กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15  (อ่าน 13086 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก บทที่21 15/10/15
«ตอบ #30 เมื่อ15-10-2015 21:03:53 »

บทที่ 21

“นี่มันอะไรกัน?”ทั้งน้ำเสียง สีหน้าลุงดูเครียดขึ้นมาก เหมือนเวลาคุยงาน แต่ดูเครียดกว่านั้น.... ก็ใครจะไม่เครียดกันล่ะ ในเมื่อผมดันมาเดินคู่กับท่านประธานบริษัทคนที่ควรจะโดนผมต้มตุ๋น แถมยังเป็นบุคคลต้องสงสัยเกี่ยวกับการหายตัวไปของผมอีกต่างหาก

“ลุงครับ ผมว่าผมอธิบายได้”ผมพูดออกไปเผื่อบรรยากาศจะผ่อนคลายลงบ้าง

“อธิบายเรื่องไหนล่ะ?”ลุงกอดอกขมวดคิ้วมองผม แล้วก็หันไปมองอาร์ม ไม่ได้เห็นลุงมาดนี้มาตั้งนาน เห็นทีไรกดดันทุกที

“ทุกเรื่อง...ตั้งแต่ที่ผมมากับคุณวัชระได้ยังไง แล้วก็...เมื่อวานผมหายไปไหน”ผมพูดตอบกลับไปชัดเจน  ตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมเป็นนิสัย ยืนตรง สบตาลุงไม่หลบไปไหน

“ไปหาที่นั่งคุย”เสียงเข้มๆนั้นบอกผม ก่อนที่ร่างของลุงจะเดินนำพวกผมไปหาที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆ ก็พอดีเจอโต๊ะหินอ่อน มีที่นั่งให้สองข้างเลย

“นั่ง”คำสั้นๆพร้อมสายตา บอกให้ผมนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม โดยมีอาร์มนั่งตามมาด้วยท่าทางที่เหมือนทำตัวไม่ถูก

“พูดมาได้”

“คือ...ผมก็ไปทำงานตามที่ลุงรู้ ทำงานเหมือนทุกที พอได้ข้อมูลมาก็ส่งให้บริษัทผู้ว้าจ้างที่เป็นน้องชายของ...คุณวัชระ ผมก็คิดว่านั่นคือข้อมูลจริง เลยส่งไปให้เขา แต่ก็ไม่ใช่ ผมทำงานพลาดเองครับ....เรื่องต่อจากนี้ก็ให้เขาอธิบายก็แล้วกันครับ”ว่าแล้วผมก็ส่งไม้ต่อให้อาร์ม เอาศอกสะกิดๆบอกให้รีบๆพูดต่อ

“ครับ ก็คือผมรู้อยู่แล้วว่าพอร์ชเป็นสายลับ เพราะผมกับน้องชายวางแผนกันเอาไว้ ผมเอาข้อมูลโปรเจคเก่าๆมาปรับแต่งแล้วก็เอามาให้พอร์ช”

“วางแผนเพื่ออะไร?”กดดันจนผมแทบกลั้นหายใจ บทจะดุก็ดุสุดๆ

“..............ผม รักพอร์ชครับ”อาร์มเหมือนกลั้นใจพูดออกมา ท่าทางเหมือนรีดเอาความกล้าทั้งหมดออกมาในประโยคเดียว

“ห๊ะ!?”ลุงอุทานพร้อมสะดุ้งจนพวกผมต้องสะดุ้งตาม คิ้วก็ยิ่งขมวดเป็นปมเข้าไปใหญ่

“ผมรักพอร์ช แต่ไม่รู้จะใช้วิธีอะไรเข้าไปหาดี แทบไม่มีโอกาสได้เจอเลย ก็เลยวางแผนกับน้อง จ้างพอร์ชมา แล้วก็จีบ....ขอโทษนะครับ”อาร์มค้อมตัวอย่างสำนึกผิดเรียกคะแนนสงสารได้ดีจริงๆ

“แล้วหลังจากนั้นผมก็จะบอกความจริงกับพอร์ช แต่น้องผมดันเล่นเลยเถิด ไปเอาตัวพอร์ชมาเมื่อวานซืนนี้ ต้องขอโทษจริงๆครับ”อาร์มเงยหน้าขึ้นมาอธิบายต่อแล้วก็ค้อมลงไปอีกครั้ง

“....แล้วนี่หลานมากับเขาได้ยังไง?”จำเลยรายต่อไปกลับมาเป็นผมครับ เพราะผมโดนเล่นแผนซ้อนแผนแบบนี้ แต่กลับยังเดินถือถุงขนมหวาน คุยเล่นกับตัวต้นตอได้นี่น่าสงสัยเป็นที่สุดแล้ว

“ก็.........ผมขอโทษจริงๆครับ ตอนที่ไปทำงานผมก็ดันไป....รักเขา แล้วก็คบกัน ตอนที่รู้ว่าโดนย้อนแผน ก็คิดว่าจะตัดขาดกัน แต่ผมก็รัก....มากไปจริงๆ ขอโทษครับ”ผมก้มหัวขอโทษอีกคน ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้น

“สรุปว่า คบกันอยู่ใช่ไหม?”

“ครับ”ผมกับอาร์มตอบพร้อมกัน แต่ไม่กล้าสบตาลุงเลย ผมก็รู้สึกผิดนะ ลุงจะคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเรื่องพวกนี้ก็ไม่รู้

“ไม่ได้หลอกอะไรกันอีกนะ? เงยหน้าขึ้นมามองลุง”คำสั่งเด็ดขาดทำให้พวกผมต้องรีบเงยหน้าขึ้นมา

“ที่เธอพูดนี่คือเรื่องจริงใช่ไหม? ไม่ได้หลอกอะไรหลานลุงใช่ไหม?”ลุงมองหน้าอาร์ม จ้องอย่างจับผิด ไม่ว่าใครก็โกหกลุงไม่ได้สักคนเพราะลุงจับได้หมด

“ครับ เป็นเรื่องจริงครับ ไม่ได้หลอกอะไรทั้งนั้น”อาร์มมองตอบน้ำเสียงเด็ดขาดไม่แพ้กัน

“ดี พอร์ช หลานไปนั่งรถลุง ส่วนเธอมาขับรถให้ฉัน”อยู่ดีๆลุงก็ลุงขึ้นสั่งผมให้ไปนั่งรถประจำของลุง แล้วก็ไล่ไอ้อาร์มไปเป็นสารถีซะอย่างนั้น

“ไปเคลียร์กันต่อที่บ้าน ไป”คำอธิบายสั้นๆจากลุงที่เดินไล่ไอ้อาร์มขึ้นรถไป โดยมีผมเดินตามไปนั่งรถอีกคัน...พูดแบบนี้แสดงว่า ยอมให้อาร์มที่ไม่น่าไว้ใจในสายตาลุงเข้าบ้านได้แล้ว???

“.....”ผมไม่ได้พูดอะไรกับอาร์ม เพียงแต่ส่งสายตาให้กำลังใจไปเท่านั้น

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”อาร์มหันมาบอกผมเบาๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ลุงผมนั่ง แล้วค่อยขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ

จะอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าขอให้มันรอดปลอดภัยมาถึงบ้านผมโดยสวัสดิภาพก็แล้วกัน....















     ผมนั่งเงียบคิดไปสะระตะตลอดทางว่าอาร์มกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แต่คิดว่าลุงคงไม่คว้าปืนมายิงแฟนผมได้ลงคอหรอกมั้ง.... ก็คิดไปเรื่อยๆนั่นแหละ มาถึงบ้าน ผมถึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่ผมคาดคิดเอาไว้ว่าต้องเกิดก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว...

“ณี มาต้อนรับหลานเขยเราหน่อยเร็ว”ลุงพลเดินไปบอกน้าที่กำลังดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก โดยมีอาร์มเดินตามไปด้วย..... แถมลุงเขาเรียกอาร์มว่าหลานเขย! หลานเขยเชียวนะ!

“ไหนๆ อุ้ย ตายแล้ว หล่อขนาดนี้เชียว สวัสดีจ้ะลูก กินอะไรมาหรือยัง น้าทำกับข้าวต้อนรับไว้ด้วยนะ”พอน้าหันมาเห็นพ่อหลานเขยรูปหล่อพ่อรวยเท่านั้นแหละ ถึงกับตะลึงในรูปโฉมประหนึ่งพระเอกละครของมัน แถมต้อนรับขับสู่ดีอย่างกับเป็นลูกจริงๆ.... ว่าแต่รู้ถึงขั้นเตรียมกับข้าวต้อนรับได้ไงฟะ!???

“สวัสดีครับ”อาร์มไม่ลืมทำหน้ายกทักทาย ยกมือไหว้ เสียงนุ่มหล่อโคตร พร้อมโปรยรอยยิ้มมัดใจอีกตลบ ....ทีนี้น้ากูก็หนีไปไหนไม่รอดแล้ว เจอดอกนี้ของไอ้อาร์มเข้าไป

“....นี่น้ารู้ได้ยังไงอ่ะครับ?”ผมอดสงสัยไม่ได้ก็เลยถามขัดออกไป

“ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ตาพลเค้าก็ไลน์มาบอกน่ะสิจ้ะ”อ๋อ ลืมไปว่าทั้งลุง ทั้งน้าผมนี่ขาแชทไลน์กันทั้งวันทั้งคืนเลย

“แล้ว...น้าไม่ว่าอะไรเหรอครับ?”ไม่ว่าอะไรแถมดี๊ด๊าต้อนรับขับสู่เขยเข้าบ้านอย่างดีอีกต่างหาก...

“ก็จะคุยกันต่อจากนี้นี่แหละ มานั่งนี่มา”น้าบอกอย่างใจดี ยิ้มอ่อนหวานเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะกลับนั่งโซฟากับคุณลุง ส่วนผมกับอาร์มก็ลงนั่งกับพื้นอย่างรู้หน้าที่

“นี่คบกันมานานหรือยังล่ะ?”น้าเป็นฝ่ายเปิดปากถามก่อนเป็นคนแรก น้ำเสียงอ่อนโยนฟังดูแล้วสบายใจ

“ยังไม่นานเท่าไหร่ครับ”ถ้านับช่วงเวลาที่คบกันอย่างเป็นทางการจริงๆก็ถึงอาทิตย์หรือเปล่าไม่รู้...แต่ผมก็รู้สึกว่าขาดมันไปไม่ได้จริงๆ

“เหรอ จริงๆจะคบกันน้าไม่ได้ว่าอะไร แค่จริงใจต่อกัน รักกันจริงๆก็พอ...หนูจะรักใครน้าห้ามไม่ได้หรอก แล้วน้าก็อยากให้หนูมีความสุข อยากให้มีใครสักคนที่รักและคอยอยู่ข้างๆ แค่นั้นแหละที่น้าต้องการ”

“แต่ว่า....เราเป็นผู้ชายนะครับ”แบบนี้น้าจะไม่เสียใจจริงๆเหรอ?

“ก็เรารักกันไม่ใช่หรือไง? น้าเข้าใจ จะผู้หญิงหรือผู้ชายไม่สำคัญหรอก หลานน้าก็ยังเป็นหลานน้าคนเดิม ไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อนนี่”น้ากุมมือผมแล้วก็ลูบหัวเบาๆ ยังเป็นน้าที่ใจดี มีรอยยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง

“ขอบคุณครับ”

“โอเคแล้วนะ?”อันนี้น้าหันไปถามอาร์มครับ

“ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุด สัญญาว่าจะไม่ทิ้งครับ”พูดแล้วก็มีการมาจับมือผมด้วย ผมแพ้ผู้ชายอบอุ่นอย่างมันชะมัด...

“ไม่ต้องสัญญาอะไรหรอก แสดงให้พวกน้าเห็นก็พอ”

“ครับ”

“แต่ถ้าเอาหลานลุงไปทิ้งๆขว้างๆล่ะก็ ระวังจะเจอดีนะ บอกไว้ก่อน”อยู่ๆคำขู่จากลุงก็ดังขึ้นเล่นเอาทุกคนอดยิ้มขำๆไม่ได้

“ไม่ทิ้งขว้างแน่นอนครับ”

“ถ้างั้นก็ ยินดีต้อนรับเข้าสู่บ้านเศรษฐสวัสดิ์ จากนี้ไปก็ฝากด้วยนะ”ลุงพูดแค่นั้นแล้วก็ตบไหล่อาร์มหนักๆสองสามทีก่อนจะเดินออกไป เป็นสัญญาณว่าลุงยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว

“เอาล่ะ ไปทานข้าวฝีมือน้าหน่อย น้าตั้งใจทำต้อนรับเลยนะ เดี๋ยวน้าไปเตรียมอาหารก่อน อยู่กับพอร์ชไปก็แล้วกันนะ”บอกอะไรเสร็จแล้วก็เดินออกไปอีกคน ทิ้งผมไว้กับหลานเขยคนนี้สองคน

“นี่ไปทำยังไงเข้าเนี่ย? ตอนอยู่ในรถเกิดอะไรขึ้น”ผมหันไปถามอาร์มอย่างสงสัยหลังจากที่ทั้งน้าทั้งลุงเดินออกไปหมดแล้ว

“ก็ไม่ได้ทำอะไรนะ สงสัยเขาเห็นว่าอาร์มนิสัยดี อ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพบุรุษชน กระเป๋าหนักพอจะฝากหลานชายไว้ได้ล่ะมั้ง”อาร์มพูดออกมาแต่ละอย่างนี่ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลย

“พูดชมตัวเองหรือไง แล้วพูดอีท่าไหนเนี่ย ถึงได้ตำแหน่งเขยมา?”ผมศอกใส่แบบหมั่นไส้นิดๆ อาร์มก็ร้องโอดโอยไปตามบท

“ก็บอกเขาไปตรงๆว่ามาเป็นเขยง่ะ”อาร์มนี่ก็มือไม่เคยว่าง ไม่เคยนิ่งตลอด ถ้าไม่กอดผม โอบเอวผม ก็จับมือผมอยู่อย่างนี้นี่แหละ

“อยากให้ผมเป็นสะใภ้งั้นสิ?”

“พูดกันตรงๆนะ...อืม อยากได้เมีย แต่ตำแหน่งอะไรก็ช่างเถอะ ตัวเองแค่รักเค้าก็พอ”พูดแล้วก็เข้ามาหอมแก้มผมซ้ำๆไม่ยอมห่าง อ้อนชิบหาย

“ตามใจ”ยอมมาตลอดแล้ว ยอมอีกหน่อยจะเป็นไรไป บอกแล้วว่าผมแพ้ลูกอ้อน

     ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ!

     เสียงวิ่งตึงตังมาจากไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเสียงนั้นใกล้เข้ามาทุกที ก่อนจะมาหยุดที่ห้องรับแขกนี่ ปรากฏร่างเล็กๆของไนซ์ท่าทางกระหืดกระหอบมาเชียว

“พี่พอร์ช เรื่องพี่เขยไนซ์นี่หมายความว่าไง??? .....หือ?”พูดสิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากใจเสร็จแล้วก็เหมือนเพิ่งสังเกตเห็นไอ้อาร์ม เลยทำหน้าเหรอหราดูตลกชะมัด

ไนซ์มองหน้าผมทีมองหน้าไอ้อาร์มที พร้อมทำสีหน้าเชิงถามว่านี่มันคืออะไรใส่

“อาร์ม นี่น้องสาวผมคนที่บอก”ผมแนะนำน้องสาวให้อาร์มก่อนโดยไม่ใส่ใจจะตอบคำถามของไนซ์แต่อย่างใด

“สวัสดีครับ”จ้ะ นี่ก็ทำหน้าที่ทักทาย โปรยยิ้มได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ

“สวัสดีค่ะ ....พี่ นี่ใช่คุณประธานคนที่บอกหรือเปล่า?”ไนซ์ไหว้ทักทายอย่างงงๆ แล้วก็หันมาถามผม เพราะคงจำหน้าจากในรูปถ่ายได้

“อืม”

“พี่เขยที่แม่บอกก็คือคนเดียวกัน ไนซ์เข้าใจถูกไหม?”

“อื้ม เข้าใจถูกแล้ว”

“แล้วนี่ไปไงมาไงทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ???”ไนซ์อ้าปากหวอตามที่คิดไว้ไม่มีผิด ทำหน้าเหมือนพยายามคิดตามแต่ก็คิดไม่ทัน

“เดี๋ยวหลังกินข้าวแล้วจะบอกละกัน”

“เอ๊ เดี๋ยวสิ~ค้างคาใจแบบนี้ไนซ์กินข้าวไม่ลงพอดี บอกมาก่อนนะๆๆๆๆ”มาอ้อนใส่ผมอีกคนแล้ว เขย่าตัวผมเป็นออพชั่นเสริมด้วย เจตนาบอกตรงๆเลยนะถ้าไม่ได้รู้เรื่องจะกินข้าวไม่ลง ไม่เป็นอันทำอะไร

“อาร์ม อธิบายดิ๊”ขี้เกียจอธิบายเองก็เลยโยนหน้าที่ให้ไอ้คนที่มีส่วนรู้เห็นอย่างมันไป

“ก็ไม่มีอะไรมากครับ สั้นๆง่ายๆ พอร์ชที่ตอนแรกจะมาหลอกพี่ แต่ถูกพี่กับน้องชายพี่ย้อนแผนกลับ แล้วไปๆมาๆก็ได้กันเลย จบครับ”นี่ก็สั้นไป...แล้วไอ้ได้กันเลยนี่มันอะไร!? พูดไม่เคลียร์นะเว้ย!

“ได้กัน!!!????”ไอ้ไนซ์ก็ไม่ยอมปล่อยผ่านครับ ทวนคำเดิมด้วยน้ำเสียงตกใจและอยากรู้อยากเห็นสุดๆ ตาเป็นประกายวาววับเชียว

“หมายถึงลงเอยเป็นแฟนกัน.... ถึงอยากจะได้จริงๆก็เถอะ... อืม เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ รบกวนน้องไนซ์ ช่วยพาทัวร์รอบบ้าน แล้วก็คุยทำความรู้จักกันได้ไหมครับ?”...ไม่ต้องพูดงึมงำคนเดียวเลย ได้ยินเฟ้ย! แล้วไม่ต้องมาหว่านล้อมน้องสาวผมด้วย

“โอ๊ย เพื่อพี่เขยไนซ์เต็มที่อยู่แล้ว”นี่ก็ยอมง่ายดายเหลือเกิน ไม่มีหวง มีห่วงพี่ชายตัวเองสักนิด ....แล้วสรุปคือผมต้องกลายเป็นสะใภ้โดยไม่มีใครถามความสมัครใจเลยงั้นสิ?

“ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเนอะ แฟนพี่พอร์ชก็เหมือนเป็นพี่ชายอีกคนของไนซ์นั่นแหละ”ไนซ์ยิ้มหน้าบานกระดี๊กระด๊ากว่าทุกที ใช่สิ มีเรื่องสนุกๆให้มันเล่นแล้วนี่

“...ไปรอทานข้าวกันได้แล้ว”ผมดึงแขนอาร์มให้เดินตามไป โดยมีไนซ์หัวเราะคิกคักติดสอยห้อยตามไปด้วย ก็นะ นานๆทีจะมีคนมาที่บ้านนี้ที เพราะถ้าไม่ใช่คนสนิทจริง หรือไว้ใจกันก็พาเข้าบ้านไม่ได้หรอก...เวลามีคนมาบ้านบรรยากาศมันก็เลยออกจะครึกครื้นแบบนี้นี่แหละ

     ระหว่างทางเดินไปก็เห็นป้าแม่บ้านเดินกันให้ขวักเลย พอเห็นพวกผมก็เข้ามาทักทายก่อนจะไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ แต่ที่เห็นท่าทางวุ่นกันสุดๆก็คงเป็นในครัวนี่แหละ คราวนี้ผมก็ไม่ได้เดินเข้าไปดูถึงในนั้นหรอก แต่ก็พอจะเดาๆสถานการณ์ในนั้นได้...สาเหตุที่ไปไม่ได้ก็เพราะต้องรองรับแขกที่เอาแต่ทำตัวติดหนึบกับผมนี่แหละ

“ไนซ์ก็เคยแอบคิดเล่นๆอยู่เหมือนกันนะว่า พี่ชายไนซ์อาจไปเป็นสะใภ้บ้านอื่นก็ได้ แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องจริงแบบนี้ เกินคาดน่าดู”ไนซ์เม้มปาก ขมวดคิ้วเสมือนว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง ซีเรียสมาก

“อืม... แล้วพี่เขยก็ รูปร่างหน้าตาผ่านมาตรฐานอยู่นะ นิสัยก็น่าจะโอเคอยู่....แต่มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ยังต้องคิดบัญชี”คุณน้องสาวเดินเข้ามาใกล้อาร์มมองหัวจรดปลายเท้าอย่างพิจารณา แล้วคิดบัญชีอะไรของคุณเธอเขาล่ะเนี่ย

“เรื่องอะไรเหรอครับ?”อาร์มถามอย่างสนอกสนใจ ซึ่งผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเรื่องอะไร

“ไนซ์ก็อยากจะบอกนะ....แต่ไนซ์ว่าถ้าพูดออกมาตอนนี้ ได้โดนพี่พอร์ชทุบตายแหงเลย”ไม่พูดเปล่ายังเหลือบมามองผมทำตัวสั่นๆได้อย่างสมจริงสมจัง

“นั่นก็แล้วแต่ว่ามันเป็นเรื่องสมควรพูดหรือเปล่าเท่านั้นแหละ อีกอย่างพี่ไม่ทำร้ายร่างกายน้องสาวที่น่ารักขนาดนี้หรอกนะ.... ถ้าเป็นแก้แค้นเอาทีหลังก็ว่าไปอย่าง”ผมส่งยิ้มหน้าเป็นไปให้ ไม่ได้มีเจตนาจะขู่อะไรจริงๆนะ เชื่อสิ

“แบบนี้ใครจะกล้าพูดล่ะ อูย น่ากลัวยิ่งกว่าวิญญาณพยาบาทอีก”ไนซ์เดินฉับๆแซงไปนั่งที่ประจำของตัวเอง ทำท่ากอดอกขนลุกใส่ผม

“ก็พูดมาก่อนสิ จะได้รู้ว่าจะทำยังไงดี ....อ่ะ อาร์ม มานั่งตรงนี้ก็ได้”ผมเลื่อนเก้าอี้ข้างๆตัวออกมา เชิญให้คุณชายอาร์มนั่งที่ได้ อาร์มก็แค่ยิ้มรับ อยู่เงียบๆฟังผมกับไนซ์ปะทะคารมกัน

“ก็ได้ๆ ที่ว่าจะคิดบัญชีก็คือ เรื่องก่อนหน้านี้ที่พี่ซึมเป็นเดือนๆนั่นแหละ .....ถึงจะเป็นคนที่พี่รักก็เถอะ แต่เขาก็ทำให้พี่เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ จิตหลุด หมกตัวอยู่แต่ในห้อง สภาพโทรมเอาๆไม่ใช่เหรอ?”อื้อหือ ได้ทีใส่ใหญ่เชียวนะ เล่นเอามาพูดแบบนี้ผมก็อายนะเว้ย

“จริงเหรอ พอร์ชร้องไห้เหรอ?”อาร์มหูผึงหันมาถามท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“อื้อ พี่พอร์ชนะร้องไห้สามเวลาเลย พูดยังไง ทำยังไงก็ไม่หาย”ไนซ์ไม่รอช้ารีบสำทับให้ผมได้อายหนักกว่าเดิมทันที

“พอร์ช เค้าขอโทษนะ ไม่คิดว่าจะทำให้เสียใจขนาดนี้....ให้ทำยังไงดี ถึงจะชดใช้ที่เค้าทำให้ตัวเองเสียน้ำตาได้ เค้ายอมทุกอย่างเลยนะ”มาแล้วครับ อาร์มกลายร่างเป็นลูกหมาส่งสายตาแป๋วแหววให้ ร้องงี้ดๆ กระดิกหางพั่บๆ กุมมือผมแน่น

“ไม่....ไม่ต้อง”ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น! ผมอายเว้ย เข้าใจไหมว่าอายน่ะ! ดีนะ ลุงกับน้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย

“อาร์มว่าอาร์มเข้าใจนะ หนึ่งเดือนนั่นน่ะ อาร์มก็ทรมานเหมือนกันนะ ทั้งเป็นห่วง ทั้งคิดถึง อยากไปอยู่ใกล้ๆ อยากบอกว่ารักแค่ไหน อยากบอกว่าอาร์มจะไม่มีวันปล่อยมือพอร์ชเด็ดขาด”โคตรพระเอกอ่ะครับ ละลายครับ ละลาย แต่อายมันก็อาย ไนซ์ก็จ้องกันอยู่ได้

“พอๆ เลิกพูดเถอะ”

“เอางี้ ไนซ์ว่าให้พี่อาร์ม....”

“เอ้าๆ คุยอะไรกันอยู่ ให้พ่อร่วมวงได้ไหม?”ยังไม่ทันที่ไนซ์จะพูดอะไรจบลุงพลก็เดินเข้ามานั่งที่หัวโต๊ะ ร่วมสนทนาด้วย

“มีเรื่องให้คุยเยอะแยะเลยค่ะ โอย สรุปแล้วไนซ์ก็ได้พี่เขยแทนพี่สะใภ้จริงๆ”ไนซ์หัวเราะคิกคักท่าทางกระปรี้กระเปร่าเหมือนไปดูดกัญชามา ส่วนลุงก็แค่ยิ้มๆให้

“กับข้าวมาแล้วจ้า”ยังไม่ทันที่ผมจะได้รับคำตอบอะไรเสียงของน้าก็ดังแทรกเข้ามาก่อน พร้อมกลิ่นหอมฉุยของกับข้าวในมือลอยมา เรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

“ทานเยอะๆล่ะ เจ้าหลานเขย”พอคุณลุงตักข้าวกินแล้ว ทุกคนก็เริ่มทานอาหารได้

“แกงมัสมั่นนี่ น้าตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะ ลองทานดูสิ”น้าตักแกงมัสมั่นข้นๆใส่จานให้อาร์ม เอาอกเอาใจกันสุดๆ

“ขอบคุณครับ”อาร์มยิ้มพิฆาตใจให้แล้วก็ตักชิมหนึ่งคำ..... บอกเลยว่า ไม่มีใครหรอกที่ชิมอาหารฝีมือน้าผมแล้วจะหนีไปไหนรอด

“เป็นไงบ้าง อึ้งดิ อร่อยใช่ป่ะล่ะ?”ผมแซะถามแบบมั่นใจสุดๆว่าอาหารฝีมือน้าณีน่ะ อร่อยยิ่งกว่าระดับภัตตาคารอีก หาทานที่ไหนก็ไม่ได้แล้ว

“อร่อย อร่อยมากครับ ไม่เคยทานที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อนเลยครับ”พูดไปก็ทำตาวาววับ น้ำตาคลอประหนึ่งว่าอร่อยลืมโลกไปเลย ถึงผมจะเคยเอาอาหารที่น้าทำไปให้กินแล้วก็เถอะ

“ได้ยินแบบนี้น้าก็ชื่นใจ กินอีกเยอะๆเลยนะจ้ะ ยังมีอีกเยอะ แต่ถ้าอยากกินมากกว่านี้ก็อยู่เป็นหลานเขยน้านานๆนะ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ....ว่าแต่ พอจะบอกสูตร บอกเคล็ดลับให้หน่อยได้ไหมครับ?”

“อุ๊ย สนใจการทำอาหารด้วยเหรอจ้ะ ดีจัง... แบบนี้สิถึงจะได้ไม่พากันอดตาย ก็ตาพอร์ชน่ะ แปลกจริงเชียว สอนยังไงก็ทำอาหารออกมาผิดสูตรทุกที”นี่น้าคงจะพูดถนอมน้ำใจผมอยู่สินะ..... ก็อันที่จริงน่ะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่ก็พยายามทำตามสูตรแล้ว แต่ทำไมทำออกมาแล้วรสชาติมันถึงบัดซบขนาดนั้นก็ไม่รู้...

“จริงอ่ะ”อาร์มหันมาถามผมยิ้มๆ ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ก็คนมันสกิลทำอาหารติดลบถึงขั้นย่ำแย่นี่ แก้ไม่ได้ด้วย

“แต่มีอาร์มเป็นพ่อศรีเรือนก็ดีแล้ว เดี๋ยวน้าจดสูตรไว้ให้แล้วกัน”เห็นหลานเขยเป็นพ่อครัวแบบนี้น้าก็ยิ่งปลื้มปริ่ม ด้วยอารามอยากถ่ายทอดสูตรอาหารจะแย่

“ขอบคุณครับ”







     หลังจากกินข้าวตามประสาครอบครัวเสร็จไนซ์ก็พาอาร์มทัวร์รอบบ้านตามที่ขอ โดยมีผมติดสอยห้อยตามไปด้วย เอาจริงๆถึงที่บ้านเราจะใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนักหรอก ของประดับบ้านก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร เพราะลุงพลเขานิยมสะสมหนังสือเก่ามากกว่า

“เอาล่ะ ในที่สุดก็มาถีงห้องที่ทุกคนรอคอย”ไกด์นำเที่ยวอย่างไอ้ไนซ์ก็พูดซะเวอร์ ให้ตื่นเต้นเล่นๆ ซึ่งอาร์มก็ดันบ้าจี้ทำหน้าตื่นเต้นตามอีก

“ห้องนอนพี่พอร์ชนั่นเอง เอง เอง~”แม้ไม่มีไมค์เธอก็สู้อุตส่าห์ทำเสียงเอคโค่ให้จงได้

“แต่ห้องตรงข้ามนั่นห้องไนซ์ เดินเข้าไปลึกๆหน่อยก็ห้องพ่อกับแม่ ไม่มีอะไรมากหรอก วันนี้ก็...หมดหน้าที่ไนซ์แล้ว ให้พี่พอร์ชไปสานต่อในห้องเองแล้วกันเนอะ”พูดชี้โพรงให้กระรอกเสร็จก็โบกมือลาเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที

“งั้นก็ไปสานต่อกันในห้องกันเลยเนอะ”อาร์มหันมาถามความเห็นผม สานต่ออะไรกันเล่า!???

“เงียบไปเลย”ผมเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเชิญชวนอาร์มเข้าห้องนะ มันอยากเข้าผมก็ให้เข้า เพราะในห้องผมมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ไม่ได้รกเข้าขั้นวิบัติด้วยสิ

“ขอนั่งนะ”อาร์มพูดพลางชี้ไปที่เตียง แต่ไม่ต้องขอก็ได้มั้ง ในเมื่อโถมตัวลงไปนั่งเต็มๆแล้ว

“ทำอะไรก็ทำไปเถอะ”

“หืม.....นี่ยังเก็บรูปนี้ไว้อยู่เหรอ หมอนอันนี้ด้วย”อาร์มเห็นกรอบรูปที่มันเคยให้ผม กับหมอนคุมะที่ได้มาตอนปาเป้าก็ถามตาเป็นประกายระยับ

“ก็ใครจะทิ้งลงล่ะ”บอกตรงๆ ไม่ว่าจะโกรธ เสียใจยังไงก็ทิ้งไม่ลงจริงๆ เพราะยังไงของพวกนี้มันก็เป็นหลักฐาน แสดงถึงความทรงจำ ความรู้สึกดีๆที่ผมกับอาร์มมีต่อกันนี่

“ตอนแรกนึกว่าจะโดนเผาทิ้งซะแล้ว แต่ดีจังที่ยังอยู่”อาร์มถือโอกาสเอาเจ้าหมีหน้าตายขึ้นมากอด หยิบกรอบรูปขึ้นมาดู

“ไม่มีทางซะล่ะ”

“ยังอยู่ เหมือนที่อาร์มยังอยู่ข้างๆนี้.....จากนี้จะไม่ทิ้งไปไหนแล้วนะ”อยู่ดีๆก็ทำซึ้ง กุมมือผมทำตาหวานใส่จนละลายอีกแล้ว

“ปากหวานอีกแล้ว อย่าเอาแต่พูดอย่างเดียวแล้วกัน ทำอย่างที่พูดด้วย”

“อื้ม”

“ทิ้งกันเมื่อไหร่ โกรธนะ จะตามไปเจี๋ยนทิ้งด้วย”ผมพูดขู่เอาไว้ก่อน บอกแล้วว่าถ้าผมรักแล้วผมจะไม่ปล่อยเด็ดขาด

“จ้ะ สาบานต่อหน้าเจ้าหมีนี่เลย”อาร์มจับหน้าใหญ่ๆบานๆของเจ้าหมี ไม่จับอย่างเดียวยังขยับไปขยับมาอีก

“สาบานกับหมีมันจะได้อะไรล่ะ”ผมหลุดขำไม่ได้ ที่มีเจ้าหมีหน้านิ่งนี่เป็นพยานรักให้

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รักขนาดนี้ จะให้ทิ้งได้ยังไงล่ะ”

“พูดอย่างนี้จะไม่ปล่อยไปแล้วนะ ต่อให้ขอยังไง อยากหนีไปแค่ไหนก็จะไม่ปล่อยเด็ดขาดเลยนะ”ผมกระชับมือแน่น ต่อจากนี้ผมเองก็จะไม่ปล่อยอาร์มไปแล้วเหมือนกัน

“อืม ยอมหมดแล้ว ทั้งตัว ทั้งใจเลย”อาร์มซุกไซร้ คลอเคลียข้างแก้ม เรื่อยไปที่ซอกคอ ก่อนที่จะหยุด ซุกหน้าวางทิ้งไว้อยู่แค่นั้น

“ถ้างั้นก็เหมือนกันนั่นแหละ”ผมยิ้มรับก่อนที่จะพากันทิ้งตัว ล้มลงไปนอนบนเตียงทั้งคู่.....


= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก บทที่22 15/10/15
«ตอบ #31 เมื่อ15-10-2015 21:09:07 »

บทที่ 22

 

     พวกเราล้มตัวลงไปนอน นอนเฉยๆ ตรงตัวตามความหมายเลย ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ ...ผมก็คิดแบบนั้นนะ แต่อาร์มที่ชักจะเริ่มเข้ามาคลุกวงในนี่ก็เริ่มทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ ก็เล่นเข้ามาซุก มาไซร้ หอมนั่นหอมนี่ จนวาบวามไปหมด แต่กลับดูเหมือนลูกหมาตัวโตๆเข้ามาล้อเล่น หยอกล้อกับเจ้าของซะมากกว่า

 

     ...ก๊อกๆๆ...

 

   
แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดมากไปกว่านี้ ก็เหมือนมีเสียงสวรรค์ดังเข้ามาช่วยผมที่ใจเต้นแรงจนเกือบจะหลุดออกมาแล้ว

 

“นี่ลุงเองนะ อยู่ในห้องหรือเปล่า?”

 

“ครับ”ผมขานรับแล้วรีบดึงตัวเองออกมาจากอาร์มทันที โดยไม่ลืมดึงให้อาร์มลุกขึ้นมานั่งดีๆด้วย เรียบร้อยแล้วผมก็รีบเดินไปเปิดประตู

 

“อยู่ด้วยกันพอดีเลย”ลุงเหลือบไปเห็นอาร์มนั่งอยู่ก็ทักขึ้นมา

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”ผมถามกลับไป ไม่รู้คราวนี้จะมีเรื่องอะไรให้ตกใจอีกหรือเปล่า

 

“เปล่าหรอก ลุงแค่จะมาบอกว่าวันนี้ให้เค้ามานอนค้างที่บ้านเราแล้วกัน หรือทางอื่นสะดวกกว่าก็ตามสบาย แต่ถ้าค้างที่นี่ก็ฝากหลานดูแลเค้าด้วยแล้วกัน ลุงมาบอกแค่นี้ล่ะ”บอกสิ่งที่อยากพูดหมดแล้วลุงก็เดินหาวหวอดจากไป เพราะนี่ก็เวลาทุ่มกว่าเกือบสองทุ่มอยู่แล้ว

 

“นั่นคือคำอนุญาตให้ค้างคืนใช่ไหมครับพอร์ช?”อาร์มโผเข้ามากอดทันทีที่ลุงผมเดินจากไป ยิ้มแป้นแล้นเหมือนเด็กๆ

 

“ก็...ประมาณนั้น”

 

“งั้นวันนี้ก็ได้นอนด้วยกันใช่ไหม?”ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กไปทัศนศึกษาไปได้ แต่ท่าทางเหมือนสุนัขตัวโตกำลังสั่นหางอยู่ก็ทำผมอดยิ้มไม่ได้

 

“ตามที่เข้าใจนั่นแหละ”ผมพูดอย่างว่าง่าย เพราะรอยยิ้มที่ดูโคตรจะน่ารัก ท่าทางออดอ้อนของมันนี่แหละ การที่ผู้ชายตัวโตๆจะมาทำอะไรแบบนี้ที่จริงมันก็ออกจะน่าหมั่นไส้ น่าถีบด้วยซ้ำ แต่วินาทีนี้เหมือนอะไรมันบังตาให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวทำนองนั้น

 

“ได้นอนคุยกันด้วย?”คราวนี้เข้ามากอดข้างหลัง เอาคางมาวางเกยที่ไหล่ อ้อนโคตร

 

“อืม”

 

“ได้นอนกอดพอร์ชด้วย?”

 

“ก็.....อืม”ผมนึกอยู่ครู่นึงก็ตอบตกลงไป กอดนิดๆหน่อยๆมันก็ไม่ได้มีอะไรส่วนไหนสึกหรอสักหน่อย....เอ แต่ผมจะนอนหลับหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องนะ

 

“อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน?”....เอ๊ะ นี่ชักจะยังไงๆอยู่นะ

 

“อยากให้อ่านเหรอ?”ถ้าอยากให้อ่านก็ไม่ขัดนะ แต่คงต้องเปลี่ยนจากเรื่องราวทำนองลูกหมูสามตัวหรือเรื่องแถวๆเจ้าหญิงดิ*นีย์ เป็นเรื่องแนวๆนิทานไทยจักรๆวงศ์ๆ เพื่อการนอนหลับที่ง่ายขึ้น.....

 

     ....คุณไม่เคยเหรอ? เวลาฟังครูภาษาไทยอายุห่างจากเราหลายรอบ เล่าเรื่องจากหนังสือเรียนให้ฟังแล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกง่วงขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุน่ะ? สาเหตุของความง่วงก็คงเพราะคุณครูเองก็คงไม่มาใส่อารมณ์ในการเล่าให้นักเรียนตาดำๆอย่างเราฟังเท่าไหร่หรอก หรือบางทีอาจเป็นเพราะผมฟังภาษาวรรณคดีไม่รู้เรื่องก็เป็นได้....

 

“อาบน้ำด้วยกันก็ได้ใช่ไหม?”...อืม...อาบน้ำเหรอ....

