✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✪❂❂>>>>✪{ จำนนหัวใจ }✪<<<<❂❂✪ ✥ ตอนจบ ✥ หน้า 4 Up. (22/10/58)  (อ่าน 29681 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คนแบบนี้ทำไมถึงได้เป็นพระเอก

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
รีบมาเร็วๆนะ  :katai5:



สงสารน้องน้ำ


อยากจะตบพระเอก  :z6:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ไมาเข้าใจ ไม่เข้าใจพระเอกจริงๆ :serius2:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 10



   รถขับผ่านไปได้สักพัก ก็พักระหว่างทางที่ปั๊มข้างทาง ร่างบางรู้สึกตัวขึ้นมา พยายามลืมตาขึ้นมามองสถานที่ที่เค้าไม่คุ้นเคย ไพบูลย์ถูกเขตใช้ไปซื้อของหลายอย่างในเซเว่น เขตยืนมองน้ำอยู่ห่างๆ พลางยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากให้กับตัวเอง


“ฮึๆ เป็นแบบนี้ได้ก็ดี แกจะได้ไม่ต้องกลับไปที่บ้านฉันอีก จบกันที ”


       เขตหันหลังเดินกลับไปรอไพบูลย์ที่รถตู้  ในขณะเดียวกันน้ำรู้สึกตัวเต็มที่ แต่เค้ากลับมองซ้ายมองขวาไม่เจอเขต ไม่เจอไพบูลย์ และที่สำคัญ เค้าไม่ได้อยู่ในรถ


“ที่นี่ที่ไหน?”


     ร่างบางถามตัวเองอย่างน่าสงสาร เด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยชีวิตที่ไม่เคยที่จะออกไปไหนเลย และยิ่งต่างถิ่นแบบนี้เค้ายิ่งไปไม่ถูก ร่างบางลุกขึ้นจากที่นั่งที่ทำจากปูนใต้ต้นไม้ แล้วเดินไปแถวๆนั้นอย่างงุนงง


“ป้า ครับขอโทษนะครับที่นี่ที่ไหนครับ”


“สระบุรีจ้ะ พ่อหนุ่มจะไปเที่ยวที่ไหนหรอ ป้าแนะนำได้นะ”


       หญิงวัยกลางคนตรงหน้าน้ำเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง แต่เด็กหนุ่มสีหน้าหวั่นวิตก เพราะสระบุรี เค้าเพียงแค่ได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ส่วนไหนของพื้นที่จังหวัดนี้


“เปล่าครับ ผมไมได้มาเที่ยว ป้าพอจะเห็นชายหนุ่มสูงๆหล่อๆ ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงดำไหมครับ”


“อ้อๆ ที่แท้ก็หลงรถสินะ ป้าพอจะเห็นอยู่ลูก หล่อๆก็มีอยู่คนเดียว แต่เค้าคนนั้นขึ้นรถตู้สีดำไป 5 นาทีที่แล้วลูก”


“ออกไปแล้ว?” น้ำทำสีหน้างุนงง






    ที่บนรถตู้คันสีดำ ไพบูลย์ขับรถให้เจ้านายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพันเอกภูธเนศ ผู้ทะนงศักดิ์และจิตใจร้อน ไพบูลย์รู้จักเค้าดี แต่สิ่งที่ลูกน้องกำลังทำกับร่างหนานั้น แทบจะหายใจไม่ออก เค้ารู้สึกอึดอัดที่ไพบูลย์มองเค้า


“ไพบูลย์ นายมองอะไร”


“มองเจ้านายครับ”


“มองฉัน จะมองทำไมกัน หน้าฉันมีอะไรติดหรอ” เขตแสร้งทำเป็นพูดไปเรื่องอื่น


“คุณเขตน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะครับ  น้องน้ำเค้าเป็นเด็กน่าสงสาร ”


“ฮึ แล้วยังไง จะให้ตีรถกลับไปรับอย่างนั้นหรอ ไม่มีทาง”


“แต่คุณเขตครับ น้องเค้าไม่มีเงินติดตัวสักบาทนะครับ กระเป๋าตังค์ก็ตกอยู่ที่พื้นข้างๆคุณเขต น้องเค้าจะกลับไปบ้านถูกได้ยังไง”


“…”


            เขตเริ่มคิดตามที่ไพบูลย์พูด กระเป๋าเงินใบนั้นเป็นของน้ำเค้าเคยเห็น แล้วนี่น้ำจะใช้ชีวิตยังไง


“แล้วโทรศัพท์ล่ะ เค้ามีโทรศัพท์หนิ ก็โทรให้พ่อแม่เค้ามารับสิ”


“ครอบครัวของน้องน้ำยากจน ผมเคยไปเห็นตอนไปรับมาอยู่ที่บ้านคุณเขต เค้าแทบไม่มีอะไรเลยในชีวิต นอกจากมีเงินหมุน
พอใช้ในแต่ละวัน…”

“พอๆๆ  ฉันไม่อยากฟัง”


ร่างหนาพูดตะโกนขึ้นมา ไพบูลย์ก็สุดแล้วแต่เขตจะคิดได้ เค้าเป็นเพียงลูกน้องจะไปบอกอะไรเจ้านายได้มากไปกว่านี้



ผ่านไปหลายนาที เสียงคำสั่งของเจ้านายแววตาดุดันนั้นก็เปล่งเสียงออกมา


“ไพบูลย์ กลับรถ ฉันไปรับน้ำแล้วพาเค้ากลับบ้าน”


“ขอบคุณครับคุณเขต”


 ไพบูลย์ยิ้มให้กับเจ้านายที่ตอนนี้คิดได้แล้ว   ลุกน้องอย่างเค้า ไม่เข้าใจหรอกว่าเขตกำลังคิดอะไรอยู่ หรือมีปมอะไรในใจ แต่ที่แน่ๆเค้าไม่อยากให้น้ำมาเป็นคนรับเคราะห์ เพราะน้ำเป็นเด็กที่บริสุทธิ์ทั้งกาย และจิตใจ


   รถขับวนกลับไปยังปั๊มข้างทางเมื่อครู่ รถตู้จอดเข้าซองจองรถสนิท ทั้งไพบูลย์และเขตรีบลงรถไปหาน้ำ แต่สุดท้ายก็ไม่มีวี่แววของเด็กหนุ่มตัวเล็ก ผิวขาวใส คนนั้นเลย


“อ้าวพ่อหนุ่มรูปหล่อ ไปไหนมา ทำไมไม่รอน้อง ”


   หญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ค้าขายไก่ย่างห้าดาวทักเขต ร่างหนาหยุดชำเลืองมองหาน้ำสักพักแล้วหันหน้ามายังหญิงคนนั้น


“น้อง? ป้าหมายถึงใครครับ”


“อ้าวก็มีเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักเดินมาถามหาพ่อหนุ่มไง ว่าพอจะเห็นบ้างไหม ป้าเลยตอบไปแล้วว่า พ่อหนุ่มนั่งรถตู้ออกไปแล้ว”


“แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ไหนครับ”


“เค้าไม่อยู่แล้วล่ะนะ”


“หมายความว่าไงครับป้า”


“เด็กหนุ่มคนนั้น เดินออกจากปั๊มไปแล้ว ไปนานพอสมควรแล้วด้วย”


“บ้าจริงๆเลย แล้วตอนนี้รู้ไหมครับว่าเค้าเดินเลี้ยงออกไปทางซ้ายหรือทางขวา”


“ป้าไม่รู้หรอกไม่ได้สังเกต เออแต่ว่าเด็กคนนั้นเค้าถามป้า ทางไปอะไรไม่รู้ป้าจำไมได้”


“ป้า ป้าต้องจำให้ได้นะครับ”


“โอ้ย ป้าจำไมได้หรอก ช่วงนั้นลุกค้ากำลังมาซื้อไก่ด้วย ป้าได้ยินไม่ถนัด แต่เด็กหนุ่มคนนั้นเค้าขอบคุณป้าแล้วเดินไปเลย”


“โอเค ขอบคูรมากครับป้า ผมไม่รบกวนแล้ว”


“ไปทำอะไรให้มันยาก โทรไปน้องเค้าสิพ่อหนุ่ม”


“เอ่อ…น้องเค้าไม่มีโทรศัพท์ติดตัวครับ”


“ว้า แย่จังเลย รีบไปตามหาน้องเค้าเถอะนะ เดี๋ยวเย็นกว่านี้จะลำบากที่นี่ไม่ค่อยมีบ้านคนเสียด้วย แล้วน้องของพ่อหนุ่มจะไปอยู่
ไหน ไม่น่าพรากกันเลย”ป้าคนนั้นพูดแล้วส่ายหน้าเบาๆ พลางเห็นใจเขตและน้ำที่พลัดกันไปพลัดกันมา
                 

       เขตเดินกลับมาที่รถอย่างผิดหวังพร้อมกับไพบูลย์ที่ออกไปตามหาน้ำอีกทาง ไพบูลย์เห็นหน้าเจ้านายแล้ว เหมือนจะรู้สึกผิดจริงๆ แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนคือเค้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขตที่มีต่อน้ำ เพราะตอนนี้เขตมีท่าทีที่รนลานผิดปกติ


“ไม่เจอหรอครับนาย”


“อืม แล้วนายล่ะ”


“คนแถวนี้ไม่มีใครสังเกตหรือจำน้องน้ำได้เลยครับนาย”


“ไม่ได้การแล้ว ดึกกว่านี้น้ำอันตรายแน่ ไพบูลย์เอารถออก ฉันจะตามหาน้ำให้เจอให้ได้”


“ครับนาย”






ที่มหาวิทยาลัย

          ต่อ มาวิ่งออกกำลังกายที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัย พร้อมๆกับเพื่อนในกลุ่มอีกหลายๆคน ที่ต่างก็ล้วนแล้วแต่รู้ฐานะของต่อ เป็นอย่างดี


“ไอ้หม่อม!  วันนี้ทำไมมาวิ่งคนเดียว แล้วอีกคนล่ะ” เพื่อนคนหนึ่งถามต่อ


“ใครวะ ฉันก็มาวิ่งคนเดียวประจำ”


“ไม่จริงมั้งหม่อม เมื่อวานก็ยังเห็นอยู่เลย เค้าเป็นใครอ่ะ น้องที่คณะหรอ?”

“บ้าไปแล้ว เลิกถามสักที น้องอะไรกัน เพื่อนรุ่นเดียวกัน”


“แล้วจะบอกได้ไหวว่าเพื่อนคนนี้ชื่ออะไร” เพื่อนที่อยู่ใกล้สุดถามขึ้น


“พอๆๆเลย ถ้าตอบแล้วห้ามถามต่อนะ เค้าชื่อ อังกอ  เคยเจอกันครั้งแรกที่สวนน้ำพุ เค้าบาดเจ็บนิดหน่อย”


“อ้อ หม่อมเลยไปช่วย”


“เฮ้ยเลิกเรียกหม่อมจะได้ไหม ฉันมีชื่อเว้ย ชื่อ ต่อ โอเคป่ะ”


“ฮ่าๆๆ ก็มันติดปากหนิ แกเป็นหม่อมหลวง จะให้พวกเราเรียกอะไรล่ะ”


“แต่ถึงยังไม่ฐานะของฉัน ก็ไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ อย่างระดับหม่อมเจ้าหนิ”


“คนทั่วๆไป ใครจะไปรู้กันล่ะ ก็เห็นมีหม่อมนำหน้าหนิเพื่อน”


“ก็รู้ไว้วันนี้ไง จะได้ไม่ต้องเรียกหม่อมแบบนี้ ยิ่งไปพูดในวังยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่ดี ไม่มีใครเค้าพาเรียกหม่อมหลวง ว่าหม่อมหรอก
นะ”


“โอเคๆๆ  จะจำไว้แล้วกัน แล้วอังกอที่ว่านี่ ดูเค้าจะคิดอะไรกับนายนะต่อ”


“ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนั้น”


“ก็โน่นไง พูดยังไม่ขาดคำเลย ยืนรอนายอยู่ตรงนั้นแล้วไอ้หม่อม!”


“เจออีกแล้วหรอ” ต่อ อุทานด้วยความเหนื่อยใจ






      ที่ทางเปลี่ยวถนนใหญ่ เด็กหนุ่มร่างบางเดินสะพายเป้สีเขียวลายไม้ไผ่ลำพัง นี่ก็จะเย็นแล้ว แต่พอจะมองเห็นทางสลัวๆ เค้าเคยคิดถามตัวเองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเค้าได้เจออะไรหลายๆอย่างแล้ว มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปะปนกันไปหมด  และที่สำคัญได้มารู้จักกับเขต เจ้านายผู้ทะนงศักดิ์ ดูเท่ห์ โดยเฉพาะแววตาคู่นั้นที่น้ำเองยังหวั่นไหวให้หลายครั้ง และไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร  น้ำเดินคิดไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีตอนถึงสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่  ที่เขียนไว้ว่า แม่น้ำป่าสัก  ไม่รู้ว่าเค้าเดินมาได้ไกลกี่กิโลเมตร  ตั้งแต่นอกเมืองยันเข้ามาในเมืองใหญ่ ที่น้ำพอจะรู้ว่านั่นคือตัวเมืองสระบุรี       


“แม่น้ำสายนี้ ตกเย็นมาก็สวยดีจริงๆ”


        น้ำหยุดยืนมองแม่น้ำพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะตัดสินใจเดินมุ่งเข้าสู่เมืองใหญ่ ตรงไปยังตลาดด้วยท้องที่เรียกร้องขออาหารมาบรรเทา  น้ำหยุดตรงที่หน้าร้านบะหมี่ร้านหนึ่งที่ลูกค้าไม่ค่อยมี อาจจะเพราะยังไม่ตกเย็นมาก น้ำเดินเข้าไปที่ร้านแล้วนั่งลงโต๊ะในร้าน


“หนู รับอะไรดี”


“ผมขอแบบในรูปนั้นเลยครับ” เด็กหนุ่มตอบออกไปแบบไม่คิดอะไรเลย เจ้าของร้านมองตามแล้วพยักหน้า


“บะหมี่เกี๊ยวหมูแดงนะครับ” พ่อค้าทวนเมนูก่อนจะเข้าไปในร้านเพื่อทำให้ ไม่นานบะหมี่ชามโตก็มาเสิร์ฟตรงหน้า


“ได้แล้วครับ เครื่องปรุงอยู่ด้านข้างนะครับ”


“ขอบคุณครับผม”


      น้ำตอบรับพ่อค้า แต่น้ำพยายามเช็คดูกระเป๋าเงินที่หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยเตรียมไว้ให้ แต่กลับต้องตกใจเมื่อรู้ว่า กระเป๋าเงินไม่อยู่ที่ตัวเค้าแล้ว
          น้ำเดินถือชามบะหมี่ตรงไปหาพ่อค้า พร้อมกับวางมันลง พ่อค้ามองใบหน้าเด็กหนุ่มคนนี้อย่างงุนงง เพราะคิดว่าเค้าทำเมนูผิดหรือเปล่า


“คุณน้าครับ ผมคงไมได้ทานบะหมี่ชามนี้แล้วนะครับ พอดีผมเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีเงิน”


“หา ว่าไงนะ แกไม่มีเงินแล้วกัน  มาหลอกให้ฉันทำให้เนี่ยนะ แล้วนี่ใครจะกิน โอ้ยตายๆๆๆๆๆ อย่างนี้ก็ขาดทุนสิ”


“ผมขอโทษนะครับ พอดีผมหลงทางระหว่างทางอาจจะทำกระเป๋าเงินตก”


“ไม่ต้องมาขอโทษ ยังไงแกก็ต้องจ่าย เข้าใจไหม จ่ายมาเร็วๆ”


“เอ่อ ผมไม่มีจริงๆครับ”


“ไมได้ๆ ไม่อย่างนั้นไปโรงพักกันเลยดีไหม ไปไหม”


“โรงพัก ที่มีตำรวจหรอครับ ผมไม่ไปด้วยหรอก ”


“ถ้าอย่างนั้น ก็จ่ายมาซะดีๆ”


       น้ำจนปัญญา พยายามควานหาเศษเงินที่พอจะติดตัวมาอยู่บ้างแล้วสวรรค์ก็ช่วยเค้า น้ำเจอเงินในกระเป๋ากางเกงตัวนี้ 100
บาท เป็นธนบัตรสีแดงใบสุดท้ายที่เค้ามี


“คุณน้า ผมมีเงินแล้ว ผมขอกินชามนี้เลยแล้วกันนะครับ”


“เออๆ แล้วไป อย่าตุกติกนะจะบอกให้ ฉันไม่ได้ใจดีนะ เอาไปกินได้”


"ครับผม "น้ำก้มหัวให้พ่อค้ารายนี้แล้วยกชามบะหมี่กลับไปที่เดิม แล้วกินมันเข้าท้องไปอย่างหิวโหย



      ทางด้านเขตและไพบูลย์ขับรถตามหาน้ำไปทั่วทุกสารทิศที่เป็นเมืองสระบุรีแต่ไร้วี่แวว  คิดไปคิดมาแล้วเขตก็กำลังคิดได้ว่า เค้าได้ทำผิดอย่างมหัน หากน้ำเป็นอะไรไป เค้าจะไม่ให้อภัยตัวเอง  เพราะความเห็นแก่ตัวของเค้าแท้ๆ  เค้าไม่อยากให้น้ำหายไปไหนจากเค้าเพียงแค่วันเดียว ไม่สิแม้แต่ครึ่งวันก็ยังอยากเห็นน้ำ ไม่รู้เพราะอะไร เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆน้ำแล้วเค้ามีความสุข อาจจะได้แกล้งได้ทะเลาะ แต่นั่นมันเป็นความสัมพันธ์ของเค้า  ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ของน้ำไปด้วยก็ตามที


“น้ำฉันต้องหานายให้พบ”


“คุณเขตครับนี่ก็ 3 ทุ่มแล้วนะครับ ผมว่าเรากลับกันดีกว่านะครับ”


“ไม่ฉันไม่กลับ ต้องหาตัวน้ำให้พบ ฉันทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย”


“ไม่ได้นะครับ พรุ่งนี้คุณเขตต้องเข้ากองบัญชาการ เพราะท่านนายพลเข้าประชุมใหญ่ จะขาดพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศไม่ได้นะ
ครับ”


“โถ่เว้ย นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วถ้าฉันกลับแล้วฉันจะอธิบายคุณพ่อว่ายังไง”


“เอาเป็นว่า คุณเขตจะไม่กลับอย่างนั้นหรือครับ”


“ใช่ ฉันไม่กลับ พรุ่งนี้ก็เรื่องของพรุ่งนี้ ฉันไม่แคร์ ขับตามหาน้ำต่อไป ”


“แต่เราไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนแล้วนะครับคุณเขต”


“เฮ้อ น้ำขอนายอย่าเป็นอะไรเลยนะ”


    ร่างหนาแววตาเศร้าสลด เพราะเค้าได้รู้แล้วว่า เค้าขาดน้ำไปไมได้จริงๆ และด้วยอารมณ์ชั่ววูบของเค้ามันทำให้น้ำเป็นอันตรายขึ้นมาตอนไหนก็ได้









     ที่บ้าน ธำรงอาภรณ์นิช  จดหมายเชิญจากหม่อมรุ้งพราว แห่งวังฉัตรอรุณก็ส่งมาถึงบ้านช่วงหัวค่ำ โดนมีคนของวังฉัตรอรุณมาส่งถึงที่ และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากกล้วยไม้ ใบหลิว และสงกรานต์



ก๊อก ๆ ๆ



“คุณชายครับ มีคนของวังฉัตรอรุณ มาขอพบคุณชายครับ” สงกรานต์เดินขึ้นมาเคาะที่ห้องพักของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย


“คนของวังฉัตรอรุณอน่างนั้นหรอ  ได้! บอกเค้าไปว่าฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”


“ครับคุณชาย”



             ภัครพิชัยเอาชุดคลุมสวมใส่แล้วเดินลงไปด้านล่างก็พบกับชายหนุ่มคนรับใช้ชุดของวังฉัตรอรุณ 2 คนกำลังยืนรอเค้าอยู่ที่ด้านล่างหน้าบันไดใหญ่


“สวัสดี คุณชายภัครพิชัย ต้องขออภัยที่มารบกวนยามพลบค่ำ”


“ไม่เป็นไร ว่าแต่ใครส่งนายสองคนมาที่นี่”


“นี่เป็นคำเชิญจากหม่อมรุ้งพราว ชายาคนที่สองของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ แห่งวังฉัตรอรุณครับ”


“คำเชิญจากหม่อมรุ่งพราวหรอ  เรื่องอะไรกัน”


“ไม่ทราบครับ แต่เรามีจดหมายคำเชิญฉบับนี้ ขอมอบให้คุณชายครับ”


“อืมๆ มีเรื่องมาบอกเพียงเท่านี้หรอ”


“ใช่แล้วครับ และหม่อมรุ้งพราวก็กำชับพวกเราด้วยว่า หากคุณชายได้รับจดหมายนี้แล้ว ให้รีบอ่านและแจ้งพวกเราทันทีครับ แล้ว
พวกเราจะส่งคำตอบของท่านไปให้หม่อมรุ่งพราวที่วังฉัตรอรุณ”


“นี่เป็นเรื่องด่วนและสำคัญ ขนาดนั้นเชียวหรือ”


“ขออภัย ขอคุณชายได้เปิดอ่านเสียก่อนครับ”


     ภัครพิชัยพยักหน้าก่อนจะเปิดแกะคำเชิญในซองนั้นต่อหน้าคนของวังฉัตรอรุณทันที  เพียงไม่กี่นาที หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยก็รู้สาเหตุที่หม่อมรุ้งพราวจะเชิญไปพบแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และสำคัญมากทีเดียว


“ไปบอกหม่อมรุ่งรุ้งพราวว่า ฉัน ตกลง เช้าวันพรุ่งนี้จะไปเยือนที่วังฉัตรอรุณตามคำประสงค์ของหม่อมรุ่งพราว”


“ถ้าอย่างนั้นกระผมทั้งสองคนขอลาคุณชาย และขออภัยอีกครั้งที่มารบกวน”


“ไม่เป็นไร พวกนายสองคนกลับไปได้แล้ว”


“ทราบแล้วครับ”


        คุณชายวัยกลางคนอย่างภัครพิชัย ยืนกำจดหมายแน่น เรื่องที่หม่อมรุ้งพราวส่งมานั้นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ สงกรานต์สงสัย
และอยากรู้ว่าจดหมายคำเชิญนั้นกำลังเขียนถึงอะไรไว้กันแน่ เค้ากล้าเสี่ยงลองเข้าไปถามคุณชายดู เพื่ออยากรู้


“คุณชายครับ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือครับ”


“จดหมายนี้ หม่อมรุ้งพราวส่งมาที่ฉัน  หม่อมรุ้งพราวกำลังสงสัยและอยากรู้รายละเอียดของน้ำ เด็กหนุ่มผู้มีบางอย่างที่หม่อมรุ้ง
พราวอยากรู้”


“น้องน้ำเนี่ยหรอคะ” กล้วยไม้อุทานออกมา


“ใช่ แต่วางใจเถอะ หม่อมรุ้งพราวเป็นคนมีเมตตา จิตใจดี ต่างจากหม่อมบุหลัน ที่ใครๆก็เกรงกลัวทั้งวัง ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปพบ
หม่อมรุ้งพราวให้ได้”


“รับทราบครับคุณชาย พรุ่งนี้ผมจะเป็นคนอาสาขับรถให้ แทนไพบูลย์เองครับ”


“จะว่าไป คุณเขตก็ไปส่งน้ำนานแล้วนะคะ ทำไมยังไม่พากันกลับมาอีกนะ” ใบหลิวเอ่ยขึ้นมา


“จริงสินะ ไปนานแล้วจริงๆ สงกรานต์โทรหาเขตแล้วมารายงานฉันว่าตอนนี้อยู่ไหนและหนูน้ำกลับถึงบ้านปลอดภัยดีแล้วหรือยัง
ฉันจะไปรอที่ห้อง”


“รับทราบคุณชาย”


สงกรานต์เดินไปหยิบโทรศัพท์สายแล้วกดโทรไปหาคนรับสายปลายทาง เพียงไม่กี่วินาที ปลายสายก็รับ


“สวัสดีครับคุณเขต ผมสงกรานต์นะครับ”


“อืม รู้แล้ว”


“คือคุณชายให้โทรมาถามว่าคุณเขตไปส่งน้องน้ำถึงบ้านหรือยังครับ”


“ยัง พาแวะเดินเล่นที่ห้างนิดหน่อย มีอะไรหรอ”


“อ้อเปล่าครับ คุณชายแค่อยากทราบ”


“บอกคุณพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง น้ำปลอดภัยดี แค่นี้นะ”


        สิ้นเสียงของเจ้านายผู้หล่อเหลา ก็ตัดสายทันที ไม่ทันที่สงกรานต์จะได้ถามต่อ


“เป็นไงบ้าง พี่สงกรานต์”


“คุณเขตบอกว่า น้ำสบายดี ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เดินเที่ยวที่ห้างอยู่”


“ไม่น่าเชื่อเลยเนาะ ว่าคุณเขตจะดีกับน้ำ” ใบหลิวพูดขึ้นมาแบบเนือยๆ


“นังใบหลิว แกนี่พูดอะไรไป ถ้าคุณท่านมาได้ยินเข้าแกจะเดือดร้อน”


“โหย ก็จริงนี่พี่กล้วยไม้ ฉันพูดผิดตรงไหนล่ะ”


“เอ๊ะแกนี่”


“พอๆๆๆ ทั้งกล้วยและใบหลิวแหละ อย่าทะเลาะกันเลย น้องน้ำปลอดภัยก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปบอกคุณชายที่ห้องก่อน
นะ”


“จ้ะพี่”









       เมฆฝนตั้งเคล้า ฟ้าแลบแปบๆ บ่งบอกให้รู้ว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า ร่างบางเดินไปตามฟุตบาทที่ตอนนี้ข้างๆถนน ร้านค้าต่างๆมากมายกำลังจะปิดลง เพราะดึกแล้ว  น้ำมองไม่เห็นหนทางจริงๆว่าจะทำอย่างไรต่อไป แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน สิ่งเดียวเค้าคิดออกก็คือ ที่วัด  พอคิดได้อย่างนั้นน้ำก็พยายามหาทางไปวัดที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ทันที ก่อนที่เม็ดฝนจะตกลงมาโปรยปราย


“จะทำยังไงดีนะ วัดแถวนี้ก็ไม่มีเสียด้วย คงได้นอนใต้สะพานลอยอย่างว่าจริงๆแหละ ฝนจ๋าอย่าเพิ่งตกนะ”



     อีกด้านหนึ่ง คนในรถตู้สีดำ ก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พยายามบอกไพบูลย์ขับรถตามหาน้ำ อย่างไม่หยุดหย่อน เพราะเชื่อว่า ยังไงซะ น้ำก็ต้องอยู่ในตัวเมืองสระบุรีแน่แท้


“ไพบูลย์ เดี๋ยวทางแยกข้างหน้าเลี้ยงไปถนนด้านขวานะ เข้าเมืองอีกที”


“ครับนาย”




…นายอย่าเป็นอะไรเลยนะน้ำ ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ฉันไม่อยากให้นายไปไหน ปรากฏตัวทีเถอะ…  เสียงรำพึงในดวงใจของเขตตอนนี้มีแต่น้ำ และน้ำเท่านั้น เค้าต้องเร่งหสตัวให้เจอก่อนที่ฝนจะตก





โอ๊ะโอ  หยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน  อุอิ  ไว้มาลุ้นกันใหม่เสาร์ อาทิตย์หน้าน้า   

น้ำนี่น่าสงสารเนาะ เรื่องชาติกำเนิดก็ใกล้ตัวเข้ามาแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ไหน???   ถูกทิ้งที่สระบุรี แล้วก็ยังหากันไม่พบ คืออะไร

บอกผู้แต่งที ทำไมเขตใจร้ายแบบนี้  เพิ่งมาสำนึกผิดหรอ ไอ้คนเลว  อุย  ผู้แต่งอินไปหน่อย พบกันใหม่ ตอนที่ 11  12  เสาร์

อาทิตย์น้าจ้ะ   รักคนอ่านทุกคน



 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :hao5: :hao5: :hao5:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :fire: บอกได้คำเดียว ไม่ไหวจริงๆกับคนแบบนี้  ถึงน้พจะเป็นคนดีขนาดไหน ก็อย่าได้ให้อภัยกับคนแบบนี้ง่ายๆน่ะ เขารับไม่ไหวกับพระเอกแบบนี้ ป่วยเกิน

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ทิ้งได้ลงคอ  ต่อไปหมดรักคงปล่อยทิ้งเหมือนกัน     :z6:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
โอ๊ยน่อพระเอก :m16:

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
เขต ทำไมนายเลวแบบนี้  :z6:เลวได้ใจที่สุดทิ้งน้ำไว้ข้างถะหนน.

สงสารน้ำเหลือเกินลูกไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหน  :hao5: :hao5:

แถมเงินก็มีแค่100 บาท.



ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
เขตเป็นพระเอกเหรอคะ?  ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนอายุ 30 ชาติตระกูลสูง ฐานะดี ได้รับการศึกษามาดี เป็นทหารระดับนายพันที่ต้องเป็นหัวหน้าคนอื่น   ดูจากนิสัย + สันดาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกมา EQ ต่ำมากๆ  ไม่เหมาะสมกับโปรไฟล์ที่ควรเป็น    ความคิดเรานะน่าจะเป็นลักษณะนิสัยของเด็กอายุไม่เกิน 20  รวยประเภทเศรษฐีใหม่ ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือ ไม่ได้สั่งสอนมากกว่า   ทุกอย่างที่พูดออกมา เอ่ยออกมาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย   ถ้าหากว่านี่เป็นเทพนิยาย เขตก็คือพี่เลี้ยงใจร้ายทำนางซินเราดีๆนี่เอง

เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคหรือเปล่าคะ เห็นมีใช้คำว่า สยาม  แล้วบทบรรยายสภาพชีวิตในเรื่องเป็นสมัยใหม่หมดเลย

แต่งเรื่องเจ้าเรื่องนายก็เหนื่อยหน่อยนะคะ   เกร็ดเล็กๆน้อยๆเช่นนามสกุลของสายราชสกุลในเรื่องให้ความเป็นสมัยใหม่มากๆค่ะ คือยาว

ลองหาอ่าน เลาะวัง ของคุณ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ จะได้เกร็ดความรู้จากในวังและราชสกุลเยอะเลยค่ะ รวมทั้งราชาศัพย์มาใช้ในเรื่องด้วย

เราว่าพระสงฆ์จะเรียกผู้หญิงว่าสีกา  แล้วเรียกผู้ชายว่า ประสก มาจากอุบาสก/อุบาสิกานะคะ     คำว่าโยมนั้นเป็นคำที่เรียก โยมพ่อ โยมแม่  โยมน้า โยมสีกา ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ

ท่านชายน่าจะตรัสเรียกหม่อมแม่มากกว่าท่านแม่นะคะ   เวลาที่ผู้ชายเอ่ยรับหม่อมเจ้าจะใช้กระหม่อม แทนคำว่า ขอรับ    ผู้หญิงใช้เพคะ

เริ่มเขียนได้น่าสนใจดีค่ะ   วิจารณ์มานี้เป็นเพื่อให้ฟีดแบ็คคุณเผื่อว่ารับฟังความเห็นจากคนอ่านด้วย

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เขตเป็นพระเอกเหรอคะ?  ไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนอายุ 30 ชาติตระกูลสูง ฐานะดี ได้รับการศึกษามาดี เป็นทหารระดับนายพันที่ต้องเป็นหัวหน้าคนอื่น   ดูจากนิสัย + สันดาน และทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกมา EQ ต่ำมากๆ  ไม่เหมาะสมกับโปรไฟล์ที่ควรเป็น    ความคิดเรานะน่าจะเป็นลักษณะนิสัยของเด็กอายุไม่เกิน 20  รวยประเภทเศรษฐีใหม่ ที่พ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือ ไม่ได้สั่งสอนมากกว่า   ทุกอย่างที่พูดออกมา เอ่ยออกมาไม่ได้มีเหตุผลอะไรเลย   ถ้าหากว่านี่เป็นเทพนิยาย เขตก็คือพี่เลี้ยงใจร้ายทำนางซินเราดีๆนี่เอง

เรื่องนี้เป็นนิยายย้อนยุคหรือเปล่าคะ เห็นมีใช้คำว่า สยาม  แล้วบทบรรยายสภาพชีวิตในเรื่องเป็นสมัยใหม่หมดเลย

แต่งเรื่องเจ้าเรื่องนายก็เหนื่อยหน่อยนะคะ   เกร็ดเล็กๆน้อยๆเช่นนามสกุลของสายราชสกุลในเรื่องให้ความเป็นสมัยใหม่มากๆค่ะ คือยาว

ลองหาอ่าน เลาะวัง ของคุณ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ จะได้เกร็ดความรู้จากในวังและราชสกุลเยอะเลยค่ะ รวมทั้งราชาศัพย์มาใช้ในเรื่องด้วย

เราว่าพระสงฆ์จะเรียกผู้หญิงว่าสีกา  แล้วเรียกผู้ชายว่า ประสก มาจากอุบาสก/อุบาสิกานะคะ     คำว่าโยมนั้นเป็นคำที่เรียก โยมพ่อ โยมแม่  โยมน้า โยมสีกา ในกรณีที่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ

ท่านชายน่าจะตรัสเรียกหม่อมแม่มากกว่าท่านแม่นะคะ   เวลาที่ผู้ชายเอ่ยรับหม่อมเจ้าจะใช้กระหม่อม แทนคำว่า ขอรับ    ผู้หญิงใช้เพคะ

เริ่มเขียนได้น่าสนใจดีค่ะ   วิจารณ์มานี้เป็นเพื่อให้ฟีดแบ็คคุณเผื่อว่ารับฟังความเห็นจากคนอ่านด้วย


ขอบคุณมากมายที่ comment นะจ้ะ  จุดหมายของผู้แต่งเองเน้นไปที่อารมณ์ล้วนๆ จนบางครั้งมองข้ามบางอย่างไป จริงๆแล้วนิยายเรื่องนี้เป็นสถานการณ์เกือบปัจจุบัน  บางทีอาจจะมีการเล่นคำมากไปเลยทำให้เข้าใจผิดคิดว่าย้อนยุค  ส่วนคำศัพท์ต่างๆจะพยายามทำความเข้าใจและแก้ไขให้ดีขึ้นบทต่อไปนะ  รักเหลือเกิน :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ปล.ผู้อ่านทุกท่านอย่าลืมติดตามเสาร์ อาทิตย์นี้ นำเสนอ นิยายตอนที่ 11-12 น้า  ขอบคุณที่อ่านจ้าา :mew3: :mew3: :mew3:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 11





                หากเพียงแค่ไม่กี่เสี้ยวอึดใจ ฝนก็ตกลงสู่พื้นดินราวกับไม่ได้ตกมานาน ร่างบางนั่งชันเข่ากอดกระเป๋าเป้และเงินจำนวนเพียง 55 บาท หลังจากที่จ่ายค่าอาหารไปอย่างน่าเวทนาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งก้านสาขามากมาย พอจะคุ้มกันเม็ดฝนได้ ลมพายุพัดต้นไม้ใบหญ้าแรงพอสมควร น้ำเงยหน้ามองต้นไม้น้อยใหญ่รอบๆกายอย่างหวั่นวิตก ใครเจอสภาพเช่นนี้คงไม่ดีแน่ แต่น้ำต้องอยู่เพราะตัวเค้าเองยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะไปที่ไหนต่อ แต่ดูจากทีท่าของสภาพอากาศ พายุลูกนี้คงไม่หยุดง่ายๆแน่


“นั่นใคร!”

             เสียงที่ดังแข่งกับสายฝนนั้นตะโกนมาที่เค้า พร้อมกับแสงจากไฟฉายส่องเข้าที่ดวงตาทั้งสองข้าง น้ำได้แต่หันหน้าหลับตาหนีแสงนั้น

“ไอ้หนุ่ม เอ็งมานั่งทำอะไรที่นี่”


        เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม

“คือ…ผมหลงทางครับคุณลุง” ร่างบางตอบไปตามความจริง

“หลงทาง? ไปอยู่อย่างนั้นไม่ดีเอานะ ไปพักบ้านลุงก่อนไหม อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักหรอก”

“ผมคงไม่ไปรบกวนคุณลุงใช่ไหมครับ”

“เฮ้ย จะไปรบกวนได้ยังไง สภาพแบบนี้ ใครเห็นมันก็ต้องช่วยสิวะ ไอ้หลานชาย”

“ขอบคุณครับ” น้ำยิ้มแล้วปริให้คุณลุงคนนั้นพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณ

           ไม่นานน้ำก็เดินตามคุณลุงคนนี้มาเรื่อยๆขนถึงบ้านไม้ติดถนนใหญ่หลังหนึ่ง อายุน่าจะมากพอสมควร แต่ที่บ้านลุงดูสวยและเรียบง่าย ถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักมากเพียงใด แต่น้ำก็ยังพอสำรวจและบอกสิ่งแวดล้อมได้ดี

“อ่ะ ถึงแล้ว วันนี้แปลกๆ เจอคนเมืองกรุงตั้ง 2 คน คนหนึ่งเป็นทหาร อีกคนก็เป็นเด็ก” คุณลุงบ่นพึมพำ

“ขอบคุณมากนะครับ ถ้าเช้าแล้วผมจะรีบไป”

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก อยู่บ้านลุงไปก่อน พอคิดได้แล้วว่าจะไปเริ่มตั้งหลักตรงไหน บอกลุง ลุงจะพาไป”

“ลุงใจดีกับผมแบบนี้ ผมจะไม่ลืมบุญคุณเลยครับ”

“อ่ะๆๆๆ ไม่ต้องพูดแล้วๆ ผ้าเช็ดหัวเอ็งอยู่ตรงนั้น ไปเอามาเช็ดซะจะได้ไม่เป็นไข้ ”

“ครับผม”

“อ้าว นั่นพูดถึงก็ออกมาพอดี  ดึกดื่นขนาดนี้จะออกมาทำอะไรท่านนายพันเอก”

              สิ้นสุดประโยคของคุณลุง น้ำถึงกับหูผึ่งตาโต แล้วรีบหันหลังกลับไป ใบหน้าหล่อเรียว แววตาดุจพญาเหยี่ยวที่เค้าคุ้นเคย ยืนมองน้ำอยู่ก่อนหน้านั้นด้วยสีหน้านั่งเฉย แต่แววตานั้นน้ำกลับสัมผัสได้ถึงความอาทร




“คุณเขต!” น้ำเอ่ยเสียงดัง ในขณะที่อีกคนได้แต่ยืนนิ่ง ในตอนนี้ไม่มีแล้วคุณเขตที่กลั่นแกล้งเค้า

“น้ำ!”

           เขตเอ่ยออกจากปากเบาๆแต่น้ำกลับได้ยินดังกึกก้องในใจ  น้ำร้องไห้ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ เพราะเค้าไม่คิดว่าคนที่น่าจะพอไว้ใจได้ จะทิ้งเค้าเอาไว้ที่ชานเมืองสระบุรีแบบนั้นได้ลงคอ


“คุณเขต  คุณทำไมทิ้งผมอ่ะ คุณทำได้ยังไง ฮือๆ” น้ำร้องไห้พร้อมทั้งหลั่งน้ำตาที่มันสุดจะทนออกมา


“แกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะพาแกกลับบ้าน!” เขตพูดเสียงแผ่วเบา ไม่มีแม้แต่ท่าทีที่ทะนงศักดิ์ ใจร้อน และรุนแรงแม้แต่
น้อย


“นี่คือเด็กที่คุณตามหาอยู่หรอครับ ท่านนายพัน” คุณลุงถามเขตอย่างงงๆ

           เขตพยักหน้าให้ลุงช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจออกทางปากหนึ่งครั้ง เค้าพยายามไม่มองใบหน้าของร่างบางตรงหน้านี้ เพราะเป็นภาพที่เค้าสะเทือนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

“เฮ้อ…ใช่ครับ เค้าก็แค่คนใช้ของบ้านผม พอดีระหว่างทางเราพลัดจากกัน แต่ได้คุณลุงช่วยไว้ก็ดีแล้วครับ”

“อ้อ อย่างนั้นหรอครับ ว่าแต่หนุ่มน้อยคนนั้นเถอะ ร้องไห้ไม่หยุดเลย นายพันไปดูน้องเค้าหน่อยนะ ถึงจะเป็นบ่าวแต่หน้าที่เจ้า
นายก็สำคัญ”


   คุณลุงพูดจบแล้วเดินถือไฟฉายเมื่อครู่ขึ้นไปบนบ้านเพื่อพักผ่อนร่างกายเสียบ้าง   เขตกับน้ำตอนนี้ยืนอยู่ห่างกัน 5 เมตรแต่ต่างกันคนละความรู้สึก  เขตเก็บอารมณ์และความรู้สึกเก่ง เค้าหนักแน่นพอ แต่อีกฝ่ายกลับตรงกันข้าม น้ำตาที่ไหลไม่หยุดหย่อน
นั้น มันกำลังจะทำให้เขตหวั่นใจ


“เข้านอนซะสิ ” เขตบอกน้ำ เพื่อทำลายความเงียบที่มีเพียงสายฝนดังกึกก้องอยู่ด้านนอก



             น้ำเอามือเล็กๆสองข้างยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มสองข้าง แล้วเดินกอดกระเป๋าเป้ผ่านเขตไป แต่เขตเอามือใหญ่ด้านซ้ายเพียงด้านเดียวจับที่ต้นแขนซ้ายของน้ำ

“เดี๋ยว!” เขตพูดขึ้น

“…” น้ำยังโกรธเขตไม่หาย ได้แต่ยืนหยุดตามคำสั่งและแรงฝ่ามือที่รั้งเค้าเอาไว้

“เรื่องวันนี้ ฉัน…”

              เขตเว้นช่วงของคำไป แต่หารู้ไม่ว่าน้ำตั้งใจรอฟังคำคำนั้นอย่างมาก แต่กลับกลายเป็นเพียงแค่สูญเปล่า เพราะเขตไม่
เคย ขอโทษ ใคร ตั้งแต่น้ำมาพักอยู่ที่บ้าน ธำรงอาภรณ์นิช

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าคำคำนั้นจะยากเย็น ขนาดนั้น ผมไม่จำเป็นต้องได้ยินมันหรอก ขอตัวนะครับ”

          น้ำใช้ความกล้าเฮือกสุดท้ายของวันนี้ และความอดทนมากพอที่จะไม่ให้โกรธเขต ที่เป็นเจ้านายตัวเองให้เกินเลย น้ำพูด
จบเพียงเท่านั้น เขตถึงกลับฝ่ามือไม่มีเรี่ยวแรงซะอย่างนั้น ต้นแขนซ้ายของน้ำเป็นอิสระ แล้วเดินเข้าห้องนอนไปอย่างสุขุม

“น้ำ  เดี๋ยว ฟังฉันก่อน!” เขตหวนกลับเดินตามน้ำมา แต่น้ำปิดประตูล็อกไปแล้ว

“คุณเขต ไปพักเถอะครับ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ผมจะรีบตื่นไปหาอะไรให้ทานนะครับ”

“ไม่ต้องทำอะไรให้ฉันทั้งนั้น  น้ำฟังนะ ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉัน….เอ่อ ฉัน…”

“ผมจะนอนแล้วครับคุณเขต คุณเขตกำลังรบกวนผมอยู่นะครับ”

            ด้วยความที่ยังโกระไม่หาย เลยทำให้น้ำกล้าพูดสิ่งที่อยากจะพูดมากขึ้น แม้แต่เขตเองยังตกใจที่น้ำเปลี่ยนไปมาก
ขนาดนี้


“นี่นาย เดี๋ยวกล้าพูดแบบนี้กับฉันแล้วหรอ” เขตขึ้นเสียงไปอย่างนั้น หวังจะดูปฏิกิริยาตอบโต้กลับมา และก็ผิดคลาดน้ำกลับพูด
สวนกลับมาได้อย่างคมกริบ

“แล้วทีพันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ทำไมถึงยังกล้าทิ้งคนรับใช้ตัวเองได้ลงคอครับ”

“…” เขตไม่มีอะไรจะพูด ร่างหนาเอาหน้าผากพิงมือที่ประตูห้องของน้ำ อย่างสำนึกผิด

“คุณเขต ไปพักเถอะครับ ” เสียงน้ำตะโกนลอดออกจากช่องประตูออกมา

“แก โกรธฉันอยู่ใช่มั้ยน้ำ?” เขตเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่มันดังพอที่คนอีกฝั่งของประตูจะได้ยิน

“…”



           ร่างเล็กไม่ตอบกลับมาแต่อย่างใด เพราะต้องการให้เขตกลับเข้าห้องไปพักผ่อน เรื่องที่เกิดขึ้นมันเหมือนฝันไปจริงๆ ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง น้ำรู้สึกว่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางสถานที่ๆที่เค้าไม่เคยรู้จักและไม่เคยมา น้ำอ่อนต่อโลกมาก ด้วยความที่ไม่เคยออกไปไหนเลย ตลอดชีวิตที่อยู่กับ ชื่น และเวท นอกจากไปโรงเรียนกับไปเที่ยวใกล้ๆกับครอบครัวแล้ว นอกนั้นแทบไม่ได้ไปไหน
         แต่พอหลังจากนั้นเค้ากลับถูกพบเจอด้วยคุณลุงเจ้าของบ้านคนนี้ ก็ถูกพามาพักที่บ้าน แต่เหมือนฟ้าดินแกล้งและเล่นตลก น้ำกลับพบเขตที่บ้านหลังนี้เช่นกัน คำถามคือ ทำไม?....







เช้าวันใหม่

       ชายวัยกลางคนกำลังแต่งตัวเพื่อเข้าพบหม่อมรุ้งพราว แห่งวังฉัตรอรุณ  ในความคิดของหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยตอนนี้ มีคำถามอยู่มากมาย เรื่องที่ถูกเชิญไปพบครั้งนี้อาจไม่มีเพียงเพราะอยากพบหน้า พบปะ ตามประสาคนที่ห่างเหินกันไปนาน แต่เค้ากำลังคิดว่าน่าจะมีเรื่องอื่นๆอยู่อีกเป็นแน่ 


ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นจาก สงกรานต์ ก่อนหน้านี้ถูกใช้ให้ไปเตรียมของฝากและเตรียมรถ


“เข้ามา!”


“คุณชายครับ รถจอดที่หน้าบันไดหน้าบ้านแล้วครับ”

“โอเค ถ้าอย่างนั้นไปกันเลย”

“ครับคุณชาย”

“อ้อ เดี๋ยว!”

“ครับ!” สงกรานต์หันกลับมาที่ภัครพิชัยท่าทีตื่นตระหนกนิดหน่อย

“เจ้าเขต กับไพบูลย์กลับมากันหรือยัง”

“ยังเลยครับคุณชาย  แต่ผมคิดว่าน่าจะกลับเร็วๆนี้แหละครับ ”

“อย่างนั้นหรอ เค้าบอกนายอย่างนั้นหรือไง สงกรานต์”

“เอ่อ คือ…ปะ เปล่าครับคุณชาย ผมแค่เดาเอาครับ”

“แกนี่ก็เดาไปเรื่อย โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็คงกลับมา ไม่แน่เขตอาจจะอยากอยู่รอรับน้ำกลับมาด้วยก็ได้นะ เห็นเป็นห่วงกันดี
ออก”


“ครับ!”


            สงกรานต์ ได้แต่ตอบสิ่งที่พอตอบได้ เพราะเค้าไม่อยากพูดอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ด้วยความที่เขตเป็นเจ้านายของเค้าโดยตรง เรื่องของเจ้านายหากไม่ได้รับคำสั่งเค้าจะไม่พูด


           รถเก๋งคันสีขาว ถูกขับผ่านถนนสายหลัก มุ่งหน้าสู่สถานที่ตั้งของวังฉัตรอรุณ ที่ตรงนั้นห่างไกลผู้คนพอสมควรเมื่ออดีต แต่ปัจจุบันอะไรๆก็เปลี่ยนไป แถวนี้มีคอนโดมากมาย ตึกแถวบ้านช่องผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดช่วงฤดูฝน จากถนนเส้นเล็กๆก็เปลี่ยนเป็นถนนหลายเลน ใหญ่กว่าเดิมมาก รถราก็มากขึ้นทุกวันๆ แต่พื้นที่ของวังฉัตรอรุณ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายในวังนั้นร่มรื่น น่าอยู่มาก จากแต่ก่อนต้นไม้ต้นพอเหมาะ หรือต้นเล็กๆ ตอนนี้ก็ใหญ่เทียบเท่าตึก  3 4 ชั้น

             คิดไปเพลินๆ รถก็ถูกจอดอยู่ตรงป้อมยามหน้าประตูวัง เอกลักษณ์ของ ฉ ฉิ่ง ที่ติดอยู่ตรงหน้าประตูทำเอาภัครพิชัย เอ๊ะใจขึ้นมานิดหน่อย

“สงกรานต์ นายว่าตัว ฉ ฉิ่งแบบนั้น คุ้นๆที่ไหนไหม”

“ใช่ครับคุ้นมากครับคุณชาย แต่ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน”

“อืม คุ้นตาเหลือเกิน แต่เสียดายนะ ที่ฉันเองก็จำไม่ได้”

“ครับคุณชาย”

            ทุกอย่างหยุดคิดไปชั่วขณะ หลังจากที่มียาม  3 4 คนเดินเข้ามาหาที่ประตูด้านคนขับ ด้วยสีหน้าที่เป็นมิตรและยิ้ม
ทักทายสงกรานต์

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า มาพบใครครับ”

“พวกเรามาตามคำเชิญของหม่อมรุ้งพราว ครับ ”

“อ่อครับ รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวขอเรียนหม่อมรุ้งพราวก่อน”

“ไม่มีปัญหาครับ” สงกรานต์ตอบแบบเป็นกันเอง



            ผ่านไปได้ไม่นาน ยามคนเดิมก็กลับมาพร้อมกับเปิดประตูวังรอ


“เข้าได้ครับ ตรงเข้าไปด้านใน พอถึงวงเวียนให้ขับตามวงเวียนแล้วเลี้ยวไปทางขวานะครับ”

“อ่อครับ”

“พอขับไปสักพัก จะพบเรือนไม้ประยุกต์ใหญ่ๆด้านซ้ายมือ ตรงนั้นแหละครับ”

“ครับผม ขอบคุณมากครับ” สงกรานต์ตอบยามคนนั้นกลับไป












            ที่โต๊ะอาหารอาหาร เสี่ยสิงห์กำลังทานข้าวเช้ากับลูกสาว โดยมีแม่บ้านยืนคอยตักข้าว รินน้ำให้ วันนี้ดูเสี่ยสิงห์จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แอรินสังเกตเห็นได้ เพาะพ่อของเธอเดาท่าทีได้ไม่ยาก

“คุณพ่อคะ เป็นอะไรไปคะ วันนี้ไม่ค่อยสดใส”

“เปล่า!”

“เปล่า แต่ทำสีหน้าเคร่งเครียด ไม่คุยกับรินเลยซักคำตั้งแต่เช้า”

“บอกไม่มีก็ไม่มีสิ แอริน จะถามเซ้าซี้ พ่อทำไมกัน”

“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นรินไม่ถามแล้วนะคะ”

            แอรินพูดเสร็จก็วางช้อนซ้อมลง พร้อมกับเอื้อมไปหยิบแก้วน้ำดื่มทันที

“นี่ลูกจะไปไหน”

“ก็อิ่มแล้วไงคะ รินจะไปข้างนอก ไปเปิดหูเปิดตา อ้อ รินจะกลับมาตอนเย็นๆนะคะ”

“เดี๋ยว! แกจะออกไปซื้อของ ไปช็อปปิ้งอีกแล้วหรอ ทุกวันนี้แกใช้เงินเป็นว่าเล่นนะแอริน”

“อะไรกันคะคุณพ่อ ทุกทีไม่เคยมาว่ารินแบบนี้เลย รินก็ใช้เงิน วันละ 2 หมื่น ทุกวันอยู่แล้วนี่คะ”

“ก็ใช้นะสิ ตั้งแต่แกกลับมา เงินที่แกใช้ไป มันจะถึง 5 ล้านบาทแล้วนะ หัดประหยัดช่วยพ่อหน่อยสิ”

“ประหยัด?  คุณพ่อคะ แค่กำไรจากทางโรงแรมไอยราของคุณพ่อ ก็มีกินมีใช้มาหมดชาตินี้แล้วละค่ะ พูดอย่างกับบ้านเรากำลัง
ขัดสน ”

“ใช่ตอนนี้ บ้านเรากำลังขัดสน แกนึกได้ก็ดีแล้วแอริน ”


“ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น รินนัดเพื่อนไว้มาก ยังไงวันนี้รินก็ต้องไปค่ะ”

“แอริน! แกนี่มันหัวรั้นจริงๆ ”

“ไปแล้วนะคะคุณพ่อ สวัสดีค่ะ”

“เดี๋ยว! แอริน”

“อะไรอีกคะ”

“แกอย่าเพลิดเพลินไปกับวิถีชีวิตแบบนี้มาก จนลืมเรื่องความสัมพันธ์ของแกกับคุณเขตไปนะ ถ้าแกอยากจะสบายไปทั้งชาติ เชื่อ
พ่อ แกต้องทำให้คุณเขตแต่งงานกับแกให้ได้”

“ค่ะ ก็รินพยายามอยู่นี่ไงคะ  พี่เขตไม่ได้รับสายรินตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว จะให้รินทำยังไงคะ”

“ก็แวะไปที่บ้านเค้าเลยลูก”

“ก็คุณพ่อสอนรินเองนะคะว่า หากเจ้าของบ้านไม่ชวนหรือไม่ได้เชิญ ก็ไม่ควรไปยุ่งวุ่นวายบ้านเค้า”

“แอริน อย่าย้อนพ่อนะ ตอนนี้แกก็อายุมากขึ้นๆแล้ว ถ้าแกไม่รีบ มีหวังอีกฝั่งเค้าถูกหมาแมวที่อื่นคาบไปกิน แล้วสมบัติเงินทองที่
แกจะได้ใช้ไปตลอดชีวิต ก็จะไม่มีอีกแล้ว ”

“ก็ได้ค่ะ วันนี้รินจะแวะไปที่บ้านพี่เขต ให้คุณพ่อก็แล้วกัน แต่รินขอไปช็อปปิ้งก่อนนะคะ”

“ไม่ไหวเลยแกนี่”

       แอรินไม่ฟังดุษฎีผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย เธอหันหลังแล้วเดินออกไปที่รถยนต์ส่วนตัวของเธอ เสี่ยสิงห์เพิ่งจะซื้อให้ลูกสาวไม่กี่
วันนี้เอง ลุกสาวคนเดียวเอาใจยาก ขัดใจได้ซะที่ไหน นึกไปนึกมา เค้าก็ต้องโทษตัวเองอยู่เหมือนกันที่สอนลูกให้เป็นคนแบบนี้
ไปตั้งแต่ยังเล็ก พอโตมาก็แก้ไม่ขาดแล้วแล้ว






    ที่โต๊ะรับแขกสุดหรูหราของเรือนหม่อมรุ้งพราว ที่นี่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เรือนที่ใหญ่และทำด้วยไม้ที่หายากมากในปัจจุบัน และมีบางส่วนที่ถูกประยุกต์สร้างจากปูนด้วย เพราะห้วงเวลามันได้เปลี่ยนแปลงอะไรๆไปพอสมควรแต่ก็ไม่มากจนเกินไป ภัครพิชัยนั่งอยู่โซฟา หันไปมองรอบเรือนและห้องรับแขกนี้ นึกย้อนเปรียบเทียบกันเมื่อ 20 ปี ที่แล้ว

“ยินดีที่คุณชายภัครพิชัยมาตามคำเชิญ”

          ร่างของหญิงวัยกลางคนใส่ชุดลูกไม้สีฟ้าครามเดินออกมาทักทายภัครพิชัย

“สวัสดีครับหม่อมรุ้งพราว ไม่ได้เจอหม่อมเสียนาน ยังงดงามเช่นเคย”

“คุณชายก็ชมจนเกินไป ผ่านไป 20 ปี ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างจริงไหม”

“ครับผม”

“ที่เรียกมานี้ ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะสอบถามให้กระจ่างแจ้ง หวังว่าคุณชายจะให้ความร่วมมือนะคะ”

“ครับผม มีอะไรที่ผมจะช่วยได้ขอเพียงหม่อม ถามผม ผมจะตอบให้หมดครับ”

“หลายวันก่อนฉันฝันเห็น หม่อมพิมล เธอได้สิ้นใจไปนานแล้ว จู่ๆก็มาเข้าฝัน”

“หม่อมพิมล ชายาคนที่ 3 หรือครับ”

“ใช่แล้ว เธอเข้าฝันฉันแล้วบอกว่า ให้ไปรับหม่อมเจ้า โอรสของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณกลับมาอยู่วัง มันเป็นความฝันที่เหมือนจริง
มาก จนวันนี้คำพูดของหม่อมพิมลยังก้องอยู่ในหัวของฉันไม่จางหาย ฉันไม่สบายใจเท่าไหร่ เลยชวนท่านชายดล ลูกชายของฉัน
ไปที่วัดด้วย ”

“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ เป็นฝันที่แปลกมากจริงๆ เท่าที่จำได้ เมื่อ 20 ปีก่อน หม่อมบุหลันได้ให้คนจำนวนมาก ป่าวประกาศไปว่า 
โอรสสิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่แรกคลอด ข่าวนี้ดังไกลไปถึงบ้านผมเช่นกัน”

“เพราะเหตุนี้ ฉันถึงต้องได้ไปหาหลวงพ่อ ผู้ทำสร้อยสัญลักษณ์โอรสธิดาของพระองค์เจ้า ถามไถไปมา หลวงพ่อเองก็บอกว่า
น่าตกใจที่ก่อนหน้านั้นไปอีก มีคนที่มีสร้อยแบบนั้นอยู่”

“จริงหรอครับ แสดงว่าที่หม่อมรุ้งพราวให้กระผมมาวันนี้เพื่อช่วยสืบหา คนคนนั้นสินะครับ”

“เปล่าเลยคุณชายภัครพิชัย คนที่มีสร้อยแบบนั้นหลวงพ่อจำได้ดี แล้วบอกว่า เธอคือลูกชายบุญธรรมของคุณชายนั่นแหละ”

“อะไรนะครับ น้ำนะหรอครับจะมีสร้อยแบบนั้นอยู่”

“แล้วคุณชาย จำสร้อยที่ลูกบุญธรรมคนนั้นเอาออกมาให้หวงพ่อดูหรือเปล่าล่ะ”

“จำได้ครับ ผมจำได้แม่น”

“แบบนี้ใช่ไหม!”

            หม่อมรุ้งพราวไม่รีรอ เธอยกสร้อยของหม่อมเจ้าชยาดล ที่เธอขอเอาไว้ให้คุณชายได้ดูนั้นต่อหน้าต่อตา   ภัครพิชัยมอง
สร้อยคอเส้นนั้นที่มือของหม่อมรุ้งพราวอย่างตกใจและไม่น่าเชื่อ มันไม่ใช่แค่คล้ายแต่มันเหมือนเลยต่างหาก เหมือนกันไม่มีผิด

“แต่ หม่อมครับ สร้อยนี้ลูกชายบุญธรรมกระผมมีไว้ติดตัวจริง แต่เค้าเป็นเพียงลูกของชาวบ้านทั่วไป ชีวิตรันทดขัดสนเงินทอง
ผมเลยไปรับเค้ามาเลี้ยง”

“อย่างนั้นหรือ แล้วคุณชายเอง จำชื่อพ่อแม่ของเด็กคนนั้นได้หรือเปล่าล่ะ”

“จำได้ครับ เธอชื่อ ชื่น และอีกคนชื่อ เวท ครับหม่อมรุ้งพราว”

“ไม่ผิดตัวแน่  อะไรจะไปบังเอิญแบบนั้น ในโลกใบนี้ผู้คนอาจจะมีมากมาย แต่ใครน้อยมากที่จะมีคนสองคน ที่ชื่อตรงกับที่ฉันเอง
ก็คิดไว้ไม่มีผิด ”

“หม่อมรุ้งพราว พูดแบบนี้ ผมเองยิ่งไม่เข้าใจ ช่วยแนะนำหรือเล่าให้กระผมฟังได้หรือไม่ครับ”

“ชื่นนะหรอ เป็นสาวใช้ของพระองค์เจ้าอำภรณ์  หรือที่ใครๆทราบกันดีอีกชื่อคือ พระองค์เจ้าสำเภางาม แต่ต่อมาพระองค์เจ้าฉัตร
อรุณ ได้แยกมาอยู่และสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ พระอัยยิกาสำเภางามเลยส่งชื่นมาอยู่ที่นี่ อยู่ได้ไม่นาน เธอก็มีความรักกับคนสวน
ของวังใหม่แห่งนี้ และสร้างครอบครัวกัน เห็นว่ากันว่า เธอมีลูกชายสองคน แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน พระองค์เจ้าก็มีชายาคนที่
3 ก็คือหม่อมพิมล และชื่นถูกส่งตัวไปที่เรือนยุโรปถัดจากเรือนของฉันไปอีก ”

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากน้ำเป็นราชนิกุล จริงแล้ว ผมต้องขออภัยหม่อมรุ้งพราวด้วย”

“ไม่เลยคุณชาย เพราะคุณชายต่างหากที่ทำให้ฉันได้รู้เรื่องราวนี้ ยิ่งได้คุยกับคุณชายแล้ว ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าฝันครั้งนั้นคือลาง
สังหรณ์ว่าคือความจริง”

“ถ้าหากเป็นความจริง แล้วกระผมจะทำอย่างไรดีครับ”

“ไม่ต้องคิดมาก ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ฉันและหม่อมเจ้าชยาดลจะไปรับ โอรสองค์นี้ด้วยตัวเอง  ส่วนหม่อมบุหลัน เธอร้ายมาก ปั้น
เรื่องให้คนในสมัยนั้นเข้าใจผิดคิดว่าหม่อมพิมล นั้นได้ประสูติโอรสที่ชิ้นชีพิตักษัยตั้งแต่ในครรภ์”

“หม่อมบุหลัน ยังสบายดีอยู่หรือไม่ครับ”

“เธอสบายดี แข็งแรงยิ่งกว่าฉันอีก แต่ไหนๆก็ได้มาแล้ว ถ้าหากจะแวะไปหาเธอที่เรือนใหญ่หน้าวงเวียนวังก็ได้นะ คุณชาย”

“ครับหม่อมรุ้งพราว ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไร ผมจะมาแจ้งให้ทราบด้วยตัวเองนะครับ”

“ขอบใจมากนะคุณชาย ฉันไม่รบกวนคุณชายแล้ว”

“ผมเต็มใจครับ เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผมจะต้องเร่งรู้ให้ได้ ผมลาหม่อมรุ้งพราวนะครับ ”

       ภัครพิชัยเดินลาหม่อมรุ้งพราวแล้วรีบเดินลงจากเรือนมาขึ้นรถ สีหน้าครุ่นคิดหากเรื่องนี้เป็นความจริงก็ดีสินะ เค้าเองไม่คิด
ว่าเด็กหนุ่มร่างบางคนนี้จะได้เป็นถึงหม่อมเจ้า แห่งวังฉัตรอรุณ เรื่องนี้เค้าต้องเร่งให้รู้ให้ได้





มาต่อแล้วน้า  ลุ้นๆๆๆๆ  น้ำจะได้รู้รึยังนะ  หลายคนอาจจะอยากเห็นบทบาทของ หม่อมบุหลันที่ได้กล่าวไปข้างต้น  แต่แนะนำยังไม่ต้องรีบร้อนอยากเห็นเลย เพราะเธอร้ายมาก  :fire: :fire:  ผู้แต่งหนักใจ ฮ่าๆๆๆๆ   ติชมได้นะจะนำไปปรับปรุงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หวังว่าคุณชายภัครพิชัยจะสืบได้เรื่องเร็วๆ นะคะ น้ำจะได้ไม่ถูกคุณเขตแกล้ง

และอยากเห็นหน้าคุณเขตจริงๆ ตอนรู้ว่าน้ำเป็นถึงหม่อมเจ้านี่ จะทำหน้ายังไงคงตลกพิลึกล่ะงานนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เอาแล้วๆ ใกล้แล้วน้ำ

ออฟไลน์ Anong2013

  • พ่อค้าขนหวาน Versions 1
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • www.thaiboyslove.com
ทำไมเจอน้ำง่ายๆจัง


หน้าจะให้เขตหาน้ำนานนนนนนนเท่าที่จะนานได้ค่อยเจอได้แบบนี้มันเร็วเกินไปไหม ?


ถ้าน้ำเป็นเจ้าชายจริงๆเขตจะหน้ายังไงอยากรู้จริงๆ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ว้าว รู้เรื่องแล้ว
ตาเขตต้องโดนจัดหนัก

ออฟไลน์ ขนมโก๋

  • เป็ดหัวเน่า
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-0

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 12





           เขต ตื่นแต่เช้าออกมารับอากาศบริสุทธิ์ เมื่อคืนมืดมิดไปหน่อย ทำให้ไม่รู้ว่าบ้านของคุณลุงที่เค้าขอพักอาศัยนั้นเป็นบ้านไม้ที่ค่อนข้างใหญ่และด้านข้างถูกรายล้อมไปด้วยสวนผลไม้ที่ลุงปลูกไว้กินเอง น้ำตื่นตามมาทีหลัง ออกมารับอากาศรับลมเย็นๆเหมือนกัน แต่ร่างบางไม่คิดว่าเค้าจะตื่นทีหลังเจ้านายในวันนี้


“แกตื่นเช้าแบบนี้ มิน่าล่ะถึงได้จิตใจปลอดโปร่ง”


       เขตพูดขึ้นลอยๆ แต่ต้องการให้น้ำได้ยิน น้ำเห็นหน้าเขตแล้วก็ไม่อยากจะอยู่ต่อเท่าไหร่ เค้าหันหลังพร้อมจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน


“จะไปไหน!”เขตหันกลับมามองแผ่นหลังของร่างบางที่กำลังจะหนีเค้า ด้วยเสียงตะหวาด

“ผมจะเข้าไปห้องครัวครับ” น้ำตอบเขตอย่างหวั่นๆ เพราะไม่ดีเลย ถ้าหากทำให้เจ้านายโกรธ เพราะน้ำรู้ดีที่สุดแล้วว่าเขตจะเป็น
อย่างไร

“ฮึ จะเข้าไปห้องครัวทำไมกัน”

“ผมตั้งใจว่าจะทำอาหารมื้อนี้เพื่อขอบคูณคุณลุงที่ได้ช่วยชีวิต เด็กที่น่าสงสารคนนึงพลัดหลงทางกลางดึก”

“นี่! แกต่อว่าฉัน!”

“ผมเปล่า  ผมเพียงพูดตามความจริง ผมหลงทางก็ถูกแล้วหนิครับ หรือว่าจะให้ผมคิดเป็นอย่างอื่น อย่างเช่น… ถูกทิ้งเอาไว้”

“จะมากไปแล้วนะ!”

   เขตเดินพรวดเข้าไปหาน้ำ แต่ร่างบางกลับยืนนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด และหากมองเข้าไปในดวงตาของน้ำเองแล้วนั้น ก็จะต้องพบว่าดวงตาใสสว่างของน้ำนั้น กำลังมีน้ำตาไหลรินออกมา

“คิดว่าน้ำตาแกจะช่วยอะไรอย่างนั้นหรอ”

“ฮึก ฮือ… น้ำตา นี้ ผะ…ผม ไม่ได้ ต้องการให้มันช่วย แต่ มะ…มันออกมาจากตรงนี้ ความรู้สึก ฮึก ฮือ…ที่มันทรมานมามากเกินพอ…”

       น้ำบอกเขตไปพร้อมกับน้ำตาที่มันไหลริน  ร่างหนาหยุดความคิดที่จะเล่นงานน้ำทันที เพียงเพราะเห็นน้ำตาของน้ำ เค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นคนใจโหดเหี้ยมที่ทำให้น้ำร้องไห้  และนี่คงจะเป็นครั้งแรกที่น้ำร้องไห้ต่อหน้าเค้าแบบหนักเอาการ


“เอาผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตาซะ”


          ทหารหนุ่มสูงศักดิ์ พยายามหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินราคาแพงนั้นยื่นให้น้ำ ทั้งๆที่ตัวเค้าเองกลับหันหน้าเบี่ยงไปทางอื่นไม่มองแม้แต่หน้าร่างบางที่พยายามเอามือปาดน้ำตา

“ผมไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”

“อย่าเล่นตัวให้มันมากนักนะ แกมันแค่คนรับใช้ของฉัน จำใส่สมองแกเอาไว้บ้าง เอาผ้าผืนนี้ไปซับน้ำตาซะ ฉันไม่ต้องการเห็น
น้ำตาคนอ่อนแอแบบแก”


          ทุกคำที่เขตพูด มันกลับตรงกันข้ามกับในใจเค้า แต่เค้ายังไม่รู้ตัวเท่านั้นว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับน้ำกันแน่
เขตยืนรอให้น้ำรับเอาผ้าอยู่นานแต่ร่างบางกลับไม่รับผ้าผืนนั้นเสียที แต่กลับเอามือสองข้างเล็กๆคู่นั้นปาดน้ำตาอยู่ร่ำไป จนร่างหนาเริ่มหมดความอดทนอีกครั้ง

“แกจะไม่เอาใช่ไหม!  ได้”

      สิ้นสุดแค่นั้น เขตเอาผืนผืนนั้นจับม้วนเป็นทรงกลมแล้วปามันลงพื้นทันที แล้วเจ้าตัวก็เดินหลบไปอีกทาง  น้ำพยายามห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ร้องโดยที่ไม่สนใจการกระทำของเขตเลยแม้แต่น้อย

“น้ำ ร้องไห้ทำไม”

          เสียงที่พอจะคุ้นหูนั้นเรียกชื่อน้ำ ทำให้เค้ารู้สึกตัวอีกครั้ง ไพบูลย์คนสนิทของคุณชายภัครพิชัยถามน้ำด้วยความแปลกใจ

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ไพบูลย์ สงสัยฝุ่นจะเข้าตานะครับ แต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”

“คุณเขตใช่ไหม ที่ทำให้น้ำเป็นแบบนี้”

     ไพบูลย์ถามน้ำด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้ทัน แต่น้ำกลับไม่ตอบแต่อย่างใด ปล่อยให้ไพบูลย์สรุปเอาเอง

“ไปอาบน้ำ เตรียมข้าวของเถอะนะ ถึงยังไงวันนี้ฉันก็จะพานายกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ให้ได้”

“ขอบคุณพี่ไพบูลย์มากนะครับ”

“อืมไม่เป็นไร แล้วนี่คุณเขตอยู่ที่ไหนล่ะ”

“เห็นเดินไปทางด้านโน้นครับ แต่ผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่ พี่ลองเดินไปดูเองนะครับ”

“อืม อย่าร้องไห้ ไม่น่ารักแล้วรู้ไหม ไปอาบน้ำเถอะนะ พี่จะรอ”

“ครับผม”

           น้ำเดินเข้าบ้านไป ไพบูลย์ก้มลงมองผ้าผืนสีน้ำเงินนั้นอย่างคุ้นๆก่อนจะหยิบมันขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปตามทางที่น้ำ
บอกเมื่อครู่ เดินไปได้ไม่นานไพบูลย์ก็เดินมาถึงเจ้านายร่างสูงยืนหันหลังให้เค้าอยู่



“คุณเขตครับ! ผมมาตามคุณเขตไปเตรียมของครับ ”

“จะไปแล้วหรอ”

“ครับผม เดี๋ยวออกรถช้ากว่านี้ เกรงว่าจะกลับถึงบ้านดึกนะครับ”

“อืม เข้าใจแล้ว  เอ๊ะแล้วนั่นแกไปเอามาได้ยังไง”เขตสะดุดตากับผ้าผืนนั้น

“ผมเห็นมันตกอยู่ที่พื้น เลยเก็บมาครับ คิดว่าเป็นของคุณเขต”

“ทิ้งมันไปซะ ในเมื่อมันไม่อยากจะรับไว้ ผ้าผืนนี้ก็ไม่มีคุณค่าขึ้นมาหรอก ไพบูลย์ นายไปเตรียมรถแล้วก็ไปตามหาคุณลุงคนนั้น
เถอะนะ คิดว่าน่าจะอยู่สวน”


“ครับคุณเขต!”







ที่มหาวิทยาลัย อาคารเรียนรวม

“น้ำ ฉันมีเรื่องจะเม้าส์ ”  เพื่อนสาวนามว่า เฌอตาที่หายหน้าหายตาไปนาน เดินเข้ามาสะกิดแขนฟ้ามอญ หลังจากที่เพิ่งเรียนคาบเช้าเสร็จ  เธอตั้งใจมารอฟ้ามอญที่หน้าห้องเรียนเลยทีเดียว


“อ้าว เฌอตา  มาได้ไง”  ฟ้ามอญแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเพื่อนสาวปรากฏตัวที่นี่

“มาทางนี้ก่อนเร็วๆ” ดูท่าทางของเพื่อนสาวน่าจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฟ้ามอญเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย

      เฌอตาพาน้ำมาที่ๆลับตาคน เธอมองซ้ายแลขวาไม่มีคนค่อยหันหน้ามาพูด

“จะบอกให้นะ ฉันแอบไปได้ยินมาว่า ไอ้คุณต่อเพื่อนรักสลับจูบของแกอ่ะ เค้าเป็นใครมาจากไหน แล้วแกจะต้องไม่เชื่อ!”

“ต่อหรอ ทำไม” ฟ้ามอญยิ่งอยากรู้ไปกันใหญ่

“เรื่องแรกนะแก ไอ้คุณต่อนั่นอ่ะ เค้ามีชาติกำเนิดเป็นหม่อมหลวงนะ รู้ยัง”

“หม่อมหลวง?  ทำไมเรื่องนี้ฉันไม่รู้ล่ะ”

“เดี๋ยวก่อนฟังให้จบ เรื่องที่สอง ฉันจำชื่อมันแม่นมาก มันชื่อ อังกอ วันก่อนฉันไปซ้อมสแตนของคณะมา ได้ยินมันพูดประกาศอยู่
ปาวๆว่ากำลังคบกับหม่อมหลวงภูวนนท์อยู่ ไปวิ่งด้วยกันทุกเย็นๆ หมั่นไส้”

“อังกอ?  อ้อ รู้แล้วว่าใคร ไอ้คนตอแหล ที่ทำท่าจะตายวันนั้นนั่นเอง เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้าไม่ติดว่าไอ้คุณต่อ อยู่ด้วยแล้ว
ละก็ ต่อยหน้าหงายไปรอบแล้ว”

“เดี๋ยวๆๆ  นี่แกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้เลยหรอ”

“นิดหน่อย ขอบใจนะเฌอตาที่มาบอก ฉันจะไปกินข้าวแล้ว ตอนบ่ายไม่มีเรียนกะว่าจะกลับไปหอ แกว่างป่ะล่ะ ถ้าว่างก็จะได้กลับ
ไปพร้อมๆกันเลย”

“ฉันหรอ ว่างอีกทีก็เย็นแล้วอ่ะ ไม่ได้กลับพร้อมแกหรอกนะ ฟ้า  เอาเป็นว่าแยกย้ายกันตรงนี้แล้วกัน แกจะกลับหอใช่ป่ะ ฉันจะ
เดินไปอีกทาง ฉันมีเรียนอีกตึกนึง น่าเบื่อชะมัด”

“ตั้งใจเรียน อย่าบ่น แล้วเดี่ยวว่างๆเราไปหาไรกิน อร่อยๆแถวๆข้างมอกัน”

“โอเค แกพูดแล้วนะ ห้ามเบี้ยวด้วย”

“ไม่เบี้ยวหรอกน่า ไปเถอะไป”



    ฟ้ามอญยืนมองส่งเพื่อนสาวแสนห้าวที่วิ่งออกจากตรงนี้ไปแบบไม่คิดชีวิต กลัวว่าจะไม่ทันเข้าเรียนภาคบ่าย  ฟ้ามอญครุ่นคิดคำพูดของเพื่อนเมื่อครู่ แล้วก็คิดไปคิดมาไม่เห็นจะเดือดร้อนเลย เค้าจะคบใครยังไงก็เรื่องของเค้าไม่เห็นจะเกี่ยวตัวเค้าเองตรงไหน แต่มันจะเกี่ยวก็ต่อเมื่อคนดังกล่าวมาระรานชีวิตเค้าต่างหาก

     ฟ้ามอญเดินคิดนานแสนนานไม่รู้ว่าเดินมาจนถึงทางเข้าหอในแล้ว  แต่วันนี้เหมือนจะเป็นวันดีที่สุดเลยก็ว่าได้ของฟ้ามอญที่เดินมาเจอ คู่กัดคู่อริอย่างไม่น่าเชื่อ




“อ้าว ฟ้า!”



      เสียงแสดงสีหน้าดีใจ แบบสบายๆ ของฝ่ายตรงข้าม ที่ถูกกลั่นสวนทางกับความรู้สึก ฟ้ามอญได้ยินแล้วได้แต่ถอนหายใจ

“โทษทีนะ วันนี้ไม่ว่าง!”

“อุ้ย ไม่ว่างหรอ จะไปไหนล่ะ หรือว่าจะตายแล้ว!  ไม่หรอกเนาะ กะว่าจะมาชวนไปวิ่งเป็นเพื่อนอยู่พอดีเลย”

“วิ่งเป็นเพื่อน ฮึ ดัดจริต มาไม้ไหนฮะวันนี้!”

“จุ๊ๆๆๆๆ  ฟ้า อย่ามองเราเป็นคนไม่ดีแบบนั้นสิ ดูสิ ทำหน้ามุ้ยไม่หล่อเอาซะเลยนะ เดี๋ยวหม่อมหลวงต่อไม่ชอบนะ หืม!”

          ฝ่ายตรงข้ามทำท่าเอามือมาจับคางฟ้าเบาๆ แต่ฟ้ากลับเอามือปัดออกอย่างแรง

“อย่าเอามือของแกมาแตะตัวฉัน เค้าจะสนหรือไม่สน ไม่เกี่ยวอะไรกับแกนี่”


“ไม่เอาน่า เราเป็นเพื่อนกัน เห็นเพื่อนไม่สบายใจเราก็เป็นห่วง กลัวตายไปเสียก่อน ฮึฮึ”


“เป็นห่วงตัวเองให้มากเถอะ อังกอ ก่อนที่จะมาเป็นห่วงคนอื่น คนอย่างไอ้ฟ้ามอญ ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเป็นห่วง   ถอยไป!”


  ฟ้ามอญเดินชนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปในหอพัก  อังกอเซเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เค้าบังเอิญหลบทันไม่อย่างนั้นคงจะโดน
หนักกว่านี้



“เก่งแบบนี้ให้มันตลอดก็แล้วกัน  ทันทีที่ต่อ เป็นแฟนฉัน แกนั่นแหละที่ตกกระป๋อง ฟ้ามอญ!”

          ก่อนหน้านี้ ฟ้ามอญต้องเผชิญหน้ากับอังกอมาหลายครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้ต่อก็ไม่เคยมาหาฟ้าเลยด้วยซ้ำ เดาได้ไม่ยาก เหตุผลข้อเดียวคือ หมาหวงก้างจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ อังกอ!







ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช

“สวัสดีครับคุณลุง!” แดนภพทักทายคุณชายภัครพิชัย ที่เพิ่งจะกลับมาจากวังฉัตรอรุณได้ไม่กี่ชั่วโมง

“สวัสดีหลานชาย ไม่ได้ขึ้นเวรหรอกหรอ”

“วันนี้ไม่มีเวรครับ ผมรีบตรงมาหาน้องน้ำก่อนเลย น้องอยู่ไหมครับ”

“โอรส… อ้อ น้ำเค้าไม่อยู่หรอก อีก 3 4 วันถึงจะกลับ ว่าแต่หลานชายเถอะมีอะไรหรือเปล่า ”

“ผมได้ข้อมูลเรื่องเรียนต่อระดับอุดมศึกษาให้น้ำแล้วครับ กะว่าจะให้น้ำได้เลือกดูเผื่อจะชอบคณะไหน แล้วก็จะคุยเรื่องพาน้องไป
สอบครับคุณลุง”

“อ้อ อย่างนั้นสินะ ลุงก็ดีใจนะที่แดนภพให้ความสำคัญกับน้อง แต่รอให้น้องกลับมาจากไปเยี่ยมพ่อแม่เสียก่อน เรื่องนี้เราค่อยพูด
กันอีกที”

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้โทรมาถามก่อน นึกว่าน้องน้ำยังไมได้กลับไปบ้านในช่วงนี้”

“ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่ยินดีต้อนรับ ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนลุงเลยสิ ดีไหม”

“ขอบคุณมากครับคุณลุง นี่บ่ายนิด ท้องร้องพอดีเลยครับ”

“ฮ่าๆๆๆ มานั่งโต๊ะด้วยกันเลยถ้าอย่างนั้น กล้วยไม้ ใบหลิว ไปเอาอาหาร เอาน้ำ เอาผลไม้มานะ ”

“ค่ะ คุณชาย”

         ในระหว่างทานข้าวอยู่นั้น หม่อมราชวงศ์ได้พูดคุยกับแดนภพหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องบ้าน และสุดท้ายคือ
เรื่อง ความรัก ซึ่งแดนภพยังไม่อยากจะตอบเลยในตอนนี้

“จริงๆแล้ว หลานชายก็อายุ 30 ปี แล้วนะ ไม่คิดจะหาคนรู้ใจมาอยู่คู่ชีวิตบ้างหรอ”

“เคยคิดนะครับคุณลุง แต่ตอนนี้ผมขอไม่แล้วล่ะครับ งานหนัก ไม่มีเวลาเลยครับ ”

“แล้วคิดแบบนี้ เมื่อไหร่ถึงจะมีกันล่ะ หรือว่าจะโสด”

“ไม่หรอกครับคุณลุง ผมเองก็กำลังมองๆอยู่บ้าง กลัวแต่ว่าเค้าจะไม่สนใจ”

       แดนภพแล้วก็นึกไปถึงหนุ่มร่างเล็กร่าเริงสดใส ผิวสีขาวนวล ไม่ใช่ใครอื่นไกลนอกจาก น้ำ เท่านั้น

“ว่าแต่คนๆนั้นคือใครกันล่ะ แดนภพ เพื่อนร่วมงานหรอ”

“เปล่าครับคุณลุง เป็นรุ่นน้องผมหลายปีมาก นิสัยดี น่ารัก แต่ผมขออะไรให้มันชัวร์ๆกว่านี้ก่อนครับ แล้วค่อยเปิดตัว”

“ฮ่าๆ  ถ้าอย่างนั้นก็ขอใจชัวร์เร็วๆนะ ลุงอยากอุ้มหลาน  ถ้าจะรอแต่เจ้าเขต ลุงคงได้ตายก่อนเป็นแน่”

“อย่าพูดเรื่องตายสิครับคุณลุง ผมรู้สึกใจคอไม่ดีเลย”

“เฮ้ย ของแบบนี้ห้ามได้ที่ไหนกัน คนเราจะตายวันตายพรุ่ง ไม่มีใครรู้หรอก จริงไหม”

“จริงครับคุณลุง”

“เอ้า กินเยอะๆ จะได้ไม่ต้องไปหาอะไรกินเพิ่มนะ ลองผัดกุ้งน้ำมันหอยดูสิ เจ้าเขตชอบนักชอบหนา”

“จริงหรอครับ ตั้งแต่รู้จักเขตมา ผมเองก็ไม่ใช่จะรู้หรอกว่าเค้าชอบกินอะไร แต่ต่างกัน เขตกลับจำได้หมดว่าผมชอบอะไรไม่ชอบ
อะไร”

“เขต น่ะ เห็นเป็นคนไม่ค่อยพูด รักน้องแล้ว ยังใส่ใจคนรอบข้างตัวเองดีอีกด้วย อาจจะเป็นคนใจร้อน ห้าวๆ แต่ก็ตามประสาท
หารหนุ่มไฟแรงแหละนะ อย่าถือสาเขตเลย”


“ผมไม่ถือสาเขตหรอกครับ คนเรามีดีอยู่ในตัวเองทั้งนั้น แต่จะแสดงออกให้เห็นหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

“อืม นายแพทย์พูดถูกจริงๆ คนเราน่ะมีดีอยู่ในตัว  เพชรแท้ ยังไงก็ต้องเป็นเพชร ไม่ว่าจะอยู่ในดิน ในโคลนยังไงก็ยังเป็นเพชร”

“คุณลุง หมายถึงอะไรหรอครับ”

   คุณชายภัครพิชัย ผงะออกจากความเพ้อฝันเมื่อครู่ไป แล้วปรับสีหน้าให้ปกติอีกครั้ง

“เปล่าหรอกหลานชาย ลุงก็พูดไปเรื่อยเปื่อยแหละนะ อย่าสนใจเลย”

“ครับผม”



      สงกรานต์เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ทำให้คุณชายภัครพิชัยที่กำลังทานข้าวอยู่ถึงกับวางช้อนลง

“มีอะไรสงกรานต์ ทำสีหน้าแตกตื่น”

“ขอโทษครับคุณชาย คือ แอริน เธอมาพบคุณเขตครับ”

“แอรินหรอ เขตไม่อยู่นี่ ไปบอกแอรินนะว่า เขตยังไม่กลับ”

“ผมบอกไปแล้วครับ  แต่เธอจะพบคุณเขตให้ได้ครับคุณชาย”

“ให้ผมไปพูดกับเธอเองนะครับ คุณลุง”

“อืม ฝากด้วยนะ แดนภพ!”




 แดนภพเดินออกจากห้องอาหารไปหาต้นเหตุที่ดื้อดึง พูดไม่รู้เรื่อง เพียงแดนภพเดินไปถึงก็พบเธอกำลังจะขึ้นไปชั้นสองห้องของเขต เป็นภาพที่ไม่ดีเอาซะเลย สำหรับผู้หญิงที่จะขึ้นห้องไปหาผู้ชาย

“คุณแอริน จะขึ้นไปไหนหรอครับ”

 แดนภพทักเธอเสียงดัง และได้ผลเธอหยุดเดินขึ้นบันไดแล้วหันมามองหน้าคนที่เรียกชื่อเธอ

“แกคือใคร หน้าคุ้นๆ”

“ ผมแดนภพ เพื่อนสนิทของเขต”

“แล้วนี่ รู้ไหมว่าเขตจะกลับมาเมื่อไหร่”

“ยังไม่รู้ครับ ”

“เอ๊ะ คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมดนะ เจ้านายหายไปทั้งคนไม่รู้ว่าไปไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ แย่ที่สุด”

“เธอเองก็แย่เหมือนกันนะที่ขึ้นบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

“แล้วนี่บ้านแกหรือไง พูดออกมาได้  โอเคๆ ฉันรอเขตกลับมาได้ ขอกาแฟสักแก้ว แล้วก็นี่ของฝากจากไปช็อปปิ้งเมื่อกี้ เอาไป
สิ”

  แอรินพูดพลางเดินลงบันได แล้วยื่นของฝากที่ว่านั้นให้แดนภพ แต่สงกรานต์เห็นว่าจะไม่ดีเสียแล้ว เดินตัดหน้าแดนภพ ไปรับ
ของฝากนั้นแทน

“อ้าว แกไม่ใช่คนใช้บ้านนี้หรอกหรอ”

“ผมเป็นเพื่อนสนิทของเขตครับ ผมบอกคุณไปแล้ว แสดงว่าคุณผิดปกติทางด้านการสื่อสารและประมวลผลมากเลยนะครับ”

“ก็พูดไม่เข้าใจแล้วฉันจะไปรู้ไหมล่ะ ขอโทษด้วยแล้วกันนะ”

“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณแอรินนั่งรอที่ด้านโน้นเลยครับ แต่บอกไว้ก่อนว่า ไม่รู้เขตจะกลับมาเมื่อไห่ อาจจะ 2 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง
หรืออีก 3 4 วันข้างหน้า สุดแล้วแต่คุณแอรินจะรอได้เลยนะครับ ผมขอตัว”

“ฉันจะรอ ก็คือรอสิ ไม่ต้องมาพูดให้ฉันไขว้เขว ”

“ดีครับ เชิญคุณแอรินรอต่อไปเลยครับ  สงกรานต์ช่วยไปบอกคุณชายทีนะว่าฉันกลับแล้ว วันพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”

“ครับคุณแดนภพ”






      บนรถตู้สีดำ  ตั้งแต่ออกจากบ้านของคุณลุงมา ทั้งเขตและน้ำต่างไม่มีใครขึ้นจากันเลย แม้แต่คำเดียว ในรถเงียบมาก จนจะได้ยินเสียงหายใจเข้าออก ไพบูลย์ก็ทำหน้าที่ได้ดี นั่งนิ่งขับรถไปไม่มีบ่น มุ่งหน้าไปบ้านจริงๆของน้ำเสียที คราวนี้คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหรอกนะ

“นี่แกกะจะไม่พูดอะไรเลยหรือไง”

       สุดท้ายร่างหนาก็เปล่งเสียงเอ่ยปากถาม อีกคนที่ขยับไปข้างชิดติดประตูด้านขวาของคนขับ

“จะให้ผมพูดอะไรล่ะครับ”

“อะไรก็ได้ ที่ฉันไม่ต้องเข้าใจว่าฉันมากับคนบ้า เป็นใบ้พูดไม่ได้” เขตพูดแดกดันน้ำสุดๆ

“ถ้าจะให้ผมพูด ก็คงจะมีเพียงอย่างเดียว  นั่นก็คือ หวังว่าจะพาผมไปถึงบ้านแท้ๆของผมเสียที!”

            น้ำมาเงียบๆแต่พูดได้แทงใจดำเขตอย่างมาก ร่างหนาพยายามทนคำพูดของน้ำ เค้ากำหมัดสองข้างแน่นแต่ทำอะไรไม่
ได้ เพราะอะไรนั้นไม่รู้ เค้าไม่กล้าทำให้น้ำเจ็บอีกแล้ว แต่เค้าไม่ชอบให้น้ำทำท่าทีเย็นชาแบบนี้กับเค้า น้ำที่เชื่อฟัง ไม่ขัดคำสั่ง
คนเดิมหายไปแล้ว ไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเค้าจะเป็นต้นเหตุให้น้ำมีภูมิคุ้มกันต่อมนุษย์ที่ดีขึ้นมา

“อย่าปากดีให้มันมากนัก ไอ้เด็กรับใช้ ฉันบอกแล้วไงว่าให้จำใส่สมองของแกเอาไว้ด้วย อย่าคิดมาเล่นลิ้นกับฉัน!”

“ครับ  ผมทราบดีครับ”  น้ำรีบตอบกลับไปโดยเร็วเพราะไม่อยากพูดความยาวสาวความยืดกับเจ้านายผู้ทะนงศักดิ์

“เดี๋ยวอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะถึงบ้านแล้วนะน้ำ”

“ครับผม มิน่าผมรู้สึกคุ้นๆชุมชนแถวนี้จังเลย ไม่ได้กลับมา 3 เดือน ที่นี่ยังสงบร่มเย็นดีนะครับ”

“ฮึ” เสียงหัวเราะของเขตที่นั่งนิ่งไม่รับรู้อะไรเลย แต่จริงๆแล้ว เค้ารับรู้ทุกสิ่งอย่างที่น้ำพูดและกระทำไป

“พี่ไพบูลย์ครับ ข้างหน้าด้านว้ายมือจะมีร้านขายตะโก้อยู่ บอกเลยว่าอร่อยมาก เดี๋ยวพี่ช่วยจอดให้หน่อยนะครับ”

“ได้สิ น้ำ ข้างหน้านี้ใช่ไหม พี่ตีไฟเลี้ยงแล้วนะ”


     ไพบูลย์ยิ้มให้น้ำผ่านกระจกตรงกลาง น้ำยิ้มรับแล้วลงจากรถทันทีที่รถตู้จอดสนิท เพียงแค่น้ำลงจากรถ ป้าคนขายตะโก้ก็ยิ้มดีใจเหมือนถูกหวย น้ำชอบกินตะโก้มาก มีหรือที่แม่ค้าคนนี้จะจำหน้าลูกค้าไมได้เลย




“ไม่เจอนานเลย แล้วนี่มากับใครทำไมได้นั่งรถตู้” ประโยคแรกที่เธอถามน้ำ

“พอดีช่วงนี้ไปอยู่กับพ่อบุญธรรมครับ เค้าใจดีมากเลย ”

“อย่างนั้นหรอ มิน่าไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย ตะโก้กี่กล่องดีน้ำ ”

“เอา 10 กล่องเลยครับ”

“นี่จ้ะได้แล้ว ทั้งหมด 200 บาทจ้า”

    น้ำรับขนมตะโก้มาจากมือแม่ค้าแล้วเอาอีกมือที่ว่างควานหากระเป๋าตังค์ และเค้าก็เพิ่งนึกออกว่าเหลือเงินอยู่แค่ 55 บาทเท่านั้นเอง   

     ร่างหนายืนมองอยู่ในรถ เห็นท่าทีของน้ำแล้วก็นึกออกพอดี กระเป๋าเงินของน้ำ เขตเก็บเอาไว้ติดตัวอย่างดีกลัวหาย นึกขึ้นได้เขตก็หยิบเอากระเป๋าน้ำเอาไปให้ที่ร้าน ไพบูลย์มองตามเจ้านายไปแล้วแอบยิ้มให้เล็กน้อย


“คุณเขตนะคุณเขต จะทำเป็นใจร้ายกับน้ำยังไงผมก็ดูออก ทำไมไม่ทำตัวดีๆกับน้ำไปเลย น้องเค้าจะได้ไม่เกร็งและรู้สึกดีกับคุณเขต อะไรๆก็จะดีขึ้นมาได้นะครับ”


 ไพบูลย์พึมพำอยู่คนเดียว มันก็จริงอย่างที่ไพบูลย์ว่าไว้จริงๆ เขตชอบทำอะไรที่ไม่ตรงหัวใจของตัวเอง ตั้งแต่สั่งให้ไพบูลย์ขับรถวนหาตัวน้ำรอบเมืองสระบุรีไม่รู้กี่รอบ แต่โชคดีที่ได้เจอกันโดยบังเอิญ


“กี่บาทครับ” ร่างหนาสูงมาดทหารถามแม่ค้า  เธอยิ้มแก้มปริให้เขต เพราะเขตหล่อมาก หล่อแบบที่คิดว่าในละแวกนี้ไม่มีใครจะ
หล่อกว่าเขตไปได้อีกแล้ว


“200 บาทจ้ะพ่อหนุ่ม อ่ะ เจ้แถมอีก 1 กล่องให้พ่อหนุ่มนะ”


“ขอบคุณ…” เขตพูดยังไม่ทันจบและกำลังเอื้อมมือไปรับก็หยุดชะงัก


“ไม่ต้องหรอกครับป้า ของซื้อของขาย ส่วนตะโก้ของเจ้านายผม ผมซื้อให้แล้วครับ”


      น้ำพูดลอยๆให้เขตได้ยิน แต่น้ำไม่รู้หรอกว่าในใจของเขตนั้นมันกำลังยิ้มกับน้ำใจของร่างเล็กที่มีให้เค้า

“เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วนี่จะไปไหนต่อ ไปหาแม่ชื่น กับพ่อเวทหรอ”


“ใช่ครับคุณป้า  ผมพาน้องมาเยี่ยมพ่อแม่เค้าบ้างครับ เดี๋ยวเด็กงอแง” เขตแย่งตอบแทนน้ำ ทำเอาคนข้างๆหายใจฟึดฟัด เขต
เองก็เพิ่งจะเห็นก็ครั้งนี้แหละที่น้ำไม่พอใจเขต แต่ก็น่ารักดี คราวนี้เขตไม่ได้โกรธหรือไม่ชอบน้ำ แต่กำลังเอ็นดูท่าทางของน้ำ
มากกว่า


“อ้าว ได้ของแล้วก็ขึ้นรถสิครับ”


    เขตหันมาบอกน้ำพร้อมกับยิ้มหวานให้ ซึ่งน้ำเข้าใจว่าเขตแสร้งทำต่อหน้าทุกคน น้ำเลยเดินกลับขึ้นรถอย่างว่าง่าย  แต่จะรู้หรือเปล่าว่ารอยยิ้มในรอบ 3 เดือนตั้งแต่เขตรู้จักกับน้ำมา มันเป็นรอยยิ้มที่เขตมอบให้น้ำอย่างจริงใจเลยนะ   พอขึ้นไปบนรถ เขตก็แบมือขอตะโก้ที่ว่านั้นทันที


“อะไรครับ!” น้ำถามอย่างุนงง


“อ้าวก็ตะโก้ของฉันไง นายบอกเองหนิว่าซื้อให้ฉันด้วย”


“นี่ครับ 2 กล่อง” น้ำยื่นให้เขตแบบเกร็งๆ แต่ร่างหนากลับเอื้อมมือไปจับข้อมือเล็กๆข้างนั้น


“ขอบใจ” เขตพูดกับน้ำด้วยเสียงปกติเรียบ แต่น้ำรับรู้ได้ว่า เขตรู้สึกขอบใจเค้าจริงๆ


“พี่ไพบูลย์ครับ อันนี้ของพี่นะครับ 2 กล่อง ผมวางไว้ตรงเบาะซ้ายนะครับ”


“ครับผมขอบใจมากนะน้ำ”


       เขตมองดูน้ำที่ไม่รู้สึกอะไรกับเค้าเลย ร่างหนาถึงกับน้อยใจนิดๆ ก่อนจะรับตะโก้นั้นมาแล้ว มองออกไปด้านนอกกระจก  สิ่งที่เขตเห็นคือ ชุมชนแถวนี้แต่ละบ้านอยู่ห่างกันพอสมควร หากนึกๆไปถ้าให้เค้ามาอยู่ใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆแล้วจะเป็นยังไง ที่นี่มีไฟฟ้า มี3G ให้เล่นก็นับว่าดีแล้ว แต่อย่าคิดไปถึงห้าง หรือตลาดขนส่ง อะไรพวกนั้นเลย เพราะที่นี่ไม่มี  แต่ร่างบางอย่างน้ำ เกิดและเติบโตที่นี่ เค้าคิดไปคิดมา น้ำคงจะสู้ชีวิตไม่น้อย หากเค้าเป็นคุณพ่อ เค้าก็คงจะรับน้ำมาอยู่ด้วยเหมือนกัน




มาต่อแล้วๆๆๆ  ดีใจจังคราวนี้ เขต พาน้ำมาส่งถึงบ้านจริงๆ ลองทิ้งเอาไว้อีกสิ คราวนี้ผู้แต่งจะแต่งแบบไม่ให้ได้เจอน้ำอีกเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: แดนภพลึกๆแล้วอาจจะคิดกับน้ำเกินพี่ชายที่แสนดีก็ได้  :hao3: :hao3:  ส่วนอังกอ หลังๆจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น อาจจะไม่คุ้นชินบทบาทตัวละครใหม่ แต่รับรองว่าแซ่บ!  :fire: :fire:  วันเสาร์ที่ 19 และ วันอาทิตย์ที่ 20 เรานี้นัดกันที่นี่ที่เดิมน้า  ขอบคุณมากๆที่ติดตาม

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะว่าไงดีล่ะ ทำแย่่กับเขาไว้ซะเยอะ แค่พูดดีคำสองคำแล้วยิ้มให้ แล้วหวังว่าเขาจะรู้สึกพิเศษด้วยคิดไปไหมจ๊ะพ่อคุณ

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
พอเขาดื้อก็ทำดีกับเขาเลยนะ
อิตานี่มาโซ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 13




     เขตเคยถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าเค้าทำผิดอะไร นับจากวันนั้นถึงวันนี้ล่วงเลยมา จะ 10 ปีแล้ว ผู้หญิงในความทรงจำของ

เค้านั้นยังคงวนเวียนในหัวใจ และทำให้เขตเสียใจไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย เธอหลอกให้เขตมีใจให้แต่กลับไปมีครอบครัวกับ

ผู้ชายคนใหม่ที่ไม่ใช่เค้า  และนี่คือสาเหตุที่ทำให้หนุ่มทะนงศักดิ์คนนี้ ไม่ชอบและเกลียดกุหลาบสีเหลือง อย่างแรง เพราะนั่นมัน

หมายถึงมิตรภาพความเป็น เพื่อน ไม่ใช่ คนรัก ที่หญิงสาวผู้นั้นได้มอบให้เค้า… 


          แต่! สาเหตุของการไม่ชอบน้ำล่ะ มันมีที่มาอย่างไร ใครๆก็คิดเสมอว่าเค้านั้นอารมณ์ร้ายและรุนแรงกับน้ำ ทั้งๆที่น้ำเป็น

เด็กหนุ่มไม่มีพิษภัย ไม่มีทางสู้ นิสัยน่ารัก ขยัน และกตัญญู แต่เขตกลับเอาปัญหา เรื่องราวในอดีตมาเป็นตัวตัดสินร่างบางนั้น

อย่างโหดร้ายและมองข้ามความดีที่กล่าวมาทั้งหมด แต่ทุกวันนี้เขตก็เข้าใจมากขึ้นว่าการเอาปมมาบรรเทากับอีกคนในทางที่

ผิดๆ นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาแล้ว แต่กลับจะทำให้แพะรับบาปตัวนี้เจ็บปวด แสนสาหัส และทรมานจิตใจเป็นอย่างมาก    


   แต่นั่นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ น้ำ ใบหน้าคล้ายคนรับใช้คนก่อนเมื่อ 10 ปีก่อน และคนใช้คนนั้นได้จากไปจากบ้านธำรงอาภรณ์นิช

อย่างไม่มีวันกลับมา พร้อมกับทรัพย์สินเงินทองมูลค่านับ 5 ล้านบาทไป ด้วยเหตุนี้เขตก็ยิ่งเกลียดและไม่อยากจะรับใครมาเป็น

คนรับใช้ที่บ้านอีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งภัครพิชัยพ่อของเค้าได้พาน้ำเข้ามาในบ้านหลังนี้ มันทำให้เค้านึกถึงวันเก่าๆที่ไม่อาจ

ลบเลือนได้ หรือว่า เขตกำลังกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

            ชายหนุ่มเริ่มเปิดใจกว้าง เด็กหนุ่มร่างบางข้างๆเค้านั้นกำลังทำตัวตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ จะว่าเป็นครั้งแรกที่เขตเคยเห็น

เลยก็ว่าได้ น้ำเป็นเด็กหนุ่มที่น่าค้นหา กิริยาท่วงท่านับวันเขตก็ยิ่งประจักษ์แก่ใจแล้วว่า น้ำ คือคนที่เค้าอยากอยู่ใกล้มากที่สุด

เท่าที่จะใกล้ได้


     รถตู้สีดำเลี้ยวเข้าจอดบริเวณลานหญ้ากว้างพอสมควร ทุกคนในบ้านต่างรีบออกมาดูว่าใครมา ทุกคนทำสีหน้างุนงง  น้ำมอง

พวกเค้าทั้ง 4 คนแล้วน้ำตาคลอเบ้า ความคิดถึงความห่วงหาอาทร มันตัดกันไม่ลง ลืมไม่ได้หรอก   ร่างบางลงจากรถอย่าง

รวดเร็ว เขตมองน้ำแล้วแอบยิ้มนิดๆ ก่อนจะเปิดประตูตามออกไป

“แม่จ๋า พ่อจ๋า พี่ตะวัน ภูผา น้ำกลับมาแล้ว!”


           น้ำวิ่งเข้าหา ชื่น ผู้เป็นแม่ในความทรงจำของน้ำ ชื่น มองดูน้ำคนเดิมที่เขาเลี้ยงมากับมือ น้ำเปลี่ยนไปจริงๆ ดูมีสง่ามาก

ไม่เหมือนน้ำอย่างที่ใครๆแถวนี้คิดว่าเป็นเด็กชนบท


“น้ำ มาแล้ว  กลับบ้านซะทีนะลูก” ชื่นกอดน้ำอย่างห่วงหาอาทร


“แม่ พ่อ สบายดีกันไหมครับ”


“สบายดี ว่าแต่น้ำเถอะ สบายดีนะลูก แล้วนี่ใครมาส่งกันล่ะ แล้วหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยไม่มาด้วยหรอ”


        ชื่น ละความสนใจจากน้ำ หลังจากที่เห็นร่างสูงเดินลงตามมาติดๆ ที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา เขตมองครอบครัวของน้ำแล้วก็สถาน

ที่ๆน้ำพูดออกมาเสมอว่ามันคือ บ้าน ที่พักพิง พักอาศัยของน้ำมาโดยตลอด เค้าไม่อยากเชื่อว่า ยังมีคนอีกนับมากมายที่สามารถ

ใช้ชีวิตที่พออยู่พอกินแบบนี้ไปวันๆได้ ต่างจากเค้าที่มีกินมีใช้ไม่ขาดสาย


“สวัสดีครับ ผม พันเอกหม่อมหลวงภูธเนศ ธำรงอาภรณ์นิช ลูกชายคนโตของคุณชายภัครพิชัยครับ”


“สวัสดีค่ะ ที่แท้ก็ลูกชายของคุณชายนั่นเอง หล่อเหลา อนาคตไกลแบบนี้ ขอให้เจริญๆนะคุณ”


 ชื่นยิ้มให้ พร้อมกับชื่นชมในตัวของเขต ตั้งแต่แรกพบ แต่น้ำกลับยืนนิ่งไม่พูดไม่จา น้ำเหมือนกำลังถูกเบี่ยงประเด็นไปที่เขต ร่าง

บางเลือกที่จะเดินเข้าบ้านไป เขตมองตามหลังน้ำแต่ไม่กล้าตามเข้าไป ตะวันและภูผา มองเขตอย่างจับผิด อาจจะเพราะเวร

กรรม ที่ทำให้ตะวันและภูผา ไม่ชอบหน้าเขตตั้งแต่แรกเจอ


“อ้อ มาเหนื่อยๆ คุณอาจจะเหนื่อยมาก เข้าไปพักให้หายเหนื่อยด้านในบ้านก่อนไหมคะ ”


“ครับผม รบกวนด้วยนะครับ” เขตตอบแบบอ่อนน้อม


“ลืมไปเลย นี่ค่ะ พ่อเวท พ่อของน้ำ ส่วนนี่ ลูกชายของฉันเอง คนโต ชื่อตะวัน คนรองชื่อ ภูผา”


              หลังจากที่หญิงวัยกลางคนแนะนำให้เขตรู้จัก เขตกลับพบบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ ตะวันและภูผา มีใบหน้าและเค้าโครง

ใบหน้าเหมือน ชื่น และเวท อาจจะได้มาส่วนละเล็กละน้อย แต่ยังไงก็ดูออก แตกต่างจากน้ำ น้ำไม่เหมือนพ่อ หรือ แม่ หรือพี่

เลยแม้แต่น้อย ตั้งหน้าตา ผิวพรรณ ต่างๆ เขตรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

                เขตเดินตามชื่นเข้าไปในบ้าน จนถึงเก้าอี้ไม้เก่าๆ ไว้ต้อนรับแขกอยู่ เขตยังไม่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น แต่เขตกำลังมอง

หาน้ำอยู่ ร่างบางที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา


“ป้าครับ น้ำไปไหน” เขตตัดสินใจถามชื่นออกมา โดยไม่ได้มองหน้าเธอแม้แต่น้อย

“สงสัยจะไปที่ศาลาหลังบ้าน ด้านหลังมีคลองนะคุณ ที่นั่นลมเย็นสบายพัดตลอดทั้งวัน น้ำเค้าชอบ”

“อย่างนั้นหรอครับ ผมขอตามไปศาลาที่ว่าได้ไหมครับ” เขตยังคงต้องการใกล้น้ำจริงๆ

“ได้สิคะ เดินออกหลังบ้านไป จะมีทางเท้าเดินเข้าไปในสวนสมุนไพร อาจจะรกๆหน่อย แต่เดินไปได้ค่ะ สุดทางก็จะเจอศาลาที่
ว่าแล้ว” ชื่นยิ้มตอบเขต ร่างสูงรีบเดินตามทางที่ชื่นบอกทันที

“แม่ ผมว่าไอ้คุณทหารเนี่ย มันแปลกๆนะแม่”

“แปลกอะไรของวะ ตะวัน”

“เอ้า ก็ดูดิ ตั้งแต่ลงจากรถมาก็ทำตัวสนิทสนมกับน้ำเป็นพิเศษ น้ำอยู่ไหน เค้าก็ต้องอยู่ด้วย แปลกๆ”

“ไอ้ตะวัน แกไปมีความคิดเ”

“แบบนี้มาแต่ไหน ว่างมากก็ไปจ่ายตลาดให้แม่เลย เร็วๆ น้องกลับมาแล้ว แม่จะทำอาหารที่พิเศษหน่อย”

“ครับๆๆ  รู้แล้วๆ ” ตะวันเดินออกจากบ้านไปอย่างขัดใจ ที่ชื่นไม่ได้คิดหรือฉงนใจแบบเค้า

             เขตใช้เวลาเดินทางไปไม่ถึง 2 3 นาทีก็พบศาลาติดคลองที่ว่า มันเย็นสบายจริงๆ และเป็นอย่างที่ชื่นว่าไว้ ร่างบางนั่ง

เล่นอยู่ใต้ศาลาจริงๆ เขตถอนหายใจเบาๆแล้วตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาน้ำทันที


“ลมเย็นสบายนะ ว่าไหม” เขตเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังน้ำ ที่ห่างกันเพียงไม่กี่ เมตร


“คุณเขต มาถูกได้ไงครับ” น้ำถามด้วยเสียงตกใจ


“แม่แก เป็นคนบอกทางฉันเอง เห็นว่าชอบมานั่งเล่นที่นี่ เพราะอะไร”


“ไม่รู้สิครับ เวลาผมร้อนใจ หรือไม่มีหนทางที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ผมก็มาที่นี่”


“แสดงว่าตอนนี้แกหนักใจ หรือกำลังมีปัญหาที่ยังไม่มีทางออกใช่ไหม”


“เปล่าครับ ไม่เสมอไปหรอก ที่ผมเดินมาในวันนี้เพราะผมต้องการเก็บความรู้สึกที่นี่ไว้ ”


“อย่างนั้นหรอ ฉันขอนั่งด้วยคนสิ” เขตถามน้ำด้วยเสียบเรียบๆ


“ครับ เดี๋ยวผมปัดให้นะครับ ฝุ่นเยอะไปหน่อย คุณเขตจะนั่งตรงไหนหรอครับ” น้ำพูดพร้อมกับเดินไปหยิบไม้กวาดอันเล็กๆที่มุม
ศาลา


“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งได้ จะให้มันยุ่งยากไปทำไงกัน” เขตเดินไปจับไม้กวาดที่น้ำถืออยู่แล้วดึงออกจากมือเล็กๆไป


“…”

       น้ำทำอะไรไม่ถูก เพราะเขตไม่เคยทำตัวแบบนี้กับเค้า และแต่ไหนแต่ไร น้ำไม่กล้าที่จะสบดวงตาคู่นี้เลย ดวงตาที่เหมือนจะ

ควบคุมและสะกดเค้าได้ทุกเมื่อที่จ้องมอง และน้ำรู้สึกหวิวๆทุกครั้งที่เขตอยู่ใกล้ๆ และครั้งนี้มันใกล้มาก แทบจะชนกันอยู่แล้ว


“เป็นอะไรไป ทำไมเงียบ ไม่ต้องสงสัยให้มากความ ฉันเป็นทหาร เคยอยู่กลางดินฝึกกินกลางทราย ศาลาเก่าๆสกปรกๆแบบนี้
ทำไมฉันจะนั่งไม่ได้”


“ครับ”

“ถามจริงๆเถอะนะ แกยังโกรธที่ฉันทิ้งแกไว้กลางทางแบบนั้นอยู่หรือเปล่า”


            เขตตัดสินใจถามร่างบางตรงหน้า เพราะเค้าเองก็รู้สึกผิดจริงๆ โชคดีแค่ไหนแล้วที่น้ำไม่เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ ถึง

เขตจะทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ดีต่อน้ำมามาก แต่เค้าก็ทนเห็นคนๆนึงได้รับอันตรายไมได้หรอก


“เงียบทำไม ตอบฉันสิ ”


“ผม…ผมไม่โกรธหรอกครับ”

“ฮึ อย่าเอาใจฉันให้มันมากไปหน่อยเลย จะมีสักกี่คนในโลกใบนี้ที่ถูกกระทำแล้วยังให้อภัยแบบที่แกเป็น”

“ผม…”

“เอาเถอะ ต่อไปนี้ อีก 3 วัน ฉันจะอยู่ที่บ้านของแก แล้วรอรับแกกลับบ้านโดยปลอดภัย ตกลงตามนี้นะ”

“คุณเขต ไม่ได้นะครับ บ้านผมเล็กเกินไป คุณอยู่ไมได้หรอก”

“อยู่ไม่ได้? รู้ได้ยังไงกันว่าฉันจะอยู่ไม่ได้ เต็นท์เล็กๆกลางป่ากลางเขา ฉันก็ไปอยู่มาแล้ว ”

“แต่ว่า คุณเขตต้องเข้าที่ทำงาน เจ้านายอาจจะว่าได้นะครับ”

“ฉันลาพักร้อน เป็นเวลา 5 วัน ทีนี้จะให้ฉันอยู่ได้หรือยัง”

“ผม…เอ่อ...ที่บ้านแคบไป ห้องอาจจะไม่มีที่ให้คุณเขตนอนนะครับ ผมว่าคุณเขตกลับไปที่บ้านดีกว่า”


“ถ้าไม่มีห้องพอให้ฉันนอน แกก็ให้ฉันนอนที่ห้องแกสิ ”


“ห้องผม!”


“อืม ใช่! มีปัญหาอะไรรึเปล่า”


“เอ่อเปล่าครับ แต่ผมเกรงว่า…”
           

 น้ำก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย แต่เขตก็สังเกตได้ชัดเจน ร่างบางตรงหน้าเค้านั้นกำลังเขินที่รู้ว่าเค้าอยากจะนอนที่นี่ กับน้ำ 3

วันหลังจากนี้  เขตเอามือขวาดันคางของน้ำขึ้นด้วยความอ่อนโยน เผยใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่กล้าสบตาเขตเลยแม้แต่น้อย


“น้ำ ฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม?” เขตถามน้ำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แววตาดุจเหยี่ยวของเค้าจ้องมองดวงตาของน้ำอย่างแน่นิ่ง

“เรื่องอะไรหรอครับ” น้ำพยายามถามเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศตอนนี้


“แกรู้อยู่แก่ใจ ไม่ต่างจากฉันนักหรอก หรือว่าไม่ใช่!”


“เอ่อ…”





“เฮ้ย! ทำอะไรกันน่ะ”


              เสียงตะโกนดังออกมาจากสวนสมุนไพร พี่ชายของน้ำตามมาที่นี่ทั้งสองคน จะว่าไปสองพี่น้องไม่ไว้ใจเขตเลยตั้งแต่

แรกพบ ด้วยความเป็นห่วงน้องถึงได้ตามมาที่นี่


“พี่ตะวัน พี่ภูผา”


“น้ำ กลับบ้าน แม่ให้ไปหา”


“เอ่อ ครับ น้ำจะรีบไป”


“เฮ้ย น้ำไปคนเดียว ส่วนคุณ อยู่ที่นี่ก่อน ผมต้องการคุยอะไรหน่อย” ตะวันเดินเข้ามาขวางทางเขต หลังจากที่ร่างสูงนั้นพยายาม
เดินตามน้ำไป


“ภูผา แกพาน้ำไปหาแม่ก่อน ตรงนี้ให้เป็นหน้าที่พี่เอง”


“ได้พี่ตะวัน ป่ะน้ำ แม่รออยู่”


“เอ่อ พี่ตะวัน อย่าทำอะไรคุณเขตนะ”


      น้ำรีบบอกให้ตะวันรู้ทันที น้ำรู้นิสัยพี่ชายดี ตะวันพยักหน้าตอบน้องชายสุดที่รักอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ น้ำมองแววตาเขต
อย่างเป็นห่วง เขตเองก็มองตามน้ำที่มีภูผาพากลับบ้าน


“มีเรื่องอะไรว่ามา”


“ก่อนจะพาน้ำกลับไปบ้านคุณครั้งนี้ ครอบครัวเราได้ตัดสินใจแล้วว่า จะให้ภูผากลับไปกับน้ำในครั้งนี้ คุณจะว่ายังไง”


“ภูผา ไอ้เมื่อกี้นั่นหรอ”


“ใช่ คุณตอบมา สรุปว่ายังไง” ตะวันถามคำถามเดินกับเขตอีกครั้ง


“ที่บ้านฉันมีคนใช้เยอะพอแล้ว เอาน้องของนายไปอีก เกรงว่าจะไม่ได้”


“ฮึ คิดไว้แล้วว่าคุณต้องตอบแบบนี้ ผมมีทางเลือกให้คุณนะ คุณเขต”


“อะไร!”


“ให้ภูผาไปน้ำ ไปดุแลน้ำที่บ้านคุณ หรือ จะให้น้ำกลับมาที่นี่ตลอดไป ไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว”


“หมายความว่าไง แกจะทำแบบนี้ไม่ได้ เงินที่พ่อของฉันช่วยไว้เมื่อคราวก่อนล่ะ แกจะมีปัญญาหาคืนได้หรอ”


“คนรวยก็แบบนี้ ฮึ ไม่ต้องห่วงพวกเรามีเงินจ่ายคุณชายภัครพิชัย พ่อของคุณแน่ คุณจะว่ายังไง”


“ไม่! ฉันไม่ให้น้ำไปไหนทั้งนั้น น้ำต้องอยู่ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช ต่อไป”


“ดี ตอบแบบนี้ก็ดี ถ้าอย่างนั้นภูผาจะกลับไปบ้านของคุณครั้งนี้ด้วย หวังว่าคุณจะทำตามเงื่อนไขของเรา พบกันคนละครึ่งทาง
ตกลงไหม”

“ได้ แต่ฉันมีเรื่องจะขอ”

“เรื่องอะไร”


“นายต้องให้ฉันพักอยู่ที่บ้านนาย 3 วัน จนกว่าน้ำจะกลับไปกับพวกเรา”


“ถ้าคิดว่าอยู่ได้ นอนได้ กินได้ที่นี่ ก็ไม่มีปัญหา ”


“ขอบใจมาก”


“ขอบคุณคุณเขตเช่นกัน นี่ก็พลบค่ำแล้ว อาหารมื้อเย็นน่าจะเสร็จแล้ว เชิญคุณเขตตามผมมา”


       







ที่หอพักในมหาวิทยาลัย


ก๊อกๆๆ


 เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่อง ผ่านมาหลายนาทีแล้ว แต่เสียงนั้นก็ดังไม่หยุดเลย ฟ้ามอญนั่งมองต้นทางเสียงอยู่โดยไม่ปริปาก

และไม่เดินไปเปิดแม้แต่นิดเดียว เสียงของชายหนุ่มตรงหน้าห้องยังคงตะโกนดังมาติดๆ

“ฟ้า  เปิดประตูเถอะ นายหลบหน้าเราหลายวันแล้วนะ ฟ้า! เปิดประตูให้เราที”


             ฟ้ามอญ เริ่มใจไม่ดี เพราะอีกฝ่ายตะโกนและเคาะประตูห้องไม่ยอมหยุด อีกอย่างนึงคือไม่กล้าที่จะพบต่อ ในเวลานี้


“ฟ้า ถ้านายไม่เปิด เราจะตะโกนแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าฟ้าจะเปิดประตูให้เรานะ ฟ้า ได้ยินไหม เปิดประตูก่อน”


“ต่อ นายกลับไปซะ เราต้องการพักผ่อน ”


“ไม่ฟ้า เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง นายเป็นอะไร ทำไมเราถามนายไม่ตอบ ทำไมต้องเดินหลบหน้าทุกครั้ง นายเป็นอะไรฟ้า”


“ต่อ เชื่อเรานะ กลับไปก่อน เราไม่อยากคุยอะไรตอนนี้”


“ฟ้า เปิดประตู ไม่งั้น เราจะทุบประตูจนพังไปเลย ว่าไงฟ้า จะเปิดไหม”


          ฟ้ามอญทนความดื้อของต่อไม่ไหว เดินไปเปิดประตูให้ชายหนุ่มทันที


“ฟ้า!  ”


          ทันทีที่ประตูเปิด ต่อก็รีบเดินเข้าห้องฟ้ามอญแล้วปิดประตูนั้นทันที


“ต่อ มือของนาย!” ฟ้ามอญตกใจที่มือต่อเขียวช้ำเพาะเคาะประตูต่อเนื่องมาหลายนาทีก่อนหน้านี้


“เราไม่เป็นอะไรมากหรอก ดีใจนะที่ฟ้าเป็นห่วงเรา ”


“ใครบอก พูดเองเออเองได้ยังไง”


“ฟ้า อย่าประชดเราสิ แค่มองแววตานายเราก็รู้แล้ว แล้วนี่บอกเราได้ไหมว่าก่อนหน้านี้เป็นอะไร ทำไมทำตัวเหินห่าง เราทำอะไร

ให้ฟ้าไม่พอใจหรอ”


“เปล่า นายไม่ได้ทำหรอก เรื่องนี้ไม่ต้องสืบสาวหาความจริงได้ไหม”


“ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้อีกต่อไป เราจะทำยังไง นายหลบหน้า ไม่ยอมพูดคุยแม้แต่ครั้งเดียว โทรศัพท์ก็ไม่รับ เฟสก็ไม่เล่น ไลน์ก็

ไม่ตอบ ไหนจะ…”


“ต่อ พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ที่ทำไปเราแค่ต้องการรู้แค่นั้นแหละ ว่าเราไม่ได้คิดเองคนเดียว”


“หมายความว่าใคร เรางงไปหมดแล้ว?”


“เฮ้อ ต่อ ไม่ต้องงงหรอก นายไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อจากนี้ ที่นายทำทั้งหมดเรารู้คำตอบแล้ว คราวนี้แหละ ไอ้คู่กรณีมันจะว่ายังไง



“คู่กรณี ฟ้าหมายถึงใคร เอ๊ะ หรือว่าใครมาทำอะไรฟ้ารึเปล่า”


“ก็นิดหน่อย แต่อย่าสนใจเลย เราจัดการได้ด้วยตัวเราเอง”


“แน่ใจนะ นายจะเป็นอันตรายรึเปล่าฟ้า เราเป็นห่วงนะ ให้เราช่วยเถอะ”


“อย่าเลยต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราเอง มันต้องตาต่อตา ฟังต่อฟัน คืนนี้นายกลับไปก่อนนะ”


“ไม่กลับ พรุ่งนี้เราไม่มีเรียน อีกอย่าง ตั้งใจจะมานอนด้วย”


“ว่าไงนะ!”


“โถ่ จะตะโกนดังไปทำไม นะๆๆๆ ให้เค้านอนกับตัวเองนะ”


“ต่อ บ้าไปแล้ว ไม่ได้”


“อ้าวทำไมไม่ได้ เราเป็นอะไรกัน ลืมไปแล้วหรอ”


“ก็เพื่อนไง!”


“อืมใช่  เป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นเพื่อนกำลังขอความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นเพื่อนอีกคนก็ต้องให้ความเมตตาสิ ถึงจะถูกจริงไหม”


“เข้าข้างตัวเองตลอดเลยนะต่อ”


“ถ้าไม่ทำแบบนี้จะได้นอนด้วยปะ ฟ้าใจร้ายกับเรามาหลายวันแล้วนะ วันนี้ก็เพิ่งจะคุยกับเรา เราคิดถึงเสียงบ่นของฟ้า คิดถึงคน

ทำหน้ามุ่ยใส่ คิดถึงคนที่หมั่นไส้เวลาเราคุยกับสาวๆ หรือรุ่นพี่ผู้ชายหลายๆคน…”

“พอๆๆ  ที่พูดมาจริงไหมนะ”


“จริงที่สุด และที่จริงยิ่งกว่านั้น”


“อะไร?”


“ฟ้าน่ารักชะมัดเลย!”




ฟอด!


 ภูวนนท์เดินเข้ามากอดฟ้ามอญอย่างเร็วแล้วหอมแก้มซ้ายฟ้ามอญหนึ่งที ร่างบางทำอะไรไม่ถูกมันเป็นอะไรที่รวดเร็วมาก
และความรู้สึกที่ดีๆถูกถ่ายทอดออกมา ฟ้ามอญรับรู้ได้


“ไอ้ต่อ ไอ้คนฉวยโอกาส จะหนีไปไหน”


“ฟ้า เราหอมครั้งเดียวเอง ทำไมโหดจัง โอ้ย พอแล้วๆ เราเจ็บนะฟ้า ยอมๆ ไม่ทำอีกแล้ว”


“เป็นไงละ มานี่เดี๋ยวนี้นะ ตีให้ตายตรงนี้ไปเลย อย่าหนีนะ”

              เสียงความสุขของฟ้ามอญและต่อ ดังสะนั่นทั่วห้องสี่เหลี่ยมนี้ ไม่เกรงใจเพื่อนข้างห้องเลยแม้แต่น้อย ความใกล้ชิดและความเข้าใจกันนี่สิดีที่สุด







วังฉัตรอรุณ


“ดึกๆดื่นๆแบบนี้ น้องรุ้งพราวมาทำอะไรที่สวนหม่อมคนเดียวจ๊ะ”

       เสียงสตรีผู้ทะนงศักดิ์ เดินเข้ามาหาหม่อมรุ้งพราว โดยมีคนรับใช้สาวถือตะเกียงนำทาง 4 คน


“คุณพี่ ยังไม่นอนหรือคะ”


“ก็เห็นๆอยู่นี่ ว่าพี่ยืนคุยกับน้อง ถามพิลึกจริงๆ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ต้องการตำหนิไปในตัว


“นั่นสิคะ น้องไม่น่าถามเลย ”


“สีหน้าน้องไม่สู้ดี มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เล่าให้พี่ฟังได้นะ”


“ไม่มีค่ะ เอ่อน้องขอตัวก่อนนะคะ ง่วงพอดี”


“ฮึ ฟังให้ดีนะรุ้งพราว! อย่าได้คิดเพ้อฝันถึงโอรสของเสด็จพี่ ที่สิ้นชีพิตักษัยไปแล้ว ถ้าเธอไม่ฟัง อย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ”


“คุณพี่พูดเรื่องอะไรหรือคะ น้องไม่เข้าใจ”


“อย่าปากแข็งไปหน่อยเลย เธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจ  นี่รุ้งพราว  อะไรที่มันผ่านไปแล้วให้มันเป็นอดีตไปซะนะ”


“น้องไม่เข้าใจ คุณพี่พูดเรื่องอะไรคะ”


“สามหาว ปากดีนักนะ ข่าวลือคนทั่ววัง มากระทบหูพี่ บอกว่าเธอกำลังคางแครงใจเรื่องโอรสองค์เล็กของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ

เคยได้ยินไหมน้องรุ้งพราว คำโบราณว่าไว้ อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน ”


“เอ่อ น้องจะจำไว้ น้องขอตัวก่อนนะคะ”


“ตามสบาย น้องรุ้งพราว”

                หม่อมรุ้งพราวเดินเลี่ยงออกมาจากตรงที่หม่อมบุหลัน ผู้เป็นใหญ่ในเวลานี้และตอนนี้ หม่อมบุหลันมองเธอด้วยแวว

ตาหาความผิด หากเป็นอย่างเช่นที่คนเล่าขาน และเรื่องถูกเปิดแดงออกมา เธอคงไม่ปล่อยให้โอรสกลับมาวังนี้เด็ดขาด





มาต่อแล้วนะๆๆๆๆๆ  อิอิ  ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง ใจเย็นๆๆนะ FC น้องน้ำ เลือดจ้าวยังไงก็คือจ้าว  ไม่ต้องรีบร้อน

นายเอกยังมีเวรกรรณ อีกเยอะ 555  พรุ่งนี้จะมาต่อ ตอนที่ 14 นะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew3: :mew3: :mew3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ตัวโกงโหดจัง

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
เรื่องราวเริ่มเข้มข้น น่าติดตามครับ

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 14




      หญิงสาวไฮโซเดินเข้ามาในบ้าน ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ดุษฎีเห็นลูกสาวมีสีหน้าและท่าทางแบบนั้นก็อดอยากรู้ไม่ได้ ก่อนหน้าเค้าได้ให้ลูกสาวไปหาหม่อมหลวงภูธเนศที่บ้าน แต่ลูกสาวกลับมาบ้านด้วยสภาพแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่


“แอริน เป็นอะไรลูก”


“คุณพ่อ อยู่บ้านก็ดีแล้วค่ะ รินเบื่อแล้วนะคะ ไปถึงบ้านแต่ไม่เจอพี่เขต รินก็รอแล้วรอเล่า ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ต่อไปรินไม่เอาด้วยแล้วนะคะ แผนมัดมือชกของคุณพ่อเนี่ย”


“ใจเย็นๆก่อน เขตไม่อยู่บ้าน แล้วไปไหน”


“โอ้ย รินก็ถามบ่าวไพร่ ทุกคนแล้วไม่เห็นจะมีอ้ายอีที่ไหนบอกรินได้เลยค่ะ พอรินจะอยู่รอ เพื่อนของพี่เขตก็บอกว่า รอไปก็ไม่มีประโยชน์”


“เพื่อนเขตหรอ ใครกัน?”


“เท่าที่จำได้ก็ ชื่อแดนภพค่ะ รินเหนื่อย ขอตัวนะคะ”


“เดี๋ยวริน แดนภพที่ว่า ถ้าให้พ่อเดาไม่ผิด คือลูกชายของหม่อมราชวงศ์ประศิต แดนภพคนนี้เค้าเป็นหม่อมหลวง เป็นแพทย์ด้วยนะ”


“แล้วไงคะ” แอรินทำสีหน้าเบื่อสุดๆ


“ก็บอกให้รู้ไว้ จะได้ไม่ไปก้าวร้าวกับเค้า หัดทำตัวน่ารัก ให้เค้าเห็นว่าเหมาะสมกับคุณเขตจะได้ไหม ครอบครัวของเรากำลังเดือดร้อน”


“เดือดร้อน? ไม่จริงค่ะคุณพ่อ ครอบครัวเราจะเดือดร้อนเรื่องอะไร รินก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนหรือขัดสนอะไรเลยนี่คะ”


“เรื่องนี้แกไม่ต้องรู้ แต่ไปทำตามที่พ่อสั่งให้สำเร็จ เข้าใจไหม”


“คุณพ่อ รินบอกแล้วนี่คะว่ารินไม่เอาแล้ว พี่เขต ดูไปดูมา ก็เหมือนกับไม่สนใจรินเลย ยิ่งพักหลังๆมานี้ยิ่งแล้วใหญ่ หลบหน้าไม่รับโทรศัพท์รินเลย”


“ก็พยายามหน่อยสิ แอริน ลูกรัก พ่อเชื่อว่ารินทำได้”


“จะช่วยอีกครั้งก็ได้ค่ะ แต่คุณพ่อต้องสัญญาก่อนว่าพรุ่งนี้จะให้เงินรินไปช็อปปิ้ง 3 หมื่นบาท”


“เอ้าๆ ก็ได้ๆ แต่อย่าลืมที่พ่อบอกด้วยนะ ไปทำให้สำเร็จด้วย”


“รักคุณพ่อที่สุดเลย รินไปอาบน้ำก่อนนะคะ”


“อืมๆ”


              หนุ่มใหญ่วัยกลางคนมองดูลูกสาวของตัวเองอย่างเหนื่อยใจ จริงๆเค้าไม่ต้องการโกหกแอรินเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่

ต้องการให้ลูกสาวตัวเองมีคู่ครองที่ดีมีภูมิฐาน อนาคตจะได้ไม่ลำบาก เพราะรู้ว่าลูกสาวเป็นคนฟุ่มเฟือย และไม่เคยลำบาก ถึงได้

ผลักดันให้ได้กับเขตให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเค้ากำลังหาคู่ครองอยู่ก็ได้ หากช้าไปจะไม่ทันการ








             น้ำนอนไม่หลับ เพราะไม่คุ้นเคยกับห้องเดิมที่เคยอยู่ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นห้องของเค้าเองมาก่อนก็ตาม หากแต่เพียง มี

บุรุษร่างใหญ่นอนอยู่ข้างๆด้วย  ที่นอนของน้ำไม่ได้วิจิตรหรูหราเหมือนอยู่ที่บ้านธำรงอาภรณ์นิช แต่ที่นี่น้ำใช้เพียงที่นอนรองพื้น

เท่านั้นเอง น้ำหันไปมองเขตหลายครั้งที่นอนหลับไปแล้ว หันหน้ามาทางร่างบางอยู่  น้ำก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงได้หลับ

อย่างง่ายดาย ทั้งๆที่คนทั่วไป หากได้นอนหรือพักสถานที่ต่างถิ่นย่อมนอนไม่หลับอยู่แล้ว


“เอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่นั่นแหละ ไม่ง่วงหรอ” เสียงของเจ้านายดังขึ้นทั้งๆที่หลับตาอยู่อย่างนั้น น้ำสะดุ้งตกใจทันทีเพราะไม่คิดว่า
เขตจะรู้สึกได้

“คุณเขต!”

“ตกใจละสิ ฉันยังไม่หลับ ว่าแต่นายเถอะ เมื่อไหร่จะนอน”

“ผมไม่คุ้นครับ ปกติไม่มีคนนอนข้างๆ”

“เพราะฉันสินะ โอเค เดี๋ยวฉันไปนอนที่ห้องด้านล่างแล้วกัน เห็นมีอยู่ห้องนึงน่าจะใช้นอนได้”

“คุณเขต ไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวผมก็คงจะชิน ห้องนั้นเป็นห้องเก็บของ ฝุ่นเยอะเดี๋ยวคุณจะหายใจไม่ออกเปล่าๆ”

“เป็นห่วงฉันหรอ” เขตพูดด้วยเสียงแผ่วเบา  ร่างบางเงียบไปสักพักแล้วถึงตอบคำถามเจ้านายไป

“ก็เป็นห่วงทุกคนแหละครับ ถ้าใครไปพักห้องนั้นผมก็ต้องบอกเป็นธรรมดา”

“นายคิดอย่างนั้นจริงๆหรอ น้ำ”

“ครับ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ”

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว แกนอนต่อเถอะ อากาศข้างนอกหนาวมาก ฝนก็เพิ่งจะหยุดตกไป ห่มผ้าเยอะๆ”

เขตพูดพรางหยิบเอาผ้าห่มของตัวเองห่มให้น้ำ ร่างบางตกใจมาก ไม่คิดว่าเจ้านายจะทำอะไรให้เค้าแบบนี้

“คุณเขต เอามาให้ผมหมดแบบนี้ แล้วคุณเขตจะห่มอะไรล่ะครับ”

“ฮึ เป็นห่วงคนอื่นอยู่เรื่อย เมตตาคนไปทั่ว อภัยคนได้แบบง่ายๆ นี่สินะ ใครก็ถึงได้รักได้เอ็นดูแกนัก น้ำ”

“คุณเขต…” น้ำอายที่เขตชมต่อหน้าแบบนี้

“ก่อนหน้านี้ ฉันเคยให้แกเก็บเศษแก้วกลางสายฝน จนได้รับบาดเจ็บ แถมอีกวันถัดมาก็เป็นหวัดไป ”

“มันผ่านไปแล้ว อย่าเก็บมาพูดอีกเลยครับ”

“ทำไมแกไม่คิดจะเกลียด หรือจะโกรธฉันบ้างเลย น้ำ”

“คุณเขตไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ขอแค่รู้เพียง คุณเขตเป็นเจ้านายที่ผมต้องเคารพ และดูแลให้ดีที่สุด”

“เจ้านาย! น้ำที่แกทำไปทั้งหมดเพราะเหตุผลนี้หรอ”

“คุณเขตหมายถึงอะไรครับ”

“เปล่า ฉันคงรู้สึกไปเองคนเดียว เอาล่ะนอนเถอะ พรุ่งนี้เดี๋ยวแกจะไม่สดชื่นเอานะ”

“ครับ คุณเขต ”

                      เขตพลิกตัวนอนไปอีกด้าน ละจากใบหน้าของน้ำแล้ว เขตรู้สึกเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาทันที เพียงเพราะสิ่งที่น้ำทำไป

ทั้งหมด เพราะเค้าเป็นเจ้านายของน้ำ ไม่ใช่อย่างอื่น หรืออะไรก็ตามที่เค้ารู้สึกและคิดไปคนเดียว ร่างหนาอยากจะถามคำบางคำ

ที่มีอยู่ในใจมาก แต่ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะนะ เขตหลับตาลงช้าๆแล้วพยายามข่มตานอนให้หลับ ให้ข้ามคืนวันนี้ไป

เสียที









      เช้าวันใหม่บริเวณอาคารเรียนรวม ฟ้ามอญเดินไปเรียนคนเดียวเหมือนทุกครั้งเป็นประจำ แต่วันนี้กลับแปลกใจที่เห็นคู่อริขา

ประจำมายืนดักรอที่ต้นทางก่อนเค้า


“ว้า เจอกันแต่เช้าเลย สบายดีนะ ฟ้ามอญ”


“หลีกไป เรารีบ” ฟ้ามอญเดินเลี่ยง

“โอ๊ะๆๆๆๆ  จะรีบไปไหนวะ ฟ้ามอญ เพื่อนรักอุตส่าห์ทักทายนะ มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย”

“ถ้าเลือกได้ไม่ฟังได้ไหม”

“ก็ได้นะ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของนายเอง จะไม่ฟังก็ตามใจ”

“…”

“เงียบแบบนี้ ไม่เดินไปเรียนต่อแบบนี้ อยากฟังสินะ โอเค เล่าให้ฟังก็ได้”

“อย่าลีลาให้มันมากนัก มีอะไรก็เล่ามา อังกอ!”

“เมื่อวาน ได้ยินเค้าเล่ากันปากต่อปากว่า ต่อ มีแฟนใหม่แล้วแน่ๆ เป็นสาวสวยการบัญชี นี่เราหวังดีรีบมาบอกข่าวเลยนะ”

“เรื่องแค่นี้?”

“อืมใช่ ไม่ตื่นเต้นเลยหรอ”

“ไร้สาระ เอาเวลาไปขัดสมองให้มันดีๆหน่อยนะ ไม่ใช่มีแต่ขี้เลื่อย วันๆเลยคิดได้แต่เรื่องพวกนี้”

“แรงมาก แกว่าใคร”

“เอ้า ประสาทก็จะว่าใครล่ะ ก็มีแกกับฉัน แค่สองคน ”

“ไอ้ฟ้ามอญ เจอดีกะกูแน่มึง” อังกอยกหมัดขึ้นเหนือพื้นหวังจะชกเข้าที่ใบหน้า

“ก็เอาสิ เข้ามาเลย เก่งจริงเข้ามา กูเอาเครื่องนี้ช็อตมึงแน่ เข้ามา”

          ฟ้ามอญรีบหยิบอุปกรณ์ที่เหมือนกับเครื่องช๊อตไฟฟ้าออกมาโชว์ให้อังกอเห็น แต่เจ้าตัวกลับเชื่อขึ้นมาสนิทใจ จริงๆแล้ว

มันไม่ใช่เครื่องช๊อดไฟฟ้าหรอก แต่นี่เป็นวิธีเอาตัวรอดของฟ้ามอญต่างหาก


“ฟ้ามอญ นี่แกมีเครื่องช็อตไฟฟ้าพกติดตัวด้วยหรอ”


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”


“ฝากไปไว้ก่อนเถอะ หม่อมภูวนนท์ ไม่มีทางสนใจแกหรอก จำเอาไว้”


“เอาสมองคิดบ้างก็ดีนะ แต่ละเรื่องที่พูดมานี่ ไปหลอกเด็กๆยังไม่อยากจะเชื่อเลย ไปได้แล้วไป๊”


“คอยดูนะ อีกไม่นานมึงจะไมได้มาลอยหน้าชูคอแบบนี้แน่”


“จะรอนะ แต่ตอนนี้หลบไป ฉันจะไปเรียน ไม่ใช่พวกว่างงาน การเรียนไม่เอา สาระแนเรื่องชาวบ้าน พวกแพ้แล้วพาล พวก….”


“พอแล้ว จะด่ากูไปถึงไหนกัน กูเกลียดมึง… ฟ้ามอญ”


“เกลียดกูหรอ ขอบใจนะที่เกลียด เกลียดให้นานๆหน่อยก็แล้วกัน อยากมีหมาไว้เห่าเล่นสนุกดี บาย”


“มึง ไอ้ฟ้ามอญ กุไม่หยุดแค่นี้แน่! จำไว้”


        อังกอคาดโทษฟ้ามอญ ที่ทำเป็นไม่ใส่ใจ ไม่สะทกสะท้านเค้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ก็กู่เรื่องปั้นข่าวมาให้แต่ฟ้ามอญกลับ

ไม่สนใจอะไรเลย ยิ่งสร้างความหงุดหงิดมากเข้าไปอีก เพียงเพราะไม่ต้องการมีคู่แข่งในเรื่องของความรัก


       ก่อนหน้านี้ อังกอเคยเรียนที่เดียวกันกับ ต่อ เมื่อสมัยตั้งแต่มัธยมต้น มัธยมปลาย และแอบชอบอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลา 6 ปี

แต่ ต่อ ไม่เคยสนใจและใส่ใจเค้าเลยแม้แต่น้อย อังกอเสียใจอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ละความพยายาม ก่อนหน้านี้ ต่อ มีสาวๆหลาย

คนเข้ามาตีสนิทหวังให้ได้ต่อเป็นแฟน แต่ก็แห้วไปตามๆกัน เพราะฝีมือของอังกอ คนเดียวที่สกัดดาวรุ้งออกไปจากชีวิตต่อจน

หมด แต่คราวนี้คงจะไม่เป็นอย่างนั้น ฟ้ามอญคือ ศัตรูหัวใจตัวจริง จิตใจฟ้ามอญและร่างกายแข็งแรงกว่าอังกอมาก จึงไม่น่า

แปลกใจที่ฟ้ามอญจะชนะเค้าทุกครั้ง แต่เรื่องเดียวที่ห้ามชนะก็คือ คามรัก ต่อต้องเป็นของอังกอคนเดียวเท่านั้น!









       ที่บานธำรงอาภรณ์นิชเดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า เพราะมีสายตรงจากคนของวังฉัตรอรุณมาที่บ้านแต่เช้า ภัครพิชัย หัวเสีย

เพราะยังไม่ได้ความคืบหน้าของข้อมูลที่แท้จริงของน้ำได้เลยแม้แต่น้อย


“ครับ หม่อมรุ้งพราว”


“คุณชาย ได้ข่าวคราวของเด็กคนนั้นบ้างหรือยัง ไปสืบถึงไหนแล้ว”


“ขอให้หม่อมรุ้งพราว ใจเย็นๆก่อนนะครับ เห็นทีผมคงต้องไปที่บ้านของน้ำเองเสียแล้ว ตอนนี้น้ำเค้ากลับไปยังบ้านเกิดไปหาแม่

และพ่อของเค้าครับหม่อมรุ้งพราว”


“คุณชาย เรื่องนี้หากเร่งมือหน่อยจะดีมาก ตอนนี้หม่อมบุหลันรู้เรื่องของเราหมดแล้วนะ”


“จริงหรอครับ ไม่ได้การณ์แล้ว ผมต้องไปที่บ้านของน้ำเองแล้วล่ะครับ ”


“ขอบใจมากนะคุณชาย ฉันจะรอฟังข่าวดี”

           สายสนทนาจบลงไป ภัครพิชัยสีหน้าครุ่นคิด เค้าต้องไปที่บ้านของน้ำด้วยตัวเค้าเองเสียแล้ว คงจะรอให้เขตกลับมาไม่ได้อีกแล้ว 


“สงกรานต์ ไปเตรียมรถให้พร้อม ฉันจะไปหาน้ำที่บ้าน”


“เอ่อ คุณชายครับ สายตรงรายงานเข้ามา มีงานเข้าพอดีครับ ให้คุณชายไปที่ทำงานและประชุมด่วนครับ”


“อะไรนะ เฮ้อ แย่จริงๆเลย จะทำไงดีนะ งานเข้าแล้วไหมล่ะ”


“คุณชาย เอาไงดีครับ”


“คงต้องไปหาน้ำ วันอื่นแล้วล่ะ โอเค สงกรานต์เราจะไปงานหลักของเราก่อน กล้วยไม้!”


“คะ คุณชาย”


“โทรไปบอกหม่อมรุ้งพราวด้วยว่าฉันติดธุระด่วนไม่สามารถไปหาน้ำได้ แต่จะรีบหาเวลาไปให้เร็วที่สุด”


“ได้ค่ะคุณชาย กล้วยไม้จะบอกหม่อมรุ้งพราวตามนี้ค่ะ”









    อากาศยามเช้าแสนสบาย น้ำตื่นแต่เช้ามืดมาทำอาหารใส่บาตร แต่ก่อนเค้าก็ทำตลอด แต่หลังจากที่ไปอยู่บ้านคุณเขตแล้ว

เลยไม่ได้ทำบุญใส่บาตรแบบนี้เลย


“ตื่นแต่เช้าจัง ทำอาหารหรอ”


“คุณเขต ทำไมไม่นอนต่อล่ะครับ ยังไม่เช้าเลย”


“ไม่มีแกนอนอยู่ข้างๆ จะไปหลับได้ยังไง”


“…” น้ำเขินอายอีกครั้ง เขตพยายามพูดให้น้ำได้รู้สึกและยอมรับความรู้สึกนั้นออกมาจากใจเสียที เพราะเขตไม่ต้องการให้น้ำเก็บ

มันไว้แบบนั้น เค้าเชื่อว่าน้ำมีใจให้กับเค้า เหมือนๆกับที่เค้ามีใจให้กับน้ำเช่นกัน


“เงียบทำไม ที่ฉันพูดคือความจริงนะ”


“เอ่อ คุณเขตครับ สนใจไปใส่บาตรด้วยกันไหมครับ ” น้ำเปลี่ยนประเด็นเอาบุญมาถามแทน


“เอาสิ บุญนี้อาจจะทำให้เวรกรรมของเราในชาติก่อนๆหมดๆไปเสียที”


“ถ้าอย่างนั้น คุณเขต ถือถาดนี้นะครับ ส่วนถาดกับดอกบัวผมถือเอง”


“ของหนักแบบนั้นจะไปถือไหวได้ยังไง แกเดินตัวเปล่าก็พอแล้ว ฉันถือให้หมดนี่แหละ”


“ไม่ดีมั้งครับ ให้ผมถือแหละดีแล้ว ” น้ำดึงถาดกลับเข้าตัวเอง


“เชื่อฉันสักครั้งสิน้ำ อย่าดื้อได้ไหม เอามาให้ฉันถือ” เขตพูดด้วยความอ่อนโยน แล้วดึงถาดที่ว่านั้นกลับมา


“ไม่เป็นไรครับ คุณเขตจะหนักเปล่า” น้ำยังดื้อดึงที่จะถือให้ได้


“เอ๊ะ แกนี่ยังไงนะ เอามาให้ฉันดีกว่า อย่าดื้อ”

"อุ้ย!"

"น้ำระวัง!" เขตร้องอุทานเสียงดัง


   คราวนี้ เขตออกแรงดึงถาดหนักไปหน่อย ทำให้น้ำเสียหลักเขตรีบวางถาดตัวเองลงแล้วเอาตัวรองรับน้ำ ที่กำลังจะตกถึงพื้น  ร่าง

บางหลับตาสนิท เพราะไม่กล้ามองว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้


     แต่ก็ต้องสงสัยเพราะตัวของน้ำเองไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย น้ำค่อยๆลืมตาขึ้นมามองก็พบว่าเค้านอนทับเขตอยู่ อกใหญ่ๆ

นั้นมันอุ่นจนน้ำอธิบายไม่ถูก แววตาดุจพญาอินทรีมองเข้าไปนัยน์ตาของน้ำอย่างละเอียด น้ำเขินอายจนไม่รู้จะทำอะไรต่อได้แต่

หลบสายตาไปทางอื่น


       เขตเห็นว่าน้ำละสายตาจากเค้าไป เค้าก็เอามือสองข้างจับหันหน้าน้ำกลับมามองสบตาเค้าอีกครั้งอย่างอ่อนโยน น้ำทำอะไร

ไม่ถูกเลยในตอนนี้ มันเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน


“น้ำ ไม่เจ็บใช่ไหม” สิ่งแรกที่เขตถามร่างบางอย่างเป็นห่วง


“ไม่ครับ คุณเขตต่างหากที่จะเจ็บ”


“ไม่เลย ฉันสบายมาก ฉันทำขนาดนี้แล้ว นายรู้สึกอะไรบ้างไหม”


“รู้สึกอะไรครับ”


“น้ำ ได้โปรด อย่าหลบสายตาฉัน แล้วตอบคำถามของฉันอีกครั้ง ตามความรู้สึกของนายจริงๆ”


“คุณเขต… ผม คือ ผม…”


“น้ำ เกิดอะไรขึ้น!”


       เสียงดังทักขึ้นมาติดๆ ร่างบางรีบผละออกจากตัวของภูธเนศเจ้านายผู้หล่อเหลาทันที ตะวันกับภูผายืนมองน้ำกับเขต

ที่นอนทับเมื่อครู่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น


“พี่ตะวัน พี่ภูผา ”


“น้ำ คุณเขต ไปนอนกองกันอยู่ด้านล่างได้ยังไง”

“เอ่อ อุบัติเหตุนิดหน่อย แต่โชคดีที่น้องพวกนายไม่ได้เป็นอะไร” เขตรีบตอบสองพี่น้อง


“อย่างนั้นหรอครับ” ตะวันพูดเชิงไม่อยากเชื่อเท่าไหร่


“จริงๆครับพี่ตะวัน คุณเขต เอาตัวเองมารับตัวน้ำ ไม่ให้ตกลงพื้น น้ำไม่เป็นอะไรเลย ”


“ก็ดีแล้ว  เออนี่ พี่ใส่บาตรด้วยคนสิ น้ำกลับมาทั้งทีพี่อยากทำบุญกับน้ำเหมือนกัน” ตะวันต้องการพูดให้เขตได้ยิน


“พี่ด้วยคนนะน้ำ พี่ก็อยากทำ” ภูผาพูดสมทบขึ้นมาบ้าง


“ได้สิครับ ใส่คนละหนึ่งอย่างพออยู่แล้ว”


“พอได้ยังไงกัน มีข้าวจ้าว อาหาร 2 อย่าง กับดอกบัว”


“ก็ไม่เห็นยากเลยนี่ครับ น้ำใส่ดอกบัวก็ได้นะ”


“เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณเขตจะเลือกเอาอะไรใส่บาตรครับ”ตะวันหันถามร่างสูงที่ยืนมองน้ำอยู่พักใหญ่


“ผมใส่บาตรกับน้ำแล้วกันครับ”

“อย่างนั้นก็ได้ครับ น้ำพี่ว่าเราไปตั้งโต๊ะวางของรอหลวงพ่อดีกว่านะ”

“ครับพี่”



    หลังจากที่น้ำเดินนำทุกคนไปที่หน้าบ้าน ตะวันกับภูผาเดินเข้ามาประกบเขตทันที


“อยู่ให้ห่างจากน้องของพวกผม คุณทำได้ไหม” ตะวันเปิดประเด็นสั่งทันที


“ใช่ พวกเราดูคุณออก คุณกำลังคิดอะไรอยู่กับน้ำ ให้เลิกคิดซะแล้วจะหาว่าไม่เตือน” ภูผาพูดสมทบทันที


     ร่างหนารับฟังสองพี่น้องพูดเชิงสั่งเค้าแบบเงียบ โดยที่ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น มันเรื่องอะไรที่เค้าจะต้องทำตามสองพี่น้องนี่ น้ำมี

ชีวิตของเค้าเอง ไม่เกี่ยวกับสองคนพี่ชายเสียหน่อย


“คุณเขต คุณยังไม่ตอบคำถามพวกเราเลยนะ”


“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบพวกนาย ฉันคิดยังไงก็ทำไปอย่างนั้น ฉันเป็นทหารคิดจริงทำจริง”


“น้ำน่ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นและจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ” ตะวันพูดต่อ


“ทางที่ดี คุณควรจะปฏิบัติกับน้ำอย่างระมัดระวัง จะดีกว่านะ”ภูผาเสริมคำพูดขึ้นมาอีก


     ร่างหนาสงสัยมากในคำพูดของสองพี่น้องนี่ หรือว่าจะเป็นวิธีการขู่และปกป้องน้องชายตัวเองธรรมดาๆตามประสาพี่ห่วงน้อง

หรือที่พูดอาจจะเป็นเพราะจุดประสงค์อะไรแอบแฝงกันแน่นะ ร่างหนาเดินยกถาดใส่บาตรตามน้ำออกไป โดยไม่สนใจสองพี่น้อง

นี้อีกเลย

            ตะวันและภูผา มองหน้ากันแบบเหนื่อยใจ สิ่งที่พวกเค้าได้เตือนก็ทำไปหมดแล้ว จริงๆเรื่องก่อนหน้านี้หลายวัน ชื่น ผู้

เป็นแม่ของตะวันและภูผาโดยแท้จริงได้ ตัดสินใจเล่าเรื่องชาติกำเนิดของน้องชายสุดที่รักของพวกเค้าให้ฟัง  สองพี่น้องไม่เชื่อ

และทำใจอยู่นาน  มันยากเกินที่จะอธิบายได้ ใครจะไปคิดว่าคนสนิทและเป็นดั่งพี่น้องกันๆ แท้จริงแล้วกลับต่างกันคนขั้ว  ไม่

แปลกเลยที่ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ จะมีแต่คนทักตลอดว่า น้ำกับพวกเค้าสองคนนั้นไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ในรูปพรรณสัณฐาน


     แต่มาวันนี้เค้าเข้าใจแล้ว และพยายามปรับตัวให้ปกติทุกอย่าง และแน่นอนว่าสองพี่น้องปรับตัวทันและไม่มีอาการแสดงออก

ถึงความเคารพและเกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าน้องชายของพวกเค้า พวกเค้าทำหน้าที่ได้เพียงแค่ปกป้องเท่านั้น


     เค้าไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ที่น้ำไปอยู่บ้านคุณเขต น้ำจะสุขสบายหรืออะไรก็ตามแต่ หลังจากนี้พวกเค้าจะต้องดูแลน้ำให้ถึงที่

สุดตามที่ชื่นและเวท พ่อแม่ของเค้าบอกและอยากให้ช่วย และพวกเค้าทั้งสองคนยินดีที่จะช่วย เพื่อความปลอดภัยของน้ำ  หรือ

หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล แห่งวังฉัตรอรุณ





มาต่อแล้วนะๆๆๆๆ   ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้างเนาะ  สปอยให้นิดนึง เห็นเขตเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองแบบนี้ ทำดีกับน้ำแบบนี้ แต่จริงๆแล้ว ยังจะมีหลายเรื่องที่จะทำให้น้ำเสียใจและเจ็บปวด อีกนะ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: ตอนนี้เพียงแค่เค้าสับสน เท่านั้น  :katai4: :katai4: :katai4:

เจอกันใหม่ ตอนที่ 15 16 ในวันเสาร์ที่ 26 และวันอาทิตย์ที่ 27 กันยา นะ บ้ายบาย



 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่าน
อ่านรวดเดียวเลย
น้ำน่ารักจังเลย
รอลุ้นเรื่องราวของน้ำ
และเรื่องของเขตกับน้ำต่อไป

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 15



          ที่เรือนปูนขนาดใหญ่หน้าวงเวียน แห่งวังฉัตรอรุณ หญิงวัยกลางคนนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่สีหน้าดุเกรี้ยวกราด บ่าวรับใช้ 2

คนนั่งก้มหน้า บรรยากาศตึงเครียด  หม่อมเจ้าหญิงรัมภาพรรณ เดินออกจากห้องมาก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย


“หม่อมแม่ ใครทำให้หม่อมแม่ไม่พอใจหรือคะ” ท่านหญิงกล่าวพร้อมเดินไปนั่งข้างๆเก้าอี้ไม้ที่หม่อมบุหลันนั่งอยู่


“แม่ไม่เป็นอะไร แล้วนี่ลูกจะไปไหน แต่งตัวสวยเชียว” เธอใช้สายตากวาดสำรวจร่างของลูกสาว


“ไปพาว่าที่เจ้าสาวลองชุดหมั้นและชุดแต่งงานเจ้าค่ะ ”


“แต่งงาน เพื่อนคนไหนล่ะลูก”


“พริ้ม เจ้าค่ะ เพื่อนสมัยเรียนที่ฝรั่งเศสด้วยกัน”


“ดูสิ เพื่อนๆของลูกเค้ามีชายมาหมายหมั้น แล้วเมื่อไหร่ลูกของแม่จะมีเสียที”


“หม่อมแม่เจ้าคะ ลูกไม่อยากมีหรอกเจ้าค่ะ ชายหนุ่มพระยศหม่อมเจ้า ทั่วกรุงเทพฯ ลูกไม่ชอบเลยซักคน”


“ท่านหญิงเพคะ ถ้าไม่โปรดใครเลย ทำไมท่านหญิงไม่ลองเปิดใจหลานชายเศรษฐีดุษฎีดูล่ะเจ้าคะ”


             สาวใช้คนสนิทของหม่อมบุหลันนาม  ขจี  แนะนำอย่างเป็นกันเอง แต่ดูเหมือนเธอจะพูดผิดที่ผิดเวลา

“อีขจี พูดคำไพร่ๆแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ลูกสาวฉันเป็นถึงหม่อมเจ้า แล้วเหตุใดจึงจะให้ลูกฉันไปสนใจหลานชายของเสี่ยสิงห์

แกนี่มันน่าลงหวายนักนะ”


“หม่อมแม่ อย่าโกรธขจีเลยเจ้าค่ะ ขจี พูดเล่นตามประสา ขจี ขอโทษหม่อมแม่สิ”


“เจ้าค่ะๆ ขอประทานโทษเจ้าค่ะ หม่อมบุหลัน ขจี ไม่ได้ตั้งใจจะพูด”


“ดี หากคำพูดแบบนี้หลุดออกมาอีก ฉันจะลงหวายแกแน่ อีขจี บ่าวไพร่เรือนนี้นี่มันยังไงกัน หัดคิดก่อนพูดเสียบ้างนะ”


“เจ้าค่ะๆ ต่อไปจะระวังปากเจ้าค่ะ” ขจี ตัวสั่น เพราะไม่เคยถูกหม่อมบุหลันลงหวาย แต่เธอเคยเห็นเพื่อนๆบ่าวรับใช้คนอื่นๆโดน

มาแล้ว ทายาหลายวันกว่าจะหาย


“ขจี วันนี้อากาศดี ไปกับฉันไหม”


“ท่านหญิง จะเสด็จไปไหนหรอเพคะ ”


“เรื่องเมื่อครู่แหละ”


“ว้าย ไม่ดีกระมังเพคะ เพื่อนของท่านหญิงอาจจะไม่ชอบที่ขจีไปเพ่นพ่านได้”


“อย่าคิดมากสิ พริ้ม เพื่อนของฉัน ใจดีเป็นไหนๆ”


“ถ้าอย่างนั้น ขจี ไปด้วยเพคะ เผื่อท่านหญิงจะทรงให้ขจีช่วยถือของอื่นๆ”


“ดีจ้ะ ไปเตรียมตัวก่อนเถอะ หม่อมแม่เจ้าคะ ลูกจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ”


“อืม ไปเถอะ ”


“ลูกไปแล้วนะเจ้าคะ ” ท่านหญิงรัมภาพรรณ ไหว้หม่อมบุหลันแล้วเดินออกจากเรือน ไปที่รถยนต์ที่จอดรอหน้าเรือน


หม่อมบุหลันเห็นลูกสาว ขึ้นรถไปแล้ว ก็หันมาสั่งคนของเธอทันทีด้วยสีหน้าคร่ำเครียด


“แก สองคนมานี่”


“ครับหม่อมบุหลัน”

“ไปสืบมาให้ได้มาเรือนของหม่อมรุ้งพราว กำลังคิดอ่านการณ์ใด เรื่องของหม่อมเจ้าองค์เล็กเมื่อ 20 ปีก่อน  ”


“ครับ หม่อมบุหลัน”



“เจ็บใจนัก ถ้าหากหม่อมเจ้าองค์เล็กยังมีชีวิตอยู่ ป่านก็คงจะย่าง 21 ชันษาแล้ว แล้วนี่ลูกสาวฉันจะได้สมบัติอะไรล่ะ มีหม่อมเจ้าชยาดล ก็เกินพอแล้ว ฉันไม่ยอมแน่”


            หญิงสาววัยกลางคนสีหน้าเกรี้ยวกราดอีกครั้ง สตรีผู้มีอำนาจล้นเหลือในวังฉัตรอรุณแห่งนี้ ทุกคนต่างให้ความเคารพ

ยำเกรง เพราะเธอโหดร้าย ใครๆก็ทราบดี ด้วยความที่เธอเป็นชายาคนแรกของพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ และอยู่วังนี้มาก่อนใคร พูด

ง่ายๆ เธออยู่คู่กับเสด็จพระองค์ชายมาตั้งแต่ตอนอยู่วังทิพย์(วังทิพย์คือ วังของเสด็จแม่พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ หรือมีศักดิ์เป็นพระ

อัยยิกา(ย่า)ของน้ำ ท่านหญิงรัมภา ท่านชายดล) 








             ช่วงสายอากาศ ชมบทก็ไม่ต่างจากในกรุงเทพหรือในเมืองเสียเท่าไหร่ แดดช่วงปลายฝนต้อนหนาวก็ไม่ใช่เล่นๆ ตะวัน

ภูผา และน้ำ มาทำงานที่สวนมะพร้าวของคนในชุมชน แน่นอนว่าพระเอกหนุ่มหล่ออย่างเขตก็ต้องพ่วงมากับคนอื่นเค้าด้วย


“นี่ คุณเขต ผมว่าคุณไม่ต้องมาก็ได้นะ น่าจะรออยู่บ้าน” ตะวันบอกเขตที่ทำท่าทางเหมือนคนไม่อยากมาเท่าไห่


“ไม่เป็นไร ผมอยากมา” เขตตอบแบบปัดๆไป


“น้ำ ไปนั่งรอที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ก่อนนะ” ภูผา พี่ชายคนกลางบอกร่างบางที่พวกเค้ารัก


“ไม่เอาหรอกครับ พี่ น้ำตั้งใจมาช่วยเลยนะ ”


“ไม่ได้ๆๆ ห้ามน้ำทำงานเด็ดขาด!” ตะวันตะโกนเสียงดุทันที


“ทำไมล่ะคุณ   น้องพวกคุณอยากช่วย ก็ให้เค้าช่วยสิ” เขตออกความคิดเห็น


“อย่างคุณ! ไม่มีทางรู้และเข้าใจหรอก” ภูผาเดินมากระซิบบอกเขต เจ้าตัวถึงกับงง


“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวน้ำไปรอพี่ๆที่ใต้ต้นมะพร้าวต้นใหญ่แล้วกันนะครับ”


            ร่างบางพยายามไม่เรื่องมาก เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้ดูมวยคู่เอกเป็นแน่ น้ำเดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น เขตมองตาม

น้ำอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ถามอะไรไม่ได้  ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิด เพราะในชีวิตของเค้าไม่เคยทนอะไรได้นานขนาดนี้ ถ้าอยู่ที่บ้านป่าน

นี้คงระเบิดอารมณ์ไปแล้ว



           น้ำเดินมานั่งพักใต้ต้นมะพร้าว ที่ตอนนี้สายลมพัดค่อนข้างแรงแต่เป็นลมที่กำลังจะบอกสัญญาณว่า ฤดูหนาวกำลังจะมา

แล้ว มันเป็นสายลมที่ใครก็ชอบทั้งนั้น เพราะมันเย็นและทำให้ร่างกายสบายมากทีเดียว ต้นมะพร้าวถูกแรงของลมกระทำอยู่นาน

ลูกมะพร้าวก็ไม่อาจจะต้านได้เหมือนกัน ลูกที่แก่พร้อมจะร่วงหล่นลงพื้นก็ไหวสั่น แต่ร่างบางกลับไม่รู้สึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

เลยแม้แต่น้อย






ตุ๊บ!!



            เสียงที่น้ำกลัวนั้น คือผลของมะพร้างที่ตกหล่นลงจากต้นด้วยความเร็ว กระแทกเข้ากับศีรษะของร่างบาง ที่ตอนนี้สลบ

แน่นิ่ง รอยเลือดที่ไหลเอ่อนองไม่ขาดสาย เขตได้ยินเสียงนั้นมาแต่ไกลพอหันกลับไปมองที่ต้นเหตุ หัวใจเค้าแทบหยุดเต้น ขา

ทั้งสองข้างของเขตพาร่างหนาสูงมาถึงที่เกิดเหตุ


“น้ำ!!!  น้ำ อย่าเป็นอะไรนะ”


“น้ำ!!!” ตะวันและภูผาตะโกนและวิ่งตามมา







   การประชุมเสร็จสิ้นไปด้วยดีกินเวลาไปกว่า 4 ชั่วโมง ภัครพิชัยเหนื่อยกับการประชุมธุรกิจครั้งนี้มาก แต่ก็ไม่ลืมที่จะสานเจตนา

ของหม่อมรุ้งพราว  ดุษฎีร่วมการประชุมธุรกิจครั้งนี้ด้วย เจ้าตัวเดินเข้ามาทักทายหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย อย่างเป็นกันเอง


“คุณชาย จะไปไหนต่อหรือครับ เห็นเร่งรีบ”


“อ้อ มีธุระนิดหน่อย ว่าแต่เสี่ยสิงห์เถอะ พักนี้ธุรกิจโรงแรมไอยรา เป็นยังไงบ้าง”


“ก็ดีครับ ลูกค้าเยอะดี อ้อ ได้ข่าวว่าคุณเขตลูกชายของคุณชาย ไม่อยู่บ้าน ไม่ทราบว่าจะกลับตอนไหนครับ”


“เขตไปทำธุระแทนผม ผมให้เค้าพาน้ำ ลูกบุญธรรมของผมกลับไปเยี่ยมบ้าน อีก 2 3 วันก็น่าจะกลับ”


“อย่างนั้นหรือครับ อ้อ แล้วคุณต่อ ลูกชายคนเล็กล่ะครับ เป็นยังไงบ้าง”


“ต่อ สบายดี ตอนนี้เรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว ปี 1 อยู่เลย”


“อ้อ อย่างนั้นหรือครับ แล้วนี่หากผมจะให้ยัยแอรินไปที่บานบ่อยๆ คุณชายจะว่าอะไรไหมครับ”


“ได้สิครับ ได้เลย”


“ขอบคุณมากครับคุณชาย เอาเป็นว่าวันหลังเราค่อยมานั่งคุยกันแบบยาวๆ วันนี้คุณชายดูเร่งรีบ ผมไม่ชวนคุยดีกว่า”


“พูดแบบนี้ เสี่ยสิงห์มีอะไรหรือเปล่า”


“จริงๆก็มีแหละครับ อันที่จริงลูกสาวผมกับคุณเขต ก็รู้จักกันมานาน ส่วนคุณเขตเองก็ยังไม่มีใคร ผมเลยคิดว่า…”


“อ้อ เสี่ยสิงห์ คงจะยังไม่รู้ ตอนนี้เขต ลูกชายผม ดูท่าทางเค้าเหมือนกำลังจะชอบใครสักคนอยู่ แต่ก็อย่างว่านะครับ คนเป็นพ่อ
ย่อมรู้ดีว่าลูกต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”


“ครับผมๆ ”


          ดุษฎีมองตามแผ่นหลังของคุณชายภัครพิชัยไป โดยที่ภายในจิตใจนั้นมีแต่คำถามมากมายที่อยากรู้ หม่อมหลวงภูธเนศ

ไม่เคยคิดจะมีใครเลยในชีวิตนอกจากแอริน แค่ทำไมจู่ๆภัครพิชัยถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เสี่ยสิงห์คิดแล้วก็เจ็บแทนลูกสาว เห็น

ทีเรื่องนี้ต้องเร่งให้เร็วที่สุด จะให้ใครมาชิงคุณเขตไปจากลูกสาวเค้าไม่ได้เด็ดขาด



“ไม่มีทางหรอก คุณเขตต้องคู่กับลูกสาว แอรินของฉันคนเดียวเท่านั้น ฮึ”





            ภัครพิชัยเดินออกจากลิฟต์ด้วยความเร่งรีบ โดยมีสงกรานต์นั่งรออยู่ที่หน้าเซอร์วิส ตั้งแต่เช้าพอเห็นภัครพิชัยเดินลงมา

แล้ว สงกรานต์ก็ตรงดิ่งไปหาทันที


“คุณชายครับ รถผมจอดไว้ตรงหน้าบันไดแล้วครับ”


“ดี ไปกันเลย ฉันเองก็อยากรู้แล้วว่า สรุปน้ำเป็นใครกันแน่”


“สร้อยของหม่อมเจ้าชยาดลนี่ครับ”


“ใช่หม่อมรุ้งพราวเอามาให้ มัดตัวหลักฐาน สงกรานต์ ไปที่บ้านของหนูน้ำเลย”


“ครับคุณชาย”


             รถเก๋งสีขาว ขับออกจากตึกประชุมโดยเร็ว ภัครพิชัยนั่งอยู่ในรถด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย คำถามผุดขึ้นในสมองเต็ม

ไปหมด ถ้าหากน้ำเป็นหม่อมเจ้าจริงๆ แล้วเค้าจะทำยังไง เค้ารักและห่วงน้ำเหมือนลูกในใส่ ไม่แพ้เขตและต่อเลย หากเป็นอย่าง

นั้นจริงๆเค้าก็คงจะแค่ยอมรับ และพาน้ำกลับวังฉัตรอรุณให้เร็วที่สุด










           น้ำถูกส่งตัวมาที่ รพ.โดยมีเขต ตะวันและภูผา อยู่ด้วยอย่างใกล้ชิด  ผ่านไป 3 ชั่วโมงที่ห้องฉุกเฉินหมอยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเลย   ชื่นและเวทตามมาที่หน้าห้องหลังจากรู้ข่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก


“ตะวันๆ  ท่านชา…” ชื่นหยุดเอ่ยถามลูกชายทันที หลังจากที่รู้ว่าเขตเองก็อยู่ที่นี่


“แม่ น้ำถูกลูกมะพร้าวตกกระแทกหัว ตอนนี้หมอยังไม่ออกมาเลยจ้ะแม่”

“โถ่ น้ำ ขอคุณพระคุณเจ้า คุ้มครองน้ำทีเถอะ” เวท ยกมือไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์


“แม่ พ่อ พี่ตะวัน หมออกมาแล้ว” ภูผาทำเสียงตื่นเต้น


“คุณหมอ ลูกดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”


“ใจเย็นๆก่อนนะครับ คือตอนนี้หมอได้ตรวจดูสมองอย่าละเอียด คนไข้ได้รับแรงกระทบที่ศีรษะค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้คนไข้พ้น

ขีดอันตรายแล้ว แต่…”


“แต่อะไรครับหมอ” เมทรีบถามหมอทันที


“หมอไม่รู้ว่า จะมีอะไรผิดปกติไป ยังไงหมอต้องรอดูตอนคนไข้ได้สติก่อนนะครับ”


“แล้วน้องผมจะเป็นอะไรมากไหมครับ”ตะวันถามด้วยความเป็นห่วง




“น้ำ!!!” เขตอุทานแล้วรีบเข้าไปในห้องอย่างเร็ว



“คุณๆ เข้าไปไม่ได้นะครับ” หมอพยายามห้ามเขตแต่ไม่ทันแล้ว ร่างหนาตรงดิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ไม่ฟังใครทั้งนั้น


“ญาติคนอื่นๆให้รอด้านนอกนะครับ”


“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะหมอ” ชื่นแทบล้มทั้งยืน


“แม่  พี่ตะวันแม่เป็นลม” ภูผารีบเข้ามาประคองชื่นไปนั่งที่เก้าอี้




           ภายในห้องฉุกเฉิน เขตมองดูน้ำด้วยความเศร้าใจ ร่างบางที่เค้าเคยเห็น ร่าเริงและสดใส แต่ตอนนี้กลับนอนแน่นิ่งไม่

ขยับร่างกายแม้แต่น้อย จะมีก็แต่หน้าอกที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเท่านั้น


“น้ำ  ฉันอยู่ตรงนี้แล้วนะ ได้ยินที่ฉันพูดไหม”


      เขตน้ำตาคลอเบ้า มือใหญ่เอื้อมไปลูบที่แก้มขวาของน้ำ ร่างบางไม่ตอบสนองอะไรจากเค้าเลยแม้แต่น้อย


“น้ำ หายไวๆนะ ฉันจะอยู่เฝ้านายเอง” เขตนั่งลงข้างๆเตียงพร้อมกับจับมือน้ำมากุมไว้


“ฉัน อยู่ไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่มีนาย นายเข้าใจใช่ไหม” เขตยังคงพูดต่อไป โดยมีพยาบาล 2 คนยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความสงสาร


“เธอ น่าสงสารเนาะ น้องตัวเล็กคนนั้น ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาจะปกติรึเปล่า สมองถูกกระทบกระเทือนขนาดนั้น”


“หยุดพูดเหลวไหลนะ มีงานอื่นก็ไปทำซะ ไป!!!”


       เขตตลวาดพยาบาลสาวสองคนดังลั่น จนพวกเธอต้องรีบเผ่นหนีไปอย่างเร็ว  เขตเริ่มกังวลอะไรหมายๆอย่างเสียแล้ว หาก

เป็นอย่างที่พยาบาลสองคนคุยกันจริงๆ แล้วเค้าจะทำยังไง เค้ายังไม่ได้ขอโทษสิ่งที่ทำไว้กับน้ำเลย และอีกอย่างสิ่งที่เค้าอยากรู้

คำตอบของหัวใจน้ำ แล้วอย่างนี้ชีวิตนี้เค้าจะต้องรออีกเท่าไห่ น้ำถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม


“ไม่!!! ไม่มีทาง น้ำต้องไม่เป็นอะไร  น้ำต้องหาย ฉันรอนายอยู่นะน้ำ ตื่นขึ้นมามองหน้าฉันเร็วๆนะ”


          น้ำตาของลูกผู้ชายชาติทหารอย่างพันเอกภูธเนศ หยดลงที่มือของน้ำ  เขตเสียใจมากและหลับอยู่ข้างๆเตียงของน้ำตรง

นั้น ไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงของหมอและพยาบาลเลย  แต่ก็เป็นอย่างเคย ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขตได้หรอก หากสิ่งไหนที่เค้า

ต้องการเค้าก็ต้องได้



   ภัครพิชัยและสงกรานต์ขับรถมาถึงบ้าน หลังเล็กๆที่เมื่อ 3 4 เดือนก่อนเค้าได้มาเยือนที่นี่และพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับบ้านไปด้วย

แต่มาวันนี้ที่บ้านดูเงียบ เหมือนไม่มีใครอยู่จะมีก็แต่ รถตู้สีดำที่ภัครพิชัยคุ้นตามาก


“คุณชายครับ เหมือนจะไม่มีใครอยู่บ้านเลยนะครับ”


“แต่รถของฉันก็ยังอยู่ที่นี่นะ แล้วยี่ไพบูลย์ไม่อยู่ที่บ้านหรอ ”


“เดี๋ยวผมติดต่อให้ครับคุณชาย”


“อืมดี งั้นฉันลงไปเดินดูในบ้านรอนะ”


“ครับคุณชาย”



        ภัครพิชัยเดินลงจากรถ แล้วสังเกตไปรอบๆบ้านเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ไม่มีใครอยู่บ้านเลย หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ไม่ดีหรือ

เปล่านะ


“คุณชายครับ ไพบูลย์อยู่ที่บ้านนี่แหละครับ”


“อ้อหรอ แล้วไหนล่ะ”


“มาแล้วครับ คุณชายสวัสดีครับ”


“ไพบูลย์ คนบ้านนี้ไปไหนกันหมด”


“เมื่อสองชั่วโมงก่อน ชื่นกับเวท สองสามีภรรยา รีบไปที่ โรงพยาบาล ครับ”


“ไปโรงพยาบาล ใครเป็นอะไร”


“น้ำครับคุณชาย น้ำเข้าโรงพยาบาล”


“น้ำเป็นอะไรไพบูลย์ ”


“ไม่ทราบครับ รู้แต่ว่า สองคนนั้นพอรู้ข่าวก็รีบออกไปเลย และบอกให้ผมเฝ้าบ้านเอาไว้”


“ไม่ต้องเฝ้าแล้ว พาฉันไปโรงพยาบาลที่ว่า ทีเถอะนะ”


“ได้ครับ”


“ไปรถฉันดีกว่า รถตู้คันนี้ จอดไว้ที่นี่แหละ”





ภัครพิชัย สีหน้าไม่ดี ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรแบบนี้กับน้ำได้ น้ำเป็นคนดี เป็นเด็กน่ารัก สวรรค์ไม่น่ากลั่นแกล้งและทำกับน้ำ

แบบนี้ได้ รถเก๋งสีขาวมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลไม่นานก็ถึง ภัครพิชัยรีบเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ทันที


“ขอโทษนะครับ ต้องการสอบถามทางไปตึกฉุกเฉินครับ”


“ได้ค่ะ ซักครู่นะคะ”


“ขอบคุณครับ”



           ในห้องฉุกเฉิน เขตหลับไปไม่มีรู้ว่านานแค่ไหนแล้ว พอเค้ารู้สึกตัวอีกที เค้าก็ลืมตาขึ้นมามองร่างบางอย่างรีบร้อน แล้วก็

พบว่า ยังคงนอนแน่นอนไม่ได้สติอยู่เหมือนเดิม


“น้ำ นายหายไวๆนะ ฉันจะรอและอยู่กับนายที่นี่”


“คุณคะ ขอเชิญคุณกลับไปพักผ่อนเถอะนะคะ ทางเราไม่อนุญาตให้ญาติอยู่เผ้าคนไข้ค่ะ”


“หุบปาก อย่ายุ่งจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป” เขตตวาดพยาบาลด้วยน้ำเสียงดุดันอีกครั้ง เพราะเค้าไม่อยากจะไปไหนเลย


“เอ่อ แต่ว่า…”


“ไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ออกไป!!!” เขตหันหน้ามามองเอาเรื่อง พยาบาลสาวกลัวจนตัวสั่นแล้วพยักหน้าเดินออกไป



     ภัครพิชัยเดินเร่งฝีเท้าพร้อมกับสงกรานต์และไพบูลย์  พอมาถึงที่หน้าห้องก็พบว่า มีชื่น เวท และลูกชายสองคนนั่งรออยู่ด้าน
นอก


“น้ำเป็นยังไงบ้าง” ภัครพิชัยถามพวกเค้า


“คุณชาย  มาถูกได้ยังไงคะ”


“อย่าเพิ่งสนใจฉันตอนนี้เลย ลูกเธอเป็นยังไงบ้าง”


“หมอบอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เกรงว่า…”


“เกรงว่าอะไร แม่ชื่น”


“เกรงว่า น้ำจะความเสื่อมค่ะ”


“เหลวไหล น้ำเป็นคนดี ยังไงก็ต้องดีวันดีพรุ่ง อย่าเพิ่งสรุปอะไรเลย แล้วนี่เจ้าเขตอยู่ไหน”


“อยู่ในห้องกับน้ำค่ะ คุณชาย หมอห้ามเอาไว้แต่ไม่ทัน นี่ก็เข้าไปนานแล้ว ”


“เจ้าเขตมันหัวรั้น ห้ามไปก็ไม่ฟังหรอก ปล่อยๆเค้าไปจะง่ายกว่า  แล้วนี่พวกเธอกินข้าวแล้วหรือยัง”


“กินไม่ลงหรอกค่ะคุณชาย ขอบคุณมากนะคะ”


“เฮ้ย ไม่ได้ๆ สุขภาพของคนก็สำคัญ น้ำจะเสียใจแย่นะ ถ้ารู้ว่าทำให้ทุกคนลำบาก ไปกินข้าวพักผ่อนกันก่อนเถอะ น้ำมีเขตอยู่

เฝ้าแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลย”


“ค่ะ”



“อ้อ แม่ชื่น ฉันต้องการคุยเรื่องสำคัญกับแม่ชื่นและพ่อเวท พ่อจะมีเวลาให้ฉันได้ไหม”


“เรื่องอะไรคะ”

ภัครพิชัยไม่รีรออะไร ที่จะหยิบเอาสร้อยที่พบติดตัวมาขั้นมาชูต่อหน้า ชื่น เวท และลูกชายของพวกเค้าทั้งสองคน


“สร้อยนี้คือคำตอบ ฉันไม่ต้องการพูดอะไรมาก ในที่โล่งแจ้งแบบนี้”


             ชื่นมองดูสร้อยในมือของภัครพิชัย ด้วยสีหน้าตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอกลัวจะมาถึงเร็วขนาดนี้ แล้วหม่อมบุหลัน

ล่ะ เธอจะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง ชื่นใจคอไม่ดี หันหน้าไปมองเวทที่ทำสีหน้าอึกอักเหมือนกับเธอไม่มีผิด


          พร้อมกับสีหน้าของตะวันและภูผาที่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าสร้อยนั้นคืออะไร เพราะเค้าไม่เคยเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว







มาต่อแล้วนะๆๆๆๆ   เจอกันวันพรุ่งนี้ กับ ตอนที่ 16 น้าาาา  ขอบคุณที่อ่านนิยายเรื่องนี้ตลอดมา เรื่องราวก็ดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว อิอิ นิยายเรื่องใหม่ที่จะมาต่อเรื่องนี้คือ สู่กลางใจเธอ น้า แนวแรงๆ ตบตี เศร้าและหน่วง!มาก แต่งไปได้หน่อยนึงแล้ว 

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2015 09:33:37 โดย loveice »

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้ำจะความจำเสื่อมจริงเหรอ!?

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 16



“แปลกใจใช่ไหม ชื่น ที่เห็นสร้อยเส้นนี้อยู่กับฉัน  ”


“ปะ…เปล่าค่ะ”


“เปล่า?  จะเปล่าได้ยังไง ชื่น สร้อยเส้นนี้ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณทรงทำขึ้นให้โอรสและธิดาของพระองค์ทุกคน”


“…” ชื่นหลบสายตาของภัครพิชัย


“ถามจริงๆเถอะนะ ชื่น เวท  พวกเธอสองคนเป็นคนรับใช้ คนของวังฉัตรอรุณมาก่อนหน้านี้ใช่ไหม”


“…”


“จะปิดบังแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ชื่น เวท ไม่อยากเห็นน้ำมีอนาคตที่สดใส และควรจะอยู่ในที่ของเค้าหรอกหรือ”


“เปล่านะคุณชาย  ที่พวกฉัน สองผัวเมีย ต้องออกจากที่นั่นก็เพราะคนในวังใจร้ายและอำมหิต ใช่ว่าเราจะอยากคืนท่านชายนที
กลับวัง”


“เธอหมายถึงใคร?”

“อย่าถามเลยค่ะคุณชาย หากเรื่องนี้เข้าหูใครต่อใคร พวกเราจะเดือดร้อน”


“ก็ได้ ฉันจะไม่ถามเธอสามี ภรรยา อีก  แล้วนี่เรื่องนี้หม่อมรุ้งพราวเธอรู้เรื่องนี้แล้ว”


“อะไรนะคะ”


“คุณชาย ทำไมไม่ปรึกษาเราก่อนครับ”


“ไมได้หรอก หากขืน มาปรึกษาพวกเธอสองคนก่อน พวกเธอก็จะเบี่ยงประเด็น หรือไม่ก็พาน้ำหนีไปอยู่อื่น”


“โถ หม่อมพิมลเจ้าขา ชื่น เก็บรักษาความลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อภัยให้อิฉันกับสามีด้วยนะเจ้าคะ”


“อย่าห่วงเลย ชื่น หม่อมพิมล เข้าฝัน หม่อมรุ้งพราว เรื่องทุกอย่างถึงได้กระจ่างออกมา หากเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอก็อยากให้น้ำ

กลับวัง”


“ไมได้นะคะ คุณชาย  จะปล่อยให้ท่านชาย กลับวังไปทั้งๆที่หม่อมบุหลันยังมีอำนาจทุกอย่างไม่ได้นะคะ”


“อย่างนี้นี่เอง สิ่งที่พวกเธอสองคนกลัวก็คือ หม่อมบุหลันนี่เอง”


“ใช่ค่ะ เธอโหดร้ายมาก นะคะอย่าพาท่านชายกลับวังเลย”


“ไม่ได้หรอกนะชื่น เรื่องนี้ต้องรอให้น้ำฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วเรื่องนี้ให้น้ำตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”


“ท่านชาย อาการไม่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่หมอบอกว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากลูกมะพร้าว สิ่งนี้ที่พวกเรากำลังเป็น
ห่วงค่ะ”



“ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เอาเป็นว่าฉันจะกลับไปบ้านก่อน แล้วจะมาเยี่ยมน้ำใหม่ อยู่ที่นี่มีเจ้าเขตและพวกเธอดูแล ฉันก็สบายใจ ”


“ค่ะคุณชาย”


“อ้อ เรื่องของชาติกำเนิดของท่านชาย หม่อมรุ้งพราวและหม่อมเจ้าชยาดล จะมารับท่านชายเองกับตัวที่บ้าน แต่คงไม่ใช่เร็ววัน
นี้”


“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ขอบคุณคุณชายมากนะคะ ”


“เรื่องนี้ฉันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว น้ำก็เหมือนลูกบุญธรรมของฉัน แต่ต่อไปอาจจะไม่ใช่แล้ว ขอบใจมากนะ ที่ยอมให้น้ำรู้ชาติ
กำเนิดตัวเอง”







ในห้องฉุกเฉิน เขตยังนั่งเฝ้าน้ำไม่ห่างและไม่คาดสายตา เพราะเค้ากลัวว่าน้ำจะตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเค้า


“น้ำ หลับไปนานแล้วนะ ตื่นขึ้นมาคุยกับฉันก่อนสิ” เขตคุยกับร่างบางที่นอนแน่นิ่งตรงหน้า อย่ากับเจ้าชายนิทรา


“คุณครับ อีกสักครู่หมอต้องขอให้คุณออกจากห้องฉุกเฉินนะครับ ”


“ไม่!!! ผมบอกหมอไปแล้วไงว่าผมจะอยู่ ถ้าผมไป แล้วใครจะดูแลน้ำ”


“อย่ากังวลเลยครับ หมอและพยาบาลจะดูแลเต็มที่ครับ”


“ผมไม่เชื่อใจใครง่ายๆหรอก ฝากหมอดูแลต่อด้วย อีก 20 นาทีผมจะกลับมาใหม่”


“ครับผม”

เขตค่อยลุกออกจากเก้าอี้นั่งข้างเตียงผู้ป่วยแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่กลับพบเพียง ตะวันและภูผา


“พวกนายยังอยู่อีกหรอ”

“คุณก็ไม่ต่างนักหรอก น้องชายพวกเราเป็นยังไงบ้าง” ตะวันถามอาการน้องชายทันที


“ยังไมได้สติ แต่ฉันเชื่อว่าน้ำจะได้สติเร็วๆนี้ ” เขตตอบเสียงแผ่วเบา


“แล้วนี่ คุณจะไปไหน” ภูผาเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเขตกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์

“ฉันจะไปหาอะไรกินหน่อย พวกนายจะฝากอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเถอะ” ภูผารู้ประสงค์ของเขต ก็ไม่ได้ถามต่อ


“อืม ”


“อ้อ คุณเขต เมื่อครู่คุณพ่อของคุณมาที่นี่ด้วย พร้อมกับคนขับรถ 2 คน”


“คุณพ่อ?  มานานแล้วหรอ”



“มาได้สักพักแล้ว ตอนนี้ชวนแม่กับพ่อพวกเราไปคุยธุระด้านนอก”


“อืม ถ้าหากคุณพ่อกลับมาอีก ก็บอกไปนะว่าฉันไปหาอะไรกินก่อน”


“ได้สิ คุณไปเถอะ หลายชั่วโมงแล้วยังไมได้กินอะไรเลย”


เขตพยักหน้าให้สองพี่น้องแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป







       ที่มหาวิทยาลัย  ช่วงเช้าเป็นช่วงที่มหาลัยมีกิจกรรมพอดี คือการเลือกชมรม เพราะฉะนั้นช่วงเช้าเด็กทั่วมหาวิทยาลัยที่เป็น

ปี 1 ก็ไม่มีเรียน ฟ้ามอญมาที่หน้าลานคอนกรีตขนาดใหญ่แต่เช้าเพื่อจะมาเลือกชมรม ช่วงเช้า 8.00 น. เพื่อนคนอื่นๆยังมากันไม่

เยอะ เค้ากับเฌอตาจะได้มาความสะดวกที่จะเดินเลือกดูชมรมต่างๆที่รุ่นพี่ ตั้งบูทเอาไว้


“นี่ๆๆๆ ฟ้า ดูนั่น จิตรศิลป์  ฉันชอบมากเลยแก” เฌอตาชี้นิ้วให้ฟ้ามอญดู ในขณะที่เธอทำท่าทางตื่นเต้นกระโดดเหมือนเด็ก


“ก็โอเคนะ ว่าแต่แกไปหัดวาดภาพมาแต่ไหนเนี่ย”


“อุ้ย ตายแล้ว เพื่อนรักของฉัน นี่ยังไม่รู้ละสิว่า สมัยมัธยมปลายฉันได้เป็นตัวแทนไปแข่งวาดภาพในงานวิชาการทุกปีนะจ้ะ”


“หรอ… แล้วได้ที่เท่าไหร่จ้ะแม่คุณ”


“อืม…………..” เฌอตาคำท่าทีเล่นตัว อมยิ้มไม่ยอมบอก


“เอ้ามาไง ได้ที่เท่าไหร่”


“รองชนะเลิศ”


“ว้าวไม่เลวนี่ เอาเลยๆ เราสนับสนุน”


“ถ้าอย่างนั้น พาฉันไปดูใกล้ๆบูทหน่อยดิ”


“โอเค ไม่มีปัญหา”





“สวัสดีฟ้ามอญ และ เฌอตา  ไม่น่าเชื่อเนาะใจพวกเราตรงกันไปเสียทุกเรื่องเลย”


“อะไรของเธอ อังกอ หลบไปฉันกับฟ้ามอญจะเข้าไปดูรายละเอียดชมรมจิตรศิลป์”


“ว้า เฌอตาจ๋า แย่หน่อยนะ พอดีผมก็ใจตรงกันกับพวกคุณทั้งสองคน เอาเป็นว่า เราก็เข้าๆไปดูทีเดียวเลยไหม”


“เฌอตา ฉันไม่เข้าไปดูแล้วนะ เดี๋ยวไปรอที่บูท รักษ์โลก รักสัตว์ แล้วกัน”


“ตายแล้ว ผมไม่ยักจะรู้นะเฌอตา ว่าเพื่อนรักของคุณเป็นคนรักษาโลก รักสัตว์ รักต้นไม้  ฟังๆไป ดัดจริตยังไงไม่รู้ว่ะ จริงๆไหม

พวกมึง ฮ่าๆๆๆ” อังกอหันไปถามเพื่อนๆชาวสีม่วงที่ติดสอยห้อยท้ายมาด้วย 3 ,4 คน


“พูดให้มันดีๆนะเว้ย ใครดัดจริต ถ้าให้ฉันมองดีๆ คนแถวนี้ต่างหากที่มันดัดจริต ว่าไหมเฌอตา”


“ใช่ ฟ้าพูดถูก คนอะไร ทำตัวกร่างโลก ระรานคนอื่นไปทั่ว ต้องการอะไรถามจริงๆเถอะ”


“มันไม่ใช่เรื่องของแก ยัยทอมบอย”


“ว่าใครทอมบอย เดียวสวยๆ”


“เฌอตา อย่า!  คนอื่นมองกันหมดแล้ว”


“มีอะไรกันครับน้องๆ”


“เปล่าครับ ไม่มีอะไร เข้าใจผิดกันเล็กน้อย จริงไหม ฟ้ามอญ เฌอตา” อังกอรีบเปลี่ยนคำพูดและอารมณืได้อย่างรวดเร็ว  ฟ้า

มอญกับเฌอตามองหน้ากับแล้วงงกับท่าทีของคนๆนี้เสียเหลือเกิน คนที่ดัดจริตตัวพ่อก็มีแต่หมอนี่แหละนะ


“เฌอตา เราไปชมรมใหม่ดีกว่านะ”


“ดีเหมือนกันฟ้า แนขี้เกียจทะเลาะกับ พวกไร้สมอง ”


“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแก”


“โอ้ย ไม่ต้องฝากแล้วไหมพ่อคุณ ฝากมากี่รอบแล้ว แทบจะนับไม่ถ้วน ไม่เห็นจะมาเอาคืนซักที บัญชีฉันมีวันหมดอายุนะเว้ย”

ฟ้ามอญตอกกับอังกอ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจมากขึ้นไปอีก


“ว่าไงครับ สรุป มีเรื่องอะไรบอกพี่ได้นะครับน้อง” รุ่นพี่คนเดิมถามซ้ำอีกครั้ง

“ไม่มี ถามอยู่ได้ น่ารำคาญ จะถอยไหมเนี่ย เข้าดูชมรมลำบาก”





“ฟ้า ไม่น่าเชื่อเนาะ คนอะไรไม่รู้ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ แปลกคน”


“มันก็น่าอยู่หรอกนะ คนมันแอบรักเค้าข้างเดียวมานานแสนนานอย่างอังกอนะ ถ้าไม่ปล่อยวางเสียบ้างก็ต้องทนอยู่กับชีวิตแบบนี้
แหละ”


“แอบรัก?  แสนนานหรอ?”


“ใช่ อังกอ แอบรัก ต่อ  มาตั้งแต่โรงเรียนเดิม สมัยมัธยมต้นแล้ว ”


“ตายแล้ว แอบรักแต่เด็กวัยขบเผาะ แกสมัยนั้นฉันยังเล่นยาง เล่นหมากเก็บอยู่เลย”


“ฮ่าๆๆ  แกนี่ก็หาเรื่องให้ขำได้ตลอดเลยนะ เฌอตา”


“ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เราสองคนเลือกชมรมรักษ์โลก รักสัตว์แล้วกัน”


“สวัสดี ฟ้า”


“อ้าวต่อ โผล่มาช้าไปไหม เมื่อกี้แทบจะได้มวยคู่เอกอยู่แล้ว”


“เกิดอะไรขึ้นหรอเฌอตา ”


“พอๆๆๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ต่อ  เฌอตาก็พูดไปเรื่อยแหละ”


“อ้าวหรอ”


“ฟ้า ทำไมไม่บอก ต่อ ไปเลยล่ะว่าโดนอีกแล้ว”


“เฌอตา พอได้แล้ว”


“ก็ได้!”


“สรุปคืออะไรกันแน่ บอกเราได้ไหม”


“เรื่อง....” เฌอตากำลังจะอ้าปากบอก ต่อ แต่ฟ้าก็พูดขึ้ันมาแทนทันที


“เรื่องไร้สาระน่ะ ต่อ  อืม ว่าแต่ว่าเลือกชมรมรึยัง”


“ยังเลย เห็นฟ้ากับเฌอตาเดินมาบูทนี้เลยตามมา  ว่าแต่ชมรมน่าสนใจดีเนาะ”


“นี่ไงๆๆ  ประจวบเหมาะเลยฟ้า ชวน ต่อ มาเข้าชมรมกับพวกเราเลยสิ เวลามีกิจกรรมจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน  ว้าย ฟินจัง”


“เวอร์ไปแล้ว เฌอตา เดี๋ยวนี้ไม่เป็นทอมบอยเหมือนอย่างที่ อังกอ เค้าว่าให้แล้วหรอ”


“โอ้ย แก ฉันเป็นสาวนะ ไม่ใช่ เป็นหนุ่ม ”


“ฟ้า ถ้าอย่างนั้น เราจะอยู่ชมรมนี้กับฟ้านะ”


“ได้สิต่อ เราว่าถามรายละเอียดชมรมกับพี่เค้าดีไหม”


“อืม”


“พี่ครับๆ พวกผมสามคน จะอยู่ชมรมนี้ ต้องทำยังไงบ้างครับ”


“ไม่มีอะไรมากเลยค่ะน้อง พี่ขอแค่บัตรนักศึกษาของน้องๆก็พอค่ะ”


“นี่ครับ/ค่ะ”


     รุ่นพี่รับบัตรของพวกเค้าสามคนไป เขียนข้อมูลรหัสนิดหน่อย แล้วก็ส่งกลับคืน


“เรียบร้อยแล้วค่ะ  ตอนเย็นวันนี้พี่จะขอนัดพูดคุยและทำความรู้จักกันในชมรมเรานะคะ อย่าลืมมานะ”


“ไม่ลืมค่ะ ชมรมนี้มีแต่คนน่ารัก หนูมาแน่ค่ะ” เฌอตาออกตัว ตอบกลับรุ่นพี่ทันที


“พี่ครับ ยังว่างอยู่ไหมครับ”


“ว่างสิคะน้อง”


        ต่อ เฌอตา และฟ้ามอญ หันไปมองทางเดียวกัน เพราะเสียงที่คุ้นหูเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์อยู่แล้ว


“แกอีกแล้วหรอ”เฌอตาหันไปชี้หน้าอังกอ


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”


“ไม่เอาน่าเฌอตา พอก่อนๆ”


“ก็ได้ๆ เบื่อจริงๆเลย ทำไมชอบตามมาระรานชาวบ้านเค้าไปทั่วแบบนี้ฮะ”


“พูดให้มันดีๆนะ ก็เมื่อกี้ แค่ไม่ชอบการวาดภาพขึ้นมา เลยอยากโลกสวยเหมือนใครบางคนบ้าง ไม่ได้หรือไง”


“โอเคๆ เราว่าหยุดกันทั้งคู่แหละ อังกอ นายจะเลือกก็เลือกไปนะ ส่วนฟ้ากับเฌอตา เราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”


“ก็ดีนะ เฌอตาไปเถอะ ”


“เชอะ ไอ้เกย์ผีบ้า ระรานคนอื่นไปทั่ว จะเข้าชมรมกับฉัน จะวังปากไว้หน่อยก็แล้วกัน เบื่อจริงๆไอ้พวกอยู่ร่วมโลกกับคนอื่นยากๆ

ๆแบบนี้ แล้วจะเอาสมองส่วนไหนมาเข้าใจธรรมชาติ คิดมาแล้วก็ขำ”


“เอ๊ะ อีนี่นิ อยากโดนตบมากนักใช่ไหม”


“เออ ก็เอาสิวะ คิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วจะต่อยไม่เป็นหรือไงกัน”


“พอแล้วๆเฌอตา ไปได้แล้ว ไป”


“ก็ได้ๆ เห็นแก่พี่ชมรมหรอกนะ ”


“น้องๆใจเย็นนะคะ กฎของชมรมคือ ห้ามทะเลาะกันเองในชมรม หากเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีกครั้ง พี่จะถอนรายชื่อน้องๆทุกคนที่
เกี่ยวข้อง ออกจากชมรมนะคะ”


“ครับ ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากนะครับที่ให้ดอกาส จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแน่นอนครับ” ต่อ รีบขอบคุณรุ่นพี่ยกใหญ่   แล้วพาว่าที่แฟนกับเพื่อนสาวไปกินข้าวเช้า


 อังกอเม้มปากแน่น เพราะสิ่งที่เฌอตาพูดให้เค้านั้นมันมากเกินไปแล้ว และอีกอย่างเค้าเองก็หงุดหงิดเหมือนกันที่ ต่อ มัวแต่ห้าม
ฟ้ามอญกับเฌอตา โดยไม่หันมาสนใจเค้าเลยแม้แต่น้อย


“โอ้ย  ฉันเกลียดพวกมันจัง ทำไม ต่อ  ต้องแคร์ต้องสนใจพวกมันด้วยนะ”

“น้องคะ ยังจะสมัครอยู่ไหมคะ เพื่อนๆคนอื่น ยืนรอเต็มไปหมดเลย”


“สมัครครับสมัคร นี่ครับบัตรนักศึกษา”







      ภายในห้องโถงเรือนไม้สัก หม่อมรุ้งพราวกำลังร้อยมาลัยถวายพระกับคนรับใช้ 2 3 คน อย่างมีความสุข หม่อมเจ้าชยาดล

เองเห็นแม่มีความสุขก็ดีใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอดูเครียดและไม่หน้าตาสดใสแบบนี้


“หม่อมแม่ครับ ทำอะไรอยู่หรือครับ”


“อ้าว ชายดล แม่กำลังทำมาลาถวายพระ นี่สวยไหม”


“สวยครับ แล้วก็หอมมากด้วย ดอกมะลิซ้อนใช่ไหมครับ”


“ใช่แล้วชายดล จะไปทำงานแล้วหรือ ทานข้าวเช้าแล้วหรือยัง”


“ยังเลยครับหม่อมแม่ ลูกกะจะไปหาอะไรทานข้างนอก”


“ท่านชายดล เพคะ เสวยที่เรือนก่อนสิเพคะ หม่อมรุ้งพราวได้ลงมือทำอาหารเองเลยนะเพคะ” ชดช้อย สาวใช้ผู้มากความ

สามารถในการเรือน และใจกล้าอีกด้วย เป็นคู่ปรับกับขจี คนของหม่อมบุหลันที่วังหน้า มาแต่ไหนแต่ไร


“ชอบใจนะ ช้อย  หม่อมแม่ ลูกต้องไปแล้วคราวหน้าลูกจะมาชิมฝีมือหม่อมแม่แน่นอนครับ ”


“ไปทำงานเถอะลูก แม่ไม่ได้ว่าอะไรลูกหรอกนะ ชายดล ”


“ช้อย  ฝากดูแลหม่อมแม่ด้วยนะ”

“ท่านชาย อย่าทรงกังวลเพคะ ช้อยถนัดนักเพคะเรื่องดูแลหม่อมรุ้งพราว”


“แหม เอาใจฉันยกใหญ่เชียวนะ แม่ช้อย”

“ก็หม่อมรุ้งพราว ใจดี ใจกุศลแบบนี้ ช้อยก็ต้องทำดีตอบสิเจ้าคะ ”


“จริงอย่างที่ช้อยบอกนะขอรับ หม่อมแม่ ออเรื่องของโอรสองค์เล็กละขอรับหม่อมแม่”


“หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ส่งข่าวมาเรื่อยๆ แต่วันนี้แม่ยังไม่ได้รับข่าวสารเลย บางทีคุณชายอาจจะติดธุระ”


“อย่างนั้นหรือขอรับ ลุกไปแล้วนะขอรับหม่อมแม่”


“เดินทางดีๆนะลูก”


     หม่อมเจ้าชยาดลไหว้เธอแล้วเดินไปขึ้นรถที่มีคนขับรออยู่แล้ว ช้อยมองตามท่านชายแล้วยิ้มแป้น จนหม่อมรุ้งพราวเองก็
เอะใจ จนต้องจำถามขึ้นมา


“เป็นอะไรไปช้อย ยิ้มใหญ่เชียว”


“เปล่าเจ้าค่ะ หม่อม ช้อยเพียงแค่คิดว่า ท่านชายยิ่งชันษามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทรงหล่อเหลามากเจ้าค่ะ”


“อะไรกัน เมื่อครู่ท่านก็อยู่ ทำไมไม่ชม”

“อุย ช้อยไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ ว่าแต่ ท่านชายน่าจะทรงหาพระคู่หมั้นได้แล้วนะเจ้าคะ หม่อมรุ้งพราว”


“เรื่องนี้ฉันก็เคยคิด แต่เอาไว้เป็นเรื่องที่ท่านชาย ทรงเลือกและไตร่ตรองเองจะดีกว่า ”


“เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้น ช้อยขอไปเก็ยดอกไม้มาเพิ่มนะเจ้าคะ”

“อืม ไปเถอะไป”




ที่วังหน้า เรือนหลังใหญ่ ลูกน้อง 2 คนเดินเข้ามารายงานหม่อมบุหลันทันที ซึ่งตอนนี้เธอกำลังนั่งเล่นอยู่ที่สวนหน้าวัง


“ว่ายังไง ข่างคราวของพวกมันไปถึงไหน”


“ได้ยินหม่อมรุ้งพราว พูดถึงหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยขอรับ”



“อย่างนั้นหรือ แสดงว่าเรื่องที่ออกตามหาโอรสองค์เล็กก็เป็นเรื่องจริงนะสิ”


“ใช่ขอรับหม่อมบุหลัน”


“พวกแกทำงานดีมาก เอานี่ไป เงินสด 40000 บาท จะเอาไปทำอะไรก็ทำ หมดธุระพวกแกแล้ว”


“ขอบพระคุณขอรับ หม่อมบุหลัน”


“อืม ไปได้ละ”


“ขอรับ”




หม่อมบุหลันมองไปข้างหน้า แววตาดุดันขึ้นมาทันที เพราะเธอคาดไว้นั้น เป็นอย่างที่ว่าไม่มีผิด


“ฉันไม่ยอมให้ใครมาแบ่งสมบัติไปจากลูกฉันไปอีก ไม่มีทาง ฮึ  มาดูกันสิว่าลูกแกมันจะมีบารมีมากพอที่จะขยับเข้ามานั่งชูคอในวังนี้ได้หรือไม่  ศึกคราวนี้ใครจะชนะกัน ระฉันที่มีชีวิตอยู่ กับเธอ อีหม่อมพิมล แม้ลมหายใจเธอเองก็ไม่มีแล้ว ฮึ”


    หม่อมบุหลันยิ้มแสยะ อย่างหน้ากลัว แววตาที่ตอนนี้ใครมองก็ต้องกลัวและเกร็งกันไปหมด ไม่มีใครรู้เลยว่าเอร้ายเพียงนี้

นอกจากคนที่อยู่ในเรือนเดียวกับเธอและคนรับใช้เธอจะรู้ดี  แล้วอย่างนี้เธอเองคงไม่ปล่อยให้โอรสองค์เล็กกลับมาวังได้ง่ายๆ

เป็นแน่






ทุกคนรุ้เรื่อง เกือหมดแล้ว ยกเว้น เขต  เฮ้อ  พันเอกผู้น่าสงสาร   :hao5: :hao5: :hao5: ที่ทำๆไปเนี่ยแกรู้หัวใจที่มันต้องการความรักแล้วหรือยัง หรือว่าแกทำๆไปเพราะยังหาคำตอบไม่ได้  ส่วนหม่อมบุหลันนี่ก็น่าหมั่นไส้ไปนะ เดี๋ยวเจอดีแน่ :katai1: :katai1: :katai1:

เจอกันใหม่ตอนที่ 17  18  วันเสาร์อาทิตย์หน้านะผู้อ่าน รักเธอนะ จุ๊บๆ   :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 17



        ผ่านไปหลายชั่วโมง หมอให้น้ำย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยพิเศษ เขตยังคงยืนกรานขอเฝ้าน้ำต่อ โดยที่ไม่มีใครขัดเค้าใดๆทั้งสิ้น

เพราะคนอื่นๆรู้ดีว่าถึงจะห้ามยังไง เขตก็ไม่ฟังอยู่ดี

เที่ยงคืนของวันนั้น เขตตื่นจากภวังค์ เพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง เค้าพยายามส่องดูหน้าจออย่างทุลักทุเล ปรากฏว่า

เป็นภัครพิชัย พ่อของเค้าเอง


“คุณพ่อ โทรมาดึกดื่นขนาดนี้ มีอะไรรึเปล่านะ” ภูธเนศพึมพำเบาๆ





“ครับคุณพ่อ ผมเขตครับ”


“เจ้าเขต น้ำเป็นยังไงบ้างลูก น้ำฟื้นหรือยัง”


“น้ำ…เอ่อ…”


        เขตหันหน้าไปมองน้ำ ซึ่งยังคงหลับอยู่ไม่ได้สติ  แล้วร่างหนาหันกลับมาตอบคำถามปลายสายที่ยังคงรอคำตอบอยู่


“น้ำยังไม่รู้สึกตัวครับ”


“เขต! พ่อมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเขต”


“เรื่องสำคัญ?  เรื่องสำคัญอะไรครับคุณพ่อ”


“ฟังให้ดีนะ  คือว่า…”




“คุณเขต….คุณเขต  ช่วยผมด้วย”


            เสียงแผ่วเบาบนเตียงเอ่ยขึ้น เขตรีบหันไปดูน้ำ  ร่างบางตรงหน้าเค้าฟื้นแล้ว และเค้าฟังไม่ผิดแน่ น้ำกำลังเรียกชื่อเค้า

ด้วย  น้ำเหมือนคนกำลังละเมอ เปลือกตาคู่นั้นปิดสนิท มือข้างขวายกขึ้นเหมือนกำลังควานหาอะไรสักอย่าง




“คุณพ่อ แค่นี้ก่อนนะครับ น้ำฟื้นแล้ว”


    เขตตอบกลับภัครพิชัยที่อยู่ปลายสายแล้วตัดสายไป ภัครพิชัยแปลกใจ เพราะได้ยินคำพูดเมื่อครู่นี้ไม่ถนัด


“หมดกัน กะว่าจะบอกเรื่องน้ำซะแล้วเชียว แล้วนี่…น้ำฟื้นแล้วจริงๆหรอ ” ภัครพิชัยส่ายหน้าไปมาเบาๆ


“น้ำ น้ำฟื้นแล้ว น้ำนี่พี่เอง พี่เขตไง พี่อยู่นี่แล้ว” เขตยิ้มดีใจ ดึงมือน้ำมากุมเอาไว้

“คุณเขต” น้ำพูดเสียงแผ่วเบา เปลือกตาคู่นั้นพยายามเปิดออกอย่างช้าๆ

“ขอบคุณสวรรค์ น้ำไม่ได้ความจำเสื่อม ”

“คุณเขต ผม…ผมเจ็บหัวจังครับ” น้ำพยายามเอามือไปแตะที่หัว

“น้ำๆๆ  พอแล้วๆ ไม่ต้องขยับนะ แล้วก็ไม่ต้องเอามือไปจับหัวด้วย แผลยังไม่หายดีเดี๋ยวเจ็บได้รู้ไหมครับ”

       ทหารหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วรวบดึงมือทั้งสองข้างของร่างบางมากุมไว้  ศีรษะของน้ำถูกพันด้วยผ้าสีขาว 3   4

รอบ  เขตเห็นแล้วยิ่งสงสารไปใหญ่


“คุณเขต คุณเขตพาผมมาที่นี่หรอครับ”

น้ำพยายามมองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยมที่ตกแต่งดีใช้ได้ และสวยมากอีกด้วย


“ใช่ พี่พาน้ำมาเอง ทุกคนเป็นห่วงน้ำหมดเลยนะรู้ไหม”


“หรอครับ แล้วคนอื่นๆ ไปไหนกันหมดแล้วล่ะครับ”


“พวกเค้ากลับกันหมดแล้วแหละ  นี่เมื่อเช้าคุณพ่อก็มาเยี่ยมนายด้วยนะ”


“พ่อเวทหรอครับ”


“เปล่า พ่อฉันเอง ”


“หม่อมราชวงศ์ภัครพิชัยหรอครับ”


“อืมใช่  หิวไหม เดี๋ยวพี่จะบอกพยาบาลข้างนอกให้”


“หิวครับ ผมหิวน้ำ”


“โอเค เดี๋ยวพี่จะออกไปบอกพยาบาลข้างนอกให้เตรียมข้าว กับ น้ำมาให้เลยแล้วกันนะ”


“คุณเขตครับ!”

 น้ำคว้าแขนหนาๆของเขตเอาไว้ได้ทัน ร่างบางยิ้มให้เขตก่อนที่ทหารหนุ่มจะค่อยๆยิ้มตอบรับอย่างเขินๆ เพราะเค้าไม่เคยทำ

อะไรแบบนี้กับน้ำเลย ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้


“อะไรน้ำ ฮืม ”


“ขอบคุณนะครับ”


“มากกว่านี้พี่ก็ทำให้ได้ มันยังน้อยไปสำหรับเรื่องที่ผ่านมา น้ำนอนรอพี่ที่นี่แหละนะ เดี๋ยวพี่มานะ”


     ชายวัย 30 ปีเดินออกไปจากห้อง เหลือเพียงเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี กำลังทำสีหน้าไม่สู้ดี อาจจะเป็นเพราะ พิษของบาดแผลยัง

มีอยู่ น้ำนอนรออยู่บนเตียงไม่นาน   เขตก็เดินเข้ามาพร้อมกับพยาบาล 2 คน


“น้ำ ข้าวกับน้ำมาแล้วนะ น้ำลุกไหวไหม” เขตเดินเข้าไปประคองน้ำอย่างระมัดระวัง พยาบาลเห็นท่าทีเหมือนจะไม่ค่อยสะดวก

เธอเลยอาสาเข้ามาช่วย


“ให้ฉันช่วยไหมคะ”


“ไม่ต้อง ผมดูแลน้ำได้ คุณเอาอาหารและน้ำวางไว้ตรงนี้แหละ ”


“ค่ะ คุณเขต”


    พยาบาลสาว 2 คนวางอาหารและน้ำเสร็จก็รีบเดินกลับออกไปทันที เหลือเพียงแค่เขตกับน้ำเท่านั้นในห้องสี่เหลี่ยมนี้  น้ำมอง
หน้าเขตอย่างงงๆแต่ไม่กล้าถาม เขตเองก็พอจะรู้ว่าน้ำมอง และเค้าก็อึดอัดมากหากไม่รู้สาเหตุว่าอีกฝ่ายมองทำไม

“มองพี่ทำไมน้ำ มีอะไรรึเปล่า”


“อะ เอ่อ ปะ..เปล่าครับ  ผมแค่…” ร่างบางพยายามจะพูดต่อ แต่กลับเงียบไปเสียก่อน


“อะไรครับ ไม่พูดต่อแบบนี้ พี่จะรู้ไหม ฮืม!” เขตยื่นหน้าเข้ามาใกล้น้ำเข้ามาอีก น้ำถึงกับหน้าแดง อย่างกับลูกตำลึง  แววตาดุจ

พญาอินทรีคู่นั้นจ้องมองเค้าอย่างไม่กระพริบตา  แต่คราวนี้เป็นการถูกจับจ้องด้วยความเอ็นดูเสียมากกว่า แววตาของภูธเนศนั้น

มีเสน่ห์เสียจริงๆ


“ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะ จะหลบสายตาพี่ไปถึงไหนครับ คนดีของพี่”


“เอ่อ.. ผมแค่อยากจะบอกว่า ผม ฝะ…ฝันไป รึเปล่าครับ”


“ฮ่าๆๆๆ อะไรของนายเนี่ยน้ำ อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”


  ร่างหนาดึงตัวออกจากการประชิดเมื่อครู่แล้วหัวเราะดังลั่นห้อง ร่างบางยิ่งงงกับเขตไปใหญ่ เหมือนกับเขตคนใหม่ที่ไม่ค่อยจะ

โอเคเท่าไหร่เลยจริงๆ หรืออาจจะเพราะน้ำไม่คุ้นเคยก็เป็นได้


“คุณเขต ขำอะไรหรอครับ” ร่างบางถามเขตขึ้นมา เขตถึงกับหยุดหัวเราะทันที


“โทษทีๆ พี่ลืมตัวไปหน่อย แล้วจะบอกได้หรือยังว่า อะไรทำให้เราคิดว่าเหมือนกับความฝัน”


“ก็คุณเขต เรียกแทนตัวเองว่าพี่ และเรียกผมว่า นาย กับ น้ำ ผมไม่ชินเลย”


“แล้วรู้รึเปล่าล่ะว่าเพราะอะไร พี่ถึงได้เปลี่ยนไปแบบนี้”


“ผะ…ผม ไม่รู้ครับ”


“น้ำ เลิกพูดว่าผม หรือ คุณเขต เสียที ต่อไปนี้ แทนตัวเองว่า น้ำ และเรียกพี่ว่าพี่เขต ไหน เรียกใหม่สิ”


“พี่เขต”


“อืม พูดง่ายแบบนี้ น่ารักที่สุดเลยน้ำ  มาๆเดี๋ยวพี่ป้อนดีกว่า ไหนดูสิ พยาบาลเอาอะไรมาให้กินน้า…”


      เขตยกอาหารและน้ำมาไว้ที่ภาชนะสำหรับวางอาหารคนไข้ พร้อมกับเปิดดูเมนูตรงหน้า


“โห ต้มจืดยอดตำลึง กับ ไข่ตุ๋น ร้อน ข้าวสวย 1 พับพี ” เขตดูตกใจและตื่นเต้นกว่าน้ำที่นอนพิงหลังอยู่บนเตียงเสียอีก


“น้ำ พี่ป้อนให้นะ”


“คะ..ครับ”

          น้ำตอบแบบอายๆ ให้ตายเถอะ ใครจะไปชินกับท่าทางและอารมณ์ของเขตตอนนี้ หากใครเป็นน้ำแล้วเจอในสถานการณ์

แบบนี้ ก็คงแปลกใจและคิดว่าเขตเป็นบ้าหรือไม่ก็เพี้ยนไปแล้วแน่นอน แต่สำหรับร่างบางแล้ว เค้ายิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นๆทุกที








เช้าวันใหม่ ภัครพิชัยกำลังทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร พร้อมๆกับมีกล้วยไม้ ใบหลิว สงกรานต์ ยืนอยู่ข้างๆเจ้านายเผื่อจะเรียก

ใช้อะไร

“กล้วยไม้!”


“ขา คุณภัครพิชัย”

“อาหารตั้งเยอะแยะมากมาย พวกเธอแบ่งเอาไปกินบ้างหรือยัง”

“เรียบร้อยค่ะคุณชาย”

“อืมดีแล้ว ของอร่อยๆแบนี้ คนที่ทำเองก็ต้องได้ชิมบ้างถึงจะถูกนะ จริงๆตัวฉันเองก็ทานไม่หมดหรอก”

“ค่ะ คุณชาย”






ปี๊ดๆ ปี๊ดๆ



เสียงแตรรถ ที่คาดว่า มีมากกว่า 2 คัน ดังที่หน้าประตูรั้วบ้าน ธำรงอาภรนิช  ทุกคนหันออกไปมองทางเดียวกับต้นเสียงเมื่อครู่


สงกรานต์ยืนมองและอยากรู้ว่าใครมาแต่เช้าขนาดนี้



“คุณชาย ทานต่อเถอะครับ ผมจะออกไปดูให้”

“อืม ฝากด้วยนะสงกรานต์”

“ครับ”



      เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่สงกรานต์เดินไปเปิดประตูเหล็กด้านหน้าบ้านออก เผยให้เห็นรถตู้สีดำ 2 คัน สุดหรูจอดอยู่หน้าบ้าน 

สงกรานต์ยืนดูอย่างงงๆ จนกระทั่งคนขับรถคนนึงเดินลงมาจากรถ เพียงแค่สงกรานต์เห็นชุดที่คนขับรถใส่อยู่นั้น ก็รู้ดีเลยว่าเป็น

คนของวังฉัตรอรุณแน่นอน



“มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” สงกรานต์เอ่ยถามคนที่เดินเข้ามาทันที


“ขอโทษทีนะครับที่ไมได้บอกก่อนล่วงหน้า ครั้งนี้ทางวังฉัตรอรุณรอ ราชนิกุลอีกต่อไปไมได้แล้ว ”


“ราชนิกุล?  หมายความว่ายังไงครับ ที่นี่ไม่มีราชนิกุลหรอกนะครับ”


“หม่อมเจ้าชยาดลเสด็จมาด้วย พร้อมกับหม่อมรุ้งพราว ต้องการพบหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย”


“เอ่อ…ทราบแล้ว บอกท่านชายและหม่อมรุ้งพราว ทรงรอสักครู่นะ จะไปแจ้งให้เร็วที่สุด”

“ครับ”






“คุณชายครับคุณชาย…”


“ว่าไงสงกรานต์ หน้าตื่นตระหนกอะไรขนาดนั้น”


“คือ หม่อมเจ้าชนาดล เสด็จมาพร้อมกับหม่อมรุ้งพราวครับ”


“อะไรนะ ไปเปิดประตูแล้ว พาท่านชายประทับรอที่ห้องโถงใหญ่เร็ว”


“ครับคุณชาย”


“กล้วยไม้ ใบหลิว  ไปเตรียมน้ำและอาหารให้หม่อมเจ้าชยาดลกับหม่อมรุ้งพราวด่วนเลย”

“ทราบแล้วค่ะคุณชาย”







      ภัครพิชัย เดินออกมาจากห้องทานอาหารอีกรีบร้อย หลังจากที่หม่อมเจ้าชยาดลและหม่อมรุ้งพราว นั่งรอที่โซฟาสีแดงได้

สักพัก ภัครพิชัยเดินเข้ามาอย่างสุขุมและคำนับหม่อมเจ้าชยาดลด้วยการก้มศีรษะเล็กน้อย


“คุณชาย ไม่ต้องมากพิธีครับ ผมอายุน้อยกว่ามาก”

“เป็นสิ่งที่ควรทำกระหม่อม หลีกเลี่ยงมิได้ แล้วไม่ทราบว่าท่านชายเสด็จมาถึงที่นี่มีอะไรให้รับใช้หรืออย่างไร กระหม่อม”

“นั่งก่อนเถอะหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ฉันและลูกมาหาถึงที่บ้าน ต้องขออภัยด้วย”

“อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับหม่อมรุ้งพราว กระผมยินดีมาก”

“หลายวันมานี้ หม่อมแม่ดูกังวลใจมาก ผมเองก็เช่นกัน เรื่องน้องเล็กของวังฉัตรอรุณ ไม่ได้ข่าวคราวเลยพวกเรารู้สึกแย่”

“ต้องขอประทานอภัยท่านชาย ที่กระหม่อมทำให้รอ จริงๆแล้ว กระหม่อมได้สืบเรื่องนี้แน่ชัดแล้ว น้ำลูกบุญธรรมของกระหม่อม มี

สร้อยเหมือนท่านชายและมีชื่นกับเวท สองสามีภรรยาเป็นคนเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต กระหม่อม”

“จริงหรือนี่ ชายดล น้องของลูกยังมีชีวิตอยู่”

“ผมเคยเห็นเด็กคนนี้ครั้งหนึ่งแต่นานมากแล้วที่ห้างสรรพสินค้า น้องน่ารักมากเลย นี่ผมได้น้องชายหรือนี่”

ท่านชายดล สีหน้าดีใจสุดๆ


“แล้วนี่ หม่อมเจ้าองค์เล็กอยู่หรือเปล่า” หม่อมรุ้งพราวถามภัครพิชัยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“เอ่อ…ตอนนี้  หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ประทับที่โรงพยาบาลครับ หม่อมรุ้งพราว”


“โรงพยาบาล น้องชายผมไปอยู่ที่นั่น  ไปทำไมกันครับ หรือว่ามีคนที่บ้านเก่าไม่สบาย”


“ท่านชายน้ำ ทรงได้รับอุบัติเหตุนิดหน่อยกระหม่อม”


“อุบัติเหตุ แล้วทำไมเรื่องนี้ คุณชายไม่เคยบอกพวกเราเลยล่ะคะ”


“ต้องขอโทษและขอประทานอภัย ท่านชายด้วยกระหม่อม แต่กระหม่อมคิดว่าหากบอกเรื่องนี้ไปให้ท่านชายและหม่อมรุ้งพราวรู้

เกรงใจจะไม่สบายพระทัย”


“ผมอยากไปเยี่ยมน้องน้ำ คุณชายพาไปได้หรือไม่ครับ”


“เอ่อ…จริงๆแล้ว โรงพยาบาลอยู่ไกลมาก เกรงว่าจะไม่สะดวกกระหม่อม”


“แต่ผมอยากไปจริงๆนะครับ น้องเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับคุณชาย”


“ไม่ครับท่านชาย อย่าได้ทรงกังวลพระทัย ตอนนี้ลูกชายของกระหม่อมดูแลอย่างใกล้ชิด และข่าวล่าสุด ท่านชายน้ำทรงฟื้นและ

รู้สึกพระองค์แล้วกระหม่อม”

“ค่อยโล่งอกหน่อย แล้วเรื่องนี้จะประกาศให้ทุกคนรู้แน่นอนหลังจากที่น้องน้ำกลับมาที่บ้านของคุณชายแล้ว”

“จะเอาอย่างนั้นเลยหรือกระหม่อม เกรงว่าท่านชายน้ำจะทรงทำใจไม่ได้”


“ความจริงก็คือความจริงนะคุณชาย ถึงท่านชายน้ำจะทรงไม่รู้ หรือไม่อยากรับรู้ แต่สักวันก็ต้องรู้อยู่แล้ว และยิ่งถ้าไปกว่านี้ เกรง

ว่าหม่อมบุหลันเธออาจจะรู้แผนก็เป็นได้”


“หม่อมบุหลันหรือครับหม่อมรุ้งพราว”

“ใช่  หม่อมบุหลัน พักหลังๆมานี้เธอจะมาหาฉันที่บ้านอยู่บ่อยๆ คอยตำหนิและพูดจาส่อเสียดเหมือนรู้ว่าฉันกับท่านชายดลมีแผน

อะไรอยู่”


“ไม่ได้การแล้ว ผมจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านชายทรงทราบเองทันทีที่กระหม่อมไปเยี่ยมท่านชายน้ำอีกรอบ ขอหม่อมรุ้งพราวและ

ท่านชายดลอย่าได้ทรงเคืองพระทัย”

“ครับ ผมกับหม่อมแม่ รบกวนคุณชายมามาก ต้องขอบคุณจริงๆนะครับ”


“ไม่เลยครับท่านชาย กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยและดีใจมากที่น้ำ เป็นราชนิกุลในพระองค์เจ้าฉัตรอรุณ”

“ถ้าอย่างนั้นผมและหม่อมแม่ขอกลับวังก่อนนะครับ ฝากดูแลน้องชายของผมด้วยนะครับ ผมสงสารน้องเหลือเกิน”


“ได้ครับท่านชาย อย่าได้ทรงเป็นห่วง กระหม่อมจะดูแลเป็นอย่างดี ขอท่านชายเสด็จกลับวังอย่างปลอดภัยกระหม่อม”


             ภัครพิชัย สงกรานต์ กล้วยไม้และใบหลิว คำนับท่านชายอย่างอ่อนน้อมตามหลักปฏิบัติที่พึงควรจะกระทำ  หม่อมเจ้า

ชยาดลและหม่อมรุ้งพราวกลับวังด้วยความสุข ในสิ่งที่เธอและลูกพยายามมา มันเป็นความจริง และหม่อมบุหลันเธอเองคงจะปิด

ความลับนี้ไม่อยู่เสียแล้วสินะ






   พันเอกหนุ่มร่างสูงลาพักงานหลายวันเพื่อมาใช้ชีวิตดูแลน้ำอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาล  และดูเหมือนน้ำจะดีขึ้นทุกวันๆ อาจจะ

เป็นเพราะมีกำลังใจดีๆอยู่เคียงข้างมาได้สักพัก ความรู้สึกดีๆของน้ำเริ่มก่อขึ้นเรื่อยๆ จนจะลืมเรื่องราวที่ยังโกรธและกลัวเขตที่

ผ่านมาสนิทใจ และกำลังเริ่มความรู้สึกดีใหม่ๆขึ้นที่นี่ในตอนนี้


   เขตพาน้ำออกมาสูดอากาศข้างนอก ที่มีสวนต้นไม้ ร่มรื่นภายในโรงพยาบาล วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ร่มเย็นกว่าวันก่อนๆมาก


“น้ำ ยังรู้สึกปวดหัวอยู่ไหม”


“ไม่แล้วล่ะครับ น้ำคิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะกลับบ้านได้แล้ว”

“ดีเลย กลับไปคราวนี้ พี่จะขอคุณพ่อให้น้ำมานอนเป็นเพื่อนกับพี่ดีกว่า”


“ไม่ดีมั้งครับพี่เขต ผมจะไปพักที่ห้องเดียวกันกับเจ้านาย…”

   น้ำพูดยังไม่ทันจบประโยคเขตก็เอานิ้วชี้ขนากใหญ่แนบไปที่ริมฝีปากน้ำทันที พรางบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่างคิดเรื่องนี้อีก

“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ พี่รู้สึกแย่ และแย่มาก ”

“ครับ น้ำจะไม่พูดอีก”

“เรื่องที่แดนภพจะให้น้ำไปเรียนต่อ พี่จะจัดการต่อเอง น้ำไปบอกแดนภพนะว่าไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้”

“พี่เขต ทำแบบนั้น พี่แดนภพเสียใจแย่นะครับ จริงๆพี่แดนภพกำลังให้น้ำเลือกดูสาขาที่สนใจอยู่ด้วย”

“ช่างมันสิ พี่ไม่ชอบเลยเวลามันอยู่ใกล้น้ำ”

“พี่เขต พี่แดนภพเค้าไปทำอะไรให้พี่เขตไม่พอใจหรอครับ หรือว่ามีเรื่องกัน”

“เปล่าครับน้ำ แต่พี่ไม่อยากให้แดนภพมาหาน้ำบ่อยๆ ไม่รู้สิพี่หงุดหงิด”

“….” น้ำยิ้มให้กับท่าทีของหนุ่มร่างหนาข้างๆที่ทำสีหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กๆอยากได้ของเล่นแล้วไม่ได้เสียอย่างนั้น

“ยิ้มอะไรครับ คนดีของพี่  บอกมานะ พี่ไม่ชอบอยู่ด้วยแอบยิ้มอะไร บอกมา”

“ไม่บอกครับ ฮาๆ”

“หืม  เห็นว่าเป็นคนป่วยอยู่นะ พี่ไม่อยากรู้ก็ได้”

“ก็ได้ครับๆ  น้ำบอกพี่เขตก็ได้  ที่น้ำยิ้ม เพราะเห็นว่าพี่เขตทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กๆเลย”

“หมายความว่ายังไง พี่ไม่เข้าใจ”


“ก็น่ารักเหมือนเด็กไงครับ”

“ไม่จริงอ่ะ” เขตหันหน้าหนีร่างบางเพราะกลัวว่าเค้าจะเห็นรอยยิ้มของเค้า

“จริงๆนะครับ เชื่อน้ำสิ พี่เขตน่ารักที่สุดละ”

“ฮาๆๆๆ  น้ำชมพี่ด้วย นี่ครั้งแรกเลยนะที่หลุดออกจากปากน้ำ แต่ไม่ต้องชมหรอกพี่รู้ตัวเองดี”




ติ้ดๆๆๆ 





เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขตควานหามือถืออยู่ไม่นานก็หยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นชื่อของคนที่เค้าไม่คิดว่าจะโทรมา เขตเลี่ยงตัว

ไปรับโทรศัพท์ น้ำมองตามเขตไปเห็นท่าทางเขตดูไม่ดีเลย สีหน้ากังวลอย่างบอกไม่ถูกทันทีที่เค้าสนทนาเสร็จร่างบางก็เอ่ยถาม

ทันที


“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่เขต”น้ำถามอย่างสงสัย


“อ้อเปล่าครับ พอดีผู้ใหญ่โทรมานิดหน่อย ปะพี่พาน้ำกลับไปพักที่ห้องดีกว่า”


“ครับ”




ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เขตพาน้ำขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าให้น้ำ เขตยื่นมือไปลูบหัวน้ำเบาๆ เพราะกลัวว่าน้ำจะยังคงเจ็บแผลอยู่


“พักผ่อนก่อนนะน้ำ พี่มีธุระ แล้วเดี๋ยวเย็นนี้พี่จะรีบกลับมาหาน้ำนะ”


“ครับพี่เขต ไปเถอะครับน้ำอยู่ได้”


“อืม หลับซะคนดีของพี่”



เขตยิ้มให้น้ำก่อนเดินออกจากห้องไป ก่อนหน้านี้ ดุษฎีหรือเสี่ยสิงห์ โทรมาหาเค้า อย่างร้อนรน เป็นเรื่องของแอริน เขตนึกไปนึก

มา เค้าเองก็ลืมไปเลยว่าแอรินจะเป็นยังไงเพราะเค้าไมได้รับสายและไม่ได้โทรหาแอรินเลยแม้แต่น้อย



“แอรินไม่สบายหนักขนาดนี้ เธอเป็นอะไรกันนะ แอริน ฉันจะรีบไปหาเธอนะ”



เขต เดินตรงไปรถส่วนตัวที่จอดไว้  โดยกำชับไพบูลย์ให้อยู่เฝ้าน้ำที่นี่แทนเค้า จนกว่าเค้าจะกลับมา ไพบูลย์ยินดีและรับปาก

อย่างดีว่าจะดูแลให้ดีที่สุด และจะรายงานเรื่องของน้ำจนกว่าเค้าจะมา





เฮ้ๆๆๆๆ  มาต่อแล้วนะๆๆๆ   ขอโทษที่มาช้า แต่ก็ยังทันอยู่ อิอิ    น้ำใกล้จะเจอความจริงแล้ว  เขตจะทำหน้ายัง

ไงนะอยากรู้จัง   แล้วเจอกันพรุ่งนี้น้าาา
   :katai5: :katai5: :katai5:     :katai3: :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ loveice

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ตอนที่ 18



         เช้าวันใหม่ ทางโรงพยาบาลแจ้งไปยังบ้านธำรงอาภรณ์นิช ว่าน้ำฟื้นและอาการดีขึ้นมากแล้ว ให้กลับมารับไปที่บ้านได้ ภัค

รพิชัยยิ้มอย่างดีใจและบอกให้สงกรานต์เตรียมรถทันที


   เพียงไปถึงที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ น้ำก็อยู่ในชุดลำลองแล้ว เสื้อผ้าโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ น้ำถอดมันออกแล้ววางเอาไว้ที่ปลาย

เตียง ร่างบางกำลังนั่งมองทีวีมาพักใหญ่ แล้วก็หันไปทางประตูหลังจากที่มีคนเปิดมันอ้าออก


“คุณชาย! สวัสดีครับ”


“ไม่ต้อไหว้ฉันหรอกนะ ไหนๆ อืม อาการดีขึ้นมากแล้วจริงๆ แล้วนี่ ชื่นกับเวท พี่น้องคนอื่นๆล่ะ”


“ไม่ทราบเลยครับคุณชาย ”


“ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวฉันจะพาหนูน้ำกลับไปที่บ้าน บ้านของเรานะ แล้วหากชื่นหรือเวท แม้แต่พี่น้องของเธอเองก็ให้มาหาน้ำได้ทุก

เมื่อ หากน้ำต้องการ”


“จริงหรอครับ” ร่างทำสีหน้าดีใจมาก


“แล้วนี่เจ้าเขตอยู่ไหม” ภัครพิชัยหันไปมองหาลูกชายคนโต ที่คาดว่าจะอยู่ในห้องแต่กลับไม่พบ น้ำทำสีหน้าสลดเล็กน้อยก่อน

จะตอบเจ้านายตรงหน้า


“ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่คุณเขต ไปธุระตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นกลับเลยครับ”


“ธุระหรอ ไม่เห็นเจ้าเขตจะบอกฉันมั่งเลย”


  น้ำน้อยให้ภัครพิชัยเล็กน้อย  ก่อนจะลุกไปหยิบรีโมทมาปิดทีวีและยกสำภาระทั้งหมดกลับบ้าน บ้านที่เค้าก็ไม่คิดว่าจะเรียกว่า

บ้านดีหรือเปล่า หลังนั้นหลังที่น้ำต้องใช้หนี้ใช้สินแต่เสียทีแรก แต่ด้วยความใจดีและจิตใจกว้างขวางน้ำถึงได้ไม่ต้องทำงานใช้

หนี้





       น้ำกลับมาถึงบ้านที่ห่างหายไปกว่า ครึ่งเดือน ตั้งแต่วันเกิดเรื่องต่าง สภาพบ้านยังคงอยู่ดี กล้วยไม้และใบหลิวยิ้มรอคอยน้ำ

กลับมาอย่างใจจดใจจ่อ  น้ำเห็นหน้าพวกเค้าเหล่านั้นก็คิดถึงขึ้นมาจับใจ


“พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิว น้ำคิดถึงจังเลย” น้ำยิ้มแล้วเดินเข้ากอดทั้งสองสาว แต่พวกเธอทำท่าเกร็งๆแล้วเดินหลบน้ำ


“ขอคำนับท่านชายเพคะ” กล้วยไม้และใบหลิว ถอนสายบัวแต่พองาม น้ำตกใจมาก ที่สองคนนี้ท่าทีเปลี่ยนไป


“อะไรกันครับ พี่ๆทั้งสอง มาถอนสายบัวให้น้ำทำไมกัน” ร่างบางคนหน้างุนงง ก่อนจะหันไปหาสงกรานต์และไพบูลย์  ทั้งสองก็

ก้มหัวคำนับน้ำเช่นกัน น้ำยิ่งงงไปกันใหญ่


“ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด น้ำงงไปหมดแล้วนะครับ คุณชายครับ คุณชายพอจะทรา….”


        เพียงแค่น้ำหันไปหาหม่อมราชวงศ์ภัครพิชัย ยังต้องทำคล้ายๆกับที่สงกรานต์กับไพบูลย์ทำเมื่อครู่ น้ำยิ่งงงไปกันใหญ่  แต่

ในเวลาที่ร่างบางยังไม่ได้ทำตอบ ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านพร้อมกับคนมากมายชายหญิงนับ 20 คน ชุดที่

ใส่สวยมาก หญิงคนนี้งดงามแม้เพียงอายุจะมากแล้วก็ตาม กับ ชายร่างสูง ที่น้ำสีหน้าเหมือนจะจำได้


“นี่นะหรอ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ไกลเกียรติขจรกุล  แห่งวังฉัตรอรุณ” หญิงตรงหน้าเอ่ยถามภัครพิชัย


“ใช่แล้วครับ  ท่านชายน้ำ  นี่คือหม่อมรุ้งพราว แล้วก็หม่อมเจ้าชยาดล ”


“สวัสดีครับ”  น้ำไหว้สาสองคนตรงหน้าอย่างซื่อๆ และทำอะไรไม่ถูก เค้ากำลังคิดว่าเค้าไมได้ฝันไปใช่ไหม


“น้องน้ำ น้องชายของพี่”


  หม่อมเจ้าชยาดลเดินเข้าไปเกิดน้ำ ร่างบางตกใจมากแต่ทำอะไรไม่ถูกเลย ปล่อยให้หม่อมเจ้าชยาดลทรงโผลกอดอยู่ตรงนั้น

ท่ามกลางทุกคนยืนยิ้มอย่างมีความสุข เห็นทีงานนี้น้ำคงจะอารมณ์ตกใจอยู่คนเดียวแน่ๆ


“คุณชายครับ นี่มันเรื่องอะไรกันหรอครับ ผมงงไปหมดแล้ว” น้ำยังอยากรู้คำตอบอยู่อย่างนั้น


“อย่างงเลยนะ ท่านชายองค์เล็ก เดิมท่านชาย คือ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์ ประสูติแด่หม่อมพิมล กับ พระองค์เจ้าฉัตรอรุณ ฉันเป็น

แม่ของหม่อมเจ้าชยาดล พี่ชายองค์ท่านเอง” รุ้งพราวเดินเข้ามาลูบหัวน้ำเบาๆ แต่น้ำยังคงช็อคอยู่  กับเหตึการณ์ทั้งหมด


“ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมครับ” น้ำถามย้ำทุกคนอีกครั้ง และคำตอบก็คือทุกคนพยักหน้าหมด


“หมดเคราะห์หมดกรรมเสียทีนะ ท่านชาย คุณชายคะ แล้วนี่จะให้ท่านชายน้ำไปประทับที่วังฉัตรอรุณได้หรือไม่” หม่อมรุ้งพราว
หันไปถามภัครพิชัย


“สุดแล้วแต่ หม่อมเจ้านทีพิสุทธิ์เถอะครับ ” ภัครพิชัยกล่าวอย่างยินดี


“ว่ายังไงน้องพี่ นายอยากจะไปอยู่ที่วังไหม”


“วัง?”


“ใช่ วังของนาย ของพี่ และของแม่นาย กลับบ้านเราเถอะนะ” ท่านชายดลยังทรงชักชวนน้ำไม่เลิก


“ผม…”


     ทันใดนั้นที่ห้องโถงก็ปรากฏร่างของ ชื่น  เวทและลูกสองคน น้ำเห็นใบหน้าพวกเค้าแล้วดีใจมาก


“แม่! พ่อ! พี่!” น้ำตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ


“หม่อมรุ้งพราวเจ้าขา ชื่นเลี้ยงดูท่านชายอย่างเต็มที่แล้ว ต่อจากนี้ไปชื่นไม่ได้อยู่ดูแลท่านชายแล้วนะเจ้าคะ”


“ชื่น พูดอะไรอย่างนั้น เธอยังมาหาท่านชายน้ำได้ และขอบใจมาก ที่เลี้ยงดูท่านชายน้ำอย่างดี หม่อมพิมลที่อยู่บนฟ้า เห็นที
คงจะดีใจไม่ต่างจากฉันและเธอหรอกนะ”

“แม่ หมายความว่ายังไงครับ” น้ำเดินไปสะกิดแขนชื่นเบาๆ

“ท่านชายเจ้าคะ ชื่น เป็นคนใช้คนเก่าของหม่อมพิมล แม่แท้ๆของพระองค์เอง หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยที่ไมได้บอกท่าน
ชายเสียแต่ยังทรงจำความได้”


“ไม่จริงอ่ะแม่  แม่พูดอะไร  พ่อ พ่อตอบน้ำหน่อยสิว่านี่เรื่องอะไร ทำไมน้องต้องถูกรายล้อมและถูกปรณนิบัติแบบนี้”


“ท่านชาย กระหม่อมขอกล่าวกับท่านชายเอาไว้ว่าทั้งหมดนี้คือความจริงที่ท่านชายจะต้องทรงทราบ ท่านชายทรงลำบากกาย
และใจมามากแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปขอท่านชายมีความสุขและอยู่ในวัง   บ้านแห่งนั้น บ้านที่หม่อมพิมลและเสด็จพระองค์ชายทรงเคยประทับอยู่ที่นั่น”


“น้ำไม่อยากเป็นหม่อมเจ้า  น้ำไม่ไปไหนทั้งนั้นพ่อ แม่  พี่ตะวัน พี่ภูผา น้ำอยากกลับบ้านเรา”


       น้ำน้ำตาคลอเพราะสิ่งกำลังได้ครับ มันมากเกินไปที่เค้าจะรับได้ น้ำเกิดมาเท่าที่จำความได้คือ บ้านไม้หลังเล็กๆ ติดคลอง

โตมากับชุมชนหมูบ้านเล็กๆ ทุกคนรักกันเหมือนพี่น้อง แต่เพียงแค่ไม่กี่วันมานี้ น้ำก็ได้รับแต่เรื่องแปลกๆ และแปลกมากที่สุดคือ

การได้เป็นหม่อมเจ้า แห่งวังฉัตรอรุณ วังที่เค้าเคยเห็นเพียงครั้งเดียวแต่เป็นวังที่สวยงาม ในตอนนี้น้ำยังคิดเลยว่าอยากมีวังแบบ

นี้ อยากอยู่ในวัง แต่นั่นเพียงเพราะเค้าคิดว่ามันไม่จริง ถึงได้กล้าพูด แต่ครั้งนี้มันคือความจริงและน้ำต้องยอมรับมันให้ได้


“นี่ผมเป็นหม่อมเจ้าจริงๆหรอครับ” น้ำหันไปถามหม่อมรุ้งพราว เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้น้ำอย่างเอ็นดู

“นทีพิสุทธิ์น้องพี่ กลับวังของเราด้วยกันเถอะนะ พี่เชื่อว่าน้องต้องประทับใจ ไปพี่จะพาน้องเดินทั่ววังเอง”


“ท่านชายเพคะ ไม่ต้องห่วงทางนี้ หม่อมฉันและครอบครัวดุแลตัวเองได้ หากหม่อมฉันคิดถึงพระองค์ จะไปเยี่ยมที่วังนะเพคะ”
ชื่นยิ้มทั้งน้ำตา กุมมือน้ำไว้อย่างยินดี น้ำเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้หญิงที่เค้านับถือว่าเป็นแม่มาตลอดชีวิต และตอนนี้ก็ยังคง
นับถือและเคารพแบบนั้นอยู่เช่นเดิม


“ครับแม่ น้ำจะไม่ลืมแม่ พ่อ และพี่ทั้งสองคนเลยครับ”


           น้ำหันหน้าไปมองคุณชายภัครพิชัย ที่ยืนยิ้มน้ำตาคลอเช่นกัน น้ำแทบจะร้องไห้ตาม


“ขอบคุณคุณชายมากนะครับ ที่เอ็นดูและรักผมเห็นลูก ทั้งๆที่ผมก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กชนบทคนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ บุญคุณนี้ ผมจะ

ไม่มีวันลืมเลย”


“ไม่เป็นไรกระหม่อม   เพียงแค่ได้เห็นท่านชายทรงมีความสุขกระหม่อมก็ดีใจแล้ว ”


“พี่สงกรานต์ พี่ไพบูลย์ พี่กล้วยไม้ พี่ใบหลิว  น้ำจะมาหาบ่อยๆนะครับ”


“เพคะ/กระหม่อม” 


ทั้งสี่คนคำนับน้ำอีกครั้ง และยิ้มให้น้ำอย่างยินดี

“ไปกันเถอะจ้ะ ช้อย! พาท่านชายน้ำ  ประทับที่รถ”


“เจ้าค่ะ หม่อมรุ้งพราว   ท่านชายเชิญเสด็จทางนี้เลยเพคะ”


     ช้อยยิ้มและทำท่าทางเหมือนคนนำทางไปยังรถ  น้ำกอดชื่นและเวทอีกครั้ง  รวมทั้งหลายๆคนที่ยืนมองน้ำอย่างปลื้มใจ  น้ำ

ไหว้คุณชายแล้วเดินมายังประตูหน้าบ้านที่มีบริวาร 20 ชีวิตยืนรออยู่ ต่างคำนับน้ำกันทุกคน   ร่างบางพยายามทำใจยอมรับกับ

สถานะตัวเองที่เกิดขึ้นอยู่อย่างมาก  เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว


         ขบวนรถ 5 คัน ขับออกสู่ประตูรั้วบ้านแล้วหายลับไปกับตา คนของบ้านธำรงอาภรณ์นิชมองตามอย่างห่วงหาน้ำ หลังจากนี้

คงไม่มีอีกแล้ว เด็กน้อยที่ชื่อน้ำแสนดี แสนน่ารัก ภัครพิชัยเองก็เศร้าไม่แพ้กัน เค้ารับน้ำมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไม่ถึง 5 เดือน น้ำก็

ย้ายไปอยู่ที่วังเสียแล้ว




   น้ำอยู่ในรถนั่งตัวเกร็ง หม่อมรุ้งพราวเห็นแล้วก็ยิ้มขำท่าทีของน้ำ


“ท่านชายคะ นั่งเกร็งแบบนั้นเดี๋ยวก็ล้าวรกายหรอก ชายดล ดูน้องหน่อยลูก ”


“ครับหม่อมแม่  น้ำน้องพี่ ขยับตัวและปล่อยให้สบายๆ จะได้ไม่เหนื่อยนะ”


“ครับท่านชายดล” น้ำกล่าวอย่างเกร็งๆเพราะยังไม่ชิน


“ฮาๆ อะไรกัน เรียกพี่ว่า เจ้าพี่ สิ  ไหนลองเรียกสิ”


“เจ้าพี่!” น้ำเริ่มยิ้มออกเพราะเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น


   ไม่นานขบวนรถก็ขับมาถึงวังฉัตรอรุณ ตรงป้ายด้านหน้า น้ำตกใจเล็กน้อยถึงสัญลักษณ์อันใหญ่ด้านหน้าเค้า และไม่ลืมที่จะเอา

สร้อยที่ตัวเองมีอยู่ออกมาเทียบดู และคำตอบนั้นก็เป็นความจริง น้ำเริ่มจะประติดประต่ออะไรออกบ้างแล้ว


“เหมือนเลยใช่ไหม ” ท่านชายดลหันมาถามน้ำ ที่กำลังเทียบสัญลักษณ์ตรงหน้ากับที่อยู่บนสร้อย
เส้นนั้น

“ครับ เจ้าพี่” น้ำยิ้มให้ท่านชายดล


“วันนี้ พี่จะพาไปหาหม่อมบุหลัน และเจ้าพี่หญิงภา นะ”


“ผมมีเจ้าพี่อีกคนหรอครับ”


“อืมใช่ พี่สาวองค์โตเลยล่ะ ทั้งสวยและใจดี น้องพี่ต้องชอบแน่ๆ”


“ครับ”น้ำยิ้มให้ท่านชายดลอย่างอบอุ่น


           ขบวนรถขับไปจอดที่หน้าเรือนฝั่งซ้าย หรือเรือนของหม่อมรุ้งพราวนั่นเอง เพียงแค่น้ำเดินลงมาจากรถ น้ำรู้สึกดีใจและ

สดชื่นบอกไม่ถูก ภายในวังจะมีสักกี่คนที่ได้รู้ว่าข้างในมีอะไรบ้าง สวนหม่อม สวนดอกไม้ มากมาย หลายไร่ ต้นไม้น้อยใหญ่ น้ำ

รู้สึกทึ่งกับความงดงามมาก มองออกไปรอบนอก มีคนสวน 4 5คนกำลังตัดแต่งสวนหม่อมอย่างขันแข็ง  มองไกลออกไหอีก

หน่อย เป็นลานน้ำพุสวยงาม น้ำรู้สึกดีใจมากๆ


“เป็นไงบ้าง สวยไหมจะ” หม่อมรุ้งพราวเดินเข้ามาหาน้ำที่ทำท่าทียืนอึ้งอยู่นาน


“สวยครับหม่อมรุ้งพราว”


“เรียกหม่อมป้าสิจะ”


“ครับหม่อมป้า”


“ที่นี่เมื่อ 20 ปีก่อน หม่อมพิมลแม่ของเธอ ชอบสวนหม่อมและดอกไม้แบบนี้แหละ พวกเราสนิทกันมาก ตอนนั้น ชายดลยัง 10
ชันษาอยู่เลย และประทับที่ปารีสกับหญิงภา มาตั้งแต่เด็ก ”


“แล้วแม่ของผมเป็นอะไรถึงเสียชีวิตครับ” น้ำถามหม่อมรุ้งพราวเพราะอยากรู้  เธอได้แต่อึกอักเพราะไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน

“ฉันก็ไม่รู้จ้ะ มาทางนี้มา ป้ามีอะไรจะให้ดู รูปภาพเสด็จพระองค์และหม่อมพิมล มีหลายรูปเลยทีเดียว เผื่อน้ำอยากจะเห็นพระ
พักตร์ของเสด็จพ่อ และหน้าหม่อมแม่”


             หม่อมรุ้งพราว ชวนน้ำคุยเรื่องอื่น ซึ่งก็ได้ผลน้ำเลิกสนใจเรื่องการตายของแม่ตัวเอง และเดินตามหม่อมรุ้งพราวไปที่

เรือน  และเรือนเป็นเรือนหลังใหญ่น้ำไม่คิดเลยว่าจะใหญ่กว่าบ้านของคุณชายภัครพิชัยขนาดนี้ ดุภายนอกอาจจะเก่าไปหน่อย

แต่พอเข้ามาข้างในก็รู้เลยว่าที่นี่มีการปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา และสะอาดมากด้วย


             หม่อมรุ้งพราว เดินนำน้ำไปจนถึงห้องๆหนึ่งแล้วเธอก็เปิดเข้าไป ภายในห้องนั้นมีรูปภาพมากมายทั้งตั้งไว้ ปะฝาผนังไว้
มากมาย


“หม่อมพิมลแม่ของเธอ สวยมาก ดูรูปนั้นสิ รูปชุดราตรีสีน้ำเงินแวววาวถ่ายคู่กับเสด็จพ่อของเธอ”


         น้ำมองตามหม่อมรุ้งพราวไปที่ภาพแผ่นนั้น เป็นอย่างที่หม่อมป้าพูดจริงๆ แม่ของเค้าสวยมาก สมแล้วที่เป็นชายาของ
เสด็จพ่อ


“หม่อมแม่ สวยจริงๆครับ”


“รุ้อะไรไหม หม่อมพิมลมาเข้าฝันป้าเมื่อคืน เธอบอกป้าว่าขอบคุณที่ทำตามที่เธอขอ ป้าว่า หม่อมแม่ของเธอยังคงอยู่วนเวียน

ปกป้องเธออยู่ตลอดเวลานะน้ำ”


“อย่างนั้นหรอครับ ผมต้องขอบพระคุณหม่อมป้าอีกครั้งนะครับ”


“ไม่ต้องไหว้สาป้าบ่อยไป หรอก อย่าลืมสิว่าเธอเป็นหม่อมเจ้านะ”


“ครับ หม่อมป้า”


“เอาล่ะ น้องน้ำ พี่จะพานายไปเที่ยวชมทั่ววังเลย แต่ก่อนอื่นต้องไปเคารพพระศพของเสด็จพ่อและหม่อมพิมล หม่อมแม่ของ
น้องก่อนนะ”


“ครับ ผมพร้อมแล้วครับ”


“ไปกันเลยไป”





               ภายนอกเรือนของหม่อมรุ้งพราว  ขจี สาวใช้คนของเรือนใหญ่ หรือเรือนของหม่อมบุหลันมาทำลับๆล่อๆแถวๆหน้าสวน แต่ดีที่ช้อยคนของหม่อมรุ้งพราวเห็นเข้าพอดี


“ทำอะไรของมึงอีขจี”


“ว้าย ขวัญมา” ขจีตกใจเสียงที่ทักดังขึ้นมาจากข้างหลัง


“มึงมาทำอะไรลับล่อๆตั้งนานสองนาน”

“กูเปล่า กูก็แค่งงว่า หม่อมรุ้งพราวพาใครมาที่วัง ก็เท่านั้น” ขจีทำสีหน้าเชิด


“หม่อมรุ้งพราวจะพาใครมาที่เรือน มันเกี่ยวอะไรกับสาวใช้อย่างมึง กลับไปที่เรือนใหญ่ ถิ่นของมึงโน่นไป”


“ไม่ต้องไล่กูหรอก อีช้อย คอยดูนะเรื่องนี้ถึงหูหม่อมบุหลันแน่”


“คิดให้ดีนะ อีขจี มึงไปบอกหม่อมบุหลัน ทั้งๆที่มึงมาเดินเพ่นพ่านที่เรือนซ้าย แบบนี้ ใครมันจะชนะ กูก็อยากจะรู้เหมือนกัน”

“เออ กุไม่ฟ้องก็ได้  แต่อย่าคิดนะว่าครั้งนี้มึงชนะแล้วกูจะยอมมึง กูไปแล้ว”



           ขจีทำปากใส่ช้อยแล้วเดินกึ่งวิ่งไปที่เรือนใหญ่ ที่ตั้งไกลออกไป เกือบ 300 เมตร   ช้อยกับขจี ไม่ถูกกันตั้งแต่แรกเห็น

เพราะขจีมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องสาวใช้คนสวน ยันเรื่องเจ้านาย ช้อยไม่ค่อยจะชอบพอเสียเท่าไหร่นัก


          หม่อมเจ้าชยาดลพา น้ำมาไหว้พระศพของเสด็จพระองค์และหม่อมพิมลที่เรือนฝั่งขวา  ด้านข้างเรือนมีอัฐิอยู่สองฝั่ง น้ำ

ก้มกราบไหว้ เสด็จพ่อและหม่อมพิมล อย่างเศร้าใจ คงจะมีเพียงเค้าคนเดียวที่ไม่ทันจะเห็นหน้าทั้งสอง


“เสด็จพ่อ หม่อมอา ครับ ผมพาน้องชายองค์เล็กกลับมาที่วังของเราแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงหรือกังวลอีกต่อไปแล้ว น้องจะได้
อยู่ดี และมีความสุขที่วังแห่งนี้ บ้านแห่งนี้ครับ  น้ำกราบเร็ว”



“ครับ”


          น้ำก้มลงกราบอีกครั้ง ความเสียใจอาจจะมีไม่มาก เพราะความผูกพันนั้นน้ำไม่เคยได้รับ แต่น้ำก็ไม่ลืมพระคุณของบิดามารดาผู้ให้กำเนิดได้


“ไปชมรอบๆวังกัน”ท่านชายดล ชวนน้องชายทันที เหมือนพี่ชายกำลังเห่อน้องชาย


“ครับ เจ้าพี่”







           ที่บ้านของดุษฎี  ตอนนี้เขตกำลังอาวะวาดหนักมาก  เมื่อคืนเค้าพลาดท่าให้กับแอริน เธอมอมเหล้าเขตและจัดฉากว่ามีอะไรกัน ทั้งๆที่เค้าไม่ได้มีอะไรกับแอรินเลย และอีกอย่างแอรินดกหกเค้ามีป่วยหนักมากเรื่องนี้ดุษฎีก็ต้องรับผิดชอบด้วย


“คุณเขตๆ  ใจเย็นๆนะ ฟังน้องอธิบายก่อน” เสี่ยสิงพยายามพูดให้เขตใจเย็น


“คุณอาดูลูกของคุณอาก่อนนะครับ ทำแบบนี้มันดีที่ไหน จริงอยู่ที่ผมชอบแอริน แต่เพราะเธอทำแบบนี้ผมเองก็รับไมได้หรอกนะ
ครับ”

“พี่เขตๆๆ  อย่าเพิ่งกลับนะคะ  ฟังรินก่อน”


"ไม่ฟังครับริน สิ่งที่รินทำพี่ไม่ชอบเลยนะคะ ”


“พี่เขต รินสัญญารินจะไม่ทำอีก พี่เขตไม่โกรธรินนะ”

“ปล่อยครับริน พี่จะกลับไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไมคะ โรงพยาบาล”

“น้ำไม่สบาย พี่ต้องรีบไปหาน้ำแล้ว นี่ก็ทิ้งเค้าไว้คืนนึงแล้วนะ”

“อ๋อ ไอ้เด็กรับใช้ที่พี่เขตไม่ชอบหน้ามันนะหรอคะ ไม่ต้องไปหรอก อยู่กับรินก่อนนะ รินคิดถึงพี่เขตมากเลย”

“ริน พี่ออกให้ปล่อย”

“ไม่ปล่อยค่ะ รินไม่ให้พี่เขตไปไหมหรอก” แอรินกอดเขตแน่นกว่าเดิม เขตรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของแอรินขึ้นทุกทีทุกที


“คุณอาครับ พาแอรินออกจากผมเดี๋ยวนี้”


“ครับๆๆๆ  คุณเขต”

“ไม่  คุณพ่ออย่ามาทำให้เสียเรื่องสิคะ รินกำลังรั้งพี่เขตอยู่นะ คุณพ่อนี่ยังไงกันนะ รินไม่เข้าใจเลย”


“ริน พ่อว่าครั้งนี้พอก่อนไหมลูก พี่เขตเค้าโกรธจริงๆแล้วนะ”


“รินพี่บอกให้ปล่อย!”

                เขตตะวาดเสียงดังลั่นจนแอรินตกใจกลัว และปล่อยตัวไปในที่สุด  เขตหันมาเอาเรื่องกับแอรินสายตาดุดันน่ากลัว

ทำให้แอรินไม่กล้าเอาแต่ใจเลยแม้แต่น้อย


“จำไว้นะ แอริน ถ้ายังทำแบบนี้ และโกหกพี่แบบนี้ พี่จะไม่มายุ่งกับรินอีกแล้ว”


“พี่เขต รินรับปากค่ะ พี่เขตอย่าโกรธรินนะ รินขอโทษ รินให้พี่ไปโรงพยาบาลแล้วก็ได้ แต่อย่างโกรธรินนะ”


“คุณอาครับ ผมลาแล้วนะครับ  ครั้งนี้ให้คิดซะว่าเป็นบทเรียน ผมจะไม่เอาเรื่อง ผมเป็นทหาร เป็นพันเอก หม่อมหลวงภูธเนศ จะ

ทำอะไรเกรงใจผมด้วย”


“ครับๆคุณเขต ต้องขอโทษจริงๆนะครับ”


      เขตเดินออกมาจากห้องนอนของแอริน ทั้งๆที่ยังไมได้อาบน้ำ เขตรีบขับรถกลับไปที่โรงพยาบาลทันที เพราะไม่รู้ป่านนี้น้ำ

จะรอเค้าแล้วหรือเปล่า 


“น้ำรอก่อนนะพี่กำลังจะไปหาแล้ว”

           ดุษฎีและแอรินมองหน้ากันอย่างหงุดหงิด  แอรินยิ่งไม่ปลื้มในแผนของเค้ามากนัก เพราะนอกจากจะไมได้อะไรแล้ว ยังถูกเขตมองว่าทำตัวไม่ดีอีก


“คุณพ่อ ต่อไปนี้รินขอบายนะคะ พี่เขต น่ากลัวมาก วันนี้คุณพ่อก็เห็น ถึงรินจะคบพี่เขตไป วันดีคืนดีทำร้ายรินขึ้นมาแล้วรินจะทำ
ยังไง”


“เฮ้อ เบื่อโว้ย  ไม่มีอะไรที่ทำแล้วมันง่ายไปกว่านี้อีกแล้วหรอเนี่ย พ่อหมดหนทางแล้วจริงๆ สมบัติ เกียรติยศที่ควรจะได้ กลับไม
ได้”


“พอเถอะค่ะคุณพ่อ รินมีปัญหาหาแฟนได้อยู่แล้ว  เรื่องพี่เขต ปล่อยไปเถอะ รินไม่อยากยุ่งแล้ว”


“ไม่ได้ยังไงแกก็ต้อง จับคุณเขตให้อยู่หมัด พ่อไม่ยอมให้แกไปแต่งงานกับชายคนอื่นหรอก ไม่มีใครดีเท่าคุณเขตอีกแล้ว หน้าที่
การงาน สมบัติ  มันสำคัญ จำไว้แอริน”


               ดุษฎีชี้หน้าแอริน เพราะต้องการให้แอรินนั้นแต่งงานกับเขตให้ได้ไม่ว่าจะวิธีทางไหน หรือทางใดก็ตามที





        เขตขัยมาถึงโรงพยาบาลก็ตรงดิ่งขึ้นไปที่ห้องพักของน้ำทันที แต่กลับพบกับความว่างเปล่า มีเพียงพนักงานทำความสะอาดห้องเท่านั้น


“โทษนะครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนแล้ว”


“เห็นออกไปแต่เช้าแล้วค่ะ มีคนมารับกลับบ้าน”



“กลับบ้าน?”


“ใช่ค่ะ ตอนนี้ห้องนี้ว่างค่ะ ไม่มีใครอยู่”


“ขอบคุณมากครับ”




     เขตเดินออกมาจากห้องแล้วต่อสายไปที่บ้านตัวเองทันที


“สวัสดีครับ บ้านธำรงอาภรณ์นิชครับ ”


“สงกรานต์  ฉันเอง น้ำกลับบ้านแล้วหรอ”


“เอ่อ….คือ” 


“ว่ายังไง…จะได้คำตอบไหมเนี่ย ฮะ”


“กลับมาแล้ว แล้วก็ไปแล้วครับ”


“ไปแล้ว?  ไปไหน  สงกรานต์แกพูดให้มันจบๆหน่อยสิ”


“ไปวังฉัตรอรุณครับ คุณเขต”


“อะไรนะ ไปทำไม”


“คุณเขตรีบกลับบ้านเถอะครับ คุณชายรอบอกเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่”


“ได้ฉันจะรีบกลับเดี๋ยวนี้”


              เขตตัดสายแล้วทำสีหน้างุนงงก่อนจะรีบขับรถกลับบ้านทันที เรื่องนี้ทำไมสงกรานต์ต้องอึกอักให้น่ารำคาญด้วยนะ

เค้าไม่เข้าใจจริงๆ แล้วน้ำจะไปวังฉัตรอรุณทำไมกัน คุณพ่อพาไปอย่างนั้นหรือ ในตอนนี้เขตมีคำถามอยู่เต็มหัวไปหมด และ

กำลังหงุดหงิดกับเรื่องเมื่อคืนด้วย  แต่ตอนนี้ขอแค่เค้าได้เห็นหน้าน้ำก็พอ





มาแล้วๆๆๆ  ว้าวๆๆๆ ใกล้จบแล้วนะ อีกไม่ถึง 5 6 ตอนก็จะจบแล้ว ขอบคุณที่ตามอ่านน้า  แล้วเจอกันอีกในวันเสาร์อาทิตย์ ที่ 10-11 ตุลานะ 



 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
จะจบแล้วเหรอ ใจหายเลยอ่ะ ตอนหน้าหวังว่าคุณเขตคงจะไม่ช็อคไปก่อน

เมื่อรู้ความจริงว่าน้ำเป็นถึงหม่อมหลวงหรอกนะ แล้วคุณเขตจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด