นว่าพี่ธารานั่งหันหลังให้
อยู่บนเตียง ดวงตาสีดำสนิทกลายเป็นสีมรกตเหลือบดำบ่งบอกถึงสภาพที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง
“ทำไมถึงอยู่มืดๆล่ะครับ”ผมถามหยิบแก้วยาแล้วเดินไปนั่งข้างๆร่างสูง
พี่ธาราหันมาดวงตาสีดำเหลืบเขียวพราวระยิบ ตอนนี้พระจันทร์เพิ่งะเริ่มขึ้นทำให้อารมณ์ของพี่ธารายังคงตัว
“ฉันกำลังคิดอะไรบางอย่าง”
“แล้วอะไรที่ว่าคืออะไร บอกผมได้ไหม”
“ถ้าบอกนายจะเชื่อใจฉันรึเปล่า”
“พี่ก็บอกผมมาดิ”
“นายออกจากห้องนี้ไปซะ”
“ไม่ตลกนะพี่ ทำไมผมต้องออกไปด้วย”ผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องทำเหมือนไล่กันทั้งที่กำลังจะทำให้ความทรงจำกลลับคืน
มา
“ฉันบอกให้ออกไปนายก็ออกไปเถอะ อย่าให้ฉันพูดมากจะได้ไหม ก่อนที่ฉันจะควบคุมตัวเองไม่ได้”คราวนี้เสียงของพี่
ธาราเริ่มแข็งกร้าว
“ไม่เอาหรอก ผมทำใจไว้แล้วว่ายังไงก็จะต้องทำให้พี่จำเรื่องในอดีตของเราให้ได้ ผมไม่สนหรอกว่าพี่จะไล่ผมยังไง เอานี่
คุณหมอทศเขาบอกให้พี่กินนี่”
ผมยื่นแก้วยาสีฟ้าสว่างให้กับพี่ธารา ดวงตาของพี่เขาเริ่มสีเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเรือนผมที่ยาวจนถึงกลางหลังอยู่แล้ว
บัดนี้กลับแผ่สยายยาวถึงบั้นเอวสอบ คิ้วขนงกำลังแปรเปลี่ยนเป็นลวดลาย แต่ผมเห็นว่าพี่ธารากำลังกัดฟันคล้ายกำลังอดทน มือ
ใหญ่เล็กน้อยรับแก้วยาจากมือของผมแล้วดื่มจนหมดแก้วในที่สุด
ฉันพลันที่ผมถอนหายใจเพราะขึ้นตอนแรกจบลง ราวกับความชั่วร้ายได้ถูกปลดปล่อยออกมา กดสวิตซ์ปลุกให้มันตื่นขึ้น
จากความมืดมิด
ร่างของผมลอยหวือไปปะทะผนังห้องอีกฟากอย่างแรงแล้วร่วงหล่นลงมา ทั้งจุกทั้งเจ็บจนต้องขดตัวแล้วกุมท้อง เงยหน้า
มองพี่ธาราที่บัดนี้ร่างกายขยายใหญ่กลายเป็นร่างของยักษ์เต็มตัว
ร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าดวงตาสีเขียวมรกตวาบจ้องมองมาด้วยความดุดันและน่ากลัว พี่ธาราคนเดิมไม่อยู่แล้วอย่างที่หมอทศ
เตือนเอาไว้
คราวนี้ร่างของผมลอยขึ้นไปอีกครั้งกระแทกกับหัวเตียงแล้วถูกตรึงเอาไว้ด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น
ผมพยายามที่จะไม่สั่นเทากับสายตาเสมือนสัตว์ดุร้ายกำลังจะล่าเหยื่อ เสียงคำรามในลำคอดังก้องไม่ต่างอะไรกับมัจจุราช
ที่กำลังกระหายที่จะฉุดดึงวิญญาณให้หลุดออกจากร่าง
“พี่ ธ ธารา ตั้งสติสิ อย่า”ผมร้องห้าม
ร่างกายใหญ่ย่างก้าวขึ้นมาบนเตียงคร่อมทับร่างกายของผมเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาจนชิด ลมหายใจร้อนผ่าว
กำลังเป่ารดใบหน้าของผมขณะที่จมูกโด่งลากผ่านแก้มไปมา
ผมพยายามขยับตัวเพื่อที่จะหนีจากการทาบทับอันคุกคามนี้ แต่มือที่มองไม่เห็นก็ตรึงร่างของผมเอาไว้แน่น ใบหน้าถูกจับ
เอาไว้ไม่ให้เบือนหนี จ้องตอบกับดวงตาสีเขียวดุดัน
เสียงคำรามดังเครืออยู่ในลำคอของพี่ธารา ผมหายใจเข้าออกลึกๆอย่างยากลำบางเพราะลมหายใจตอนนี้มันเหมือนกับจะ
ขากห้วงคล้ายกำลังถูกช่วงชิง แต่ฉับพลันที่เผยอปากขึ้นโกยลมหายใจเข้าปอด
ริมฝีปากหยักก็กดจูบลงมาบดเบียดลงมาไร้ความปราณี ลิ้นร้อนกวาดเข้ามาตักตวง กอบโกยอากาศของผมไปจนเกือบ
หมด
ถึงแม้ว่าพี่ธาราจะถอนจูบออกไปแล้ว แต่ลมหายใจมันเหมือนกับกำลังถูกดูดออกไป ผมเหลือบตามองเห็นแสงสีเขียว
ขางๆกำลังออกมาจากปากของผมและเข้าไปในปากของพี่ธารา
ข้างในเริ่มรู้สึกอึกอัดมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ราวกับใกล้จะขาดใจตายอยู่เต็มทน ลมหายใจกำลังถูกช่วงชิง สติของผมพร่า
เลือนลงไปในที่สุด
เหมือนกับถูกฉุดให้ออกมาจากโลกความเป็นจริง รอบกายมืดสนิทมองไม่เห็นอะไร
ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของอากาศที่ห่อหุ้มกาย แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีมือหลายมือลูบไล้ร่างกายผมไปทั่ว
ทั้งหัวไหล่ ช่วงท้อง เอว ขา คอ หรือแม้กระทั่งฝ่าเท้า ผมลืมตาขึ้นมองเบื้องล่า มองเห็นร่างสูงใหญ่ทะมึนกำลังก้มลงจรดริม
ฝีปากบรรจงจูบลงบนฝ่าเท้าของผม
“พะ พี่ธารา”ผมเรียกด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือแต่พี่ธารากลับไม่ตอบ เลื่อนมือลูบไล้ฝ่าเท้าไปมา
แต่แล้วผมก็รู้สึกไหววูบที่ช่วงขา มองหันไปมองเงาทะมึนอีกคนแล้วหรี่ตาจับจ้องที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
“พะ พี่ธารา” มีพี่ธาราสองคนจริงๆ พี่ธาราอีกคนกำลังลูบไล้ช่วงขาของผมอย่างเบามือ บรรจงจูบลงบนขาอ่อนแล้วส่งยิ้ม
มาให้
แล้วผมก็รู้สึกเย็นวาบที่ช่วงคอ ใบหน้าถูกจับให้หันไปทางด้านข้าง แล้วดวงตาของผมก็ต้องเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้เห็น
“พี่ธารา!!”มีพี่ธาราอีกคนแล้ว คนนี้โน้มหน้าเข้ามาใกล้ ตวัดลิ้นเลียลงมาที่ช่วงคอ ฝ่ามือลูบไล้ไปที่บั้นเอวของผมแผ่วเบา
แต่ก็รู้สึกวาบหวิว
ความรู้สึกเหมือนกับมีมือนับสิบลูบอยู่ทั่วร่างทำให้ผมมองรอบกาย มีพี่ธาราอยู่เกือบสิบคนที่กำลังพยายามโลมผมอยู่
แล้วคนไหนล่ะคือพี่ธาราตัวจริง!! ร่างกายของผมเริ่มสั่นเทาเมื่อถูกลุกล้ำอย่างหนักหน่วง ช่วงขาถูกจับให้อ้ากว้าง มีคน
หนึ่งกำลังส่งสายตาจ้องมองมาที่ช่องทางของผมด้วยความกระหายจนน่าหวาดกลัว
“ไม่นะ ไม่ใช่ อย่าทำ”ผมส่ายหน้า
ไม่ว่าจะคนไหน ทำไมผมถึงไม่รู้สึกเลยว่าจะมีใครเป็นตัวจริงหรือคล้ายเลยสักนิด
“เลือกฉันสิ”คนหนึ่งกระซิบข้างหู
“ฉันต่างหาก”คนหนึ่งกระซิบที่หูอีกข้างพลางเป่าลมหายใจรดต้นคอ
“เลือกฉันสิ”อีกคนกำลังไล้เลียอยู่บนร่างกาย
“ฉันต่างหาก”อีกคนกำลังพรมจูบอยู่ตรงช่วงขา
เสียงพูดดังระงมต่างคนต่างกำลังเรียกร้องให้ผมเลือกจนรู้สึกว่าสมองกำลังถูกบีบเอาไว้จนแทบระเบิด
ทั้งหมดกำลังจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาของพี่ธารา แต่แววตาที่มองมานั้นกลับไม่ใช่
“เลือกฉัน”
“เลือกฉัน”
“เลือกฉัน”
ประโยคซ้ำกันวนเวียนไปคล้ายกับไม่มีจุดสิ้นสุดไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไร ผมยกมือขึ้นอุดหูแต่เสียงนั้นก็ยังคงดังก้องอยู่ใน
หู
ร่างกายถูกลูบไล้ไปมา ทั้งลิ่นร้อนและริมฝีปากขบเม้มลงลิ้นไปทั่วร่างกายแม้กระทั่งช่องช่างด้านหลังกำลังถูกเลียจนชุ่ม
“อย่าทำ ไม่เอา อย่าทำ ช่วยด้วย พะ พี่ธารา”
ผมร้องห้ามเสียงสั่น
“ชะช่วยด้วย ไม่ใช่ อย่าทำ พะพี่ธารา พี่ธารา ฮึก พี่ธารา!!!!”มตะโกนจนสุดเสียง
ความรู้สึกกลัวและต้องการพี่ธาราเอ่อล้นจนเต็มไปหมด ผมกำลังกลัว กำลังหวาดกลัวพี่ธาราทั้งหมดที่อยู่รอบกาย
ไม่มีเลย ไม่มีคนไหนที่ใช่ ความรู้สึกของผมมันบอกแบบนั้น
“พะ พี่ธารา ฮึก พี่อยู่ไหน พี่อยู่ไหนกันแน่”ผมสะอื้น พยายามปัดป้องมือทั้งหลายออกจากร่างกาย
“มณี เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน”
================================================================
ทวงครั้งที่11 จะลงให้ตอนเช้านะคะ ไม่อยากให้ค้าง แต่มันจบบทพอดี๊ จริงจริ๊งงงงงง(เสียงสูงมาก)