 

“อย่าคิดว่าผมจะคล้อยตามไปทุกเรื่องนะ”ผมสวนกลับทันที ไม่หลงกลตามน้ำหรอกนะ บอกเลย

 

“แหม ก็แค่ลองพูดดู แบบอยากลองทำดูอ่ะ”คำว่าอยากลองของมันนี่ทำเอาผมขนลุกพรึ่บพรั่บโดยไม่ทราบสาเหตุเลยทีเดียว

 

“.........ตอนที่ไปทะเลกันนั่นก็อาบด้วยกันไม่ใช่หรือไง?”ผมยอมทุกอย่างก็จริง แต่เรื่องนี้รู้สึกผมยังทำใจไม่ได้ แถมไม่ได้เตรียมตัว เตรียม เตรียมใจ ไม่ทันคิดเรื่องแบบนี้อีกต่างหาก.... แค่มากอด จูบ คลอเคลีย แค่นี้หัวใจผมก็แทบหลุดออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแล้ว

 

“นั่นเขาเรียกใช้ห้องน้ำร่วมกันเฉยๆหรอก  อาบส่วนใครส่วนมันแบบนั้นไม่เรียกว่าอาบด้วยกันสักหน่อย แถมตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยนี่........แต่ตอนนี้ ถ้าไม่อยาก ก็ยังไม่ต้องก็ได้ แต่ถ้าอยากชวนไปอาบน้ำด้วยกันเมื่อไหร่ก็รีบมาบอกเลยนะครับ”อาร์มพูดจบก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ๆ

 

“งั้นก็ไปอาบน้ำได้แล้ว”

 

“หืม นี่จะเอาเลยเหรอ?”อาร์มมองผม เบิกตากว้าง ท่าทางกระดี๊กระด๊าไม่ได้ลดลงเลย แถมมีแต่จะเพิ่มขึ้นด้วยสิ

 

“หมายถึง ไปอาบน้ำ คนเดียว only oneน่ะ....ไปได้แล้ว”ผมชี้นิ้วไปทางห้องน้ำสั่งอย่างเด็ดขาด ชัดเจน จะได้ไม่ยอกย้อน เล่นคำอะไรกลับมาอีก

 

“คร้าบ ตามบัญชาเลยครับ”อาร์มยกมือขึ้นตะเบ๊ะ ยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ทั้งที่อายุอานามก็ตั้งเท่าไหร่แล้ว....

 

“แล้วไม่ต้องทำมึนไปหยิบเสื้อในตะกร้าผมมาใส่แล้วนะ”ผมพูดย้ำเตือน เพราะนึกไปถึงเรื่องตอนนั้น.... ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาร์มคิดอะไรอยู่ ถึงเอากระทั่งกางเกงในผมไปใส่เล่น...

 

“รับทราบครับ”

 

“แต่ว่า....ต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้สามีใส่ด้วยนะครับ”รับคำเสร็จแล้วก็เข้ามากระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ........

 

“อ่ะเหรอ เดี๋ยวเตรียมให้แน่นอนครับ คุณ-สา-มี”เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วที่จะยิ้มรับคำ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานที่เล็ดรอดไรฟันออกมา.....

 

     ผลัวะ!!!!

 

“โอ๊ย!!!”

 

     ไม่ต้องตกใจว่าเสียงอะไร เกิดอะไรขึ้น ผมก็แค่อยากบริหารข้อศอก เลยกระทุ้งศอกใส่สีข้างสามีที่รักด้วยความหมั่นไส้ให้หายเมื่อยแค่นั้นเอง....

 

“อุ้ย ขอโทษครับ เผลอยืดเส้นยืดสายแรงไปหน่อย....ไม่ว่ากันนะครับ”ผมแกล้งถามอย่างห่วงใย มองอาร์มที่กำลังยืนคุดคู้ สีหน้าทุรนทุรายแล้วก็รู้สึกมีความสุขพิลึก

 

“แรงยังดีไม่มีตกนะครับ”

 

“แน่นอน ....แล้วจะไปอาบน้ำดีๆได้หรือยัง หรือต้องให้ถีบส่งเข้าไปครับที่รัก?”ผมกอดอกยิ้มหวานที่สุดในชีวิตให้ แม้จะขัดกับเนื้อหาที่พูดก็เถอะ

 

“ไปแล้วคร้าบ”ทำหน้าหวาดผวาใส่ผมทีนึง แล้วก็รีบเดินเข้าไปห้องน้ำ... ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นใคร และผมไม่ได้ยอมมันตลอดนะเออ

 

     เห็นอาร์มไปอาบน้ำดีๆแล้วผมก็เริ่มปฏิบัติการณ์รื้อตู้เสื้อผ้า เพื่อหาเสื้อให้ไอ้อาร์มที่สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นคุณสามีใส่นอน ขนาดตัวผมกับมันก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่หรอก แต่อาร์มมันก็หนากว่าผมแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ส่วนสูงเองก็สูงกว่าผมสักนิดนึง เลยหาชุดให้ไม่ยาก..... เรื่องกางเกงใน ผมจะไม่ยอมปล่อยให้มันมาใส่ของผมซ้ำเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่ผมมีกางเกงในสำรองที่ยังไม่ได้ใส่ตุนไว้อีกเพียบ

 

     นี่ผมซีเรียสเรื่องกางเกงในนะเนี่ย ช่วยเครียดตามไปด้วยสิ....เอาเถอะ เอาเป็นว่าเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้วผมก็เอาไปวางไว้ให้หน้าห้องน้ำนั่นแหละ

 

     ครืด....

 

“เฮ้ยยย”วันนี้มันจะมีเรื่องให้ตกใจอะไรนักหนาวะ!??.....ก็พอผมจัดแจงวางเสื้อผ้าพร้อมกางเกงในแกะจากแพ็คใหม่เอี่ยมให้ อยู่ดีๆประตูห้องน้ำก็ถูกเลื่อนออกด้วยฝีมือไอ้อาร์มที่อยู่ในชุดวันเกิด.....

 

     โอ้ มายบุดด้า แล้วทีนี้โฟกัสที่ผมเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือ เจ้าสิ่งที่ห้อยต่องแต่ง....ฟังดูน่าเกลียด แต่คือผมก็ดันเห็นเข้าเต็มตา เห็นจะๆแบบโนเซ็นเซอร์ ไร้ซึ่งหมอกแห่งศีลธรรม ตายๆ นี่ขนาดรีบหันหนีภาพมันยังติดตาอยู่เลย....

 

“พอร์ชเป็นไรอ่ะ?”ยังจะมาอินโนเซนต์ถามเสียงซื่อ แอ๊บแบ๊วใส่อีก ไม่สำนึกสักนิดที่ทำผมเกือบหัวใจวายตายจากการเห็นอาร์มน้อยโดยไม่ทันตั้งตัว

 

“ใครให้เดินออกมาโท่งๆ ตัวเปล่าเล่าเปลือย ไม่นุ่งผ้าอะไรแบบนี้ห๊ะ!!!!?”ตะโกนด้วยความปรี๊ดแตก ตามด้วยกำปั้นหนึ่งดอก

 

“โอ๊ย อย่าทำร้ายร่างกายสามีบ่อยสิ เดี๋ยวช้ำในตายกันพอดี”อาร์มทำทีร้องโอดโอย ซึ่งสายตาผมก็พยายามมองแค่หน้ามัน ไม่มองลงไปเบื้องล่างเด็ดขาด

 

โอย บัดสีบัดเถลิงเป็นที่สุด....

 

“รีบไปใส่เสื้อผ้า ให้เวลา 10 วินาที ถ้ายังเห็นยืนล่อนจ้อนอยู่ เดี๋ยวจะทำให้ไอ้นั่นของอาร์มไม่ได้โผล่มาให้ผมเห็นอีกเป็นครั้งที่สองดีไหมครับ?”ผมพูดไปก็ไม่ลืมชี้ไปที่พิกัดที่ว่าเพื่อเป็นการข่มขู่ด้วย แต่ผมก็ยังคอแข็งพอที่จะไม่ก้มลงไปมองอีก

 

“ใส่เดี๋ยวนี้แหละครับ!”ว่าแล้วก็กุลีกุจอใส่เสื้อผ้าเป็นการใหญ่ กลัวโดนเจี๋ยนจริงดิ?

 

“ทำเวลาได้ดี รอดตัวไปนะครับ....งั้นเดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำบ้าง อย่ามากวนแล้วกันครับ”ผมยิ้มให้แล้วก็หอมแก้มขวาทีซ้ายทีก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำต่อ

 

“.....ทำไมเมียโคตรโหดอย่างนี้อ่ะ”อาร์มพูดงึมงำ แต่คิดเหรอว่าผมจะไม่ได้ยิน?

 

“บ่นอะไรหรือเปล่าครับ?”ผมโผล่หน้าออกมาถาม ไม่ลืมส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้ด้วย

 

“....เปล่าจ้า”เสียงตอบกลับมาอ่อยๆพร้อมสีหน้าที่ถ้าเปรียบเป็นอีโมค่อน ก็คงประมาณนี้>> TT_TT แม้ผมจะไม่ค่อยชอบใช้อีโมค่อน แต่หน้าไอ้อาร์มมันเป็นประมาณนี้จริงๆ เห็นแล้วฮาดี....

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็นอนกลิ้งเกลือกอยู่กับอาร์มบนเตียง คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย และผมก็คงไม่ลืมถามเรื่องที่สำคัญที่สุดกับมันด้วย

 

“แล้วที่บ้านรู้ไหมว่าลูกชายมาชอบผู้ชายแบบนี้น่ะ”ผมถามขณะที่อยู่ในท่านอนตะแคงข้าง อาร์มเองก็ทำแบบเดียวกับผม หันหน้าเข้ามาคุยกัน

 

“ความแตกตั้งแต่ปีสามแล้ว”

 

“ยังไง?”เรื่องมันชักมีเงื่อนงำแล้วสิ...ความจริงเริ่มเปิดเผยว่าอาร์มมันต้องชอบผมมาตั้งแต่สมัยเรียน! หลังจากที่มันปิดผมเงียบมาตั้งนานสองนาน ในที่สุดผมก็จะได้รู้แล้วใช่ไหม

 

“ก็อาร์มตกลงไปในบ่วงรักของพอร์ชตั้งแต่ปีสามน่ะสิ”แล้วมาพูดพร่ำพรรณนาเพื่ออะไรล่ะเนี่ย

 

“แล้วไงต่อ”ผมกระแซะถามต่ออย่างไม่ลดละความพยายามและความอยากรู้อยากเห็น

 

“แหม พอหลงรักทั้งที มันก็ต้องมีพร่ำเพ้อ คะนึงหาทุกเวลา จนหญิงแม่จับพิรุธได้น่ะสิ พอโดนถามมากๆอาร์มเลย...บอกความจริงไปเลย”ผมอยากบอกมันเหลือแสนว่าอย่ามาลิเกใส่ เดี๋ยวหลับ

 

“แล้วผล?”

 

“โดนท่านพ่อประเคนหมัดใส่หน้าน่ะสิ นึกถึงทีไรเหมือนมันจะแปล๊บๆขึ้นมาทุกที....”อาร์มเล่าไปก็ทำท่าลูบแก้มซ้ายไป ท่าทางจะเป็นความหลังฝังใจนะ

 

“หลังจากโดนอัดพอเป็นพิธีแล้ว....ก็ได้คุยกัน อย่างที่รู้ว่าตอนนั้นเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันด้วยซ้ำ พ่อกับแม่เลยพยายามหาทางให้อาร์มเลิกชอบพอร์ช ซึ่งน้องพิมก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่พ่อกับแม่เลือกมา แต่อาร์มรักไปแล้วก็เปลี่ยนใจไปรักใครไม่ได้หรอก ก็ยังยืนยัน ยืนกรานไม่ยอมทำตามที่พ่อแม่บอกมาตลอด....จนปีสี่อาร์มก็ยังเหมือนเดิม ทีนี้กลายเป็นว่าพ่อกับแม่กลับเป็นฝ่ายบอกอาร์มว่า ‘เมื่อไหร่เอ็งจะไปจีบเค้าสักทีเนี่ย รอมาเป็นปี ยังไม่เห็นทำอะไร ไอ้ลูกชายนี่’ เป็นงั้นไป”อาร์มเล่าอย่างออกรส ยิ้มกว้างตลอดเวลา

 

“งี้ก็ไฟเขียวผ่านตลอดแล้วสิ”ผมฟังๆแล้วก็ชักโล่งใจ ไม่ต้องไปเผชิญแม่ผัวตัวร้ายให้เหนื่อยเล่น

 

“อืม พาไปเปิดตัวได้ทุกเมื่อ แม่เค้าอยากเจอพอร์ชมากเลยนะ เค้าอยากลองคุยกับคนที่ทำให้ลูกชายเค้าหลงรักหัวปักหัวปำขนาดนี้ดู”พูดพร้อมทำตาเชื่อมใส่แบบนี้ผมชักเขินแล้วสิ

 

“แล้วทำไมคุณน้องพิมเค้ายังมาวนเวียนไม่ไปผุดไปเกิดอยู่อีกล่ะ?”

 

“พอร์ชก็พูดไป น้องเค้าดูจะชอบอาร์มน่ะ ก็เลยมาตามติดไม่ไปไหนสักที ทั้งที่ก็บอกไปชัดเจนแล้วว่าคิดกับน้องเค้าแค่น้องสาวกับพี่ชาย แต่เค้าก็ยังไม่ไปไหนสักที”เอ้อ เอาเข้าไป มีความพยายามตื๊อได้ตื๊อดีจริงๆ

 

“เอาเถอะ....แล้วนี่มารักผมได้ไงอ่ะ”ข้อนี้ผมอยากรู้จริงๆ ทำอีท่าไหน ผมเจอมันตอนไหน แล้วผมไปทำอะไรอาร์มถึงตกหลุมรักตามติดเหนียวหนึบเป็นเวลาสิริร่วมเกือบสามปีได้แบบนี้

 

“หมดโควตาคำถามแล้ว แต่ถ้าอยากรู้พรุ่งนี้ไปบ้านอาร์มนะ”

 

“อะไรวะ มีอย่างนี้ด้วย”

 

“ได้เวลานอนแล้วครับเด็กดี พรุ่งนี้จะได้ไปบ้านอาร์ม”พูดเหมือนส่งเด็กเข้านอนแล้วก็จูบหน้าผากผมหนึ่งที

 

“เดี๋ยวๆๆ ผมยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ”

 

“งั้นก็ตกลงซะนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับที่รัก”จูบแตะริมฝีปากเบาๆแล้วก็เอื้อมไปปิดโคมไฟหัวเตียง ก่อนจะหลับตาพริ้ม ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น

 

“จิ๊ ตกลงก็ตกลง”

 

“น่ารักมากครับ”ไอ้คนที่ทำท่าว่าหลับไปแล้วลืมตาโพล่งขึ้นมา ระดมจูบผมซะงั้น ทีอย่างนี้ล่ะตื่นเชียวนะ

 

“หลับอยู่ไม่ใช่เหรอ? หลับแล้วทำไมตอบได้”ผมทุบอกมันไปทีนึง โทษฐานทำตัวน่าหมั่นไส้

 

“ตื่นแล้วครับ...แต่ถ้าได้จูบอีกสักทีรับรองหลับสนิท หลับสบายแน่”นี่เขาเรียกได้คืบจะเอาศอกซะแล้ว เอาแต่ใจขึ้นทุกวันๆ

 

“งั้นก็เชิญนอนตาค้างต่อไปนะ ราตรีสวัสดิ์ครับที่รัก”ผมย้อนกลับไปบ้าง ก่อนจะหลับตาพริ้ม มีความสุขจริงที่ได้แกล้งไอ้อาร์ม

 

“เอ๊ จุ๊บหน่อยนะครับ อย่าใจร้ายกันแบบนี้สิ”

 

“ก็แล้วทำไมล่ะ อย่ากวนได้ไหม จะนอนแล้ว”ขอแกล้งต่อสักหน่อย.... ตามใจมากๆ เดี๋ยวจะได้ใจมากไปแล้วจะเสียคน ไม่ดีๆ

 

“...........”อ้าว เงียบไปซะแล้ว งอนหรือไงกัน? แต่ช่างเถอะ ผมง่วงแล้ว

 

“....อ...อืม...”อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าริมฝีปากโดนดุนดัน บดเบียดได้สักพักก็โดนงับเข้า ก่อนที่ลิ้นร้อนจะถูกสอดเข้ามาในโพรงปาก โดนจูบจนมึนไปหมด แต่สติยังมีพอให้รู้ว่ากำลังโดนมือปลาหมึกล้วงเข้ามาในเสื้ออยู่ แต่จะทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะเรี่ยวแรงมันโดนสูบไปหมด จูบมาทีก็แทบจะอ่อนระทวย

 

     ริมฝีปากเริ่มไล่ต่ำลงมาโลมเลียที่ซอกคอ แผ่นอก ก่อนจะถูกบดขยี้จุดหวามไหว...ไอ้รู้สึกดีมันก็ใช่นะ ท่าทางโคตรเชี่ยวจนผมแทบไม่เชื่อว่าอาร์มมันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ แต่....

 

“หยุด หยุดก่อน”ผมดันอาร์มที่กำลังเครื่องติดเต็มที่ออกไป รีบดึงเสื้อกลับมา หอบหายใจเหมือนไปวิ่งมาราธอนมาสักสิบรอบ

 

“ทำไมล่ะครับ ไม่ชอบเหรอ?”เสียงหวานหูกว่าปกติสองเท่า แถมติดจะกระเส่าหน่อยๆอีกต่างหาก เวรล่ะ เข้าโหมดหื่นไปเรียบร้อยแล้วใช่ไหมนั่น

 

“.....เปล่า แต่มันยัง... ยังไม่พร้อม เข้าใจไหม?”โดนรุกแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนั้นผมก็ใจเต้นโครมครามไปหมดแล้ว

 

“งือ....ก็ได้”และแล้วอาร์มก็กลับเข้าสู่โหมดหมาน้อยน่ารักเชื่อฟังคำสั่ง ล้มตัวลงนอนข้างๆอย่างว่าง่าย

 

“หลับสักทีนะ”

 

“อืม”อาร์มตอบรับแล้วรวบผมเข้าไปกอด....ก็รู้สึกแปลกๆอยู่หรอก แต่ก็อบอุ่นดีเหมือนกัน

 

 

 

 

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

 แอบย่องเข้ามาอัพนิยาย ขอโทษที่มาช้านะคะ ณ ตอนนี้มิดเทอมได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่เหมือนโดนภูมิศาสตร์ฮุคซ้ายรัวๆจนเนื้อเรื่องในนิยายปลิวออกไปจากสมองหมด=_=
วันนี้ก็เอามาลงให้สองตอนรวด ไถ่โทษที่มาล่าช้า แล้วก็ไว้เจอกันอีกทีอาทิตย์หน้าค่ะ^^

ป.ล.ใกล้ถึงตอนจบเข้าไปทุกทีแล้ว....

ป.ล.2.สำหรับสาเหตุที่ว่าตอนที่22นี้ทำไมดูสั้นๆ เนื่องจากตอนแรกที่เขียนไว้ที่จริงมันมีบทอัศจรรย์ ชาลาล่าด้วยค่ะ(ว้อทส์....) แต่มันยังไม่ใช่จังหวะที่จะเอาลงได้ กับ ดูขัดๆยังไงไม่รู้ก็เลยตัดออก.....ผลปรากฏว่าสั้นเหลือเท่านี้นั่นเอง=_=

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก อัพบทที่23 20/10/15
«ตอบ #32 เมื่อ20-10-2015 20:57:42 »

บทที่ 23


“ไปแล้วนะครับ ลุงพล น้าณี ป้าแจ่ม”ผมเอ่ยลาผู้อาวุโสทั้งสามที่มองตามผมที่หอบกระเป๋าหนีตาม เอ๊ย...ย้ายตามไปอยู่บ้านไอ้อาร์ม

“ความจริงอยู่ก่อนแต่งแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ แต่หยวนๆกันไปแล้วกัน... เอาหลานน้าไปแล้วก็อย่าเอาไปทิ้งขว้างล่ะ”น้าพูดท่าทางกังวล แต่ก็ส่งสายตาคาดหวังไปให้อาร์มแบบไม่ปิดบัง

“ครับ”อาร์มยิ้มรับคำหนักแน่น จับมือผมไม่ปล่อย

“เอาไปแล้วไม่รับกลับแล้วนา ดูแลกันดีๆ อย่าลืมที่พูดกับลุงไว้ล่ะ”

“ครับ ไม่ลืมครับ”

“หนูพอร์ช แวะมาหาป้าบ้างนะคะ โถๆ เหมือนเมื่อไม่กี่วันนี้ป้ายังเห็นหนูเล่นซนแกล้งป้าอยู่เลย โตเป็นหนุ่มออกเรือนไปซะแล้ว พ่อหนุ่ม ป้าฝากดูหนูพอร์ชของป้าด้วยนะคะ”ป้าแจ่มรายนี้ท่าทางอำลาอาลัย ซับน้ำตาเหมือนหนึ่งว่าผมเป็นลูกคนหนึ่งของป้า

“ผมก็แกล้งป้าทุกวันนะ ....เดี๋ยวผมก็แวะมาอีกนั่นแหละครับ ไม่ได้ไปแล้วไปลับสักหน่อย”

“ร่ำลากันพอแล้ว ไปกันได้แล้ว ตาอาร์มเขาจะไปทำงานไม่ใช่เหรอ?”ลุงพลเห็นเวลาก็ออกปากไล่ให้พวกผมรีบไปทันที ก็นะ อาร์มมันก็ประธานบริษัท ทิ้งบริษัทไปหลายวันแบบนี้ก็ไม่ได้

“งั้นไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ”พวกผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนเสร็จก็หมุนตัวเดินไปขึ้นรถ

“เดี๋ยวๆๆ เดี๊ยววว จะไปไม่มาลาน้องสาวหน่อยเลยเหรอ!????”ไนซ์วิ่งหน้าตั้งหัวกระเซิงมาแต่ไกล แต่น้ำเสียงยังไม่ลดระดับเดซิเบลลงไปเลยแม้แต่น้อย

“ก็เห็นหลับอุตุ ฝันดีน้ำลายยืดขนาดนั้นใครจะไปกล้าปลุก เดี๋ยวจะมาโกรธพี่อีก”ผมพูดบรรยายภาพที่เห็นเมื่อเช้าที่เข้าไปเปิดห้องนอนน้องสาวตัวแสบ

“ใครน้ำลายไหลห๊ะ!?”พูดจบเธอก็ประเคนเข่าใส่ผมรัวๆ พูดความจริงก็รับไม่ได้อีก

“ครอบครัวพอร์ชนี่แข็งแรงกันดีนะ”อาร์มเห็นผมโดนทำร้ายร่างกายแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆมาให้ โดยไม่อาจสอดมือเข้ามาระหว่างการต่อสู้(?)ของคนในครอบครัวเศรษฐสวัสดิ์ได้

“พอๆ จะรีบไปแล้ว”ผมรีบปรามก่อนจะโดนทำร้ายมากไปกว่านี้

“งั้น โชคดี”ไนซ์แทคมือกับผมเหมือนทุกที ก่อนจะเหลือบไปมองอาร์มที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆผม

“แล้วก็ ไนซ์ฝากพี่พอร์ชด้วยนะคะ อย่าให้พี่พอร์ชกลับมาร้องไห้ กระจองอแงซบอกไนซ์อีกนะคะ”ไนซ์พูดฝากฝังพร้อมกระทบกระเทียบแถมท้ายให้ด้วย

“ครับ จะดูแลอย่างดี ไม่ร้องไห้งอแง ไม่เกเรแน่นอน”

“คิก.... ถ้าพี่พอร์ชเกเร อย่าลืมมาฟ้องไนซ์นะคะ”ยัยไนซ์นี่ก็ทำตัวเป็นแม่ผมไปได้

“ครับ”แล้วเราก็พากันขึ้นรถ จุดหมายปลายทางไม่ใช่บ้านคุณชาย คุณหญิงของอาร์มหรอก แต่เป็นคอนโดที่ผมเคยอยู่ต่างหาก เพราะอาร์มจะให้ผมมาอยู่กับมันที่นี่ ตอนเย็นค่อยแวะไปบ้าน ทักทายพ่อสามี แม่สามี พร้อมกับไปเอาคำตอบ ข้อสงสัยที่ว่ามันจะบอกผมว่ารักผมเพราะอะไร

“เดี๋ยวแวะไปที่ทำงานอาร์มด้วยนะครับ”อาร์มพูดขึ้นขณะที่แล่นเข้าสู่ถนนที่มุ่งไปที่คอนโดของอาร์ม

“หมายถึงให้ผมไปด้วย?”พูดมาแบบนี้แสดงว่ามันต้องหิ้วผมไปด้วยแหงๆ

“ครับ”

“ไม่เอา ไม่อยากไป”ผมไม่อยากไปบริษัทอาร์มอีกแล้วนะ..... ถึงเรื่องมันจะผ่านไปแล้วก็เถอะ แต่ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ดี

“ต้องไป”อยู่ดีๆก็มาสั่งเสียงแข็งซะงั้น เอาแต่ใจ บ้าอำนาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?? ทั้งๆที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยจะขัดใจอะไรผมขนาดนี้แท้ๆ

“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่อยากไง”

“ไปหน่อยนะ.....อยากได้กำลังใจ”คราวนี้เสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนผมใหญ่ ไม้แข็ง ไม้อ่อน ไม้นวมอะไรมันงัดเอามาใช้หมด

“ไม่เอา ผมทำตัวไม่ถูก”

“วันนี้คุณกรมาด้วยนะ”อาร์มเลี้ยวเข้าคอนโดที่ผมไม่ได้มาเฉียดใกล้เป็นเดือนนับจากตอนนั้น

“แล้วคุณกรมาเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะไปไม่ไปเนี่ย”

“เกี่ยวสิ....พอร์ชลืมแล้วเหรอ ว่าถ้าคุณกรมาหาอาร์มเมื่อไหร่ น้องพิมเค้าต้องพ่วงตามมาด้วย”อาร์มบอกเรื่องที่ผมก็เกือบจะลืมไปแล้ว ซึ่งมันก็จริงของมัน

“ก็จริง แล้วยังไงล่ะ?”ผมปลดเข็มขัดนิรภัยเตรียมเดินลงจากรถ

“มาช่วยเคลียร์เรื่องน้องพิมหน่อยนะครับ”อาร์มเดินลงจากรถมาได้ก็กุมมือผม ร้องขอ สายตาอ้อนวอนสุดๆ

“ทำไม? เคลียร์เองคนเดียวไม่ได้?”ผมเดินนำไปตามเส้นทางเดิมๆที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย

“ถ้าได้ป่านนี้เค้าไปตั้งนานแล้วครับ ถ้าพอร์ชไปเค้าจะได้รู้ไงว่าอาร์มมีเจ้าของแล้ว แค่พูดเฉยๆ เขาคงจะไม่เชื่อหรอก ต้องเอาตัวจริงไปให้ดูด้วย”

“นั่นยิ่งไม่เอาใหญ่”เข้าไปในลิฟต์ก็ยืนเถียงกันไปเรื่อย ตัวเลขสีแดงๆก็ค่อยๆเปลี่ยนไปตามจำนวนชั้น

“น่านะ ถ้ายอมไปด้วยนี่ให้จุ๊บหลายๆทีเลยนะ”

“ใครจะอยากจุ๊บ”ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องที่คุ้นเคยรอเจ้าของห้องมาเปิด

“นะครับ”บอกแล้วไงว่าอย่าอ้อนซะให้ยาก........ เพราะยังไงผมก็ ยอมอยู่ดี....









     แล้วผมก็ติดสอยห้อยตามมาถึงที่บริษัทที่ผมเคยมาทำงานล้วงลับตับแตกในคราวนั้น ทั้งทำให้ผมรู้สึกดี ทั้งทำให้น้ำตาแตกไปพร้อมๆกัน แต่มันก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ถือซะว่ามาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งก็แล้วกัน

“สวัสดีครับพี่หลิง”อาร์มมาทักทายเลขาคนเดิมที่ก็ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะประจำ

“สวัสดีค่ะน้องอาร์ม....อุ๊ย นั้นน้องพอร์ชใช่ไหม? ไปไงมาไงคะเนี่ย ไม่ได้เห็นหน้านานเลย”พี่หลิงเงยหน้าขึ้นมาทัก พอเห็นผมก็ทำหน้าแปลกใจ แต่รอยยิ้มสวยก็ยังคงประดับไว้เหมือนเดิม

“พอร์ชเค้ากลับไปช่วยงานที่บ้านเค้า ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็พามาเป็นกำลังใจในการทำงานน่ะครับ”

“พี่ก็นึกว่าน้องอาร์มโดนสลัดรักซะแล้วนี่.....แล้วก็น้องพอร์ชจะคัมแบ็คเมื่อไหร่ก็บอกนะคะ ไม่ได้เห็นมาจู๋จี๋กันแล้วเหมือนชีวิตพี่ขาดอะไรบางอย่างไปยังไงไม่รู้”พี่หลิงพูดแซวหัวเราะตามสไตล์ของเธอ

“พี่หลิง.... ไม่ได้จู๋จี๋กันสักหน่อย”

“ครับ ไม่ได้จู๋จี๋กันนะครับ......พลอดรักกันต่างหาก”ไอ้นี่.....นึกว่าจะแก้ต่างให้ ดันพูดให้แย่ลงไปอีก

“แหม รักกันดีเหมือนเดิมเลย เห็นแล้วอิจฉา”อิจฉาก็หามาสักคนสิครับพี่ แถมผมก็ไม่ได้รักกันหวานแหววอะไรขนาดนั้นด้วย มั้งนะ

“ครับ เอ้อ เดี๋ยวผมขอเข้าไปเคลียร์อะไรในห้องก่อนละนะครับ ไม่ได้เข้าบริษัทตั้งหลายวัน”

“หยุดไปฮันนีมูนสักสัปดาห์ หรือ สักเดือนนึงพี่ก็ไม่ว่าหรอกค่ะ .....อ่ะ ไปทำงานเถอะจ้ะ พี่ไม่กวนแล้ว”พี่หลิงพูดจ้อไปเรื่อย ....อืม ฮันนีมูนเหรอ? น่าสนๆ

“ครับ”อาร์มรับคำแล้วก็จูงมือผมเดินเข้าห้องที่ผมเคยมาหอบหิ้วมื้อเช้ามานั่งกินกับอาร์มบ่อยๆ ถึงตอนนั้นผมจะพูดว่าทำงาน แต่เสี้ยวนึงมันก็อดรู้สึกว่าผมรู้สึกดีเวลาอยู่กับอาร์มไม่ได้

“เรามากินข้าวเช้าที่นี่กันอีกดีไหม?”อาร์มพูดเหมือนรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร ก็ไม่แปลก เพราะผมมองอยู่ที่โต๊ะ มุมที่เราเคยไปนั่งทานข้าวเช้ากันอยู่ตั้งนานสองนาน

“ไม่เอาล่ะ....กินที่คอนโดก็ดีอยู่แล้ว อาร์มต้องเป็นคนทำมื้อเช้าด้วยนะ”ไม่ใช่อะไร ผมขี้เกียจก็เท่านั้น ขี้เกียจไปหาซื้ออาหาร ขี้เกียจเดินออกไปไหน แถมอาร์มเองก็ทำอาหารอร่อยเด็ดมากๆด้วย ทำไมต้องดิ้นรนไปหาอะไรกินข้างนอกด้วย

“เอาตามที่คุณหนูพอใจครับ”อาร์มยกมือทาบอกค้อมตัวเหมือนพ่อบ้านมาดเนี้ยบหลุดออกมาจากในละคร

“ดีแฮะ มีแฟนทั้งที ได้ทั้งพ่อบ้าน พ่อครัว คนขับรถรับ-ส่งไปไหนมาไหนด้วย”

“แถมเป็นคนดูแลหัวใจให้ด้วย”ว่าแล้วอ้อมแขนแกร่งก็เข้ามารวบตัวผมไปกอด พูดอะไรเลี่ยนๆ เสี่ยวๆนี่ล่ะถนัดนัก แต่เรื่องทำให้ผมใจเต้นเป็นจังหวะดิสโก้นี่คงต้องยกให้เลย

“อ่ะครับ เอาล่ะรีบเสด็จไปเคลียร์อะไรที่ว่านั่นได้แล้ว มานัวเนียผมอยู่อย่างนี้จะทำอะไรเสร็จไหม หือ?”ก่อนที่บรรยากาศจะหวานฟุ้งไปกว่านี้ ผมก็พูดขัดขึ้นมา แล้วพาท่านประธานบริษัทที่โดดงานไปทำอะไรไม่รู้มานั่งประจำตำแหน่ง

“ครับ มีภรรยามาคุมถึงที่ขนาดนี้ จะไม่ตั้งใจทำงานได้ยังไงกัน”ไม่พูดเปล่ายังคว้าคอผมโน้มลงมาหอมแก้มด้วย...... จะว่าไปก็ไม่ได้เห็นอาร์มในมาดประธานบริษัทแบบใกล้ๆมานานแล้วเหมือนกัน ผมคงไม่เคยบอกใช่ไหมว่าตอนทำงาน กับตอนอยู่บ้านมันแตกต่างกันยังไง?

     ผมก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ไม่รู้จะทำอะไรอยู่พอดี นั่งเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอาร์มสภาพปกติกับสภาพทำงานหน่อยแล้วกัน ก็เวลาอยู่บ้านผมเผ้าอะไรก็ไม่ได้เซ็ตหรอก ปล่อยระเกะระกะปรกหน้าประหนึ่งนักร้องเกาหลี ตามเทรนด์อะไรทำนองนั้น เสื้อก็ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ยังดีที่ยังเกรงใจผมเลยไม่แก้ผ้าเดินไปมาให้ผมดู ....ส่วนเวลาทำงานน่ะเหรอ คงจะเดากันไม่ยากหรอก ผมอะไรนี่เรียบกริ๊บเลย...เสยเก็บซะเรียบ ไม่มีไรผมให้เห็นแต่ก็ดูดีไปอีกแบบ ชุดสูทก็สั่งตัดมาพอดีตัว....เอาเป็นว่า อธิบายสั้นสั้นๆคือ โคตรหล่อเนี้ยบแล้วกัน คนในบริษัทถึงได้มองตามคอแทบหัก รวมถึงคนภายนอกด้วยอ่ะนะ หล่อไม่เกรงใจใครเลย....

     แต่จะลุคไหนผมก็ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้จะหล่อเกินหน้าเกินตาผมแค่ไหนก็ตาม อีกอย่างผมก็ไม่ได้รักมันเพราะหน้าตาสักหน่อย

“ว่างอ่ะ....มีอะไรให้ทำไหม? ให้ช่วยอะไรหรือเปล่า?”ผมมองรอบๆหาอะไรทำ เห็นอาร์มเริ่มนั่งสิงเข้าไปในเอกสารก็ถามเผื่อมีอะไรให้ผมช่วยได้

“นั่งเป็นกำลังใจให้ หอมแก้มสักหน่อยแค่นั้นก็พอ.......ถ้าว่างจริงๆ เอาหนังสือไปอ่านก็ได้”

“ไม่อยากอ่านตอนนี้..... ผมไปเดินเล่นข้างนอกดีกว่า”ผมมองไปที่ตู้หนังสือที่มีแต่หนังสือธุรกิจ หุ้น การเงินก็เกิดอารมณ์ไม่อยากอ่านขึ้นมาดื้อๆ เลยคิดว่าออกไปเดินเล่นหน่อยดีกว่า

“จะไปข้างนอกเหรอ”อาร์มทำเสียงหงอย หน้าซึม สายตาวิงวอน.... ไม่อยากให้ไปถึงขนาดต้องแสดงออกทางสีหน้าเลยเหรอ?

“ทำไมล่ะ?”เห็นท่าทางแบบนั้นทีไรใจอ่อนยวบยาบทุกทีเลย ให้ตายสิ

“อุตส่าห์มาทั้งที อยู่กับอาร์มทั้งวันไม่ได้เหรอ......เหงานะ”อย่ามาอ้อนผมนะ เดี๋ยวใจอ่อนอีก ต้านทานสายตาไม่ไหวจริงๆ

“ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ได้ไม่ใช่เหรอ”

“นะ”........สั้นๆคำเดียวผมงี้ไปไหนไม่ได้เลย

     หลังจากแพ้ลูกอ้อนเข้าไปเต็มๆ จนยอมนั่งจุ้มปุ๊กอยู่แต่ในห้องแล้ว ผมก็นอนกลิ้งเกลือกบนโซฟา อ่านนิตยสารแก้เซ็งบ้าง ท่องเน็ตบ้าง เล่นเกมบ้าง....เล่นจนเลเวลที่ไม่เคยกระดิก อัพขึ้นมาเลยทีเดียว ตอนเที่ยงก็ไปกินข้าว แวะซื้อหนังสือเกมซูโดคุมาเล่น แต่สุดท้ายยังไงผมก็เซ็งจัดจนหลับไปในที่สุดอยู่ดี....







“พอร์ช พอร์ชครับ ตื่นได้แล้วครับ”เสียงนุ๊มนุ่มเรียกผมที่กำลังหลับเคลิ้มๆ เสริมด้วยการเขย่าไหล่เบาๆ ซึ่งแน่นอนว่า .....ผมไม่ตื่นหรอก

“งือ...”ส่งเสียงอย่างรำคาญไปแล้วก็เข้าสู่ห้วงภวังค์ต่อ ...ถ้าไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุกผมไม่ตื่นง่ายๆหรอกนะ

“พอร์ช...”เสียงเรียกชื่อผมลากยาวอย่างเหนื่อยใจ แล้วก็เงียบไปเหลือแต่เสียงเครื่องปรับอากาศ....แต่ไม่นานหรอก ผมก็ถูกจูบปลุกแทน!

“อืมม...”โดนจูบมันก็เคลิ้มดีหรอก แทบจะหลับไปอีกรอบ....ถ้าไม่ติดว่าผมกำลังโดนล้วงอยู่ล่ะก็นะ....

“อื้ออออ”ผมร้องประท้วงตาสว่างทันที เมื่อเสื้อผมถูกเลิกขึ้นมาให้ขนลุกซู่เพราะความเย็น

“หยุดๆๆ หยุดเลย!”ผมดันอาร์มออกไปก่อนที่เสื้อผ้าผมจะหลุดออกไปจากตัว

“ก็เห็นไม่ยอมตื่น นึกว่าจะเชิญชวนกันซะอีก”อาร์มยิ้มซื่อ ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดสักนิด ผมแงะมือปลาหมึกออกไปแล้วก็ดึงเสื้อกลับเข้าที่เดิม

“เชิญชวนบ้าอะไรกันเล่า!”ฟาดมือมันไปทีนึง ก็ยังยิ้มระรื่นไม่ยอมลุกไปจากตัวผมอีกด้วย

“ครับๆ แต่คุณกรเค้ารออยู่ด้านนอก เดี๋ยวจะให้เค้าเข้ามาแล้วนะ”

“ก็ให้เข้ามาสิ”

“ครับ พี่หลิงครับ ให้เข้ามาได้เลยครับ”อาร์มยกหูโทรศัพท์ที่วางทิ้งเอาไว้ขึ้นมาคุยกับเลขาคนสนิท ซึ่งคงอยู่หน้าห้องกับคุณทิพากรนี่แหละ แต่ไม่แน่ว่าอาจมีน้องสาวเขาพ่วงมาด้วยก็เป็นได้

“สวัสดีครับคุณวัช....”หุ้นส่วนคนสำคัญเดินเข้ามาพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่ยังพูดไม่ทันจบ ก็เหมือนโดนอะไรแย่งซีนไปซะงั้น....

“พี่อาร์ม~พิมคิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ”น้องพิมเจ้าเก่าเจ้าเดิม เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางไหนไม่รู้พุ่งเข้าปะทะไอ้อาร์ม ประหนึ่งลูกแม็กต้านทานแรงดึงดูดจากแม่เหล็กไม่ได้

     ก็ไม่แปลกอ่ะนะ อาร์มมันหล่อ สุภาพบุรุษ อ่อนโยน ยิ้มละลายใจขนาดนี้ใครจะทานทน....อ๊ะ นี้ผมไม่ได้เยินยอ ไม่ได้อยู่ในอาการหลงละเมอเพ้อพกแต่อย่างใดนะครับ แค่พูดคุณสมบัติมันเฉยๆ เพอร์เฟคขนาดนี้ หาดูได้ยากจริงๆนะ แต่ถึงเพอร์เฟคยังไงก็เป็นของผมอยู่ดี ....มาแตะต้องถึงเนื้อถึงตัวต่อหน้าแบบนี้ได้ไงกัน...แต่ผมเปล่าหึงนะ แค่หวงก็เท่านั้น

“พิม พี่บอกแล้วไงให้อยู่เฉยๆ ไม่มารบกวนพี่ แล้วมาถึงแล้วทำไมไม่ทักทายคุณวัชระเขาดีๆ ออกมาเลยนะ”คุณพี่ชายแสนดีเอ่ยปากเตือนยาวเหยียด คิ้วขมวดแต่ก็ยังดูไม่มีอำนาจในการชักจูงน้องสาวคนนี้อยู่ดี

“พี่กรขี้บ่น พ่อกับแม่ยังไม่เคยบ่นพิมแบบนี้เลย”น้องพิมทำปากยื่น....พ่อแม่ไม่เคยบ่น มิน่าล่ะถึงเที่ยวทำอะไรตามใจตัวเอง เพราะไม่มีใครมาปรามนี่เอง

“น้องพิม พี่กรเขาแค่เตือน เขาหวังดี พิมก็ฟังพี่เขาหน่อย ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายนะครับ”อาร์มเอ่ยปากเตือนอีกคน แต่เตือนด้วยน้ำเสียงนุ่ม โคตรอ่อนโยน ใครได้ฟังก็ต้องหลงเป็นทิวแถว

“ค่ะ พิมเข้าใจแล้วค่ะ”...จ้ะ พอไอ้อาร์มพูดก็คล้อยตามทุกคำเลยนะ....

“อ้าว คุณพอร์ชใช่ไหมนั่น เจอกันอีกแล้วนะครับ”เหมือนเพิ่งสังเกตเห็นผมคุณกรท่านเลยทักขึ้นมา แหม เกือบนึกว่าตัวเองกลายเป็นวอลเปเปอร์ขึ้นมาชั่วขณะแล้วสิ

“ครับ สวัสดีครับ”ผมก็ยิ้มทักทายไปตามมารยาทที่ควรทำ อย่างน้อยๆผมก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปทักทายเหมือนน้องพิมล่ะนะ นี่ไม่ได้กระทบกระเทียบนะครับ



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก อัพบทที่23 20/10/15
«ตอบ #33 เมื่อ20-10-2015 21:01:32 »

(ต่อ)


“เอาล่ะ พิมครับ เดี๋ยวพี่จะคุยงาน พิมออกไปรอข้างนอกก่อนแล้วกันนะครับ”

“ไม่เอาอ่า พิมจะอยู่นี่ พิมไม่กวนหรอก”ปากบอกไม่กวนแต่ควงแขนอาร์มไม่ปล่อยเลยนะ

“เอ้อ เอาอย่างนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะไปอยู่ข้างนอก อยู่คุยเป็นเพื่อนน้องพิมดีไหมครับ?”ผมเสนอขึ้น เมื่อไม่ยอมปล่อยดีๆ ผมขอจัดการเองแล้วกัน

“ก็ดีนะ พิมครับ เดี๋ยวพี่ให้พอร์ชอยู่เป็นเพื่อนพิมนะ โอเคไหมครับ?”อาร์มเห็นดีเห็นงามด้วยรีบพูดสนับสนุน พร้อมค่อยๆเอาแขนออกอย่างเนียนๆ

“อะไรอ่ะ มีแต่คนไล่พิม พิมน้อยใจแล้วนะ” เอ้า งอแงน้อยใจอีก....เป็นน้องสาวผมตอกกลับด้วยการดีดหน้าผากไปแล้วนะ

“น้องพิมครับ พวกพี่ไม่ได้ไล่นะครับ แต่พี่ๆเขาจะคุยเรื่องงานกัน คุยเรื่องเครียดอ่ะครับ ผลกำไร ปริมาณตัวเลข กลยุทธ์ทางการตลาดอะไรพวกนี้ แค่ฟังก็รู้สึกว่าน่าเบื่อแล้วใช่ไหมครับ? มันไม่มีอะไรน่าฟังเท่าไหร่หรอก อยู่คุยกับพี่ดีกว่าครับ.....เอ หรือจะไม่ชอบพี่ โหย ถ้างั้นเอาไงดีอ่ะอาร์ม น้องไม่ชอบอ่ะ”ผมงัดกลยุทธ์พูดโน้มน้าวใจออกมาใช้ แอ็คติ้งได้อย่างสตรอว์เบอรี่เรียกพี่สุดๆ โดยไม่ลืมส่งสายตาให้ไอ้อาร์มรับไม้ต่อไปด้วย

“นั่นสิครับ พิมไม่ชอบพอร์ชเขาหรือเปล่า....แบบนั้นก็แย่นะครับ พอร์ชกับพี่สนิทกันมากที่สุดเลยนะ ถ้าไม่ชอบพอร์ช พี่คง....ลำบากใจแย่”นี่ก็แหลได้โล่เงินโล่ทองไม่แพ้กันเลย

“ม...ไม่ใช่นะคะ ....พิมไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ”คุณน้องพิมรีบแก้ต่างทันที แล้วในที่สุดก็ยอมแพ้จนได้

“คุยเสร็จแล้วจะไปเรียกนะ พอร์ช”ผมพยักหน้าให้อาร์มก่อนจะพาตัวคุณน้องพิมออกมาจากห้องในที่สุด

     ปัง....

“..........”แน่นอนว่าเมื่อออกจากห้องมาได้แล้วระหว่างเราสองคนก็คือความเงียบ ผมก็ยังไม่ได้คิดเหมือนกันว่าจะหาเรื่องอะไรมาคุยดี ผมเหลือบมองน้องเขานิดนึง รายนั้นเอาแต่จ้องหน้าผมแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“......พี่รู้จักกับพี่อาร์มนานยังคะ?”น้องท่านเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก ก็ยังดีที่ไม่ได้แสดงความก้าวร้าวใส่ผมเหมือนนางร้ายในละคร ไม่งั้นคงมีเลือดตกยางออกกันไปข้างนึงล่ะ

“ก็....พอควร”....สั้น พอควรอ่ะนะ สำหรับการทำความรู้จักกันจริงๆ แต่ไปๆมาๆกลายเป็นแฟนกันเฉย....ผมยังปรับตัวไม่ค่อยทันเลย แต่ถ้านับเวลาจากที่อาร์มมันจ้องสโตรกเกอร์ผมมาก็คาดว่านานอยู่ ซึ่งมันก็ทนมาได้ตั้งนานจนผมชักจะนับถือในความอดทนจริงๆ

“....เอ่อ งั้นพิมขอถามอะไรอย่างนะ”พอเธอมาคุยกับผมตรงนี้แล้วดูท่าทางกล้าๆกลัวยังไงไม่รู้ ทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าอาร์มออกจะร่าเริง(เกินเหตุ)ขนาดนั้นแท้ๆ

“อะไรครับ?”ผมยิ้มตอบแบบสุภาพ ค่อยๆหยั่งเชิงไปทีละนิด น้องเขาจะมาไม้ไหนอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าผมตั้งการ์ดกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ อย่าหลงไปกับรูปลักษณ์ภายนอกเชียวล่ะ

“ขอถามนิดเดียวนะคะ”ก็ถามมาสิครับคุณน้อง....อ้อมโลกมาอีกทีเดี๋ยวผมจะรำคาญแล้วนะ

“ว่ามาเลยครับ”แม้ในใจจะคิดอะไรอยู่ผมก็ไม่แสดงอาการออกมาหรอกนะ นอกจากยิ้มพูดตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดในโลก

“คือ......พี่คิดว่าพี่อาร์มจะชอบพิมหรือเปล่าคะ?”น้องพิมถามท่าทางประหม่าจัด บิดไปบิดมา ดึงชายเสื้อผมจนแทบจะหลุดติดมือเธอไป

“......ชอบสิ เห็นเคยบอกว่าน้องพิมเหมือนน้องสาวคนนึงน่ะ”นี่ไม่ได้พูดทำร้ายจิตใจ ตอกย้ำอะไรนะ พูดความจริงต่างหาก แน่นอนว่าผมก็ยังคงทำการแสดงออกว่าเป็นชายหนุ่มสุภาพบุรุษ อินโนเซนต์จัดจนดูไม่ออกว่าน้องเขาคิดอะไรกับอาร์มอ่ะนะ

“ไม่ใช่แบบนั้นสิคะ .....หมายถึงว่า พี่อาร์มชอบพิมในแบบคนรักหรือเปล่าต่างหาก”เอ้า นี่เมื่อกี้ก็บอกอยู่ว่าเขาคิดแบบพี่น้อง ยังจะหูทวนลมถามย้อนอีก

“ถ้าพูดถึงเรื่องคนรัก......พี่ก็ไม่อยากจะพูดนะ แต่อาร์มเขาก็มีคนที่ชอบพอกันอยู่แล้วนะครับ”ผมทำหน้าแปลกใจเล็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นสะท้อนใจเบาๆ ตีบทโศกทำท่าเห็นใจน้องพิมต่อไป แม้คนที่ชอบพอกันที่ว่านั่นคือตัวผมที่กำลังคุยด้วยอยู่ ณ ตอนนี้ก็เถอะ

“จริงเหรอคะ!?เป็นไปไม่ได้อ่ะ พี่อย่าโกหกพิมนะ....พิมไม่เคยได้ยินเลยว่าพี่อาร์มคบหากับใครอยู่ พิมไม่เชื่อ”น้องพิมตีหน้าโมโหโกรธาหันมาตวัดสายตาใส่ผมทันที พูดความจริงก็ไม่เชื่อกันอีก

“จริงครับ พิมไม่เชื่อก็แล้วแต่ พี่บังคับไม่ได้หรอก....แต่ถ้าไม่เชื่อจริงๆ ลองถามอาร์มดูอีกทีก็ได้”

“ไม่จริง!”น้องพิมกำมือแน่น ตัวสั่น ขมวดคิ้วน้ำตาคลอแล้วก็ตะโกนออกมาสุดเสียงอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด

     แกร๊ก....ปัง!

     แต่การที่อยู่ๆน้องท่านองค์ลงกระชากประตูเปิดเข้าไปขัดการสนทนาท่านบิ๊กบอสนี่ไม่อยู่ในความคาดหมายของผมนะ...... อืม การคุยธุรกิจเป็นอันชะงักลงทันที พร้อมกับการที่คู่สนทนาทั้งสองหันขวับมามองเป็นจุดๆเดียวกัน.... ขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ห้ามไม่ทัน

“พี่อาร์มนี่มันหมายความว่าไงคะ!?พี่อาร์มมีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ ทำไมทำกับพิมแบบนี้!!!”นั่นไงมาเป็นชุดเลย แถมมีการถลาเข้าไปทุบไอ้อาร์มรัวๆอีก.....เบาๆหน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวแฟนผมช้ำในตายพอดี

“เดี๋ยวครับ น้องพิม เกิดอะไรขึ้นครับ?”อาร์มทำหน้าเหรอหรางงสุดในชีวิต ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดแต่ก็หลบเลี่ยงแรงปะทะได้อย่างแนบเนียน

“อะไรงั้นเหรอ พี่ก็น่าจะรู้นี่!”

“พิมหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”คุณกรรีบรุดเข้าไปหยุดน้องสาวตัวเองด้วยการดึงออกมาห่างๆจากอาร์ม แต่น้องพิมก็ยังดิ้นไม่หยุดอยู่ดี อาร์มเองก็ท่าทางจะทำตัวไม่ถูกผมก็เลยเดินไปบังเป็นโล่มนุษย์ให้

“เอ่อ อาร์ม ’โทษทีนะ พอบอกน้องไปว่าอาร์มมีคนที่ชอบแล้วก็เลยเป็นแบบนี้นี่แหละ”

“พี่กรปล่อยนะ!”น้องเขาทำท่าจะทพยานเข้ามาสุดแรงจนคุณกรชักจะรั้งไม่อยู่

“โอเค....น้องพิมใจเย็นๆก่อนครับ ค่อยๆพูดกันดีกว่า....ครับ พี่ยอมรับว่าพี่มีคนที่ชอบแล้วจริงๆ แล้วพี่ก็เคยบอกไว้นานแล้วนะครับว่าพี่คิดกับน้องพิมแค่พี่น้อง....พิมเข้าใจพี่นะครับ”

“ก็แล้วคนที่พี่ชอบมันใคร ดีกว่าพิมตรงไหน!?”

“ถ้าน้องพิมยังไม่พูดกับพี่ดีๆ พี่ก็จะยังไม่บอกนะครับ”

“......”ท่าทางกระฟัดกระเฟียดอยู่นานแล้วเธอก็เงียบไปในที่สุด ดูท่าจะยอมสงบดีๆแล้ว

“เอาล่ะครับ.....คนที่พี่ชอบน่ะเขาเป็นคนที่พี่แอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนปีสามแล้วครับ ก่อนจะเจอกับพิมอีก....พี่ชอบนิสัยเขา ชอบรอยยิ้มเขา พี่ชอบในตัวเขา”อาร์มพูดอธิบายอย่างเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มบางประดับริมฝีปากเหมือนเคย ผมที่อยู่ข้างๆงี้แทบจะละลายเลย

“ก็แล้วมันใครล่ะคะ”

“ถ้าบอกแล้วพิมต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่มายุ่งกับเรื่องนี้อีก...แล้วก็จะไม่ไปยุ่งกับเขาด้วย”อาร์มพูดอย่างใจเย็นพลางมองน้องพิมที สลับมามองผมที

“.....ค่ะ”เธอรับคำด้วยท่าทีที่ดูจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่ก็คงเพราะอยากรู้จริงๆนั่นแหละ

“คนที่พี่ชอบ ....เขาอยู่ข้างๆพี่นี่เองครับ”อาร์มยิ้มเสมามองผม แล้วก็ลอบมากุมมือผมเนียนๆ

“!?”ดูท่าจะช็อกไปตามๆกันสองพี่น้องเลย....น้องพิมรายนั้นทำหน้าช็อกโลกสุดๆ ส่วนคุณกรก็อ้าปากค้างไปแล้ว

“พี่อาร์มอย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิคะ ถ้าไม่ชอบพิมก็พูดมาตรงๆสิ”

“พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่พูดจริง”อาร์มกระชับมือผมแน่นขึ้น ส่งยิ้มให้ผมเป็นการบอกว่าที่พูดไปคือเรื่องจริง

“....เอ่อ....จริงเหรอครับคุณพอร์ช?”คุณกรหันมาถามผมท่าทางยังอึ้งๆไม่หาย แต่ก็พยายามปรับอารมณ์ให้กลับมาปกติได้ในทันที

“ครับ”

“.......ทำไม ทำไมล่ะ ทำไมใครๆก็ไม่รักพิมเลย”น้องพิมเปิดสวิทช์ร้องไห้งอแง ดิ้นพล่านทันที....ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรดิ

“อาร์ม....”คุณมึงทำผู้หญิงร้องไห้นะครับ.... ผมส่งสายตาบอกเล่าในใจ อาร์มก็เกาแก้มเป็นเชิงว่ารับรู้ แต่ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน

“พิมใจเย็นก่อนครับ ทำไมจะไม่มีใครรักพิมล่ะ หืม? พี่ชายพิมไงครับ....แม้แต่ตัวพิมเองด้วย พิมรักตัวเองใช่ไหมครับ?”ผมงัดคำพูดที่เอามาใช้กับไนซ์เวลาร้องไห้งอแง(ซึ่งมันก็ผ่านมานานแล้ว)พูดไปก็ไม่ลืมทำหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงอบอุ่นสุดชีวิต

“พี่กรน่ะเหรอ พี่ไม่เคยเข้าใจพิมเลย....ไม่เคยสนว่าพิมจะเป็นยังไง พ่อกับแม่ก็เอาแต่บอกว่าพี่ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เอาอกเอาใจไปหมด....ทิ้งให้พิมอยู่คนเดียวทุกที”เสียงแหลมเล็กติดจะสั่นเครือเล็กน้อย ปนไปด้วยเสียงสะอื้นเหมือนเด็กๆ

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ พิมเข้าใจพี่นะ....พี่ต้องทำงาน อีกอย่างพ่อแม่เขาไม่ได้เอาใจพี่หรอก ในฐานะที่ต้องสืบทอดบริษัทต่อ มันกดดันนะ โดนคาดหวังไปสารพัด พลาดขึ้นมาก็มีแต่โดนเหยียบซ้ำ...ตอนที่พิมขอให้พี่กลับบ้าน พี่ก็อยากกลับ แต่ก็ทำไม่ได้จริงๆ”คุณกรพูดอย่างใจเย็น ขณะที่พวกผมก็ได้แค่ยืนดูเงียบๆ เรื่องของพี่น้อง ให้เคลียร์กันเองน่าจะดีกว่า

“เห็นไหมล่ะ อะไรๆก็งาน พี่ชายประสาอะไรไม่เคยมาสนใจพิมเลย”

“...พิม พี่ขอโทษ”

“ขอโทษแล้วมันช่วยอะไรได้ล่ะ”เอ้า ยัยน้องสาวนี่ พี่ชายเค้าอุตส่าห์ขอโทษดีๆยังจะเหวี่ยงใส่อีก คันไม้คันมืออยากเดินไปตบหัวให้หายเบลอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแฮะ...

“งั้นเอางี้ พิมอยากให้พี่ทำอะไรบอกมา”คุณกรพูดมางี้ผมก็หันขวับไปมองแทบไม่ทันเลย.... ตามใจอย่างนี้เดี๋ยวจะยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่สิ ไม่เด็ดขาดเอาซะเลย

“เวลา”คำสั้นๆคำเดียวแต่ทำเอาคุณกรถึงกับทำหน้าคิดหนักไปเลย

“....แต่ว่าแบบนั้นมัน...”

“จะให้ได้หรือเปล่าล่ะ พิมขอแค่นี้...ถ้าแค่นี้ให้กันไม่ได้ก็ไม่ต้องมาพูดกัน”น้องพิมเริ่มเพิ่มดีกรีความวีนเหวี่ยงขึ้นมาเรื่อยๆ....เอ่อ แต่ฟังไปฟังมาชักรู้สึกว่านี่พี่น้องทะเลาะกันหรือคู่รักทะเลาะกันวะเนี่ย???

“....ก็ได้ พี่จะพยายาม....เอ่อ คุณวัชระครับ เรื่องงาน...”คุณกรส่งสายตาเหมือนทำอะไรไม่ถูกไปหาอาร์ม เพื่อขอความเห็น

“เอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากนี้ก็ได้ครับ”แน่นอนว่าแฟนผมก็ใจดี ใจกว้างสุดๆก็เลยยอมเลื่อนการคุยงานไปก่อน

“ขอบคุณมากครับ.... แล้วก็ขอโทษด้วยจริงๆครับ ทำเอาวุ่นกันไปหมดเลย”

“ไม่เป็นไรครับ คุยกันดีๆนะครับ”

“ครับ ขอบคุณมากครับ.....พิม ไปร้านที่พิมเคยบอกว่าอยากไปกันดีไหม? เดี๋ยวพี่จะพาไป”คุณกรหันไปถามคุณน้องพิมที่ยังทำหน้าหงิกงอไม่เลิก

“พิมไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย”อ่ะเหรอ พฤติกรรมที่เป็นอยู่นี่ไม่เด็กเลยสักนิดนึงเลยใช่ไหม....แต่เห็นปากพูดอย่างนั้นแต่สีหน้านี่ดีใจจนปิดไม่มิดเลยนะนั่น

“งั้นจะไม่ไปแล้วใช่ไหม?”

“...ใครบอกว่าจะไม่ไปกันล่ะ!”

“โอเค สรุปคือไปนะ....ถ้างั้นไว้เจอกันคราวหน้านะครับคุณอาร์ม....แล้วก็คุณพอร์ชด้วย”

“ครับ”

“พิมไหว้พี่เขาหรือยัง”คนเป็นพี่หันไปเตือนน้อง เหมือนพ่อแม่เตือนลูกเล็กๆอย่างนั้นแหละ

“....สวัสดีค่ะ .....”เธอยกมือไหว้ผมสองคน ส่งสายตาแค้นๆ อาฆาตให้อาร์มหนึ่งที มองผมอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วก็สะบัดหน้าหนีจนคอแทบหัก ก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องไป

“ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ...ที่ผมทำหน้าที่พี่ได้แย่จริงๆ”

“ไม่เป็นไรครับ....แต่ถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาผมได้นะ ยังไงเราก็มีน้องสาวเหมือนกัน”ผมบอกกับสมาชิกสมาคมน้องสาวเอาแต่ใจ

“ครับ”คุณทิพากรตอบรับก่อนจะรีบวิ่งตามน้องสาวไป ปล่อยทิ้งไว้นานๆเดี๋ยวคุณเธอจะพาลวีนใส่อีก รีบตามไปนั่นแหละถูกแล้ว

“เฮ้อ...จบสักทีนะ”อาร์มถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะเรื่องที่ค้างคามานานชาตินี่จบลงสักที แถมจบแบบไม่ต้องมีใครมาเสียเลือดเนื้อด้วย ถึงจะมีน้องพิมมาทำดราม่าน้ำตาแตกใส่ก็เถอะ

“อืม จบสักที คราวหน้าคราวหลังก็ช่วยอย่าโปรยเสน่ห์ ทำตัวสุภาพบุรุษให้คนเค้าหลงกันมากล่ะ”

“ก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนี่”

“เออออ หล่อนักนี่ เสน่ห์แรงนักนี่ หมั่นไส้ชิบ”ถองศอกใส่หน้าท้องมันสักที มาทำหน้าหล่อใสๆ ไม่ได้ทำอะไรผิดใส่อีก

“นี่ชมใช่ไหมเอ่ย ดีใจจัง”อาร์มเข้ามารวบตัวผมไปกอด ระดมหอมแก้มไม่หยุด เออ ผมก็ลืมไปว่าคำด่า คำประชดประชันอะไรไม่มีผลกับมัน

“.......”ไม่รู้จะเถียงอะไรดี บางทีผมก็ยังงงๆนะว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่ยอมอะไรๆให้อาร์มได้ถึงขนาดนี้ หลงรักโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ ฟังดูเว่อร์ แต่ผมก็พูดเว่อร์ไปจริงๆนั่นแหละ แต่มันก็เป็นความจริงส่วนนึงนะ

“ในเมื่อไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว ถ้างั้นจะแต่งเข้าบ้านเลยก็ไม่มีปัญหาเนอะ รีบๆกลับไปคุยกับพ่อแม่กันดีกว่า”ไม่พูดอย่างเดียวยังพยายามลากผมไปด้วย ใครแต่งเข้าบ้านใครห๊ะ!?

“คุยอะไรล่ะ หยุดเลย ผมยังไม่ตกลงสักหน่อย”พอจีบเสร็จแล้วก็คบปุ๊บแต่งปั๊บนี่มันจะไม่รวดเร็วไปหน่อยหรือไง???

“ไม่ตกลงตอนนี้ แต่เดี๋ยวคบกันนานๆกว่านี้อาร์มจะทำให้พอร์ชตอบตกลงให้ได้เลย”

“...............”...มันเขินเข้าใจไหมว่าโคตรเขิน แต่งเติ่งอะไรกันล่ะ ไม่อยากสักหน่อย....

“แต่ตอนนี้ไปหาพ่อสามี แม่สามีด้วยกันก่อนดีกว่าเนอะ”ว่าแล้วมันก็ใช้แรงทั้งหมดฉุดกระฉากลากถูผมไปโดยไม่ถามความเห็น ความสมัครใจผมสักคำ(อีกแล้ว).....



= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก อัพบทที่24 20/10/15
«ตอบ #34 เมื่อ20-10-2015 21:04:06 »

บทที่ 24

     จากที่คุณชายอาร์มพาผมมาบ้านมันแล้ว สภาพผมเป็นยังไงต่อน่ะเหรอ? ก็ฉุดกระฉากลากถู ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่บ้านนี่แหละ....เอาจริงๆบ้านท่านประธานบริษัทที่หลายๆคนวาดภาพจินตนาการไว้ก็คงคล้ายๆกันนั่นแหละ คือ ใหญ่โตมโหฬาร อลังการงานสร้าง ดุจดั่งคฤหาสน์เจ้าขุนมูลนายหรืออะไรที่มันดูเว่อร์ๆ....แต่บ้านไอ้อาร์มไม่เป็นอย่างนั้นครับ มันไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่ได้อลังการเกินเหตุด้วย แต่เน้นความเรียบหรู กับประโยชน์ใช้สอยซะมากกว่า ดูมีชีวิตชีวาดีด้วย

“เข้าไปเถอะ พ่อแม่เค้าใจดีจะตาย”อาร์มมันงัดทั้งลูกอ้อน ทั้งน้ำเสียงหวานบวกฉุดกระฉากผมให้เข้าไปให้ได้

“ไม่เอา”รู้ว่าใจดี แต่ผมยังไม่พร้อมนี่ ผมก็ประหม่าเป็น ตื่นเต้นเป็นนะเฮ้ย...แน่นอนว่าผมก็ต้องออกแรงขืนมันสุดตัวน่ะสิ

“นะครับ”อ้อนให้ตายก็ไม่เอาเด็ดขาด

“ขอเวลาผมเตรียมตัวหน่อยดิ!”จะให้โผล่ไปเลยหรือไง ผมยังไม่ได้เตรียมสคริป....เอ๊ย ผมยังไม่พร้อมเลยนะ

“ไม่ต้องเกร็งหรอก ทำตัวตามปกติก็พอ เอ้า หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ นั่นแหละ เก่งมากครับ”อาร์มพูดปลอบบอกให้ผมทำตามลูบหลังเหมือนผมเป็นเด็กๆ.....แต่ผมก็ยังบ้าจี้ทำตามนี่สิ!

“เอ้าๆ เอะอะโวยวายอะไรกัน.....อ้าว อาร์มไม่ใช่เหรอนั่น กลับมาเยี่ยมแม่เหรอลูก แล้วนั่นใครล่ะ?”คุณผู้หญิงวัยกลางคนที่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวดองทางสายเลือดกับไอ้อาร์ม กำลังมองมาทางผมด้วยท่าทางประหลาดใจ แล้วก็เดินเข้ามาหา....แม่สามี...เอ๊ยแม่พระเอกปรากฏตัวแล้วไง แต่ท่าทางดูใจดีไม่เหมือนแม่ผัวตัวร้ายแต่อย่างใด ไม่น่าจะมีพิษสงอะไรต่อตัวผมด้วย

“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้อ่อนน้อมถ่อมตนกับคุณป้า พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้คุณป้าถึงกับมองด้วยความประทับใจ

“สวัสดีจ้ะลูก ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ?”

“พอร์ชครับ”ผมส่งยิ้มให้อีกดอกเพื่อให้คุณป้ารู้สึกเอ็นดูผมมากขึ้น

“พอร์ชคนที่อาร์มพูดให้ฟังบ่อยๆไงครับ วันนี้อาร์มพามาแนะนำตัวกับพ่อแม่ถึงที่เลยนะครับ”อาร์มยิ้มให้กับแม่มัน พูดธุระให้เสร็จสรรพ

“นี่อาร์มจะพาสะใภ้เข้าบ้านเราทำไมไม่บอกแม่ก่อนล่ะ แม่จะได้เตรียมต้อนรับให้ แล้วดูสิเนี่ยจะให้แม่แต่งตัวแบบนี้เหรอ หืม?”คุณป้าบ่นมายาวเป็นชุดเลย แต่เอาจริงๆเสื้อผ้าคุณป้ามันก็ไม่ได้ดูแย่อะไรขนาดนั้นนะ ออกจะแนวคุณนายๆด้วย....แต่เดี๋ยวนะ ก็เข้าใจว่าอาร์มมันเคยเล่าเรื่องผมให้พพ่อแม่มันฟัง...แต่เล่าอีท่าไหนเนี่ย ถึงขนาดเรียกผมว่าสะใภ้เลย???

“โห ไม่ต้องแต่งอะไรเยอะแม่ก็สวยอยู่แล้วครับ”นี่ก็ปากหวานกับทุกคนจริ๊ง พอจะรู้แล้วล่ะว่าทักษะการหยอดคำหวานของมันนี่บ่มเพาะมาตั้งแต่ที่บ้านเลยจริงๆ

“เฮ้อ เอาเถอะๆ...แต่เจ้าอาร์มนี่ก็ตาถึงจริงๆ ไปหามาได้หน้าตาดีขนาดนี้เชียว”คุณป้าท่านมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยังส่งสายตาชื่นชมมาให้อีก จนชักทำตัวไม่ถูก

“........”ผมยิ้มรับ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปในสถานการณ์นี้ดี เดาทางคุณแม่ท่านไม่ถูกด้วย

“มาๆ เข้ามาคุยกันข้างในดีกว่า”คุณป้าท่านทั้งกวักมือเรียกทั้งคว้าแขนผมลากเข้าไปในบ้านพร้อมๆกัน อยากขัดขืนยังไงก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแล้วล่ะ

     ที่ๆผมถูกพามาก็ห้องรับแขกนี่แหละ เห็นทีวียังถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ขณะที่บุคคลที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในท่าที่มีหนังสือเปิดอ้าวางบนตัก ดวงตาปิดสนิท และลมหายใจเข้าออกช้าๆ ดูแล้วก็คิดได้ทางเดียวคือหลับชัวร์...

“คุณ นี่คุณ ตื่นได้แล้ว ดูสิเจ้าลูกชายเราพาใครมา”จากสรรพนามที่คุณหญิงแม่เรียกแล้วบุคคลผู้นี่ก็คงต้องเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของอาร์มเป็นแน่แท้

“หือ ไหน ไอ้ตัวแสบ ไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่องเป็นเดือนๆ แล้วนี่หิ้วใครมาวะเนี่ย”ลืมตามาก็โหดเลย ทั้งเสียงโหด สายตาโหด แต่ดูๆแล้วอาร์มในอนาคตก็คงประมาณนี้ล่ะมั้ง เพียงแต่คุณลุงเขาดูขรึมๆกว่าแค่นั้น

“คนนี้ก็พอร์ชที่ผมเคยพูดถึงไงครับ”อาร์มลงไปนั่งแทบจะเลียแข้งเลียขาพ่อมันทันที

“อ้อ คนนี้เหรอ กว่าจะพามาได้นะ”คุณลุงหันมามองผมแวบนึงแล้วก็ตบกบาลลูกชายเล่นทีนึง

“สวัสดีครับ”ผมก็ยังเก้ๆกังๆยกมือไหว้ ดูเหมือนจะดุแต่ก็ไม่ดุ ทำอะไรตรงไปตรงมาดี น่าจะคุยด้วยง่ายมั้งนะ

“ทำตัวตามสบายเถอะ คนกันเองทั้งนั้น”คุณลุงท่านดูจะไม่มีท่าทีรังเกียจ กดดันอะไรผมเลย เพราะงั้นผมเลยค่อยๆลดอาการเกร็งลงมาหน่อย

“มาเป็นแฟนเจ้าอาร์มแล้วเราก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนั่นแหละ.....กินข้าวกินปลากันมาหรือยังล่ะ?”คุณป้าช่วยพูดเสริมอีกคน เป็นกันเองแบบนี้ผมก็ค่อยโล่งหน่อย...

“ผมพาพอร์ชไปกินมาแล้วครับ”อาร์มตอบให้แทนผมแล้วก็ไปออเซาะแม่มันแทน

“งั้นก็ดีแล้ว...แล้วนี่ไปไงมาไงถึงมาชอบเจ้าอาร์มได้ล่ะ?”อยู่ๆท่านแม่ก็ถามตรงประเด็นเลย ผมยังไม่ได้เตี๊ยมคำตอบเลยนะ

“เอ่อ...ก็ ตอนแรกผมก็ไม่ได้ชอบเขาหรอก”

“อ้อ คงโดนตามตื๊อล่ะสิ เด็กคนนี้น่ะช่างตื๊อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”คุณป้าพูดแทรกขึ้นมาอย่างเข้าใจในตัวลูกชายตัวเองดี

“ครับ ผมก็ไม่ชอบเขาเลย แต่พอนานๆเข้าก็เริ่มเห็นว่าเขา....เอ่อ ดูอบอุ่นดี ดูพึ่งพาได้น่ะครับ จะว่าใจดีก็ได้มั้งครับ...ชอบยิ้ม ชอบตื๊อ ชอบอ้อนเหมือนเด็กๆ แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาเลย รู้ตัวอีกทีผมก็....”ผมก็นั่นแหละ รักไปแล้ว แต่เขินเกินกว่าจะมานั่งบรรยายให้พ่อแม่เขาฟัง เลยได้แต่ก้มหน้างุด

“....เด็กคนนี้ก็ช่างตื๊อจริงๆนั่นแหละ ตื๊อเหมือนพ่อเขาไม่มีผิด เอาจริงๆแล้ว ตอนแรก แม่ก็ไม่เห็นด้วยนะที่อาร์มเขาบอกว่าคนที่ชอบเป็นผู้ชาย แต่พอโดนตื๊อบ่อยๆ ฟังเค้าเล่าถึงคนที่ชอบด้วยท่าทางมีความสุขแล้วแม่ก็ชักอยากเห็น อยากรู้จักหนูมากเลยรู้ไหม”

“แล้วนี่กว่าจะพามาให้เจอ แกจะรอให้พ่อแกแก่ตายไปก่อนหรือไง”คุณพ่อท่านไม่รอช้ารีบสำทับทันที

“หูย ก็ผมยังจีบเค้าไม่ติดนี่ครับ”

“แล้วเห็นวางแผนอะไรกับเจ้าอาร์ทตั้งนานแล้ว คงไม่ได้เล่นอะไรแผลงๆกันอีกนะ”

“แหะๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ”อาร์มหัวเราะกลบเกลื่อนเสียงแห้ง วางแผนกับน้องชายมันปั่นหัวผมเล่นขนาดนั้นยังบอกไม่มีอะไรอีก น่าจับตีชะมัด

“เอาเถอะ โตๆกันแล้วก็คิดกันเอาเองแล้วกันว่าอะไรเป็นอะไร”

“ครับ”

“แล้วนี่วันนี้จะมานอนที่นี่ไหม?”

“เดี๋ยวจะกลับไปนอนที่คอนโดกันครับ เอ้อ แล้วก็วันนี้จะพาเค้ามาดูห้องผมด้วย”อาร์มตอบให้ทันที ผมก็ได้แต่เออออตามมันอ่ะนะ นอนไหนนอนนั่น....คิดไปคิดมาชักรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังออกเรือนตะหงิดๆเลยแฮะ

“เหรอ งั้นก็รีบๆไปสิ เดี๋ยวจะดึกซะก่อน ทำอะไรเสร็จแล้วก็มาบอกด้วยล่ะ”พ่ออาร์มพูดอะไรเสร็จก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้ขึ้นมาอ่าน

“ครับ ....ไปกันเถอะ”อาร์มรับคำแล้วก็ลุกขึ้นโดยไม่ลืมคว้ามือผมไปด้วย

“เดี๋ยว นี่จะพาไปไหนเนี่ย”

“จะพาไปดูห้องอาร์มไง”

“ไปดูอะไรเล่า?”ผมก็ไม่เข้าใจว่าไปดูทำไม วางแผนจะทำอะไรอีกหรือไงเนี่ย?

“น่า มีของอะไรจะให้ดู”พูดไปก็พาผมเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ผมก็ตามใจมันเลยแล้วกัน ไปไหนก็ไป บ้านมันก็ไม่ได้ใหญ่เว่อร์ๆเพราะงั้นเดินแป๊บเดียวก็มาถึงห้องที่มันว่า

     พอเดินเข้าไปก็ไม่เห็นว่ามีอะไร มันก็ห้องธรรมดาๆทั่วไปนี่แหละ ....และผมก็รู้สึกดีที่ในห้องมันไม่ได้มีรูปผมแปะไว้เต็มห้องประหนึ่งห้องสโตรกเกอร์ในหนังหรือการ์ตูน เป็นห้องเรียบๆมีแค่ของกระจุกกระจิก ของเล่นผู้ชาย หุ่นโมเดลนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง

     ผมสำรวจได้สักพักก็ได้ยินเสียงอาร์มค้นหาอะไรบางอย่างในตู้ลิ้นชัก ผมก็เดาไม่ได้ว่าที่พามานี่จะทำอะไร จะให้ดูอะไรกันแน่

“นี่ไง..... พอร์ชจำไอ้นี่ได้ไหมเอ่ย?”พอเจอสิ่งที่ต้องการอาร์มก็ยิ้มแฉ่งรีบหยิบขึ้นมาให้ผมดูทันที

“......ร่ม?”ร่มเนี่ยนะ? เอามาให้ดูทำไม ก็ร่มธรรมดาๆนี่?...... ผมมองดูแบบเพ่งพินิจแล้วก็ไม่เห็นความพิเศษ ผิดแปลกอะไร ก็แค่ร่มพับสีฟ้าลายวินเทจคันนึงเท่านั้นเอง.... แต่ทำไมผมรู้สึกคุ้นๆกับมันยังไงไม่รู้สิ

“งั้นเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแล้วกัน ....มานั่งนี่สิครับ”อาร์มตบลงบนเตียงเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ ผมก็นั่งรอฟังมันเล่า

“ร่มอันนี้น่ะอาร์มได้มาจากคนใจดีคนนึงตอนปีสามน่ะ เฉลยเลยแล้วกัน พอร์ชคงจำไม่ได้ใช่ไหมว่าเคยเอาร่มให้อาร์มใช้?.... วันนั้นอาร์มมีเรียนที่ตึกคณะของพอร์ช ฝนก็ตกพอดี คาบต่อไปก็จะเริ่มแล้ว แต่อาร์มคงทำหน้าเหมือนโลกจะแตกล่ะมั้ง ตอนนั้นพอร์ชเลยเอาร่มมาให้.....ตกหลุมรักเลยล่ะ”อาร์มเล่าเรื่องที่ผมก็เริ่มจะรู้สึกคุ้นๆขึ้นมาบ้างแล้ว

“อ้อ...จำได้แล้ว จะว่าไปร่มนี่มันก็ร่มยัยไนซ์อ่ะนะ....ผมจำได้ว่าให้ใครเอาไปใช้นี่แหละ พอกลับบ้านก็โดนไนซ์บ่นยับเลย บอกว่าเป็นร่มคันโปรด.....ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน สภาพร่มก็โทรมขนาดนั้นยังจะใช้อีก”

“มีรูด้วย...”อาร์มพูดเสริมจากประสบการณ์ใช้จริง

“ ’โทษทีละกัน....แล้วนี่ใช่ไหมสาเหตุที่มารักผม?”ผมไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่าก่อนเอาร่มโทรมๆ มีรูแถมด้วยไปให้คนอื่นมันจะส่งผลกระทบระยะยาวขนาดนี้

“ครับ แถมพอมาแอบมอง แอบตามไปดู ก็ยิ่งรู้สึกว่าอยากเข้าใกล้ อยากอยู่ด้วยทุกที ตอนนั้นถึงจะไม่ได้คุยกันอีกเลยแต่อาร์มก็รู้สึกว่ามีความสุขมากจริงๆนะ”มาอีกแล้วรอยยิ้มอบอุ่น คำพูดชวนใจละลาย จะทำให้ผมสั่นไหวไปถึงไหนเนี่ย

“แล้วก็แอบตามสโตรกผมเป็นปีๆเนี่ยนะ”

“ก็ไม่กล้าจีบนี่...แถมคิดว่าแค่ได้มองก็มีความสุขแล้ว แต่ก็ถูกทั้งไอ้อาร์ท ทั้งพ่อกับแม่รบเร้าบอกให้ไปจีบสักที อาร์มก็แพ้แรงยุเลย เอาก็เอา...ผลลัพท์ก็อย่างที่เห็น บอกเลยว่าโคตรจะมีความสุขอ่ะ”พูดไปก็เข้ามาคว้าผมไปกอดหมับ

“อ่ะครับ”

“เอ้อ.....แล้วก็อาร์มขออะไรอย่างนึงได้ไหม?”อาร์มช้อนตามองผม ตัวก็ออกจะใหญ่ แถมไม่ใช่เด็กๆแล้วด้วย แต่ชอบมาอ้อนอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย ซึ่งผมก็มองว่ามันน่ารักไปซะงั้น....

“ก็พูดมาก่อนสิ”พูดไปผมก็ลูบหัวมันไป ผมนุ่มนิ่มลูบแล้วเพลินดีเหมือนเล่นกับน้องหมาตัวใหญ่ นั่น...ดูท่าทางจะชอบใจอีกด้วย

“มันก็ไม่มีอะไรหรอก....คือ งานที่พอร์ชทำอยู่น่ะ อาร์มขอได้ไหม เป็นห่วงนะ....แต่จะไม่บังคับนะ ถ้าไม่อยากเลิกจริงๆ”อาร์มลุกขึ้นมานั่งดีๆแล้วกุมมือผม น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยผมชัดเจน

“.....จริงๆก็คิดว่าจะเลิกอยู่หลายครั้งแล้วล่ะ คิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานนี้เท่าไหร่ งานก็ไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบ....แล้วจะให้เลิกทำงานนี้นี่ผมก็ไม่รู้นะว่าจะไปทำอะไรต่อ งานออฟฟิศสำหรับคนความอดทนต่ำอย่างผมก็คงไม่ไหว”

“อาร์มมีนะ งานที่พอร์ชจะทำแล้วไม่เบื่อน่ะ”

“มีด้วยเหรอ?”ผมถามอย่างสนใจ จะมีงานอะไรมาเสนอผมอีกล่ะ แต่ถ้าเป็นงานพิลึกๆมานี่ผมมีสิทธิถีบมันใช่ไหม

“บอดีการ์ดส่วนตัวของอาร์มไง”อาร์มยิ้มกว้างเหมือนเด็กเล็กๆที่ได้เล่าเรื่องสุดภาคภูมิใจให้พ่อแม่ฟัง

“ห๊ะ แล้วอาร์มมีอะไรต้องไปผจญภัย เสี่ยงตายหรือไง หรือมีศัตรู คู่อริหมายหัวอยู่ก็ไม่ใช่”มีหวังผมคงได้แค่ไปเดินเป็นฉากประดับเสริมบารมีท่านประธานอย่างเดียวน่ะสิ

“มันก็ต้องมีบ้างล่ะ ไม่วันนี้ก็วันใดวันหนึ่ง....เค้ารู้สึกไม่ปลอดภัยอ่ะ สู้กับใครเขาไม่ได้หรอก ปกป้องอาร์มหน่อยน้า”ว่าแล้วก็เข้ามาออเซาะ ออดอ้อน ซุกไซร้สารพัดวิธีที่จะงัดออกมาใช้ได้

“อย่ามา ประกาศนียบัตรศิลปะการต่อสู้ โล่เกียรติคุณนักเทควันโด ยูโดทั้งหลายแหล่นั่นมันอะไร....คงไม่ใช่ยัดเงินมาหรอกมั้ง”ผมตีเข้าที่กล้ามเนื้อแน่นๆบนตัวอาร์มด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ อย่ามาทำตัวอ่อนแอตอนนี้เลย....ผมรู้ประวัติมันไปถึงไหนต่อไหนแล้วเถอะ

“น่า สองคนช่วยกันยังไงก็ดีกว่าปล่อยอาร์มออกไปลุยเดี่ยวคนเดียวอยู่แล้ว จริงไหม”

“......เอาเถอะ เดี๋ยวผมจะกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกัน”

“ดูแลตัวแล้วก็ดูแลหัวใจอาร์มด้วยนะ”

“..........พอเหอะ”ตั้งแต่ยังไม่คบกันจนกระทั่งถึงตอนนี้มุกเสี่ยวๆจากอาร์มก็ยังไม่หายไปไหนจริงๆ

“จริงๆนะ อาร์มเป็นห่วง มันอันตราย....เจอผู้ว่าจ้างแบบไอ้อาร์ทขึ้นมาจะทำยังไง ไม่มีใครอยากเห็นคนรักต้องมาเจ็บหรอกเนอะ”ชอบพูดมุกเสี่ยวแล้วก็ชอบพูดอะไรซึ้งๆอยู่เรื่อยเลย ยิ่งพูดหว่านล้อมนี่ตัวดี ผมเคลิ้มตามทุกที

“ได้.....จะเลิกทำก็ได้ แต่เลิกแล้วจะไปทำอะไรต่อ ผมขอคิดดูอีกทีแล้วกัน”ผมผ่อนลมหายใจปลงๆ เรื่องให้เลิกนี่ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจห่วงกันไปห่วงกันมาด้วย

“เยส!”อาร์มกู่ร้องเหมือนประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน ถลาเข้ามากอดผมหมับ เป็นห่วงกันขนาดนี้ รักกันขนาดนี้ ไม่หลงได้ไง....จะว่าไปผมนี่ก็ชอบพูดอะไรเลี่ยนๆไม่แพ้มันเลยนี่หวา....

“แล้วจะกลับคอนโดกันได้ยังล่ะ? นี่ก็จะมืดแล้วนะ”ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็พูดเตือนขึ้นมา อีกอย่างมาอยู่ที่นี่แล้วผมก็วางตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน

“อืม”อาร์มยิ้มรับพาผมออกจากห้องที่เพิ่งนั่งคุยกันอยู่ แล้วลงไปไหว้ลาคุณลุงคุณป้าที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม อวยพรตามประสาผู้ใหญ่....ซึ่งผมก็แอบอายๆเหมือนกัน เหมือนตัวเองกลายเป็นลูกสะใภ้ไปเลยยังไงไม่รู้ แถมพูดซะเหมือนผมกับอาร์มแต่งงานเข้าหอกันไปเรียบร้อยแล้วด้วยนี่สิ....

     ผมขอข้ามเหตุการณ์มาเลยแล้วกัน หลังจากอำนวยอวยชัยประหนึ่งเป็นบ่าวสาวกันแล้ว ผมกับอาร์มก็กลับมาที่ห้องนั่นแหละ.... ห้องที่เคยเป็นห้องของอาร์มคนเดียวก่อนหน้านั้น แล้วมีผมย้ายเข้ามาอาศัยเพิ่มอีกหนึ่งชีวิต ผมก็จัดการส่งสามี....เอ๊ย แฟนเข้าห้องไปก่อนแล้วค่อยออกมาคุยธุระ

“ฮัลโหล ลุงพลหรือเปล่าครับ นี่พอร์ชเองนะครับ”ผมยกโทรศัพท์เครื่องบางแนบหู รอจนสัญญาณติด....เพื่อคุยเรื่องงานนั่นแหละ

‘อะไร จะโทรมาปรึกษาปัญหาคู่ชีวิตหรือไง?’เสียงลุงพลถามกลับมาเหมือนหยอกๆ ก็ทำให้ผมอดขำไม่ได้

“เปล่าครับ....ผมโทรมาบอกเรื่องงานน่ะครับ”

‘ทำไม?’

“ผมขอ....ถอนตัวตอนนี้ยังทันไหมครับ?”ผมถามแบบไม่แน่ใจเพราะตอนแรกไอ้คนที่คะยั้นคะยอจะทำให้ได้น่ะมันผมเอง ทั้งที่ลุงพลก็ห้ามแล้วห้ามอีกแท้ๆ

‘นั่นไง กะแล้วว่าสักวันเอ็งต้องพูด’

“ครับ...ผมคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานนี้ ทำงานเกือบพลาดก็หลายครั้งอย่างครั้งล่าสุดนี่ก็ทำให้ผมรู้ตัวเองเลย”

‘ที่มาขอเลิก ลุงว่าไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั้ง....แฟนหลานเขาพูดอะไรใช่ไหมล่ะ?’ลุงพูดเหมือนอ่านเกมทุกอย่างขาด รู้ว่าผมคิดอะไร และจะทำอะไรจริงๆ

“...ครับ เขาขอให้เลิกน่ะครับ แต่ก็ไม่ได้บังคับ”

‘เหอะ....นี่ลุงชักหมั่นไส้เจ้าอาร์มแล้วนะ ทีตอนลุงขอไม่ยักยอมทำตาม แต่นี่แค่แฟนมาขอนิดเดียวก็ทำตามทุกอย่างแล้ว’น้ำเสียงงอนมาเต็มเลยแฮะคราวนี้ มันก็สมควรอยู่หรอก

“ก็ตอนนั้นผมยังไม่รู้ตัวเองนี่...นี่ถ้าลุงมาขอผมตอนนี้ผมก็ยอมจริงๆนะ”ผมพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด เดี๋ยวบุพการีจะงอนยาว

‘ตามใจเลย ลุงไม่อยากให้หลานมายุ่งเกี่ยวกับวงการนี้อยู่แล้วล่ะ เลิกไปได้ก็ดีแล้ว....หลานน่ะ เป็นคนที่ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ที่จริงก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงภายนอกจะดูเป็นยังไงแต่ลุงก็รู้ว่าจริงๆแล้วหลานเองก็เป็นเด็กคนนึงในสายตาลุงยังมีความอ่อนโยน อ่อนไหวเกินกว่าจะมาทำงานตรงนี้ได้ อีกอย่างหลานเป็นของดูต่างหน้าของน้องสาวลุง หลานเป็นเหมือนลูกคนนึงของลุง ไม่อยากให้ต้องมาทำอะไรแบบนี้หรอก’ประโยคที่รับรู้ได้ผ่านทางโทรศัพท์ทำให้ผมน้ำตาคลอ ความรู้สึกอัดแน่นในใจไปหมด

“ขอบคุณมากครับ.........ผมรักลุงพลนะครับ”ผมพูดออกไปโดยไม่ลังเล พูดไปตามที่ใจคิดก่อนที่จะยิ้มออกมา ยิ้มให้กับตัวเอง และคนที่รักผม


= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =


ใกล้ถึงตอนจบแล้ว :sad4: อาทิตย์หน้าแล้ว..... ไม่มีอะไรจะพูดมาก เอาเป็นว่า เจอกันใหม่ค่ะT T



ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
Re: กลลับ พรางรัก อัพบทที่25 26/10/15
«ตอบ #35 เมื่อ26-10-2015 21:06:02 »

บทที่ 25

     โครม!!!

     ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดัง พื้นสะเทือนไปหมด ด้วยท่าทุ่มสวยๆจากผมนั่นเอง.... อย่าเพิ่งคิดไปว่าผมทะเลาะกับอาร์ม แล้วเกิดการลงไม้ลงมือกันนะ.... อาร์มมันปวกเปียกจะตาย ผมจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไง เดี๋ยวจะหาว่ารังแกกัน ยกเว้นแต่ว่าจะมีเหตุจำเป็นหรือมันทำตัวน่าหมั่นไส้เกินไปอ่ะนะ

     สงสัยล่ะสิ ถ้าไม่ใช่อาร์มแล้วใครกันที่ผมจับทุ่มประหนึ่งการบริการขนส่งสินค้าในประเทศเรา(อย่าฟ้องผมนะ).... อย่างที่รู้กันนั่นแหละครับ ผมเลิกทำงานสายลับแล้วผมก็ไปเขียนใบสมัครตำแหน่งบอดีการ์ดท่านประธานให้พี่หลิงทำหน้างงใส่ผมแทน คงไม่คิดว่าก้างๆแบบผมจะสู้กับใครได้ล่ะมั้ง แต่สู้ได้หรือไม่ได้ก็ดูเอาจากไอ้คนที่ผมเพิ่งจับทุ่มลงไปนอนเล่นกับพื้นนี้แล้วกัน  นี่ก็หนึ่งในบุคคลที่เดินดุ่มๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือจะเข้ามาทำร้ายอาร์ม

“รบกวนจัดการด้วยนะครับ”ผมจับไอ้หมอนั่นล็อกแขนไพล่หลัง กดไว้ไม่ให้หนีพร้อมพูดบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กรูเข้ามาที่เกิดเหตุทันที

“รับทราบครับ”

“หนอย แก”คนโดนจับทุ่มทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการก็บ่นสบถไปตามปกติ แถมทำท่ากระฟัดกระเฟียดเหมือนจะมาฆ่าผมแทนไอ้อาร์มอีก.... แต่เอาเถอะ โดนพาตัวไปแล้วก็มาทำอะไรผมไม่ได้หรอก

“โอเคไหมครับ?”อาร์มเดินเข้ามาตบๆตัวผม จับนั่นจับนี่เพื่อเช็คสภาพผม เหมือนกลัวจะมีอะไรสึกหรอหรือหลุถดหายไปอย่างนั้น

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ได้โดนทำอะไรสักหน่อย”

“ก็ตกใจนี่นา อยู่ๆก็มีมือมีดพรวดพราดเข้ามา แล้วพอร์ชก็เข้ามาบังให้อีก กลัวพอร์ชจะโดนแทงมากกว่าอีกนะเนี่ย”อาร์มเกาะหลังผมเดินตามเหมือนลูกเจี๊ยบเดินตามแม่ ไม่มีมาดประธานบริษัทสักนิด ทั้งที่อยู่ในบริษัทตัวเองแท้ๆ.... แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความนิยมของมันลดลงเลย ตอนนี้ก็ยังมีสาวๆหลายคนมองตามอยู่เลย ผมก็ส่งสายตาจ้องกลับไปสิครับ

“ก็อย่าสร้างศัตรูเยอะนักสิ”ผมเดินเข้าไปในห้องอาร์ม ก็ห้องเดิมนั่นแหละ ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ

“อาร์มก็ไม่ได้ทำอะไรนะ อยู่ๆก็มีศัตรูเฉยเลย.... ให้พอร์ชทำงานอย่างอื่นดีไหมเนี่ย แบบนี้อันตรายจัง”

“ให้ทำงานเอกสารผมไม่เอานะ....ว่าแต่เมื่อกี้ก็จู่โจมแบบสิ้นคิดชะมัด ไปจ้างมาตามถนนหรือไง”พุ่งเข้ามาแบบไม่คิดอะไร ไม่มีเทคนิคแถมดูไม่มีประสบการณ์อีกต่างหาก

“หูย นี่อยากให้เขาวางแผนลึกล้ำมาฆ่าอาร์มหรือเปล่าเนี่ย”อาร์มร้องโหยทำหน้าหวาดกลัว ก็นะ เดี๋ยวนี้เงินทองไม่เข้าใครออกใคร เหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นโหดๆทั้งนั้น

“เปล่านี่ อ่ะ แล้วก็อย่าลืมว่าวันนี้ต้องมาฝึกกับผมนะ”ผมพูดเตือนความจำ วันนี้ผมก็ต้องฝึกการต่อสู้ให้อาร์มเหมือนเคย จากวันที่ผมขอเลิกทำอาชีพนั้นก็เป็นเดือนแล้ว นอกจากจะทำหน้าที่คุ้มกันอาร์มแล้วผมก็จัดการเป็นโค้ชให้ด้วย เผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมาจะได้รับมือได้.... แน่นอนว่าบางที นอกเวลาฝึกผมก็ลองทดสอบไหวพริบด้วยการจู่โจมอาร์มแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน รายนั้นก็กลายไปที่รองมือรองเท้าผมซะอย่างนั้น เรียกว่ายังต้องฝึกกันอีกยาวเลยล่ะ

“ครับ เอ้อ อาร์มมีอะไรจะบอกด้วยล่ะ”อาร์มยิ้มเหมือนเด็กๆ เดินไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักรื้อหาอะไรสักอย่าง

“อะไรล่ะครับ?”

“ไปเที่ยวกัน”อาร์มยิ้มแป้นแล้นเปิดหนังสือท่องเที่ยวกางออกมาให้ดู

“เดี๋ยวทำงานเดี๋ยวหยุด เที่ยวเป็นว่าเล่นแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”ผมกอดอกพูดตำหนิเหมือนเป็นแม่มัน ส่งสายตากดดันไปให้ด้วย

“อย่าดุสิครับ อาร์มไม่ได้เที่ยวบ่อยสักหน่อย ตั้งแต่มาทำงานนี่ก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยนะ”เถียงไปเสียงก็หงอเชียว โถ พ่อลูกหมาริอาจจะมาสู้กับพญาสิงโต(หรือแมว)อย่างผมซะแล้ว

“แล้วตารางงานเป็นไงบ้าง”ผมขู่ฟ่อกลับไป....ผมว่าผมน่าจะนิสัยเหมือนแมวมากกว่าแล้วมั้ง

“พี่หลิงช่วยเคลียร์ให้แล้วครับ ไปกันเถอะนะครับ”

“ได้ แต่กลับมาแล้วก็ทำงานให้หนักกว่าเดิมด้วยล่ะ ให้โควตาเที่ยวได้สองครั้งต่อปี”อยากไปผมก็จัดให้ แต่ขอเพิ่มเงื่อนไขป้องกันมันเหลิงด้วยแล้วกัน

“โหดร้าย”มันทำหน้าน่าสงสารน้ำตาปริ่ม งอแงง้องแง้งตามคอนเซปต์

“ครับ ผมรู้ตัว....แล้วคำตอบล่ะ จะไปหรือไม่ไปเอ่ย ไม่ไปก็ได้นะ”ผมยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า

“....ก็ได้”เสียงโคตรหงอย แกล้งมันสนุกตรงนี้นี่แหละ ยอมผมทุกอย่างจริงๆ เชื่อฟังขนาดนี้น่าให้รางวัลจริงๆ

“ล้อเล่นหรอกน่า ไม่ต้องทำท่าหมาหงอยขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นสักหน่อย....ถ้าอยากไปเที่ยวก็ไปเถอะ แต่ก็ดูความเหมาะสมด้วย เที่ยวบ่อยๆโดนไอ้อาร์ทยึดอำนาจกันพอดี”ผมก็แกล้งพูดไปงั้นแหละ เห็นโดนผมแกล้งแล้วก็หงอยบ้าง โอดครวญบ้าง พอผมเฉลยก็เริงร่าเหมือนสับสวิตซ์ทันที เห็นแล้วสนุกดี

“โหย แฟนโคตรใจดีเลยอ่ะ”อาร์มรวบตัวผมไปกอด ไปฟัดเอาให้พอใจเลย ดูกี่ทีก็เหมือนโดนหมาตัวโตๆฟัดเล่นจริงๆนะ

“ไม่ได้ใจดี ผมแค่อยากบอกว่าเรื่องบางเรื่องก็แยกแยะเอาเองนะว่าต้องทำยังไง โตแล้ว”ผมดันหัวมันออกไป เอ่ยปรามหน่อยๆ

“บางทีอาร์มก็รู้สึกเหมือนมีแม่อีกคนเลยอ่ะ”

“เป็นแม่แล้วทำไมครับ?”

“เป็นยังไงก็รักครับ”นั่นไงหยอดวันละนิดจิตแจ่มใสกลับมาอีกแล้ว หยอดได้หยอดดีจริงๆ ผมก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจ หน่ายนิดๆ แต่ก็ไม่ได้เบื่อนะหมาขี้อ้อนตัวนี้น่ะ

     ส่วนเรื่องงานผมพอไม่มีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรก็สุดยอดแห่งความว่าง ต้องอยู่กับอาร์มตลอด มีหน้าที่แค่ทำอะไรจุกจิกให้แค่นั้น แล้วก็นั่งมองมันทำงาน เวลาทำงานก็ดูเป็นผู้เป็นคนจริงจังดีหรอก จะให้เวลาไปเที่ยวบ้างก็ไม่เป็นปัญหาอะไร บางทีที่บริษัทก็มีคนแวะเวียนมาหาบ่อยๆ ทั้งที่มาเป็นทางการ ทั้งไม่เป็นทางการอย่างคุณกรที่มีน้องพิมพ่วงมาจิกผมด้วยเสมอๆ รวมถึงเพื่อนไอ้อาร์มสองคนนั้นด้วยที่แวะเวียนมาป่วนเป็นบางครั้ง

     ตอนเย็นบางทีถ้าไม่กินข้าวบ้านผม ก็ไปกินที่บ้านอาร์มบ้าง หรือบางวันอาจมีการรวมญาติทั้งฝั่งผมฝั่งอาร์มกินข้าวด้วยกัน ดูอบอุ่นดี เข้ากันดีโดยเฉพาะน้าผมกับแม่อาร์มนี่แลกสูตรอาหารกันสนุกเลย ดูเป็นชีวิตประจำวันที่ไม่มีอะไรโลดโผน ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นมากแต่ก็มีความสุขดี แต่ผมก็แอบหวั่นๆเวลาพวกแม่ๆเค้าคุยกันว่าอยากจัดงานมงคลสมรสให้เป็นทางการพิกล ซึ่งผมก็ขัดไปทุกครั้ง แบบว่ารักกันก็ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งโลกรู้ก็ได้ แหม...ที่จริงแล้วผมก็แค่เขินนั่นแหละ

“คราวนี้ไปทะเลนะ....ได้หรือเปล่า?”อยู่ๆอาร์มที่นั่งทำงานอยู่ก็ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ผมได้ฟังแล้วก็เงียบไปสักพัก

“....ก็ได้ แล้วทำไมต้องทะเลล่ะ?”ผมนึกๆดูแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยกับทะเล ถ้าชวนไปผมก็ไม่ขัดข้องอะไร

“อาร์มอยากไปสร้างความทรงจำดีๆที่นั่นไง ......แล้วก็พอร์ชเริ่มเปิดใจให้อาร์มที่นั่นด้วยไม่ใช่เหรอ อยากไปอีกครั้ง ทำอะไรดีๆด้วยกัน คราวนี้จะไม่ทำให้ร้องไห้อีกเลยคอยดูนะ”อาร์มเท้าคางยิ้มให้พูดเหมือนสัญญากับผม ทำให้นึกถึงเรื่องน่าอายจนได้ ก็ตอนนั้นเล่นไปร้องไห้ซบอกอาร์มเหมือนเด็กๆขนาดนั้น

“ผมไม่ร้องหรอก แต่อย่าเป็นฝ่ายงอแงซะเองล่ะ”

“แน่นอนครับที่รัก”

“โอ๊ย ไม่ชอบเวลาโดนเรียกด้วยสรรพนามนั่นเลย....ฟังแล้วอยากเดินไปเสยคางคนพูดยังไงไม่รู้”ผมรู้สึกว่าโดนเรียกแบบนั้นทีไรก็จั๊กจี้ คันไม้คันมืออยากเข้าไปเสยคางไอ้อาร์มจริงๆนะ บอกไม่ถูกเลย อาร์มฟังผมพูดแบบนั้นแล้วก็ยังหัวเราะคิกคักถูกใจซะอีก มาโซคิสม์จริงๆ....








     ด้วยความขยันขันแข็งของอาร์มที่ขัดกันกับนิสัยของผมก็ทำให้งานเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ถ้าไม่นับเรื่องนิสัยเหมือนเด็กๆแล้วมันก็เป็นบุรุษผู้สุดยอดเพอร์เฟคคนนึงเลยล่ะ... ดังนั้นตอนนี้เราก็เลยได้มาเที่ยวอย่างสบายใจเฉิบ ไม่ต้องกังวลอะไร

“นี่วางแผนจะทำอะไรไว้หรือเปล่า?”ผมถามขณะเคลื่อนย้ายสัมภาระเข้าที่พัก

“ห๊ะ ครับ?”อาร์มสะดุ้งเหมือนถูกใครจับผิด

“หมายถึงวางแผนแบบดำน้ำ ดูพิพิธภัณฑ์อะไรเทือกนี้อ่ะ”ผมอธิบายเสริมให้เผื่ออาร์มมันจะเข้าใจยากหรือเข้าใจไปคนละเรื่องกับผม

“อ๋อ....เปล่าหรอก ก็เที่ยวกันธรรมดา สบายๆ ไม่มีแพลนอะไรมาก”

“.....หรือว่าวางแผนทำอะไรแปลกๆไว้หรือเปล่า?”ผมถามอย่างจับผิด เดาเอาตามสัญชาตญาณ

“ปะ เปล่า เปล่านะ ไม่ได้วางแผนอะไรไว้นะ จริงๆนะ”โถ พ่อลูกหมา แค่อ้าปากก็เห็นถึงไส้ติ่งแล้ว โกหกชาวบ้านเขาไม่เป็นจริงๆ ทีตอนนั้นโกหกผมซะคล่องเชียวนะ หลอกผมซะหัวหมุน พอมาคบกันต่อมสับขาหลอกดันไม่ทำงานซะงั้น

 “เอาเถอะๆ อยากหลอกอยากแกล้งอะไรผมอีกก็เอาเลย”ผมยักไหล่ถอนหายใจปลงๆ ทีจริงก็ไม่ได้กังวลอะไรหรอกจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ

“ไม่ได้จะหลอกนะ ไม่ได้แกล้งด้วย”ส่ายหางดิ๊กๆแล้วก็เดินตามต้อยๆเชียว เสียงอ่อนอีก โคตรน่าแกล้งเลย

“ครับๆ”ผมปล่อยผ่านไป ไม่ได้หยอกอะไรเพิ่ม เดี๋ยวมากกว่านี้อาร์มมันจะร้องไห้เอาซะเปล่า เอ...แต่ก็อยากเห็นหน้าตอนร้องไห้เหมือนกันนะ ...เดี๋ยว อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ อย่ามองผมแบบนั้นสิ ผมก็แค่ชอบแกล้งคนที่ชอบก็แค่นั้นเอง

     หลังจากที่ได้แกล้งมันพอหอมปากหอมคอแล้ว พวกเราก็เดินมาถึงโครงการรีสอร์ทริมทะเล อาร์มเป็นคนเข้าไปเช็คอินก่อนที่จะมีพนักงานเดินนำทางไปจนถึงที่พัก ซึ่งก็ถือว่าดูสวย มีระดับพอควร แต่ราคาเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้นะ ไม่ต้องแพงเกินไปก็พอ แต่ดูๆแล้วอาร์มมันก็ไม่น่าจะเป็นพวกใช้เงินมือเติบอะไรขนาดนั้น เวลาออกไปไหนข้างนอกก็ดูสามัญชนสุดๆ ติดดินๆสุดๆ อ๊ะ ไม่ได้อวยนะ....

     ห้องก็เป็นห้องธรรมดาแต่ดูมีเกรดนิดนึง บรรยากาศโรแมนติกหน่อยๆ มีกลิ่นหอมจากเทียนโชยมาอ่อนๆ มองจากในห้องไปก็เห็นทะเลชัดแจ๋ว.... เตียงก็ดับเบิ้ลเบดตามประสาคู่รัก ซึ่งก็ช่างมันเถอะ คิดมากก็ปวดหัว

“พอร์ชๆ ดูสิพระอาทิตย์ใกล้ตกแล้วนะ ไปดูกันนะ”อาร์มมองไปเห็นท้องฟ้าสีส้มบอกเวลาก็ชวนผมออกไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน โรแมนติกจนรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆเลยแฮะ

“ก็เอาสิ”ผมก็ตามใจมัน เพราะผมก็ไม่รู้จะเสนอให้ทำอะไรเหมือนกัน

“จะเปลี่ยนชุดก่อนหรือเปล่า?”

“ไม่เอาล่ะ มัวแต่เปลี่ยนชุดเดี๋ยวก็ไม่ทันดูกันพอดี”ผมบอกปัด แล้วหยิบรองเท้าแตะมาเปลี่ยนใส่ พับขากางเกงนิดหน่อยเตรียมพร้อม จะลุยแล้ว

“จริงด้วย....งั้นรีบไปดูกันดีกว่า”ว่าแล้วอาร์มก็จูงผม...ไม่สิ พูดว่าฉุดกระฉากลากถูจะถูกกว่าออกมา เดินเร็วจนเกือบวิ่ง

“เดี๋ยว ช้าๆหน่อย”ผมรีบปรามเพราะปรับจังหวะไม่ทัน เกือบจะหวิดล้มหน้าคว่ำ

“ครับ”

“เฮ้ย รับปากแล้วทำไมยังไม่ชะลออีกล่ะ หกล้มขึ้นมาจะทำไงห๊ะ”ผมท้วงเพราะขาใกล้จะขวิดกันอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวอาร์มจะคอยรับ”อาร์มหันยิ้มแป้นให้ผม ให้ตายเถอะ ทำตัวเหมือนเด็กๆอยู่เรื่อย....แต่ก็เพราะอย่างนี้ล่ะมั้ง ผมถึงสบายใจ รู้สึกวางใจมัน

     ภาพที่ผู้ชายตัวโตสองคนจูงมือกันวิ่งลั้นลาเหมือนเด็กๆ มาจนถึงริมหาดอาจเป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ในสายตาคนอื่น แต่เราก็ทำมันไปแล้ว แล้วก็เพราะวิ่งมานี่แหละเลยมาดูแสงสีส้มนวลค่อยๆหายลับไปจากสายตาได้  แสงสว่างเลือนหายไปก่อนที่จะแทนที่ด้วยความมืดครึ้มปกคลุมแทน

     นั่งจับมือด้วยพระอาทิตย์ตกด้วยกันนี่เหมือนหนึ่งในมิชชั่นสำหรับให้คู่รักมาเคลียร์ภารกิจชอบกล จะว่าโรแมนติกก็ใช่ แต่อีกมุมมันก็ดูหวานฟุ้งเกิน ไม่ชินเลยจริงๆ หลังจากดูพระอาทิตย์ตกแล้วก็มีอะไรต่อนะ อ๋อ...ใช่ๆ เดินริมชายหาด ให้ลมพัดกระโปรงชีฟองปลิวพลิ้วๆ คลื่นทะเลพัดมากระทบเบาๆ แล้วก็พลอดรักกันตามแบบฉบับนิยาย หรืออาจมีดินเนอร์ใต้แสงจันทร์ก็เป็นได้ ซึ่งผมก็รอลุ้นอยู่ว่าอาร์มมันจะมาแนวไหน หรือผมจะเป็นฝ่ายรุกเล่นเกมเดินหน้าเองดีหวา?... แต่รอลุ้นแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน

“ว่าแต่ นอนดูดาวต่อเลยดีไหม?”ผมถามขึ้นพลางมองท้องฟ้ามืดสลัวที่เริ่มเข้าสู่เวลากลางคืนแล้ว อีกไม่นานดาวก็คงขึ้นเต็มท้องฟ้า

“อืม”ว่าแล้วเราก็ล้มตัวลงไปนอนบนพื้นทรายเรียบๆ มองดูท้องฟ้า รอดวงดาวปรากฏแสงขึ้นมาทีละดวงจนกระทั่งเต็มท้องฟ้า ระยิบระยับเหมือนตอนนั้น เราไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ไม่รู้ว่าผมเขยิบเข้าไปซุกไอ้อาร์มตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน

“ตอนนี้อยากฟัดพอร์ชจัง”อาร์มทำหน้าทีเล่นทีจริงหันมามองผมที่นอนอยู่ข้างๆ พูดเหมือนต้องการจัฟัดผมที่นี้ตอนนี้เลย

“อะไร ฟัดอะไร?”

“ก็แบบมันเขี้ยว อยากกอดรัดฟัดเหวี่ยง จูบให้ขาดใจตายคาอกเลยอ่ะ”บรรยายซะน่ากลัวเลย นั่นเริ่มระราน ซุกไซร้จากหัวไหล่ผมแล้วไง

“พอๆ กลับห้องได้ละ”ผมลุกหนี ปัดทรายออกจากตัวให้หมด อาร์มก็ลุกตามมาต้อยๆ พอปัดทรายออกแล้วก็คว้าผมไปกอดหมับ

“เฮ้ยยย ปล่อย โอ๊ย อึดอัด”อาร์มมันกอดผมซะแน่นเลย ‘กอดรัด’จริงๆด้วย เล่นเอาผมเกือบหายใจไม่ออกเลย

“ก็มันเขี้ยวอ่ะ ทนไม่ไหวแล้ว”พูดไปก็เอาหัวถูไถไป สักพักก็หอมนั่นหอมนี่ไปทั่ว โอ๊ย เป็นหมาหรือไง!?

“พอแล้ว จะฆ่ากันให้ตายหรือไง กลับห้องก่อน”ผมพูดอย่างยากลำบากเพราะโดนเกาะ แถมยังรัดผมซะแน่นเหมือนสัตว์นักล่าเวลาจับกุมเหยื่อได้

“ครับ”แรงรัดค่อยๆคลายลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือผมเดินกลับด้วยกันแทน







     แกร๊ก

     เซอร์ไพรส์.....ซะที่ไหนล่ะ ห้องก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากปกติสักหน่อย เป็นอันว่าพล็อตจำพวกเทียนหอมล้อมรอบเตียง กุหลาบโปรยปรายเป็นอันต้องเก็บพับไป.....แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ

     ฟุ่บ!


     ผมโดนอาร์มจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวนี่สิ พัฒนาขึ้นเยอะแฮะจากที่ไม่เคยลอบโจมตีผมได้เลยแท้ๆ(หรือมีโอกาสแต่กลับไม่ทำซะงั้น) แต่จู่โจมในที่นี้ สถานการณ์ตอนนี้ผมไม่ได้หมายถึงลอบฆ่า ลอบทำร้ายร่างกายนะ แต่เป็นการที่อาร์มจู่ๆก็โถมตัวใส่ผมจนลงไปนอนบนเตียงได้พอเหมาะพอดีต่างหาก แถมยังกระหน่ำจูบเหมือนไปหิวมาจากไหนอีก

     ผมจูบตอบอาร์ม ขบเม้มหยอกล้อกันสลับไปมาจนอาร์มค่อยๆถอยออกมา ผมก็รู้สึกได้ถึงวัตถุบางอย่างที่เย็นเฉียบถูกสวมใส่เข้ามาที่นิ้วของผม มันคือแหวน แต่เป็นแหวนสีอะไรนั้นผมก็มองเห็นไม่ขัดเพราะห้องไม่ได้เปิดไฟ มีแค่แสงจากข้างนอกลอดเข้ามาพอให้เห็นสลัวๆ แต่นิ้วที่สวมใส่แหวนวงนี้คงไม่ต้องบอกว่าเป็นนิ้วไหน

“เล่นงี้เลยเหรอ”ผมมองแหวนบนนิ้วแล้วก็ถามกลับไป

“ครับ”

“งี้ผมก็ต้องไปหาแหวนมาให้ด้วยสิ”

“จะรอครับ”สายตา คำพูดว่าจะรอนี่โคตรชวนให้ละลายตายคาอกจริงๆ ใจเต้นจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

“ว่าแต่ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์อีกแล้วใช่ไหม?”ผมมองรอบๆ จ้องตาเผื่อมีอะไรอีก

“ไม่มีแล้วครับ”

“จริงนะ”ผมยกแขนขึ้นมาพาดที่ลำคอ รั้งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ส่งยิ้มหวานๆไปให้

“ด้วยความสัตย์จริงครับ”

“ถ้างั้นก็.....”ว่าแล้วผมก็รั้งใบหน้าอาร์มเข้ามาด้วยความรวดเร็วก่อนจะฉกจูบแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัว จูบแบบที่ทำไปก่อนหน้านี้ จนสัมผัสได้ว่าแก้มอาร์มร้อนเห่อไปหมด.....จากนั้นผมก็...

“เซอร์ไพรส์”เรียบร้อย ผมจัดการเอาแหวนยัดใส่นิ้วอาร์มด้วยวิธีเดียวกันไปเรียบร้อยแล้ว

“........”หน้าไอ้อาร์มนี้ค้างไปแล้ว มองแหวนในมือทีสลับกับมองหน้าผมที น้ำตาปริ่มๆ.....สักพักหยดน้ำตาลูกผู้ชายร่วงผล็อย....

“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม???”อยู่ๆก็ร้องไห้เฉยเลย ผมรับมือไม่ถูก

“ก็ดีใจ....โอ๊ย ไม่คิดเลยว่า....”น้ำเสียงขาดห้วงไปนิดนึงเหมือนตื้นตันใจบางอย่าง ท่าทางดีใจจนลนลานไปหมด

“จะได้รับรักตอบแทนขนาดนี้”อาร์มจับมือข้างที่มีแหวนของผมขึ้นมาจูบ

“ใจเต้นไปหมดเลยดูสิ”แล้วก็จับมือผมทาบทับบนแผ่นอกที่ภายในนั้นมีหัวใจเต้นอยู่อย่างรุนแรง

“เหมือนกัน”ผมตอบอาร์มก็ก้มลงจูบเบาๆบนตำแหน่งที่หัวใจผมเต้นอยู่ เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว

“ขอบคุณที่รักกันนะครับ”อาร์มก้มลงจูบผมอีกครั้ง สัมผัสผมอย่างเบามือ ริมฝีปากร้อนรุ่มลากผ่านไปทั่วทุกมุม สัมผัสบอกรักกันซ้ำไปซ้ำมา ดำเนินไปอย่างเนิบช้า กุมมือกันจนกระทั่งถึงปลายทางของความรักที่ไม่มีสิ้นสุด


Fin.

= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =



ออฟไลน์ Lynne

  • ไม่มีให้เสพ?ก็ผลิตเอาสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • @Lynnelalin
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบแล้วT T คนเขียนก็ยังงงๆอยู่เลยว่านี่ฉันเขียนจบแล้วเหรอ....

จริงๆก็เป็นนิยายที่เขียนตั้งแต่ม.5 แล้วดองทิ้งไว้จนตอนนี้ก็ปีหนึ่งแล้ว มาเขียนต่อจนจบ

แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาปรับปรุงอีกเยอะเลย ยังเขียนได้ไม่เก่ง ขาดอะไรไปอีกเยอะ

เรื่องนี้เองก็อาจมีจุดขาดๆเกินๆไปบ้าง ก็ต้องขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะที่ติดตามเรามาจนถึงตอนนี้ แม้จะไม่ใช่นิยายที่ดีเหมือนคนอื่น( ; _ ; )

ขอกล่าวขอบคุณทุกท่านจริงๆที่คอยติดตามอ่านจนจบ (ทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัว) ขอแค่อ่านแล้วทำให้ทุกคนยิ้มได้สักนิดเราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะTvT(ยิ้มนางงาม5555555)

สำหรับนิยายเรื่องต่อไป เราขอเวลาไปคัดสรร ปรับแต่งก่อนนะคะ พล็อตที่จดไว้มีเยอะเกิน...

ยังเลือกไม่ถูกเลยว่าจะแต่งเรื่องไหนดี มีทั้งแนวคู่กัด โคอ่อนกินหญ้าแก่(ที่จริงก็ไม่แก่ขนาดนั้น55555) แนวผีที่ออกแนวสืบสวนหน่อยๆ

ตลอดจนแนวแฟนตาซี แลดูโลภมากเหลือเกิน( - v -;)อยากเขียนไปซะทุกแนว พล็อตทั้งหลายทั้งมวลนี้ก็มาจากความอยากนี่แหละ

แต่ที่เล็งๆไว้ก็เรื่องแนวคู่กัด(แนวๆจะฆ่ากันตาย) กับแนวแฟนตาซีซับซ้อนซ่อนเงื่อน(เนื่องจากพล็อตตีกันไปหมด....)

ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่ตามอ่านจนจบ






เจอกันใหม่เรื่องหน้านะคะ(ถ้าเขียนแล้วมีแววว่าจะไปรอด....เอ๊ะ?) :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2015 21:13:59 โดย Lynne »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15
«ตอบ #37 เมื่อ27-10-2015 20:06:42 »

 :pig4: :pig4: :3123: :L2:

ออฟไลน์ ลูซิเฟอร์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15
«ตอบ #38 เมื่อ29-10-2015 18:22:31 »

 :z13: :z13: :z13:

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
Re: กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15
«ตอบ #39 เมื่อ25-06-2017 11:23:37 »

 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: กลลับ พรางรัก บทที่25(จบ) 26/10/15
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-06-2017 11:23:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด